(เสียงปรบมือ)
(ร้องเพลง) "แปลกบางเรื่องที่ทำ
อย่าปรักปรำว่ามันต้องเป็น
เรื่องที่ผิด
แม้คนทั่วไปอาจไม่คุ้นชิน
อย่าตัดสินว่ามันผิด
ขอร้อง
อย่ามาเสียเวลา
สนคนนินทา
รู้ทั้งรู้แต่
ฉันไม่ใช่ทุกอย่าง
อย่างที่คิด
รู้ทั้งรู้แต่
จะทำดีแค่ไหน
ก็คงหาว่าผิด
รู้ทั้งรู้แต่
ขอทำตามใจบางอย่าง
อย่างที่คิด
รู้ทั้งรู้แต่
สุดท้ายก็โดนใส่ร้ายหาว่าผิด"
สวัสดีค่ะ พัดค่ะ
(เสียงปรบมือ)
ก็ขอเริ่มกันตั้งแต่เรื่องแรกก็คือ
พัดเนี่ยเริ่มเข้าเรียน
ที่มหาวิทยาลัยกรุงเทพนะคะ
สาขาศิลปะการแสดงค่ะ
คณะนิเทศศาสตร์นะคะ
ซึ่งตัวเองเป็นคนชอบร้อง ชอบเต้น
ชอบแสดงอยู่แล้วตั้งแต่เด็กค่ะ
ก็เลยเลือกวิชานี้เป็นวิชาแรกที่
อยากเข้ามาเรียน
เพราะว่าอยากต่อยอดในสิ่งที่ตัวเองมี
เพราะว่าเรารู้สีกว่าเรามีต้นทุนตรงนี้ละ
ฉันอยากจะเก่งขึ้น ฉันก็เลยเข้ามหา'ลัย
แล้วก็ตั้งใจที่จะเรียนอันนี้ค่ะ
อยู่ในนี้มาประมาณ 4 ปีค่ะ
สอนเกี่ยวกับ Musical (ดนตรี)
สอนเกี่ยวกับการแสดงละครเวทีค่ะ
พัดมีโอกาสได้เล่นทั้งหมด
สี่สิบกว่าเรื่องค่ะ
คือขวนขวายมากที่จะอยากเล่นค่ะ
จนเป็นตัวจบเป็นตัวนึงที่ต้องเลือกเป็น
Thesis (วิทยานิพนธ์) ตัวนึงค่ะ
เป็นเรื่อง Hedwig and the Angry Inch
เราได้มีโอกาสเล่นเรื่องนี้นะคะ
เรื่องนี้เป็นเรื่องเกี่ยวกับ LGBT ค่ะ
เกี่ยวกับเพศสภาพ
แล้วก็เป็นเรื่องที่ พัดพูดได้เลยว่า
มันสอนพัดในเรื่องของ
เพศที่
เราไม่ได้พูดถึงเพศ แต่เราพูดถึง
ความที่เราเป็นมนุษย์
แล้วเรามองหาความสมบูรณ์แบบ
ของความเป็นมนุษย์
ในแบบที่เราเป็นค่ะ
ไม่จำเป็นว่าต้องเป็นคนแบบไหน
ไม่จำเป็นว่าจะต้องเพศไหน
ไม่จำเป็นว่าเราจะต้องคู่แบบไหน
นี่คือเรื่องนี้ที่เป็นตัวจบของพัด
หลังจากนั้นมา พัดก็มีโอกาสได้ไปทำงาน
เป็นครีเอทีฟบ้าง แล้วก็เป็นโปรดิวเซอร์บ้าง
แต่ว่ามีงานนึงที่พัดมีโอกาสได้
เค้าเรียกว่า
สนุกกับมัน
คือเป็น choreographer คือผู้ออกแบบท่า
คือเราก็สามารถเต้นได้ด้วย
ร้องได้ด้วย ครบครันเลยใช่มั้ยคะ
ก็ไปออกแบบท่าระบำใต้น้ำค่ะ
ที่โอเชียนเวิลด์
อันนี้ท้าทายอย่างนึงคือ
อะไร อยู่ดี ๆ เป็นนักแสดง แล้วก็ไปออกแบบ
ท่าระบำใต้น้ำที่โอเชียนเวิลด์
คือด้วยความที่เราสามารถมองภาพได้ว่า
เราเห็นตรงนี้ว่าอยากเป็น
อย่างงี้ อย่างงี้ อย่างงี้
แล้ว target (กลุ่มเป้าหมาย)
ที่นั่นจะเป็นเด็ก ๆ เข้าใจมั้ยคะ
ที่โอเชียนเวิลด์ จะเด็ก ๆ มาก
คุณพ่อคุณแม่ก็จะพามาดูงู้นนี้
สวยจังเลย อะไรอย่างนี้ใช่มั้ยคะ
พัดก็มีโอกาสไป แล้วก็ออกแบบท่า
ก็คิดไปแล้วว่าจะเป็นอย่างนี้ อย่างนี้
แต่ด้วยความที่
มันมีอะไรบางอย่างที่เรารู้สึก
ว่าเราเป็นเด็กกบฎอย่างหนึ่งค่ะ
คือรู้สึกว่าเราอยากให้
entertainment (ความบันเทิง) อย่างหนึ่ง
ที่เราสร้างมันขึ้นมา
มันสอดแทรกอะไรไปด้วยค่ะ
พัดก็เลย มันมีท่านึงค่ะ
มันเป็นท่าของคนคู่กันแล้วก็เป็นอย่างนี้ค่ะ
เอาขามาต่อกัน แล้วก็เป็นคนลอดมาอีกทีนึง
จะเป็นหว่างขาตรงนั้นพอดี
แล้วก็พ่นน้ำออกมา
คือตรงนั้นก็พูดถึงเรื่อง sex นิดนึงนะคะ
ด้วยความที่แบบ
นะ เป็นเด็กใช่มะ
เด็กน่ารักมากใช่มั้ย
อ่ะลองสอดแทรกเข้าไปตรงนี้
เพราะเรารู้สึกว่าจริง ๆ แล้ว อะไรเหล่านี้
มันสามารถอยู่ในศิลปะที่มันสวยได้ค่ะ
มันไม่จำเป็นที่จะบอกว่า
เรื่องเพศแล้วมันจะต้องน่ากลัวและมันต้องปิดบัง
แล้วก็มีคุณแม่คนนึงเค้าปิดหน้าเด็กเอาไว้
หนูอย่าดูนะลูก อะไรอย่างนี้ค่ะ
พัดก็ไม่รู้เหมือนกันค่ะว่าพัดทำอะไรไป
แต่ก็รู้สึก
ขอโทษนะคะ... แอบสะใจนิดนึง
ค่ะ หลังจากนั้นมา
ก็ได้มีโอกาสเป็นตัวเองมากขึ้น
เพราะรู้สึกว่าเราสนุกกับตรงนี้
แล้วในงาน entertainment (บันเทิง) ที่เราทำ
ศิลปะที่เราทำ
แล้วได้เป็นตัวเอง
เราได้สอดแทรกความตรงนี้ไป
ก็ได้มีโอกาสทำ band
คือเป็นป็นวงดนตรีอะค่ะ
มีวงดนตรีขึ้นมาจากการที่เราเล่นละครเวที
แล้วเราก็ได้เจอ back up ต่าง ๆ สร้างขึ้นมา
มีโอกาสได้เขียนเพลงเอง
มีโอกาสได้เป็นตัวเอง
ได้อยู่ในดนตรีที่เราชอบ
เพลงเมื่อซักครู่นี่ชื่อเพลงว่า "คนบาป"
ที่พัดร้องไปค่ะ
เป็นเพลงที่พูดถึงว่า
ทำไมคนเราต้อง judge (ตัดสิน) คน
ตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอ
ทำไมคุณแค่สักเต็มตัว ออกมาจากบ้าน
ตำรวจเรียกแล้ว มา มา มา
นี่ เราอ่ะ เล่นยาใช่มั้ย อะไรอย่างนี้ค่ะ
คือมันไม่ใช่ ถูกต้องมั้ยคะ
แล้วก็เรารู้สึกว่า
คนทุกคนไม่ควร judge (ตัดสิน) กันแค่ตรงนี้
เราก็เลยใช้ดนตรีของเราสอดแทรกตรงนี้เข้าไป
ค่ะ มันก็เป็นโอกาสนึง
ที่พัดได้เริ่มเป็นตัวเอง
แต่ว่าสิ่งที่มากไปกว่านั้น
สิ่งที่ทุกวันนี้ เป็นนักร้อง
แล้วก็พยายามทำสิ่งเหล่านี้ขึ้น
พยายามรู้จักตัวเอง
พยายามให้คุณค่าตรงนี้มันมากขึ้น
เพราะมันมี
ขอย้อนกลับไปตอนที่จบมหา'ลัยใหม่ ๆ
ก็ทำงาน เป็นครีเอทีฟ
หลังจากนั้นมาครับ
พัดก็รู้สึกว่าร่างกายไม่รู้เป็นอะไรฮะ
อ่อนเพลีย
ที่บ้านก็เป็นอะไร ทำไมตาเหลืองจัง
ที่บ้านพาไปโรงพยาบาล ไปเช็ค
คุณหมอก็เช็คนู่น เช็คนี่ ประมาณซัก 3-4 วัน
สิ่งนึงที่มันเปลี่ยนชีวิตไปมาก ๆ คือ
คำพูดจากคุณหมอ
ที่เค้าบอกว่า
หนูคะ
หนูเป็นลูคีเมียค่ะ
เป็นมะเร็งเม็ดเลือด
ทุกคนทราบมั้ยคะว่าแบบ
ตอนนั้นคือ
มันเหมือนถูกสูบไปหมดทุกอย่าง
จากชีวิตที่เรามีความฝันมา
ว่าจบมาฉันอยากทำนู่น ฉันอยากทำนี่
ฉันไฟแรงมาก
ตอนนั้นทำอะไรไม่ถูก
มันเหมือน
คนที่อยากจะพุ่งออกไปข้างนอกแล้วมัน
โดนสูบมาให้จมไปกับดินค่ะ
ได้แต่ร้องไห้แล้ววิ่งออกไป
มันเหมือนฉากละครนิดนึงนะคะ
วิ่งออกไป
ออกไปข้างระเบียง ตรงห้อง
แล้วก็
ขอโทษครับ
ได้แต่ think (คิด)
เป็นเหี้ยอะไรเนี่ย นี่คืออะไร
ไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรกับเราในตอนนั้น
ก็ได้แต่ฟูมฟาย
แต่ว่า think (คิด) ได้ซักพักนึงก็รู้สีกว่า
เฮ้ย มันโชคดีมากเลยค่ะ
เหมือนมันเป็นอัตโนมัติ thinking (คิด) ว่าแบบ
เฮ้ย เราก็อยู่กับน้องมะเร็งไปสิ
ก็อยู่กับมัน แล้วทำความรู้จักเขาสิ
ก็ได้เรียนรู้ตัวเองจากการเป็นมะเร็งค่ะ
ก็ได้อยู่กับเค้า
ต้องรักษาอยู่ในโรงพยาบาล 4 เดือน
อยู่ในห้องห้องนึง ห้ามออกไปไหนค่ะ
ด้วยเม็ดเลือดขาวที่มันห้ามต่ำใช่มั้ยคะ
พัดก็อยู่ตรงนั้นไป
แต่ว่าด้วยความที่ เรารู้สีกว่าเรา
บทเรียนนี้มันกำลังสอนอะไรเราอยู่
มันกำลังบอกว่า
คุณต้องเรียนรู้อะไรบางอย่างก่อน
มันทำให้พัดรู้สีกว่า
ทุกวันแต่ละครั้งที่ตื่นมา
คุณรู้มั้ยคะ พัดไม่เคยต้องรู้สีกเสียใจไป
พอมันคิดได้ พอมันแบบ
Bright (สว่าง) ขึ้นมาแล้วแบบ
Enlightenment (เห็นแจ้ง) ขึ้นปุ๊บ
แล้วก็รู้สีกว่า
มัน enjoy ก้บชีวิตต่อได้ค่ะ
รู้สีกว่าร่างกายเจ็บค่ะ
ต้องให้คีโมทุกวันเลยค่ะ
ผมร่วง อุจจาระแข็ง
อะไรอย่างนี้ค่ะ
แต่หัวใจมันเบิกบานมากเลยค่ะ
พัดทำนู่นทำนี่ เขียนนู่นเขียนนี่ในห้องนั้น
สนิทกับคุณหมอ สนุกสนาน
คุณหมอวัลภา เป็นคนรักษาให้
แล้วก็อยู่ในนั้นจน(กระทั่ง)
วันนึง พอเรารู้สีกว่าเราต่อสู้กับมันได้
คุณหมอมีเมสเสจมาให้บอกว่า
เซลล์มะเร็งตอนนี้เหลือ 0.01 แล้วนะ
โห
คือมัน
มันเหมือนแบบ
เอ้า ลูกขึ้นมาอีกรอบนึงแล้ว
ได้ออกจากห้องที่เราได้พัก
เพื่อไปรักษาข้างล่างที่เป็นห้องรวม ๆ
อะไรอย่างนี้นะครับ
ก็ไปเจออีกครั้งนึง
กับคนที่เป็นมะเร็งเช่นเดียวกัน
ซึ่งเป็นระยะสุดท้าย
ตอนนั้นพอเรามีหัวใจฮึกเหิมขึ้นมา
เราก็ได้แค่มองหน้าเค้า
เรารู้ว่าคำพูดว่า "สู้ ๆ นะ"
อะไรอย่างงี้ ไม่จำเป็นแล้วค่ะ
เราได้แค่เดินไปจับมือเค้า
เป็นเพื่อนเค้า
พัดรู้สึกเลยค่ะว่า
เค้ารับพลังความรักตรงนี้จากเราได้
เรารู้สึกว่า ฉันจะรอดแล้ว
ไม่รู้จะรอดจริงหรือเปล่า แต่ฉันจะรอดแล้ว
ก็ให้ความรักกับเค้า
แล้วเค้าก็
ก็ดีค่ะ
ก็ได้เจอกัน ได้คุยกัน
ประมาณไม่กี่วันน่ะค่ะ
คุณแม่ก็ได้โทรมา คุณแม่ของเค้า
บอก มาหาเค้าหน่อย เค้ากำลังจะไปแล้ว
พัดก็ อะไรอีกเนี่ย
แล่วก็ไปหาเค้าที่ห้องที่จะเตรียมน่ะค่ะ
ภาพแรกที่เจอคือ
เค้านอนนอนอยู่บนเตียงท่านี่ค่ะ
เลือดก็ไหลตามรูขุมขนบ้าง
แต่สิ่งที่มันพิเศษมากเลยทุกคน
มุมปากเค้า เขยิบขึ้นให้พัดนิดนึง
พอเวลาเค้าเห็นพัด
เค้าพยายามจะบอกว่า
ขอบคุณนะ ขอบคุณนะ ประมาณนี้ค่ะ
ไม่รู้คิดไปเองหรือเปล่า
แต่เรารู้สึกว่ามันเป็นพลังที่ดี
พัดเดินเข้าไปหาเค้าแล้วจับมือ
"พี่ พัดไม่รู้จะพูดอะไรหรอก
พัดไม่รู้ว่าข้างหน้าเป็นยังไง
แต่ขอบคุณมากเลยที่โลกนี้ทำให้เราได้เจอกัน
แม้วันนี้จะมันเป็นวันสุดท้าย
แต่พัดเชื่อว่ามันไม่ใช่วันสุดท้าย
ที่เราจะได้เจอกัน"
หลังจากนั้นมา
ก็โอเค ผ่านไปค่ะ
สิ่งนั้นมันยังไม่จบค่ะ
สิ่งนึงที่มันพีคมาก ๆ สำหรับตัวเองก็คือ
พอทุกอย่างโอเคขึ้น
พัดก็มีโอกาสได้
ที่บ้านก็เริ่มรู้สึกว่าพัดพร้อม
ที่จะออกมาเจอโลกภายนอก
ที่บ้านได้บอกข่าวอีกข่าวนึงก็คือ
"พัด ทำใจดี ๆ นะ"
"เอาอีกแล้วเหรอวะ
ทำใจอะไรนักหนาเนี่ย"
"แม่แกเป็นมะเร็งขั้นสุดท้าย"
ใช่ค่ะ... พัง
มันเหมือนแบบ เราเข้าใจแล้วว่า
ทำไมเค้าหายไปนาน ทำไมเค้าไม่มาเยี่ยมเรา
เค้าก็บอกว่า แกต้องไปเยี่ยมเค้าแล้วหล่ะ
พัดก็มีโอกาสได้ไปหาเค้า
แล้วก็
ไปดูแลเค้า
เป็น 16 วันสุดท้ายที่พัดได้ดูแล
ได้ทำทุกอย่าง ได้ล้างนู่นล้างนี่
ได้อยู่กับเค้า
แต่ใจนึงเราก็รู้สึกเหมือนกันว่า
ทำไมเรามีเวลา
ตอบแทนพระคุณเค้าได้น้อยขนาดนี้
หลังจากนั้นเค้าก็ได้จากพัดไป
สิ่งนึงที่ครอบครัวได้บอก
หลังจากที่เค้าจากไปก็คือ
พัด มีอย่างนึงที่อยากบอกมาก ๆ
อะไรอย่างนี้ค่ะ
แม่แกอ่ะ
ไปบนไว้ที่ศาล
ไม่ได้ไปบนหรอก ก็ไปวัด ไปสิ่งศักดิ์สิทธิ์
ไปหาสิ่งศักดิ์สิทธิ์แล้วก็บอกว่า
หลวงพ่อคะ
เราสองคนเป็นมะเร็ง
จะตายเหมือนกัน
เอาแม่ไปเหอะ อย่าเอาลูกไปเลย
นี่มันคือ แบบ
คำพูดที่เรารู้สีกว่า
เป็นความรักจังเลย
มันทำให้
มันทำให้พัดรู้สึกว่า
เราต้องหายสิ เราไม่เชื่อว่าเราจะต้องตาย
แล้วเราต้องทำอะไรต่อ อะไรอย่างงี้ค่ะ
จนถึงทุกวันนี้ พอมันมีวงดนตรี
พอได้เขียนเพลง
พัดก็เลยมีโอกาสได้เขียน
พัดไม่รู้ว่าจะตอบแทนเค้ายังไง แต่ว่า
ก็เลยพยายามเขียนเพลงเพลงนึงเพื่อให้เค้า
ให้เค้ารู้ว่า
เลือดเนื้อเชื้อไขที่คุณสร้างอยู่ตอนนี้
กำลังทำอะไรบางอย่าง เพื่อจะบอกคุณว่า
เราไม่หยุด เราไม่ได้ยืนแค่เท่านี้
เราไม่ได้ให้คุณต่อยอดแค่เท่านี้
เรากำลังต่อยอดสิ่งที่คุณให้เรามา
พัดได้มีโอกาสเขียนเพลงเพลงนึง
ชื่อเพลงว่า "ชนุดม" ชื่อเดียวกับพัดเอง
เป็นเพลงที่ทุกครั้งที่พัดเล่นคอนเสิร์ต
จะอยู่ในลิสต์สุดท้ายตลอดเลยค่ะ
แล้วทุกครั้งที่ร้องเพลงนี้คือ
ไม่เคยเหมือนกันทุกครั้งเลยค่ะ
เพราะว่าทุกครั้งที่ร้องจะรู้สึกว่า
เค้ายืนอยู่ตรงนี้ตลอดเลย
หัวใจมันพองโตตลอดที่ได้ร้องเพลงนี้
เพราะเรารุ้สีกว่า
เค้าต้องภูมิใจกับเราแน่ ๆ เลย
เพลงนี้ชื่อเพลง "ชนุดม"
ขอบคุณทุกคนที่ให้พัดได้กระจายความรัก
ที่แม่ส่งให้พัด
พัดส่งให้ทุก ๆ คนนะครับ
อยากให้ทุกคนลองฟังเพลงนี้ค่ะ
เพลงชนุดมค่ะ
(เสียงปรบมือ)
(ร้องเพลง)
ความผูกพันที่มันเคยเกิดขึ้นกับฉัน
เหตุการณ์และความทรงจำ
ที่มันคอยตอกและย้ำ
ผ่านมาให้รู้ว่ามันยังมีความหมาย
แววตาและสัมผัสนั้น
ที่ยังรู้สึกขึ้นกับฉัน
เหตุการณ์และความทรงจำ
เป็นเครื่องพิสูจน์ว่าตัวฉัน
ได้ผ่านความรักไม่เคยจืดจางหาย
ตลอดเวลาที่เราได้รู้จักกันไม่นาน
แต่เป็นเส้นทางที่เราได้รู้ว่าเรายังมีใคร
ที่มอบความรักและทำให้รู้ว่ามันดีแค่ไหน
ทุกอย่างมันอาจจะสายไป
แม้ครั้งสุดท้ายที่มีเธอ
(เสียงปรบมือ)