WEBVTT 00:00:00.904 --> 00:00:02.183 ฉันเคยคิดว่า 00:00:02.207 --> 00:00:05.941 เราเกิดมา เพื่อที่จะหาความสุขในชีวิตเป็นหลัก 00:00:06.680 --> 00:00:10.064 ทุกคนบอกว่า ความสำเร็จนำมาซึ่งความสุข 00:00:10.088 --> 00:00:12.586 ฉันจึงพยายามหางานดี ๆ ทำ 00:00:12.610 --> 00:00:15.641 หาแฟนที่แสนน่ารัก หาอพาร์ทเมนต์ที่สวยหรู 00:00:16.998 --> 00:00:19.996 แต่ถึงมีสิ่งเหล่านี้แล้ว ฉันก็ไม่ได้รู้สึกพึงพอใจเลย 00:00:20.020 --> 00:00:22.624 ฉันกลับรู้สึกกังวล เคว้งคว้าง 00:00:23.195 --> 00:00:27.204 และฉันไม่ได้รู้สึกแบบนี้คนเดียวด้วย เพื่อนหลายคนก็รู้สึกแย่พอกัน NOTE Paragraph 00:00:28.720 --> 00:00:32.989 ในที่สุด ฉันจึงตัดสินใจไปเรียนต่อโท ด้านจิตวิทยาเชิงบวก 00:00:33.013 --> 00:00:36.233 เพื่อจะได้รู้ว่า อะไรทำให้คนเรา มีความสุขจริง ๆ 00:00:36.971 --> 00:00:39.627 แต่ฉันได้พบ เป็นสิ่งที่เปลี่ยนชีวิตของฉันเอง 00:00:40.452 --> 00:00:45.062 มีข้อมูลชี้ว่า การวิ่งไล่หาความสุข อาจทำให้เราเป็นทุกข์ 00:00:45.967 --> 00:00:48.224 เรื่องที่ทำฉันอึ้งมากก็คือ 00:00:49.058 --> 00:00:51.845 อัตราการฆ่าตัวตายเพิ่มสูงขึ้นทั่วโลก 00:00:51.869 --> 00:00:54.960 ในอเมริกา ไม่นานมานี้ ตัวเลขขึ้นสูงสุดในรอบ 30 ปี 00:00:55.753 --> 00:00:58.516 แม้ว่าความเป็นอยู่ของคนเราจะดีขึ้นจริง ๆ 00:00:58.540 --> 00:01:01.230 ถ้าดูจากตัวชี้วัดต่าง ๆ 00:01:01.254 --> 00:01:03.453 แต่กลับมีคนที่รู้สึกสิ้นหวังมากขึ้น 00:01:03.477 --> 00:01:05.602 ทั้งซึมเศร้าและอ้างว้าง 00:01:06.214 --> 00:01:09.027 ความเปล่าเปลี่ยวกำลังกัดกินจิตใจผู้คน 00:01:09.051 --> 00:01:12.321 คุณก็รู้สึกได้ โดยไม่ต้องเป็นโรคซึมเศร้า 00:01:12.345 --> 00:01:15.245 ถึงจุดหนึ่ง เราทุกคนจะสงสัยว่า 00:01:15.784 --> 00:01:18.016 ชีวิตมีแค่นี้เองหรือ 00:01:19.167 --> 00:01:22.373 งานวิจัยบอกว่า สิ่งที่ทำนายความรู้สึกสิ้นหวัง 00:01:22.397 --> 00:01:24.224 ไม่ใช่การขาดความสุข 00:01:24.248 --> 00:01:26.090 แต่เป็นการขาดเรื่องอื่น 00:01:26.817 --> 00:01:29.755 นั่นคือ ขาดความหมายในชีวิต NOTE Paragraph 00:01:30.962 --> 00:01:33.355 ฉันเลยถามตัวเองว่า 00:01:33.855 --> 00:01:36.454 มีอะไรที่สำคัญต่อชีวิต มากกว่าความสุขหรือ 00:01:37.216 --> 00:01:39.639 อะไรคือความแตกต่างระหว่างความสุข 00:01:39.663 --> 00:01:41.554 กับการมีความหมายในชีวิต 00:01:42.879 --> 00:01:47.479 นักจิตวิทยาบอกว่า ความสุขคือ ความรู้สึกที่สบายผ่อนคลาย 00:01:47.503 --> 00:01:49.392 เมื่อมีความสุข เราจะรู้สึกดี 00:01:50.098 --> 00:01:51.756 แต่ความหมายเป็นอะไรที่ลึกซึ้งกว่านั้น 00:01:52.278 --> 00:01:54.842 มาร์ติน เซลิกแมน นักจิตวิทยาชื่อดังบอกว่า 00:01:54.866 --> 00:01:59.513 ความหมายมาจากการเป็นส่วนหนึ่งของสิ่ง ที่ยิ่งใหญ่กว่าตัวเรา และรับใช้สิ่งนั้น 00:01:59.537 --> 00:02:02.220 และยังมาจากการพัฒนาตัวเองให้เก่ง 00:02:03.617 --> 00:02:06.212 เราอยู่ในวัฒนธรรมที่หมกมุ่น กับการหาความสุข 00:02:06.236 --> 00:02:10.343 แต่ฉันรู้แล้วว่า การหาความหมาย เป็นหนทางที่น่าพึงพอใจมากกว่า 00:02:10.367 --> 00:02:13.296 และผลจากการศึกษาพบว่า คนที่มีชีวิตที่มีความหมาย 00:02:13.320 --> 00:02:14.730 เมื่อล้มแล้วจะลุกได้ง่ายกว่า 00:02:14.754 --> 00:02:17.311 พวกเขาประสบความสำเร็จในการเรียน และการทำงานมากกว่า 00:02:17.335 --> 00:02:18.942 และยังมีอายุยืนยาวกว่าด้วย NOTE Paragraph 00:02:19.985 --> 00:02:22.006 ฉันจึงสงสัยว่า 00:02:22.030 --> 00:02:24.504 แล้วเราจะมีชีวิต อย่างมีความหมายมากขึ้นได้อย่างไร 00:02:25.980 --> 00:02:29.658 ฉันใช้เวลา 5 ปี เพื่อสัมภาษณ์ผู้คนหลายร้อยคน 00:02:29.682 --> 00:02:32.583 อ่านหนังสือหลายพันหน้า ทั้งจิตวิทยา 00:02:32.607 --> 00:02:34.708 ประสาทวิทยา และปรัชญา 00:02:35.366 --> 00:02:37.155 พอรวบรวมสิ่งเหล่านี้เพื่อหาข้อสรุป 00:02:37.179 --> 00:02:42.520 ฉันพบว่า มีสิ่งที่ฉันเรียกว่า 4 เสาหลักของชีวิตที่มีความหมาย 00:02:42.544 --> 00:02:44.978 และเราทุกคนก็สามารถ สร้างชีวิตที่มีความหมายได้ 00:02:45.002 --> 00:02:48.351 โดยการสร้างเสาพวกนี้ขึ้นมาในชีวิต จะแค่บางเสา หรือทุกเสาก็ได้ 00:02:49.428 --> 00:02:51.616 เสาต้นแรกคือ การเป็นส่วนหนึ่งของบางอย่าง 00:02:52.378 --> 00:02:54.685 การเป็นส่วนหนึ่งมาจาก สร้างความสัมพันธ์ระหว่างกัน 00:02:54.709 --> 00:02:57.414 ในแบบที่ทำให้เรารู้สึกมีค่า จากสิ่งที่เรามีอยู่ข้างในตัว 00:02:57.438 --> 00:02:59.551 และเห็นค่าของคนอื่นในแบบที่เขาเป็น 00:03:00.218 --> 00:03:04.908 แต่บางกลุ่มบางความสัมพันธ์ก็ให้ ความเป็นส่วนหนึ่งแบบด้วยคุณภาพกับเรา 00:03:04.932 --> 00:03:06.825 คือ คุณจะมีค่ากับเขาเพราะคุณเชื่อตามเขา 00:03:06.849 --> 00:03:08.095 เกลียดอะไรเหมือนเขา 00:03:08.119 --> 00:03:09.664 ไม่ใช่จากสิ่งที่คุณเป็น 00:03:10.420 --> 00:03:13.203 การเป็นส่วนหนึ่งที่แท้จริง ต้องมาจากความรัก 00:03:13.227 --> 00:03:16.212 มันเป็นความรู้สึกที่เกิดขึ้น ระหว่างคนกับคนด้วยกัน 00:03:16.236 --> 00:03:20.081 และเป็นสิ่งที่เราเลือกเองว่า จะเป็นส่วนหนึ่งกับอะไร NOTE Paragraph 00:03:20.661 --> 00:03:22.268 ตัวอย่างอันหนึ่งคือ 00:03:22.292 --> 00:03:25.847 ฉันมีเพื่อนชื่อโจนาธาน ทุกเช้าเขาจะซื้อหนังสือพิมพ์ 00:03:25.871 --> 00:03:28.089 จากร้านเจ้าประจำริมถนนในนิวยอร์ค 00:03:28.502 --> 00:03:30.782 ระหว่างเขากับเจ้าของร้าน ไม่ใช่แค่ซื้อของขายของให้กัน 00:03:30.806 --> 00:03:33.489 แต่พวกเขาทักทาย พูดคุยกัน 00:03:33.513 --> 00:03:35.419 เหมือนเป็นเพื่อนกัน 00:03:36.038 --> 00:03:39.432 เช้าวันหนึ่ง โจนาธานไม่มีแบงค์ย่อย 00:03:39.456 --> 00:03:40.676 เจ้าของร้านบอกว่า 00:03:40.700 --> 00:03:42.220 “ไม่เป็นไร เงินเล็กน้อย” 00:03:42.244 --> 00:03:44.731 แต่โจนาธานยืนยันที่จะจ่าย 00:03:44.755 --> 00:03:47.767 เขาจึงเดินไปที่ร้านขายของ ซื้ออะไรบางอย่างที่ไม่จำเป้น 00:03:47.791 --> 00:03:49.252 เพื่อให้ได้เศษเหรียญมาจ่าย 00:03:49.992 --> 00:03:52.615 แต่พอเขายื่นเงินให้กับเจ้าของร้าน 00:03:52.639 --> 00:03:54.161 เจ้าของร้านผงะถอยหลัง 00:03:54.820 --> 00:03:56.098 เพราะเขารู้สึกเสียใจ 00:03:56.715 --> 00:03:58.564 เขาพยายามแสดงน้ำใจ 00:03:58.588 --> 00:04:00.835 แต่โจนาธานกลับปฏิเสธน้ำใจเขา NOTE Paragraph 00:04:02.113 --> 00:04:06.264 ฉันคิดว่า เราทุกคนปฏิเสธคนอื่น ในเรื่องเล็กน้อยอย่างนี้โดยไม่รู้ตัว 00:04:06.288 --> 00:04:07.486 ฉันเองก็ทำ 00:04:07.510 --> 00:04:10.573 บางครั้งเดินผ่านคนที่รู้จัก แต่แกล้งทำเป็นไม่เห็น 00:04:10.597 --> 00:04:13.244 หรือเล่นโทรศัพท์ ขณะที่ใครกำลังคุยกับฉันอยู่ 00:04:13.678 --> 00:04:15.607 การทำแบบนี้เท่ากับไม่เห็นค่าของคนอื่น 00:04:15.631 --> 00:04:18.384 ทำให้พวกเขารู้สึกไร้ตัวตน ไร้ค่า 00:04:19.130 --> 00:04:21.882 แต่ถ้าคุณทำอะไรด้วยความรัก ก็จะสร้างความสัมพันธ์ 00:04:21.906 --> 00:04:23.578 ที่ทำให้ทั้งสองคนรู้สึกดีขึ้น NOTE Paragraph 00:04:25.030 --> 00:04:28.658 สำหรับใครหลายคน การเป็นส่วนหนึ่ง เป็นที่มาของความหมายในชีวิต 00:04:28.682 --> 00:04:30.680 เช่น กับครอบครัว กับเพื่อนฝูง 00:04:31.176 --> 00:04:35.181 แต่สำหรับบางคน ความหมายที่สำคัญของชีวิต อยู่ที่เสาต้นที่สอง นั่นคือ จุดมุ่งหมาย 00:04:35.844 --> 00:04:38.759 การค้นหาจุดมุ่งหมายนี้ไม่เหมือนกับ 00:04:38.783 --> 00:04:41.031 การหางานที่จะทำให้คุณมีความสุข 00:04:41.520 --> 00:04:44.979 จุดประสงค์เป็นเรื่องที่คุณเป็นฝ่ายให้ มากกว่าเป็นฝ่ายรับ 00:04:45.003 --> 00:04:49.491 เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลคนหนึ่งบอกฉันว่า จุดประสงค์ของเธอคือ เยียวยาคนป่วย 00:04:49.515 --> 00:04:51.226 พ่อแม่หลายคนบอกว่า 00:04:51.250 --> 00:04:53.186 “จุดประสงค์ของฉันคือ เลี้ยงดูลูก ๆ จนโต“ 00:04:53.527 --> 00:04:57.571 หัวใจสำคัญของจุดมุ่งหมายคือ ใช้จุดแข็งของคุณเพื่อช่วยเหลือผู้อื่น 00:04:58.381 --> 00:05:01.889 สำหรับพวกเราหลายคน นั่นย่อมหมายถึงการทำงาน 00:05:01.913 --> 00:05:04.892 มันเป็นวิธีทำตัวให้เป็นประโยชน์ และรู้สึกมีคนต้องการเรา 00:05:04.916 --> 00:05:08.776 แต่นั่นก็ยังแปลได้ว่า ปัญหาต่าง ๆ อย่างเช่นการไม่สนใจทำงาน 00:05:08.800 --> 00:05:10.213 ตกงาน 00:05:10.237 --> 00:05:12.464 ขาดการมีส่วนร่วมในงาน 00:05:12.488 --> 00:05:16.179 สิ่งเหล่านี้ไม่ได้เป็นเพียงปัญหาทางเศรษฐกิจ แต่เป็นปัญหาของการดำรงชีวิตด้วย 00:05:16.821 --> 00:05:19.034 ถ้าไม่ได้ทำสิ่งที่มีคุณค่า 00:05:19.058 --> 00:05:20.359 เราจะรู้สึกลำบากใจ 00:05:21.493 --> 00:05:24.109 จริงอยู่ ที่คุณไม่ต้องหาจุดประสงค์ จากการทำงานก็ได้ 00:05:24.133 --> 00:05:26.862 แต่ถ้าคุณมีจุดประสงค์ คุณก็จะรู้ว่าจะอยู่เพื่ออะไร 00:05:26.886 --> 00:05:28.966 คุณจะมีพลังที่จะก้าวไปข้างหน้า NOTE Paragraph 00:05:31.147 --> 00:05:34.447 เสาต้นที่สามของความหมาย ยังเป็นเรื่องการก้าวข้ามความเป็นตัวเองด้วย 00:05:34.471 --> 00:05:36.313 แต่ในแง่มุมที่ต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง 00:05:36.337 --> 00:05:37.924 เรียกว่า การสลายตัวตน 00:05:37.948 --> 00:05:40.325 มันคือสภาวะที่เกิดขึ้นไม่บ่อยนัก 00:05:40.349 --> 00:05:43.761 เมื่อคุณรู้สึกตัวลอย อยู่เหนือภาระความวุ่นวายจากชีวิตประจำวัน 00:05:43.785 --> 00:05:45.490 ความรู้สึกที่มีต่ออัตตาหายไป 00:05:45.514 --> 00:05:48.288 และคุณสัมผัสได้ถึง ความจริงที่ยิ่งใหญ่ที่สูงกว่า 00:05:49.214 --> 00:05:52.904 คนหนึ่งที่ฉันคุยด้วยบอกว่า เขารู้สึกถึงการสลายตัวตนเมื่อมองงานศิลปะ 00:05:52.928 --> 00:05:55.458 อีกคนบอกว่า เป็นตอนที่อยู่ในโบสถ์ 00:05:55.482 --> 00:05:59.036 ส่วนฉัน ซึ่งเป็นนักเขียน จะเกิดขึ้นเวลาเขียนหนังสือ 00:05:59.060 --> 00:06:04.130 บางครั้ง ฉันลืมตัวไปเลย ว่ากี่โมงแล้ว หรืออยู่ที่ไหน 00:06:04.757 --> 00:06:07.903 ประสบการณ์สลายตัวตนเหล่านี้ อาจเปลี่ยนแปลงคุณได้ 00:06:07.927 --> 00:06:12.451 การศึกษาหนึ่งมอบหมายให้นักศึกษา มองขึ้นไปบนยอดต้นยูคาลิปตัสที่สูงถึง 200 ฟุต 00:06:12.475 --> 00:06:13.676 นานหนึ่งนาที 00:06:14.263 --> 00:06:16.417 หลังจากนั้น พวกเขารู้สึกว่าพวกเขาถือตัวน้อยลง 00:06:16.441 --> 00:06:18.385 และมีน้ำใจกับคนอื่นมากขึ้น 00:06:18.409 --> 00:06:20.479 เมื่อมีโอกาสที่จะได้ช่วยเหลือผู้อื่น NOTE Paragraph 00:06:21.582 --> 00:06:25.302 เราได้พูดถึงการเป็นส่วนหนึ่ง จุดประสงค์ และการสลายตัวตนแล้ว 00:06:26.374 --> 00:06:29.097 มาถึงเสาที่ให้ความหมายต้นที่สี่ 00:06:29.121 --> 00:06:30.876 ฉันพบว่า มันมักทำให้คนแปลกใจ 00:06:31.366 --> 00:06:34.100 เสาต้นที่สี่คือ การเล่าเรื่อง 00:06:34.124 --> 00:06:36.989 คือเล่าเรื่องเกี่ยวกับตัวเราเอง ที่เราเล่าให้ตัวเองฟัง 00:06:37.616 --> 00:06:41.760 การร้อยเรียงเรื่องเล่าจากเหตุการณ์ต่าง ๆ ในชีวิตทำให้เกิดความชัดเจน 00:06:41.784 --> 00:06:44.820 มันช่วยให้คุณเข้าใจว่า คุณเป็นคุณแบบนี้ได้อย่างไร 00:06:45.669 --> 00:06:48.765 แต่เราไม่ค่อยได้ตระหนักว่า เราเป็นผู้เขียนเรื่องของตัวเอง 00:06:48.789 --> 00:06:50.952 และเราสามารถเปลี่ยนวิธีการเล่าเรื่องได้ 00:06:50.976 --> 00:06:53.467 ชีวิตของคุณไม่ใช่แค่เหตุการณ์ ที่เรียงต่อกันเท่านั้น 00:06:53.491 --> 00:06:56.707 แต่คุณสามารถปรับเปลี่ยนแก้ไข แปลความหมาย แล้วเล่าเรื่องใหม่ได้ 00:06:56.731 --> 00:06:58.951 ถึงแม้ว่าความจริงจะไม่ได้เปลี่ยนไปก็ตาม NOTE Paragraph 00:06:59.681 --> 00:07:04.309 ฉันเจอชายหนุ่มที่ชื่อ เอมิก้า ที่เป็นอัมพาตจากการเล่นฟุตบอล 00:07:04.920 --> 00:07:07.379 หลังจากบาดเจ็บ เอมิกาบอกตัวเองว่า 00:07:07.403 --> 00:07:10.108 “ฉันเคยเป็นนักฟุตบอลที่เก่ง 00:07:10.132 --> 00:07:12.256 แต่ดูสภาพฉันตอนนี้สิ” 00:07:14.002 --> 00:07:16.294 คนที่เล่าเรื่องทำนองนี้ว่า 00:07:16.318 --> 00:07:18.842 “ฉันเคยมีชีวิตที่ดี แต่เดี๋ยวนี้แย่มาก” 00:07:18.866 --> 00:07:21.688 มักจะหดหู่และซึมเศร้ามากขึ้น 00:07:21.712 --> 00:07:24.041 เอมิก้าเคยเป็นแบบนั้นอยู่ช่วงหนึ่ง 00:07:24.573 --> 00:07:27.964 แต่เมื่อเวลาผ่านไป เขาค่อย ๆ เปลี่ยนวิธีการเล่าเรื่องของตนเอง 00:07:28.415 --> 00:07:30.148 เรื่องราวใหม่ของเขาก็คือ 00:07:30.172 --> 00:07:33.439 "ก่อนที่จะเป็นอัมพาต ฉันไม่มีจุดมุ่งหมายอะไรในชีวิต 00:07:33.463 --> 00:07:36.716 มีแต่เรื่องสังสรรค์บันเทิง นึกถึงแต่เรื่องของตัวเอง 00:07:36.740 --> 00:07:40.448 แต่การเป็นอัมพาตทำให้ฉันรู้ว่า ฉันเป็นคนที่ดีกว่าเดิมได้" 00:07:41.488 --> 00:07:45.029 การปรับเรื่องเล่าใหม่นี้ ได้เปลี่ยนชีวิตของเอมิก้า 00:07:45.053 --> 00:07:47.484 หลังจากเขาเรียบเรียงเรื่องของตัวเองใหม่ 00:07:47.508 --> 00:07:49.430 เขาก็เริ่มให้คำแนะนำกับเด็ก ๆ 00:07:49.454 --> 00:07:51.820 และเขาก็ได้ค้นพบว่าจุดมุ่งหมายใหม่ก็คือ 00:07:51.844 --> 00:07:53.234 การช่วยเหลือผู้อื่น 00:07:54.101 --> 00:07:57.479 นักจิตวิทยา แดน อดัมส์ เรียกสิ่งนี้ว่า “เรื่องเล่าฟื้นฟูจิตใจ” 00:07:57.503 --> 00:07:59.786 คือ การเปลี่ยนเรื่องแย่ให้เป็นเรื่องดี 00:08:00.627 --> 00:08:02.810 เขาพบว่า คนที่ใช้ชีวิตที่มีความหมาย 00:08:02.834 --> 00:08:04.765 มักเล่าเรื่องราวในชีวิตตัวเอง 00:08:04.789 --> 00:08:07.811 ที่เต็มไปด้วยการฟื้นฟูจิตใจ การเติบโต และความรัก NOTE Paragraph 00:08:08.723 --> 00:08:11.185 แต่อะไรล่ะ ที่ทำให้คนเรา เปลี่ยนเรื่องเล่าของตัวเองได้ 00:08:11.725 --> 00:08:13.653 บางคนมีนักจิตบำบัดคอยให้คำแนะนำ 00:08:13.677 --> 00:08:15.487 แต่คุณสามารถทำได้ด้วยตัวคุณเอง 00:08:15.511 --> 00:08:18.271 เพียงแค่ทบทวนชีวิตของคุณอย่างถี่ถ้วน 00:08:18.295 --> 00:08:20.382 มีประสบการณ์สำคัญอะไรบ้างหล่อหลอมตัวคุณ 00:08:20.406 --> 00:08:22.143 คุณสูญเสียอะไรไป คุณได้อะไรมา 00:08:22.589 --> 00:08:24.123 เอมิก้าทำเช่นนั้น 00:08:25.012 --> 00:08:27.058 คุณเปลี่ยนเรื่องเล่าคุณไม่ได้แค่เพียงชั่วคืน 00:08:27.082 --> 00:08:29.427 มันอาจใช้เวลาหลายปีและอาจจะเจ็บปวด 00:08:29.451 --> 00:08:32.385 ถ้าจะว่าไป เราทุกคนก็มีทุกข์ มีเรื่องให้ต้องกลุ้มใจ 00:08:32.957 --> 00:08:37.296 แต่การโอบรับความทรงจำที่เจ็บปวดเหล่านี้ จะทำให้เราเกิดความรู้ใหม่และเกิดปัญญา 00:08:37.320 --> 00:08:40.385 ได้เจอสิ่งดี ๆ ที่คอยค้ำจุนตัวคุณ NOTE Paragraph 00:08:42.584 --> 00:08:47.117 การเป็นส่วนหนึ่ง การมีจุดมุ่งหมาย การสลายตัวตน และการเล่าเรื่อง 00:08:47.863 --> 00:08:50.594 เป็นสี่เสาที่สร้างความหมาย 00:08:51.626 --> 00:08:53.232 ตอนที่ฉันยังเด็ก 00:08:53.256 --> 00:08:56.894 ฉันโชคดี ที่ชีวิตแวดล้อมไปด้วย เสาเหล่านี้ทั้งหมด 00:08:57.381 --> 00:09:01.921 พ่อแม่ของฉันใช้บ้านในเมืองมอนทรีล เป็นที่พบปะของชาวซูฟี 00:09:02.686 --> 00:09:07.169 นิกายซูฟีคือ คือแนวทางการปฏิบัติตามความเชื่อ ที่มีความเกี่ยวข้องกับนักบวชลัทธิลมวน 00:09:07.193 --> 00:09:08.586 และกวีที่ชื่อรูมี 00:09:09.430 --> 00:09:12.005 ชาวซูฟีจะมาที่บ้านเราสัปดาห์ละสองครั้ง 00:09:12.029 --> 00:09:15.789 นั่งสมาธิ ดื่มชาเปอร์เซีย และพูดคุยเล่าเรื่องกัน 00:09:16.209 --> 00:09:19.166 ชาวซูฟียังสอนให้เรารับใช้ทุกสรรพสิ่ง 00:09:19.190 --> 00:09:21.000 ด้วยการกระทำด้วยความรัก 00:09:21.024 --> 00:09:24.365 ซึ่งหมายถึง การมีเมตตา แม้แต่กันคนที่ทำผิดกับเรา 00:09:24.389 --> 00:09:27.543 จุดประสงค์ก็คือเพื่อให้เราเป็นผู้ครองใจตน NOTE Paragraph 00:09:28.912 --> 00:09:31.528 ต่อมา ฉันย้ายออกจากบ้าน เพื่อไปเรียนที่มหาวิทยาลัย 00:09:31.552 --> 00:09:35.254 ชีวิตประจำวันที่ห่างหายจากการวิถีแบบซูฟี 00:09:35.278 --> 00:09:36.866 ทำให้ฉันรู้สึกเคว้งคว้าง 00:09:36.890 --> 00:09:40.478 ฉันจึงเริ่มค้นหาสิ่งต่าง ๆ ที่จะทำให้การใช้ชีวิตมีคุณค่า 00:09:40.502 --> 00:09:42.615 นั่นคือจุดเริ่มต้นของการเดินทางนี้ 00:09:43.012 --> 00:09:44.769 นึกย้อนกลับไป ฉันตระหนักได้ว่า 00:09:44.793 --> 00:09:48.035 บ้านที่เป็นที่พบปะของนิกายซูฟีนั้น เป็นแหล่งวัฒนธรรมแห่งความหมาย 00:09:48.059 --> 00:09:50.565 เสาต่าง ๆ นั้นเป็นส่วนสำคัญของโครงสร้างบ้าน 00:09:50.589 --> 00:09:53.815 และการมีเสาอยู่นี้ ช่วยให้เราใช้ชีวิตได้ลึกซึ้งมากขึ้น NOTE Paragraph 00:09:54.414 --> 00:09:56.735 แน่นอนค่ะว่า หลักการเดียวกันนี้ 00:09:56.759 --> 00:09:58.960 ใช้ได้กับคนกลุ่มสังคมอื่น ที่มีความเหนียวแน่นได้เช่นเดียวกัน 00:09:58.984 --> 00:10:01.006 ไม่ว่าจะดีหรือไม่ดี 00:10:01.556 --> 00:10:03.585 กลุ่มอันธพาล หรือลัทธิต่าง ๆ 00:10:03.609 --> 00:10:06.622 กลุ่มเหล่านี้มีวัฒนธรรมแห่งความหมาย ที่ใช้เสาเหล่านี้ 00:10:06.646 --> 00:10:10.024 และสิ่งยึดเหนี่ยวที่คนในกลุ่มรู้สึกว่า จะอยู่และหรือตายเพื่อสิ่งใด 00:10:10.048 --> 00:10:12.915 นั่นเป็นสาเหตุที่แท้จริงว่าในฐานะสังคม 00:10:12.939 --> 00:10:15.048 เราต้องให้ทางเลือกที่ดีกว่านี้ 00:10:15.072 --> 00:10:18.823 เราต้องสร้างเสาเหล่านี้ ภายในครอบครัวและสถาบันต่าง ๆ 00:10:18.847 --> 00:10:21.429 เพื่อช่วยให้คนเป็นคนเต็มศักยภาพของตน 00:10:22.524 --> 00:10:25.110 แต่การใช้ชีวิตอย่างมีความหมาย ต้องใช้ความพยายาม 00:10:25.134 --> 00:10:27.009 และมันเป็นกระบวนการต่อเรื่อง 00:10:27.033 --> 00:10:30.762 เราสร้างสรรค์ชีวิตของเรา ในแต่ละวันที่ล่วงเลยผ่านไป 00:10:30.786 --> 00:10:32.355 เติมแต่งเรื่องราวของเรา 00:10:32.831 --> 00:10:35.580 และบางครั้ง เราก็อาจออกนอกลู่นอกทางได้ NOTE Paragraph 00:10:36.362 --> 00:10:38.273 เมื่อใดก็ตามที่ฉันเริ่มเป็นแบบนั้น 00:10:38.297 --> 00:10:41.686 ฉันจะนึกถึงประสบการณ์ที่ทรงค่าครั้งหนึ่ง ที่ฉันมีร่วมกับพ่อ 00:10:43.821 --> 00:10:46.468 หลังจากที่ฉันรับปริญญาสองสามเดือน 00:10:46.492 --> 00:10:50.350 คุณพ่อของฉันหัวใจวายรุนแรง จนเกือบเอาชีวิตไม่รอด 00:10:51.033 --> 00:10:54.247 เมื่อฉันถามพ่อว่า ณ วินาทีชีวิตนั้น พ่อคิดอะไร 00:10:54.271 --> 00:10:55.893 เมื่อพ่อกำลังเผชิญกับพญามจุราช 00:10:55.917 --> 00:10:58.600 พ่อตอบว่า พ่อคิดอยู่อย่างเดียวว่าต้องไม่ตาย 00:10:58.624 --> 00:11:00.762 เพื่อที่จะได้อยู่กับฉันและน้องชาย 00:11:00.786 --> 00:11:03.375 และนี่เอง ที่ทำให้เขามีพลังใจที่จะสู้ 00:11:04.063 --> 00:11:07.361 ตอนที่พ่อได้รับยาสลบเพื่อการผ่าตัดฉุกเฉิน 00:11:07.385 --> 00:11:09.715 แทนที่จะนับถอยหลังก่อนจะหลับไปนั้น 00:11:09.739 --> 00:11:12.909 พ่อเอ่ยชื่อพวกเราซ้ำ ๆ แทนการสวดมนต์ 00:11:13.790 --> 00:11:17.601 พ่ออยากให้ชื่อของพวกเรา เป็นคำสุดท้ายที่ออกจากปาก 00:11:17.625 --> 00:11:18.850 หากเขาต้องจากโลกนี้ไป NOTE Paragraph 00:11:21.033 --> 00:11:24.645 พ่อของฉันเป็นช่างไม้และเป็นชาวซูฟี 00:11:25.185 --> 00:11:26.732 ท่านใช้ชีวิตอย่างเรียบง่าย 00:11:26.756 --> 00:11:28.025 แต่เป็นชีวิตที่ดี 00:11:28.564 --> 00:11:32.476 ขณะที่ล้มป่วยและเผชิญหน้ากับความตายนั้น เขามีเหตุผลที่จะมีชีวิตอยู่ 00:11:32.500 --> 00:11:33.908 นั่นคือ ความรัก 00:11:33.932 --> 00:11:36.383 เขารู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัว 00:11:36.407 --> 00:11:38.136 จุดประสงค์ของความเป็นพ่อ 00:11:38.160 --> 00:11:41.174 เขาทำทำสมาธิเพื่อสลายตัวตน ด้วยการเอ่ยชื่อของพวกเราซ้ำ ๆ 00:11:41.198 --> 00:11:43.979 พ่อบอกว่า สิ่งเหล่านี้แหละ ที่ทำให้ท่านรอดชีวิต 00:11:44.003 --> 00:11:46.442 นั่นเป็นเรื่องเล่าที่พ่อบอกกับตัวเอง NOTE Paragraph 00:11:47.747 --> 00:11:50.636 นั่นคือพลังแห่งความหมาย 00:11:50.636 --> 00:11:53.435 ความสุขนั้นไม่ได้ยั่งยืนจีรัง 00:11:53.459 --> 00:11:55.308 แต่ไม่ว่าจะชีวิตของคุณจะสุดแสนดี 00:11:55.332 --> 00:11:57.221 หรือแสนจะเลวร้าย 00:11:57.241 --> 00:12:00.294 การมีความหมายในชีวิต จะช่วยให้คุณยืนหยัดอยู่ได้ NOTE Paragraph 00:12:00.322 --> 00:12:01.546 ขอบคุณคะ NOTE Paragraph 00:12:01.570 --> 00:12:05.152 (เสียงปรบมือ)