WEBVTT 00:00:01.260 --> 00:00:04.460 แสงเป็นสิ่งเชื่อมต่อระหว่างเราและจักรวาล 00:00:04.460 --> 00:00:10.540 แสงทำให้เราเข้าใจระยะทางที่ห่างไกลของดาว และมองย้อนกลับไปที่จุดแรกเริ่มของการดำรงอยู่ของมัน 00:00:10.540 --> 00:00:12.540 แต่ว่าแสงมันคืออะไรกันแน่? 00:00:19.820 --> 00:00:20.820 โดยสังเขป 00:00:20.820 --> 00:00:23.960 แสงเป็นพลังงานขนาดเล็กที่สุดที่สามารถเคลื่อนย้ายได้ 00:00:23.960 --> 00:00:26.920 โฟตอน ซึ่งเป็นอนุภาคมูลฐานไม่มีขนาด 00:00:26.920 --> 00:00:30.020 ที่ไม่สามารถแบ่งย่อยอีก, มันถูกสร้างขึ้นหรือถูกทำลายได้เท่านั้น 00:00:30.020 --> 00:00:32.439 แสงยังมีความเป็นคู่คลื่น-อนุภาค 00:00:32.540 --> 00:00:36.860 มันแสดงเป็นทั้งอนุภาคและคลื่นในเวลาเดียวกัน (แม้ว่านี่เป็นเรื่องไม่จริง) 00:00:37.440 --> 00:00:40.800 เมื่อเราพูดถึงแสง เราหมายถึงแสงที่มองเห็น 00:00:40.800 --> 00:00:43.320 ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งเล็ก ๆ ของสเปกตรัมแม่เหล็กไฟฟ้า: 00:00:43.320 --> 00:00:45.980 พลังงานในรูปของคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า 00:00:46.520 --> 00:00:51.280 รังสีแม่เหล็กไฟฟ้าประกอบด้วยช่วงกว้างของความยาวคลื่นและความถี่ 00:00:51.280 --> 00:00:53.280 รังสีแกมมามีความยาวของคลื่นขนาดเล็กที่สุด 00:00:53.280 --> 00:00:55.280 เพราะพวกมันเป็นโฟตอนพลังงานสูงสุด 00:00:55.280 --> 00:00:58.420 รังสีแกมมาส่วนใหญ่มีความยาวต่ำกว่าสิบพิโคเมตร 00:00:58.680 --> 00:01:00.960 ซึ่งขนาดเล็กกว่าอะตอมไฮโดรเจน 00:01:01.360 --> 00:01:04.060 เพื่อนึกภาพให้ออก อะตอมไฮโดรเจนเมื่อเทียบกับเหรียญหนึ่งเซ็น 00:01:04.060 --> 00:01:06.900 ก็เหมือนเหรีญหนึ่งเซ็นเมื่อเทียบกับดวงจันทร์ 00:01:07.640 --> 00:01:09.520 แสงที่มองเห็นอยู่ตรงกลางของสเปกตรัม 00:01:09.700 --> 00:01:13.080 ในช่วงประมาณ 400 นาโนเมตรถึง 700 นาโนเมตร: 00:01:13.080 --> 00:01:14.740 มันประมาณขนาดของเชื้อแบคทีเรีย 00:01:15.540 --> 00:01:16.740 ในส่วนปลายของสเปกตรัม 00:01:16.960 --> 00:01:19.960 คลื่นวิทยุมีความยาวเส้นผ่าศูนย์กลางได้ถึง 100 กิโลเมตร 00:01:20.300 --> 00:01:21.960 ความยาวของคลื่นที่ใหญ่ที่สุดที่เรารู้ว่ามีอยู่ 00:01:21.960 --> 00:01:26.520 สามารถขยายจาก 10,000 กิโลเมตรไปจนถึง 100,000 กิโลเมตร 00:01:26.520 --> 00:01:27.860 มีขนาดใหญ่กว่าโลก! 00:01:28.220 --> 00:01:29.720 จากมุมมองทางฟิสิกส์ 00:01:29.720 --> 00:01:31.880 คลื่นที่แตกต่างกันทั้งหมดเหล่านี้เหมือนกัน 00:01:31.880 --> 00:01:36.040 พวกมันทั้งหมดมีคุณสมบัติคู่คลื่น-อนุภาคและเดินทางเร็วคงที่ด้วยความเร็วแสง 00:01:36.040 --> 00:01:37.760 มีเพียงความถี่ที่แตกต่างกัน 00:01:38.080 --> 00:01:40.420 ดังนั้น อะไรที่ทำให้แสงที่มองเห็นได้มีความพิเศษ? 00:01:40.520 --> 00:01:42.420 คือ ... ก็ไม่มีอะไรพิเศษเลย 00:01:43.060 --> 00:01:46.140 เราเพียงแค่เกิดการพัฒนาตาที่มองเห็นแสงช่วงคลื่นนี้ 00:01:46.140 --> 00:01:48.940 ที่เป็นส่วนหนึ่งของสเปกตรัมแม่เหล็กไฟฟ้านี้ 00:01:48.940 --> 00:01:51.780 นี่ไม่ได้เป็นเรื่องบังเอิญที่สมบูรณ์ แม้ว่า 00:01:51.780 --> 00:01:56.660 แสงที่มองเห็นเป็นคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าเพียงชุดเดียวทีเดินทางผ่านน้ำ 00:01:56.660 --> 00:02:01.020 ซึ่งเกิดวัฒนาการของตาช่วงแรกๆ ในน้ำ เมื่อหลายล้านปีที่ผ่านมา 00:02:01.020 --> 00:02:05.580 นั่นคือก้าวแรก เพราะแสงไม่เพียงแต่มีปฏิสัมพันธ์กับวัตถุ 00:02:05.580 --> 00:02:10.940 มันก็ยังถูกเปลี่ยนแปลง และสามารถนำมาใช้เพื่อ รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับโลกรอบตัวเราโดยไม่มีความล่าช้า 00:02:11.200 --> 00:02:14.400 ซึ่งเป็นอะไรที่เป็นประโยชน์จริงๆ เพื่อความมีชีวิตรอด 00:02:14.400 --> 00:02:16.540 เอาล่ะ แสงมาจากไหน? 00:02:16.540 --> 00:02:23.560 คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าหลากหลายช่วงถูกสร้างขึ้นเมื่ออะตอมหรือโมเลกุล ลดระดับสถานะพลังงานสูงลงสู่ระดับต่ำกว่า 00:02:23.560 --> 00:02:27.100 พวกมันสูญเสียพลังงานและปล่อยออกมาในรูปแบบของการแผ่รังสี 00:02:27.100 --> 00:02:32.880 ในระดับกล้องจุลทรรศน์ แสงที่มองเห็นถูกสร้างขึ้นเมื่ออิเล็กตรอน ภายในอะตอมอยู่ในสภาพที่พร้อมจะ 00:02:32.880 --> 00:02:37.140 ลงไปสู่ระดับพลังงานที่ต่ำกว่าและสูญเสียพลังงานส่วนเกินนี้ 00:02:37.140 --> 00:02:40.920 เช่นเดียวกัน แสงที่เข้าในอะตอมมาสามารถกระตุ้นอิเล็กตรอนไปยังระดับของพลังงานที่สูงขึ้น 00:02:40.920 --> 00:02:42.460 โดยดูดซับพลังงานแสงที่เข้ามาไว้ 00:02:42.460 --> 00:02:47.720 การเคลื่อนย้ายของอิเล็กตรอนจะเกิดสนามแม่เหล็กที่สั่น 00:02:47.720 --> 00:02:51.060 ซึ่งจะสร้างสนามไฟฟ้าที่สั่นตั้งฉากกับมัน 00:02:51.060 --> 00:02:56.120 ทั้งสองสนามเคลื่อนตัวเองผ่านบริเวณ ถ่ายโอนพลังงานจากสถานที่หนึ่งไปยังอีกที่ 00:02:56.120 --> 00:02:59.480 แบกข้อมูลเกี่ยวกับสถานที่ของการเกิดไปกับมัน 00:02:59.480 --> 00:03:03.700 ทำไมของทุกสิ่งในจักรวาลมีแสงเป็นสิ่งที่เร็วที่สุด ? 00:03:03.700 --> 00:03:05.060 ลองเปลี่ยนคำถาม: 00:03:05.060 --> 00:03:08.280 อะไรเป็นวิธีที่เร็วที่สุดที่จะเดินทางผ่านพื้นที่ในจักรวาล? 00:03:08.280 --> 00:03:16.340 มันคือแสง มีความเร็ว c = 299,792,458 เมตรต่อวินาทีในสูญญากาศ 00:03:16.480 --> 00:03:18.720 หนึ่งพันล้านกิโลเมตรต่อชั่วโมง 00:03:18.720 --> 00:03:22.520 รังสีแม่เหล็กไฟฟ้ามีคุณสมบัติที่จะเดินทางอย่างรวดเร็วนี้ 00:03:22.520 --> 00:03:27.980 อนุภาคใด ๆ ที่ไม่มีมวลเดินทางที่ความเร็ว c โดยไม่ต้องเร่งความเร็วใด ๆ 00:03:27.980 --> 00:03:32.320 แสงที่มาจากเทียนไม่ได้เร็วขึ้นจนถึงความเร็วแสง 00:03:32.320 --> 00:03:35.840 ความเร็วของมันคือ c ทันที่ที่มันเกิดขึ้นมา 00:03:35.840 --> 00:03:39.400 เออ แล้วทำไมมีความเร็ว c, ความเร็วของแสงที่คงที่เช่นนี้ ? 00:03:39.400 --> 00:03:41.360 คือ... ก็ไม่มีใครรู้หรอกนะ 00:03:41.360 --> 00:03:43.400 จักรวาลของเราถูกสร้างขึ้นมาแบบนี้ 00:03:43.400 --> 00:03:45.060 เราไม่ได้เตรียมคำตอบไว้ที่นี่ 00:03:45.060 --> 00:03:47.320 ดังนั้น แสงเป็นส่วนหนึ่งของสเปกตรัม, 00:03:47.320 --> 00:03:50.180 อนุภาคมูลฐานที่ยังประพฤติตัวเหมือนคลื่น 00:03:50.180 --> 00:03:52.400 เคลื่อนไหวโดยมีสนามแม่เหล็กและไฟฟ้าตั้งฉากกัน 00:03:52.400 --> 00:03:54.760 เดินทางด้วยความเร็วสูงสุดที่รู้จักในจักรวาล 00:03:54.760 --> 00:03:58.000 เอาล่ะ ทั้งหมดนั่นดีจริง แต่ อะไรล่ะ คือสิ่งพิเศษของมัน 00:03:58.000 --> 00:03:59.380 เดินทางด้วยความเร็วของแสง 00:03:59.380 --> 00:04:03.080 และเวลา, ปริทรรศน์ฝาแฝด, สิ่งที่เกี่ยวกับควอนตัม, อะไรเทือกนั้น? 00:04:03.080 --> 00:04:05.480 เราจะต้องเก็บไว้พูดสำหรับวิดีโอหน้าแล้วล่ะ 00:04:05.480 --> 00:04:08.500 ตอนนี้ ขอให้เรามีความสุขกับดวงตาที่ได้วิวัฒนาการมาเพื่อรับ 00:04:08.500 --> 00:04:11.300 คลื่นของข้อมูลที่แพร่กระจายผ่านจักรวาล 00:04:11.880 --> 00:04:15.960 ทำให้เราเห็นสิ่งต่างๆและคำนึงถึงมุมมองในการดำรงอยู่ของเรา 00:04:16.899 --> 00:04:25.350 คำบรรยายไทยโดย ytuaeb sciencemath, Kittinon Rounwes 00:04:26.000 --> 00:04:32.000 คำบรรยายโดยชุมชน Amara.org