1 00:00:00,519 --> 00:00:03,271 ปรากฎว่าในขณะที่คนหลายล้านคน 2 00:00:03,271 --> 00:00:05,599 ว่างงาน หรือ มีงานทำ 3 00:00:05,599 --> 00:00:09,726 ก็เกิดข้อสงสัยว่า เทคโนโลยีจะมีผลอย่างไรกับสภาวะแรงงานในตลาด 4 00:00:09,726 --> 00:00:12,445 ผมเห็นหลายๆคน ถกเถียงกัน เกี่ยวกับเรื่องนี้ ผมคิดว่า 5 00:00:12,445 --> 00:00:15,397 พวกเขาเลือกหัวข้อในการสนทนา ได้ถูกต้อง 6 00:00:15,397 --> 00:00:18,375 แต่ในขณะเดียวกัน การถกเถียงเหล่านั้น มักจะหลุดประเด็นสำคัญๆไป 7 00:00:18,375 --> 00:00:21,383 หัวข้อที่มักเป็นที่ถกเถียงกันก็คือ 8 00:00:21,383 --> 00:00:25,038 เทคโนโลยีรอบๆตัวเราจะส่งผลต่อมนุษย์ 9 00:00:25,038 --> 00:00:28,058 ในด้านการหาเลี้ยงชีพ หรือไม่? หรือ ถามให้ง่ายขึ้นก็คือ 10 00:00:28,058 --> 00:00:30,336 หุ่นยนต์จะมาทำงานแทนเราทั้งหมดหรือปล่าว? 11 00:00:30,336 --> 00:00:32,304 แล้วก็มีหลักฐานจริงๆว่ามันเกิดขึ้นอยู่ 12 00:00:32,304 --> 00:00:36,657 ภาวะเศรษฐกิจตกต่ำได้หยุด เมื่อ GDP ของ อเมริกา 13 00:00:36,657 --> 00:00:40,086 เริ่มค่อยๆสูงขึ้น 14 00:00:40,101 --> 00:00:43,035 และ ตัวชี้วัดเศรษฐกิจอื่นๆ ก็เริ่มดีขึ้น 15 00:00:43,035 --> 00:00:45,897 และโตขึ้นอย่างรวดเร็ว กำไรจากบริษัทต่างๆ 16 00:00:45,897 --> 00:00:49,173 ก็เริ่มดีขึ้น ซึ่งถ้าคุณรวมกำไรจากธนาคารด้วย 17 00:00:49,173 --> 00:00:51,285 จะพบว่ามันดีขึ้นกว่าที่เคยมีมาก่อน 18 00:00:51,285 --> 00:00:54,557 ธุรกิจต่างๆเกี่ยวกับ เครื่องมือ อุปกรณ์ 19 00:00:54,557 --> 00:00:57,664 ฮาร์ดแวร์ และ ซอฟต์แวร์ ต่างๆ ก็ดีที่สุดตั้งแต่ที่เคยมีมา 20 00:00:57,664 --> 00:01:01,045 พูดง่ายๆคือธุรกิจต่างๆเริ่มมีแต่กำไร 21 00:01:01,045 --> 00:01:03,306 แต่สิ่งที่ไม่ได้เกิดมากขึ้น คือ การจ้างงาน 22 00:01:03,306 --> 00:01:07,007 กราฟเส้นสีแดงที่เห็น คือ อัตราการจ้างงาน 23 00:01:07,007 --> 00:01:10,388 หรือ เปอร์เซนต์ของคนวัยทำงาน 24 00:01:10,388 --> 00:01:12,279 ในอเมริกาที่มีงานทำ 25 00:01:12,279 --> 00:01:15,979 เห็นได้ชัดเจนว่าอัตราการมีงานทำ ยังตกต่ำหลังจากภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ 26 00:01:15,979 --> 00:01:18,843 และยังไม่มีทีท่าว่าจะดีขึ้นเลย 27 00:01:18,843 --> 00:01:21,350 แต่ผมไม่ได้จะพูดเรื่องเศรษฐกิจตกต่ำ 28 00:01:21,350 --> 00:01:24,347 ช่วงทศวรรตที่ผ่านมา เรามีอัตราการจ้างงาน 29 00:01:24,347 --> 00:01:27,740 ที่ต่ำมากเมื่อเราเปรียบเทียบ 30 00:01:27,740 --> 00:01:30,675 กับช่วงทศวรรตก่อนหน้านั้น ในช่วงปี 2000 นี้ 31 00:01:30,675 --> 00:01:32,965 เป็นช่วงเวลาเดียวที่เราพบว่า 32 00:01:32,965 --> 00:01:36,168 มีจำนวนคนมีงานทำปลายทศวรรต 33 00:01:36,168 --> 00:01:39,228 น้อยกว่าช่วงต้นทศวรรต ซึ่งเป็นเรื่องที่เราไม่อยากได้ยิน 34 00:01:39,228 --> 00:01:42,867 หากคุณเอาจำนวนคนที่สามารถทำงานได้ทั้งหมด 35 00:01:42,867 --> 00:01:46,471 มาเปรียบเทียบกับจำนวนงานในประเทศ คุณจะเห็นช่องว่าง 36 00:01:46,471 --> 00:01:50,049 ค่อยๆ ห่างขึ้น เรื่อยๆ และ 37 00:01:50,049 --> 00:01:52,449 ช่วงเศรษฐกิจตกต่ำ ช่องว่างยิ่งห่างมากกว่าเดิม 38 00:01:52,449 --> 00:01:56,859 ผมลองคำนวณคร่าวๆ ถ้าผมเอาอัตราการเติบโต GDP รอบ 20 ปีที่ผ่านมา 39 00:01:56,859 --> 00:02:00,155 และ อัตราการเพิ่มของคนที่มีงานทำ 40 00:02:00,155 --> 00:02:02,897 เอามาคำนวณ แบบตรงไปตรงมาเพื่อหาว่า 41 00:02:02,897 --> 00:02:05,523 จะต้องมีการจ้างงานเท่าไหร่ เศรษฐกิจถึงจะเดินต่อได้ 42 00:02:05,523 --> 00:02:09,182 นี่คือเส้นที่ผมได้มาจากการคำนวณ 43 00:02:09,182 --> 00:02:12,628 ดีหรือไม่ดีครับ? และ อีกเส้นนึงคือเส้นที่รัฐบาลประมาณการณ์ไว้ 44 00:02:12,628 --> 00:02:16,481 สำหรับจำนวนคนทำงานในตลาดทั้งหมด 45 00:02:16,481 --> 00:02:21,252 ถ้าการประมาณการณ์ถูกต้อง ช่องว่างนี้จะไม่มีวันหายไป 46 00:02:21,252 --> 00:02:24,653 แต่ ผมไม่คิดว่าการประมาณการณ์นี้ถูกต้อง 47 00:02:24,653 --> 00:02:28,009 ผมคิดว่าการประมาณการณ์เหล่านี้ มองโลกในแง่ดีเกินไป 48 00:02:28,009 --> 00:02:31,365 เพราะการประมาณการณ์ มีการคาดการณ์ว่าอนาคต 49 00:02:31,365 --> 00:02:33,813 จะค่าต่างๆเติบโตเหมือนในอดีต 50 00:02:33,813 --> 00:02:37,252 แต่จริงๆแล้วผมไม่เชื่อว่าอย่างนั้น 51 00:02:37,252 --> 00:02:41,011 เพราะเมื่อลองดูจริงๆ เรายังแทบไม่เห็นภาพในอนาคตเลย 52 00:02:41,011 --> 00:02:44,296 ว่าเทคโนโลยีจะกระทบกับ ตลาดแรงงานอย่างไร? 53 00:02:44,296 --> 00:02:48,294 คุณแค่ลองดู 2-3 ปีที่ผ่านมาสิ คุณจะเห็นว่ามีเครื่องมือดิจิตอลเยอะแยะ 54 00:02:48,294 --> 00:02:52,700 ทำงานได้หลากหลายแบบที่เราไม่เคยเจอมาก่อน 55 00:02:52,700 --> 00:02:56,488 แล้วก็แทบจะมาแทน การทำงานของคนได้เลย 56 00:02:56,488 --> 00:02:59,744 ผมลองยกตัวอย่าง 2-3 ตัวอย่าง 57 00:02:59,744 --> 00:03:01,755 ในอดีตที่ผ่านมา ถ้าคุณต้องการ 58 00:03:01,755 --> 00:03:04,679 ที่จะแปลภาษาจากภาษาใดภาษาหนึ่ง 59 00:03:04,679 --> 00:03:06,343 คุณจะต้องเอาคนมาเกี่ยวข้องตลอด 60 00:03:06,343 --> 00:03:09,759 แต่ตอนนี้เรามีเครื่องแปลภาษา 61 00:03:09,759 --> 00:03:13,977 ที่แปลได้หลายภาษา รวดเร็ว และ ฟรี 62 00:03:13,977 --> 00:03:17,366 ผ่านอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ รวมถึง Smart Phone 63 00:03:17,366 --> 00:03:19,750 ถ้าคุณเคยใช้ คุณจะพอรู้ว่า 64 00:03:19,750 --> 00:03:23,071 มันไม่ได้ดีที่สุด แต่มันก็ดีในระดับนึง 65 00:03:23,071 --> 00:03:26,222 ... ในประวัติศาสตร์ ถ้าคุณต้องเขียนรายงาน 66 00:03:26,222 --> 00:03:29,637 หรือ บทความ คุณต้องใช้คนทำ 67 00:03:29,637 --> 00:03:31,889 แต่ไม่จำเป็นอีกแล้ว 68 00:03:31,889 --> 00:03:35,119 บทความ Forbes Online ที่ผ่านมาเกี่ยวกับ กำไรของบริษัท Apple 69 00:03:35,119 --> 00:03:37,646 ถูกเขียนโดย โปรแกรม 70 00:03:37,646 --> 00:03:40,901 บทความนั้นไม่ได้แค่ดี แต่มันสมบูรณ์แบบเลยละ 71 00:03:40,901 --> 00:03:43,863 ... หลายคนมองว่า 72 00:03:43,863 --> 00:03:46,212 มันยังเป็นแค่บทความที่เฉพาะทางมากเกิน 73 00:03:46,212 --> 00:03:48,845 และ คนที่ทำงานด้านความรู้ต่างๆ มักมีความรู้ที่กว้างขวาง 74 00:03:48,845 --> 00:03:51,374 และพวกเขาเหล่านั้นก็ทำงานบน กรอบของงานที่กว้าง 75 00:03:51,374 --> 00:03:54,030 และใช้ความรู้ที่พวกเขามี 76 00:03:54,030 --> 00:03:57,103 ตอบสนองความต้องการที่เข้ามา ที่เปลี่ยนไปเรื่อยๆได้ 77 00:03:57,103 --> 00:03:59,591 ซึ่ง ยากมากที่จะให้หุ่นยนต์มาทำแทน 78 00:03:59,591 --> 00:04:01,568 ... มีคนที่ทำงานด้านความรู้คนหนึ่ง 79 00:04:01,568 --> 00:04:03,977 ชื่อ Ken Jennings 80 00:04:03,977 --> 00:04:09,035 เขาชนะเกมโชว์ชื่อ "Jeopardy" ถึง 74 ครั้งติดต่อกัน 81 00:04:09,035 --> 00:04:11,663 ได้เงินกลับบ้านไปกว่า 3 ล้านเหรียญ 82 00:04:11,663 --> 00:04:15,513 คนนั้นคือ Ken ... คนที่อยู่ขวามือ ซึ่งพ่ายแพ้ 1-3 ให้กับ 83 00:04:15,513 --> 00:04:20,317 Watson เครื่อง Super Computer จาก IBM ที่มาเล่นเกมโชว์นี้ 84 00:04:20,317 --> 00:04:22,181 ...ถ้าเรามองว่าเทคโนโลยีทำอะไรบ้าง 85 00:04:22,181 --> 00:04:25,054 ถ้าเทียบกับคนงานองค์ความรู้ต่างๆ ผมก็เริ่มคิดได้ว่า 86 00:04:25,054 --> 00:04:27,653 อาจจะมีบางอย่างที่พิเศษสำหรับความคิดของ 87 00:04:27,653 --> 00:04:30,541 คนที่มีความรู้กว้างขวาง โดยเฉพาะเวลาที่เรา ทำหลายๆอย่าง 88 00:04:30,541 --> 00:04:34,529 เช่น ใช้ Siri (Application บน iPhone) หรือ Watson และให้เทคโนโลยี 89 00:04:34,529 --> 00:04:36,425 มาเข้าใจว่าพวกเราพูดอะไรกัน 90 00:04:36,425 --> 00:04:38,506 แล้วให้พูดคำพูดเหล่านั้นกลับมาหาเรา 91 00:04:38,506 --> 00:04:41,344 ตอนนี้ Siri ยังไม่พัฒนาเต็มที่ แล้ว เราก็ยังล้อเลียน 92 00:04:41,344 --> 00:04:44,363 ข้อบกพร่องต่างๆ แต่ขอให้เราคิดเสมอว่า 93 00:04:44,363 --> 00:04:47,039 ถ้าเทคโนโลยีอย่าง Siri และ Watson ถูกพัฒนา 94 00:04:47,039 --> 00:04:50,820 ในอัตราที่เร็วเหมือนทฤษฎีของ Moore ซึ่งน่าจะเป็นจริง 95 00:04:50,820 --> 00:04:53,404 ภายใน 6 ปี เทคโนโลยีเหล่านี้ จะไม่ใช่แค่ดีขึ้น 2 เท่า 96 00:04:53,404 --> 00:04:58,222 หรือ 4 เท่า แต่จะดีกว่าตอนนี้ 16 เท่าเลยทีเดียว 97 00:04:58,222 --> 00:05:01,905 ...ผมก็เลยคิดว่า งานที่เกี่ยวข้องกับ องค์ความรู้ต่างๆ จะต้องถูกกระทบแน่นอน 98 00:05:01,905 --> 00:05:05,459 และ เทคโนโลยี จะไม่ได้กระทบ แค่งานที่เกี่ยวข้องกับองค์ความรู้ต่างๆ 99 00:05:05,459 --> 00:05:09,451 แต่จะกระทบกับงานที่ใช้แรงงานด้วยเช่นกัน 100 00:05:09,451 --> 00:05:11,900 ... ผมมีโอกาสที่จะได้ขับรถของ Google 101 00:05:11,900 --> 00:05:17,426 ที่ขับด้วยตัวเองได้ ซึ่งมันเจ๋งเหมือนคุณคิดนั่นหละ (หัวเราะ) 102 00:05:17,426 --> 00:05:20,453 และ ผมยืนยันได้ว่า มันทำงานได้ดีใน ท่ามกลางรถติด 103 00:05:20,453 --> 00:05:23,358 บนถนน U.S. 101 ได้อย่างดี 104 00:05:23,358 --> 00:05:25,323 ... มีคนประมาณ 3.5 ล้านคน 105 00:05:25,323 --> 00:05:27,532 ที่ขับรถบรรทุกเป็นอาชีพในอเมริกา 106 00:05:27,532 --> 00:05:29,961 ผมคิดว่าต้องมีบางคนได้รับผลกระทบ จากเทคโนโลยีนี้ 107 00:05:29,961 --> 00:05:33,213 ตอนนี้ หุ่นยนต์เสมือนคนในตลาด 108 00:05:33,213 --> 00:05:36,471 ยังไม่พัฒนาเท่าไหร่ ยังทำอะไรไม่ได้มาก 109 00:05:36,471 --> 00:05:39,052 แต่ พวกมันก็ดีขึ้นเรื่อยๆอย่างรวดเร็ว 110 00:05:39,052 --> 00:05:42,203 DARPA หรือ หน่วยงานในกระทรวงกลาโหม 111 00:05:42,203 --> 00:05:43,868 พยายามเร่งการพัฒนาหุ่นยนต์อย่างมาก 112 00:05:43,868 --> 00:05:48,551 ... พูดง่ายๆคือ ใช่ ... หุ่นยนต์กำลังมาทำงานแทนเรา 113 00:05:48,551 --> 00:05:52,431 ในระยะสั้นนี้ เราสามารถเพิ่มงาน 114 00:05:52,431 --> 00:05:55,375 ในตลาดได้โดยส่งเสริมให้เกิด ธุรกิจใหม่ๆ และ ลงทุนใน 115 00:05:55,375 --> 00:05:58,423 โครงสร้างพื้นฐานต่างๆ เพราะหุ่นยนต์ยังไม่สามารถ 116 00:05:58,423 --> 00:06:00,163 ซ่อมสะพานได้ดีเท่าไหร่ 117 00:06:00,163 --> 00:06:03,528 แต่ไม่นานหรอก ผมคิดว่าในช่วงชีวิตของเรานี่แหละ 118 00:06:03,528 --> 00:06:07,097 คนส่วนใหญ่ในห้องนี้ จะได้เห็น 119 00:06:07,097 --> 00:06:10,033 เศรษฐกิจที่เติบโตอย่างรวดเร็ว แต่ 120 00:06:10,033 --> 00:06:12,837 ไม่จำเป็นต้องการแรงงานที่เป็นมนุษย์ 121 00:06:12,837 --> 00:06:14,392 ... การบริหารการเปลี่ยนแปลงนี้ 122 00:06:14,392 --> 00:06:17,131 จะเป็นความท้าทายใหญ่หลวงของมนุษย์ 123 00:06:17,131 --> 00:06:19,893 นักปรัชญาชื่อ Voltaire เคยสรุปไว้ว่า 124 00:06:19,893 --> 00:06:25,170 "งานเป็นสิ่งที่ช่วยเราจากปีศาจ 3 ตัวคือ ความเบื่อหน่าย ข้อบกพร่อง ความต้องการ" 125 00:06:25,170 --> 00:06:27,741 ...ถึงแม้จะมีความท้าทายเหล่านี้ 126 00:06:27,741 --> 00:06:30,790 ผมยังมองว่าเทคโนโลยีเหล่านี้เป็นสิ่งที่ดี 127 00:06:30,790 --> 00:06:33,977 และผมเชื่อมั่นอย่างมากว่าเทคโนโลยี ยุคดิจิตอลที่เรากำลังพัฒนา 128 00:06:33,977 --> 00:06:37,533 จะพาเราไปสู่อนาคตที่สดใส 129 00:06:37,533 --> 00:06:40,566 ไม่ใช่อนาคตที่มืดมน ก่อนอธิบายว่าทำไม 130 00:06:40,566 --> 00:06:43,088 ผมขอตั้งคำถามกว้างๆคำถามนึงว่า 131 00:06:43,088 --> 00:06:45,438 อะไรเป็นสิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้นมา 132 00:06:45,438 --> 00:06:47,761 ที่มีความสำคัญต่อประวัติศาสตร์มากที่สุด? 133 00:06:47,761 --> 00:06:50,494 ผมจะแชร์คำตอบที่ได้มาให้คุณฟัง 134 00:06:50,494 --> 00:06:52,671 คำถามนี้เป็นคำถามที่น่าสนใจมาก 135 00:06:52,671 --> 00:06:54,838 เพราะเมื่อถามแล้ว จะมีข้อถกเถียงกันไม่รู้จบ 136 00:06:54,838 --> 00:06:57,159 ..หลายคนจะเอาปรัชญาต่างๆ 137 00:06:57,159 --> 00:07:00,619 จากทั้งทางตะวันตก และ ตะวันออก 138 00:07:00,619 --> 00:07:03,752 ที่เปลี่ยนความคิดของคนหลายคนต่อโลกของเรา 139 00:07:03,752 --> 00:07:06,588 และ หลายคนก็บอกว่า ไม่จริง ทุกๆเรื่อง 140 00:07:06,588 --> 00:07:09,011 พื้นฐานต่างๆบนโลกเกิดจาก ศาสนาหลักที่เรามี 141 00:07:09,011 --> 00:07:12,293 ที่เป็นตัวทำให้เกิดความเจริญ 142 00:07:12,293 --> 00:07:14,932 และเปลี่ยนความคิดของคนนับไม่ถ้วน 143 00:07:14,932 --> 00:07:17,936 ในการดำรงชีวิตแต่ละวัน และบางคนก็บอกว่า 144 00:07:17,936 --> 00:07:21,463 จริงๆแล้วสิ่งที่ผลักดันให้เกิดความเจริญ 145 00:07:21,463 --> 00:07:23,626 และเปลี่ยนชีวิตของคนมากมาย 146 00:07:23,626 --> 00:07:27,538 คือ จักรพรรดิในอดีต เพราะสิ่งต่างๆที่พัฒนามาได้ 147 00:07:27,538 --> 00:07:30,373 เพราะ การต่อสู้ และ สงคราม 148 00:07:30,373 --> 00:07:32,963 และ บางคนที่ไอเดียบรรเจิด ก็อาจจะบอกว่า 149 00:07:32,963 --> 00:07:38,651 อย่าลืมเรื่องกาฬโรคด้วย (หัวเราะ) 150 00:07:38,651 --> 00:07:41,554 หรือ หลายคนก็อาจจะตอบว่า 151 00:07:41,554 --> 00:07:43,451 ช่วงที่มีการสำรวจโลกเป็นช่วงที่ 152 00:07:43,451 --> 00:07:45,399 เปิดโลกทัศน์ของคนมากมาย 153 00:07:45,399 --> 00:07:47,501 หลายๆคนก็อาจจะพูดเกี่ยวกับ ความรู้ใหม่ต่างๆ 154 00:07:47,501 --> 00:07:49,776 เช่น ความรู้เชิงคณิตศาสตร์ที่ทำให้เรา 155 00:07:49,776 --> 00:07:53,086 จัดการกับเรื่องบนโลกได้ดีขึ้น และ หลายๆคนก็จะพูดถึง 156 00:07:53,086 --> 00:07:54,783 ช่วงเวลาที่ ศิลปะ และ วิทยาศาสตร์ 157 00:07:54,783 --> 00:07:58,585 เติบโต ฉะนั้นการโต้เถียงเลยไม่จบไม่สิ้น 158 00:07:58,585 --> 00:08:01,424 และ ไม่มีข้อสรุปใดๆ 159 00:08:01,424 --> 00:08:04,676 ไม่มีคำตอบใดคำตอบนึงสมบูรณ์ แต่ถ้าคุณเป็นพวกชอบตัวเลขเหมือนผม 160 00:08:04,676 --> 00:08:07,574 คุณคงอดถามไม่ได้ว่า "แล้วตัวเลขบอกว่าอย่างไร?" 161 00:08:07,574 --> 00:08:10,385 แล้วคุณก็จะมาเริ่มทำ กราฟ ต่างๆ 162 00:08:10,385 --> 00:08:14,488 ที่เราคิดว่าน่าสนใจ เช่น จำนวนประชากรโลก 163 00:08:14,488 --> 00:08:17,129 หรือ ตัวแปรวัดความเจริญทางสังคม 164 00:08:17,129 --> 00:08:19,640 หรือ ความก้าวหน้าของสังคม 165 00:08:19,640 --> 00:08:23,473 และถ้าคุณลองมาดูที่ตัวเลข 166 00:08:23,473 --> 00:08:26,090 จะพบว่า สิ่งที่เปลี่ยนแปลงใหญ่ๆ ของมนุษยชาติ 167 00:08:26,090 --> 00:08:28,951 คือ สิ่งที่เปลี่ยนกราฟมากที่สุด 168 00:08:28,951 --> 00:08:30,863 ... ถ้าคุณลองพลอตข้อมูล 169 00:08:30,863 --> 00:08:33,661 คุณจะได้ข้อสรุปที่ประหลาดออกมา 170 00:08:33,661 --> 00:08:36,584 คุณจะสรุปว่า สิ่งที่คนเถียงกันทั้งหมด 171 00:08:36,584 --> 00:08:41,536 ไม่ได้มีอะไรเลยที่สำคัญมากมาย (หัวเราะ) 172 00:08:41,536 --> 00:08:45,562 สิ่งพูดกันมาไม่ได้เปลี่ยนกราฟ หรือ ตัวเลขมากเลย (หัวเราะ) 173 00:08:45,562 --> 00:08:49,146 แต่มีเรื่องเดียว สิ่งเดียว 174 00:08:49,146 --> 00:08:51,752 ในประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติ ที่เปลี่ยนกราฟ 175 00:08:51,752 --> 00:08:55,798 90 องศาเลย สิ่งนั้นคือ เทคโนโลยีนั่นเอง 176 00:08:55,798 --> 00:08:58,757 เครื่องจักรไอน้ำ และ เทคโนโลยีอื่นๆที่เกี่ยวข้อง 177 00:08:58,757 --> 00:09:01,688 ในยุคอุตสาหกรรมต่างหาก ที่เปลี่ยนโลกนี้ 178 00:09:01,688 --> 00:09:04,112 และ เปลี่ยนประวัติศาสตร์มนุษยํอย่างมากมาย 179 00:09:04,112 --> 00:09:06,195 หากมองในมุมนักประวัติศาสตร์ Ian Morris 180 00:09:06,195 --> 00:09:10,272 เทคโนโลยีทำให้สิ่งอื่นๆก่อนหน้า ดูเล็กไปเลย 181 00:09:10,272 --> 00:09:13,185 ... สิ่งที่เทคโนโลยีทำคือ การทำให้ 182 00:09:13,185 --> 00:09:16,322 เราสามารถทำงานที่ออกแรงมากกว่า ขีดจำกัดกล้ามเนื้อมนุษย์หลายเท่า 183 00:09:16,322 --> 00:09:18,844 และปัจจุบัน เราก็อยู่ในช่วงที่ 184 00:09:18,844 --> 00:09:21,763 เราก็พยายามเอาชนะงานที่ ใช้ความคิดเกินขีดจำกัดของสมอง 185 00:09:21,763 --> 00:09:24,836 ให้มากกว่าที่เคยมีมาหลายเท่าเช่นกัน 186 00:09:24,836 --> 00:09:28,536 ...แต่เรื่องเอาชนะขีดจำกัดของสมอง ทำไมไม่ได้สำคัญเท่าการเอาชนะ 187 00:09:28,536 --> 00:09:31,064 ขีดจำกัดของกล้ามเนื้อละ ? 188 00:09:31,064 --> 00:09:34,442 ผมขอย้ำอีกทีว่า ถ้ามอง 189 00:09:34,442 --> 00:09:37,271 สิ่งที่เกิดขึ้นในยุคดิจิตอลปัจจุบัน 190 00:09:37,271 --> 00:09:40,097 จะพบว่า เราไม่ได้ใกล้เคียงเลยที่จะ สำเร็จจุดหมายนี้ 191 00:09:40,097 --> 00:09:42,771 และเมื่อผมมองสิ่งที่เกิดขึ้นกับ เศรษฐกิจของเรา 192 00:09:42,771 --> 00:09:45,424 และ สังคมของเรา ผมก็พอสรุปได้ว่า 193 00:09:45,424 --> 00:09:48,952 เรายังไม่เห็นอะไรเลย วันที่ดีที่สุดยังอยู่ไกลจากตอนนี้ 194 00:09:48,952 --> 00:09:50,708 ผมขอยกตัวอย่าง 2-3 ตัวอย่าง 195 00:09:50,708 --> 00:09:54,936 เศรษฐกิจไม่ได้เดินได้ด้วยพลังงาน ไม่ได้เดินได้ด้วยเงินทุน 196 00:09:54,936 --> 00:09:58,716 เศรษฐกิจไม่ได้เดินด้วยแรงงาน แต่ "เศรษฐกิจจะเดินได้จากไอเดีย" 197 00:09:58,716 --> 00:10:01,236 เพราะฉะนั้นงานประดิษฐ์สิ่งใหม่ๆ งานที่ก่อให้เกิด 198 00:10:01,236 --> 00:10:03,662 ไอเดียใหม่ๆ คืองานที่มีพลังมากที่สุด 199 00:10:03,662 --> 00:10:05,477 และ เป็นงานพื้นฐานมนุษย์ทำได้ 200 00:10:05,477 --> 00:10:09,493 ให้กับเศรษฐกิจ และ ถ้าเราอยากได้สิ่งประดิษฐ์ใหม่ๆ 201 00:10:09,493 --> 00:10:13,271 ให้เราหาคนที่มีหน้าตาคล้ายๆกัน 202 00:10:13,271 --> 00:10:16,682 (หัวเราะ) 203 00:10:16,682 --> 00:10:19,211 เอาพวกเขาออกจากสถาบันมีชื่อเสียงต่างๆ แล้วเอามา 204 00:10:19,211 --> 00:10:22,157 ใส่รวมในสถาบันใหม่ จากนั้นก็แค่รอสิ่งประดิษฐ์ใหม่ๆจากเขา 205 00:10:22,157 --> 00:10:26,167 (หัวเราะ) 206 00:10:26,167 --> 00:10:28,748 ในฐานะที่ผมเป็นหนึ่งในคนที่ทำงานที่ มหาวิทยาลัย MIT 207 00:10:28,748 --> 00:10:35,114 และ Harvard ผมไม่มีปัญหาเลยกับเรื่องนี้ (หัวเราะ) 208 00:10:35,114 --> 00:10:37,730 แต่บางคนมีปัญหา พวกเขามักจะชอบทำให้ทุกอย่างพัง และ 209 00:10:37,730 --> 00:10:40,266 ไม่ก่อให้เกิด ภาวะเอื้อหนุน ให้เกิดสิ่งประดิษฐ์ใหม่ๆ 210 00:10:40,266 --> 00:10:41,190 (หัวเราะ) 211 00:10:41,190 --> 00:10:44,834 นี่คือ ผู้ชนะจาก การแข่งขันเขียนโปรแกรม Top Coder 212 00:10:44,834 --> 00:10:47,736 ผมยืนยันได้เลยว่า ไม่มีใครสนใจว่า 213 00:10:47,736 --> 00:10:51,330 เด็กพวกนี้เกิดที่ไหน หรือ เขาจบโรงเรียนอะไรมา 214 00:10:51,330 --> 00:10:53,818 หรือ หน้าตาเขาเป็นยังไง ทุกคนดูแค่อย่างเดียวคือ 215 00:10:53,818 --> 00:10:56,639 ผลงาน และ ความคิดของพวกเขา 216 00:10:56,639 --> 00:10:58,805 และ จนแล้วจนเล่า เราก็เห็นว่ามันเกิดขึ้น 217 00:10:58,805 --> 00:11:01,151 ในโลกเทคโนโลยีตลอดเวลา 218 00:11:01,151 --> 00:11:03,607 งานที่เกี่ยวกับความคิดสร้างสรรค์ต่างๆ เริ่มเปิดกว้าง 219 00:11:03,607 --> 00:11:07,385 เริ่มโปร่งใส และ ให้รางวัลตามผลงานของแต่ละคนมากขึ้น 220 00:11:07,385 --> 00:11:10,354 ซึ่งเกิดขึ้นโดยไม่ได้สนใจเลยว่าใครจบ MIT หรือ Harvard มา 221 00:11:10,354 --> 00:11:14,034 หากมาลองคิดดู เป็นเรื่องน่ายินดีมาก ที่แนวโน้มตลาดเป็นแบบนี้ 222 00:11:14,034 --> 00:11:16,484 ... ผมได้ยินหลายคนพูดว่า "ผมเห็นด้วยนะ แต่ 223 00:11:16,484 --> 00:11:19,871 เทคโนโลยีเป็นเครื่องมือให้กับแค่คนรวย 224 00:11:19,871 --> 00:11:22,585 มันไม่ได้ช่วย 225 00:11:22,585 --> 00:11:25,940 กลุ่มคนที่มีภาวะยากจนที่สุดในสังคมเลย 226 00:11:25,940 --> 00:11:28,604 ผมบอกได้เลยว่าคำพูดพวกนี้ "ไม่สมเหตุสมผล" 227 00:11:28,604 --> 00:11:32,042 คนยากจนจริงๆแล้วได้รับผลประโยชน์ จากเทคโนโลยีมหาศาล 228 00:11:32,042 --> 00:11:34,682 นักเศรษฐศาสตร์ชื่อ Robert Jensen ได้ทำงานวิจัยงานหนึ่ง 229 00:11:34,682 --> 00:11:37,850 ซึ่งทำการศึกษาอย่างละเอียด 230 00:11:37,850 --> 00:11:41,231 ถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในหมู่บ้านชาวประมง ชื่อ Kerela ประเทศอินเดีย 231 00:11:41,231 --> 00:11:44,244 หลังจากได้มือถือใช้เป็นครั้งแรก 232 00:11:44,244 --> 00:11:46,975 ปกติเวลาคุณเขียนบทความใน Quarterly Journal of Economics 233 00:11:46,975 --> 00:11:49,872 บทความจะต้องเต็มไปด้วย ศัพท์ที่น่าเบื่อ ไม่ชวนฟัง 234 00:11:49,872 --> 00:11:52,344 แต่พอผมอ่านงานของเขา ผมรู้สึกได้เลยว่า Jensen พยายาม 235 00:11:52,344 --> 00:11:55,365 จะตะโกนบอกเรา บอกว่านี่เป็นเรื่องสำคัญมาก 236 00:11:55,365 --> 00:11:59,418 ราคาของต่างๆเริ่มนิ่ง ผู้คนในหมู่บ้านวางแผนชีวิตง่ายขึ้น 237 00:11:59,418 --> 00:12:03,541 ขยะต่างๆไม่ได้ลดลง แต่หายไปหมด 238 00:12:03,541 --> 00:12:06,012 ชีวิตของพ่อค้า และ ชาวบ้านของหมู่บ้าน 239 00:12:06,012 --> 00:12:08,510 ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด 240 00:12:08,510 --> 00:12:12,226 ... ผมไม่คิดว่า Jensen จะโชคดีมากขนาดที่ 241 00:12:12,226 --> 00:12:14,580 จะเจอหมู่บ้านแค่หนึ่งหมู่บ้าน 242 00:12:14,580 --> 00:12:17,092 ที่เทคโนโลยีทำให้ชีวิตดีขึ้น 243 00:12:17,092 --> 00:12:19,695 สิ่งที่เกิดขึ้นคือ เขากลับมาทำงานวิจัยต่อ 244 00:12:19,695 --> 00:12:22,387 แบบเดิมซ้ำแล้วซ้ำอีก กับสังคมใหม่ 245 00:12:22,387 --> 00:12:25,651 ที่เทคโนโลยีใหม่ๆ เพิ่งเข้าไปครั้งแรก 246 00:12:25,651 --> 00:12:29,615 เขาก็พบเหมือนเดิมว่า ความเป็นอยู่ของผู้คนดีขึ้นอย่างมากทุกครั้ง 247 00:12:29,615 --> 00:12:31,971 พอดูหลักฐานเหล่านี้ทำให้ผมคิดว่า 248 00:12:31,971 --> 00:12:34,447 ถ้ามองเทคโนโลยีที่จะเกิดขึ้นในอนาคต 249 00:12:34,447 --> 00:12:37,271 ผมควรจะมองเทคโนโลยีในแง่ดี ทำให้ผมนึกถึงคำพูดหนึ่ง 250 00:12:37,271 --> 00:12:40,326 ของนักฟิสิกส์ชื่อ Freeman Dyson ว่า 251 00:12:40,326 --> 00:12:44,904 มันไม่ได้เกินจริงหรอกนะ แต่เป็น คำพูดที่ตรงกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นเลยละ 252 00:12:44,904 --> 00:12:47,350 เทคโนโลยี อุปกรณ์ดิจิตอล คือ ของขวัญชั้นเยี่ยม 253 00:12:47,350 --> 00:12:50,511 และ ในตอนนี้เรามีอนาคตที่สดใสรออยู่ 254 00:12:50,511 --> 00:12:54,036 อนาคตพวกเราอยู่ท่ามกลาง ความเจริญของเทคโนโลยี 255 00:12:54,036 --> 00:12:55,694 เมื่อมันกระจาย และ ฝัง 256 00:12:55,694 --> 00:12:59,035 และ มีความสำคัญยิ่งๆขึ้นกับคนทั่วโลก 257 00:12:59,035 --> 00:13:02,253 ... มันถูกว่าหุ่นยนต์อาจจะเอางานเราไป 258 00:13:02,253 --> 00:13:06,066 แต่ นั่นเป็นการมองที่ผิดประเด็นสำคัญไปเลย 259 00:13:06,066 --> 00:13:09,319 สิ่งที่สำคัญคือ เราจะมีเวลามากขึ้นเพื่อทำอย่างอื่น 260 00:13:09,319 --> 00:13:11,977 และ ผมมั่นใจว่าสิ่งที่เราจะทำ 261 00:13:11,977 --> 00:13:15,040 จะเป็นสิ่งที่ลดความยากจน งานที่น่าเบื่อต่างๆ 262 00:13:15,040 --> 00:13:17,704 และ ความทุกข์ยาก ทั่วทุกมุมโลก และ ผมก็มั่นใจว่า 263 00:13:17,704 --> 00:13:20,736 เราจะเรียนรู้วิธีที่จะอยู่บนโลกใบนี้ อย่างมีความสุข 264 00:13:20,736 --> 00:13:24,217 และ ผมมั่นใจเป็นอย่างมากว่า สิ่งที่เรากำลังทำ 265 00:13:24,217 --> 00:13:27,138 ในการพัฒนาให้เครื่องมือดิจิตอลต่างๆ มีบทบาทมากขึ้น 266 00:13:27,138 --> 00:13:30,029 และ มีประโยชน์มากขึ้น จะทำให้ทุกอย่างดียิ่งขึ้น 267 00:13:30,029 --> 00:13:31,762 แบบทำลายสถิติเดิม เหมือนที่ผ่านมา 268 00:13:31,762 --> 00:13:34,500 ผมขอฝากคำพูดสุดท้ายให้กับ คนทุกคนที่อยู่แนวหน้า 269 00:13:34,500 --> 00:13:36,278 ที่ช่วยกันพัฒนาเทคโนโลยี 270 00:13:36,278 --> 00:13:38,843 เพื่อนเก่าของเรา Ken Jennings ซึ่งผมเห็นด้วยกับเขา 271 00:13:38,843 --> 00:13:40,204 ผมขอฝากคำพูดของเขาไว้ว่า 272 00:13:40,204 --> 00:13:44,175 "ผม ในฐานะคนหนึ่งคน ขอต้อนรับคอมพิวเตอร์ มาเป็นเจ้านายของพวกเรา" (หัวเราะ) 273 00:13:44,175 --> 00:13:47,104 ขอบคุณมากครับ (เสียงปรบมือ)