1 00:00:00,740 --> 00:00:04,160 จงเขียนการแยกตัวประกอบเฉพาะของ 75. 2 00:00:04,160 --> 00:00:07,390 เขียนคำตอบของคุณโดยใช้เลขยกกำลัง. 3 00:00:07,390 --> 00:00:08,970 เรามีสิ่งที่น่าสนใจหลายอย่าง. 4 00:00:08,970 --> 00:00:12,410 การแยกตัวประกอบเฉพาะ แล้วก็ สัญลักษณ์เลขยกกำลัง. 5 00:00:12,410 --> 00:00:15,460 เราจะคิดถึงการใช้เลขยกกำลังทีหลัง. 6 00:00:15,460 --> 00:00:18,560 อย่างแรกที่เราต้องคิดคือว่าจำนวน 7 00:00:18,560 --> 00:00:19,380 เฉพาะคืออะไร? 8 00:00:19,380 --> 00:00:22,240 เพื่อทบทวน จำนวนเฉพาะคือจำนวนที่ 9 00:00:22,240 --> 00:00:26,130 หารด้วยตัวเองหรือ 1 ลงตัวเท่านั้น ตัวอย่าง 10 00:00:26,130 --> 00:00:28,880 จำนวนเฉพาะ -- ขอผมเขียนเลขลงไปนะ. 11 00:00:28,880 --> 00:00:34,753 เฉพาะ. ไม่เฉพาะ. ไม่เฉพาะ. 12 00:00:34,760 --> 00:00:36,840 2 เป็นจำนวนเฉพาะ. 13 00:00:36,840 --> 00:00:39,850 มันหารด้วย 1 กับ 2 ลงตัวเท่านั้น. 14 00:00:39,850 --> 00:00:42,490 3 เป็นจำนวนเฉพาะอีกตัว. 15 00:00:42,490 --> 00:00:46,790 4 ไม่เป็นจำนวนเฉพาะ เพราะมัน 16 00:00:46,790 --> 00:00:49,790 หารด้วย 1, 2 และ 4 ลงตัว. 17 00:00:49,790 --> 00:00:50,580 เราก็ทำต่อไป. 18 00:00:50,580 --> 00:00:56,220 5, ทีนี้, 5 หารด้วย 1 กับ 5 ลงตัวเท่านั้น 5 จึงเป็นจำนวนเฉพาะ. 19 00:00:56,220 --> 00:00:59,920 6 ไม่ใช่จำนวนเฉพาะ เพราะมัน หารด้วย 2 กับ 3 ลงตัว. 20 00:00:59,920 --> 00:01:01,590 ผมว่าคุณคงเข้าใจแนวคิดทั่วไป. 21 00:01:01,590 --> 00:01:04,160 คุณไปที่ 7, 7 เป็นจำนวนเฉพาะ. 22 00:01:04,160 --> 00:01:06,470 มันหารด้วย 1 กับ 7 ลงตัวเท่านั้น. 23 00:01:06,470 --> 00:01:08,220 8 ไม่ใช่จำนวนเฉพาะ. 24 00:01:08,220 --> 00:01:11,440 9 คุณอาจบอกว่าเป็นจำนวนเฉพาะ แต่นึกดู 25 00:01:11,440 --> 00:01:15,420 มันหารด้วย 3 ลงตัว, 9 จึงไม่ใช่จำนวนเฉพาะ. 26 00:01:15,420 --> 00:01:18,970 จำนวนเฉพาะไม่เหมือนจำนวนคี่. 27 00:01:18,970 --> 00:01:21,400 แล้วถ้าคุณไปที่ 10, 10 ไม่ใช่จำนวนเฉพาะ. 28 00:01:21,400 --> 00:01:23,560 มันหารด้วย 2 กับ 5 ลงตัว. 29 00:01:23,560 --> 00:01:27,220 11 มันหารด้วย 1 กับ 11 ลงตัวเท่านั้น 11 จึงเป็น 30 00:01:27,220 --> 00:01:28,240 จำนวนเฉพาะ. 31 00:01:28,240 --> 00:01:29,780 เราก็ทำไปเรื่อยๆ แบบนี้. 32 00:01:29,780 --> 00:01:31,570 คนเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์เพื่อหา 33 00:01:31,570 --> 00:01:33,260 จำนวนเฉพาะที่มากที่สุด อะไรพวกนั้น. 34 00:01:33,260 --> 00:01:35,220 ทีนี้ เรารู้ว่าจำนวนเฉพาะคืออะไรแล้ว 35 00:01:35,220 --> 00:01:39,240 การแยกตัวประกอบเฉพาะ ก็คือ การแยกจำนวน อย่างเช่น 75 เป็น 36 00:01:39,240 --> 00:01:41,620 ผลคูณของจำนวนเฉพาะ. 37 00:01:41,620 --> 00:01:43,180 ลองทำดู. 38 00:01:43,180 --> 00:01:45,530 เราจะเริ่มด้วย 75, แล้วผมจะใช้ 39 00:01:45,530 --> 00:01:49,080 สิ่งที่เราเรียกว่า ต้นไม้ตัวประกอบ. 40 00:01:49,080 --> 00:01:51,750 อย่างแรก เราพยายามหาจำนวนเฉพาะ ที่น้อยที่สุด 41 00:01:51,750 --> 00:01:53,890 ที่หาร 75 ลงตัว. 42 00:01:53,890 --> 00:01:55,430 จำนวนเฉพาะที่น้อยที่สุดคือ 2. 43 00:01:55,430 --> 00:01:57,390 2 หาร 75 ลงตัวไหม? 44 00:01:57,390 --> 00:02:00,705 75 เป็นจำนวนคี่ หรือเลขในหลักหน่วย 45 00:02:00,705 --> 00:02:02,280 คือ 5 เป็นจำนวนคี่. 46 00:02:02,280 --> 00:02:06,580 5 หารด้วย 2 ไม่ลงตัว 2 จึงหาร 75 ไม่ลงตัว. 47 00:02:06,580 --> 00:02:08,090 แล้วเราลอง 3 ได้. 48 00:02:08,090 --> 00:02:09,639 3 หาร 75 ลงตัวไหม? 49 00:02:09,639 --> 00:02:12,440 ตรงนี้, 7 บวก 5 ได้ 12. 50 00:02:12,440 --> 00:02:15,480 12 หารด้วย 3 ลงตัว, 3 จึงหารได้. 51 00:02:15,480 --> 00:02:20,440 75 ก็เท่ากับ 3 คูณสักค่า. 52 00:02:20,440 --> 00:02:22,990 ถ้าคุณเคยรับเงินทอน คุณก็รู้ว่าถ้า 53 00:02:22,990 --> 00:02:25,890 คุณมีเหรียญควอร์เตอร์ 3 เหรียญ คุณจะได้ 75 เซ็นต์ หรือถ้าคุณมี 54 00:02:25,890 --> 00:02:28,930 3 คูณ 25, คุณจะได้ 75. 55 00:02:28,930 --> 00:02:31,560 นี่ก็คือ 3 คูณ 25. 56 00:02:31,560 --> 00:02:33,720 และคุณคูณออกมาได้ ถ้าคุณไม่เชื่อผม. 57 00:02:33,720 --> 00:02:35,960 คูณ 3 กับ 25 ออกมา. 58 00:02:35,960 --> 00:02:40,470 ทีนี้ 25 หารด้วย -- 59 00:02:40,470 --> 00:02:44,910 75 หารด้วย 2 ไม่ลงตัว, 25 หารด้วย 2 ไม่ลงตัว 60 00:02:44,910 --> 00:02:46,000 เช่นกัน. 61 00:02:46,000 --> 00:02:48,730 แต่ 25 อาจหารด้วย 3 ลงตัวก็ได้. 62 00:02:48,730 --> 00:02:52,290 แล้วถ้าคุณเอาเลขในหลัก 2 บวก 5, จะได้ 7. 63 00:02:52,290 --> 00:02:57,700 7 หารด้วย 3 ไม่ลงตัว 25 จึงหารด้วย 3 ไม่ลงตัว. 64 00:02:57,700 --> 00:02:59,480 เราก็เลื่อนไปยัง 5. 65 00:02:59,480 --> 00:03:01,430 25 หารด้วย 5 ลงตัวไหม? 66 00:03:01,430 --> 00:03:01,980 67 00:03:01,980 --> 00:03:03,590 แน่นอน. 5 คูณ 5. 68 00:03:03,590 --> 00:03:08,330 25 เท่ากับ 5 คูณ 5. 69 00:03:08,330 --> 00:03:11,730 เราแยกตัวประกอบเฉพาะเสร็จแล้ว 70 00:03:11,730 --> 00:03:13,390 เพราะเรามีจำนวนเฉพาะหมด. 71 00:03:13,390 --> 00:03:18,270 เราจึงเขียน 75 นั่นว่าคือ 3 คูณ 5 คูณ 5. 72 00:03:18,270 --> 00:03:25,640 75 จึงเท่ากับ 3 คูณ 5 คูณ 5. 73 00:03:25,640 --> 00:03:27,350 เราบอกได้ว่า มันคือ 3 คูณ 25. 74 00:03:27,350 --> 00:03:29,400 25 คือ 5 คูณ 5. 75 00:03:29,400 --> 00:03:33,370 3 คูณ 25, 25 คือ 5 คูณ 5. 76 00:03:33,370 --> 00:03:36,460 นี่ก็คือการแยกตัวประกอบเฉพาะ แต่เขาอยากให้เรา 77 00:03:36,460 --> 00:03:41,690 เขียนคำตอบของเราโดยใช้ เลขยกกำลัง. 78 00:03:41,690 --> 00:03:44,560 นั่นหมายความว่า ถ้าเรามี จำนวนเฉพาะซ้ำ เราก็เขียนมันเป็น 79 00:03:44,560 --> 00:03:45,920 เลขยกกำลังได้. 80 00:03:45,920 --> 00:03:48,480 5 คูณ 5 คืออะไร? 81 00:03:48,480 --> 00:03:52,380 5 คูณ 5 คือ 5 คูณตัวเองสองครั้ง. 82 00:03:52,380 --> 00:03:56,310 มันก็เหมือนกับ 5 ยกกำลังสอง. 83 00:03:56,310 --> 00:03:58,380 ถ้าเราอยากเขียนคำตอบของเรา โดยใช้เลขยกกำลัง 84 00:03:58,380 --> 00:04:03,420 เราก็บอกได้ว่า มันเท่ากับ 3 คูณ 5 85 00:04:03,420 --> 00:04:08,110 ยกกำลังสอง ซึ่งเท่ากับ 5 คูณ 5.