สวัสดีค่า วิวจากแชนเนล Point of View ค่ะ วันนี้ วิวพาทุกคนออกมาอยู่นอกสถานที่นะคะ เพราะว่าตอนนี้วิวอยู่ที่ วัดประยุรวงศาวาส นะคะ ที่ฝั่งธนฯ กรุงเทพมหานครค่ะ จะบอกว่าที่พามาที่นี่ ไม่ได้ตั้งใจจะพามาเล่าถึงประวัติศาสตร์วัด หรืออะไรนะคะ แต่จะบอกว่า ในวัดแต่ละแห่งเนี่ย มันมีศิลปะต่างๆ ซ่อนอยู่เยอะมาก! แล้วแต่ละอย่างเนี่ยนะคะ เขาสร้างขึ้นเพื่อจุดประสงค์อะไรบางอย่างที่น่าสนใจมากๆ เพราะว่าศิลปะแต่ละอย่างของไทย นอกจาก จะดูให้สวยงามแล้ว หลายๆ ครั้ง มันยัง ตอบโจทย์การใช้ชีวิตของเราในด้านต่างๆ ด้วยนะคะ โดยเฉพาะ ศิลปะในวัดเนี่ย ที่เขาบอกว่าสมัยโบราณ ศิลปะ เจริญก้าวหน้าที่สุดมักจะอยู่แค่ในวัดกับในวังเท่านั้น ที่นี่ก็เช่นกันค่ะ เดี๋ยววิวจะพาไปดูนะคะว่านอกจาก ที่เขาสร้างขึ้นมาเพื่อความสวยงามแล้วเนี่ย แต่ละอย่างเขาสร้างขึ้นมา เพื่ออะไร และเขาต้องการแฝงแนวคิดอะไรไว้ค่ะ ดังนั้น ถ้าทุกคนพร้อมจะฟังเรื่องราวที่ทั้งสนุกและมีสาระแล้วล่ะก็ ไปฟังกันเลยค่ะ วัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร เป็นพระอารามหลวงชั้นโท สร้างขึ้นในสมัย รัชกาลที่ 3 โดยสมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาประยุรวงศ์ หรือเรียกอีกชื่อนึงว่า ดิศ บุนนาค นะคะ ถ้าใครแม่นประวัติศาสตร์ไทยหน่อยก็จะรู้ว่าตระกูลบุนนาคเนี่ย เป็นตระกูลสำคัญของไทย โดยเฉพาะสมัย ต้นรัตนโกสินทร์นะคะ อย่างสมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาประยุรวงศ์ ผู้สร้างวัดนี่ ดำรงตำแหน่ง เป็นถึงเจ้าพระยาพระคลัง ดูแลกรมท่า แปลว่านอกจากดูแลกระทรวงการคลังปัจจุบันแล้ว ยังดูแลกระทรวงต่างประเทศด้วยนะ เพราะกรมท่านี่ ดูแลเรื่องการค้าขายกับต่างประเทศค่ะ ตำแหน่งเดียวนี่คิดว่าใหญ่แล้วใช่มั้ย จริงๆ แล้วท่านควบอีกตำแหน่งนึงด้วยนะคะ นั่นก็คือ สมุหพระกลาโหม ดูแลกระทรวงกลาโหมด้วยเลยทีเดียว เรียกได้ว่า ใหญ่สุดๆ เลยค่ะ นอกจากนี้นะ ลูกชายท่านก็ดังใช่ย่อย หลายๆ คนน่าจะรู้จัก สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์ หรือที่เรียกชื่ออีกชื่อนึงว่า ช่วง บุนนาค คนที่เป็นผู้สำเร็จราชการแทนในช่วงต้นรัชกาลที่ 5 นั่นแหละ ลูกชายท่านเลยนะ นอกเรื่องไปไกลนะคะ กลับเข้าเรื่องวัดดีกว่า หลังจากที่ท่านสร้างวัดนี้ขึ้นมานะคะ ท่านก็ถวายให้เป็นพระอารามหลวง รัชกาลที่ 3 ก็เลยพระราชทานชื่อวัดค่ะว่า วัดประยุรวงศาวาส ตามราชทินนาม ของคนสร้างวัดนั่นเองนะ แต่ชาวบ้านน่ะ เขาไม่เรียกวัดประยุรกันหรอก สมัยนั้น ชื่อมันหรูหราไฮโซไป เขาจะเรียกว่า วัดรั้วเหล็ก เพราะว่ารั้วของวัดนี้เป็นเหล็ก ทำมาจากรูปอาวุธต่างๆ นะคะ ถ้าใครไปเที่ยวก็จะเห็นรูปหอก รูปอะไรเต็มไปหมดเลย ซึ่ง รั้วเนี้ย สมเด็จเจ้าพระยาท่านสั่งนำเข้ามาจากอังกฤษเลยทีเดียวนะคะ วัดนี้นะคะ ได้รับการยกย่องให้เป็น สถานที่ที่ได้รับรางวัล Award of Excellence ด้านการอนุรักษ์ทางวัฒนธรรมในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ของยูเนสโกด้วยนะคะ ที่สำคัญในวัดนี้ ในวัดนี้มีอะไรน่าสนใจเยอะมากๆ เลยให้เราไปชมกัน ก็เรียกว่าถ้ารู้จักทุกจุดอย่างละเอียด ชอบดูรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ทางประวัติศาสตร์แล้วเนี่ยนะคะ วันเดียวเที่ยวไม่หมดแน่ๆ ดังนั้น วันนี้ วิวไม่ขอพาไปทุกที่ในวัดนะคะ มันอาจจะเยอะเกินไปนิดนึง วันนี้ขอพาไปแค่ สองจุดก็พอ เบาๆ เบาะๆ จุดแรกนะคะ เราไปเริ่มที่ พระบรมธาตุเจดีย์กันเลยดีกว่าค่ะ เดินเข้ามา ทางเข้าของพระบรมธาตุเจดีย์นะคะ ก็จะเจอ พิพิธภัณฑ์ก่อนเลย พิพิธภัณฑ์นี้นะคะตั้งอยู่ใน พรินทรปริยัติธรรมศาลานะคะ เป็นศาลาสไตล์ยุโรป ที่ลูกชายคนเล็กของสมเด็จเจ้าพระยา ที่สร้างวัดเนี่ย สร้างถวาย เพื่ออุทิศ ส่วนกุศลให้พ่อแล้วก็แม่ของตัวเองนี่แหละ ตอนแรกนะคะ ตั้งใจให้เป็นที่ศึกษาพระปริยัติธรรมต่างๆ ต่อมากระทรวงธรรมการ หรือว่าปัจจุบันนี้ได้เปลี่ยนชื่อ เป็นกระทรวงศึกษาธิการเนี่ย ใช้ศาลานี้เป็นห้อง อ่านหนังสือของประชาชนในวัดนะคะ ก็เลยถือว่า ที่นี่เป็นห้องอ่านหนังสือของประชาชนที่อยู่ในวัด แห่งแรกของประเทศไทยค่ะ อยากรู้มั้ยทำไมอยู่ดีๆ อาคารนี้ถึงกลายมาเป็นพิพิธภัณฑ์ได้ คือจริงๆ แล้ว ตอนแรกเนี่ยนะคะ พระบรมธาตุเจดีย์เนี่ย เสื่อมโทรมไปตามกาลเวลาต่างๆ ค่ะ เขาก็เลยคิดว่า จะบูรณะพระบรมธาตุเจดีย์กัน แต่ว่าพอจะบูรณะ เขาก็คิดว่า เออ ไหนๆ ก็ไหนๆ ไปเชิญพระบรมสารีริกธาตุจากศรีลังกา มาแล้วประดิษฐานไว้ด้านบนดีกว่า ทีนี้ พอจะประดิษฐานองค์ใหม่ใช่ปะ ก็ต้องเปิดเจดีย์องค์เก่า เข้าไป เปิดเข้าไปถึง อู้หู กรุพระเก่าเต็มเลยนะคะ นอกจากนี้ ยังมี พระบรมสารีริกธาตุองค์เดิมบรรจุอยู่แล้วด้วยค่ะ เขาก็เลยตัดสินใจว่า เอ้า ของที่มันมีอยู่แล้ว เราก็ไว้ ที่เดิมแล้วกัน ดังนั้นก็เลยเอาพระบรมสารีริกธาตุ องค์เดิมไว้ที่เดิม ส่วนพระต่างๆ ที่เจอจากกรุ ก็เอามาไว้ที่อาคารนี้แหละค่ะ จัดเป็นพิพิธภัณฑ์เลย แล้วก็เอาพระบรมสารีริกธาตุจากศรีลังกา ที่อัญเชิญมา ตั้งใจจะไว้ข้างบนเนี่ย มาไว้ที่นี่ด้วยค่ะ นี่ยังเดินไปไม่ถึงตัวพระบรมธาตุเจดีย์เลยนะคะ เวิ่นขนาดนี้แล้ว เดี๋ยวเข้าไปดูข้างในกันดีกว่าค่ะ สิ่งนึงที่หลายๆ คนมาแล้วชอบเดินมั่วคือ ชอบคิดว่าแบบ พอมันมีบันได ขึ้นทางไหนก็ได้ จะบอกว่าที่นี่ ทางขึ้นกับทางลงมันเป็นคนละด้านกัน แล้วก็มันมีเหมือนแบบ กุศโลบายบางอย่าง แทรกอยู่ในทางขึ้นกับทางลง เราไปดูกันว่าทำไมเราถึงควรเดินตามที่เขาบอกว่า ทางขึ้นคือทางนี้ ทางลงเดินทางนี้ นะคะ พระบรมธาตุเจดีย์ เป็นเจดีย์ขนาดใหญ่นะคะ สร้างขึ้นโดยสมเด็จเจ้าพระยา เหมือนกับวัดเลย แต่ว่า สร้างไม่ทันเสร็จ สมเด็จเจ้าพระยาก็ถึงพิราลัยก่อน ลูกชาย หรือว่าสมเด็จเจ้าพระยา บรมมหาศรีสุริยวงศ์ หรือว่าช่วง บุนนาค ก็เลยสร้างต่อจนเสร็จค่ะ ซึ่งถือกันว่า พระบรมธาตุเจดีย์ วัดประยุรวงศาวาสเนี่ยนะคะ เป็นเจดีย์ขนาดใหญ่และสูง ที่สุดในกรุงเทพมหานครค่ะ ขึ้นมาข้างบน พระอาทิตย์ตกดินพอดีเลย สิ่งที่เราทำได้คืออะไรคะ ไม่ใช่ถ่ายรูปค่ะ ชมวิวนั่นเอง! ชมสิคะ เวลาเดินข้างใน ต้องมีสติ ไม่งั้นจะชน เข้าไปด้านในนะคะ จะเห็นเสาแกนกลาง ขององค์เจดีย์ค่ะ หรือที่เราเรียกว่า เสาคูน นั่นเอง เป็นเสาขนาดใหญ่นะคะ กว้างด้านละ 2 เมตร สูงถึง 18 เมตรเลยทีเดียว นอกจากนี้ หนักถึง 144 ตันนะคะ ตัวเสาเนี่ย ก่อด้วยอิฐโบราณ ส่อด้วยปูน ซึ่งปูนสมัยก่อนก็คือเป็นปูนหมักน้ำอ้อย แล้วก็ใช้กาวหนังนะคะ เสานี้ ใช้เป็นศูนย์กลางขององค์เจดีย์ เลยนะคะ แล้วก็ใช้สำหรับวางพวกไม้นั่งร้าน ต่างๆ ตอนที่ก่อสร้างองค์เจดีย์ นอกจากนี้ ถือว่าเป็นเสาค้ำบัลลังก์ ปลียอดเจดีย์ด้วยค่ะ ปลียอดเจดีย์เนี่ยนะคะ ก็คือตรงที่อยู่เหนือตรงที่มัน ยึกๆๆ ด้านบนเจดีย์นั่นแหละค่ะ ก็คือ ค้ำไว้ไม่ให้มันร่วงลงมานะคะ ซึ่งเจดีย์ที่มีเสาอิฐเป็นแกนกลางแบบนี้นะคะ ในยุครัตนโกสินทร์ มีที่นี่ที่เดียวค่ะ นี่ล่ะค่ะที่บอกว่าเป็นกุศโลบาย ทางออกนี่แหละ คือหลายๆ คนอาจจะสงสัยว่าทำไมต้องคลานออกมา อะไรยังไง คือมันเป็นกุศโลบายให้เรารู้สึกว่าแบบ เราจะต้องมีสติ หลังจากไหว้พระมาแล้ว หลายคนไหว้พระเสร็จแล้วก็เดินลั้นลาออกมา ทิ้งสติไว้กับพระเรียบร้อยนะคะ แต่ว่าจริงๆ ศาสนาพุทธพูดเรื่องสติค่อนข้างมากใช่มั้ย ดังนั้น แม้ว่าเราจะไหว้พระ ไหว้พระธาตุเสร็จแล้ว ตอนที่เรา จากไป อย่าลืมพกสติออกมาด้วย เพราะว่าถ้าใครลอดออกมาแบบไม่มีสติแล้วนั้น ถามคุณภูเขาที่อยู่หลังกล้องได้นะคะว่าหัวโขกไปกี่รอบ สมัยก่อนเขาชอบบอกว่าเวลาเข้าหาพระ เข้าหาเจ้า ต้องแสดงความลำบากนิดนึง เหมือนญี่ปุ่นใช่มั้ย ญี่ปุ่นต้องปีนบันไดขึ้นไปสูงๆ ตั่งต่าง หน้าศาลเจ้า เนี่ยล่ะค่ะ ไทยเราก็ไม่แพ้เลยนะ ขึ้นว่ายากแล้ว ลง อยากให้ทุกคนได้เห็นความชันนี้ คุณพระ ใครมีร้านน่งร้านนวด สปอนเซอร์ได้นะคะ เชื่อว่าเดินลงไปนี่เกร็งขาแบบ กล้ามเนื้อสั่นดิ๊กๆ แน่นอน สงสารใครรู้มั้ย สงสารคนที่อยู่หลังกล้องที่เดินตามถ่ายนี่แหละ - โหย ชิวๆ - โอ๊ย! ภูเขาาาา - ชิวๆ (สะอื้น) ชิว ชิววว - ไปให้ถึงข้างล่างนะจ๊ะ! หน้าตาของตากล้องเราวันนี้ อีกสิ่งหนึ่งที่น่าสนใจที่นี่นะคะ ก็คือ เขามอนั่นเอง เคยได้ยินคำว่าเขามอกันมั้ย ถ้าใครที่อ่านพวกสี่แผ่นดิน หรือว่าอ่านนิยายเก่าๆ ช่วงต้นรัตนโกสินทร์นะคะ จะได้ยินคำว่าเขามอแน่นอน เขามอเนี่ยคือของเล่นที่แบบ ยอดนิยมมากๆ ของผู้ดี ในสมัยต้นรัตนโกสินทร์นะคะ เพราะว่า คือสมัยก่อนน่ะเวลาเราจะออกไปเที่ยวต่างจังหวัด มันไม่ได้ง่ายไง ดังนั้น คนในกรุงเทพ โอกาสน้อยมากที่จะเห็นภูเขา เพราะว่าเราอยู่ในที่ราบลุ่มภาคกลางนะคะ เมื่อเขาอยากดูพวก ทัศนียภาพอะไรสวยๆ ภูขงภูเขา เขาก็เลยย่อภูเขาทั้งลูก ไม่ได้หมายถึงภูเขาที่อยู่หลังกล้อง หมายถึงภูเขาจริงๆ มาเป็นภูเขาจำลอง แล้วก็ตกแต่งสวยงาม ซึ่งเขามอตอนนี้หาดูได้ยากมากนะคะ ที่นึงที่เราสามารถ หาดูได้ตอนนี้ แต่เชื่อว่าหลายๆ คนน่าจะไม่มีโอกาสได้เข้าไป คือในพระบรมมหาราชวัง ตรงพระราชฐานชั้นในนะ ซึ่งตรงนั้นก็เป็นอีกอย่างนึงเลย แต่ว่า ที่ที่เราสามารถหาดูได้เนี่ย ที่นึงเลยคือที่นี่แหละค่ะ ที่วัดประยุรวงศาวาส ทีนี้ อยากรู้กันมั้ยว่าทำไมเขาถึงเรียกว่าเขามอ คือคำว่ามอ มาจากคำว่า ทมอ ภาษาเขมรนะคะ ซึ่งมันแปลว่าหิน ดังนั้นเขามอก็คือพูดตรงๆ เลยว่า เขาหิน นั่นเองค่ะ เห็นด้านหลังวิวนี้มั้ย ที่เป็นอะไรก็ไม่รู้ 3 ชิ้น จะบอกว่าเป็นของที่บันทึกเหตุการณ์สำคัญมากๆ ในประวัติศาสตร์ไทย นะคะ ไม่รู้กันล่ะสิว่ามันซ่อนอยู่ นี่คืออนุสาวรีย์ปืนใหญ่ 3 กระบอกนะคะ ที่สร้างขึ้น เพื่อบันทึกเหตุการณ์ที่ ครั้งนึงในวัดประยุรวงศาวาสเนี่ย เคยมีเหตุการณ์ ปืนใหญ่ระเบิดแตกบึ้มขึ้นมา เหตุการณ์ที่ว่านะคะ เกิดขึ้นตอนฉลองวัดประยุรวงศาวาสนี่แหละค่ะ สร้างวัดเสร็จก็ต้องฉลองใช่มั้ย ทีนี้ ตอนนั้นวัดนี้ถือเป็นวัดใหญ่มาก จะฉลองก็ต้อง ฉลองให้แบบอลังการงานสร้ าง นึกออกปะ อะไรจะอลังไปกว่าจุดพล้งจุดพลุดอกไม้ไฟอะไรอย่างนี้นะคะ ซึ่งตอนนั้นน่ะ มีการเอาปืนใหญ่ฝังลงไปในดิน เสร็จแล้วก็ ตั้งใจจะจุดให้เป็นพลุ อย่างนี้ ปรากฏว่า ปืนใหญ่ระเบิด! รอบนั้นก็เลยมีคนบาดเจ็บล้มตายเยอะมากเลยนะคะ แล้วบังเอิญว่ารอบนั้นน่ะ มีพระรูปนึงบาดเจ็บสาหัสเลย คือกระดูกแขนแตก ซึ่งถ้าเป็นสมัยโบราณ กระดูกแตกนี่ก็คือ แป๊บเดียวก็ตายแล้วล่ะ รักษาไม่ได้นะ จะไปรักษายังไงอะ คนไทยโบราณทำได้ก็คือ ห้ามเลือดน่ะนะคะ ปรากฏว่าโชคดี มีคนดังคนนึง บ้านอยู่ห่างวัดแค่ 250 เมตร คนนั้นนะคะก็คือ นายแพทย์แดน บีช บรัดเลย์ นั่นเอง จำหมอบรัดเลย์กันได้ มั้ยคะ ที่วิวเคยพูดถึงไปตอนที่พูดเรื่องคำด่ากับ ซาร์ต Sunbeary นะคะ ทีนี้ เข้าเรื่องค่ะ พอมีคนไปตามหมอบรัดเลย์มาเนี่ย หมอบรัดเลย์ก็แบบว่า อ้าว กระดูกแขนแตก ก็จะไปอะไรล่ะ แขนแตกก็ตัดแขนทิ้งสิ ดังนั้นนะคะ การผ่าตัดครั้งแรกของประเทศไทย ก็เลยเกิดขึ้นในวันนั้นนั่นเองค่ะ อีกอย่างที่ผู้ดีสมัยโบราณนิยมเล่นนอกจากเขามอนะคะ ก็คือไม้ดัดนั่นเอง เราก็จะเห็นนะคะว่ารอบๆ เขามอนี้มีไม้ดัดประดับอยู่เต็มไปหมดเลยค่ะ เป็นไงกันบ้างคะ พาเที่ยววัดประยุรวงศาวาสวันนี้ เจออะไรดีๆ น่าสนใจกันเยอะแยะมากมายเลยใช่มั้ยคะ จะบอกว่า สถานที่ต่างๆ ในกรุงเทพมหานครเนี่ย ไม่ว่าจะเป็นวัดหรือเป็นอะไรก็ตาม มันมีสิ่งที่ น่าสนใจ ซ่อนอยู่เยอะมาก แค่เรารู้จักประวัติของมัน แล้วเราก็มองหามันเจอค่ะ ดังนั้น ถ้าใครอยากให้ วิวพาไปเที่ยวที่ไหนอีก ไม่ว่าจะเป็นในกรุงเทพ นอกกรุงเทพ ต่างประเทศ หรือในประเทศ สามารถคอมเมนต์บอกกันด้านล่างได้เลยนะคะ แล้วถ้าใครชื่นชอบคลิปนี้ อย่าลืมกดไลก์เป็นกำลังใจให้วิว แล้วก็กดแชร์เพื่อชวนเพื่อนๆ มาดูด้วยกันค่ะ แล้วพบกันใหม่โอกาสหน้านะคะ บ๊ายบาย สวัสดีค่ะ ก็ถ้าใครอยากให้ไปเที่ยวนะคะ โดยเฉพาะลูกค้าทั้งหลาย สามารถสปอนเซอร์ให้ไปได้ ที่ไหนก็ได้ ยินดีมากๆ เลย จะสามารถ หาเรื่องที่น่าสนใจในสถานที่ต่างๆ ขึ้นมาเล่าได้ ใครอยากให้วิวไปเที่ยวแบบมีสาระก็ ติดต่อมานะคะ อีเมลอยู่ด้านล่าง - ขายของเก่ง - นี่ไง ขายของเก่ง จ้างได้ เชื่อยัง