WEBVTT 00:00:00.000 --> 00:00:05.000 อาร์ เอส เอ แอนนิเมท 00:00:05.000 --> 00:00:09.000 เลน แมคกิลคริสต์ - ซีกสมอง และ การสร้างสังคมตะวันตก 00:00:09.000 --> 00:00:14.000 เรื่องราวการแบ่งซีกสมองนั้น เป็นสิ่งที่นักประสาทวิทยาไม่อยากพูดถึงอีกต่อไป 00:00:14.000 --> 00:00:18.000 มันเป็นเรื่องราวที่ได้รับความนิยมอย่างยิ่งในทศวรรษที่ 60 และ 70 00:00:18.000 --> 00:00:21.000 หลังจากการผ่าตัดแยกสมองครั้งแรก 00:00:21.000 --> 00:00:24.000 และมันก็กลายเป็นเรื่องที่รู้กันแพร่หลายโดยทั่วไป 00:00:24.000 --> 00:00:28.000 จากนั้นมากลับถูกพิสูจน์ว่าผิดทั้งหมด 00:00:28.000 --> 00:00:32.000 มันไม่จริงที่ว่าสมองส่วนหนึ่งทำหน้าที่เกี่ยวกับเหตุผล 00:00:32.000 --> 00:00:35.000 และอีกส่วนหนึ่งเกี่ยวกับอารมณ์ความรู้สึก 00:00:35.000 --> 00:00:37.000 สมองทั้งสองส่วนเกี่ยวพันกันอย่างลึกซึ้งกับทั้งสองหน้าที่ 00:00:37.000 --> 00:00:41.000 มันไม่จริงที่ว่าการใช้ภาษาขึ้นอยู่กับสมองซีกซ้าย 00:00:41.000 --> 00:00:44.000 ไม่ใช่ส่วนสำคัญในสมองซีกขวา 00:00:44.000 --> 00:00:47.000 มันไม่จริงที่ว่าการมองเห็นภาพขึ้นอยู่กับสมองซีกขวาเท่านั้น 00:00:47.000 --> 00:00:49.000 มันมีส่วนที่อยู่ในซีกซ้ายมากมาย 00:00:49.000 --> 00:00:52.000 และเมื่อความเชื่อเดิมๆ สิ้นไป ผู้คนจึงเลิกพูดถึงมัน 00:00:52.000 --> 00:00:55.000 แต่โดยแท้จริงปัญหาจะยังไม่หมดไป 00:00:55.000 --> 00:00:57.000 เพราะว่าอวัยวะนี้ [สมอง] ซึ่งทั้งหมดนั้นเกี่ยวกับการเชื่อมความสัมพันธ์ 00:00:57.000 --> 00:01:00.000 ถูกแบ่งแยกกันอย่างสลับซับซ้อน 00:01:00.000 --> 00:01:02.000 มันอยู่ภายในพวกเราทุกคน 00:01:02.000 --> 00:01:06.000 และมันถูกแบ่งแยกมากขึ้นตลอดเส้นทางพัฒนาการของมนุษย์ 00:01:06.000 --> 00:01:12.000 สัดส่วนของ "คอร์ปัส คาโลซัม" ต่อปริมาตรของ "เฮมิสเฟียร์" ได้เล็กลงตลอดช่วงวิวัฒนาการ และ 00:01:12.000 --> 00:01:19.000 เรื่องราวยิ่งสลับซับซ้อน เมื่อคุณตระหนักความจริงว่า ในการทำงานหลักหากไม่ใช่เป็นของ "คอร์ปัส คาโลซัม" 00:01:19.000 --> 00:01:23.000 โดยแท้จริงก็เพื่อยับยั้ง "เฮมิสเฟียร์" อีกข้างหนึ่ง 00:01:23.000 --> 00:01:28.000 ดังนั้นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งที่กำลังดำเนินไป เกี่ยวข้องกับการแยกส่วนต่างๆ ออกจากกัน 00:01:28.000 --> 00:01:32.000 และไม่เพียงแต่สมองจะอสมมาตร [ภาพวาดของสมองส่วน "ยาคอพเลเวียน ทอร์ค" มองจากด้านล่าง] 00:01:32.000 --> 00:01:38.000 มันกว้างกว่าตรงด้านหลังข้างซ้าย และกว้างกว่าตรงด้านขวาข้างหน้า และยื่นออกไปข้างหน้าและข้างหลัง 00:01:38.000 --> 00:01:41.000 มันราวกับว่ามีใครจับสมองไว้จากด้านล่าง และบิดมันไปตามเข็มนาฬิกา 00:01:44.000 --> 00:01:47.000 ทั้งหมดนั้นเกี่ยวกับอะไร? 00:01:47.000 --> 00:01:51.000 ถ้าใครต้องการเนื้อที่สมองมากขึ้น เขาจะทำมันขึ้นอย่างสมมาตร กะโหลกศีรษะนั้นสมมาตร 00:01:51.000 --> 00:01:53.000 กล่องที่ใช้บรรจุสิ่งเหล่านี้นั้น มีรูปทรงสมมาตร 00:01:53.000 --> 00:01:58.000 ทำไมต้องไปมีปัญหากับการขยาย "เฮมิสเฟียร์" ข้างหนึ่งออกนิดหน่อย และอีกข้างออกอีกนิดหน่อย 00:01:58.000 --> 00:02:00.000 เว้นแต่ว่าทั้งสองข้างทำหน้าที่ต่างกัน 00:02:00.000 --> 00:02:01.000 พวกมันทำหน้าที่อะไรเล่า? 00:02:01.000 --> 00:02:03.000 แน่ละ มันไม่ใช่แค่เราที่มีสมองแบ่งซีกเช่นนี้ 00:02:03.000 --> 00:02:07.000 นกต่างๆ และสัตว์อื่นๆ ต่างก็มีสมองในแบบเดียวกัน 00:02:07.000 --> 00:02:09.000 ผมคิดว่าวิธีง่ายที่สุดที่จะคิดถึงมัน ก็โดยการจินตนาการ 00:02:09.000 --> 00:02:15.000 นกพยายามเสาะหากินเมล็ดพืชจากพื้นที่เต็มไปด้วยก้อนกรวดก้อนหิน 00:02:15.000 --> 00:02:20.000 มันต้องพุ่งเป้าสนใจในมุมแคบๆ และอย่างชัดเจน บนเมล็ดพืชเล็กๆ 00:02:20.000 --> 00:02:25.000 และสามารถจิกแยกมันออกมาจากกรวดบนพื้น 00:02:25.000 --> 00:02:27.000 แต่ในขณะเดียวกัน ถ้ามันจะมีชีวิตอยู่รอดต่อไป มันยังต้อง 00:02:27.000 --> 00:02:37.000 มีความระแวดระวังให้ความสนใจกับสิ่งต่างๆ รอบตัว มันต้องระวังสัตว์นักล่า, หรือสัตว์ที่เป็นมิตร, พวกเดียวกัน หรืออะไรก็ตามที่กำลังเกิดขึ้น 00:02:37.000 --> 00:02:43.000 มันดูเหมือนว่าพวกนก และสัตว์ต่างๆ ต้องพึ่งพาใช้งานสมองซีกซ้ายของพวกมันมากทีเดียว 00:02:43.000 --> 00:02:49.000 สำหรับการเพ่งความสนใจในมุมแคบ ไปยังบางสิ่งที่พวกมันรู้จักอยู่แล้ว นับเป็นสิ่งสำคัญสำหรับพวกมัน 00:02:49.000 --> 00:02:53.000 และพวกมันใช้สมองซีกขวาคอยระวังภัยในมุมกว้าง 00:02:53.000 --> 00:02:56.000 สำหรับอะไรก็ตามที่อาจเกิดขึ้น โดยปราศจากการตระหนักรู้ว่าอะไรอาจเกิดขึ้น 00:02:56.000 --> 00:02:59.000 พวกมันใช้สมองซีกขวาด้วยสำหรับการเชื่อมความสัมพันธ์กับโลก 00:02:59.000 --> 00:03:04.000 ดังนั้นพวกมันจึงจับคู่ผสมพันธุ์กัน และผูกสัมพันธ์กับคู่ของพวกมันมากขึ้น 00:03:04.000 --> 00:03:06.000 ด้วยการใช้สมองซีกขวา 00:03:06.000 --> 00:03:09.000 แต่แล้วเมื่อคุณย้อนกลับมายังมนุษย์ 00:03:09.000 --> 00:03:14.000 มันเป็นความจริงว่า ในหมู่มนุษย์ด้วยกันนั้น การให้ความสนใจชนิดนี้ เป็นความแตกต่างอย่างใหญ่หลวงอย่างหนึ่ง 00:03:14.000 --> 00:03:20.000 สมองซีกขวานั้นให้ความตื่นตัว เตรียมพร้อม ระแวดระวัง อย่างต่อเนื่อง ในมุมกว้าง เปิดโล่ง 00:03:20.000 --> 00:03:25.000 ส่วนสมองซีกซ้ายนั้นให้ความสนใจในรายละเอียด พุ่งเป้าสนใจในมุมแคบ 00:03:25.000 --> 00:03:31.000 ผู้คนที่สูญเสียสมองซีกขวาไปนั้น จะมีอาการที่ขอบเขตการให้ความสนใจสิ่งต่างๆ แคบลง 00:03:31.000 --> 00:03:33.000 [ปรากฏการณ์ร้ายแรงที่สุดที่เกิดขึ้นก็คือ ผู้ได้รับความทุกข์อาจไม่รับรู้ความรู้สึกของร่างกายซีกซ้าย] 00:03:33.000 --> 00:03:36.000 แต่มนุษย์นั้นแตกต่างออกไป 00:03:36.000 --> 00:03:38.000 สิ่งที่ยิ่งใหญ่ของมนุษย์ คือ สมองส่วนหน้าของพวกเขา 00:03:38.000 --> 00:03:44.000 และจุดประสงค์ของสมองส่วนนี้ ก็คือ เพื่อปิดกั้นสมองส่วนที่เหลือ 00:03:44.000 --> 00:03:47.000 เพื่อหยุดเหตุที่เกิดขึ้นทันทีทันใด 00:03:47.000 --> 00:03:52.000 ดังนั้นจึงถอยหลังได้ทันเวลา และเว้นระยะห่างด้วยความฉับไวอันเกิดจากประสบการณ์ 00:03:52.000 --> 00:03:54.000 นั่นช่วยให้เราสามารถทำสองสิ่ง 00:03:54.000 --> 00:03:59.000 มันช่วยให้เราสามารถทำสิ่งที่พวกนักประสาทวิทยามักบอกพวกเราเสมอ ในสิ่งที่เราทำได้ดี... 00:03:59.000 --> 00:04:03.000 ซึ่งเป็นการเอาชนะพวกอื่นด้วยสติปัญญา "อันเป็นการใช้เล่ห์เหลี่ยมกลลวง" 00:04:03.000 --> 00:04:07.000 และนั่นมันน่าสนใจสำหรับผม เพราะว่ามันถูกต้องอย่างยิ่ง 00:04:07.000 --> 00:04:12.000 พวกเราสามารถอ่านใจและเจตนาของคนอื่นๆ และถ้าเราต้องการเราสามารถหลอกลวงพวกเขาได้ 00:04:12.000 --> 00:04:21.000 แต่เรื่องเล็กน้อยที่มักทำให้พลาดโอกาสอย่างน่าแปลกใจเสมอๆ ในที่นี้ นั่นก็คือ ม้นช่วยให้เราเอาใจใส่ในเบื้องแรก 00:04:21.000 --> 00:04:24.000 เพราะว่าม้นมีระยะห่างที่จำเป็นบางชนิดในสังคมมนุษย์ 00:04:24.000 --> 00:04:26.000 ถ้าคุณประสบปัญหา คุณก็เพียงฟัดกับมัน 00:04:26.000 --> 00:04:31.000 แต่ถ้าคุณสามารถถอยหลังและเห็นบุคคลอื่นเป็นปัจเจกชนเช่นเดียวกับผม 00:04:31.000 --> 00:04:36.000 ผู้ซึ่งอาจมีความสนใจ และคุณค่า และความรู้สึก เช่นเดียวกับของผม 00:04:36.000 --> 00:04:38.000 หลังจากนั้นคุณสามารถสร้างความสัมพันธ์ 00:04:38.000 --> 00:04:40.000 มันมีระยะห่างที่จำเป็นบางชนิด อย่างเช่นที่ใช้ในการอ่าน 00:04:40.000 --> 00:04:43.000 หากใกล้เกินไป คุณก็ไม่สามารถเห็นอะไร หากไกลเกินไป คุณก็ไม่สามารถอ่านมัน 00:04:43.000 --> 00:04:51.000 ดังนั้นระยะห่างในสังคมมนุษย์ที่ถูกจัดวางไว้ จึงเป็นความสร้างสรรค์อันลึกซึ้งของทั้งหมดในความเป็นมนุษย์ 00:04:51.000 --> 00:04:53.000 ทั้งเล่ห์เหลี่ยมกลลวง 00:04:53.000 --> 00:04:54.000 และค่านิยมเกี่ยวกับมนุษย์และเทวะ 00:04:54.000 --> 00:05:00.000 บัดนี้เพื่อจัดการเกี่ยวกับเล่ห์เหลี่ยมกลลวง เพื่อชักนำควบคุมสังคมมนุษย์ ซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างมากมาย 00:05:00.000 --> 00:05:03.000 พวกเราจำเป็นต้องมีความสามารถที่จะใช้, ปฏิบัติต่อกันกับสังคมมนุษย์ และใช้มันเพื่อประโยชน์ของพวกเรา 00:05:03.000 --> 00:05:05.000 อาหารเป็นจุดเริ่มต้น 00:05:05.000 --> 00:05:12.000 แต่ทว่า, ด้วยความสามารถในการทำความเข้าใจด้วยสมองซีกซ้ายของเรา เราใช้มือขวาของพวกเราสำหรับหยิบจับสิ่งของ และสร้างเครื่องไม้เครื่องมือ 00:05:12.000 --> 00:05:17.000 เราใช้ส่วนที่เกี่ยวกับภาษาด้วยเพื่อเข้าใจสิ่งต่างๆ ที่เราใช้พูดถึงกัน มันให้รายละเอียดของสิ่งต่างๆ 00:05:17.000 --> 00:05:25.000 ดังนั้นเมื่อเรารู้ถึงความสำคัญของบางสิ่งบางอย่างแล้ว และเราต้องการความถูกต้องเที่ยงตรงเกี่ยวกับมัน เราใช้สมองซีกซ้ายในการทำหน้าที่นั้น 00:05:25.000 --> 00:05:28.000 และเพื่อทำสิ่งนั้น เราต้องการชุดความเป็นจริงที่ง่ายขึ้น 00:05:28.000 --> 00:05:37.000 มันไม่ใช่เรื่องดี หากคุณกำลังต่อสู้ในสนามรบหนึ่ง, มีข้อมูลทุกอย่างเกี่ยวกับชนิดของพืชที่เจริญเติบโต.. บนภูมิประเทศของการสู้รบ 00:05:37.000 --> 00:05:42.000 สิ่งที่คุณจำเป็นต้องรู้คือรายละเอียดเฉพาะเจาะจงว่า สิ่งต่างๆ ที่แน่นอนนั้นอยู่ที่ไหน พวกมันมีความสำคัญต่อคุณ 00:05:42.000 --> 00:05:50.000 ดังนั้นคุณจึงมีแผนที่แบบหนึ่ง และธงเล็กๆ ถึงมันไม่ใช่ความเป็นจริง แต่มันก็ใช้งานได้ดีกว่า 00:05:50.000 --> 00:05:53.000 ความรู้ใหม่ของสมองซีกขวา ทำให้มันเป็นเรื่องถกเถียงโต้แย้งกัน 00:05:53.000 --> 00:05:56.000 เกิดขึ้นเสมอกับการมองเห็นสิ่งต่างๆ ที่อาจแตกต่างกันออกไปสำหรับความคาดหวังของเรา 00:05:56.000 --> 00:06:03.000 มันเห็นสิ่งต่างๆ ในบริบท, มันเข้าใจในความหมายโดยนัย, โดยการอุปมา, โดยภาษากาย, โดยการแสดงอารมณ์ออกมาทางสีหน้า 00:06:03.000 --> 00:06:09.000 มันกระทำโดยจำเป็นให้นามธรรมกลายเป็นสังคมมนุษย์ที่มีรูปร่างขึ้น, ที่ซึ่งเราตั้งอยู่ในความสัมพันธ์ระหว่างนามธรรม กับสังคมมนุษย์ที่เป็นรูปธรรม 00:06:09.000 --> 00:06:12.000 มันทำให้เข้าใจคนแต่ละคน ไม่ใช่เป็นเพียงกลุ่มคนต่างๆ 00:06:12.000 --> 00:06:16.000 โดยแท้จริงมันทำให้มีความโน้มเอียงในการใช้ชีวิต ที่นอกเหนือไปจากเป็นไปตามกลไก 00:06:16.000 --> 00:06:23.000 และนี่บ่งชี้ว่า แม้ในคนถนัดซ้ายที่ใช้สมองซีกขวาในชีวิตประจำวัน เพื่อควบคุมการใช้งานเครื่องมือด้วยมือซ้ายของพวกเขา 00:06:23.000 --> 00:06:29.000 มันเป็นสมองซีกซ้ายของพวกเขา, ไม่ใช่สมองซีกขวาของพวกเขา, ที่สั่งการให้ใช้งานเครื่องมือ และเครื่องจักรต่างๆ 00:06:29.000 --> 00:06:30.000 ดังนี้จึงเป็นเรื่องน่าสนใจมาก 00:06:30.000 --> 00:06:32.000 และเปลี่ยนมุมมองที่มีต่อร่างกายออกไป 00:06:32.000 --> 00:06:36.000 ร่างกายกลายเป็นกลุ่มของชิ้นส่วนต่างๆ ในสมองซีกซ้าย 00:06:36.000 --> 00:06:42.000 ถ้าผมต้องสรุปรวมมันทั้งหมดเข้าด้วยกัน, ผมจะ, ผมจะปลีกตัวออกมาจากสิ่งต่างๆ เหล่านั้นทั้งหมด ที่เราเคยพูดกัน 00:06:42.000 --> 00:06:44.000 ความมีเหตุผล และ จินตนาการ... ขอให้ผมทำมันให้ชัดเจนแจ่มแจ้ง 00:06:44.000 --> 00:06:47.000 สำหรับการจินตนาการ คุณจำเป็นต้องใช้สมองทั้งสองซีก 00:06:47.000 --> 00:06:50.000 สำหรับความมีเหตุผล คุณจำเป็นต้องใช้สมองทั้งสองซีก 00:06:50.000 --> 00:06:56.000 ดังนั้น, ถ้าผมต้องสรุปรวมสิ่งนี้เข้าด้วยกัน, ผมจะพูดว่าโลกของสมองซีกซ้ายนั้นขึ้นอยู่กับภาษาที่มีความหมายตรง และนามธรรม... 00:06:57.000 --> 00:07:01.000 ให้ผลที่มีความชัดเจน และความสามารถเพื่อควบคุมใช้งานสิ่งต่างๆ ที่รู้จัก, 00:07:01.000 --> 00:07:09.000 ที่กำหนด, ที่แยกออกมา, ที่อยู่นิ่ง, ที่พิจารณาแบบแยกส่วน, ที่ชัดแจ้ง, ที่มีสภาพธรรมชาติทั่วไป, แต่ตายในท้ายที่สุด 00:07:09.000 --> 00:07:13.000 สมองซีกขวา, นั้นแตกต่างกัน, ให้ผลแก่โลกของแต่ละคน 00:07:13.000 --> 00:07:20.000 ของการเปลี่ยนแปลง, ของพัฒนาการ, ของการเชื่อมต่อระหว่างกัน, ของความหมายโดยนัย, ของการเป็นตัวเป็นตน, ของสิ่งมีชีวิต ภายในบริบทของโลกที่มีชีวิต 00:07:20.000 --> 00:07:28.000 แต่ในธรรมชาติของสรรพสิ่ง, ไม่เคยเข้าใจได้ทะลุปรุโปร่งทั้งหมด, ไม่เคยรู้ได้อย่างสมบูรณ์, และโลกนี้ตั้งอยู่ในความสัมพันธ์ที่แน่นอนอย่างหนึ่ง 00:07:28.000 --> 00:07:33.000 00:07:33.000 --> 00:07:38.000 00:07:38.000 --> 00:07:43.000 00:07:43.000 --> 00:07:47.000 00:07:47.000 --> 00:07:50.000 00:07:50.000 --> 00:07:55.000 00:07:55.000 --> 00:08:01.000 00:08:01.000 --> 00:08:04.000 00:08:04.000 --> 00:08:09.000 00:08:09.000 --> 00:08:14.000 00:08:16.000 --> 00:08:19.000 00:08:19.000 --> 00:08:21.000 00:08:21.000 --> 00:08:27.000 00:08:27.000 --> 00:08:34.000 00:08:34.000 --> 00:08:41.000 00:08:41.000 --> 00:08:45.000 00:08:45.000 --> 00:08:52.000 00:08:52.000 --> 00:08:58.000 00:08:58.000 --> 00:09:00.000 00:09:00.000 --> 00:09:04.000 00:09:04.000 --> 00:09:09.000 00:09:09.000 --> 00:09:14.000 00:09:14.000 --> 00:09:18.000 00:09:18.000 --> 00:09:19.000 00:09:19.000 --> 00:09:21.000 00:09:21.000 --> 00:09:28.000 00:09:28.000 --> 00:09:32.000 00:09:32.000 --> 00:09:37.000 00:09:37.000 --> 00:09:39.000 00:09:39.000 --> 00:09:41.000 00:09:41.000 --> 00:09:46.000 00:09:46.000 --> 00:09:48.000 00:09:48.000 --> 00:09:49.000 00:09:49.000 --> 00:09:54.000 00:09:54.000 --> 00:09:56.000 00:09:56.000 --> 00:09:58.000 00:09:58.000 --> 00:09:59.000 00:09:59.000 --> 00:10:03.000 00:10:03.000 --> 00:10:08.000 00:10:08.000 --> 00:10:14.000 00:10:14.000 --> 00:10:17.000 00:10:17.000 --> 00:10:19.000 00:10:19.000 --> 00:10:25.000 00:10:25.000 --> 00:10:27.000 00:10:27.000 --> 00:10:30.000 00:10:30.000 --> 00:10:34.000 00:10:34.000 --> 00:10:39.000 00:10:39.000 --> 00:10:45.000 00:10:45.000 --> 00:10:47.000 00:10:47.000 --> 00:10:49.000 00:10:49.000 --> 00:10:53.000 00:10:53.000 --> 00:10:55.000 00:10:55.000 --> 00:10:59.000 00:10:59.000 --> 00:11:03.000 00:11:03.000 --> 00:11:08.000 00:11:08.000 --> 00:11:15.000 00:11:15.000 --> 00:11:21.000 00:11:21.000 --> 00:11:26.000 00:11:26.000 --> 00:11:28.000 [เสียงระฆัง] 00:11:30.000 --> 00:11:32.000 [จบวิดิทัศน์] 00:11:36.000 --> 00:11:41.000 [โฆษณา RSA]