1 00:00:01,000 --> 00:00:03,000 ภาพนี่ตรงนี้คือภาพของเรอเน่ เดต์คาส์ 2 00:00:03,000 --> 00:00:05,000 เหมือนเดิม ปราชญ์ผู้ปราดเปรื่องคนหนึ่ง 3 00:00:05,000 --> 00:00:07,000 ทั้งในคณิตศาสตร์และปรัชญา 4 00:00:07,000 --> 00:00:09,000 และผมว่าคุณคงเห็นเทรนด์บ้างแล้ว 5 00:00:09,000 --> 00:00:13,000 ว่านักปรัชญาผู้ยิ่งใหญ่มักเป็นนักคณิตศาสตร์ด้วย 6 00:00:13,000 --> 00:00:15,000 และในทางกลับกันด้วย 7 00:00:15,000 --> 00:00:17,000 เขาเป็นคนเรียกว่าร่วมสมัยกับกาลิเลโอก็ได้ 8 00:00:17,000 --> 00:00:18,000 เขาอายุน้อยกว่า 32 ปี 9 00:00:18,000 --> 00:00:21,000 แม้ว่าจะตายหลังจากกาลิเลโอตายได้ไม่นาน 10 00:00:21,000 --> 00:00:23,000 ชายคนนี้ตายตั้งแต่อายุยังน้อย, 11 00:00:23,000 --> 00:00:25,000 กาลิเลโอไปดีตอนอายุ 70 12 00:00:25,000 --> 00:00:28,000 แต่เดต์คาส์ตายเมื่อ, แค่ตอนอายุ 54 ปีเอง 13 00:00:28,000 --> 00:00:30,000 และเขาอาจเป็นที่รู้จักในโลกสมัยนี้ 14 00:00:30,000 --> 00:00:32,000 จากคำพูดนี่ตรงนี้ 15 00:00:32,000 --> 00:00:33,000 คำกล่าวปรัชญาอย่างยิ่ง 16 00:00:33,000 --> 00:00:35,000 "ฉันคิดฉันจึงดำรงอยู่" 17 00:00:35,000 --> 00:00:37,000 แต่ผมยังอย่างใส่ให้ดู 18 00:00:37,000 --> 00:00:38,000 และมันไม่เกี่ยวกับพีชคณิตเลย 19 00:00:38,000 --> 00:00:40,000 แต่ผมคิดว่ามันเป็นคำพูดที่เนี๊ยบมาก 20 00:00:40,000 --> 00:00:42,000 บางทีคำกล่าวที่ดังน้อยที่สุดของเขา 21 00:00:42,000 --> 00:00:44,000 คืออันนี่ตรงนี้ 22 00:00:44,000 --> 00:00:46,000 ผมชอบมันเพราะมันใช้ได้จริงมาก 23 00:00:46,000 --> 00:00:48,000 และมันทำให้คุณรู้ว่ามันสมองยิ่งใหญ่เหล่านี้ 24 00:00:48,000 --> 00:00:51,000 เสาหลักของปรัชญาและคณิตศาสตร์เหล่านี้ 25 00:00:51,000 --> 00:00:52,000 ที่สุดแล้ว 26 00:00:52,000 --> 00:00:54,000 พวกเขาก็ยังคงเป็นมนุษย์ธรรมดา 27 00:00:54,000 --> 00:00:56,000 เขาบอกว่า "คุณแค่สู้ต่อไป 28 00:00:56,000 --> 00:00:58,000 คุณแค่สู้ต่อไป 29 00:00:58,000 --> 00:01:00,000 ฉันพลาดทุกอย่างที่เป็นไปได้ 30 00:01:00,000 --> 00:01:02,000 แต่ฉันก็ยังสู้ต่อไป" 31 00:01:02,000 --> 00:01:05,000 ซึ่งผมว่าเป็นคำแนะนำให้กับชีวิตที่ดีมากๆ 32 00:01:05,000 --> 00:01:07,000 ทีนี้ เขาทำสิ่งต่างๆ มากมาย 33 00:01:07,000 --> 00:01:09,000 ทั้งในปรัชญาและคณิตศาสตร์ 34 00:01:09,000 --> 00:01:11,000 แต่สาเหตุที่ผมพูดถึงเขา 35 00:01:11,000 --> 00:01:12,000 ในขณะที่เรากำลังสร้างพื้นฐานเรื่องพีชคณิต 36 00:01:12,000 --> 00:01:15,000 คือว่าเขาคือบุคคุล 37 00:01:15,000 --> 00:01:18,000 ที่สร้างความสัมพันธ์ระหว่าง 38 00:01:18,000 --> 00:01:21,000 พีชคณิตกับเรขาคณิตได้มากที่สุด 39 00:01:21,000 --> 00:01:22,000 ดูด้านซ้ายตรงนี้ 40 00:01:22,000 --> 00:01:24,000 คุณมีโลกของพีชคณิต 41 00:01:24,000 --> 00:01:26,000 เราพูดถึงไปหน่อยแล้ว 42 00:01:26,000 --> 00:01:28,000 คุณมีสมการที่ยุ่งกับสัญลักษณ์ 43 00:01:28,000 --> 00:01:30,000 และสัญลักษณ์เหล่านี้ 44 00:01:30,000 --> 00:01:31,000 ไว้ใช้เก็บค่า 45 00:01:31,000 --> 00:01:32,000 คุณอาจมีอะไรอย่างเช่น 46 00:01:32,000 --> 00:01:37,000 y = 2x - 1 47 00:01:37,000 --> 00:01:39,000 ซึ่งบอกความสัมพันธ์ 48 00:01:39,000 --> 00:01:40,000 ว่า x คืออะไร 49 00:01:40,000 --> 00:01:42,000 และ y คืออะไร 50 00:01:42,000 --> 00:01:44,000 และเราสามารถสร้างตารางขึ้นตรงนี้ 51 00:01:44,000 --> 00:01:46,000 แล้วเลือกค่า x 52 00:01:46,000 --> 00:01:48,000 แล้วดูว่าค่า y จะเป็นอะไร 53 00:01:48,000 --> 00:01:51,000 ผมสามารถเลือกค่า x อย่างสุ่มมา 54 00:01:51,000 --> 00:01:53,000 แล้วหาว่า y เป็นเท่าไหร่ 55 00:01:53,000 --> 00:01:55,000 แต่ผมจะเลือกค่าที่ค่อนข้างตรงไปตรงมา 56 00:01:55,000 --> 00:01:57,000 การคิดเลขจะได้ไม่ยุ่งมาก 57 00:01:57,000 --> 00:01:59,000 ตัวอย่างเช่น 58 00:01:59,000 --> 00:02:00,000 ถ้า x เป็น -2 59 00:02:00,000 --> 00:02:03,000 แล้ว y จเเป็น 2 x -2 -1 60 00:02:03,000 --> 00:02:06,000 2 x -2 -1 61 00:02:06,000 --> 00:02:10,000 ซึ่งก็คือ -4 -1 62 00:02:10,000 --> 00:02:12,000 ได้ -5 63 00:02:12,000 --> 00:02:14,000 ถ้า x เป็ฯ -1 64 00:02:14,000 --> 00:02:20,000 แล้ว y จะเป็น 2 x -1 -1 65 00:02:20,000 --> 00:02:21,000 ซึ่งเท่ากับ 66 00:02:21,000 --> 00:02:24,000 นี่คือ -2 -1 ได้ -3 67 00:02:24,000 --> 00:02:28,000 ถ้า x = 0 68 00:02:28,000 --> 00:02:32,000 แล้ว y จะเป็น 2 x 0 - 1 69 00:02:32,000 --> 00:02:35,000 2 x 0 ได้ 0 -1 ก็แค่ -1 70 00:02:35,000 --> 00:02:37,000 ผมจะทำเพิ่มอีก 71 00:02:37,000 --> 00:02:38,000 ถ้า x เป็น 1 72 00:02:38,000 --> 00:02:39,000 ผมจะเลือกค่าอะไรก็ได้ตรงนี้ 73 00:02:39,000 --> 00:02:40,000 ผมบอกได้ว่าเกิดอะไรขึ้น 74 00:02:40,000 --> 00:02:42,000 เมื่อ x เป็นลบสแควร์รูทของ 2 75 00:02:42,000 --> 00:02:45,000 หรือเกิดอะไรขึ้นหาก x เป็น -5 ส่วน 2 76 00:02:45,000 --> 00:02:47,000 หรือบวก 6 ส่วน 7 77 00:02:47,000 --> 00:02:49,000 แต่ผมเลือกแค่เลขเหล่านี้ 78 00:02:49,000 --> 00:02:50,000 เพราะมันคิดเลขง่ายกว่ามาก 79 00:02:50,000 --> 00:02:52,000 ตอนผมหาว่า y จะเป็นเท่าไหร่ 80 00:02:52,000 --> 00:02:54,000 แต่เมื่อ x เป็น 1 81 00:02:54,000 --> 00:02:57,000 y จะเป็น 2(1) - 1 82 00:02:57,000 --> 00:02:59,000 2 x 1 ได้ 2 - 1 เป็น 1 83 00:02:59,000 --> 00:03:03,000 ผมจะทำอีกตัวนึง 84 00:03:03,000 --> 00:03:05,000 ด้วยสีที่ผมยังไม่ได้ใช้ 85 00:03:05,000 --> 00:03:06,000 ลองดู สีม่วงนี่ 86 00:03:06,000 --> 00:03:08,000 ถ้า x เป็น 2 87 00:03:08,000 --> 00:03:09,000 แล้ว y จะเป็น 88 00:03:09,000 --> 00:03:14,000 2(2) -1 (ทีนี้ x เป็น 2) 89 00:03:14,000 --> 00:03:16,000 นั่นก็คือ 4 -1, เท่ากับ 3 90 00:03:16,000 --> 00:03:17,000 ใช้ได้ 91 00:03:17,000 --> 00:03:19,000 ผมแค่สุ่มดูความสัมพันธ์นี้ 92 00:03:19,000 --> 00:03:22,000 แต่ผมบอกว่าโอเค เจ้านี่บรรยายความสัมพันธ์โดยทั่วไป 93 00:03:22,000 --> 00:03:25,000 ระหว่างตัวแปร y กับตัวแประ x 94 00:03:25,000 --> 00:03:26,000 แล้วผมได้ทำให้มันชัดเจนขึ้นหน่อย 95 00:03:26,000 --> 00:03:28,000 ผมบอกว่าโอเค 96 00:03:28,000 --> 00:03:29,000 ถ้า x เป็นหนึ่งในค่าเหล่านี้ 97 00:03:29,000 --> 00:03:31,000 สำหรับค่า x แต่ละค่า 98 00:03:31,000 --> 00:03:33,000 ค่า y ที่เข้าคู่กันเป็นเท่าไหร่? 99 00:03:33,000 --> 00:03:35,000 สิ่งที่เดต์คาส์สังเกตคือ 100 00:03:35,000 --> 00:03:37,000 ว่าคุณสามารถมองเจ้านี่ป็นภาพได้ 101 00:03:37,000 --> 00:03:40,000 สิ่งที่คุณภาพได้คือจุดแต่ละจุด 102 00:03:40,000 --> 00:03:42,000 แต่มันยังช่วงให้คุณเห็น 103 00:03:42,000 --> 00:03:45,000 ความสัมพันธ์นี้เป็นภาพได้ด้วย 104 00:03:45,000 --> 00:03:47,000 สิ่งที่เขาทำจริงๆ คือ 105 00:03:47,000 --> 00:03:52,000 เขาเชื่อมโยงโลกของพีชคณิตที่เต็มไปด้วยสัญลักษณ์นามธรรม 106 00:03:52,000 --> 00:03:55,000 เข้ากับเรขาคณิตที่เน้น 107 00:03:55,000 --> 00:03:57,000 เรื่องรูปร่าง ขนาด และมุม 108 00:03:57,000 --> 00:04:02,000 แล้วตรงนี้ คุณมีโลกของเรขาคณิต 109 00:04:02,000 --> 00:04:04,000 และแน่นอนว่ามีผู้คนในประวัติศาสตร์ 110 00:04:04,000 --> 00:04:07,000 บางทีหลายคนที่ประวัติศาสตร์ได้หลงลืมไป 111 00:04:07,000 --> 00:04:09,000 ที่อาจทำเรื่องนี้ด้วย 112 00:04:09,000 --> 00:04:12,000 แต่ก่อนยุคเดต์คาส์ เป็นแบบนี้ 113 00:04:12,000 --> 00:04:14,000 เรขาคณิตคือเรขาคณิตแบบยูคลิด 114 00:04:14,000 --> 00:04:16,000 นั่นคือเรขาคณิตแท้ๆ 115 00:04:16,000 --> 00:04:17,000 แบบที่คุณเรียนในวิชาเรขาคณิต 116 00:04:17,000 --> 00:04:20,000 ตอนอยู่เกรด 8 9 หรือ 10 117 00:04:20,000 --> 00:04:22,000 ในหลักสูตรไฮสคูลดั้งเดิม 118 00:04:22,000 --> 00:04:24,000 และนั่นคือเรขาคณิตที่ศึกษา 119 00:04:24,000 --> 00:04:28,000 ความสัมพันธ์ระหว่างสามเหลี่ยม และมุมของมัน 120 00:04:28,000 --> 00:04:30,000 ความสัมพันธ์ระหว่างวงกลม 121 00:04:30,000 --> 00:04:33,000 คุณมีรัศมีแล้วก็สามเหลี่ยม 122 00:04:33,000 --> 00:04:36,000 อยู่ในวงกลม อะไรพวกนั้น 123 00:04:36,000 --> 00:04:37,000 และเราจะลงลึกเรื่องนั้ัน 124 00:04:37,000 --> 00:04:39,000 ในชุดวิดีโอเรื่องเรขาคณิต 125 00:04:39,000 --> 00:04:42,000 แต่เดต์คาส์บอกว่า เอาล่ะ ผมว่าผมสามารถแสดงเจ้านี่เป็นภาพได้ 126 00:04:42,000 --> 00:04:46,000 แบบเดียวกับที่ยูคลิดศึกษาสามเหลี่ยมกับวงกลมเหล่านี้ 127 00:04:46,000 --> 00:04:48,000 เขาบอกว่า 'ทำไมฉันจะทำไม่ได้ล่ะ?' 128 00:04:48,000 --> 00:04:50,000 หากเรามองกระดาษแผ่นนึง 129 00:04:50,000 --> 00:04:52,000 หากเราคิดถึงระนาบ 2 มิติ 130 00:04:52,000 --> 00:04:53,000 คุณอาจมองกระดาษแผ่นนึง 131 00:04:53,000 --> 00:04:55,000 วาดเป็นส่วนนึงของระนาบ 2 มิติ 132 00:04:55,000 --> 00:04:57,000 เราเรียกมันว่า 2 มิติ 133 00:04:57,000 --> 00:04:59,000 เพราะมันมีทิศ 2 ทิศที่คุณไปได้ 134 00:04:59,000 --> 00:05:01,000 มีทิศขึ้นลง 135 00:05:01,000 --> 00:05:02,000 นับเป็นหนึ่งทิศ 136 00:05:02,000 --> 00:05:04,000 ขอผมเขียนลงไปนะ ผมใช้สีฟ้าแล้วกัน 137 00:05:04,000 --> 00:05:06,000 เพราะเราพยายามมองภาพสิ่งต่างๆ 138 00:05:06,000 --> 00:05:08,000 งั้นผมจะใช้สีให้ภาพสวยแล้วกัน 139 00:05:08,000 --> 00:05:11,000 คุณก็มีทิศขึ้นลง 140 00:05:11,000 --> 00:05:14,000 แล้วก็มีทิศซ้ายขวา 141 00:05:14,000 --> 00:05:16,000 นั่นคือสาเหตุที่เขาเรียกว่าระนาบ 2 มิติ 142 00:05:16,000 --> 00:05:18,000 หากเรายุ่งกับ 3 มิติ 143 00:05:18,000 --> 00:05:21,000 คุณก็จะมีมิติเข้าออกอีกอันนึง 144 00:05:21,000 --> 00:05:23,000 และการทำ 2 มิติบนหน้าจอมันง่าย 145 00:05:23,000 --> 00:05:25,000 เพราะหน้าจอเป็น 2 มิติ 146 00:05:25,000 --> 00:05:27,000 แล้วเขาบอกว่า "เอาล่ะ, คุณก็รู้, 147 00:05:27,000 --> 00:05:29,000 มันตัวแปรอยู่สองตัว แล้วก็มีความสัมพันธ์นี้อยู่" 148 00:05:29,000 --> 00:05:32,000 ทำไมฉันไม่ลองเขียนตัวแปรตัวแต่ละตัว 149 00:05:32,000 --> 00:05:34,000 แทนลงในแต่ละมิติตรงนี้ล่ะ?" 150 00:05:34,000 --> 00:05:38,000 โดยวิธีที่ตกลงกันทั่วไปนั้น เราให้ตัวแปร y 151 00:05:38,000 --> 00:05:39,000 ซึ่งก็คือตัวแปรตาม 152 00:05:39,000 --> 00:05:40,000 ตามที่เราทำมา 153 00:05:40,000 --> 00:05:41,000 มันขึ้นอยู่กับว่า x คืออะไร 154 00:05:41,000 --> 00:05:43,000 ลองใส่มันตามแกนดิ่ง 155 00:05:43,000 --> 00:05:45,000 และใส่ตัวแปรอิสระ 156 00:05:45,000 --> 00:05:46,000 อันที่เราเลือกค่าขึ้นมาอย่างสุ่ม 157 00:05:46,000 --> 00:05:48,000 เพื่อดูว่า y จะเป็นอะไร 158 00:05:48,000 --> 00:05:50,000 ลองใส่มันลงในแกนนอน 159 00:05:50,000 --> 00:05:52,000 นั่นคือสิ่งที่เดต์คาส์ 160 00:05:52,000 --> 00:05:55,000 ผู้ตั้งวิธีการนี้ขึ้นมาใช้ x กับ y ตามนั้น 161 00:05:55,000 --> 00:05:58,000 เราจะเห็นต่อไปว่า z ในพีชคณิต, เป็น 162 00:05:58,000 --> 00:06:02,000 ตัวแปรไม่ทราบค่าอีกตัวที่คุณจัดการ 163 00:06:02,000 --> 00:06:03,000 แต่เขาบอกว่า 'ถ้าเราคิดแบบนี้ 164 00:06:03,000 --> 00:06:07,000 ถ้าเราใส่ตัวเลขในแต่ละมิตินี้ล่ะก็' 165 00:06:07,000 --> 00:06:09,000 งั้นสมมุติว่าในทิศ x 166 00:06:09,000 --> 00:06:15,000 สมมุติว่าตรงนี้คือ -3 167 00:06:15,000 --> 00:06:17,000 ให้นี่เป็น -2 168 00:06:17,000 --> 00:06:19,000 นี่คือ -1 169 00:06:19,000 --> 00:06:21,000 นี่คือ 0 170 00:06:21,000 --> 00:06:23,000 ผมแค่ใส่ตัวเลขให้ทิศ x 171 00:06:23,000 --> 00:06:25,000 คือทิศซ้ายขวา 172 00:06:25,000 --> 00:06:26,000 ทีนี้นี่คือบวก 1 173 00:06:26,000 --> 00:06:28,000 นี่คือบวก 2 174 00:06:28,000 --> 00:06:30,000 และนี่คือบวก 3 175 00:06:30,000 --> 00:06:32,000 เราก็ทำแบบเดียวกันทิศ y ได้ 176 00:06:32,000 --> 00:06:34,000 ลองดู เราก็ไป, นี่ 177 00:06:34,000 --> 00:06:40,000 ได้เป็น -5, -4, -3 178 00:06:40,000 --> 00:06:42,000 ที่จริงผมทำให้เนี๊ยบกว่านี้หน่อย 179 00:06:42,000 --> 00:06:45,000 ขอผมลบเจ้านี่หน่อยนะ 180 00:06:45,000 --> 00:06:47,000 ขอผมลบอันนี้แล้วก็ขยายอันนี้ลงมาหน่อย 181 00:06:47,000 --> 00:06:49,000 ผมจะได้ลงไปถึง -5 ได้ 182 00:06:49,000 --> 00:06:51,000 โดยไม่ทำให้มันเลอะเทอะมาก 183 00:06:51,000 --> 00:06:53,000 ลองลงไปถึงตรงนี้ 184 00:06:53,000 --> 00:06:54,000 เราก็ใส่ตัวเลขลงไป 185 00:06:54,000 --> 00:06:58,000 นี่คือ 1, นี่คือ 2, นี่คือ 2, 186 00:06:58,000 --> 00:07:00,000 แล้วนี่ก็เป็น -1 187 00:07:00,000 --> 00:07:02,000 -2 และนี่เป็นแค่วิธีตกลงร่วมกัน 188 00:07:02,000 --> 00:07:04,000 เราตั้งค่าอีกแบบก็ได้ 189 00:07:04,000 --> 00:07:05,000 เราอาจเลือก x ไว้ตรงนี้ 190 00:07:05,000 --> 00:07:06,000 และ y ตรงนี้ 191 00:07:06,000 --> 00:07:07,000 แล้วให้ทางนี้เป็นทิศบวก 192 00:07:07,000 --> 00:07:09,000 ให้ทิศนี้เป็นทิศลบ 193 00:07:09,000 --> 00:07:11,000 แต่นี่เป็นข้อตกลลงที่คนใช้ 194 00:07:11,000 --> 00:07:12,000 เริ่มจากเดต์คาส์ 195 00:07:12,000 --> 00:07:18,000 -2, -3, -4 และ -5 196 00:07:18,000 --> 00:07:20,000 แล้วเขาบอกว่า "ทีนี้อะไรก็ตามฉันก็โยงได้ 197 00:07:20,000 --> 00:07:22,000 ฉันสามารถโยงตัวเลขแต่ละคู่พวกนี้เข้ากับ 198 00:07:22,000 --> 00:07:25,000 จุดในสองมิติได้" 199 00:07:25,000 --> 00:07:28,000 ผมสามารถเอาค่าพิกัด x, ผมสามารถหาค่า x 200 00:07:28,000 --> 00:07:30,000 นี่ตรงนี้และบอกว่า 'โอเค นั่นคือ -2 201 00:07:30,000 --> 00:07:34,000 นั่นก็อยู่ตรงนี้ ในแนวซ้ายขวา 202 00:07:34,000 --> 00:07:35,000 ฉันจะไปทางซ้ายเพราะมันเป็นลบ' 203 00:07:35,000 --> 00:07:39,000 แล้วมันคู่กับลบ -5 ในแนวดิ่ง 204 00:07:39,000 --> 00:07:41,000 ผมก็บอกว่าค่า y เป็น -5 205 00:07:41,000 --> 00:07:46,000 แล้วหากผมไปทางซ้าย 2 และลงไป 5 206 00:07:46,000 --> 00:07:49,000 ผมจะได้จุดนี่ตรงนี้ 207 00:07:49,000 --> 00:07:53,000 แล้วเขาบอกว่า 'ค่าสองค่านี้ -2 กับ -5 208 00:07:53,000 --> 00:07:55,000 ฉันสามารถแทนมันได้ด้วยจุด 209 00:07:55,000 --> 00:07:59,000 ในระนาบนี่ตรงนี้ ในระนาบสองมิติ 210 00:07:59,000 --> 00:08:02,000 หรือฉันบอกว่า. จุดนั่นมีพิกัด 211 00:08:02,000 --> 00:08:06,000 ซึ่งบอกว่าฉันว่าฉันจะหาจุด (-2,-5) ได้จากไหน' 212 00:08:06,000 --> 00:08:08,000 ระบบพิกัดพวกนี้เรียกว่า "พิกัดคาร์ทีเชียน" 213 00:08:08,000 --> 00:08:12,000 ตั้งตามเชื่อเรอน่ เดต์คาส์ 214 00:08:12,000 --> 00:08:13,000 เพราะเขาเป็นคนที่คิดมันขึ้นมา 215 00:08:13,000 --> 00:08:15,000 เขาโยงความสัมพันธ์เหล่านี้ 216 00:08:15,000 --> 00:08:17,000 เข้ากับจุดในระนาบพิกัด 217 00:08:17,000 --> 00:08:19,000 แล้วเขาก็บอกว่า 'เอาล่ะ โอเค ลองทำอีกสักอันW 218 00:08:19,000 --> 00:08:21,000 มันมีคู่อื่นอีก 219 00:08:21,000 --> 00:08:27,000 เมื่อ x เท่ากับ -1, y = -3 220 00:08:27,000 --> 00:08:30,000 งั้น x คือ -1, y คือ -3 221 00:08:30,000 --> 00:08:31,000 นั่นก็คือจุดนั่นตรงนั้น 222 00:08:31,000 --> 00:08:33,000 วิธีการไล่ก็เหมือนเดิม 223 00:08:33,000 --> 00:08:34,000 'ตอนคุณเขียนพิกัด, 224 00:08:34,000 --> 00:08:36,000 คุณมีพิกัด x ก่อน, แล้วค่อยพิกัด y' 225 00:08:36,000 --> 00:08:38,000 นั่นคือสิ่งที่คนส่วนใหญ่เลือกใช้ 226 00:08:38,000 --> 00:08:42,000 -1, -3 นั่นก็คือจุดนั่นตรงนั้น 227 00:08:42,000 --> 00:08:45,000 แล้วคุณมีจุดเมื่อ x เป็น 0, y เป็น -1 228 00:08:45,000 --> 00:08:48,000 เมื่อ x เป็น 0 อยู่ตรงนี้, 229 00:08:48,000 --> 00:08:50,000 หมายความว่าผมไม่ได้ไปซ้ายหรือขวา 230 00:08:50,000 --> 00:08:52,000 y เป็น -1, ซึ่งหมายถึงผมลงไป 1 231 00:08:52,000 --> 00:08:56,000 นั่นก็คือจุดนั่นตรงนั้น (0,-1) 232 00:08:56,000 --> 00:08:57,000 ตรงนั้น 233 00:08:57,000 --> 00:08:58,000 แล้วผมก็ทำต่อไป 234 00:08:58,000 --> 00:09:03,000 เมื่อ x เป็น 1, y เป็น 1 235 00:09:03,000 --> 00:09:09,000 เมื่อ x เป็น 2, y เป็น 3 236 00:09:09,000 --> 00:09:11,000 ขอผมใช้สีม่วงเหมือนเดิมนะ 237 00:09:11,000 --> 00:09:15,000 เมื่อ x เป็น 2, y เป็น 3 238 00:09:15,000 --> 00:09:20,000 2,3 แล้วเจ้านี่ตรงนี้สีส้มคือ 1,1 239 00:09:20,000 --> 00:09:22,000 และนี่ก็เจ๋งอยู่แล้ว 240 00:09:22,000 --> 00:09:24,000 ผมสุ่มค่า x ที่เป็นไปได้ขึ้นมา 241 00:09:24,000 --> 00:09:25,000 แต่สิ่งที่เขาค้นพบ 242 00:09:25,000 --> 00:09:27,000 คือว่าคุณไม่ได้สุ่มค่า x ขึ้นมาอย่างเดียว 243 00:09:27,000 --> 00:09:29,000 แต่ถ้าคุณสุ่มค่า x ขึ้นมาอีก 244 00:09:29,000 --> 00:09:31,000 ถ้าคุณเลือกค่า x ทั้งหมดระหว่างนั้น 245 00:09:31,000 --> 00:09:34,000 คุณก็จะพลอดเส้นตรงขึ้นมา 246 00:09:34,000 --> 00:09:36,000 นั่นคือหากคุณคิดค่า x ที่เป็นไปได้ทุกค่า 247 00:09:36,000 --> 00:09:38,000 คุณก็จะได้เส้นตรง 248 00:09:38,000 --> 00:09:44,000 นั่นก็ดูใช่นะ.. ตรงนี้ 249 00:09:44,000 --> 00:09:47,000 และความสัมพันธ์... ความสัมพันธ์ใดๆ, หากคุณเลือกค่า x ใดๆ 250 00:09:47,000 --> 00:09:50,000 และหาค่า y มันก็จะแทนจุดหนึ่งจุดบนเส้นตรงนี้ 251 00:09:50,000 --> 00:09:52,000 หรือวิธีขึ้นอีกอย่างคือว่า 252 00:09:52,000 --> 00:09:54,000 จุดใดๆ ใดเส้นตรงนี้แทน 253 00:09:54,000 --> 00:09:57,000 คำตอบของสมการนี้ตรงนี้ 254 00:09:57,000 --> 00:09:58,000 งั้นถ้าคุณมีจุดนี่ตรงนี้ 255 00:09:58,000 --> 00:10:01,000 ซึ่งดูเหมือนว่าคือ x เท่ากับ 1 ครึ่ง 256 00:10:01,000 --> 00:10:03,000 y เป็น 2 ขอผมเขียนลงไปนะ 257 00:10:03,000 --> 00:10:07,000 1.5, 2 258 00:10:07,000 --> 00:10:09,000 นั่นเป็นคำตอบหนึ่งของสมการนี้ 259 00:10:09,000 --> 00:10:13,000 เมื่อ x เป็น 1.5, 2 x 1.5 ได้ 3 -1 เป็น 2 260 00:10:13,000 --> 00:10:15,000 นั่นก็คือตรงนั้น 261 00:10:15,000 --> 00:10:17,000 ทันใดนั้นเขาก็สามารถเชื่อมโยง 262 00:10:17,000 --> 00:10:22,000 รอยต่อหรือความสัมพันธ์ระหว่างเรขาคณิตกับพีชคณิตได้ 263 00:10:22,000 --> 00:10:27,000 ตอนนี้เราสามารถเห็นภาพคู่ x กับ y ทั้งหมด 264 00:10:27,000 --> 00:10:31,000 ที่เป็นไปตามสมการนี่ตรงนี้ 265 00:10:31,000 --> 00:10:36,000 และเขาเป็นผู้สร้างสะพานเชื่อมโยงนี้ขึ้นมา 266 00:10:36,000 --> 00:10:38,000 นั่นคือสาเหตุที่ระบบพิกัด 267 00:10:38,000 --> 00:10:42,000 ที่เราใช้ระบุจุดเหล่านี้เรียกว่า 'พิกัดคาร์ทีเชียน' 268 00:10:42,000 --> 00:10:45,000 และอย่างที่เราจะเห็นต่อไป สมการแบบแรก 269 00:10:45,000 --> 00:10:48,000 เราจะศึกษาสมกาารในรูปนี่ตรงนี้ 270 00:10:48,000 --> 00:10:50,000 และในหลักสูตรพีชคณิตดั้งเดิม 271 00:10:50,000 --> 00:10:52,000 มันเรียกว่าสมการเชิงเส้น... 272 00:10:52,000 --> 00:10:55,000 สมการเชิงเส้น 273 00:10:55,000 --> 00:10:57,000 แล้วคุณอาจบอกว่า คุณก็รู้ นี่เป็นสมการ 274 00:10:57,000 --> 00:10:59,000 ฉันเห็นว่านี่เท่ากับนั่น 275 00:10:59,000 --> 00:11:00,000 แล้วมันมีเส้นตรงไหน? 276 00:11:00,000 --> 00:11:02,000 อะไรทำให้มันเป็นเส้น? 277 00:11:02,000 --> 00:11:04,000 การจะเห็นว่าเป็นเชิงเส้น, 278 00:11:04,000 --> 00:11:07,000 ผมต้องกระโดดมาที่สิ่งที่เรอเน่ เดต์คาส์ทำ 279 00:11:07,000 --> 00:11:09,000 เพราะหากคุณพลอตสมการนี้, 280 00:11:09,000 --> 00:11:10,000 โดยใช้พิกัดคาร์ทีเชียน 281 00:11:10,000 --> 00:11:14,000 บนระนาบยูคลิด คุณจะได้เส้นตรง 282 00:11:14,000 --> 00:11:15,000 ในอนาคตคุณจะเห็นว่า 283 00:11:15,000 --> 00:11:17,000 มีสมการแบบอื่นๆ ที่คุณไม่ได้เส้นตรงอีกด้วย 284 00:11:17,000 --> 00:11:21,000 คุณจะได้เส้นโค้ง, บางครั้งก็ดูเพี้ยนๆ ประหลาดๆ ด้วย