1 00:00:04,230 --> 00:00:05,250 เจริญพร 2 00:00:05,250 --> 00:00:07,085 เร็วไปนิดหนึ่ง 3 00:00:07,085 --> 00:00:15,032 แต่ว่าทุกคนพร้อมแล้วก็เริ่มเลย 4 00:00:15,032 --> 00:00:17,677 เรื่องการปฏิบัติธรรม 5 00:00:17,677 --> 00:00:20,168 เราอย่าคิดว่าเป็นเรื่องยาก 6 00:00:20,168 --> 00:00:22,698 ส่วนใหญ่เราชอบคิดว่า 7 00:00:22,698 --> 00:00:26,547 การปฏิบัติธรรมต้องไปทำอะไรที่มันยากๆ 8 00:00:26,547 --> 00:00:29,526 ที่แท้แล้วการปฏิบัติธรรมอยู่ที่ตัวเราเอง 9 00:00:29,526 --> 00:00:32,858 ถ้าเราคอยมีสติรู้ทันตัวเองบ่อยๆ 10 00:00:32,858 --> 00:00:35,077 รู้ทันร่างกายรู้ทันจิตใจบ่อยๆ 11 00:00:35,077 --> 00:00:39,436 สติจะเกิด 12 00:00:39,436 --> 00:00:44,330 สติไม่ใช่เป็นของเกิดได้ง่ายๆ 13 00:00:44,330 --> 00:00:47,829 เราต้องอาศัยค่อยๆ ฝึก ค่อยๆ ดู 14 00:00:47,829 --> 00:00:50,807 ดูร่างกายบ่อยๆ ดูจิตใจบ่อยๆ 15 00:00:50,807 --> 00:00:53,037 ถ้าเราได้เคล็ดลับตัวนี้ 16 00:00:53,037 --> 00:00:54,937 แล้วการภาวนาจะง่าย 17 00:00:54,937 --> 00:00:57,433 เรียกว่าง่ายเพราะมันไม่ได้ทำอะไร 18 00:00:57,433 --> 00:00:59,615 เราใช้ชีวิตของเราปกติอย่างนี้ 19 00:00:59,615 --> 00:01:02,060 หลวงพ่อปราโมทย์ท่านบอกเราบ่อยๆ 20 00:01:02,060 --> 00:01:03,272 เวลาจะภาวนา 21 00:01:03,272 --> 00:01:05,709 ใช้จิตธรรมดาปกติของมนุษย์นี่ล่ะ 22 00:01:05,709 --> 00:01:07,338 แต่เราคอยฝึกสติ 23 00:01:07,338 --> 00:01:09,070 คอยรู้ทันร่างกาย 24 00:01:09,070 --> 00:01:12,114 รู้ทันจิตใจตัวเองบ่อยๆ 25 00:01:12,114 --> 00:01:14,290 ร่างกายที่ตัวเองต้องรู้ 26 00:01:14,290 --> 00:01:17,224 อย่างคนชอบทำอานาปานสติ 27 00:01:17,224 --> 00:01:19,313 ก็ดูร่างกายหายใจออก 28 00:01:19,313 --> 00:01:20,916 ดูร่างกายหายใจเข้า 29 00:01:20,916 --> 00:01:22,129 คนละอัน 30 00:01:22,129 --> 00:01:25,327 ส่วนใหญ่พอเราบอกให้ไปดูร่างกายหายใจออก 31 00:01:25,327 --> 00:01:27,147 ไปดูร่างกายหายใจเข้า 32 00:01:27,147 --> 00:01:31,194 นักปฏิบัติส่วนใหญ่จะไปเพ่งไปจ้อง 33 00:01:31,194 --> 00:01:33,018 จ้องดูลมหายใจ 34 00:01:33,018 --> 00:01:34,771 ตัวนี้คือการเพ่ง 35 00:01:34,771 --> 00:01:37,268 แต่บางคนพอเราดูลมหายใจออก 36 00:01:37,268 --> 00:01:38,677 ดูลมหายใจเข้า 37 00:01:38,677 --> 00:01:40,400 ดูไปพักหนึ่งก็ไหลไปคิด 38 00:01:40,400 --> 00:01:41,645 ไหลไปฟุ้งซ่าน 39 00:01:41,645 --> 00:01:43,306 อันนี้คือหลงขาดสติ 40 00:01:43,306 --> 00:01:45,888 ทำอย่างไรเราจะดูร่างกายหายใจออก 41 00:01:45,888 --> 00:01:47,918 ร่างกายหายใจเข้าได้บ่อยๆ 42 00:01:47,918 --> 00:01:49,310 ถ้าเราดูได้บ่อยๆ 43 00:01:49,310 --> 00:01:51,554 ต่อไปร่างกายหายใจออกก็รู้สึกตัว 44 00:01:51,554 --> 00:01:54,547 ร่างกายหายใจเข้าก็จะรู้สึกตัว 45 00:01:54,547 --> 00:01:58,626 หัดสังเกตสภาวะไป 46 00:01:58,626 --> 00:02:00,668 อย่างเราจงใจดูลมหายใจเข้า 47 00:02:00,668 --> 00:02:02,387 ดูลมหายใจออก 48 00:02:02,387 --> 00:02:03,884 นี่คือการเพ่ง 49 00:02:03,884 --> 00:02:06,330 แต่ถ้าเราดูลมหายใจเข้าหายใจออก 50 00:02:06,330 --> 00:02:08,432 แล้วใจไหลไปคิดไหลไปฟุ้งซ่าน 51 00:02:08,432 --> 00:02:09,744 อันนี้คือขาดสติ 52 00:02:09,744 --> 00:02:11,634 แต่ถ้าเรามีสติระลึกรู้ 53 00:02:11,634 --> 00:02:13,759 เห็นร่างกายหายใจออกก็รู้ 54 00:02:13,759 --> 00:02:15,894 เห็นร่างกายหายใจเข้าก็รู้ 55 00:02:15,894 --> 00:02:17,478 อันนี้คือเรามีสติ 56 00:02:17,478 --> 00:02:19,870 ถ้าคนชอบอานาปานสติ 57 00:02:19,870 --> 00:02:22,853 อย่างหลวงพ่อปราโมทย์ท่านชอบตัวนี้ 58 00:02:22,853 --> 00:02:25,168 เพราะท่านฝึกของท่านมาแต่เด็ก 59 00:02:25,168 --> 00:02:28,794 สมัยที่พระอาจารย์หัดภาวนา 60 00:02:28,794 --> 00:02:31,274 ตัวนี้พระอาจารย์ไม่ค่อยชอบหรอก 61 00:02:31,274 --> 00:02:33,527 เพราะสมัยก่อนเป็นโรคภูมิแพ้ 62 00:02:33,527 --> 00:02:34,951 หายใจไม่ค่อยได้ 63 00:02:34,951 --> 00:02:37,404 ก็เลยไม่ค่อยชอบทำกรรมฐานตัวนี้ 64 00:02:37,404 --> 00:02:39,654 แต่ว่าตัวที่พระอาจารย์ชอบทำคือ 65 00:02:39,654 --> 00:02:41,638 ร่างกายเคลื่อนไหวเรารู้ 66 00:02:41,638 --> 00:02:43,458 ร่างกายหยุดนิ่งเรารู้ 67 00:02:43,458 --> 00:02:45,335 ร่างกายกระดุกกระดิกเรารู้ 68 00:02:45,335 --> 00:02:48,322 ร่างกายเคลื่อนไหวตลอดเวลา 69 00:02:48,322 --> 00:02:50,723 อย่างบางคนก็กระดุกกระดิก 70 00:02:50,723 --> 00:02:52,101 บางคนก็เกาขา 71 00:02:52,101 --> 00:02:54,362 บางคนก็ส่ายไปส่ายมา 72 00:02:54,362 --> 00:02:55,919 ขยับไปขยับมา 73 00:02:55,919 --> 00:02:59,838 คอยรู้สึก รู้สึกบ่อยๆ 74 00:02:59,838 --> 00:03:02,335 ร่างกายเคลื่อนไหวก็รู้สึก 75 00:03:02,335 --> 00:03:04,037 ร่างกายหยุดนิ่งก็รู้สึก 76 00:03:04,037 --> 00:03:06,648 เหมือนกันนะถ้าสมมติเรา 77 00:03:06,648 --> 00:03:10,099 อย่างบางคนทำกรรมฐานเคลื่อนไหวทำจังหวะ 78 00:03:10,099 --> 00:03:13,609 ถ้าเวลาทำจังหวะเราจดจ่อ 79 00:03:13,609 --> 00:03:16,292 หรือว่าจงใจทำจังหวะมากเกินไป 80 00:03:16,292 --> 00:03:19,135 จงใจดูร่างกายเคลื่อนไหวมากเกินไป 81 00:03:19,135 --> 00:03:20,437 นี่คือการเพ่ง 82 00:03:20,437 --> 00:03:23,087 หรือว่าเราเคลื่อนไหวไป 83 00:03:23,087 --> 00:03:24,893 เคลื่อนไหวจนชำนาญ 84 00:03:24,893 --> 00:03:26,444 จำแต่ละรูปได้ 85 00:03:26,444 --> 00:03:29,453 ทำไปแล้วก็ใจเราเผลอเพลินไป 86 00:03:29,453 --> 00:03:31,345 ไหลไปคิดไหลไปฟุ้งซ่าน 87 00:03:31,345 --> 00:03:32,579 นี่คือขาดสติ 88 00:03:32,579 --> 00:03:35,709 ฉะนั้นเคลื่อนไหวก็คอยรู้สึก 89 00:03:35,709 --> 00:03:37,507 ร่างกายหยุดนิ่งก็รู้สึก 90 00:03:37,507 --> 00:03:39,734 ร่างกายกระดุกกระดิกก็รู้สึก 91 00:03:39,734 --> 00:03:42,130 เราหัดดูไป ดูไปบ่อยๆ 92 00:03:42,130 --> 00:03:44,811 ต่อไปร่างกายเคลื่อนไหวมันจะรู้สึกเอง 93 00:03:44,811 --> 00:03:47,073 ร่างกายหยุดนิ่งมันจะรู้สึกเอง 94 00:03:47,073 --> 00:03:48,705 ที่รู้สึกเองตัวนี้คือสติ 95 00:03:48,705 --> 00:03:50,474 มันระลึกรู้ร่างกาย 96 00:03:50,474 --> 00:03:53,584 อีกตัวหนึ่งร่างกายยืนก็รู้ 97 00:03:53,584 --> 00:03:55,006 ร่างกายเดินก็รู้ 98 00:03:55,006 --> 00:03:56,207 ร่างกายนั่งก็รู้ 99 00:03:56,207 --> 00:03:59,306 ร่างกายนอนก็รู้ หัดดูไป 100 00:03:59,306 --> 00:04:02,564 เหมือนกันถ้าเราเจตนาจะดู 101 00:04:02,564 --> 00:04:04,738 จงใจดูร่างกายยืน ร่างกายเดิน 102 00:04:04,738 --> 00:04:06,913 ร่างกายนั่ง ร่างกายนอน 103 00:04:06,913 --> 00:04:08,568 อันนี้คือการเพ่ง 104 00:04:08,568 --> 00:04:12,212 หรือว่าเวลาเราดูร่างกายยืน 105 00:04:12,212 --> 00:04:15,773 ร่างกายเดิน ร่างกายนั่ง หรือร่างกายนอน 106 00:04:15,773 --> 00:04:18,046 แต่เวลาเราดูไปดูมา 107 00:04:18,046 --> 00:04:20,150 มันไหลไปคิดไหลไปเพลิดเพลิน 108 00:04:20,150 --> 00:04:21,348 นี่คือขาดสติ 109 00:04:21,348 --> 00:04:23,966 เราต้องมีสติอยู่กับการรู้ 110 00:04:23,966 --> 00:04:26,107 รูปยืน รูปเดิน รูปนั่ง รูปนอน 111 00:04:26,107 --> 00:04:28,488 อันนี้ต้องไปค่อยหัดสังเกต 112 00:04:28,488 --> 00:04:30,013 เวลาเราหัดดู 113 00:04:30,013 --> 00:04:34,480 ถ้าเราจงใจเราเจตนาแรงคือการเพ่ง 114 00:04:34,480 --> 00:04:37,496 แต่ว่าถ้าเราดูจนชำนาญ 115 00:04:37,496 --> 00:04:38,924 เราคิดว่าเราดูอยู่ 116 00:04:38,924 --> 00:04:41,200 แต่ว่ามันแอบไปคิดแอบไปฟุ้งซ่าน 117 00:04:41,200 --> 00:04:43,008 คือหลงไป ขาดสติ 118 00:04:43,008 --> 00:04:44,648 ทำอย่างไรเราจะฝึก 119 00:04:44,648 --> 00:04:46,580 ให้มีสติอยู่กับร่างกายบ่อยๆ 120 00:04:46,580 --> 00:04:48,070 ถ้าเราฝึกตรงนี้ได้ 121 00:04:48,070 --> 00:04:49,946 เราไปฝึกเดินจงกรม 122 00:04:49,946 --> 00:04:51,797 ก็เห็นร่างกายเดินจงกรม 123 00:04:51,797 --> 00:04:54,680 มีสติระลึกรู้อยู่ที่การเดินจงกรม 124 00:04:54,680 --> 00:04:56,608 แต่นักปฏิบัติส่วนใหญ่ 125 00:04:56,608 --> 00:04:58,672 ที่ครูบาอาจารย์ท่านบอก 126 00:04:58,672 --> 00:05:01,771 ร้อยทั้งร้อยเวลาเราไปเดินจงกรม 127 00:05:01,771 --> 00:05:03,176 เราก็ไปเพ่ง 128 00:05:03,176 --> 00:05:05,015 ไม่เพ่งบางทีเดินจงกรมไป 129 00:05:05,015 --> 00:05:08,100 เดินจนเพลินๆ ก็ไหลไปคิดไหลไปฟุ้งซ่าน 130 00:05:08,100 --> 00:05:09,496 อันนี้คือขาดสติ 131 00:05:09,496 --> 00:05:12,097 มันคือว่าทำไมนักปฏิบัติส่วนใหญ่ 132 00:05:12,097 --> 00:05:13,848 ปฏิบัติแล้วไม่ค่อยได้ผล 133 00:05:13,848 --> 00:05:16,102 เพราะปฏิบัติแล้วมันไม่ค่อยมีสติ 134 00:05:16,102 --> 00:05:19,029 ปฏิบัติแล้วส่วนใหญ่เพ่งเอา 135 00:05:19,029 --> 00:05:23,357 อย่างพวกเราคนจีนที่ส่วนใหญ่ที่มาส่งการบ้าน 136 00:05:23,357 --> 00:05:27,024 ส่วนใหญ่เราตั้งใจปฏิบัติกันมาก 137 00:05:27,024 --> 00:05:29,741 ตั้งใจเรียน ตั้งใจภาวนากันมาก 138 00:05:29,741 --> 00:05:32,406 พอถึงเวลาเราจงใจเยอะ 139 00:05:32,406 --> 00:05:34,174 พอจงใจเยอะ 140 00:05:34,174 --> 00:05:36,679 เราจะกลัวหลงกลัวเผลออะไรอย่างนี้ 141 00:05:36,679 --> 00:05:38,043 เราก็ไปเพ่งไว้ 142 00:05:38,043 --> 00:05:40,155 จะพุทโธแล้วก็เพ่งพุทโธ 143 00:05:40,155 --> 00:05:42,992 จะดูลมหายใจแล้วก็ไปเพ่งลมหายใจ 144 00:05:42,992 --> 00:05:44,345 จะไปเดินจงกรม 145 00:05:44,345 --> 00:05:46,333 เราก็ไปเพ่งการเดินจงกรม 146 00:05:46,333 --> 00:05:48,216 สติเลยไม่เกิด 147 00:05:48,216 --> 00:05:51,574 สติตัวนี้ที่ว่าไม่เกิดคือสัมมาสติ 148 00:05:51,574 --> 00:05:53,421 ฉะนั้นเราต้องหัด 149 00:05:53,421 --> 00:05:54,752 หัดดูให้มันถูก 150 00:05:54,752 --> 00:05:57,760 รู้ไปสบายๆ 151 00:05:57,760 --> 00:06:00,027 นี่คือส่วนของร่างกาย 152 00:06:00,027 --> 00:06:03,605 สภาวะของรูปธรรมที่เราต้องดู 153 00:06:03,605 --> 00:06:05,078 ไม่ต้องดูทั้งหมด 154 00:06:05,078 --> 00:06:06,447 ดูตัวที่เราถนัด 155 00:06:06,447 --> 00:06:10,726 ตัวไหนก็ได้ไม่จำเป็นต้องดูทั้งหมดหรอก 156 00:06:10,726 --> 00:06:13,794 แต่ว่าถ้าคนที่ท่านสติไวๆ 157 00:06:13,794 --> 00:06:15,367 บางทีดูได้ทั้งหมด 158 00:06:15,367 --> 00:06:18,579 อย่างหลวงพ่อปราโมทย์สมัยที่ท่านดู 159 00:06:18,579 --> 00:06:20,835 ท่านดูลมหายใจ 160 00:06:20,835 --> 00:06:22,513 ตอนหลังท่านไปหัดดู 161 00:06:22,513 --> 00:06:24,879 ร่างกายเคลื่อนไหวร่างกายหยุดนิ่ง 162 00:06:24,879 --> 00:06:27,155 ร่างกายกระดุกกระดิกอะไรอย่างนี้ 163 00:06:27,155 --> 00:06:29,160 ท่านก็หัดรู้สึกตัวตรงนี้ได้ 164 00:06:29,160 --> 00:06:31,027 ท่านบอกว่ารู้สึกตัวตรงนี้ 165 00:06:31,027 --> 00:06:33,231 แล้วสติของท่านไวสติท่านเยอะ 166 00:06:33,231 --> 00:06:36,161 ท่านบอกตอนนอนนี่มันรู้สึกตัวตลอดเลย 167 00:06:36,161 --> 00:06:38,687 ร่างกายพลิกซ้ายพลิกขวาก็รู้หมดเลย 168 00:06:38,687 --> 00:06:39,789 ร่างกายเคลื่อนไหว 169 00:06:39,789 --> 00:06:40,969 ร่างกายกระดุกกระดิกอะไร 170 00:06:40,969 --> 00:06:42,076 รู้สึกหมดเลย 171 00:06:42,076 --> 00:06:44,397 ท่านเลยบอกเลยนอนไม่ค่อยสนุกเลย 172 00:06:44,397 --> 00:06:47,042 เพราะว่าพอร่างกายขยับปุ๊บก็รู้สึกตัว 173 00:06:47,042 --> 00:06:49,227 ร่างกายขยับปุ๊บก็รู้สึกตัวอย่างนี้ 174 00:06:49,227 --> 00:06:50,633 เราไปหัดนะ 175 00:06:50,633 --> 00:06:53,630 หัดให้มันรู้สึกตัวขึ้นมา 176 00:06:53,630 --> 00:06:56,990 อย่างตอนนั้นพระอาจารย์ที่เล่าให้ฟังวันก่อน 177 00:06:56,990 --> 00:06:59,699 พระอาจารย์ก็หัดไปดูร่างกายเคลื่อนไหว 178 00:06:59,699 --> 00:07:00,941 ร่างกายหยุดนิ่ง 179 00:07:00,941 --> 00:07:02,398 หัดไปอยู่ 3-4 วัน 180 00:07:02,398 --> 00:07:05,567 พอร่างกายเคลื่อนไหวตอนนั้นเราขาดสติ 181 00:07:05,567 --> 00:07:08,301 ร่างกายเคลื่อนไหวมันรู้สึกตัวขึ้นมาเลย 182 00:07:08,301 --> 00:07:09,851 จิตตื่นออกมา 183 00:07:09,851 --> 00:07:14,019 ตัวนี้จะว่ายากก็ยาก 184 00:07:14,019 --> 00:07:16,279 แต่ว่าถ้าคนที่ค่อยๆฝึก 185 00:07:16,279 --> 00:07:18,817 มันจะรู้สึกตัวขึ้นมาได้ 186 00:07:18,817 --> 00:07:24,064 เวลาเราฝึกก็คืออย่าจงใจเยอะ 187 00:07:24,064 --> 00:07:27,049 ถ้าเราจงใจมันคือการเพ่ง 188 00:07:27,049 --> 00:07:29,553 ทีนี้เราไม่จงใจ 189 00:07:29,553 --> 00:07:31,676 มันก็จะหลงขาดสติไป 190 00:07:31,676 --> 00:07:35,805 แต่ว่าต้องคอยรู้ร่างกายรู้รูปบ่อยๆ 191 00:07:35,805 --> 00:07:37,870 รู้ไปจนกว่ามันจะจำสภาวะได้ 192 00:07:37,870 --> 00:07:40,898 ต่อไปถ้ามันจำสภาวะของรูปธรรมทั้งหลาย 193 00:07:40,898 --> 00:07:43,233 ที่พระอาจารย์เล่าให้ฟังได้ 194 00:07:43,233 --> 00:07:45,938 เวลามันเคลื่อนไหวมันรู้สึกของมันเอง 195 00:07:45,938 --> 00:07:47,294 คล้ายๆ รู้สึกว่า 196 00:07:47,294 --> 00:07:49,465 ร่างกายมันเคลื่อนไหว มันก็รู้ 197 00:07:49,465 --> 00:07:51,267 ร่างกายหยุดนิ่งมันก็รู้ 198 00:07:51,267 --> 00:07:53,728 ร่างกายยืนเดินนั่งนอนก็รู้ 199 00:07:53,728 --> 00:07:55,361 ร่างกายหายใจออก 200 00:07:55,361 --> 00:07:57,593 ร่างกายหายใจเข้าก็จะรู้ 201 00:07:57,593 --> 00:08:00,940 นี่ล่ะคือการฝึกสติของการดูร่างกาย 202 00:08:00,940 --> 00:08:04,471 ส่วนการดูเวทนา 203 00:08:04,471 --> 00:08:06,187 บางคนชอบดูเวทนา 204 00:08:06,187 --> 00:08:09,183 เวทนาก็มีความสุข ความทุกข์ ความเฉยๆ 205 00:08:09,183 --> 00:08:10,732 อันนี้เวทนาทางใจ 206 00:08:10,732 --> 00:08:12,429 เวทนาทางกายก็มี 207 00:08:12,429 --> 00:08:14,516 สุขเวทนากับทุกขเวทนา 208 00:08:14,516 --> 00:08:17,462 แต่ส่วนใหญ่ดูเวทนาทางกายมันดูยาก 209 00:08:17,462 --> 00:08:19,907 ต้องอาศัยสมาธิสูงๆ หน่อย 210 00:08:19,907 --> 00:08:23,069 แต่ว่าตัวที่ดูง่ายดูเวทนาทางใจ 211 00:08:23,069 --> 00:08:25,632 เวทนาทางใจเกิดตลอดเวลา 212 00:08:25,632 --> 00:08:28,350 อย่างตอนนี้เรามีความสุข 213 00:08:28,350 --> 00:08:31,675 หรือเรามีความทุกข์หรือว่าเราเฉยๆ 214 00:08:31,675 --> 00:08:32,837 เราก็รู้ไป 215 00:08:32,837 --> 00:08:36,506 รู้ไปจนกว่ามันจะจำสภาวะของเวทนาพวกนี้ได้ 216 00:08:36,506 --> 00:08:39,387 สติก็จะเกิดขึ้นมาเอง 217 00:08:39,387 --> 00:08:42,381 จริงๆ ครูบาอาจารย์บางท่าน 218 00:08:42,381 --> 00:08:44,769 ก็บอกตัวเวทนานี่ดูง่าย 219 00:08:44,769 --> 00:08:46,684 แต่จริงๆ มันแล้วแต่คนถนัด 220 00:08:46,684 --> 00:08:48,607 ถ้าเราถนัดเราก็ดู 221 00:08:48,607 --> 00:08:50,621 ถ้าเราไม่ถนัดเราก็ไปดูตัวอื่น 222 00:08:50,621 --> 00:08:54,554 ตัวอีกตัวหนึ่งคือตัวความปรุงแต่ง 223 00:08:54,554 --> 00:08:57,508 ปรุงจิต ปรุงกุศล ปรุงอกุศล 224 00:08:57,508 --> 00:08:58,671 เราหัดดูไป 225 00:08:58,671 --> 00:09:01,047 จิตมีความโกรธเราก็รู้ทัน 226 00:09:01,047 --> 00:09:03,227 จิตไม่โกรธเราก็รู้ทัน 227 00:09:03,227 --> 00:09:05,546 จิตมีความโลภเราก็รู้ทัน 228 00:09:05,546 --> 00:09:07,395 จิตไม่มีความโลภเราก็รู้ทัน 229 00:09:07,395 --> 00:09:09,958 หรือจิตหลงเราก็รู้ทัน 230 00:09:09,958 --> 00:09:12,395 จิตไม่หลงเราก็รู้ 231 00:09:12,395 --> 00:09:15,542 แต่ส่วนใหญ่จิตหลงจิตไม่หลงจะดูยาก 232 00:09:15,542 --> 00:09:19,375 จิตหลงนี่มีหลายตัว 233 00:09:19,375 --> 00:09:22,222 อย่างตัวฟุ้งซ่าน ตัวหดหู่ 234 00:09:22,222 --> 00:09:24,629 เราค่อยๆ สังเกตไป 235 00:09:24,629 --> 00:09:26,012 เราหัดดูสภาวะไป 236 00:09:26,012 --> 00:09:28,467 อย่างตัวความโกรธนี่มีเยอะแยะเลย 237 00:09:28,467 --> 00:09:30,186 ถ้าเราค่อยๆ สังเกต 238 00:09:30,186 --> 00:09:32,292 โกรธแรงๆ โกรธเบาๆ 239 00:09:32,292 --> 00:09:34,365 หรือว่าหงุดหงิดอะไรอย่างนี้ 240 00:09:34,365 --> 00:09:37,116 อย่างรำคาญอะไรอย่างนี้ 241 00:09:37,116 --> 00:09:38,252 เราหัดดูไป 242 00:09:38,252 --> 00:09:40,851 ถ้าเราค่อยๆ สังเกต 243 00:09:40,851 --> 00:09:44,318 ค่อยๆ ดูสภาวะของนามธรรมเหล่านี้ไปเรื่อยๆ 244 00:09:44,318 --> 00:09:46,756 ต่อไปจิตมันจำสภาวะ 245 00:09:46,756 --> 00:09:49,084 ของนามธรรมทั้งหลายเหล่านี้ได้ 246 00:09:49,084 --> 00:09:51,483 จิตจะตื่นออกมาเอง 247 00:09:51,483 --> 00:09:53,687 ถ้าเราจำสภาวะ 248 00:09:53,687 --> 00:09:56,025 ของรูปของนามธรรมทั้งหลาย 249 00:09:56,025 --> 00:09:58,147 ที่เราฝึกดูสภาวะตัวนี้บ่อยๆ 250 00:09:58,147 --> 00:10:01,353 ถ้ามันจำรูปจำนามธรรมพวกนี้บ่อยๆ 251 00:10:01,353 --> 00:10:03,300 จิตจะตื่นออกมาเอง 252 00:10:03,300 --> 00:10:06,346 แล้วพอมันตื่นออกมาเราจะรู้สึกเลย 253 00:10:06,346 --> 00:10:07,860 เราไม่ได้ทำอะไร 254 00:10:07,860 --> 00:10:09,550 มันแค่รู้ของมันเฉยๆ 255 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 แต่ว่าถ้าเรายังบังคับร่างกายบังคับจิตใจ 256 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 หรือว่ายังไหลไปคิดเรื่องกรรมฐาน 257 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 ไหลไปคิดเรื่องร่างกาย 258 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 ไหลไปคิดเรื่องนามธรรมเรื่องจิตใจ 259 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 สติไม่เกิด 260 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 ใจไม่ตื่นออกมา 261 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 ฝึกตัวนี้บ่อยๆ 262 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 ถ้าเราฝึกพวกนี้ได้บ่อยๆ 263 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 ใจจะตื่นออกมา 264 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 ต่อไปร่างกายเคลื่อนไหวก็รู้สึก 265 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 นามธรรมเกิดก็รู้สึก 266 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 เราค่อยๆ ฝึกสติอยู่กับร่างกายอยู่กับจิตใจบ่อยๆ 267 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 ถ้าเรามีสติตัวนี้ได้มันเกิดสัมมาสติขึ้นมาได้ 268 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 ที่เราระลึกรู้รูปธรรมนามธรรม 269 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 ในร่างกายในจิตใจของเราตัวนี้ได้บ่อยๆ 270 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 สัมมาสมาธิจะเกิดขึ้นมาเอง 271 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 สมัยที่พระอาจารย์ฝึกไม่ได้ว่า. 272 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 ..ช่วงแรกไม่ได้ว่าฝึกยากเย็นอะไร 273 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 ฝึกหัดดูสภาวะอย่างนี้ 274 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 ร่างกายเคลื่อนไหวก็รู้สึก 275 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 ร่างกายหยุดนิ่งก็รู้สึก 276 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 ตอนที่ฝึกมันมีเจตนาแต่ไม่ได้เจตนาแรง 277 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 เจตนาแรงๆ คือการเพ่งร่างกาย 278 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 ตัวนี้จะทำให้สัมมาสติไม่เกิด 279 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 เราหัดดูไปสบายๆ อย่างนี้ล่ะ 280 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 ดูร่างกายเคลื่อนไหวก็รู้ 281 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 ร่างกายหยุดนิ่งก็รู้ 282 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 ตามดูร่างกายไปบ่อยๆ 283 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 พอมันจำรูปของร่างกาย 284 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 รูปร่างกายตอนนั้นที่พระอาจารย์ดูรูปของร่างกายคือ 285 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 รูปเคลื่อนไหว รูปหยุดนิ่ง 286 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 รูปกระดุกกระดิก 287 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 พอมันจำรูปของพวกนี้ได้ 288 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 ต่อไปเราเคลื่อนไหว 289 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 สติมันเกิดของมันเอง 290 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 ตอนสติมันเกิดของมันเองเรายังรู้สึก 291 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 เออ แปลกดี 292 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 ไม่คิดว่าตอนที่เราหลงๆ แล้วเราเคลื่อนไหว 293 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 สติมันจะเกิด 294 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 อย่างหลวงพ่อปราโมทย์ท่านเคยเล่า 295 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 ตอนนั้นท่านไปดูสายหลวงพ่อเทียน 296 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 ทำกรรมฐานเคลื่อนไหวหยุดนิ่งอะไรอย่างนี้ 297 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 ทำจังหวะ 298 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 ท่านไปดูแล้วตอนแรกท่านเป็นคนโทสะ 299 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 ให้ไปทำครบทั้งเซ็ตของจังหวะนั้น 14 หรืออะไรนั่น 300 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 ท่านบอกว่าทำแล้วมันเยอะไป 301 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 ท่านไม่ชอบ อะไรที่เยอะๆ 302 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 ดูแล้วมันรำคาญ 303 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 ท่านก็เลยไปขยับมือ 304 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 มือเคลื่อนไหวก็รู้สึก 305 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 มือกำก็รู้สึก มือแบก็รู้สึก 306 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 ทำขยับมือแล้วรู้สึกไป 307 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 ท่านบอกทำอยู่ไม่กี่วันหรอก 308 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 วันหนึ่งเดินไปที่ถนน 309 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 เห็นเพื่อน 310 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 เพื่อนสนิท เพื่อนเก่า 311 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 ไม่ได้เจอกันนานอยู่ตรงข้ามถนน 312 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 ตอนที่เห็นดีใจ 313 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 แต่ว่าไม่เห็นจิต 314 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 พอขาก้าวจะข้ามถนนไปนี่ 315 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 ด้วยความที่ท่านเคยฝึกขยับมือจนสติเกิดแล้ว 316 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 พอขาก้าวปุ๊บ 317 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 สติมันเกิดเลย 318 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 มันรู้ทัน 319 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 นี่คือสติที่เกิดอัตโนมัติ 320 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 เราต้องฝึกจนกว่าสติมันจะเกิดอัตโนมัติ 321 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 สติอัตโนมัติเป็นเรื่องที่ทำเอาไม่ได้ 322 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 แต่มันรู้สึกตัวของมันเอง 323 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 ถ้าเรายังบังคับให้มันเกิดมันไม่เกิด 324 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 ส่วนใหญ่มันจะเพ่ง 325 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 หรือไปคิดจะให้มันเกิดก็ไม่เกิด 326 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 ส่วนใหญ่มันจะฟุ้งซ่าน 327 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 เราค่อยๆ ฝึกนะตัวนี้ 328 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 มันต้องเห็นทั้งรูปธรรมทั้งนามธรรม 329 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 เห็นตัวสภาวะจริงๆ 330 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 แล้วมีสติคอยระลึกรู้บ่อยๆ 331 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 จะดูร่างกายหายใจออกก็ได้ 332 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 จะดูร่างกายหายใจเข้าก็ได้ 333 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 หรือดูรูปหายใจออก 334 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 ดูรูปหายใจเข้า 335 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 ดูรูปยืน รูปเดิน รูปนั่ง รูปนอน 336 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 รูปเคลื่อนไหว รูปหยุดนิ่ง 337 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 เราหัดดูไป 338 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 จริงๆ รูปมีมากกว่านี้ 339 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 แต่ว่าอันนี้คือเหมาะกับพวกเรา 340 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 เหมาะกับพวกเราที่ไม่ได้ทรงสมาธิ 341 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 จิตไม่ได้ทรงฌาน 342 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 จริงๆ อย่างรุ่นครูบาอาจารย์ท่านดูกัน 343 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 ท่านดูกันถึงธาตุ 4 อย่างนี้ 344 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 ในร่างกายแต่ละอวัยวะ 345 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 พอแยกๆ ออกไปกลายเป็นธาตุ 346 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 ธาตุดิน ธาตุน้ำ ธาตุลม ธาตุไฟ 347 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 แต่ตัวนี้มันยาก 348 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 ถ้าให้เราไปภาวนาส่วนใหญ่ก็จะคิดเอา 349 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 ทีนี้รูปที่เราดูได้ง่ายๆ 350 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 อย่างที่พระอาจารย์เล่า 351 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 รูปร่างกายหายใจออก 352 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 ร่างกายหายใจเข้า 353 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 อันนี้รูปที่เราดูได้ 354 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 หรือรูปยืน รูปเดิน รูปนั่ง รูปนอน 355 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 อันนี้เราดูได้ 356 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 รูปเคลื่อนไหว รูปหยุดนิ่ง 357 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 อันนี้เราดูได้ 358 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 นามธรรมอย่างจิตมีความสุขเรารู้ 359 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 จิตมีความทุกข์เรารู้ 360 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 จิตเฉยๆ เรารู้ 361 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 จิตเรามีความโกรธเรารู้ 362 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 จิตเราไม่มีความโกรธเรารู้ 363 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 จิตเรามีความโลภเราก็รู้ 364 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 จิตไม่มีความโลภเราก็รู้ 365 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 จิตหลงเราก็รู้ 366 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 จิตไม่หลงเราก็รู้ 367 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 จิตฟุ้งซ่านจิตหดหู่เราก็หัดรู้ไป 368 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 นี่คือสภาวธรรมที่เราดูได้ 369 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 ถ้าเราดูตัวนี้ได้บ่อยๆ 370 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 สัมมาสติจะเกิดเอง 371 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 ฝึกไปมันไม่ยากหรอก 372 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 เราอย่าไปคร่ำเคร่งกับการภาวนา 373 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 หรืออย่าไปคิดธรรมะเอา 374 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 แต่ดูให้เห็นเนื้อแท้ 375 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 ให้เห็นแก่นสารของการปฏิบัติ 376 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 คือต้องเห็นสภาวะ 377 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 แล้วมีตามรู้ตามดูบ่อยๆ 378 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 จนจิตจำสภาวะของรูปธรรมนามธรรมได้ 379 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 ต่อไปสัมมาสติจะเกิดขึ้นเอง 380 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 สมัยก่อนพระอาจารย์ฝึก 381 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 ไม่ได้คิดว่ามันจะเกิด 382 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 ตอนนั้นเรียนกับหลวงพ่อไม่เข้าใจหรอกเรื่องสติ 383 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 พอไม่เข้าใจเราก็ไปหัดทำเลยง่ายๆ อย่างนี้ล่ะ 384 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 บางทีเราเดินอยู่เห็นของที่เราชอบ 385 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 ก็เห็นราคะมันพุ่งขึ้นมา 386 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 สติระลึกรู้ทันราคะก็ดับไปได้ 387 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 เออ เขาดูกันอย่างนี้เอง 388 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 ตอนที่ดูนี่ไม่ได้เจตนาจะเห็นมันเลย 389 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 เพราะว่าจริงๆ 390 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 ตาเรามองสิ่งภายนอก 391 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 แต่กิเลสมันพุ่งขึ้นมาจากในใจเรา 392 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 เห็นราคะมันพุ่งขึ้นมา 393 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 สติมันเห็น เป็นแค่คนเห็น 394 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 เป็นแค่คนรู้คนดูเอง 395 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 ราคะดับไปเลย 396 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 ใจก็เบิกบาน ใจก็มีความสุข 397 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 ใจเบิกบานเราก็เห็น 398 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 ใจเรามีความสุขเราก็เห็น 399 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 ก็ยังอัศจรรย์เลย 400 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 แค่เราฝึกจนสติมันเกิด 401 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 กิเลสมันดับไปต่อหน้าต่อตาเลย 402 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 โดยเราไม่ได้ทำอะไรเลย 403 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 บางทีอย่างตอนทำงานคนมาพูดขัดใจ 404 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 เห็นโทสะมันพุ่ง 405 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 ตอนที่คุยกับเขาจิตก็ยังส่งออกนอก 406 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 แต่เขาพูดแล้วเราโมโห 407 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 เห็นโทสะมันพุ่งขึ้นมา 408 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 สติระลึกรู้ ก็แค่เห็นนะ 409 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 เห็นโทสะมันพุ่งขึ้นมานี่โทสะก็ดับไปเลย 410 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 เราไม่ได้ทำอะไรเลย 411 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 สติระลึกรู้ของมันเอง 412 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 โทสะก็ดับไปเลยต่อหน้าต่อตา 413 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 ใจก็มีความสุข 414 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 มีความเบิกบานขึ้นมาแทน 415 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 นี่คือฝึกจนได้สัมมาสติอย่างนี้ 416 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 หรืออย่างเราดูร่างกาย 417 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 เราขาดสติอยู่ 418 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 ร่างกายเคลื่อนไหวมันรู้สึกตัวของมันเองเลย 419 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 หรืออย่างหลวงพ่อ 420 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 ชอบยกตัวอย่างเรื่องอานาปานสติ 421 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 อย่างเราหายใจออกก็รู้ 422 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 เราหายใจเข้าก็รู้ 423 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 ร่างกายหายใจออกเราก็รู้สึก 424 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 ร่างกายหายใจเข้าเราก็รู้สึก 425 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 อย่างพอคนมายั่วให้เราโกรธ 426 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 ลมหายใจมันผิดจังหวะ 427 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 พอผิดจังหวะปุ๊บ 428 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 สติมันก็เกิดของมันเองเลย 429 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 มันรู้ตอนนี้โกรธแล้วนี่ 430 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 เราฝึกไปนะแล้วถ้าเรามีสตินี่ 431 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 ชีวิตเราก็จะดีขึ้นเยอะเลย 432 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 กิเลสก็จะค่อยๆ ลดลงไป 433 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 ถ้าเราฝึกสัมมาสติของเราได้ 434 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 ทีนี้พอเรามีสัมมาสติบ่อยๆ 435 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 ถ้าเราฝึกได้จนดูได้บ่อยๆ 436 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 ดูได้แทบทั้งวัน 437 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 ใจก็จะมีสัมมาสมาธิขึ้นมา 438 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 อย่างที่พระอาจารย์เล่าให้ฟัง 439 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 อย่างตอนที่เราเห็นโทสะมันพุ่งขึ้นมา 440 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 เรามีสติระลึกรู้ทัน 441 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 โทสะมันดับไป 442 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 โทสะมันดับไปเกิดจิตตั้งมั่นขึ้นมาขณะหนึ่ง 443 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 จิตที่รู้ตื่นเบิกบานขึ้นมาขณะหนึ่ง 444 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 แล้วเราเห็นสภาวะอะไรต่อไปอีกนี่ 445 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 บางทีเราเห็นจิต 446 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 ที่รู้ตื่นเบิกบานขึ้นมาขณะหนึ่ง 447 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 บางทีเราเห็นใจมันไหลไป 448 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 จิตที่ไหลก็คือจิตที่มันหลงนั่นล่ะ 449 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 เรามีสติรู้ทัน 450 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 จิตที่หลงมันดับไป 451 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 เกิดจิตที่รู้สึกตัว 452 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 จิตที่รู้ตื่นเบิกบาน 453 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 หรือว่าจิตที่ไม่หลงขึ้นมาขณะหนึ่ง 454 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 เดี๋ยวมันก็ไหลไปที่ร่างกายได้ 455 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 เรามีสติรู้ทัน 456 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 จิตที่ไหลไปที่ร่างกายก็ดับไป 457 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 เกิดจิตที่รู้สึกตัวตั้งมั่นขึ้นมา 458 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 นี่มันจะรู้สึกตัวตั้งมั่นได้ทีละขณะๆๆ 459 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 แต่ถ้าเราฝึกบ่อยๆ 460 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 ทีละขณะนี่มันเหมือนจะทรงจิตผู้รู้ขึ้นมาได้ 461 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 หลวงพ่อใช้บอกว่ามีจิตผู้รู้ 462 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 แบบรู้แบบเด่นดวงขึ้นมา 463 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 คือจริงๆ มันไม่ได้เด่นดวงอะไรหรอก 464 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 แต่ว่าจิตผู้รู้มันต่อเนื่อง 465 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 มันก็เหมือนกับทรงจิตผู้รู้ไว้ได้ 466 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 แล้วมันก็จะเห็นร่างกายเคลื่อนไหวก็รู้สึก 467 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 จิตใจทำงานก็รู้สึก 468 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 ถ้าเราฝึกจนมีใจที่ตั้งมั่นขึ้นมาได้แล้วนี่ 469 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 เรื่องทำวิปัสสนาจะไม่ใช่เรื่องยากแล้ว 470 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 การทำวิปัสสนาก็ทำไปเหมือนเดิมล่ะ 471 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 ก็ดูสภาวะเกิดดับไปเหมือนเดิมล่ะ 472 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 แต่ทีนี้จิตมันจะหมาย 473 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 ลงไปรู้ว่าทุกสภาวะที่เราดูนี่มันไม่เที่ยง 474 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 หรือว่าเห็นทุกสภาวะนี่มันถูกบีบคั้น 475 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 ทนอยู่ในสภาวะเดียวไม่ได้ 476 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 หรือว่าเห็นสภาวธรรมทั้งหลาย 477 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 มันไม่ใช่ตัวเราไม่ใช่ของเรา 478 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 มันเป็นอนัตตา 479 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 ถ้าเราดูไปบ่อยๆ 480 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 ปัญญาจะค่อยๆ เกิดขึ้น 481 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 ตัวนี้มันเกิดจากเราเริ่มต้นจากการที่เรามีสติหัดดูสภาวะ 482 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 แต่ถ้าเราไปทำวิธีอื่น 483 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 เราไม่เห็นสภาวะ 484 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 ไม่มีสัมมาสติเกิดขึ้น 485 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 ไม่มีสัมมาสมาธิเกิดขึ้น 486 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 เรื่องเดินปัญญาจะเป็นเรื่องยาก 487 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 ส่วนใหญ่สายที่เขาทำ 488 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 แล้วไม่เกิดจิตผู้รู้ขึ้นมานี่แล้วจะไปเดินปัญญา 489 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 ส่วนใหญ่จะไปคิดเอา 490 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 พอไปคิดเอา 491 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 แล้วได้ความรู้ความเห็นอะไรเกิดขึ้นมา 492 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 ก็คิดว่าเข้าใจธรรมะ 493 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 แต่จริงๆ ไม่ได้เข้าใจธรรมะหรอก 494 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 เพราะว่าจิตมันผิด 495 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 ส่วนใหญ่ไปเห็นอะไรแล้วก็จะ 496 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 ...ถ้าภาษาในธรรมะเรียกว่าเกิดวิปัสสนู 497 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 ฉะนั้นเราค่อยๆ ฝึกไป 498 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 อย่าไปอยากได้ผล 499 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 ถ้าเราอยากได้ผลส่วนใหญ่จะจงใจ 500 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 จะทำด้วยความอยาก 501 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 ผลที่ทำด้วยความอยากนี่มันเป็นโลภะ 502 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 ทำให้เราทุกข์ 503 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 ไม่ได้ทำให้เราเกิดปัญญา 504 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 แต่ว่าเรามีสติรู้กายรู้ใจบ่อยๆ 505 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 ฝึกให้มีฉันทะที่จะดูตัวนี้ได้บ่อยๆ 506 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 ถ้าเราฝึกให้ดูร่างกายดูจิตใจได้บ่อยๆ 507 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 เดี๋ยวสัมมาสติมันเกิด 508 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 สัมมาสมาธิมันเกิด 509 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 แล้วปัญญามันจะเกิดตามมา 510 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 พวกเราต้องจับหลักตรงนี้ให้แม่นๆ 511 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 ถ้าเราจับหลักตรงนี้ได้แม่น 512 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 เราจะไปทำรูปแบบ 513 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 เราจะทำได้เลย 514 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 ทำได้อย่างสบายๆ 515 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 อย่างเวลาทำกรรมฐานเวลาทำรูปแบบ 516 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 หรือว่าเรียกว่าทำสมาธิก็ได้ 517 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 เวลาเราไปฝึกรูปแบบฝึกสมาธินี่ 518 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 จะมีสภาวะ 3 อัน 519 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 อย่างเราไปฝึกที่เล่าให้ฟัง 520 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 สมมติเราทำกรรมฐานที่เราทำ 521 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 ถ้าเราจงใจเยอะมันคือการเพ่ง 522 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 แต่ว่าถ้าเราทำกรรมฐาน 523 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 อย่างเช่นเรานึกพุทโธๆๆ 524 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 ถ้าเราจงใจเยอะมันคือการเพ่งพุทโธ 525 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 ตัวนี้ไม่ได้สติที่ดีไม่ได้สมาธิที่ดี 526 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 แต่ถ้าเราพุทโธๆ ไปสบายๆ 527 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 แล้วจิตก็อยู่กับพุทโธ 528 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 ตัวนี้ได้สมาธิ 529 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 แต่เป็นสมาธิแบบอารัมมณูปนิชฌาน 530 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 แต่ถ้าเราพุทโธๆ ไป 531 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 แล้วใจก็ไหลไปคิดอื่นๆ 532 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 ฟุ้งซ่านคือขาดสติคือการหลง 533 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 อย่างเวลาเราเดินจงกรมเราเห็นร่างกายมันเดิน 534 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 เรามีสติรู้ร่างกายมันเดิน 535 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 เห็นร่างกายเดินจงกรมไป 536 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 แต่ถ้าเราเจตนาแรงจงใจแรง 537 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 นี่คือการเพ่ง 538 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 เพ่งร่างกายที่เดินจงกรม 539 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 ถ้าเพ่งร่างกายที่เดินจงกรม 540 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 สมาธิที่ดีก็จะไม่เกิด 541 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 จะเป็นสมาธิแบบเพ่งซึ่งเอาไปทำอะไรต่อไม่ได้ 542 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 แต่ถ้าเราดูร่างกายเดินจงกรม 543 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 เห็นร่างกายมันเดินจงกรมไปสบายๆ 544 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 จิตอยู่กับการเดินจงกรม อันนี้ได้สมาธิ 545 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 สมาธิแบบอารัมมณูปนิชฌาน 546 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 จำเป็นนะเป็นสมาธิที่เอาไว้ใช้พักผ่อน 547 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 แต่ถ้าเดินจงกรม 548 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 บางคนเดินจนชำนาญใช่ไหม 549 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 เดินไปก็คิดเรื่องโน้นไปคิดเรื่องนี้ไป 550 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 ร่างกายก็เดิน 551 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 เดินจงกรมอยู่แต่ว่าใจไหลคิดฟุ้งซ่าน 552 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 ไหลหลงไปเรื่องโน้นไปเรื่องนี้ 553 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 อันนี้คือขาดสติ 554 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 ถ้าเราทิ้งเรื่องหลักของการมีสติ 555 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 ทำกรรมฐานไม่ค่อยได้ผล 556 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 แต่ถ้าเรามีสติ 557 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 ทำกรรมฐานอะไรก็จะได้ผลขึ้นมา 558 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 ต้องจับหลักการภาวนาให้แม่นๆ 559 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 แล้วเราค่อยๆ เดินไป 560 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 อย่างพื้นฐานพวกเราเป็นคนเมือง 561 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 สมาธิเราน้อย 562 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 พอสมาธิเราน้อยเราจะฝึกสัมมาสติ 563 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 มันจะฝึกยากหน่อย 564 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 แต่อย่างหลวงพ่อปราโมทย์นี่ 565 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 ท่านฝึกสมาธิของท่านมาก่อน 566 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 ท่านฝึกมาตั้ง 22 ปี 567 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 จนมีความชำนาญในเรื่องของสมาธิ 568 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 แล้วสมาธิที่ท่านชำนาญนี่เป็นสมาธิ 569 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 ที่แบบเป็นสัมมาสมาธิ 570 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 ใจตั้งมั่นอยู่กับตัว 571 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 ฝึกมาได้ตั้งแต่เด็กแล้ว 572 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 พอท่านไปเจอครูบาอาจารย์ 573 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 ไปเจอหลวงปู่ดูลย์ 574 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 ท่านสอนให้ดูจิต 575 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 ที่หลวงปู่ดูลย์สอนท่าน 576 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 “อ่านหนังสือมามากแล้ว ต่อไปนี้อ่านจิตตนเอง” 577 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 ท่านไปตามดูจิตของท่าน 578 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 ท่านดูได้ทั้งวันเลย 579 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 ที่ดูได้ทั้งวันเพราะว่าสมาธิท่านเยอะ 580 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 สมาธิท่านเยอะ 581 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 ท่านก็จะดูได้ตลอดเวลา 582 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 แต่สมาธิเราไม่เยอะ 583 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 ส่วนใหญ่ของเราคนเมือง 584 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 ที่เยอะคือความฟุ้งซ่าน 585 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 จิตมันชินที่จะฟุ้งซ่าน 586 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 อย่างยุคนี้เป็นยุคของเทคโนโลยี 587 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 ใจฟุ้งซ่านเยอะมาก 588 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 สังเกตได้จาก 589 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 ...อันนี้พูดถึงคนไทย 590 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 คือคนจีนนี่พระอาจารย์ไม่รู้ว่า 591 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 ชอบติดโซเชียลมีเดียอะไรพวกนี้มากหรือเปล่า 592 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 หรือว่าชอบเล่นมือถือกันมากหรือเปล่า 593 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 พระอาจารย์ไม่รู้ 594 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 แต่คนไทยนี่ชอบมากเลย 595 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 ว่างไม่ได้ 596 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 ว่างปุ๊บก็จะหยิบมือถือขึ้นมาดูเลย 597 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 แล้วส่วนใหญ่ดูแพล็บๆ 598 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 ก็จะเปลี่ยน 599 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 ดูแพล็บๆ ก็จะเปลี่ยน 600 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 คือตัวนี้มันเป็นการทำลายสมาธิของเรา 601 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 เพราะว่าใจไม่เคยจดจ่อกับอะไรสักเรื่องหนึ่งเลย 602 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 ดูอันนี้นิดหนึ่งเปลี่ยน 603 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 ดูอันนี้นิดหนึ่งเปลี่ยน 604 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 ดูอันนี้หน่อยหนึ่งก็ข้ามไปอะไรอย่างนี้ 605 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 ใจจะฟุ้งซ่านตลอด 606 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 เทคโนโลยีพวกนี้มันฝึกให้เราฟุ้งซ่าน 607 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 เมื่อก่อนเขาออกแบบมาเพื่อให้เราสะดวกสบาย 608 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 แต่จริงๆ ความสะดวกสบายนี่ทำให้เราฟุ้งซ่านมากขึ้น 609 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 ฉะนั้นส่วนใหญ่พื้นฐานที่เรามีคือจิตที่มันฟุ้ง 610 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 ฉะนั้นเราไม่ค่อยมีสมาธิ 611 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 เราต้องไปฝึก 612 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 ทำรูปแบบของเรานี่ 613 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 ฝึกให้มีสติเหมือนที่พระอาจารย์เล่าให้ฟัง 614 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 เราฝึกแล้วมีสติอยู่กับกรรมฐานบ่อยๆ 615 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 อยู่กับร่างกายบ่อยๆ 616 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 อยู่กับจิตใจบ่อยๆ 617 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 ถ้าสมมติตอนที่เราฝึก 618 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 เราใช้จิตที่สบายๆ 619 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 แต่ว่าเวลาเราฝึกจิต 620 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 มันอยู่กับอารมณ์กรรมฐานตัวนี้ได้สมถะที่ใช้พักผ่อน 621 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 เป็นอารัมมณูปนิชฌาน 622 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 ควรจะต้องทำ 623 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 แต่เวลาทำอย่าไปจริงจังมาก 624 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 จริงจังมากคือการเพ่ง 625 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 จะไม่ได้สมาธิที่ดี 626 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 ฉะนั้นถ้าเรามีสมาธิตัวนี้ 627 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 แล้วเดี๋ยวเราค่อยพัฒนามาให้เป็นสัมมาสมาธิ 628 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 ถ้าเราเกิดสมาธิแบบพักผ่อนนี่ 629 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 จนช่วงหนึ่งจิตเราไม่ค่อยฟุ้งซ่าน 630 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 จิตที่ไม่ค่อยฟุ้งซ่านมันอยู่กับอารมณ์กรรมฐานได้บ่อยๆ 631 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 ตัวนี้ได้สมาธิแบบพักผ่อนขึ้นมา 632 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 ของเราไม่ต้องเอาสมาธิแบบเข้าฌานอะไรอย่างนั้นหรอก 633 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 เอาสมาธิแบบพอใจมันสงบ 634 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 พอใจมันสงบเราหัดดูสภาวะไป 635 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 ถ้าเราเห็นจิตหลงไปได้จิตไหลไปได้ 636 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 จิตที่หลงจิตที่ไหลมันดับไป 637 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 ก็จะเกิดจิตตั้งมั่นขึ้นมาอัตโนมัตินั่นล่ะ 638 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 ถ้าเราฝึกของเราไปอย่างนี้ 639 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 เราก็จะเห็นเลยทั้งร่างกายทั้งจิตใจเป็นของถูกรู้ถูกดู 640 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 ตัวนี้มันเริ่มกระบวนการทำวิปัสสนาแล้ว 641 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 ถ้าเราเห็นร่างกายเป็นของถูกรู้ถูกดู 642 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 ร่างกายอยู่ส่วนหนึ่งจิตเป็นคนรู้ 643 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 เวทนาอยู่ส่วนหนึ่งจิตเป็นคนรู้ 644 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 สังขารความปรุงแต่ง 645 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 ปรุงดีปรุงชั่ว 646 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 ปรุงกุศลปรุงอกุศล 647 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 อยู่ส่วนหนึ่งมีจิตเป็นคนรู้คนดู 648 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 นี่เราเริ่มต้นกระบวนการทำวิปัสสนาแล้ว 649 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 ฉะนั้นเราดูไปเลยทั้งรูปธรรมทั้งนามธรรม 650 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 ทั้งรูปธรรมทั้งเวทนาทั้งตัวสังขารอย่างนี้ 651 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 ล้วนแต่เป็นของไตรลักษณ์ 652 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 เห็นมันไม่เที่ยงบ้าง 653 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 เห็นมันถูกบีบคั้นให้หายไปบ้าง 654 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 เห็นว่ามันไม่ใช่ตัวเราบ้าง 655 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 เราหัดดูไปบ่อยๆ