1 00:00:13,817 --> 00:00:15,572 สวัสดียามเย็นครับ 2 00:00:15,572 --> 00:00:16,854 เป็นอะไรกันไปล่ะครับ 3 00:00:16,854 --> 00:00:19,166 หรือว่าคุณกลัวแวมไพร์ 4 00:00:19,166 --> 00:00:21,283 หึๆ ไม่ต้องกังวลไปหรอกครับ 5 00:00:21,283 --> 00:00:23,123 ผมไม่ได้มาทานอาหารเย็น 6 00:00:23,123 --> 00:00:25,876 (หัวเราะ) ผมมาที่นี่เพื่อบอกเล่า 7 00:00:25,876 --> 00:00:27,520 ประวัติสั้นๆ ของพวกเราเหล่าแวมไพร์ 8 00:00:29,164 --> 00:00:30,808 เพื่อให้ทุกคนเข้าใจเรื่อง รูปลักษณ์ที่เปลี่ยนไปของเรา 9 00:00:30,808 --> 00:00:33,304 ว่าเปลี่ยนจากซากศพเดินได้ 10 00:00:33,304 --> 00:00:36,301 กลายมาเป็นชายหนุ่มสุดเนี้ยบ อย่างที่เห็นกัน ได้อย่างไร 11 00:00:36,301 --> 00:00:39,975 แวมไพร์ก็มีประวัติเก่าแก่มาเท่าๆ กับมนุษย์ 12 00:00:39,975 --> 00:00:41,921 เรื่องราวเกี่ยวกับพวกพ้องของเรา หลักฐานต่างๆ 13 00:00:41,921 --> 00:00:43,854 ปรากฏในวัฒนธรรมต่างๆ 14 00:00:43,854 --> 00:00:46,668 ตั้งแต่ช่วงก่อนประวัติศาสตร์ 15 00:00:46,668 --> 00:00:49,664 แต่ในตอนนั้น พวกเรายังไม่ถูกเรียกว่า แวมไพร์ 16 00:00:49,664 --> 00:00:52,109 และพวกเราส่วนใหญ่ก็ไม่ได้มีรูปลักษณ์ 17 00:00:52,109 --> 00:00:54,730 อย่างที่ทุกคนจินตนาการถึงพวกเราทุกวันนี้ 18 00:00:54,730 --> 00:00:56,588 ห่างกันไกลเลยทีเดียว 19 00:00:56,588 --> 00:00:59,258 ตัวอย่างเช่นเรื่องเล่า ลามาชตู ของชาวเมโสโปเตเมีย 20 00:00:59,258 --> 00:01:01,823 กล่าวถึงสิ่งมีชีวิตที่มีหัวเป็นสิงโต 21 00:01:01,823 --> 00:01:03,753 และมีร่างเป็นลา 22 00:01:03,753 --> 00:01:05,326 หรือ สไตรเจส ของชาวกรีกโบราณ 23 00:01:05,326 --> 00:01:09,804 ที่มีคำบรรยายไว้ว่าเป็นนกที่กระหายเลือด 24 00:01:09,804 --> 00:01:11,837 เรื่องเล่าอื่นๆ ยิ่งแปลกไปกันใหญ่ 25 00:01:11,837 --> 00:01:15,915 ชาวฟิลิปปินส์ เล่าถึง มานานังกัล ซึ่งมีร่างท่อนบน 26 00:01:15,915 --> 00:01:19,641 และมีปีกขนาดใหญ่ รูปร่างเหมือนปีกค้างคาว 27 00:01:19,641 --> 00:01:23,459 ชาวมาเลเซีย เล่าถึง เปนานกาลัน หัวของหญิงสาวที่บินได้ 28 00:01:23,459 --> 00:01:25,501 และมีอวัยวะภายในห้อยโตงเตง 29 00:01:25,501 --> 00:01:26,697 ฮี่ ฮี่ ฮี่ ฮี่ (หัวเราะ) 30 00:01:26,697 --> 00:01:29,207 ชาวออสเตรเลียเล่าถึง ยารา มา ยาห์ อูห์ 31 00:01:29,207 --> 00:01:32,034 ซึ่งเป็นสิิ่งมีชีวิตร่างเล็กตัวสีแดง ที่มีหัวขนาดใหญ่ 32 00:01:32,034 --> 00:01:33,340 และมีปากกว้าง 33 00:01:33,340 --> 00:01:36,944 และยังดูดเลือดได้ด้วยมือและเท้าอีกด้วย 34 00:01:36,944 --> 00:01:40,200 ที่ไม่ควรจะลืมไปก็คือ สุกุยาน ของชาวแคริเบียน 35 00:01:40,200 --> 00:01:42,133 โอเบยิโฟ ของชาวแอฟริกันตะวันตก 36 00:01:42,133 --> 00:01:44,677 ตัลฮูเอลปูชิ ของชาวเม็กซิกัน 37 00:01:44,677 --> 00:01:47,474 ญาติๆ ผมล้วนแล้วแต่มีเสน่ห์ น่าสนใจใช่ไหมครับ? 38 00:01:47,474 --> 00:01:50,645 ถึงแม้ว่าหน้าตาพวกเราจะไม่เหมือนกัน 39 00:01:50,645 --> 00:01:54,832 แต่ทุกคนก็มีลักษณะร่วมกันอย่างหนึ่ง 40 00:01:54,832 --> 00:01:57,475 คือมีชีวิตอยู่ได้ ด้วยการดูดเอา 41 00:01:57,475 --> 00:02:01,899 พลังชีวิตของสิ่งมีชีวิตอื่น 42 00:02:01,899 --> 00:02:06,243 นี่เองคือลักษณะเฉพาะของพวกเราชาวแวมไพร์ 43 00:02:06,243 --> 00:02:09,417 ลักษณะอื่นๆ อาจจะเปลี่ยนแปลงไปตามกระแส 44 00:02:09,417 --> 00:02:11,076 แล้ว เรากลายมาเป็น 45 00:02:11,076 --> 00:02:14,414 ลักษณะอย่างที่คุณเห็นอยู่ ได้อย่างไร 46 00:02:14,414 --> 00:02:16,407 หน้าตายุคใหม่ของพวกเรา 47 00:02:16,407 --> 00:02:18,800 ถือกำเนิดขึ้นในยุโรปตะวันออก ช่วงศตวรรษที่ 18 48 00:02:18,800 --> 00:02:23,446 จากความหวาดกลัวแวมไพร์แพร่อย่างกว้างขวาง 49 00:02:23,446 --> 00:02:26,584 และเรื่องเกี่ยวกับสิ่งมีชีวิตจอมดูดเลือด และแฝงตัวอยู่ในเงามืด 50 00:02:26,584 --> 00:02:29,994 กลายมาเป็น เรื่องเล่าสยองขวัญก่อนนอน 51 00:02:29,994 --> 00:02:31,388 และเรื่องเล่าพื้นบ้านยอมนิยม 52 00:02:31,388 --> 00:02:33,885 เช่นเรื่องของ โมรอย ในกลุ่มชาวโรมาเนีย 53 00:02:33,885 --> 00:02:35,636 และเรื่อง ลูกัต ในกลุ่มชาวอัลบาเนีย 54 00:02:35,636 --> 00:02:39,548 เรื่องเล่าเหล่านี้เอง คือที่มาของลักษณะ ของแวมไพร์อย่างที่เรารู้จักกัน 55 00:02:39,548 --> 00:02:42,104 ความเป็นอมตะ 56 00:02:42,104 --> 00:02:43,486 หากินในเวลากลางคืน 57 00:02:43,486 --> 00:02:45,611 ความสามารถในการเปลี่ยนร่างได้ 58 00:02:45,611 --> 00:02:48,488 ยุโรปตะวันออกในช่วงศตวรรษที่ 18 59 00:02:48,488 --> 00:02:51,913 มีบรรยากาศที่ออกจะหดหู่อยู่สักหน่อย 60 00:02:51,913 --> 00:02:53,680 การตายเป็นเรื่องที่พบได้ทั่วไป 61 00:02:53,680 --> 00:02:57,195 ทั้งจากโรคระบาด และโรคร้ายที่ไม่มีใครรู้จัก 62 00:02:57,195 --> 00:02:59,073 เนื่องจากยังไม่มีคำอธิบายทางการแพทย์ 63 00:02:59,073 --> 00:03:02,335 คนจึงเริ่มมองหาคำอธิบายเหนือธรรมชาติ 64 00:03:02,335 --> 00:03:04,706 และตรวจพบสิ่งที่ดูเหมือนจะเป็นหลักฐาน 65 00:03:04,706 --> 00:03:07,950 จากศพของเหยื่อ 66 00:03:07,950 --> 00:03:09,779 เมื่อชาวบ้านขุดศพของผู้เสียชีวิตขึ้นมา 67 00:03:09,779 --> 00:03:12,780 เพื่อศึกษาสาเหตุการตายอันลึกลับ 68 00:03:12,780 --> 00:03:15,245 พวกเขามักจะพบว่า ร่างของผู้เสียชีวิต 69 00:03:15,245 --> 00:03:17,918 ดูเหมือนว่ายังมีชีวิตอยู่ 70 00:03:17,918 --> 00:03:20,418 มีผม และเล็บที่ยาวขึ้น 71 00:03:20,418 --> 00:03:21,888 หน้าท้องที่นูนขึ้น 72 00:03:21,888 --> 00:03:25,584 รวมทั้งรอยเลือดที่มุมปาก 73 00:03:25,584 --> 00:03:30,119 หึๆ เห็นชัดๆ ว่าคนเหล่านี้ยังไม่ตาย 74 00:03:30,119 --> 00:03:32,342 พวกเขาต้องเป็นแวมไพร์แน่ๆ 75 00:03:32,342 --> 00:03:33,840 แวมไพร์เหล่านี้คงจะออกจากหลุมศพ 76 00:03:33,840 --> 00:03:37,555 ไปเอาชีวิตของคนเป็น 77 00:03:38,462 --> 00:03:41,326 ชาวบ้านที่พากันหวาดกลัว จึงเร่งสร้าง 78 00:03:41,326 --> 00:03:43,873 พิธีกรรมต่างๆ ในการปราบผีดิบ 79 00:03:43,873 --> 00:03:45,930 ซึ่งก็แตกต่างออกไปในภูมิภาคต่างๆ 80 00:03:45,930 --> 00:03:48,791 แต่ส่วนใหญ่แล้วมักจะประกอบด้วย การตัดคอ 81 00:03:48,791 --> 00:03:50,084 เผาศพ 82 00:03:50,084 --> 00:03:52,707 หรือตอกร่างของผู้เสียชีวิตติดกับโลงศพ 83 00:03:52,707 --> 00:03:55,595 เพื่อไม่ให้ลุกออกมาได้ 84 00:03:55,595 --> 00:03:58,247 น่าขนลุกใช่ไหมล่ะ 85 00:03:58,247 --> 00:04:03,348 แต่สิ่งที่ชาวบ้านนึกว่าเป็นผีดิบคืนชีพนั้น 86 00:04:03,348 --> 00:04:07,210 ที่จริงแล้วเป็นลักษณะการเปลี่ยนแปลง ของศพตามธรรมชาติ 87 00:04:07,210 --> 00:04:08,774 เมื่อร่างของเราเริ่มเน่าเปื่อย 88 00:04:08,774 --> 00:04:10,667 ผิวหนังของเราสูญเสียความชุ่มชื้น 89 00:04:10,667 --> 00:04:14,418 ทำให้ผมและเล็บยาวขึ้น 90 00:04:14,418 --> 00:04:16,964 แบคทีเรียในช่องท้องเจริญเติบโต ทำให้เกิดแก๊ส 91 00:04:16,964 --> 00:04:18,572 ที่ทำให้ช่องท้องดูบวมนูนขึ้น 92 00:04:18,572 --> 00:04:22,160 และแรงดันของแก๊สเหล่านี้็ก็ทำให้มีเลือด หรือของเหลวไหลออกทางปาก 93 00:04:22,160 --> 00:04:26,075 เผอิญว่า ในตอนนั้น วิทยาศาสตร์ยังไม่แพร่หลาย 94 00:04:26,075 --> 00:04:29,434 ชาวบ้านก็เลยขุดศพกันต่อไป 95 00:04:29,434 --> 00:04:32,584 มีศพถูกขุดขึ้นมามากมายจริงๆ 96 00:04:32,584 --> 00:04:34,421 จนจักรพรรดินีแห่งออสเตรีย 97 00:04:34,421 --> 00:04:38,501 ต้องส่งหมอออกตรวจพิสูจน์ เพื่อลดความงมงายในเรื่องแวมไพร์ 98 00:04:38,501 --> 00:04:41,104 นอกจากนี้ยังทรงออกกฏหมาย 99 00:04:41,104 --> 00:04:43,815 ห้ามการขุดค้นหลุมฝังศพ 100 00:04:43,815 --> 00:04:47,531 แต่ถึงอย่างนั้นแล้ว หลังจากยุคการล่าแวมไพร์เริ่มซาไป 101 00:04:47,531 --> 00:04:49,922 เรื่องราว และตำนานก็ยังคงอยู่ 102 00:04:49,922 --> 00:04:52,249 ในความเชื่อพื้นบ้าน 103 00:04:52,249 --> 00:04:54,403 ซึ่งความเชื่อและเรื่องเล่าเหล่านี้ ทำให้เกิดงานวรรณกรรมขึ้น 104 00:04:54,403 --> 00:04:56,497 เช่นผลงานเรื่อง เดอะแวมไพร์ ของ โปลิโดรี่ 105 00:04:56,497 --> 00:04:58,662 นวนิยายโกธิกเรื่อง คาร์มิลล่า 106 00:04:58,662 --> 00:05:03,635 และที่ดังที่สุด ก็คือ เรื่อง แดร็กคูล่า ของ บราห์ม สโตรกเกอร์ 107 00:05:03,635 --> 00:05:05,737 ถึงแม้ สโตรกเกอร์ พยายามรวม เรื่องจากประวัติศาสตร์ 108 00:05:05,737 --> 00:05:07,839 เช่นเรื่อง อลิซาเบธ บาโธรี่ อาบเลือดของสาวพรหมจรรย์ 109 00:05:07,839 --> 00:05:09,941 หรือการประหาร วาล์ด ดรากูล อย่างโหดเหี้ยม 110 00:05:09,941 --> 00:05:13,463 เพราะว่าเรื่องเล่าเหล่านี้ 111 00:05:13,463 --> 00:05:15,747 คือที่มาและองค์ประกอบหลัก ในนวนิยายของเขา 112 00:05:15,747 --> 00:05:18,999 ฉากที่อยู่ในแถบทรานซิลเวเนีย 113 00:05:18,999 --> 00:05:21,255 การใช้กระเทียมเพื่อป้องกันตัว 114 00:05:21,255 --> 00:05:23,855 การตอกลิ่มที่หัวใจ 115 00:05:23,855 --> 00:05:27,070 ถึงแม้ว่าเราจะคุ้นเคยกับลักษณะต่างๆ เหล่านี้ 116 00:05:27,070 --> 00:05:30,586 แต่ที่จริงล้วน เป็นส่วนที่สโตรกเกอร์ คิดขึ้นใหม่ทั้งสิ้น 117 00:05:30,586 --> 00:05:33,200 แต่เรื่องเหล่านี้ก็ยังคงอยู่ และพัฒนาต่อมา 118 00:05:33,200 --> 00:05:35,920 กลายเป็นการกลัวไม้กางเขน 119 00:05:35,920 --> 00:05:37,692 แพ้แสงอาทิตย์ 120 00:05:37,692 --> 00:05:39,757 หรือการที่แวมไพร์ 121 00:05:39,757 --> 00:05:41,541 มองไม่ห็นเงาของตัวเองในกระจก 122 00:05:41,541 --> 00:05:43,919 ด้วยการคิดค้นลักษณะเหล่านี้ขึ้นใหม่ 123 00:05:43,919 --> 00:05:45,704 สโตรกเกอร์ ได้รือฟื้นความเชื่อเก่าๆ 124 00:05:45,704 --> 00:05:49,893 ขยายความเรื่องเล่าเดิมๆ 125 00:05:49,893 --> 00:05:51,473 และต่อเติมนิทานปรัมปราของแวมไพร์ 126 00:05:51,473 --> 00:05:54,380 อย่างที่เราเห็นกันทุกวันนี้ 127 00:05:54,380 --> 00:05:55,630 คุณอาจจะได้พบญาติๆ ของผม 128 00:05:55,630 --> 00:05:57,500 ในหมู่สัตว์มากมาย ที่ออกหากินยามค่ำคืน 129 00:05:57,500 --> 00:06:00,847 ก่อนที่จะมีเรื่องเล่าเกี่ยวกับ แดร็กคูล่า 130 00:06:00,847 --> 00:06:03,175 และเรื่องราวเหล่านี้ก็จะยังคงถูกเล่าขาน 131 00:06:03,175 --> 00:06:05,177 และกลายเป็นส่วนหนึ่งของฝันร้ายของเรา 132 00:06:05,177 --> 00:06:07,624 ตราบใดที่สิ่งมีชีวิตเหล่านี้่ 133 00:06:07,624 --> 00:06:09,641 ดูดเอาพลังชีวิต จากสิ่งมีชีวิตอื่น 134 00:06:09,641 --> 00:06:12,652 พวกเขาก็เป็นส่วนหนึ่งของเผ่าพันธุ์ของเรา 135 00:06:12,652 --> 00:06:15,289 แม้แต่แวมไพร์ที่เรืองแสงนั่นก็ด้วย 136 00:06:15,289 --> 00:06:18,730 เพราะถึงอย่างไร ทั้งหมดนี้ก็คือ เรื่องเล่า 137 00:06:18,730 --> 00:06:21,983 และตำนานของแวมไพร์ ที่เล่าขานต่อๆ กัน 138 00:06:21,983 --> 00:06:24,933 และพวกเราก็มีชีวิตอยู่ในเรื่องราวเหล่านี้ 139 00:06:24,933 --> 00:06:27,858 ตลอดกาล 140 00:06:27,858 --> 00:06:29,412 ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า