1 00:00:00,429 --> 00:00:01,929 สิ่งที่ผมอยากพูดถึงในวิดีโอนี้ 2 00:00:01,929 --> 00:00:05,717 คือแนวคิดเรื่องอิเล็กโตรเนกาทิวิตี้ 3 00:00:05,717 --> 00:00:13,071 อิเล็กโตร เนกาทิ เนกาทิวิตี้ 4 00:00:13,071 --> 00:00:15,692 และมันเกี่ยวข้อง เกี่ยวข้องกับ 5 00:00:15,692 --> 00:00:22,003 แนวคิดเรื่องอิเล็กตรอนแอฟฟินิตี้ อิเล็กตรอนแอฟฟินิตี้อย่างมาก 6 00:00:22,003 --> 00:00:24,405 พวกมันใกล้เคียงกันมากโดยทั่วไป 7 00:00:24,405 --> 00:00:27,328 ถ้าสิ่งใดมีอิเล็กโตรเนกาทิวิตี้สูง 8 00:00:27,328 --> 00:00:29,719 พวกมันจะมีอิเล็กตรอนแอฟฟินิตี้สูงด้วย 9 00:00:29,719 --> 00:00:31,228 แล้วมันหมายความว่าอะไร? 10 00:00:31,228 --> 00:00:34,351 อิเล็กตรอนแอฟฟินิตี้คืออะตอมดึงดูด 11 00:00:34,351 --> 00:00:37,705 อิเล็กตรอนแค่ไหน? มันชอบอิเล็กตรอนแค่ไหน? 12 00:00:37,705 --> 00:00:41,667 มันอยาก มันอยากได้อิเล็กตรอนเพิ่มไหม? 13 00:00:41,667 --> 00:00:45,283 อิเล็กโตรเนกาทิวิตี้เจาะจงมากกว่านั้นหน่อย 14 00:00:45,283 --> 00:00:49,085 มันคือตอนที่อะตอมเป็นส่วนหนึ่ง ของพันธะโควาเลนต์ 15 00:00:49,085 --> 00:00:53,333 เมื่อมันใช้อิเล็กตรอนร่วมกับอะตอมอีกตัว 16 00:00:53,333 --> 00:00:55,891 มันชอบ หรือมันอยาก 17 00:00:55,891 --> 00:00:58,873 ขโมยอิเล็กตรอนในพันธะโควาเลนต์นั้น มากแค่ไหน? 18 00:00:58,873 --> 00:01:01,844 ทีนี้ การขโมยอิเล็กตรอนหมายถึงอะไร? 19 00:01:01,844 --> 00:01:03,820 ขอผม ขอผมเขียนมันลงไปนะ 20 00:01:03,820 --> 00:01:13,871 ความอยากขโมย 21 00:01:13,871 --> 00:01:15,815 และนี่คือนิยามแบบไม่เป็นทางการแน่ๆ 22 00:01:15,815 --> 00:01:18,803 ขโมยอิเล็กตรอน เก็บอิเล็กตรอน 23 00:01:18,803 --> 00:01:20,973 ให้ใช้เวลาอยู่ใกล้กับมัน 24 00:01:20,973 --> 00:01:23,572 มากกว่าอะตอมตัวอื่นในพันธะโควาเลนต์ 25 00:01:23,572 --> 00:01:28,258 และตัวนี้คือปริมาณที่มันชอบอิเล็กตรอน 26 00:01:28,258 --> 00:01:32,732 หรือมันอยากอยู่กับอิเล็กตรอนมากแค่ไหน 27 00:01:32,732 --> 00:01:39,674 มันอยากได้อิเล็กตรอนมากแค่ไหน 28 00:01:39,674 --> 00:01:41,043 และคุณเห็นได้ว่านิยามเหล่านี้ 29 00:01:41,043 --> 00:01:43,569 พวกมันเกี่ยวข้องกันอย่างมาก 30 00:01:43,569 --> 00:01:45,510 นิยามนี้มีบริบทในเรื่องพันธะโควาเลนต์ 31 00:01:45,510 --> 00:01:47,732 มันมีอิเล็กตรอนแอฟฟินิตี้มากแค่ไหน? 32 00:01:47,732 --> 00:01:50,104 อันนี้ คุณคิดถึงมันในแง่ที่กว้างขึ้นหน่อย 33 00:01:50,104 --> 00:01:54,052 แต่แนวโน้มสองอย่างนี้ไปด้วยกันอย่างชัดเจน 34 00:01:54,052 --> 00:01:55,883 เวลาคิด การคิดถึง 35 00:01:55,883 --> 00:01:58,075 อิเล็กโตรเนกาทิวิตี้นั้นจับต้องได้มากกว่าหน่อย 36 00:01:58,075 --> 00:01:59,833 ลองคิดถึงพันธะโควาเลนต์ 37 00:01:59,833 --> 00:02:00,855 ที่มีชือเสียงที่สุดตัวหนึ่งกัน 38 00:02:00,855 --> 00:02:03,292 นั่นคือสิ่งที่คุณเห็นในโมเลกุลน้ำ 39 00:02:03,292 --> 00:02:07,983 น้ำ คุณน่าจะรู้ คือ H2O 40 00:02:07,983 --> 00:02:11,166 คุณมีอะตอมออกซิเจนหนึ่งตัว 41 00:02:11,166 --> 00:02:13,934 และคุณมีไฮโดรเจน 2 ตัว 42 00:02:13,934 --> 00:02:17,074 ไฮโดรเจนแต่ละตัวมีวาเลนซ์อิเล็กตรอน 1 ตัว 43 00:02:17,074 --> 00:02:21,095 และออกซิเจนมี เราเห็นตรงนี้ ชั้ นนอกสุดของมัน 44 00:02:21,095 --> 00:02:25,596 มีวาเลนซ์อิเล็กตรอน 1, 2, 3, 4, 5, 6 ตัว 45 00:02:25,596 --> 00:02:31,184 วาเลนซ์อิเล็กตรอน 1, 2, 3, 4, 5, 6 ตัว 46 00:02:31,184 --> 00:02:33,106 คุณคงนึกออก ไฮโดรเจนจะมีความสุข 47 00:02:33,106 --> 00:02:35,398 ถ้ามันได้ทำตัวเหมือนว่ามันมี 48 00:02:35,398 --> 00:02:37,788 อิเล็กตรอนอีกตัว มันจะได้มีการจัดอิเล็กตรอน 49 00:02:37,788 --> 00:02:41,218 ที่เสถียร ชั้นแรกต้องการอิเล็กตรอนแค่ 2 ตัว 50 00:02:41,218 --> 00:02:42,621 ที่เหลือต้องการ 8 51 00:02:42,621 --> 00:02:45,214 ไฮโดรเจนจะรู้สึกว่า เฮ้ ฉันเสถียรเหมือนฮีเลียม 52 00:02:45,214 --> 00:02:46,787 ถ้ามันได้อิเล็กตรอนอีกตัว 53 00:02:46,787 --> 00:02:49,288 และออกซิเจนก็รู้สึกว่า เฮ้ ฉันเสถียรเหมือนนีออน 54 00:02:49,288 --> 00:02:51,159 ถ้าฉันได้อิเล็กตรอนอีก 2 ตัว 55 00:02:51,159 --> 00:02:53,759 และสิ่งที่เกิดขึ้นว่า พวกมันใช้อิเล็กตรอนของกันและกัน 56 00:02:53,759 --> 00:02:57,642 อันนี้ อิเล็กตรอนนี้ใช้ร่วมกับ 57 00:02:57,642 --> 00:02:59,206 อิเล็กตรอนตัวนี้ สำหรับไฮโดรเจนนี้ได้ 58 00:02:59,206 --> 00:03:01,800 ไฮโดรเจนนั้นรู้สึกเหมือนกับว่ามันกำลังใช้ 59 00:03:01,800 --> 00:03:03,125 ทั้งคู่ และมันเสถียรขึ้น 60 00:03:03,125 --> 00:03:04,676 มันทำให้ชั้นนอกเสถียร 61 00:03:04,676 --> 00:03:06,301 หรือทำให้ไฮโดรเจนอะตอมเสถียร 62 00:03:06,301 --> 00:03:08,027 เช่นเดียวกัน อิเล็กตรอนตัวนั้น 63 00:03:08,027 --> 00:03:10,494 ใช้ร่วมกับไฮโดรเจนตัวนั้นได้ 64 00:03:10,494 --> 00:03:13,027 และไฮโดรเจนตัวนั้นก็รู้สึกเหมือนฮีเลียม 65 00:03:13,027 --> 00:03:14,465 แล้วออกซิเจนนี้รู้สึกเหมือน 66 00:03:14,465 --> 00:03:16,487 มันเป็นความเท่าเทียมกัน 67 00:03:16,487 --> 00:03:18,467 มันคือการแลกเปลี่ยนเพื่อกันและกัน 68 00:03:18,467 --> 00:03:20,236 มันจะได้อิเล็กตรอน อิเล็กตรอน 69 00:03:20,236 --> 00:03:22,856 มันแบ่งปันอิเล็กตรอนกับไฮโดรเจนแต่ละตัว 70 00:03:22,856 --> 00:03:26,646 มันจึงรู้สึกเหมือนกับว่า มันทำตัวเสถียร 71 00:03:26,646 --> 00:03:30,261 เหมือนกับ เหมือนกับนีออน 72 00:03:30,261 --> 00:03:32,447 แต่เมื่อคุณดูพันธะโควาเลนต์เหล่านี้ 73 00:03:32,447 --> 00:03:34,193 ในกรณีนี้ที่พวกมันมี 74 00:03:34,193 --> 00:03:35,882 อิเล็กโตรเนกาทิวิตี้เท่ากัน คุณจะได้กรณี 75 00:03:35,882 --> 00:03:37,203 ที่บางทีพวกมันแบ่งกัน 76 00:03:37,203 --> 00:03:38,482 หรือแม้แต่สิ่งที่เกิดขึ้น 77 00:03:38,482 --> 00:03:40,361 ในโมเลกุลที่เหลืออาจเกี่ยวข้องด้วย 78 00:03:40,361 --> 00:03:42,323 แต่เมื่อคุณมีของอย่างนี้ 79 00:03:42,323 --> 00:03:43,507 เมื่อคุณมีออกซิเจนกับไฮโดรเจน 80 00:03:43,507 --> 00:03:45,515 พวกมันมีอิเล็กโตรเนกาทิวิตี้ไม่เท่ากัน 81 00:03:45,515 --> 00:03:49,756 ออกซิเจนชอบเก็บอิเล็กตรอนไว้ มากกว่าไฮโดรเจน 82 00:03:49,756 --> 00:03:51,416 อิเล็กตรอนเหล่านี้จึงไม่ได้ใช้ 83 00:03:51,416 --> 00:03:52,617 เวลาไปเท่าๆ กัน 84 00:03:52,617 --> 00:03:54,639 ตรงนี้ ผมวาดรูป 85 00:03:54,639 --> 00:03:57,941 คุณก็รู้ วาเลนซ์อิเล็กตรอนเหล่านี้เป็นจุด 86 00:03:57,941 --> 00:03:59,490 แต่อย่างที่เรารู้ อิเล็กตรอนอยู่ใน 87 00:03:59,490 --> 00:04:03,575 เขตเบลอๆ รอบๆ 88 00:04:03,575 --> 00:04:06,665 รอบๆ นิวเคลียส 89 00:04:06,665 --> 00:04:09,507 รอบอะตอมที่ประกอบขึ้นมา 90 00:04:09,507 --> 00:04:11,971 และ ในพันธะโควานเลนต์แบบนี้ 91 00:04:11,971 --> 00:04:15,459 อิเล็กตรอน อิเล็กตรอนสองตัวที่แสดงพันธะ 92 00:04:15,459 --> 00:04:18,316 จะใช้เวลาอยู่รอบออกซิเจน 93 00:04:18,316 --> 00:04:20,829 มากกว่าที่มันใช้เวลาอยู่รอบไฮโดรเจน 94 00:04:20,829 --> 00:04:23,564 แล้วพวกนี้ อิเล็กตรอนสองตัวนี้จะใช้เวลา 95 00:04:23,564 --> 00:04:25,144 รอบออกซิเจนมากกว่า 96 00:04:25,144 --> 00:04:27,425 ตอนที่มันใช้เวลารอบไฮโดรเจน 97 00:04:27,425 --> 00:04:30,360 และเรารู้เช่นนั้นเพราะออกซิเจน อิเล็กโตรเนกาทีฟกว่า 98 00:04:30,360 --> 00:04:31,773 และเราจะพูดถึงแนวโน้มเร็วๆ นี้ 99 00:04:31,773 --> 00:04:34,656 นี่คือแนวคิดที่สำคัญมากในเคมี 100 00:04:34,656 --> 00:04:36,915 โดยเฉพาะต่อไปเวลาคุณศึกษาเคมีอินทรีย์ 101 00:04:36,915 --> 00:04:39,091 เพราะ เพราะเรารู้ว่า 102 00:04:39,091 --> 00:04:40,407 ออกซิเจนนั้นอิเล็กโตรเนกาทีฟกว่า 103 00:04:40,407 --> 00:04:41,761 และอิเล็กตรอนใช้เวลารอบ 104 00:04:41,761 --> 00:04:44,377 ออกซิเจนมากกว่ารอบไฮโดรเจน 105 00:04:44,377 --> 00:04:47,135 มันสร้างประจุลบบางส่วนทางด้านนี้ 106 00:04:47,135 --> 00:04:50,517 และประจุบวกบางส่วนทางด้านนี้ตรงนี้ 107 00:04:50,517 --> 00:04:55,712 ซึ่งอธิบายว่าทำไมน้ำจึงมีสมบัติหลายอย่าง 108 00:04:55,712 --> 00:04:59,292 และเราจะลงรายละเอียดอีกมากในวิดีโออื่น 109 00:04:59,292 --> 00:05:00,984 เมื่อคุณศึกษาเคมีอินทรีย์ 110 00:05:00,984 --> 00:05:02,830 ปฏิกิริยาที่น่าจะเกิดขึ้นมากมายที่ 111 00:05:02,830 --> 00:05:04,745 จะเกิดขึ้น สามารถทำนายได้ 112 00:05:04,745 --> 00:05:06,525 หรือโมเลกุลที่น่าจะสร้างขึ้นมาต่างๆ นานา 113 00:05:06,525 --> 00:05:09,833 สามารถทำนายได้จากอิเล็กโตรเนกาทิวิตี้ 114 00:05:09,833 --> 00:05:10,872 โดยเฉพาะเมื่อคุณเริ่ม 115 00:05:10,872 --> 00:05:12,404 ไปยังเลขออกซิเดชัน และอะไรพวกนั้น 116 00:05:12,404 --> 00:05:15,436 อิเล็กโตรเนกาทิวิตี้จะบอกคุณหลายอย่าง 117 00:05:15,436 --> 00:05:19,037 ตอนนี้เรารู้แล้วว่าอิเล็กโตรเนกาทิวิตี้คืออะไร 118 00:05:19,037 --> 00:05:21,435 ลองคิดกันหน่อยว่ามันจะมีค่าเท่าใด 119 00:05:21,435 --> 00:05:24,062 เมื่อเราไป เมื่อเราเริ่ม 120 00:05:24,062 --> 00:05:27,880 และผ่าน เมื่อเราไล่ไปตามคาบ 121 00:05:27,880 --> 00:05:29,687 เช่น เราเริ่มที่หมู่ 1 122 00:05:29,687 --> 00:05:35,177 และเราไปยังหมู่ เราไปจนถึง 123 00:05:35,177 --> 00:05:38,464 ไปจนถึง อย่างเช่น ฮาโลเจน 124 00:05:38,464 --> 00:05:42,700 ไปจนถึงคอลัมน์สีเหลืองตรงนี้ 125 00:05:42,700 --> 00:05:44,131 คุณคิดว่าแนวโน้มของ 126 00:05:44,131 --> 00:05:47,848 อิเล็กโตรเนกาทิวิตี้จะเป็นอย่างไร? 127 00:05:47,848 --> 00:05:49,232 ย้ำอีกครั้ง วิธีคิดอย่างหนึ่ง 128 00:05:49,232 --> 00:05:50,629 คือคิดถึงพวกสุดขั้ว 129 00:05:50,629 --> 00:05:53,965 คิดถึงโซเดียม คิดถึงคลอรีน 130 00:05:53,965 --> 00:05:54,935 ผมแนะนำให้คุณหยุด 131 00:05:54,935 --> 00:05:56,930 วิดีโอแล้วลองคิดดู 132 00:05:56,930 --> 00:05:58,624 ผมถือว่าคุณได้ลองแล้วนะ 133 00:05:58,624 --> 00:06:01,293 มันก็คิดเหมือนกัน 134 00:06:01,293 --> 00:06:03,537 ไอเดียคล้ายกันกับพลังงานไอออไนเซชัน 135 00:06:03,537 --> 00:06:06,451 ธาตุอย่างโซเดียมมีอิเล็กตรอนแค่ตัวเดียว 136 00:06:06,451 --> 00:06:07,785 ในชั้นนอกสุด 137 00:06:07,785 --> 00:06:09,855 มันยากที่จะเติมชั้นนั้นให้เต็ม 138 00:06:09,855 --> 00:06:12,036 เมื่อให้มันเสถียร การเอา 139 00:06:12,036 --> 00:06:15,706 อิเล็กตรอนหนึ่งตัวที่มีออกไปจะง่ายกว่า 140 00:06:15,706 --> 00:06:18,688 มันจะได้มีการจัดอิเล็กตรอน ที่เสถียรเหมือนนีออน 141 00:06:18,688 --> 00:06:22,625 ตัวนี้อยากให้อิเล็กตรอนมาก 142 00:06:22,625 --> 00:06:24,668 และเราเห็นในวิดีโอเรื่อง พลังงานไออไนเซชันไป 143 00:06:24,668 --> 00:06:26,783 นั่นคือสาเหตุที่มันมีพลังงานไอออไนเซชันต่ำ 144 00:06:26,783 --> 00:06:29,590 มันไม่ได้ใช้พลังงานมาก ในสถานะแก๊ส 145 00:06:29,590 --> 00:06:32,196 เวลาเอาอิเล็กตรอนออกจากโซเดียม 146 00:06:32,196 --> 00:06:33,620 แต่คลอรีนนั้นตรงกันข้าม 147 00:06:33,620 --> 00:06:35,708 มันขาดอิเล็กตรอนแค่ตัวเดียว เพื่อให้ชั้นเต็ม 148 00:06:35,708 --> 00:06:37,580 สิ่งสุดท้ายที่มันอยากทำคือให้อิเล็กตรอน 149 00:06:37,580 --> 00:06:40,682 มันอยากได้อิเล็กตรอนมากๆ สุดๆ 150 00:06:40,682 --> 00:06:42,937 มันจะได้มีการจัดเหมือนอาร์กอน 151 00:06:42,937 --> 00:06:45,984 มันจะได้เติมชั้นที่ 3 จนเต็ม 152 00:06:45,984 --> 00:06:49,118 และเหตุผลตรงนี้คือว่า โซเดียมยินดี 153 00:06:49,118 --> 00:06:50,578 จะเสียอิเล็กตรอน 154 00:06:50,578 --> 00:06:52,880 ในขณะที่คลอรีนอยากได้อิเล็กตรอนจริงๆ 155 00:06:52,880 --> 00:06:55,471 คลอรีนจึงมีโอกาสจะขโมยอิเล็กตรอน 156 00:06:55,471 --> 00:06:59,727 ในขณะที่โซเดียม มีโอกาสขโมยอิเล็กตรอนน้อยมาก 157 00:06:59,727 --> 00:07:00,953 แนวโน้มนี่ตรงนี้ 158 00:07:00,953 --> 00:07:02,505 เมื่อคุณไปจากซ้ายถึงขวา 159 00:07:02,505 --> 00:07:04,815 อิเล็กโตรเนกาทิวิตี้ ขอผมเขียนนะ 160 00:07:04,815 --> 00:07:07,089 คุณจะอิเล็กโตรเนกาทีฟมากขึ้น 161 00:07:07,089 --> 00:07:13,811 อิเล็กโตรเนกาทีฟยิ่งขึ้น เมื่อคุณ 162 00:07:13,811 --> 00:07:16,623 เมื่อคุณไปทางขวา 163 00:07:16,623 --> 00:07:18,237 ต่อไป คุณคิดว่าแนวโน้มจะเป็นอย่างไร 164 00:07:18,237 --> 00:07:22,403 เมื่อคุณลงไป เมื่อคุณลงไปตามหมู่? 165 00:07:22,403 --> 00:07:25,774 คุณคิดว่าแนวโน้มจะเป็นอย่างไรเมื่อคุณลงไป? 166 00:07:25,774 --> 00:07:27,250 ผมจะให้คำใบ้คุณอย่างหนึ่ง 167 00:07:27,250 --> 00:07:31,246 คิดถึง คิดถึงรัศมีอะตอม จากข้อมูลนั้น 168 00:07:31,246 --> 00:07:31,973 ลองหยุดวิดีโอ แล้วคิดดู 169 00:07:31,973 --> 00:07:32,896 คุณคิดว่าแนวโน้มจะเป็นอย่างไร? 170 00:07:32,896 --> 00:07:34,747 เราจะอิเล็กโตรเนกาทีฟมากขึ้นหรือน้อยลง 171 00:07:34,747 --> 00:07:36,871 เมื่อเราลงไป? 172 00:07:36,871 --> 00:07:39,267 เหมือนเดิม ผมจะถือว่าคุณได้ลองแล้วนะ 173 00:07:39,267 --> 00:07:41,810 อย่างที่เรารู้ จากวิดีโอเรื่องรัศมีอะตอม 174 00:07:41,810 --> 00:07:44,093 อะตอมของเราจะใหญ่ขึ้น ใหญ่ขึ้น และใหญ่ขึ้น 175 00:07:44,093 --> 00:07:46,191 เมื่อเราเพิ่มชั้นมากขึ้น มากขึ้น และมากขึ้น 176 00:07:46,191 --> 00:07:50,838 และซีเซียมมีอิเล็กตรอนหนึ่งตัว ที่อยู่ในชั้นนอกสุด 177 00:07:50,838 --> 00:07:52,150 ในชั้นที่ 6 178 00:07:52,150 --> 00:07:55,854 ในขณะที่ ลิเธียมมีอิเล็กตรอนแค่ 1 ตัว 179 00:07:55,854 --> 00:07:57,620 ทุกอย่างตรงนี้ ธาตุหมู่ 1 ทั้งหมด 180 00:07:57,620 --> 00:07:59,471 มีอิเล็กตรอนหนึ่งตัวในชั้นนอกสุด 181 00:07:59,471 --> 00:08:01,746 แต่อิเล็กตรอนตัวที่ 55 182 00:08:01,746 --> 00:08:03,282 อิเล็กตรอนหนึ่งตัวในชั้นนอกสุดของซีเซียม 183 00:08:03,282 --> 00:08:05,810 ไกลออกไปมากเทียบกับอิเล็กตรอนตัวนอกสุด 184 00:08:05,810 --> 00:08:08,334 ของลิเธียมหรือไฮโดรเจน 185 00:08:08,334 --> 00:08:12,156 ด้วยเหตุนั้น อย่างแรก 186 00:08:12,156 --> 00:08:14,460 ระหว่างอิเล็กตรอนนั้นกับนิวเคลียส 187 00:08:14,460 --> 00:08:16,792 มันมีอิเล็กตรอนอื่นๆ ระหว่างกลางคอยรบกวน 188 00:08:16,792 --> 00:08:18,403 มันจึงห่างออกไป 189 00:08:18,403 --> 00:08:20,513 และมันง่ายที่จะเสียไป 190 00:08:20,513 --> 00:08:24,780 ซีเซียมจึงมีโอกาสสูงที่จะให้ 191 00:08:24,780 --> 00:08:27,698 มันมีโอกาสเสียอิเล็กตรอนง่ายมาก 192 00:08:27,698 --> 00:08:30,752 มันมีโอกาสเสียอิเล็กตรอน มากว่าไฮโดรเจนมาก 193 00:08:30,752 --> 00:08:33,159 เมื่อคุณลงไปตามหมู่ 194 00:08:33,159 --> 00:08:39,045 คุณจะอิเล็กโตรเนกาทีฟน้อยลง น้อยลง 195 00:08:39,045 --> 00:08:41,115 จากข้อมูลนี้ 196 00:08:41,115 --> 00:08:44,586 ธาตุใดจะอิเล็กโตรเนกาทีฟที่สุด 197 00:08:44,586 --> 00:08:46,016 ในบรรดาทั้งหมด? 198 00:08:46,016 --> 00:08:47,467 มันจะเป็นธาตุ 199 00:08:47,467 --> 00:08:50,447 ที่อยู่บนสุดและขวาสุดของตารางธาตุ 200 00:08:50,447 --> 00:08:52,478 มันคือธาตุพวกนี้ตรงนี้ 201 00:08:52,478 --> 00:08:54,634 พวกมันจะอิเล็กโตรเนกาทีฟสูงสุด 202 00:08:54,634 --> 00:08:56,837 บางครั้ง เราไม่คิดถึงแก๊สเฉื่อยนัก 203 00:08:56,837 --> 00:08:59,092 เพราะพวกมัน พวกมันไม่ทำปฏิกิริยาขนาดนั้น 204 00:08:59,092 --> 00:09:01,133 พวกมันไม่สร้างพันธะโควาเลนต์ด้วยซ้ำ 205 00:09:01,133 --> 00:09:02,597 เพราะพวกมันมีความสุขแล้ว 206 00:09:02,597 --> 00:09:03,896 ในขณะที่ธาตุเหล่านี้บนนี้ 207 00:09:03,896 --> 00:09:06,119 พวกมันบางครั้งจะสร้างพันธะโควาเลนต์ 208 00:09:06,119 --> 00:09:09,855 และเมื่อพวกมันสร้างพันธะ มันจะชอบขโมยอิเล็กตรอน 209 00:09:09,855 --> 00:09:11,524 ทีนี้ ธาตุที่อิเล็กโตรเนกาทีฟน้อยสุด 210 00:09:11,524 --> 00:09:13,620 หรือเรียกว่า อิเล็กโตรโพซิทีฟที่สุดล่ะ? 211 00:09:13,620 --> 00:09:15,570 ธาตุเหล่านี้ด้านล่างซ้าย 212 00:09:15,570 --> 00:09:18,328 ตรงนี้ พวกมัน 213 00:09:18,328 --> 00:09:19,569 คุณก็รู้ อย่างซีเซียม 214 00:09:19,569 --> 00:09:21,835 พวกมันมีอิเล็กตรอนหนึ่งตัวที่อยากทิ้งไป 215 00:09:21,835 --> 00:09:25,333 มันจะได้อยู่ในสถานะเสถียรอย่าง อย่างซีนอน 216 00:09:25,333 --> 00:09:27,510 หรือในกรณีธาตุหมู่ 2 217 00:09:27,510 --> 00:09:28,525 พวกมันอยากเสียอิเล็กตรอนสองตัว 218 00:09:28,525 --> 00:09:29,547 มันเสียอิเล็กตรอนสองตัว 219 00:09:29,547 --> 00:09:31,813 ง่ายกว่าเสียหลายๆ ตัว 220 00:09:31,813 --> 00:09:34,145 และพวกมันใหญ่ อะตอมมีขนาดใหญ่ 221 00:09:34,145 --> 00:09:35,925 อิเล็กตรอนชั้นนอกสุดพวกนี้จะ 222 00:09:35,925 --> 00:09:39,448 ดึงดูดนิวเคลียสประจุบวกน้อยกว่า 223 00:09:39,448 --> 00:09:40,718 แนวโน้มในตารางธาตุ 224 00:09:40,718 --> 00:09:42,562 เมื่อคุณไปจากล่างซ้าย 225 00:09:42,562 --> 00:09:44,787 ถึงบนขวา 226 00:09:44,787 --> 00:09:48,787 คุณจะได้อิเล็กโตรเนกาทีฟมากขึ้น มากขึ้น