1 00:00:06,589 --> 00:00:10,621 เคยสังเกตไหมว่ามีเรื่องตลกกี่เรื่อง ที่เปิดเรื่องด้วย "คุณเคยสังเกตไหม" 2 00:00:10,621 --> 00:00:13,056 และประโยคที่ว่า "แล้วยังไง" ในตลกฝรั่งนี่มันอย่างไรกันนะ 3 00:00:13,056 --> 00:00:14,695 เราพบเรื่องขำ ๆ ได้มากมาย 4 00:00:14,695 --> 00:00:18,143 เพียงแค่เราสังเกตเรื่องปกติธรรมดา ในชีวิตประจำวัน 5 00:00:18,143 --> 00:00:20,919 ที่ตามปกติแล้ว คุณไม่ได้สังเกตเป็นประจำทุกวัน 6 00:00:20,919 --> 00:00:23,018 ดังนั้น ถ้าคุณอยากเติม อารมณ์ขันเล็ก ๆ น้อย ๆ 7 00:00:23,018 --> 00:00:25,930 ให้เรื่องเล่า สุนทรพจน์ หรือบทหนังที่คุณกำลังเขียนอยู่ 8 00:00:25,930 --> 00:00:30,089 นี่คือเทคนิคเล็ก ๆ น้อย ๆ ในการเพิ่มมุขขำ ๆ 9 00:00:30,089 --> 00:00:32,898 การเล่าเรื่องที่ยอดเยี่ยม รวมทั้งการเขียนเรื่องตลก 10 00:00:32,898 --> 00:00:36,299 มีส่วนผสมพื้นฐานไม่กี่อย่าง 11 00:00:36,299 --> 00:00:37,107 ใคร 12 00:00:37,107 --> 00:00:37,810 อะไร 13 00:00:37,810 --> 00:00:38,590 เมื่อไหร่ 14 00:00:38,590 --> 00:00:39,545 ที่ไหน 15 00:00:39,545 --> 00:00:40,419 ทำไม 16 00:00:40,419 --> 00:00:41,928 และอย่างไร 17 00:00:41,928 --> 00:00:45,701 นักเขียนล้วนตั้งคำถามเหล่านี้มาตลอด อย่างน้อยก็ตั้งแต่ 1 ศตวรรษก่อนคริสตกาล 18 00:00:45,701 --> 00:00:48,536 แต่ไม่มีคำถามไหนเลยที่ตอบได้ง่าย ๆ ด้วยคำว่า ใช่ หรือ ไม่ 19 00:00:48,536 --> 00:00:50,107 ทุกคำถามล้วนต้องการรายละเอียด 20 00:00:50,107 --> 00:00:54,231 ยิ่งรายละเอียดเจาะจงลงลึกมากเท่าใด เรื่องก็ยิ่งตลกได้มากขึ้นเท่านั้น 21 00:00:54,231 --> 00:00:58,152 เรามาเริ่มจากคำถามว่า ใคร ตัวละครที่ตลกน่ะใคร 22 00:00:58,152 --> 00:01:01,687 ลองนึกถึงหนังสือ รายการทีวี และหนังที่ทำให้คุณหัวเราะสิ 23 00:01:01,687 --> 00:01:05,366 มันมักเต็มไปด้วยตัวละคร หรือแบบฉบับของตัวละครที่ตลก 24 00:01:05,366 --> 00:01:06,203 พวกฉลาดรอบรู้ 25 00:01:06,203 --> 00:01:07,258 ขี้แพ้แต่น่ารัก 26 00:01:07,258 --> 00:01:08,286 หัวหน้าจอมโหด 27 00:01:08,286 --> 00:01:09,386 พวกขี้วิตก 28 00:01:09,386 --> 00:01:10,906 และพวกไร้สมอง 29 00:01:10,906 --> 00:01:15,629 อ้อ แล้วรู้ไหม ตัวละครทั้งหมดเหล่านี้ พบได้ใน Commedia Dell'Arte 30 00:01:15,629 --> 00:01:19,492 หรือละครตลก ช่วงปลายยุคเรอเนสซองซ์ของอิตาลี 31 00:01:19,492 --> 00:01:21,456 และก็ยังไม่เก่าเลย 32 00:01:21,456 --> 00:01:26,108 กฎการสร้างตัวตลกของละครตลกยุคนั้น คือการหาข้อบกพร่อง 33 00:01:26,108 --> 00:01:28,249 แล้วเอามาเล่นให้เด่น 34 00:01:28,249 --> 00:01:30,562 หรือคุณจะลองเล่นกับขั้วตรงข้ามก็ได้ 35 00:01:30,562 --> 00:01:33,334 เมื่อคนฉลาดที่สุดในห้องทำอะไรงี่เง่าสุด ๆ 36 00:01:33,334 --> 00:01:35,980 หรือคนทึ่ม ๆ เอาชนะอัจฉริยะได้ 37 00:01:35,980 --> 00:01:39,619 เรามักจะหัวเราะ เพราะเราไม่คาดคิด ว่ามันจะออกมาเป็นอย่างนั้น 38 00:01:39,619 --> 00:01:42,803 ว่ากันว่า อริสโตเติล จอมตลกแห่งกรีกโบราณ กล่าวไว้ว่า 39 00:01:42,803 --> 00:01:47,111 "เคล็ดลับของความตลกคือความประหลาดใจ" 40 00:01:47,111 --> 00:01:51,292 ความประหลาดใจ หรือทฤษฎีความผิดฝาผิดตัวของเรื่องตลก 41 00:01:51,292 --> 00:01:54,417 บอกว่า เราหัวเราะสิ่งที่มันดูผิดที่ผิดทาง 42 00:01:54,417 --> 00:01:57,039 หรือขัดแย้งกับความคาดหวัง 43 00:01:57,039 --> 00:01:58,981 เช่น กบเป็นแฟนกับหมู 44 00:01:58,981 --> 00:02:01,597 หรือกิ้งก่าขายประกัน 45 00:02:01,597 --> 00:02:03,658 หรือเด็กทารกเต้นดิสโก้ 46 00:02:03,658 --> 00:02:05,617 แม่ชีเต้นดิสโก้ 47 00:02:05,617 --> 00:02:07,942 แมวเต้นดิสโก้ 48 00:02:07,942 --> 00:02:11,958 อันที่จริง ให้ทารก แม่ชี และแมวทำอะไรก็ได้ 49 00:02:11,958 --> 00:02:14,957 โดยเฉพาะที่เกี่ยวข้องกับการเต้นดิสโก้ 50 00:02:14,957 --> 00:02:19,469 วิธีสนุก ๆ วิธีหนึ่งในการค้นหา ความผิดฝาผิดตัว คือการเชื่อมโยง 51 00:02:19,469 --> 00:02:22,775 โดยวาดแผนที่ความคิด (mind map) 52 00:02:22,775 --> 00:02:23,874 เริ่มจากเล็ก ๆ 53 00:02:23,874 --> 00:02:24,874 เลือกคำหนึ่งคำ 54 00:02:24,874 --> 00:02:26,727 ฉันเลือก "แตงกวาดอง" 55 00:02:26,727 --> 00:02:29,512 เขียนมันลงไป แล้วคิดคำเชื่อมโยง ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ 56 00:02:29,512 --> 00:02:31,147 แตงกวาดองทำให้ฉันคิดถึงอะไรบ้าง 57 00:02:31,147 --> 00:02:32,086 ใครกินแตงกวาดอง 58 00:02:32,086 --> 00:02:35,322 ความทรงจำล้ำค่าในวัยเด็กของฉัน ที่เกี่ยวกับแตงกวาดองมีอะไรบ้าง 59 00:02:35,322 --> 00:02:38,104 วิธีสร้างเรื่องตลกที่เจ๋ง ๆ อีกวิธี 60 00:02:38,104 --> 00:02:42,246 คือการเปลี่ยนจากการสังเกต ไปสู่การจินตนาการ 61 00:02:42,246 --> 00:02:45,216 ลองเปลี่ยนจาก "นี่คืออะไร" ไปเป็น "จะเกิดอะไรขึ้นถ้า..." 62 00:02:45,216 --> 00:02:48,557 เช่น "จะเกิดอะไรขึ้น ถ้าแทนที่จะมีม้า 63 00:02:48,557 --> 00:02:51,053 คุณมีแค่กะลามะพร้าวคู่หนึ่ง" 64 00:02:51,053 --> 00:02:53,960 โอเค ลองคิดถึง ช่วงเวลาอันน่าจดจำในประวัติศาสตร์ 65 00:02:53,960 --> 00:02:54,735 วรรณคดี 66 00:02:54,735 --> 00:02:55,832 หรือภาพยนตร์ 67 00:02:55,832 --> 00:02:57,855 ทีนี้ จะเป็นอย่างไร ถ้ามีกะลามะพร้าวอยู่ด้วย 68 00:02:57,855 --> 00:03:00,238 บ้าให้เต็มที่ ปล่อยมันโลดแล่นไป 69 00:03:00,238 --> 00:03:02,724 แม้ความคิดที่ออกมาจะเลยเถิด 70 00:03:02,724 --> 00:03:03,652 คาดเดาได้ง่ายเกิน 71 00:03:03,652 --> 00:03:05,141 หรืองี่เง่าสุด ๆ 72 00:03:05,141 --> 00:03:07,320 จดลงไปเถอะ 73 00:03:07,320 --> 00:03:11,313 สิ่งที่คุณคิดว่าเดาได้ง่าย ๆ อาจไม่ได้เป็นเช่นนั้นสำหรับคนอื่น 74 00:03:11,313 --> 00:03:16,207 อะไรที่ตรงข้ามกับความคิดที่งี่เง่าที่สุด อาจกลายเป็นความคิดที่ฉลาดที่สุด 75 00:03:16,207 --> 00:03:19,454 แล้วเรื่องงี่เง่าทั้งหลาย ที่เกิดขึ้นในชีวิตจริงล่ะ 76 00:03:19,454 --> 00:03:22,323 คุณเคยสังเกตไหมว่า มีเรื่องตลกมากมายแค่ไหน 77 00:03:22,323 --> 00:03:25,648 ที่เล่นกับเรื่องที่ทำให้เรารำคาญ ขัดใจ หรือขายหน้า 78 00:03:25,648 --> 00:03:31,186 วิล รอดเจอร์กล่าวว่า "ทุกอย่างตลกหมดแหละ ตราบใดที่มันเกิดขึ้นกับคนอื่น" 79 00:03:31,186 --> 00:03:33,395 ดังนั้น ถ้าเช้าวันหนึ่ง คุณเจอเรื่องหงุดหงิด 80 00:03:33,395 --> 00:03:36,134 ลองจินตนาการว่า มันเกิดขึ้นกับตัวละครที่คุณเขียนถึง 81 00:03:36,134 --> 00:03:41,179 พอตกบ่าย คุณอาจได้เรื่องตลก อย่างน้อยสักเรื่องหนึ่งจากเหตุการณ์นี้ 82 00:03:41,179 --> 00:03:43,497 เมื่อคุณมีตัวละครและเรื่องราวแล้ว 83 00:03:43,497 --> 00:03:48,072 นี่คือเคล็ดลับที่เร็วและง่าย ในการเขียนเรื่องตลกให้มีพลัง 84 00:03:48,072 --> 00:03:49,389 กฎสามขั้น 85 00:03:49,389 --> 00:03:51,160 หรือ ตึ่ง ตึ่ง โป๊ะ 86 00:03:51,160 --> 00:03:53,730 พยายามสร้างแบบแผน ให้คนคาดหวัง ตึ่ง ตึ่ง 87 00:03:53,730 --> 00:03:55,691 แล้วหักมุม โป๊ะ 88 00:03:55,691 --> 00:03:59,284 พระยิว บาทหลวง และกะลา เดินเข้าไปในบาร์ 89 00:03:59,284 --> 00:04:03,553 กฎการปล่อยมุข คือ ให้ปล่อยหมัดเด็ดที่ท่อนสุดท้าย 90 00:04:03,553 --> 00:04:07,767 พระยิว บาทหลวง และกะลา เดินเข้าไปบาร์ดิสโก้ 91 00:04:07,767 --> 00:04:09,988 อันนี้นำเข้าสู่กฎตัว ก 92 00:04:09,988 --> 00:04:13,857 ไม่รู้ทำไม คำที่มีเสียง ก มักจะติดหู 93 00:04:13,857 --> 00:04:15,849 และคนรู้สึกว่าตลก 94 00:04:15,849 --> 00:04:16,850 กะลา 95 00:04:16,850 --> 00:04:17,687 ดิสโก้ 96 00:04:17,687 --> 00:04:19,061 แตงกวา 97 00:04:19,061 --> 00:04:20,674 จิ้งโกร่ง 98 00:04:20,674 --> 00:04:23,925 โอเค ไม่ขำใช่ไหม เราไม่ได้เรียกเสียงหัวเราะสำเร็จเสมอไปหรอก 99 00:04:23,925 --> 00:04:25,575 อารมณ์ขันเป็นเรื่องเฉพาะตัว 100 00:04:25,575 --> 00:04:27,336 เรื่องตลกเป็นเรื่องของการลองผิดลองถูก 101 00:04:27,336 --> 00:04:28,958 การเขียนคือการแก้สิ่งที่เขียน 102 00:04:28,958 --> 00:04:30,302 แค่พยายามต่อไป 103 00:04:30,302 --> 00:04:31,490 หาจุดบกพร่อง 104 00:04:31,490 --> 00:04:32,743 ค้นรายละเอียด 105 00:04:32,743 --> 00:04:34,066 แทรกความผิดฝาผิดตัว 106 00:04:34,066 --> 00:04:35,325 เติมคำที่มีเสียง ก 107 00:04:35,325 --> 00:04:38,970 และจำไว้ว่า กฎข้อสำคัญที่สุด ของการเขียนเรื่องตลก 108 00:04:38,970 --> 00:04:40,806 คือ จงสนุกกับมัน 109 00:04:40,806 --> 00:04:42,151 อย่างที่ชาร์ลส์ ดิคคินส์ บอก 110 00:04:42,151 --> 00:04:45,534 "โลกนี้ไม่มีอะไรที่ติดต่อแพร่กระจาย แบบไม่อาจต้านทาน 111 00:04:45,534 --> 00:04:48,330 เท่ากับเสียงหัวเราะและอารมณ์ขันดี ๆ " 112 00:04:48,330 --> 00:04:50,798 และดิสโก้