0:00:05.255,0:00:07.966 เมื่อคุณใช้บล็อกทำซ้ำเพื่อลูปโค้ด 0:00:08.133,0:00:11.386 คอมพิวเตอร์รู้ได้ยังไงว่าทำซ้ำพอแล้ว 0:00:11.678,0:00:15.766 ที่จริงบล็อกทำซ้ำซ่อนโค้ด[br]ที่ซับซ้อนอีกชิ้นไว้ 0:00:15.891,0:00:22.564 เรียกว่า for loop ซึ่งนับตั้งแต่ตอนเริ่ม[br]ถึงค่าสุดท้ายด้วยจำนวนเพิ่มขึ้นที่จำเพาะ 0:00:22.731,0:00:29.238 เช่นบล็อกทำซ้ำสามครั้งจะ[br]นับ 1 ถึง 3 ทีละ 1 0:00:29.530,0:00:32.574 ทุกครั้งที่นับ จะรันโค้ดด้านในลูป 0:00:32.824,0:00:37.120 เจ้า for loop รู้ว่ามันรันกี่ครั้งแล้ว[br]ด้วยตัวแปรตัวนับ 0:00:37.287,0:00:39.790 ซึ่งถูกตั้งให้เริ่มที่จุดเริ่มต้นของลูป 0:00:39.998,0:00:42.709 และใส่จำนวนที่เพิ่มขึ้นเข้าไป[br]ทุกครั้งที่รันลูป 0:00:43.085,0:00:47.381 เมื่อตัวแปรตัวนับมีค่ามากกว่าค่าสุดท้าย[br]มันก็จะหยุดรัน 0:00:47.881,0:00:52.844 ประโยชน์ของการใช้ for loop แทนบล็อกทำซ้ำ 0:00:53.095,0:00:56.890 คือคุณสามารถเห็นตัวแปรตัวนับ[br]และนำไปใช้ในลูปได้ 0:00:57.099,0:01:02.479 เช่น ถ้าฉันมีดอกไม้หลายดอก[br]และดอกแรกมี 1 เกสร 0:01:02.688,0:01:06.149 ดอกที่ 2 มี 2 เกสร [br]ดอกที่ 3 มี 3 เกสร 0:01:06.316,0:01:10.737 ฉันสามารถใช้ for loop เพื่อให้ผึ้ง[br]เก็บเกสรจำนวน "ตัวนับ" ได้ในแต่ละครั้ง 0:01:10.988,0:01:15.450 คือ 1 ครั้งในดอกที่ 1,[br]2 ครั้งในดอกที่ 2, 3 ครั้งในดอกที่ 3 0:01:16.688,0:01:21.458 นอกจากนี้ใน for loop ยังสามารถเพิ่ม[br]จำนวนที่นับได้มากกว่าครั้งละ 1 0:01:21.458,0:01:25.298 จะทีละ 2 ทีละ 4 หรือจำนวนที่[br]ต่างกันในแต่ละครั้งก็ได้ค่ะ