WEBVTT 00:00:14.584 --> 00:00:16.085 ขอบคุณมากครับ 00:00:16.109 --> 00:00:19.259 เป็นเรื่องจริงที่ผมเกิดในวงดนตรี 00:00:19.259 --> 00:00:21.319 ผมหมายความอย่างนั้นจริง ๆ 00:00:21.319 --> 00:00:22.811 ตอนที่ผมเกิด 00:00:22.811 --> 00:00:25.790 พี่ชายทั้ง 4 คนของผมเริ่มเล่นดนตรีแล้ว 00:00:25.790 --> 00:00:28.590 และพวกเขากำลังหามือเบส 00:00:28.590 --> 00:00:30.059 (เสียงหัวเราะ) 00:00:30.060 --> 00:00:32.738 จะได้ครบวงพอดี 00:00:32.740 --> 00:00:34.500 ผมเกิดมาเพื่อตำแหน่งนั้น 00:00:34.500 --> 00:00:36.438 เมื่อผมมองย้อนกลับไป 00:00:36.438 --> 00:00:40.199 จากตอนนี้ ที่มีคนเรียกผมว่า "คุณครู" 00:00:41.099 --> 00:00:43.848 เมื่อมองย้อนไป เพื่อดูว่าผมถูกสอนมาอย่างไร 00:00:43.849 --> 00:00:46.375 ผมถึงเข้าใจว่า จริงๆ แล้วผมไม่ได้ถูก "สอน" 00:00:46.376 --> 00:00:49.079 นี่เป็นเหตุผลที่ผมถึงบอกว่า ดนตรีคือภาษา 00:00:49.080 --> 00:00:51.489 เพราะว่าถ้าคุณลองคิดถึงภาษาแรกของคุณ 00:00:51.490 --> 00:00:54.098 สำหรับผมและคนส่วนใหญ่ในที่นี้คงบอกว่าภาษาอังกฤษ 00:00:54.099 --> 00:00:56.018 ผมเลยขอใช้ภาษาอังกฤษเป็นตัวอย่าง 00:00:56.019 --> 00:00:57.869 อยากให้ลองคิดดูว่าคุณรู้ภาษาได้อย่างไร 00:00:57.869 --> 00:00:59.739 คุณก็จะเข้าใจว่าคุณไม่ได้ถูกสอน 00:00:59.739 --> 00:01:01.414 คนอื่น ๆ แค่คุยกับคุณ 00:01:01.415 --> 00:01:04.708 ตรงนี้แหละที่มันน่าสนใจ 00:01:04.709 --> 00:01:07.828 เพราะพวกเขาปล่อยให้คุณคุยด้วย 00:01:07.829 --> 00:01:09.989 แต่ถ้าผมยกตัวอย่างดนตรี 00:01:09.990 --> 00:01:11.999 ส่วนใหญ่แล้ว พวกมือใหม่ 00:01:11.999 --> 00:01:14.999 จะไม่ได้รับอนุญาตให้เล่นในวง ร่วมกับคนที่เก่งแล้ว 00:01:14.999 --> 00:01:16.868 คุณต้องเริ่มจากการเป็นมือใหม่ 00:01:16.869 --> 00:01:18.788 และต้องอยู่ตรงนั้นสัก ปี สองปี 00:01:18.789 --> 00:01:21.659 จนเมื่อคุณเล่นได้ดีขึ้น จนไปถึงระดับกลาง ๆ 00:01:21.659 --> 00:01:24.139 และเล่นจนถึงขั้นสูง หลังจากขั้นสูงแล้ว 00:01:24.140 --> 00:01:26.989 คุณยังต้องออกไปเล่นเก็บประสบการณ์อีก 00:01:26.990 --> 00:01:28.568 แต่กับภาษาแล้ว 00:01:28.569 --> 00:01:31.530 ถ้าพูดตามภาษาของดนตรี แม้ว่าคุณจะเป็นเด็กทารก 00:01:31.530 --> 00:01:34.530 คุณสามารถ "แจม" กับมืออาชีพได้ 00:01:34.530 --> 00:01:36.448 ได้ตลอดเวลา 00:01:36.449 --> 00:01:39.937 มันถึงขนาดว่า คุณไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าคุณเป็นมือใหม่ 00:01:39.938 --> 00:01:40.938 ไม่มีใครมาบอกคุณว่า 00:01:40.938 --> 00:01:43.370 "ฉันจะไม่พูดกับเธอจนกว่าเธอจะพูดรู้เรื่อง" 00:01:43.370 --> 00:01:45.468 "รอให้โตกว่านี้แล้วฉันจะพูดด้วย" 00:01:45.469 --> 00:01:47.268 (เสียงหัวเราะ) 00:01:47.269 --> 00:01:48.978 สิ่งเหล่านี้จะไม่เกิดขึ้น 00:01:48.979 --> 00:01:51.519 ไม่มีใครจะมาบอกว่า คุณต้องพูดอะไร 00:01:52.579 --> 00:01:56.039 คุณไม่ต้องนั่งที่มุมห้องแล้วก็ซ้อม 00:01:57.689 --> 00:02:01.570 แม้ว่าคุณพูดผิด ก็ไม่มีใครมาแก้ให้ 00:02:02.670 --> 00:02:06.660 ลองคิดดู เมื่อคุณอายุ 2 - 3 ขวบและคุณพูดผิดซ้ำแล้วซ้ำอีก 00:02:06.669 --> 00:02:08.268 ไม่มีใครมาว่าคุณ 00:02:08.269 --> 00:02:10.388 ถ้าคุณพูดผิดหลายครั้งเข้า 00:02:10.389 --> 00:02:13.688 แทนที่จะถูกแก้ พ่อแม่ก็เข้าใจคุณ 00:02:13.689 --> 00:02:14.523 (เสียงหัวเราะ) 00:02:14.524 --> 00:02:17.488 และเขาก็เริ่มที่จะพูดผิดแบบคุณด้วย ! 00:02:17.489 --> 00:02:21.292 สิ่งสำคัญก็คือ คุณยังคงมีอิสระ 00:02:21.293 --> 00:02:23.181 ในวิธีการพูดของคุณ 00:02:24.241 --> 00:02:27.529 และคุณยังไม่ต้องเดินตามระเบียบวิธีของดนตรี 00:02:27.530 --> 00:02:30.559 ในช่วงเวลาเหล่านี้ คุณมีเวลาที่จะหาเสียงของคุณ 00:02:30.560 --> 00:02:33.763 พูดในแบบของคุณ ทำให้สำเนียงของคุณไม่หายไป 00:02:34.263 --> 00:02:36.496 ไม่มีใครมาเอามันทิ้งไปได้ 00:02:37.336 --> 00:02:41.839 ผมได้เรียนรู้แบบนี้ตอนผมยังเด็ก 00:02:41.840 --> 00:02:44.630 ผมเรียนภาษาอังกฤษและเรียนดนตรี 00:02:44.630 --> 00:02:48.499 ในเวลาเดียวกัน และด้วยวิธีเดียวกัน 00:02:49.269 --> 00:02:53.477 ผมมักเล่าให้คนอื่นฟังว่า "ผมเริ่มตอน 2 - 3 ขวบ" 00:02:53.478 --> 00:02:56.990 ผมพูดไปแบบนั้น เพราะว่ามันฟังดูน่าเชื่อถือมากกว่า 00:02:56.990 --> 00:02:59.959 แต่จริง ๆ แล้วเราเริ่มพูดภาษาอังกฤษเมื่อไหร่ ? 00:02:59.960 --> 00:03:02.409 เรารอจนอายุ 2 หรือ 3 ขวบหรือเปล่า ? 00:03:02.639 --> 00:03:03.979 ไม่ 00:03:04.589 --> 00:03:08.579 ผมว่า เราเริ่มกันตั้งแต่ก่อนที่จะเกิดด้วยซ้ำ 00:03:08.589 --> 00:03:12.529 เริ่มตั้งแต่ที่คุณได้ยินเสียง คุณก็เริ่มเรียนแล้ว 00:03:12.539 --> 00:03:17.199 สำหรับผม วิธีการที่พี่ผมใช้มันเยี่ยมและฉลาดมาก ๆ 00:03:17.200 --> 00:03:19.729 ผมมีพี่น้อง 5 คน ผมเป็นคนเล็กสุด 00:03:19.730 --> 00:03:21.739 เรกจี พี่ชายคนโต 00:03:21.740 --> 00:03:23.788 เขาห่างกับผมแค่ 8 ปี 00:03:23.789 --> 00:03:26.998 ทำไมเขาฉลาดขนาดนี้ ซึ่งผมก็ไม่รู้เหมือนกัน 00:03:26.999 --> 00:03:29.328 นั่นควรจะเป็น TED Talk ตัวจริง 00:03:29.329 --> 00:03:32.729 เขาคิดวิธีการอันแยบยลได้ยังไง 00:03:32.730 --> 00:03:37.079 โดยที่ไม่ต้องคอยสอนพวกน้อง ๆ เล่นดนตรี 00:03:37.080 --> 00:03:39.429 เค้าไม่ได้เริ่มด้วยการเอากีตาร์เบสให้ผม 00:03:39.430 --> 00:03:40.610 เปล่าเลย 00:03:42.770 --> 00:03:46.118 สิ่งแรกที่พวกเขาทำคือเล่นดนตรีรอบ ๆ ผม 00:03:46.848 --> 00:03:49.278 ตั้งแต่ผมยังเล็ก ๆ ตั้งแต่ผมจำความได้ 00:03:49.279 --> 00:03:51.129 ผมจำได้ตอนที่เราอยู่ที่ฮาวาย 00:03:51.131 --> 00:03:56.570 พี่ ๆ ผมจะตั้งเครื่องดนตรี ผมจำได้ถีงเก้าอี้พลาสติก 00:03:56.570 --> 00:03:59.099 หลาย ๆ ครั้งเราจะตั้งวงกันที่สนามหน้าบ้าน 00:03:59.100 --> 00:04:00.949 ที่ ๆ ผมจะเห็นเก้าอี้พลาสติก 00:04:00.950 --> 00:04:04.319 และมีกีตาร์ของเล่นรูปมิกกี้เมาส์ 00:04:04.320 --> 00:04:06.078 วางอยู่บนเก้าอี้ 00:04:06.079 --> 00:04:09.078 ไม่มีใครบอกผม ว่านั้นเป็นของผม 00:04:09.079 --> 00:04:11.499 มันเหมือนกับที่ ไม่มีใครมาบอกคุณว่า 00:04:11.499 --> 00:04:12.921 คุณต้องเริ่มพูดเมื่อไหร่ 00:04:12.921 --> 00:04:14.181 คุณรู้ว่าคุณจะต้องทำอะไร 00:04:14.181 --> 00:04:16.719 เหมือนกับที่ผมรู้ว่า เก้าอี้ตัวนั้นเป็นของผม 00:04:16.719 --> 00:04:18.418 ผมรู้ว่าเครื่องดนตรีนั้นเป็นของผม 00:04:18.418 --> 00:04:19.608 มันมีสายพลาสติก 00:04:19.608 --> 00:04:22.219 คุณแค่ผูกสายเข้ากับตัวและเริ่มเล่นเพลงได้เลย 00:04:22.219 --> 00:04:23.709 แต่เอาเข้าจริง ๆ 00:04:23.709 --> 00:04:26.709 การเริ่มของคุณไม่ได้เริ่มต้นจากการดีดสาย 00:04:26.709 --> 00:04:29.940 ในตอนนั้น เมื่อผมโตพอที่จะถือเครื่องดนตรี 00:04:31.649 --> 00:04:36.398 พี่ ๆ หาอะไรมาให้ถือ ถือเพื่อให้โยกไปกับมัน 00:04:36.399 --> 00:04:39.119 เพื่อเตรียมผมให้พร้อมสำหรับปีต่อ ๆ ไป 00:04:39.120 --> 00:04:41.750 มันไม่ใช่เรื่องของการเล่นเครื่องดนตรี 00:04:42.380 --> 00:04:45.289 มันเป็นความผิดพลาด ของครูดนตรีหลาย ๆ คน 00:04:45.289 --> 00:04:47.148 ที่พวกเรามักจะสอนเด็ก ๆ 00:04:47.148 --> 00:04:50.148 ให้เล่นเครื่องดนตรี ก่อนที่จะเข้าใจดนตรี 00:04:50.148 --> 00:04:52.549 คุณจะไม่สอนเด็กว่าสะกดยังไง 00:04:52.550 --> 00:04:54.359 การสอนเด็กให้สะกดคำว่า "นม" 00:04:54.360 --> 00:04:57.029 ก่อนที่เด็ก ๆ จะได้ดื่มนมก่อนสัก 2-3 ปี 00:04:57.030 --> 00:04:58.479 คุณว่ามันเข้าท่าหรือเปล่า ? 00:04:58.480 --> 00:05:01.349 แต่ด้วยเหตุผลบางอย่าง เราทำแบบนั้นกับดนตรี 00:05:01.350 --> 00:05:04.750 เรากลับสอนเด็กถึงกฎเกณฑ์และเครื่องดนตรีก่อน 00:05:05.850 --> 00:05:09.448 แต่ตอนผม 2 ขวบ พี่ ๆ เอาเครื่องดนตรีเด็กเล่นให้ผม 00:05:09.449 --> 00:05:11.140 ตอนนั้นผมพร้อมแล้วสำหรับดนตรี 00:05:11.140 --> 00:05:13.750 เพราะผมเชื่อว่า เราเกิดมาพร้อมดนตรี 00:05:13.750 --> 00:05:18.049 เพียงแค่ฟังเสียงร้องของผู้คน ฟังเสียงของเด็ก ๆ 00:05:18.050 --> 00:05:20.115 ไม่มีเสียงดนตรีไหนบริสุทธิ์เท่านี้อีกแล้ว 00:05:20.116 --> 00:05:23.172 พวกพี่ ๆ ของผมรู้ว่าผมเกิดมากับดนตรี 00:05:23.172 --> 00:05:25.451 แต่ว่าพวกเขาต้องการให้ผมเป็นมือเบส 00:05:25.452 --> 00:05:28.347 ดังนั้น พอผมโตได้ที่ เขาก็เอาของเล่นใส่มือผม 00:05:28.347 --> 00:05:29.931 และเขาก็เล่นเพลง 00:05:29.932 --> 00:05:33.784 ผมก็กระโดดและดีดไปตามจังหวะ 00:05:33.785 --> 00:05:38.909 แต่ที่เจ๋งมาก คือ มันไม่ใช่เรื่องของเครื่องดนตรี 00:05:38.910 --> 00:05:43.039 ผมกำลังเรียนรู้ที่จะเล่นดนตรี ไม่ใช่เครื่องดนตรี 00:05:43.040 --> 00:05:45.730 และผมก็ทำต่อเนื่องมาจนถึงทุกวันนี้ 00:05:46.090 --> 00:05:50.687 ขอย้ำ ที่ผมรู้ ผมเข้าใจคือความหมายต่าง ๆ 00:05:50.688 --> 00:05:55.699 ตอนที่พี่ชายผมเปิดไฮแฮท เมื่อจบจังหวะที่ 4 ของท่อน 00:05:55.699 --> 00:05:58.489 หรือตอนที่ผมเรียนรู้ว่าท่อนนี้ต่างกับท่อนนั้นยังไง 00:05:58.490 --> 00:06:00.787 มันเป็นวิธีเดียวกับที่เด็กทารกรู้จัก 00:06:00.788 --> 00:06:03.787 เสียงของแม่ที่สูง 00:06:03.788 --> 00:06:06.569 เทียบกับเสียงของพ่อที่ต่ำกว่า 00:06:06.570 --> 00:06:07.909 คุณรู้จักสิ่งเหล่านี้ 00:06:07.910 --> 00:06:11.569 แม้ว่าคุณจะไม่ได้เข้าใจความหมายของคำ 00:06:11.570 --> 00:06:13.544 คุณเรียนรู้ผ่านสิ่งเหล่านี้ 00:06:13.544 --> 00:06:16.287 กว่าที่เด็กทารกจะพูดเป็นคำ ๆ 00:06:16.288 --> 00:06:19.089 เขารู้เรื่องภาษาไปเยอะแล้ว 00:06:19.090 --> 00:06:21.011 ผมก็เรียนรู้เรื่องดนตรีในลักษณะเดียวกัน 00:06:21.011 --> 00:06:23.270 ตอนที่ผมเริ่มเล่นเครื่องดนตรี 00:06:23.270 --> 00:06:25.030 ผมมีดนตรีอยู่เต็มเปี่ยม 00:06:25.030 --> 00:06:27.358 ตอนที่ผมย่างเข้า 3 ขวบ 00:06:27.359 --> 00:06:31.578 เรกจีเอาสายกีตาร์ 2 สายจากกีตาร์ของเขา 00:06:31.579 --> 00:06:33.880 เขาเอาสายเสียงสูงออก 2 สาย 00:06:33.880 --> 00:06:36.560 และนั้นกลายเป็นเครื่องดนตรีชิ้นแรกของผม 00:06:36.560 --> 00:06:39.458 จากนั้นเรกจีจึงเริ่มสอนผม 00:06:39.459 --> 00:06:44.398 ที่จะวางมือในบางตำแหน่ง เพื่อที่จะเล่นโน๊ต 00:06:44.399 --> 00:06:46.229 ในเพลงที่ผมคุ้นเคย 00:06:48.540 --> 00:06:51.429 ผมไม่ได้เพิ่งเริ่มเล่นจากตรงนั้น 00:06:51.429 --> 00:06:53.389 ผมมีดนตรีมาก่อน 00:06:53.389 --> 00:06:56.950 ถึงตรงนี้ ผมแค่ใส่ดนตรีเข้าไปในเครื่องดนตรี 00:06:57.860 --> 00:06:59.670 เมื่อมองย้อนกลับไป 00:06:59.670 --> 00:07:02.160 ผมถึงเข้าใจว่า ผมเรียนรู้ที่จะพูดได้อย่างไร 00:07:02.160 --> 00:07:05.369 ไม่ใช่เรียนรู้ที่จะใช้เครื่องดนตรีก่อน 00:07:05.370 --> 00:07:07.812 ใครจะมาสนใจว่าคุณพูดผ่านเครื่องมืออะไร 00:07:07.813 --> 00:07:10.116 มันสำคัญตรงสิ่งที่คุณจะพูด 00:07:11.959 --> 00:07:16.042 ผมมีดนตรีอยู่ในเสียงของผมเสมอ 00:07:16.089 --> 00:07:18.137 ผมมีสิ่งที่ต้องการจะพูดอยู่เสมอ 00:07:18.138 --> 00:07:22.167 และผมเรียนรู้ที่จะถ่ายทอดผ่านเครื่องดนตรี 00:07:22.957 --> 00:07:25.047 ถ้าคุณคิดถึงสิ่งเหล่านี้ 00:07:25.047 --> 00:07:28.219 ไม่ถูกบังคับให้ฝึกซ้อม 00:07:28.219 --> 00:07:32.040 ไม่ถูกบอกว่าต้องพูดอะไร 00:07:32.040 --> 00:07:34.520 คือผมขอกลับมาพูดถึงภาษา 00:07:35.060 --> 00:07:38.208 เวลาที่ครูสอนคำศัพท์ใหม่ 00:07:38.209 --> 00:07:41.537 ครูจะสอนผ่านประโยคตามสถานการณ์ที่ใช้ NOTE Paragraph 00:07:41.538 --> 00:07:44.267 ครูดนตรีจะบอกให้คุณไปฝึกซ้อม 00:07:44.268 --> 00:07:48.827 การซ้อมก็ดีแต่มันเป็นกระบวนการที่ช้า กว่าการเรียนจากสถานการณ์ 00:07:48.828 --> 00:07:50.999 และพวกเราก็รู้เรื่องนี้ดีในการเรียนภาษา 00:07:51.000 --> 00:07:52.889 ที่เล่ามาเป็นเส้นทางการเรียนรู้ของผม 00:07:52.890 --> 00:07:57.019 เมื่อผมโตขึ้น ประมาณ 5 ขวบ 00:07:57.019 --> 00:08:00.019 พวกเรา 5 คนก็เริ่มออกทัวร์กันจริง ๆ 00:08:00.019 --> 00:08:02.249 พวกเราโชคดีที่ได้มีโอกาสออกทัวร์ 00:08:02.250 --> 00:08:04.178 เป็นวงเปิดให้กับนักร้องเพลงโซล ชื่อดัง 00:08:04.178 --> 00:08:07.178 ชื่อ เคอติส เมย์ฟิลด์ 00:08:07.178 --> 00:08:10.399 ถ้าผม 5 ขวบตอนนั้น พี่ชายคนโตสุดของผมก็ 13 ขวบเท่านั้น 00:08:11.149 --> 00:08:13.209 เมื่อคิดถึงตอนนั้น 00:08:13.209 --> 00:08:16.209 ตอนอายุเท่านั้นพวกเราก็พูดภาษาอังกฤษได้ดีแล้ว 00:08:16.209 --> 00:08:18.459 แล้วทำไมจะทำไม่ได้กับดนตรีล่ะ 00:08:18.739 --> 00:08:22.098 ตั้งแต่นั้นมาผมก็มองดนตรีในแบบเดียวกับภาษา 00:08:22.099 --> 00:08:24.779 เพราะผมเรียนดนตรีแบบเดียวกัน 00:08:24.779 --> 00:08:27.499 และเรียนไปพร้อม ๆ กับภาษา 00:08:27.779 --> 00:08:29.518 ส่วนดีที่สุดคือ 00:08:29.519 --> 00:08:32.558 ผมยังคงรักษาสิ่งที่เกิดมาพร้อมกับเด็ก ๆ 00:08:33.568 --> 00:08:35.360 คืออิสรภาพ 00:08:37.000 --> 00:08:41.398 พวกเราหลาย ๆ คนถูกสอนจนไม่มีเสียงของตัวเอง 00:08:41.399 --> 00:08:43.727 อย่างตอนที่เราเริ่มบทเรียนแรก 00:08:43.729 --> 00:08:45.228 เรามักไปหาครู 00:08:45.229 --> 00:08:46.879 และครูน้อยคนที่จะรู้ว่า 00:08:46.879 --> 00:08:49.489 ทำไมเราถึงมาเรียนดนตรี 00:08:49.489 --> 00:08:51.848 หลาย ๆ ครั้งที่เด็กสมมุติว่าตัวเองกำลังเล่นกีตาร์ 00:08:51.849 --> 00:08:53.609 ซึ่งตรงนั้นไม่มีผิดหรือถูก 00:08:53.610 --> 00:08:57.028 ไม่มีเล่นโน๊ตถูกหรือผิด ไม่เกี่ยวกับเครื่องดนตรี 00:08:57.029 --> 00:08:59.289 เด็ก ๆ เล่นเพราะมันรู้สึกดี 00:08:59.290 --> 00:09:03.268 มันเหมือนกับที่คุณร้องเพลงตอนอาบน้ำ 00:09:03.269 --> 00:09:06.798 หรือคุณร้องเพลงตอนขับรถไปทำงาน 00:09:06.799 --> 00:09:10.168 คุณไม่ได้ร้องเพราะคุณร้องได้ถูกโน๊ต 00:09:10.298 --> 00:09:12.287 หรือร้องเพราะคุณรู้จักสเกลนั้นดี 00:09:12.288 --> 00:09:14.957 แต่คุณร้องเพราะคุณรู้สึกดี 00:09:14.958 --> 00:09:17.759 ผมได้คุยกับผู้หญิงคนหนึ่ง เธอเล่าว่า 00:09:17.760 --> 00:09:20.262 "ฉันคือ เอลลา ฟิทซ์เจอรัลด์ ตอนฉันอาบน้ำ" 00:09:20.263 --> 00:09:22.125 (เสียงหัวเราะ) 00:09:22.126 --> 00:09:23.859 แน่นอนเธอพูดถูก 00:09:23.860 --> 00:09:28.060 แต่ทำไมมันเริ่มเปลี่ยนไปเมื่อเริ่มมีคนฟัง 00:09:30.070 --> 00:09:32.818 อิสรภาพนั้นเริ่มหายไป เมื่อเราโตขึ้น เมื่อเรารู้มากขึ้น 00:09:32.819 --> 00:09:36.657 และเราจำเป็นต้องหาวิธีรักษาอิสภาพนั้นไว้ 00:09:36.658 --> 00:09:38.319 มันเป็นไปได้ 00:09:38.320 --> 00:09:39.999 มันไม่ได้หายไปอย่างถาวร 00:09:41.239 --> 00:09:45.148 เด็กที่เล่นกีตาร์สมมุติ จะเล่นด้วยร้อยยิ้ม 00:09:46.778 --> 00:09:49.598 พอเริ่มบทเรียนแรก รอยยิ้มก็หายไป 00:09:51.648 --> 00:09:53.588 หลาย ๆ ครั้งคุณต้องทำงานหนัก 00:09:53.589 --> 00:09:56.798 ตลอดชีวิตนักดนตรี เพื่อจะนำรอยยิ้มกลับมา 00:09:56.799 --> 00:10:01.768 ในฐานะครู เราสามารถรักษารอยยิ้มนั้นไว้ ถ้าเราเข้าใจ 00:10:01.769 --> 00:10:04.838 เข้าใจดนตรีแบบเดียวกับภาษา 00:10:04.839 --> 00:10:07.771 รักษาอิสรภาพของผู้เรียน 00:10:07.772 --> 00:10:09.708 พอผมเริ่มโตขึ้นมาหน่อย 00:10:09.709 --> 00:10:13.638 ผมกับพี่พี่ เริ่มออกทัวร์มากขึ้น 00:10:13.639 --> 00:10:16.729 แม่ผมถามคำถาม ที่ผมไม่เคยเข้าใจมันอย่างแท้จริง 00:10:16.730 --> 00:10:20.969 จนกระทั่งผมอายุมากขึ้น และมีลูก 00:10:20.970 --> 00:10:22.341 คำถามคือ 00:10:22.342 --> 00:10:24.610 "โลกต้องการอะไร 00:10:26.089 --> 00:10:27.829 จากนักดนตรีที่ดีอีกสักคน" 00:10:29.900 --> 00:10:31.205 อยากให้ลองคิดดู 00:10:31.206 --> 00:10:32.566 ผมคงตอบว่า ดนตรี 00:10:32.566 --> 00:10:35.082 แต่ลองแทนที่ด้วยอาชีพของคุณ 00:10:35.082 --> 00:10:37.399 โลกต้องการอะไรจากคุณ 00:10:39.669 --> 00:10:42.789 ผมเพิ่งเข้าใจ ตอนที่ผมอายุมากขึ้น 00:10:42.790 --> 00:10:46.628 ว่าดนตรีไม่ใช่แค่ภาษา ดนตรีเป็นวิถีชีวิต 00:10:48.558 --> 00:10:50.167 มันเป็นวิถีชีวิตของผม 00:10:50.168 --> 00:10:54.639 ผมไม่ได้หมายถึง วิถีชีวิตนักดนตรีแบบที่หลายคนเป็น 00:10:55.899 --> 00:10:59.658 ลองดู ฮีโร่ทางดนตรีหลายคนในอดีต 00:10:59.659 --> 00:11:02.389 คุณจะพบว่าเขาประสบความสำเร็จอย่างมากทางดนตรี 00:11:02.390 --> 00:11:04.540 แต่กลับล้มเหลวอย่างมากกับชีวิต 00:11:06.110 --> 00:11:10.038 ผมสามารถเอ่ยชื่อได้ แต่คงไม่ดีกว่า 00:11:10.039 --> 00:11:13.870 ถ้าเราคิดถึงฮีโร่ของเรา หลาย ๆ คนเป็นแบบนั้น 00:11:15.490 --> 00:11:17.977 ผมคิดว่า ตอนนั้นพ่อแม่ผมคงเตรียมพวกเราให้พร้อม 00:11:17.978 --> 00:11:19.728 ณ ตอนนั้นพวกเราคงไม่รู้ 00:11:19.728 --> 00:11:21.929 แต่เธอคงเห็นว่าอะไรจะเกิดขึ้น NOTE Paragraph 00:11:21.929 --> 00:11:24.150 "โลกต้องการอะไร NOTE Paragraph 00:11:26.580 --> 00:11:28.620 จากนักดนตรีที่ดีอีกสักคน" 00:11:29.580 --> 00:11:32.220 เราฝึกซ้อมกันอย่างหนัก 00:11:33.221 --> 00:11:36.420 เราเปลี่ยนบ้านเป็นห้องซ้อมดนตรี 00:11:36.420 --> 00:11:38.070 เพื่อที่นักดนตรีแถวบ้าน 00:11:38.070 --> 00:11:40.500 นักดนตรีในจังหวัดจะมาเล่นด้วย 00:11:40.500 --> 00:11:42.069 เราฝึกซ้อม 00:11:42.070 --> 00:11:44.359 พ่อแม่ผมยอมใช้เงินที่ไม่ค่อยจะมี 00:11:44.360 --> 00:11:46.759 ไปกับเครื่องดนตรีใหม่ ๆ 00:11:46.759 --> 00:11:50.028 ช่วงคริสต์มาส ซานตาคลอสจะเอาของรุ่นล่าสุดมาให้ 00:11:50.028 --> 00:11:51.588 นั่นหมายความว่าอะไร 00:11:52.698 --> 00:11:55.638 เพื่อว่าเราจะทำเงินได้อย่างงั้นหรือ? 00:11:55.639 --> 00:11:59.339 เพื่อที่เราจะได้เล่นบนเวทีด้วยความภาคภูมิใจหรือ? 00:12:02.470 --> 00:12:06.070 ตอนนี้ผมเข้าใจแล้ว ว่ามันมากกว่านั้น 00:12:07.220 --> 00:12:08.818 ดนตรีคือวิถีชีวิตของผม 00:12:09.578 --> 00:12:12.409 และตอนนี้ผมอยู่ในแวดวงการสอนดนตรี 00:12:12.410 --> 00:12:15.507 ผมสามารถแชร์กับคุณในฐานะของครู 00:12:15.508 --> 00:12:18.969 ผมได้เข้าใจว่า มีหลายอย่างที่เราเรียนรู้ได้จากดนตรี 00:12:18.970 --> 00:12:20.455 มาปรับใช้กับชีวิต 00:12:20.456 --> 00:12:23.012 จะเป็นนักดนตรีที่ดี คุณต้องเป็นนักฟังที่ดี 00:12:25.742 --> 00:12:26.832 มันไม่สำคัญว่า 00:12:26.832 --> 00:12:29.248 ผมจะเป็นมือเบสหรือเครื่องดนตรีอื่นที่เก่งเพียงใด 00:12:29.249 --> 00:12:31.038 มันไม่สำคัญว่าผมเก่งแค่ไหน 00:12:31.038 --> 00:12:34.930 เราสามารถเอานักดนตรีที่เก่งที่สุดของโลก 5 คนขึ้นมาบนเวที 00:12:36.370 --> 00:12:39.378 แต่ถ้านักดนตรีเหล่านั้นเก่งแบบตัวใครตัวมัน 00:12:39.379 --> 00:12:41.170 เล่นออกมาก็ไม่น่าฟัง 00:12:43.730 --> 00:12:46.970 แต่ถ้าเราฟังคนอื่นและเล่นไปด้วยกัน 00:12:48.680 --> 00:12:51.139 โดยที่ แต่ละคนไม่ต้องเก่งมากก็ได้ 00:12:52.490 --> 00:12:54.710 เสียงที่ออกมาก็จะดีกว่ามาก 00:12:57.500 --> 00:12:58.759 เมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา 00:12:58.759 --> 00:13:01.769 ผมถูกเชิญไปที่มหาวิทยาลัยแสตนฟอร์ด ในแคลิฟอร์เนีย 00:13:01.769 --> 00:13:03.079 ร่วมกับทีมนักดนตรี 00:13:03.079 --> 00:13:06.018 เพื่อแนะนำนักศึกษาปี 1 ที่มาใหม่ 00:13:06.019 --> 00:13:08.888 เราได้ใช้ดนตรีเพื่อให้พวกเขา 00:13:08.889 --> 00:13:11.758 ได้คิดถึงว่า ใน 4 ปีข้างหน้าชีวิตพวกเขาจะเป็นเช่นไร 00:13:11.759 --> 00:13:14.668 มันสนุกที่จะใช้ดนตรีเป็นช่องทาง 00:13:14.679 --> 00:13:17.819 ที่ทำให้ผมพูดได้ทุกเรื่อง และกระทบใจ 00:13:17.820 --> 00:13:19.829 ไม่ว่าจะเป็นการเมือง การเหยียดผิว 00:13:19.829 --> 00:13:22.209 ความเท่าและไม่เท่าเทียม ศาสนา 00:13:22.209 --> 00:13:23.699 ผมสามารถสื่อผ่านดนตรี 00:13:23.699 --> 00:13:25.629 โดยที่ผมยังมีความปลอดภัยในชีวิต 00:13:25.629 --> 00:13:27.909 ตอนนั้นเราเลือกคนฟังมา 1 คน 00:13:27.910 --> 00:13:29.849 เป็นคนที่ไม่เคยเล่นเครื่องดนตรีมาก่อน 00:13:29.850 --> 00:13:31.119 เราได้ผู้หญิง 00:13:31.120 --> 00:13:33.598 เราขอให้เธอขึ้นเวที เอาเบสให้เธอสะพาย 00:13:33.599 --> 00:13:35.448 แล้วก็ให้วงดนตรีเริ่มเล่น 00:13:35.449 --> 00:13:37.348 พอวงเริ่มปุ๊บ 00:13:37.349 --> 00:13:38.944 เธอก็เริ่มทำแบบนี้ 00:13:38.945 --> 00:13:40.550 (เสียงหัวเราะ) 00:13:40.551 --> 00:13:42.161 แล้วผมก็บอกว่า "นั่นไงล่ะ ดนตรี" 00:13:43.513 --> 00:13:47.134 เครื่องดนตรีถ้ามันวางอยู่เฉย ๆ ในร้าน 00:13:47.134 --> 00:13:49.288 มันไม่มีเสียงใด ๆ ออกมาหรอก 00:13:49.289 --> 00:13:51.019 แต่ถ้าคุณอยากให้เกิดเสียงดนตรี 00:13:51.019 --> 00:13:52.519 คุณต้องเอาให้คนเล่น NOTE Paragraph 00:13:52.519 --> 00:13:54.450 และจังหวะจากการโยกหัวของคุณ 00:13:54.450 --> 00:13:56.580 คุณต้องส่งผ่านไปยังเครื่องดนตรีของคุณ 00:13:56.580 --> 00:13:59.270 ผมแค่ให้เธอเอามือข้างซ้ายจับไปที่คอของเบส 00:13:59.270 --> 00:14:02.334 เพราะทุกคนรู้ว่าจะจับเครื่องดนตรีอย่างไร ไม่ใช่เรื่องใหม่เลย 00:14:02.335 --> 00:14:07.008 กดแล้วให้มือขวาเต้นรำไปบนสาย 00:14:07.009 --> 00:14:10.169 เธอก็เริ่มกระโดดไปตามโน๊ต วงก็เริ่มเล่นรอบ ๆ เธอ 00:14:10.170 --> 00:14:13.158 เพียงครู่เดียวเธอก็กลายเป็นมือเบส 00:14:13.159 --> 00:14:15.537 ยิ่งกว่านั้น เธอคือนักดนตรี 00:14:15.538 --> 00:14:18.256 นักเต้นไม่เคยถามก่อนที่จะเต้น 00:14:18.257 --> 00:14:20.927 นักร้องไม่จำเป็นต้องถามว่าวงเล่นคีย์ไหนอยู่ 00:14:20.928 --> 00:14:23.608 แต่นักดนตรีกลับมีคำถามมากมาย 00:14:25.359 --> 00:14:27.448 นั่นสอนให้ผมรู้ว่า "ว้าว" 00:14:27.449 --> 00:14:31.291 เพราะว่าพวกเราเก่ง เธอเลยไม่ต้องรู้อะไรก็ได้ 00:14:31.292 --> 00:14:33.214 (เสียงหัวเราะ) 00:14:33.215 --> 00:14:36.829 หากใครสักคนเดินเข้ามาในห้องและเห็นวงดนตรีเล่น 00:14:36.830 --> 00:14:39.829 โดยมีมือใหม่ร่วมบนเวที 00:14:39.830 --> 00:14:42.823 เขาจะไม่รู้ว่าใครเป็นมือใหม่ 00:14:43.753 --> 00:14:45.595 นั่นทำให้ผมร้อง "้ว้าว ! 00:14:45.596 --> 00:14:48.740 ถ้าผมใช้ความสามารถไปในทางที่ถูก 00:14:48.740 --> 00:14:52.910 มันจะช่วยให้คนอื่นเก่งขึ้นอย่างรวดเร็ว" 00:14:52.910 --> 00:14:55.149 และที่เจ๋งกว่านั้นคือ 00:14:55.149 --> 00:14:57.398 เธอได้เอาเบสกีตาร์ตัวนั้นกลับบ้านด้วย 00:14:57.399 --> 00:14:58.907 (เสียงหัวเราะ) 00:14:58.908 --> 00:15:01.908 ผมพบเธอเร็ว ๆ นี้ เธอยังคงเป็นมือเบสอยู่ 00:15:01.909 --> 00:15:03.948 มันยอดเยี่ยมมาก 00:15:03.949 --> 00:15:07.508 การฟังเป็นหัวใจสำคัญของดนตรีที่เราสามารถเอามาใช้ในชีวิต 00:15:07.509 --> 00:15:08.629 ทำงานร่วมกัน 00:15:08.629 --> 00:15:11.629 เราเก่งด้วยการที่ช่วยให้คนอื่นให้เก่งขึ้น 00:15:11.629 --> 00:15:13.408 เมื่อคนขอให้คุณขึ้นเวที 00:15:13.409 --> 00:15:16.128 อย่าเลี่ยงออกมาด้วยท่าทีเหมือนคุณถ่อมตัว 00:15:16.129 --> 00:15:17.378 ขึ้นไปยืนบนนั้น 00:15:17.379 --> 00:15:20.778 ถ้าเขายกคุณขึ้นไป แสดงว่าพวกเขาเห็นว่าคุณสูงส่งแค่ไหน 00:15:20.779 --> 00:15:22.829 ยืนบนนั้นแล้วดึงพวกเขาขึ้นไป 00:15:23.711 --> 00:15:27.303 พวกเขาจะเติบโตได้เร็วกว่าที่คุณลงมาข้างล่าง 00:15:27.303 --> 00:15:30.645 เราสามารถช่วยคนอื่นได้เพราะเราเก่ง 00:15:30.645 --> 00:15:34.789 แต่ในทางดนตรี ผมจะเก่งได้ก็ต่อเมื่อคนอื่น ๆ บอกว่าผมเก่ง 00:15:34.790 --> 00:15:37.079 คนอื่น ๆ บอกว่า "นั่นไง เขาได้รางวัลแกรมมี่" 00:15:37.080 --> 00:15:39.548 แต่ผมไม่สามารถชนะได้หากไม่มีพวกคุณ 00:15:39.549 --> 00:15:41.708 อีกสิ่งหนึ่งที่แม่ผมสอนพวกเราเสมอ 00:15:41.709 --> 00:15:44.309 คือ "พวกเธอประสบความสำเร็จแล้ว 00:15:45.009 --> 00:15:47.939 แค่โลกยังไม่รู้จักต่างหาก" 00:15:48.939 --> 00:15:50.479 ตอนแม่สอนผมก็ยังไม่เข้าใจ 00:15:50.479 --> 00:15:52.050 แต่ตอนนี้ผมเข้าใจดีแล้ว 00:15:54.209 --> 00:15:56.459 ก่อนหมดเวลา ผมอยากให้คุณคิดถึงเรื่องนี้ 00:15:56.459 --> 00:15:59.459 ถ้าผมเล่นโน๊ต 2 ตัว เอาว่า C 00:15:59.469 --> 00:16:01.479 -อยากให้คุณลองใช้จิตนาการของคุณดู- 00:16:01.480 --> 00:16:04.950 ถ้าผมเล่น C และ C# ที่อยู่ติดกัน 00:16:05.850 --> 00:16:08.460 เสียงที่ได้มันก็จะขัด ๆ 00:16:09.240 --> 00:16:11.223 "ผิด" "ไม่ได้เรื่อง" 00:16:14.393 --> 00:16:16.886 แต่ถ้าผมเล่น C ขึ้นไป อีกอ็อกเทฟ 00:16:18.126 --> 00:16:20.728 เล่น C# และ C อีกครั้ง 00:16:20.729 --> 00:16:22.548 เพียงเท่านี้ เราจะได้เสียงที่ไพเราะมาก 00:16:22.549 --> 00:16:24.369 โน๊ต 2 ตัวเหมือนเดิม 00:16:25.549 --> 00:16:29.128 C ตัวนั้นจะกลายเป็น C เมเจอร์ 7 ที่เข้ากับ C# ได้ดี 00:16:29.129 --> 00:16:34.479 ซึ่งเป็นโน๊ตสำคัญของคอร์ดที่ให้เสียงเพราะมาก 00:16:34.479 --> 00:16:37.019 ทั้ง ๆ ที่เป็นโน๊ตตัวเดิม โน๊ต 2 ตัวเหมือนกัน 00:16:37.019 --> 00:16:38.510 แต่ทำไมให้เสียงต่างกันได้ 00:16:38.510 --> 00:16:41.010 อันหนึ่งเสียงแย่ แต่อีกอันเสียงเพราะได้? 00:16:41.010 --> 00:16:42.830 ลองเอาเรื่องนี้มาใช้กับชีวิต 00:16:43.600 --> 00:16:46.658 เวลาที่คุณเห็นอะไรแย่ ๆ หรือเลวร้ายในชีวิต 00:16:46.659 --> 00:16:49.066 บางทีมุมที่คุณมองอาจจะผิดอ็อกเทฟ 00:16:50.796 --> 00:16:53.393 บางทีเราแค่เปลี่ยนมุมองของเรา 00:16:54.053 --> 00:16:56.559 จริง ๆ แล้วถ้าคุณเห็นอะไรที่มันผิด 00:16:56.560 --> 00:17:00.479 คุณควรจะระลึกได้ว่า คุณกำลังมองอยู่ผิดมุม 00:17:00.480 --> 00:17:05.267 และหาทางที่จะเปลี่ยนมุมมอง 00:17:05.268 --> 00:17:08.498 หรือศัพท์ดนตรีก็คือเปลี่ยนอ็อกเทฟ 00:17:11.048 --> 00:17:17.888 ประเทศที่สร้างระเบิดเพื่อที่จะทำร้ายกัน 00:17:18.909 --> 00:17:22.769 ปลูกฝังความกลัว ฆ่าผู้คนเพื่อพิสูจน์จุดยืน 00:17:24.069 --> 00:17:28.002 ประเทศที่รัฐบาลสวดอวยพรแล้วก็ทิ้งระเบิด 00:17:28.913 --> 00:17:31.515 มันเกิดขึ้นจากการสั่งการ จากบนสู่ล่าง 00:17:31.515 --> 00:17:33.759 การมีรัฐบาลจากข้างล่างจะเป็นคำตอบ 00:17:35.369 --> 00:17:38.749 มันทำให้ผมเข้าใจว่าทางออกจะมาจากล่างขึ้นบน 00:17:38.750 --> 00:17:42.330 จะมีใครบ้างที่กำลังสร้างระเบิดที่ทำให้คนหลงรัก 00:17:43.260 --> 00:17:44.980 มันคงจะเป็นระเบิดกามเทพ 00:17:46.200 --> 00:17:48.189 ผมเชื่อว่าเรามีกันอยู่แล้ว 00:17:48.190 --> 00:17:49.709 มันคือดนตรี 00:17:50.679 --> 00:17:53.678 และแต่ละประเทศมีรูปแบบของตัวเอง 00:17:53.679 --> 00:17:57.249 และใช้ได้ดี เพราะมันพาให้ผู้คนมาร่วมกัน 00:17:57.250 --> 00:18:00.829 ไม่ต้องรู้จักก็สามารถมีได้ 00:18:01.839 --> 00:18:04.889 มันเป็นภาษา เป็นวิถีชีวิต 00:18:05.949 --> 00:18:07.968 และมันสามารถช่วยโลกได้ 00:18:07.969 --> 00:18:10.699 ผมชื่อ วิกเตอร์ วูเท่น ผมเป็นนักดนตรี 00:18:11.659 --> 00:18:13.983 ผมหวังว่าคุณจะร่วมกับผมในสนามรบนั้น 00:18:13.983 --> 00:18:15.054 (เสียงหัวเราะ) 00:18:15.055 --> 00:18:16.108 ขอบคุณครับ 00:18:16.109 --> 00:18:17.355 (เสียงปรบมือ)