"สรรพสิ่งมีความน่าพิศวงของมัน แม้แต่ความมืดและความเงียบ"
"สรรพสิ่งมีความน่าพิศวงของมัน แม้แต่ความมืดและความเงียบ"
เฮเลน เคลเลอร์
อนาคตจะเป็นแบบไหน
จักรวาลจะมีจุดจบอย่างไร
เราอาจจะไม่มีวันเข้าใจเลยก็ได้
แต่วิทยาศาสตร์ได้เริ่มวาดภาพที่สุดแสนจะบรรยายในอนาคต ว่าจะออกเป็นเช่นไร
เราจะออกเดินทางไปถึงจุดจบของเวลา
เราจะเดินทางผ่านเวลาแบบทวีคูณ
เพิ่มความเร็วเป็นสองเท่าทุก ๆ 5 วินาที
ภาพในอนาคตจะพัฒนาไปตามหลักฐานและทฤษฎีที่เรามี
และก็มีสิ่งหนึ่งที่ชัดเจนแล้ว
จักรวาลแค่เพิ่งเริ่มต้น..
ยุคแอนโทรโพซีน
ยุคของโฮโลซีนก็จบลงแล้ว สิ่งที่เราทำตอนนี้และอีกหลายปีข้างหน้า จะส่งผลอย่างรุนแรงในไม่กี่พันปีข้างหน้า
สภาพความเป็นอยู่ของมนุษย์ในปัจจุบันและรู้จัก
กำลังเปลี่ยนไป และเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว
ไม่มีสิ่งใดคงอยู่ตลอดไปบนโลกใบนี้
ทุก ๆ อย่าง เปลี่ยนไปเรื่อย ๆ
โลกกำลังเข้าสู่การเปลี่ยนแปลงกับบางสิ่งเหล่านี้
และคุณไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเมื่อโลกเข้าสู่การเปลี่ยนแปลง
โลกกำลังเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ
สิ่งต่าง ๆ บนโลกใบนี้เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา
ไม่มีสิ่งใดคงเดิม
ทุกอย่างกำลังเปลี่ยนไป
เมื่อเชื้อเพลิงเริ่มหมดลง
ดวงอาทิตย์ไม่เพียงแค่หายไปเฉย ๆ
แกนกลางจะยุบตัวลง และความร้อนที่เพิ่มขึ้นนี้
ทำให้พื้นผิวชั้นนอกเกิดการขยายตัว
และดวงอาทิตย์… ก็ดับลง…
และค่อย ๆ เย็นตัวลงอย่างช้า ๆ
ในอุณหภูมิเยือกเย็นของห้วงอวกาศ
ชะตากรรมของดวงอาทิตย์ก็เหมือนกับดาวดวงอื่น ๆ
วันหนึ่ง สุดท้ายพวกมันก็ต้องดับลง
และจักรวาลก็จะตกอยู่ในความมืดมิดตลอดกาล…
ในที่สุดเชื้อเพลิงของดาวทุกดวงก็จะหมดลง
อุณหภูมิของจักรวาลลดลง
ดาวบนฟ้าจะค่อย ๆ หายไป . . ทีละดวง . . .
และจะไม่มีดาวฤกษ์เกิดใหม่อีก
และจักรวาลจะไม่จบลงด้วยการระเบิด
แต่ด้วย… ความเงียบสงัด
และไม่ใช่ในไฟ... แต่ในความเยือกเย็น...
เมื่อดาวฤกษ์ดวงสุดท้ายดับลง
ยุคของแสงสว่างจากดวงดาว ก็มาถึงจุดจบ
จักรวาลกลายเป็นสุสาน
ที่เต็มไปด้วยซากของดาวที่ตายแล้ว
ดวงอาทิตย์ของเรากลายเป็นดาวแคระขาว
ที่ร้อนและหนาแน่น เป็นซากที่หดตัวของดาวฤกษ์
เมื่อไม่มีเชื้อเพลิงเหลือให้เผาไหม้แล้ว
ดาวแคระขาวจะเปล่งแค่แสงสลัว ๆ
นั้นมาจากแหล่งความร้อนที่ยังเหลืออยู่ในที่เตาที่มอดแล้ว
ถ้ามองมันจากบนโลกในตอนนี้แล้ว
แสงที่เปล่งออกมา นั้นเทียบเท่ากับแสง
ของพระจันทร์เต็มดวง ในคืนที่ท้องฟ้าปลอดโปร่ง
แสงที่ริบหรี่จากดาวแคระขาว
จะเป็นเพียงแสงเดียวที่ส่องสว่างในความมืดมิดและว่างเปล่า
ท่ามกลางซากของดาวฤกษ์ และหลุมดำ
ในบางมุม มันราวกับกับ จักรวาลผี ที่มีแต่ซากดาวฤกษ์
ดาวซอมบี้ และพวกนี้จะพาเราไปสู่อนาคตต่อไป
พอเวลาผ่านไป แรงโน้มถ่วงก็ผลักดาวที่ตายแล้วออกไปจากดาราจักรที่เคยอยู่
ไปสู่ห้วงอวกาศ . . ที่ว่างเปล่าและเยือกเย็น . . .
มีโอกาส ที่ดาวแคระน้ำตาลสองดวงชนกัน
และสร้างดาวฤกษ์ดวงใหม่โดยบังเอิญ
การชนกันของดาวนิวตรอน จะขจัดความมืด
ด้วยแสงซูเปอร์โนวาที่สว่างจ้า
รูปแบบชีวิตใด ๆ ก็ตามที่ยังอยู่รอด
อาจใช้ดาวแคระขาวเป็นที่อยู่อาศัย
พอนานไป แม้แต่ดาวแคระห์ขาวเองก็ค่อย ๆ
สลัวลงและดับไปในที่สุด…
ดาวแคระดำจะเป็นชะตากรรมสุดท้าย
ของดาวกลุ่มสุดท้าย
เป็นดาวแคระขาวที่มีอุณหภูมิต่ำมาก
จนแทบจะไม่แผ่ความร้อนหรือเปล่งแสงออกมาเลย
ดาวแคระดำนั้นมืดมิด หนาแน่น
เหมือนลูกบอลของสสารที่กำลังเสื่อม
เป็นเพียงแค่เศษซากของดวงดาว
อะตอมถูกบีบอัดอย่างรุนแรง
ทำให้ดาวแคระดำหนาแน่นกว่า
ดวงอาทิตย์เป็นล้านเท่า
ดาวฤกษ์ใช้เวลานานมาก กว่าจะมาถึงจุดนี้
เราเชื่อว่า ยังไม่มีดาวแคระดำในจักรวาลตอนนี้
วัตถุใดที่ไม่สามารถหนีออกจากดาราจักรได้
จะถูกดูดเข้าไปสู่หลุมดำที่ใจกลาง
หลุมดำเงียบ ๆ ก็จะลุกเป็นไฟโชติช่วง
(จากการดูดกลืนสสาร)
พลังงานการหมุนของหลุมดำจะกลายเป็นแหล่งพลังงาน
สุดท้ายที่ใช้ได้สำหรับอารยธรรมใด ๆ ที่ไม่ธรรมดาในอนาคต
เรามีวิถีชีวิตที่ขึ้นอยู่กับพลังงานที่มีให้ใช้ในตอนนี้
คุณสามารถจินตนาการถึงการมีชีวิต บนระบบความมีสติ ที่ทำให้เราก้าวไปอย่างแตกต่าง และนั่น
ทำให้สามารถยืดอายุออกไปได้
อย่างน้อยก็มากกว่าที่คุณจะจินตนาการได้
คุณอาจจะมีระบบของสิ่งมีชีวิต
ที่มีความคิดทุก ๆ 10 ล้านล้านปี
ก็จะดูเป็นเรื่องปกติไปเลย
แม้ชีวิตของเราจะตายไปหมดแล้ว ก็ลองจินตนาการดูว่า
ช่วงเวลาหนึ่งในอนาคตอันไกลโพ้น
มีความผันผวนเกิดขึ้น
และทำให้เกิดสิ่งมีชีวิตทรงภูมิปัญญาขึ้นอีกครั้งสักช่วงเวลาหนึ่ง
ดังนั้นคุณอาจจะมีช่วงเวลาของสิ่งมีชีวิตทรงภูมิปัญญา
เมื่อการขยายตัวของเอกภพเร็วขึ้น
วัตถุก็เริ่มแยกสสารออกจากกันเร็วยิ่งกว่าแสง
พอถึงจุดนี้ ดาราจักรและดวงดาวกำลังถ่อยห่างกันอย่างรวดเร็วจนแสงเองยังส่องกันไม่ถึง
และความลับของจักรวาลก็ได้ถูกปิดตายไปตลอดกาล
ในทฤษฎีปัจจุบันคาดว่า อะตอมมันเองจะเริ่มสลายไป และทำลายสสารที่เหลืออยู่ในจักรวาลทั้งหมด
โปรตอน หนึ่งในโครงสร้างพื้นฐานของอะตอม
สิ่งที่สร้างตัวเราขึ้นมา
นั้นสามารถที่จะแตกสลายไปเฉย ๆ
วัตถุใด ๆ ที่ไม่ได้ถูกหลุมดำดูดเข้าไป
ก็จะสลายไปเองจาการแตกสลายของโปรตอน
ทฤษฎีการสลายตัวของโปรตอน ยังไม่ได้รับการพิสูจน์
และดังนั้นถ้าเกิดการค้นพบใหม่ขึ้นมาในบทอนาคตนี้อาจจะดูแตกต่างออกไปโดยสิ้นเชิง
สสารที่เหลืออยู่ในดาวแคระดำนี้ เป็นสสารสุดท้ายในเอกภพ
และสสารสุดท้ายที่อยู่ในเอกภพนี้
ในที่สุดก็จะระเหยไป และแผ่ออกไปในความว่างเปล่าด้วยการแผ่รังสี
ไม่หลงเหลืออะไรไว้อีกเลย
ในเมื่อดาวแคระดำก็หายไปหมดแล้ว ก็คงไม่มีอะตอมสักอันหรือสสารหลงเหลืออีกแล้ว
ทั้งหมดที่จะยังคงอยู่ในจักรวาลที่เคยเต็มไปด้วยสสาร
จะเป็นอนุภาคของแสงและหลุมดำ
ยุคของหลุมดำได้เริ่มขึ้น
ไม่มีดาวเคราะห์ ไม่มีดวงดาว ไม่มีสถานที่สำหรับสิ่งมีชีวิต
ถึงกระนั้น เวลาก็แค่เพิ่งจะเริ่มเดิน
ในช่วงเวลาที่เป็นอยู่ของมนุษย์ จักรวาลแค่กำลังกำเนิดขึ้น
เย็น มืด และว่างเปล่า
นี่คือสิ่งที่จักวาลใช้เวลาเกือบทั้งหมดอยู่ช่วงนี้
จักรวาลให้ชีวิตเราแค่เพียงช่วงหนึ่ง
ช่วงที่พักของเวลา เกิดขึ้นอย่างรุนแรงและจบลงอย่างเยือกเย็น
เส้นทางของเวลา ได้สร้างหน้าต่างที่สดใส
ในช่วงวัยรุ่นของจักรวาล
ในช่วงของสิ่งมีชีวิตที่มีความเป็นไปได้
แต่หน้าต่างเวลานั้นไม่ได้เปิดไว้นานนัก
เป็นแค่เศษส่วนหนึ่งของช่วงอายุจักรวาล
ที่วัดจากจุดเริ่มต้นไปยัง
การระเหยของหลุมดำสุดท้าย
ชีวิต ที่เรารับรู้ได้ มีความเป็นไปได้เพียงแค่
หนึ่งในพันส่วน
หนึ่งในพันส่วน ของพันล้าน
หนึ่งในพันส่วน ของพันล้านพันล้าน
หนึ่งในพันส่วน ของพันล้านพันล้านพันล้าน
หนึ่งในพันส่วน ของพันล้านพันล้านพันล้านพันล้าน
หนึ่งในพันส่วน ของพันล้านพันล้านพันล้านพันล้านพันล้าน
หนึ่งในพันส่วน ของพันล้านพันล้านพันล้านพันล้านพันล้านพันล้าน
หนึ่งในพันส่วน ของพันล้านพันล้านพันล้านพันล้านพันล้านพันล้านพันล้าน
หนึ่งในพันส่วน ของพันล้านพันล้านพันล้านพันล้านพันล้านพันล้านพันล้านพันล้าน
หนึ่งในพันส่วน ของพันล้านพันล้านพันล้านพันล้านพันล้านพันล้านพันล้านพันล้านพันล้าน
หนึ่งในพันส่วน ของพันล้านพันล้านพันล้านพันล้านพันล้านพันล้านพันล้านพันล้านพันล้าน
ของเปอร์เซ็นต์
หลุมดำกลายเป็นโครงสร้างหลักของจักรวาลจักรวาล
ดาราจักรกลายเป็นหลุมดำมวลยิ่งยวดอยู่ตรงกลาง กับมีหลุมดำขนาดเล็กกว่าโคจรอยู่รอบ ๆ
ดาราจักรซอมบี้ที่เต็มไปด้วยหลุมดำ ขยายขนาดขึ้นเรื่อย ๆ
เหล่าหลุมดำกลืนกินกันเอง และมีขนาดใหญ่ขึ้น และอาจจะถูกหลุมดำมวลยิ่งยวดกลืนกินอีกที ทำให้มีขนาดใหญ่ขึ้นไปอีก
จักรวาลจะยังตื่นเต้น เคลื่อนที่ต่อไป
มันแบบว่า ช่วงเวลาที่กำลังพูดถึงอยู่ตอนนี้อยู่ในระดับหลายล้านล้านปี
แทนที่จะแค่หลักพันหรือสิบล้านปี
ในช่วงเวลาระดับนี้
การรวมกันหลุมดำคือเหตุการณ์หลัก
บางหลุมมีขนาดมโหฬาร
มวลหลักล้านล้านเท่าของดวงอาทิตย์ก็เป็นไปได้เช่นกัน
เมื่อหลุมดำรวมกัน ก็จะส่งคลื่นแรงโน้มถ่วงสั่นสะเทือนไปทั่วจักรวาล
หลุมดำสามารถสั่นสะเทือนปริภูมิ-เวลาคล้ายกับการตีกลอง
และมีเอกลักษณ์ในเพลงเป็นของตัวเอง
ลองนึกภาพสองหลุมดำสองหลุม
ได้ใช้ชีวิตร่วมกันมานาน
ในช่วงท้ายชีวิตของหลุมดำทั้งสองหลุม โคจรรอบกัน
ด้วยความเร็วหลายพันกิโลเมตรในเสี้ยววินาที
ขณะที่โคจรรอบกัน ก็ได้หลงเหลือเสียงเพลงในอวกาศไว้ นั่นก็คือคลื่นบนปริภูมิ-เวลา
อวกาศถูกหดและยืดออกไปจากหลุมดำสองหลุมที่โคจรรอบกันในจักรวาล
นั่นก็คือคลื่นแรงโน้มถ่วง
และนี่ก็คือเสียงจริง ๆ ของอวกาศกำลังสั่นไหว
และคลื่นจากหลุมดำสองหลุมนี้จะเดินทางออกไปด้วยความเร็วแสง จนกระทั่งค่อย ๆ เบาลงและรวมตัวกันเป็นหนึ่ง หลุมดำที่หมุนอย่างเงียบ ๆ
ถ้าคุณเข้าไปยืนใกล้มากพอแล้วละก็
หูคุณคงจะดังก้องไปกับการยืดและหดตัวของอวกาศ
คุณจะได้ยินเสียงจริง ๆ
ลองนึกภาพหลุมดำที่มีมวลน้อย กำลังถูกดูดกลืน
โดยหลุมดำที่มีมวลมาก
เสียงที่คุณได้ยินเป็นเสียงจากหลุมดำที่เบากว่า
และส่งเสียงในอวกาศทุกครั้งที่มันเข้าใกล้ขึ้น
ยิ่งเข้าใกล้มากขึ้น ก็ยิ่งเร็วขึ้น และดังขึ้นเรื่อย ๆ
นักวิทยาศาสตร์เคยคิดว่า
หลุมดำไม่มีวันตาย
แต่แม้สุดท้ายหลุมดำก็ต้องตาย
ตอนนี้เรากำลังพูดถึงสเกลเวลาที่มีความยาวจนไม่สามารถจินตนาการได้
ราวล้านล้านล้านล้านปีในอนาคต
ในเวลานานขนาดนี้ แม้แต่หลุมดำก็ยังระเหยหายไป
ตามทฤษฎีกลศาสตร์ควอนตัมแล้ว
อวกาศนั้นเต็มไปด้วยอนุภาคเสมือน
ทั้งอนุภาคและปฏิอนุภาค เกิดขึ้นเป็นคู่อยู่เรื่อย ๆ
แยกจากกัน เข้าหากันอีก แล้วก็ทำลายล้างกัน
พอมีหลุมดำเข้ามาด้วย
หนึ่งในอนุภาคเสมือนคู่นี้อาจจะโดนหลุมดำดูดเข้าไป
ปล่อยให้อีกอนุภาคนึงไม่มีคู่ให้ทำลายล้างกัน
อนุภาคที่ถูกเข้าไปก็ถูกปล่อยออกมาเป็นรังสีจากหลุมดำ
และดังนั้น หลุมดำไม่ได้อยู่ตลอดไป
หลุมดำระเหยด้วยอัตราเร่งขึ้นเรื่อย ๆ จนกระทั่งระเบิดออกอย่างรุนแรง
ทฤษฎีควอนตัมอนญาตให้อนุภาคและรังสีหนีออกมาจากคุกขั้นสูงสุดนี้ได้ ก็คือหลุมดำ
หลุมดำเริ่มระเหยหายไป
ลบล้างโครงสร้างขนาดใหญ่ของจักรวาล
ขณะที่หลุมดำตายลง ก็จุดแสงจ้าในความมืดจุดหนึ่ง หนึ่งต่อหนึ่ง
ขณะที่หลุมดำเริ่มตายลงอย่างช้า ๆ
จักรวาลก็ขยายตัวต่อไป ด้วยแรงที่เรายังไม่สามารถเข้าใจได้
นี่คือขอบเขตความรู้ของมนุษย์
ขอบเขตแห่งการสำรวจและการค้นพบ
นักปรัชญาและกวี เคยถามไว้ว่า
"โลกจะจบลงด้วยไฟหรือน้ำแข็ง"
ในตอนนี้เราก็ให้คำตอบได้แล้ว
หลักฐานล่าสุดบ่งชี้ว่าจักรวาลนั้นไม่ได้ขยายตัวช้าลง แต่ขยายตัวเร็วขึ้นจนควบคุมไม่ได้
จักรวาลที่เราคิด จะตายลงด้วยความเยือกแข็ง ภายในเวลาหลายล้านล้านปีจากนี้
ความว่างเปล่าของอวกาศนั้นมีพลังงานอยู่
ในทุก ๆ ลูกบาศก์เซนติเมตรของอวกาศ จะมีหรือไม่ก็ตาม แต่จะมีสิ่งหนึ่งอยู่เสมอ
จะมีหรือไม่ ก็จะมีอนุภาค สสาร รังสี อะไรก็เถอะ
คือยังมีพลังงาน แม้ในอวกาศเองก็ตาม
และพลังงานนี้ ตามที่ไอน์สไตน์บอก
สิ่งนี้ออกแรงผลักดันจักรวาลออกไป
แล้วสิ่งแปลก ๆ ที่กำลังเร่งจักรวาลอยู่คืออะไร?
เราเรียกมันว่า "พลังงานมืด"
และพลังงานมืดครอบงำจักรวาลส่วนใหญ่
ราว 3/4 ส่วนของสสาร-พลังงานในจักรวาลนั้นประกอบไปด้วยพลังงานมืด
และเราไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันคืออะไร
ในขณะที่จักรวาลขยายตัว พลังงานมืด ไม่เหมือนสสารหรือรังสี ไม่หายไปไหนเลย
นี่ทำให้เกิดผลกระทบกับจักรวาลว่าจะเป็นยังไงในอนาคต
แล้ว อนาคตของจักรวาลคืออะไรล่ะ
ก็ถ้าพลังงานมืดยังคงครอบงำอยู่แบบนี้ไปเรื่อย ๆ
จักรวาลจะขยายตัวไปตลอดกาล
เร็วขึ้น เร็วขึ้น และรวดเร็วยิ่งขึ้นตามกาลเวลา
มันคือจักรวาลที่ขยายหนีออกไป
70% ของพลังงานของจักรวาลพักอยู่ในอวกาศที่ว่างเปล่า
และเรา… ไม่เข้าใจ… ว่าทำไม…
แต่เราก็รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้น
ถ้าพลังงานยังคงอยู่แบบนั้น จักรวาลจะเยือกเย็น มืดมิด และว่างเปล่า
นั่นก็คืออนาคตที่มันอาจจะเป็น
เราไม่เข้าใจ เพราะเรายังไม่เข้าใจธรรมชาติของพลังงานมืด
จนวันหนึ่งเรารู้ เราก็คงจะไม่รู้อนาคต เราไม่เข้าใจแม้กระทั่งต้นกำเนิดของเราเอง
และนั่นก็คือเหตุผลว่าทำไมเราถึงอยากรู้ และเรียนรู้เรื่องนี้
การค้นพบพลังงานมืด สามารถเปลี่ยนมุมมองในอนาคตของเราได้อย่างน่าทึ่ง
ถ้าพลังงานมืดอ่อนแรงลงตามเวลา
จักรวาลจะยุบตัวภายใต้แรงโน้มถ่วง เรียกว่า "บิ๊กครันช์"
ถ้าเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ
จักรวาลจะแตกตัวออกจากกัน เรียกว่า "บิ๊กริป"
นักฟิสิกส์เริ่มครุ่นคิดเอาแนวคิดที่ว่า จักรวาลนั้นยังมีอีกหลายจักรวาลนอกจากจักรวาลของเรา
ซึ่งแต่ละจักรวาลมีกฎฟิสิกส์ที่ไม่เหมือนกัน
บางส่วนอาจจะเหมาะสมสำหรับสิ่งมีชีวิต
ที่เหลือจะยุบตัวลง หรือแยกออกจากกัน
นอกจากนี้ยังสามารถแปลกประหลาดไปได้อีกเกินจินตนาการของเรา
ปริศนาใหม่นี้อาจจะอยู่ที่ไหนสักที่
รอการค้นพบต่อไป
การคาดเดาดูเหมือนจะเป็นสิ่งที่
ยิ่งว่าเย็น ยิ่งกว่าจักรวาลที่ว่างเปล่า
แต่แล้ว ก็แน่นอนว่าเราจำเป็นต้องถามว่า
"จุดจบสามารถนำไปสู่จุดเริ่มต้นใหม่ได้ไหม?"
ก็มีอยู่หลายไอเดีย ด้วยเหตุนั้น อะไรคือจุดจบของจักรวาล
ในบางทีอาจจะสามารถทำให้เกิดจุดเริ่มต้นใหม่ขึ้นมาได้
การคาดเดานี้อาจจะเป็นหนทางหนึ่งที่จะหลบหนีจากจักรวาลของเรา ก่อนที่เอนโทรปี จะลบทุกสิ่ง
เราสามารถสร้าง การจำลองจักรวาล ด้วยพลังงานที่มากพอ และสร้างจักรวาลเหมือน ๆ กันกับเรา
เราได้ศึกษากับตัวเลขคณิตศาสตร์ สูตรต่าง ๆ ตัวเลขนี้เหมือนจะบอกเราว่า
ถ้าคุณมีเครื่องเร่งอนุภาคที่สามารถสร้างพลังงานมหาศาลได้จุด ๆ หนึ่ง
บางทีคุณสามารถเปิดประตูไปสู่ "จักรวาลทารก" ได้
เผชิญหน้ากับความตายของทุกสิ่ง บางที สิ่งนี้เท่านั้นที่เราสามารถหนีออกไปได้
และนี่ก็ทำให้เกิดความเป็นไปได้ที่น่าสนใจเช่นกัน จากการคาดเดาล้วน ๆ นั่นล่ะนะ
บางทีจักรวาลไหนก็ตามที่มีสิ่งชีวิตทรงภูมิปัญญาอาศัยอยู่
ได้สร้างจักรวาลทารกขึ้นมา สร้างเรือช่วยชีวิต และขยายไปยังจักรวาลเด็ก ๆ พวกนี้
ดังนั้นการวิวัฒนาการจึงเกิดขึ้นในหมู่
เอกภพอื่น ๆ ในพหุภพนั้น
การเอาชีวิตรอดในที่ที่เหมาะสมจึงเกิดขึ้น
ดังนั้นพวกจักรวาลที่ไม่มีสิ่งชีวิตทรงภูมิปัญญาก็คือจักรวาลที่ไม่สมบูรณ์
เป็นจักรวาลที่ไม่มีลูก
แต่จักรวาลเหล่านั้นที่มีอุณหภูมิที่พอเหมาะ มีดาวเหมือนกับเรา ๆ
อาจจะสร้างอาณาจักรที่สามารถเปิดจักรวาลทารกและพวกเขาอาจจะขยายตัวออกไป
ถ้าไม่มีทางหนีจากจักรวาลแล้ว เอนโทรปีจะคืบคลานเข้ามาเรื่อย ๆ
ทำลายหลุมดำมวลยิ่งยวดหลุมสุดท้าย
หลังจากหลุมสุดท้ายได้ระเบิดและตายลง
หลุมดำนี้จะส่องแสงออกไปยังจักรวาลเป็นครั้งสุดท้าย
หลังจากเวลาที่ผ่านไปนานจนไม่รู้ว่านานขนาดไหน แม้แต่หลุมดำยังระเหยออกไปจนหมด
สุดท้าย จักรวาลก็จะเหลือความว่างเปล่ากับทะเลที่เต็มไปด้วยโฟตอน
ค่อย ๆ เข้าสู่อุณหภูมิเดียวกัน ไปกับการขยายตัวของจักรวาล
ที่กำลังเย็นตัวลงไปสู่ศูนย์องศาสมบูรณ์
ครั้งสุดท้ายที่เหลืออยู่ของดาวดวงสุดท้าย
ในที่สุดก็สลายตัวไปจนไม่เหลืออะไร
และทุกสิ่งได้เข้าสู่อุณหภูมิเดียวกันแล้ว
เรื่องราวของจักรวาล . . . ก็ได้มาถึงจุดจบเสียที . . .
"เวลากลายเป็นสิ่งที่ไร้ความหมาย"
เป็นครั้งแรกที่ชีวิตของจักรวาลนั้น จะคงอยู่ไปตลอดกาล และไม่เปลี่ยนไปอีกแล้ว
ความไร้ระเบียบก็ได้สิ้นสุดลง
เพราะจักรวาลไม่สามารถมีความไร้ระเบียบได้อีก
ไม่มีอะไรเกิดขึ้น . . .
และจะคงอยู่แบบนั้น . . .
. . . ตลอดไป . . .
สรรพสิ่งมีความน่าพิศวงของมัน แม้แต่ความมืดและความเงียบ
และฉันเรียนรู้ไม่ว่าจะอยู่ในสถานะใด ก็พึงพอใจในจุดนั้น
เฮเลน เคลเลอร์
คำบรรยายโดย
Lovkiy, Sharpnel Sharonel และอีกหลายคนบน Youtube ซึ่งไม่ได้เอ่ยชื่อ