WEBVTT 00:00:00.140 --> 00:00:01.980 สวัสดีค่ะ วิว จากแชนเนล Point of View ค่ะ 00:00:02.160 --> 00:00:04.720 หลังจากที่คราวที่แล้วนะคะ เมื่อนานแสนนานมาเนี่ย 00:00:04.940 --> 00:00:06.720 วิวเคยทำคลิปวิดีโอคลิปนึงค่ะ 00:00:06.720 --> 00:00:09.960 ชื่อว่า 7 เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับรัชกาลที่ 7 นะคะ 00:00:10.080 --> 00:00:12.820 จากคลิปนั้นเนี่ยมีหลายคนเรียกร้องเข้ามามากมายค่ะ 00:00:12.820 --> 00:00:15.620 ว่าให้ทำเกี่ยวกับพระมหากษัตริย์ไทยพระองค์อื่นด้วย 00:00:15.700 --> 00:00:17.300 แต่วิวก็ไม่ได้โอกาสซะทีนะคะ 00:00:17.300 --> 00:00:19.440 อย่างไรก็ตาม โอกาสนั้นมาถึงแล้วค่ะ 00:00:19.520 --> 00:00:20.880 เพราะหลาย ๆ คนเนี่ยน่าจะเห็น 00:00:20.880 --> 00:00:22.540 จากคลิปก่อน ๆ ของวิว หลาย ๆ คลิป 00:00:22.540 --> 00:00:24.380 ที่เกี่ยวข้องกับพระราชนิพนธ์ใน 00:00:24.380 --> 00:00:27.420 พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 ใช่มั้ยคะว่า 00:00:27.480 --> 00:00:29.320 ตอนนี้ วิวมีโอกาสเข้าไปมีส่วนร่วม 00:00:29.320 --> 00:00:31.100 ในนิทรรศการ นิทรรศการนึงค่ะ 00:00:31.160 --> 00:00:34.620 นั่นก็คือ นิทรรศการมหาวชิราวุธราชบรรณาลัย 00:00:34.620 --> 00:00:37.060 นิทรรศการว่าด้วยพระราชประวัติของ 00:00:37.060 --> 00:00:41.220 พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 ในด้านต่าง ๆ 00:00:41.320 --> 00:00:44.060 ภายใต้คอนเซ็ปต์คำว่า บันดาลใจ 00:00:44.060 --> 00:00:47.080 ซึ่งนิทรรศการนี้ก็เป็นส่วนหนึ่งของโครงการ 00:00:47.180 --> 00:00:49.280 จุฬาลงกรณ์ราชบรรณาลัย นะคะ 00:00:49.300 --> 00:00:52.260 ตัวนิทรรศการส่วนมหาวชิราวุธราชบรรณาลัยเนี่ย 00:00:52.300 --> 00:00:55.120 วิวก็เข้าไปมีส่วนร่วมในการเป็น curator (ภัณฑารักษ์) 00:00:55.120 --> 00:00:57.480 ร่วมกับพี่ฮ่องเต้ กนต์ธร เตโชฬาร 00:00:57.600 --> 00:00:59.520 เพื่อเลือกเรื่องราวต่าง ๆ มานำเสนอ 00:00:59.520 --> 00:01:01.760 ให้ทุกคนเข้าถึงพระองค์ได้มากขึ้นค่ะ 00:01:01.780 --> 00:01:04.940 สำหรับครึ่งแรกของนิทรรศการ วิวเคยพาชมไว้แล้ว 00:01:04.940 --> 00:01:07.360 สามารถกดเข้าไปดูได้ที่มุมขวาบนเลยนะคะ 00:01:07.640 --> 00:01:09.760 ทีนี้แน่นอนนะคะว่าในนิทรรศการนั้นเนี่ย 00:01:09.760 --> 00:01:11.440 ก็จะต้องมีข้อมูลเกี่ยวข้องกับ 00:01:11.480 --> 00:01:14.760 พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวจำนวนมากมายเลยค่ะ 00:01:14.760 --> 00:01:16.660 และหลาย ๆ ข้อเนี่ย ก็เป็นหลาย ๆ ข้อ 00:01:16.660 --> 00:01:19.000 ที่แม้แต่วิวเองก็ไม่เคยรู้มาก่อนเลยนะคะ 00:01:19.200 --> 00:01:22.720 ดังนั้น วันนี้นะคะ วิวก็เลยรวบรวมเรื่องน่ารู้ทั้งหมด 6 เรื่อง 00:01:22.720 --> 00:01:25.980 เกี่ยวกับพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 00:01:25.980 --> 00:01:27.260 มาเล่าให้ทุกคนฟังค่ะ 00:01:27.380 --> 00:01:29.580 ซึ่งขอออกตัวก่อน ณ ที่นี้นะคะว่า 00:01:29.580 --> 00:01:31.360 ข้อแรก ภาษาที่ใช้ในคลิปนี้ 00:01:31.360 --> 00:01:33.480 อาจจะเป็นภาษาที่ค่อนข้างสามัญธรรมดา 00:01:33.480 --> 00:01:35.540 ราชาศัพท์จะมั่วบ้างอะไรบ้างนะคะ 00:01:35.540 --> 00:01:37.180 เพื่อให้ทุกคนเข้าใจได้ดีที่สุด 00:01:37.180 --> 00:01:39.520 ถ้าสมมติว่าวิวใช้ราชาศัพท์เป๊ะทุกคำเนี่ย 00:01:39.600 --> 00:01:42.420 มันอาจจะเต็มไปด้วยคำศัพท์ต่าง ๆ ที่เราไม่คุ้นเคยเต็มไปหมด 00:01:42.420 --> 00:01:44.900 แล้วทำให้สารเนี่ยส่งไปไม่ถึงคนดูค่ะ 00:01:44.960 --> 00:01:46.460 และข้อที่สองนะคะ 00:01:46.480 --> 00:01:47.760 เรื่องที่วิวจะเล่าต่อไปนี้นะคะ 00:01:47.760 --> 00:01:51.040 เป็นแค่เรื่องน่ารู้ทั้งหมด 6 ข้อที่วิวยกขึ้นมาค่ะ 00:01:51.140 --> 00:01:53.080 ไม่ใช่พระราชประวัติทั้งหมดนะคะ 00:01:53.240 --> 00:01:56.980 ดังนั้น ถ้าสมมติว่าใครอยากศึกษาพระราชประวัติจริง ๆ 00:01:57.120 --> 00:02:00.460 เอาตั้งแต่ต้นจนจบ เอาทุกแง่มุมต่าง ๆ เนี่ย 00:02:00.640 --> 00:02:02.220 แนะนำให้เข้าไปศึกษาที่ 00:02:02.220 --> 00:02:05.080 นิทรรศการมหาวชิราวุธราชบรรณาลัยค่ะ 00:02:05.100 --> 00:02:06.200 ซึ่งนิทรรศการนี้นะคะ 00:02:06.200 --> 00:02:08.740 มีทั้งจัดแบบเป็นห้องนิทรรศการจริง ๆ ด้วย 00:02:08.780 --> 00:02:11.240 ซึ่งเดี๋ยวจะมาประชาสัมพันธ์ให้ทราบต่อไปนะคะ 00:02:11.300 --> 00:02:13.340 รวมถึงเป็นนิทรรศการออนไลน์ 00:02:13.420 --> 00:02:16.820 ซึ่งตอนนี้มีบทความที่เกี่ยวข้องกับ พระราชประวัติหลายบทความด้วยกันนะคะ 00:02:16.820 --> 00:02:19.060 ซึ่งวิวก็มีโอกาสได้เข้าไปเป็นบรรณาธิการนะ 00:02:19.180 --> 00:02:20.440 ตีพิมพ์อยู่ในนั้นค่ะ 00:02:20.620 --> 00:02:23.200 รวมถึงมีหนังสือพระราชนิพนธ์ของทั้ง 00:02:23.200 --> 00:02:26.100 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 00:02:26.140 --> 00:02:29.680 และพระราชนิพนธ์ของ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 00:02:29.700 --> 00:02:32.260 จำนวนมาก ๆ ๆ ๆ เลยนะคะ 00:02:32.280 --> 00:02:35.380 เปิดให้ใช้งานฟรี ไม่มีค่าใช้จ่ายใด ๆ ทั้งสิ้น 00:02:35.420 --> 00:02:38.100 อยู่ในเว็บไซต์ของจุฬาลงกรณ์ราชบรรณาลัยค่ะ 00:02:38.100 --> 00:02:40.700 ก็สามารถเข้าไปดูได้ ตาม QR Code นี้เลยนะคะ 00:02:41.020 --> 00:02:43.260 สำหรับตอนนี้เราจะไม่เกริ่นไปมากกว่านี้แล้วค่ะ 00:02:43.300 --> 00:02:46.060 ถ้าพร้อมกันแล้วก็เข้าไปฟังเรื่องราวที่ทั้งสนุก 00:02:46.060 --> 00:02:47.680 แล้วก็ได้สาระกันเลยค่ะ ปะ! 00:02:51.660 --> 00:02:53.480 สำหรับเรื่องน่ารู้เกี่ยวกับรัชกาลที่ 6 00:02:53.480 --> 00:02:55.620 ข้อแรกที่วิวจะนำมาฝากทุกคนในวันนี้นะคะ 00:02:55.620 --> 00:02:57.540 เริ่มจากเรื่องเบา ๆ ก่อนแล้วกันนะ 00:03:00.640 --> 00:03:02.160 หลายคนน่าจะทราบกันดีค่ะว่า 00:03:02.160 --> 00:03:04.800 พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 เนี่ย 00:03:05.000 --> 00:03:07.340 ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ไทยพระองค์แรกเลยนะคะ 00:03:07.360 --> 00:03:09.740 ที่เสด็จไปเรียนต่อที่ต่างประเทศค่ะ 00:03:09.740 --> 00:03:12.500 โดยเริ่มตั้งแต่เรียนที่ Home School นะคะ 00:03:12.620 --> 00:03:14.320 มีพระอาจารย์ต่าง ๆ มาสอน 00:03:14.380 --> 00:03:16.660 ไล่ไปจนกระทั่งถึงทรงไปเรียนด้านการทหาร 00:03:16.660 --> 00:03:18.480 ที่โรงเรียนนายร้อยแซนเฮิสต์นะคะ 00:03:18.600 --> 00:03:21.840 ต่อด้วยเรียนด้านพลเรือนที่มหาวิทยาลัยออกฟอร์ดค่ะ 00:03:21.940 --> 00:03:23.260 ซึ่งที่มหาวิทยาลัยออกฟอร์ดเนี่ย 00:03:23.260 --> 00:03:26.760 ก็มีการจัดวิชาเป็นหลักสูตรพิเศษให้ท่านได้ทรงศึกษานะคะ 00:03:27.020 --> 00:03:29.820 ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเมืองการปกครองอะไรต่าง ๆ 00:03:29.820 --> 00:03:34.300 เรียกได้ว่าเป็นหลักสูตรที่จัดขึ้นเพื่อให้ผู้ปกครองในสมัยนั้น 00:03:34.300 --> 00:03:36.600 อย่างเช่นราชวงศ์อังกฤษต่าง ๆ ได้เรียนค่ะ 00:03:36.600 --> 00:03:39.120 ท่านก็เข้าไปเรียนในหลักสูตรนี้ด้วยนะคะ 00:03:39.340 --> 00:03:42.080 แต่รู้กันมั้ยคะว่าท่านเรียนอยู่ที่วิทยาลัยไหน 00:03:42.080 --> 00:03:43.440 ในมหาวิทยาลัยออกฟอร์ด 00:03:43.600 --> 00:03:46.160 คือต้องบอกว่าออกฟอร์ดเนี่ยเป็นเมืองมหาวิทยาลัยค่ะ 00:03:46.160 --> 00:03:47.780 หลายคนน่าจะเคยดูคลิปที่ 00:03:47.920 --> 00:03:49.820 วิวพาไปเที่ยวที่ออกฟอร์ดมาแล้วนะคะ 00:03:49.980 --> 00:03:51.820 คือในออกฟอร์ดเนี่ยจะประกอบไปด้วย 00:03:51.820 --> 00:03:56.040 วิทยาลัยต่าง ๆ หลายวิทยาลัย อัดรวมกันอยู่ในเมืองค่ะ 00:03:56.380 --> 00:03:58.680 ซึ่งแต่ละวิทยาลัยเนี่ยก็จะมีความสำคัญ 00:03:58.680 --> 00:04:01.060 แล้วก็มีความเชี่ยวชาญไม่เหมือนกันค่ะ 00:04:01.360 --> 00:04:04.380 แต่วิทยาลัยที่พระองค์เสด็จไปศึกษาต่อเนี่ยนะคะ 00:04:04.380 --> 00:04:07.020 บอกเลยว่าน่าสนใจมาก ๆ สำหรับวิวค่ะ 00:04:07.020 --> 00:04:09.640 เพราะว่าวิทยาลัยที่พระองค์ทรงไปศึกษาต่อเนี่ยนะคะ 00:04:09.820 --> 00:04:12.640 ก็คือ Christ Church College นั่นเอง 00:04:12.640 --> 00:04:13.620 ชื่อคุ้น ๆ มั้ย 00:04:13.780 --> 00:04:15.540 ถ้าใครได้ดูคลิปที่วิวพูดถึงไปเนี่ย 00:04:15.540 --> 00:04:18.760 ก็จะเห็นว่าวิวได้ไปที่ Christ Church College ด้วยนะคะ 00:04:18.980 --> 00:04:21.400 เพราะว่าอะไร เพราะว่า Christ Church College ค่ะ 00:04:21.700 --> 00:04:25.160 เป็นสถานที่ถ่ายทำเรื่อง Harry Potter นั่นเองนะคะ 00:04:25.260 --> 00:04:27.280 ก็จะเห็นว่าภาพภายในของ Christ Church เนี่ยนะคะ 00:04:27.280 --> 00:04:31.080 จะเป็นภาพที่แฟนคลับของหนัง แฮร์รี่ พอตเตอร์เนี่ยคุ้นเคยกันดีค่ะ 00:04:31.080 --> 00:04:33.040 นอกจากนี้นะคะ แอบบอกเลยว่า 00:04:33.140 --> 00:04:34.540 Christ Church เนี่ยยังเป็นยังเป็น 00:04:34.760 --> 00:04:37.300 หนึ่งในแรงบันดาลใจที่สำคัญมาก ๆ นะคะ 00:04:37.360 --> 00:04:40.600 ของโรงเรียนฮอกวอตส์ในเรื่องแฮร์รี่ พอตเตอร์นั่นเอง 00:04:40.600 --> 00:04:42.820 เพราะอย่างเช่น ห้องรับประทานอาหารรวมเนี่ย 00:04:42.820 --> 00:04:44.660 ก็จะเห็นว่า ของที่ Christ Church เนี่ย 00:04:44.660 --> 00:04:46.140 เป็นห้องโถงยาว ๆ นะคะ 00:04:46.140 --> 00:04:49.060 แล้วก็เป็นโต๊ะยาว ๆ ๆ ๆ ค่ะ 00:04:49.240 --> 00:04:51.560 ส่วนสุดปลายโต๊ะนี่ก็จะเป็นโต๊ะอาจารย์นะคะ 00:04:51.560 --> 00:04:52.440 ภาพคุ้น ๆ มั้ย 00:04:52.440 --> 00:04:54.540 นี่แหละห้องรับประทานอาหารของแฮร์รี่ พอตเตอร์ 00:04:54.540 --> 00:04:55.880 เป๊ะ ๆ เลยนะคะทุกคน 00:04:55.960 --> 00:04:59.260 นอกจากนี้นะคะ ที่ Christ Church ยังมีความสำคัญอะไรอีก คือ 00:04:59.500 --> 00:05:03.380 ประมาณ 20-30 ปีก่อนที่พระองค์จะเสด็จไปศึกษาต่อเนี่ยนะคะ 00:05:03.500 --> 00:05:04.660 ที่ Christ Church แห่งนี้นะคะ 00:05:04.660 --> 00:05:07.880 ก็มีอาจารย์คนนึงค่ะ แต่งนิยายขึ้นมาเรื่องนึงนะคะ 00:05:07.980 --> 00:05:09.640 หลายคนน่าจะเคยได้ยินชื่ออยู่บ้างแหละ 00:05:09.660 --> 00:05:12.360 นั่นก็คือเรื่อง Alice in Wonderland นั่นเองนะคะ 00:05:12.380 --> 00:05:15.480 ซึ่งก็ใช้ Christ Church เป็นฉากในนั้นค่อนข้างมากเหมือนกันค่ะ 00:05:15.500 --> 00:05:18.720 ดังนั้น สำหรับแฟนคลับของสองเรื่องนี้ก็ไม่น่าเชื่อเลยนะคะ 00:05:18.720 --> 00:05:20.340 ว่าเรื่องนี้จะมาเกี่ยวข้องกันได้ค่ะ 00:05:20.340 --> 00:05:23.880 นี่ก็คือ เรื่องราวเบา ๆ เรื่องแรกที่วิวนำมาฝากทุกคนนะคะ 00:05:23.960 --> 00:05:25.680 ไปต่อที่ข้อที่สองกันดีกว่าค่ะ 00:05:25.760 --> 00:05:27.460 จะหนักหน่วงขึ้นนิดนึงนะคะ 00:05:30.800 --> 00:05:33.360 เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว 00:05:33.360 --> 00:05:35.460 ข้อที่ 2 ที่วิวนำมาฝากทุกคนในวันนี้ 00:05:35.520 --> 00:05:37.740 ยังวนเวียนอยู่กับเรื่องการศึกษาของพระองค์นะคะ 00:05:37.820 --> 00:05:41.280 ก็ต้องบอกเลยว่า การที่ทรงไปศึกษาต่อที่ต่างประเทศเนี่ย 00:05:41.320 --> 00:05:43.640 แน่นอน ตามสไตล์ของคนที่ไปเรียนต่อทั่วไป 00:05:43.640 --> 00:05:46.480 ก็จะต้องมีการเขียนวิทยานิพนธ์ใช่มั้ยคะ 00:05:46.480 --> 00:05:49.780 แม้ว่าพระองค์จะไม่ได้ศึกษาหลักสูตรปริญญาเต็มรูปแบบ 00:05:49.780 --> 00:05:51.880 ที่จำเป็นจะต้องมีการเขียนวิทยานิพนธ์ 00:05:51.880 --> 00:05:54.440 มีการสอบไล่ มีการรับปริญญาต่าง ๆ 00:05:54.440 --> 00:05:56.120 เพราะว่าหลักสูตรนี้เป็นหลักสูตรพิเศษ 00:05:56.120 --> 00:05:57.880 ซึ่งจัดขึ้นสำหรับราชวงศ์ใช่มั้ย 00:05:57.920 --> 00:06:01.220 แต่ก่อนที่พระองค์จะเสด็จนิวัตกลับประเทศไทยเนี่ยนะคะ 00:06:01.240 --> 00:06:02.340 ฟรานซิส พาเจต์ (Francis Parget) นะคะ 00:06:02.340 --> 00:06:04.660 ซึ่งเป็นคณบดีของวิทยาลัยในตอนนั้นเนี่ย 00:06:04.680 --> 00:06:06.820 ก็ได้กราบบังคมทูลเชิญค่ะว่า 00:06:06.960 --> 00:06:10.180 ให้พระองค์เนี่ยพระราชนิพนธ์หนังสือทำนองวิทยานิพนธ์ได้มั้ย 00:06:10.200 --> 00:06:14.060 เพื่อเป็นที่ระลึกว่า ครั้งหนึ่งพระองค์เนี่ยเคยเสด็จมาศึกษาต่อที่นี่ค่ะ 00:06:14.080 --> 00:06:15.880 ซึ่งพระองค์ก็ตอบรับนะคะ 00:06:15.880 --> 00:06:20.220 แล้วก็พระราชนิพนธ์หนังสือวิทยานิพนธ์ ขึ้นมาทั้งหมด 1 เล่มด้วยกันค่ะ 00:06:20.340 --> 00:06:23.140 เล่มนั้นนะคะชื่อว่า "The War of The Polish Succession" ค่ะ 00:06:23.140 --> 00:06:25.780 หรือว่าที่มีการนำมาแปลเป็นภาษาไทยทีหลังว่า 00:06:25.780 --> 00:06:28.320 "สงครามสืบราชสมบัติโปลันด์" นั่นเองนะคะ 00:06:28.320 --> 00:06:30.900 ก็แน่นอนว่าพระองค์ศึกษาด้านประวัติศาสตร์ 00:06:30.900 --> 00:06:32.700 แล้วก็การเมืองการปกครองเป็นหลักนะคะ 00:06:32.700 --> 00:06:35.120 วิทยานิพนธ์ของพระองค์ก็เลยเกี่ยวข้องกับ 00:06:35.120 --> 00:06:37.940 ทั้งประวัติศาสตร์แล้วก็การเมืองการปกครองนั่นเองค่ะ 00:06:38.000 --> 00:06:39.560 ซึ่งหนังสือเล่มนี้บอกเลยว่า 00:06:39.640 --> 00:06:41.380 ได้รับการตีพิมพ์ที่ออกฟอร์ดด้วยนะคะ 00:06:41.380 --> 00:06:43.640 แล้วก็ค่อนข้างจะแพร่หลายถึงขนาดที่ว่า 00:06:43.640 --> 00:06:46.700 มีการนำไปจัดพิมพ์เป็นภาษาฝรั่งเศสเลยทีเดียวนะคะ 00:06:46.740 --> 00:06:49.220 และต้องบอกเลยค่ะว่าหนังสือเล่มนี้ถือว่าเป็น 00:06:49.340 --> 00:06:51.700 งานวิชาการเล่มแรก ๆ ของไทยเลยนะคะ 00:06:51.700 --> 00:06:54.620 ที่มีหลักการอ้างอิงแบบตะวันตกเป๊ะ ๆ ๆ 00:06:54.620 --> 00:06:57.640 เหมือนกับการทำงานวิชาการในสมัยปัจจุบันนี้ค่ะ 00:06:57.640 --> 00:07:00.840 เพราะว่าที่ผ่านมาเวลาคนไทยเขียนงานวิชาการอะไรก็ตาม 00:07:00.880 --> 00:07:03.720 ส่วนมากก็จะไม่ได้อ้างอิงอะไรเป๊ะ ๆ เท่าไหร่นะคะ 00:07:03.940 --> 00:07:06.120 ส่วนใครที่อยากลองหาหนังสือเล่มนี้มาอ่านดูนะคะ 00:07:06.120 --> 00:07:07.200 หาไม่ยากเลยทีเดียวค่ะ 00:07:07.200 --> 00:07:08.900 ในจุฬาลงกรณ์ราชบรรณาลัยเนี่ย 00:07:08.900 --> 00:07:10.840 ก็มีไว้ให้อ่านทั้งเล่มเลยนะคะ 00:07:10.840 --> 00:07:13.500 แล้วก็ไม่ต้องกลัวว่าจะอ่านเวอร์ชันภาษาอังกฤษไม่รู้เรื่องค่ะ 00:07:13.500 --> 00:07:16.280 เพราะว่าราชเลขาธิการในพระองค์ในสมัยนั้นเนี่ย 00:07:16.280 --> 00:07:19.040 ก็ได้กราบบังคมทูลขอพระบรมราชานุญาต 00:07:19.160 --> 00:07:20.960 แปลเป็นภาษาไทยเรียบร้อยนะคะ 00:07:21.040 --> 00:07:23.980 นอกจากนี้พระองค์ก็ได้ทรงตรวจแก้เพิ่มเติมไว้ด้วยนะคะ 00:07:24.100 --> 00:07:26.340 ดังนั้นก็สามารถลองไปหาอ่านกันได้นะคะ 00:07:29.440 --> 00:07:30.660 สำหรับข้อที่ 3 นี้นะคะ 00:07:30.660 --> 00:07:33.580 บอกเลยว่าจะเข้มข้นกว่าสองข้อที่ผ่านมานิดนึงค่ะ 00:07:33.660 --> 00:07:36.260 แม้ว่าเราจะยังวนเวียนอยู่กับชีวิตของพระองค์ 00:07:36.260 --> 00:07:38.160 ในสมัยที่พระองค์อยู่ที่ยุโรปนะคะ 00:07:38.340 --> 00:07:40.760 เอาจริง ๆ ส่วนตัววิวเนี่ยค่อนข้างจะสนใจเรื่องพวกนี้ 00:07:40.760 --> 00:07:42.860 เพราะว่าปกติเวลาเราศึกษา 00:07:42.860 --> 00:07:44.960 เรื่องเกี่ยวกับพระราชประวัติของพระองค์เนี่ย 00:07:44.960 --> 00:07:46.720 ก็จะมาวนอยู่ที่ประเทศไทยเนอะว่า 00:07:46.980 --> 00:07:50.000 ตอนที่อยู่ในไทยมีพระราชกรณียกิจอะไรยังไงต่าง ๆ 00:07:50.000 --> 00:07:52.180 ซึ่งก็หาอ่านที่อื่นได้ค่อนข้างง่าย 00:07:52.180 --> 00:07:55.060 ดังนั้น เรื่องราวของพระองค์ในสมัยที่อยู่ที่ยุโรปเนี่ย 00:07:55.060 --> 00:07:56.540 จะค่อนข้างหาอ่านยากนิดนึง 00:07:56.540 --> 00:07:58.080 พอไปเจอมาวิวก็เลยรู้สึกว่า 00:07:58.080 --> 00:07:59.620 เฮ้ย มันน่าสนใจมากเลยทุกคน 00:07:59.620 --> 00:08:01.380 ก็เลยรวบรวมมาให้ทุกคนฟังค่ะ 00:08:01.420 --> 00:08:03.280 สำหรับข้อสามเนี่ยนะคะ บอกเลยว่า 00:08:03.520 --> 00:08:05.540 ในตอนที่พระองค์เสด็จไปศึกษาต่อเนี่ย 00:08:05.620 --> 00:08:07.820 พระองค์ไม่ได้ไปศึกษาต่ออย่างเดียวนะคะ 00:08:07.860 --> 00:08:11.120 แต่ว่าพระองค์เนี่ยทำหน้าที่ต่าง ๆ มากมายเลยค่ะ 00:08:11.120 --> 00:08:13.560 ไม่ว่าจะเป็นการเดินทางท่องเที่ยวรอบยุโรป 00:08:13.600 --> 00:08:16.000 ซึ่งการเดินทางไปท่องเที่ยวที่ต่าง ๆ ของพระองค์เนี่ย 00:08:16.000 --> 00:08:17.340 ไม่ใช่ว่าไปเที่ยวอะนะ 00:08:17.420 --> 00:08:20.300 คือต้องบอกว่าจริง ๆ แล้วไปเป็นผู้แทนพระองค์ของ 00:08:20.360 --> 00:08:23.480 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 บ้าง 00:08:23.600 --> 00:08:25.360 เดินทางท่องเที่ยวส่วนพระองค์บ้าง 00:08:25.380 --> 00:08:28.740 หรือว่าไปศึกษาดูงาน เช่น ด้านการทหารอะไรต่าง ๆ 00:08:28.740 --> 00:08:30.160 ที่ประเทศต่าง ๆ ในยุโรป 00:08:30.180 --> 00:08:33.400 ซึ่งต้องนับว่าเป็นศูนย์กลางอำนาจของโลกในสมัยนั้นบ้างนะคะ 00:08:33.440 --> 00:08:37.040 เพื่อที่จะนำมาประยุกต์ใช้กับประเทศสยามในที่สุดค่ะ 00:08:37.140 --> 00:08:39.840 ทีนี้ก็ต้องบอกว่าพระองค์เนี่ยก็เลยมีโอกาสได้เข้าไป 00:08:39.840 --> 00:08:43.820 อยู่ร่วมกับเหตุการณ์สำคัญของยุโรป ในช่วงนั้นค่อนข้างมากนะคะ 00:08:43.880 --> 00:08:45.920 ไม่ว่าจะเป็นพระราชพิธีสำคัญ ๆ 00:08:45.920 --> 00:08:49.360 อย่างเช่น พระราชพิธีฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี 00:08:49.360 --> 00:08:52.240 หรือว่า Diamond Jubilee ของควีนวิกตอเรียแห่งอังกฤษเนี่ย 00:08:52.240 --> 00:08:54.540 พระองค์เนี่ยก็เป็นหนึ่งในพระราชอาคันตุกะ 00:08:54.540 --> 00:08:56.540 ของควีนวิกตอเรียเช่นเดียวกันนะคะ 00:08:56.580 --> 00:08:58.720 หรือแม้กระทั่งพระราชพิธีพระบรมศพ 00:08:58.780 --> 00:09:00.880 ของควีนวิกตอเรียในเวลาต่อมา 00:09:00.980 --> 00:09:04.480 พระราชพิธีบรมราชาภิเษก คิงเอ็ดเวิร์ดที่ 7 ของอังกฤษ 00:09:04.480 --> 00:09:06.440 ที่ครองราชย์ต่อจากควีนวิกตอเรีย 00:09:06.540 --> 00:09:08.960 พระองค์ก็เข้าไปมีส่วนร่วมเช่นเดียวกันนะคะ 00:09:09.020 --> 00:09:11.780 รวมถึงพระราชพิธีบรมราชาภิเษกของ 00:09:11.820 --> 00:09:13.660 คิงอัลฟองโซที่ 13 แห่งสเปน 00:09:13.700 --> 00:09:17.040 ที่กรุงมาดริดนี่ พระองค์ก็เสด็จ เป็นการส่วนพระองค์เช่นเดียวกันนะคะ 00:09:17.060 --> 00:09:18.520 เห็นมั้ย พระองค์มีโอกาสได้เข้าร่วม 00:09:18.520 --> 00:09:20.740 อีเวนต์สำคัญ ๆ ต่าง ๆ มากมายค่ะ 00:09:20.780 --> 00:09:22.380 ซึ่งการเข้าร่วมอีเวนต์เหล่านี้ 00:09:22.380 --> 00:09:25.900 ทำให้พระองค์มีโอกาสได้พบปะบุคคลที่เป็นบุคคลสำคัญ 00:09:25.900 --> 00:09:29.660 แล้วก็เป็นบุคคลที่เราจะคุ้นเคยในประวัติศาสตร์ยุโรปเนี่ย 00:09:29.800 --> 00:09:32.400 หลายต่อหลายคน และหลายต่อหลายพระองค์ค่ะ 00:09:32.400 --> 00:09:34.080 ตอนนี้วิวก็รวบรวมมาให้แล้วนะคะ 00:09:34.080 --> 00:09:36.160 เอาเฉพาะคนที่สำคัญ ๆ ที่เราคุ้นชื่อ 00:09:36.160 --> 00:09:38.940 ว่าพระองค์เนี่ยมีโอกาสได้ทรงพบเจอกับใครบ้างนะคะ 00:09:39.100 --> 00:09:42.600 อย่างใน พ.ศ. 2437 เนี่ยนะคะ ก็มีบันทึกค่ะ 00:09:42.600 --> 00:09:44.880 ว่าพระองค์เสด็จไปเสวยพระสุธารสชา 00:09:44.880 --> 00:09:47.120 กับควีนวิกตอเรียแห่งอังกฤษนะคะ 00:09:47.220 --> 00:09:50.600 แหม่ ก็เรียกได้ว่าสนิทชิดเชื้อกันพอสมควรนะในสมัยนั้น 00:09:50.880 --> 00:09:53.800 นอกจากนี้ค่ะ ในตอนที่พระองค์เสด็จพระราชดำเนินนะคะ 00:09:53.820 --> 00:09:56.020 ไปที่ประเทศออสเตรีย-ฮังการีเนี่ย 00:09:56.100 --> 00:09:59.360 พระองค์ก็มีโอกาสได้พบกับ อาร์ชดยุกฟรานซิส เฟอร์ดินานด์ นะคะ 00:09:59.360 --> 00:10:00.440 คุ้นชื่อกันมั้ยคะทุกคน 00:10:00.520 --> 00:10:02.520 ใครฟังเรื่องประวัติสงครามโลกครั้งที่หนึ่งมา 00:10:02.520 --> 00:10:03.580 น่าจะคุ้นกันดีค่ะ 00:10:03.660 --> 00:10:05.360 เพราะว่าอาร์ชดยุกฟรานซิส เฟอร์ดินานด์ 00:10:05.360 --> 00:10:08.920 พระองค์นี้ก็คือมกุฎราชกุมารของออสเตรีย-ฮังการี 00:10:08.920 --> 00:10:11.220 ที่โดนลอบปลงพระชนม์พร้อมกับพระชายา 00:10:11.220 --> 00:10:14.320 แล้วกลายเป็นชนวนของสงครามโลกครั้งที่ 1 นั่นเองนะคะ 00:10:14.380 --> 00:10:16.960 พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 ของเราเนี่ย 00:10:16.960 --> 00:10:19.900 ก็มีโอกาสได้พบกับอาร์ชดยุกฟรานซิส เฟอร์ดินานด์ พระองค์นี้ 00:10:19.900 --> 00:10:22.880 แล้วก็ถึงขนาดที่ทรงได้รับเชิญนะคะไปที่วัง 00:10:22.880 --> 00:10:25.440 ของอาร์ชดยุกฟรานซิส เฟอร์ดินานด์ เลยทีเดียวค่ะ 00:10:25.680 --> 00:10:26.420 นอกจากนี้นะคะ 00:10:26.420 --> 00:10:29.160 ในตอนที่พระองค์สำเร็จการศึกษาแล้วเนี่ยนะคะ 00:10:29.340 --> 00:10:31.700 ตอนที่พระองค์จะเสด็จนิวัตพระนครเนี่ยนะคะ 00:10:31.800 --> 00:10:33.700 ปกติแล้วเนี่ยในสมัยที่ยังไม่มีเครื่องบิน 00:10:33.700 --> 00:10:36.060 เวลาเราจะกลับจากยุโรปมาที่สยามเนี่ย 00:10:36.100 --> 00:10:38.860 เราก็ควรจะกลับผ่านทางประมาณเส้นทางสายไหมถูกมั้ย 00:10:38.960 --> 00:10:41.980 คือผ่านทางอินเดีย มาพม่า แล้วก็มาที่สยามนะคะ 00:10:42.040 --> 00:10:42.780 แต่ตอนนั้นเนี่ยนะคะ 00:10:42.780 --> 00:10:45.460 ทางสยามจัดเส้นทางนิวัตพระนครให้พระองค์เนี่ย 00:10:45.460 --> 00:10:46.800 ให้กลับไปอีกด้านนึงค่ะ 00:10:46.860 --> 00:10:51.240 ก็คือ เสด็จผ่านทางสหรัฐอเมริกาแล้วก็ผ่านทางญี่ปุ่นค่ะ 00:10:51.300 --> 00:10:52.620 ซึ่งพระองค์ถือว่าเป็น 00:10:52.760 --> 00:10:55.500 พระบรมวงศานุวงศ์ไทยพระองค์แรกเลยนะคะ 00:10:55.500 --> 00:10:57.600 ที่เสด็จไปที่สหรัฐอเมริกาค่ะ 00:10:57.600 --> 00:11:00.900 และที่สหรัฐอเมริกาเนี่ยก็มีการต้อนรับอย่างสมพระเกียรติเนอะ 00:11:00.900 --> 00:11:03.820 โดยพระองค์มีโอกาสได้พบกับ ธีโอดอร์ รูสเวลต์ นะคะ 00:11:03.820 --> 00:11:07.400 ที่เป็นประธานาธิบดีของสหรัฐอเมริกาในยุคสมัยนั้น 00:11:07.460 --> 00:11:10.280 ซึ่งถ้าใครคุ้น ๆ ชื่อของ ธีโอดอร์ รูสเวลต์ 00:11:10.280 --> 00:11:12.600 คนนี้ก็คือ ประธานาธิบดี 1 ใน 4 คน 00:11:12.600 --> 00:11:14.560 ที่มีหน้าอยู่บนเมานท์รัชมอร์นะคะ 00:11:14.800 --> 00:11:18.120 และที่สำคัญ ธีโอดอร์ รูสเวลต์ เนี่ยก็มีชื่อเล่นว่าเท็ดดี้ 00:11:18.120 --> 00:11:20.440 ที่เป็นที่มาของ Teddy Bear นั่นเองค่ะ 00:11:20.560 --> 00:11:22.840 หลังจากเสด็จออกจากสหรัฐอเมริกาแล้วเนี่ยนะคะ 00:11:22.840 --> 00:11:25.200 พระองค์ก็เสด็จต่อมายังประเทศญี่ปุ่นค่ะ 00:11:25.240 --> 00:11:28.780 ซึ่งที่ญี่ปุ่นนี่ก็มีการจัดการต้อนรับ แบบสมพระเกียรติเช่นเดียวกันนะคะ 00:11:28.840 --> 00:11:30.660 และพระองค์ก็มีโอกาสได้เข้าเฝ้า 00:11:30.860 --> 00:11:32.920 สมเด็จพระจักรพรรดิมัทสึฮิโตะนะคะ 00:11:32.960 --> 00:11:34.360 หรือที่เรารู้จักกันดีในชื่อ 00:11:34.360 --> 00:11:37.680 สมเด็จพระจักรพรรดิเมจิของญี่ปุ่นในยุคสมัยนั้นด้วยค่ะ 00:11:37.720 --> 00:11:41.080 ก็เป็นการกระชับความสัมพันธ์ ระหว่างไทยกับญี่ปุ่นในยุคสมัยนั้นนะคะ 00:11:41.240 --> 00:11:43.920 ถ้าใครหลาย ๆ คนจำได้จากคลิปที่วิวเคยทำว่า 00:11:44.000 --> 00:11:46.180 ศาลเจ้าญี่ปุ่นกับวัดญี่ปุ่นแตกต่างกันยังไง 00:11:46.200 --> 00:11:48.600 แล้ววิวพาไปดูวัดไดบุทสึที่วัดโคโตคุอิน 00:11:48.600 --> 00:11:49.980 ที่คามาคุระเนี่ย 00:11:49.980 --> 00:11:51.620 ก็จะเห็นว่าวิวเล่าว่าในวัดเนี่ย 00:11:51.620 --> 00:11:54.340 มีพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จมา 00:11:54.480 --> 00:11:57.060 ทรงปลูกต้นสนไว้เมื่อคราวเสด็จมาที่นี่นะคะ 00:11:57.060 --> 00:11:58.820 ก็ในคราวนั้นนั่นเองค่ะ 00:11:58.860 --> 00:12:00.780 คือพระองค์นี่นอกจากจะอยู่ที่เมืองหลวงแล้ว 00:12:00.780 --> 00:12:04.420 ก็มีการท่องเที่ยวไปตามที่ต่าง ๆ ในประเทศญี่ปุ่นเช่นเดียวกันค่ะ 00:12:07.760 --> 00:12:10.760 สำหรับเรื่องน่ารู้ข้อที่ 4 เนี่ยนะคะ ยังอยู่ที่การเดินทางค่ะ 00:12:10.760 --> 00:12:13.460 เพราะว่าในระหว่างที่พระองค์เดินทางไปที่ต่าง ๆ เนี่ย 00:12:13.540 --> 00:12:16.240 นอกจากพระองค์จะไปศึกษาดูงานด้านการทหาร 00:12:16.240 --> 00:12:18.660 ไปเจริญสัมพันธไมตรีอะไรต่าง ๆ แล้วเนี่ยนะคะ 00:12:18.660 --> 00:12:20.900 พระองค์ยังได้จดบันทึกเหตการณ์เหล่านั้น 00:12:20.900 --> 00:12:23.600 ออกมาเป็นพระราชนิพนธ์หลายต่อหลายเล่มด้วยกันค่ะ 00:12:23.740 --> 00:12:26.220 ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง The Germany Series นะคะ 00:12:26.340 --> 00:12:28.080 หรืออีกเล่มนึงที่วิวชอบมาก ๆ เลยค่ะ 00:12:28.080 --> 00:12:30.640 นั่นก็คือ The Letters to the Butterflies นะคะ 00:12:30.660 --> 00:12:32.780 ที่ได้รับการแปลเป็นภาษาไทยในเวลาต่อมา 00:12:32.780 --> 00:12:35.860 โดย ม.ล.ปิ่น มาลากุล น่ะนะ ว่า จดหมายถึงผีเสื้อ 00:12:35.860 --> 00:12:38.080 ซึ่งเล่มนี้นะคะ จะเป็นบันทึกการเดินทางของพระองค์ 00:12:38.080 --> 00:12:40.340 ระหว่างที่เสด็จไปที่ออสเตรีย-ฮังการีค่ะ 00:12:40.400 --> 00:12:42.960 ที่วิวเล่าไปเรื่องไปพบอาร์ชดยุกฟรานซิส เฟอร์ดินานด์ 00:12:42.960 --> 00:12:44.580 ก็อยูในเล่มนี้ด้วยเช่นกันนะคะ 00:12:44.660 --> 00:12:47.780 นอกจากนี้นะคะ ในเล่มนี้พระองค์ก็ได้บันทึกพระราชกรณียกิจ 00:12:47.780 --> 00:12:48.900 ที่ได้ทำในแต่ละวัน 00:12:48.900 --> 00:12:51.380 รวมถึงบันทึกสิ่งที่พระองค์พบเห็น 00:12:51.420 --> 00:12:54.200 กึ่ง ๆ เป็นหนังสือบันทึกการเดินทางเอาไว้ด้วยนะคะ 00:12:54.300 --> 00:12:57.720 ซึ่งหลายคนที่ชอบอ่านบันทึกการเดินทาง pocketbook ต่าง ๆ ในยุคสมัยนี้ 00:12:57.720 --> 00:12:59.460 บอกเลยว่าเล่มนี้สนุกค่ะ 00:12:59.460 --> 00:13:01.420 แล้วก็เป็นสไตล์ประมาณนั้นเลยนะคะ 00:13:01.500 --> 00:13:03.440 โดย Letters to the Butterflies เนี่ยนะคะ 00:13:03.520 --> 00:13:06.480 ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่าเป็น The Letters นะ ก็คือเป็นจดหมาย 00:13:06.480 --> 00:13:08.740 ในเล่มนี้จะเขียนเป็นรูปแบบของจดหมายค่ะ 00:13:08.740 --> 00:13:11.180 ซึ่งส่งไปถึงคณะผีเสื้อนะคะ 00:13:11.180 --> 00:13:13.600 ซึ่งก็คือ พระสหายของพระองค์น่ะแหละ 00:13:13.600 --> 00:13:15.500 ทีนี้เราไม่มีหลักฐานนะคะว่า 00:13:15.540 --> 00:13:17.300 จดหมายเหล่านี้ได้ส่งออกไปจริง ๆ 00:13:17.300 --> 00:13:20.960 หรือว่าเป็นแค่เหมือนกับพระราชนิพนธ์ในรูปแบบจดหมายค่ะ 00:13:20.960 --> 00:13:21.960 แต่ว่าในทุกวันเนี่ย 00:13:21.960 --> 00:13:24.840 ก็จะเหมือนพระองค์เขียนจดหมายหนึ่งฉบับ ๆ ๆ 00:13:24.840 --> 00:13:27.040 เพื่อพระราชทานให้กับพระสหายนั่นเองค่ะ 00:13:27.160 --> 00:13:28.460 ทีนี้ เนื้อหาด้านในนะคะ 00:13:28.460 --> 00:13:31.640 ก็จะเล่าถึงสถานที่สำคัญต่าง ๆ หลากหลายสถานที่เลยค่ะ 00:13:31.640 --> 00:13:33.720 ไม่ว่าจะเป็น วังเชิงบรุน 00:13:33.780 --> 00:13:35.880 ซึ่งปัจจุบันนี้ก็เป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยม 00:13:35.880 --> 00:13:37.840 ที่ใครไปเที่ยวออสเตรียก็จะต้องไปดูใช่ไหมคะ 00:13:37.840 --> 00:13:39.620 เพราะว่าเป็นพระราชวังที่ยิ่งใหญ่ 00:13:39.620 --> 00:13:41.900 ที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากแวร์ซายส์ 00:13:41.960 --> 00:13:44.240 หรือว่าพูดถึงพระราชวังฮอฟบูรก์ 00:13:44.300 --> 00:13:46.420 ซึ่งพระราชวังแห่งนี้ก็จัดเป็นที่ประทับ 00:13:46.420 --> 00:13:48.820 ให้กับพระองค์ตอนที่เสด็จไปที่นั่นนะคะ 00:13:48.940 --> 00:13:51.860 ปัจจุบันนี่ก็เป็นทำเนียบประธานาธิบดีออสเตรียใช่มั้ย 00:13:51.860 --> 00:13:54.980 ถ้าสมมติว่าใครเคยไปที่ออสเตรียเนี่ยน่าจะชอบเล่มนี้มาก ๆ ค่ะ 00:13:54.980 --> 00:13:57.860 เพราะว่าสามารถอ่านแล้วก็ลองเทียบกับสมัยปัจจุบันได้ว่า 00:13:57.860 --> 00:13:59.620 เออสิ่งที่พระองค์พบเห็นในสมัยนั้น 00:13:59.620 --> 00:14:01.580 กับในสิ่งที่เราจะไปเจอในสมัยนี้ 00:14:01.580 --> 00:14:03.000 มันยังเหมือนยังต่างกันยังไง 00:14:03.000 --> 00:14:04.580 เพราะเราต้องยอมรับอย่างหนึ่งว่า 00:14:04.780 --> 00:14:08.620 ยุโรปเนี่ยค่อนข้างเก่ง ด้านการเก็บพวกโบราณสถานเหล่านี้เอาไว้นะคะ 00:14:08.640 --> 00:14:11.680 ในสภาพที่มันเคยเป็นอยู่เมื่อหลายร้อยปีก่อนค่ะ 00:14:11.760 --> 00:14:14.220 เอาจริง ๆ ที่กำลังมากรี๊ดกร๊าดเล่มนี้ให้ทุกคนฟังเนี่ย 00:14:14.260 --> 00:14:15.600 เพราะว่าวิวอ่านเล่มนี้แล้ว 00:14:15.600 --> 00:14:18.540 ค่อนข้างชอบสำนวนมาก ๆ ๆ ๆ เลยนะคะ 00:14:18.780 --> 00:14:21.620 หลายคนจะคุ้นเคยกับพระราชนิพนธ์ที่เป็นร้อยกรอง 00:14:21.640 --> 00:14:23.680 เป็นโคลงกาพย์ร่ายกลอนของพระองค์นะคะ 00:14:23.720 --> 00:14:25.860 แต่จะไม่คุ้นเคยกับงานเขียนที่เป็นร้อยแก้ว 00:14:26.100 --> 00:14:28.020 บอกเลยว่าถ้าอ่านแล้วจะติดใจค่ะ 00:14:28.080 --> 00:14:30.240 เรียกได้ว่าสำนวนดีกว่านักเขียนดัง ๆ หลาย ๆ คน 00:14:30.240 --> 00:14:32.640 ในยุคสมัยปัจจุบันมากเลยทีเดียวนะคะ 00:14:32.700 --> 00:14:35.600 ไม่ว่าจะเป็นพระราชนิพนธ์ภาษาไทยหรือภาษาอังกฤษก็ตาม 00:14:35.600 --> 00:14:37.220 บอกเลยว่าคมคายจริง ๆ ค่ะ 00:14:37.240 --> 00:14:39.700 อย่างเล่มนี้ขออนุญาตหยิบมาแค่ 1 paragraph 00:14:39.700 --> 00:14:40.980 มาอ่านให้ทุกคนฟังนะคะ 00:14:40.980 --> 00:14:43.480 เพราะว่าอันนี้ตอนที่วิวอ่านเจอ วิวกรี๊ดมากค่ะ 00:14:43.480 --> 00:14:45.540 แล้ววิวก็เอาไปโพสต์เป็นสเตตัสลงในเฟซบุ๊ก 00:14:45.540 --> 00:14:47.100 มีคนมากด Like เต็มไปหมดเลยนะ 00:14:47.100 --> 00:14:49.020 แทบทุกคนนี่ตื่นเต้นมากเลยนะคะว่า 00:14:49.020 --> 00:14:51.020 เฮ้ย พระราชนิพนธ์มีเขียนอะไรแบบนี้ด้วย 00:14:51.020 --> 00:14:52.560 อะ มาอ่านให้ฟังเลยดีกว่าค่ะ 00:14:52.740 --> 00:14:54.740 ในนี้พระราชนิพนธ์เป็นจดหมายใช่มั้ย 00:14:54.760 --> 00:14:57.280 ดังนั้น นี่คือข้อความที่ส่งไปหาคณะผีเสื้อนะคะ 00:14:57.320 --> 00:14:58.720 พระองค์พระราชนิพนธ์ไว้ว่า 00:14:58.960 --> 00:15:01.680 "ไม่จำเป็นเลยที่จะต้องพูดซ้ำ ๆ ซาก ๆ ว่า 00:15:01.900 --> 00:15:06.460 "ฉันเสียใจปานใด และเหงาปานใด ที่ต้องจากพี่จากน้องที่รักมา 00:15:06.560 --> 00:15:10.120 "ฉันบอกแล้วว่าเหมือนหัวใจแตกออกเป็นชิ้น ๆ สามพันชิ้น 00:15:10.280 --> 00:15:13.100 "และพี่น้องสามคนรับเอาไปคนละพันชิ้น" 00:15:13.240 --> 00:15:16.120 อู้หู เป็นไง อ่านแค่นี้ให้ฟัง แค่สี่บรรทัด 00:15:16.340 --> 00:15:19.540 I love you 3,000 ก่อนกาลที่แท้ทรูนะคะทุกคน 00:15:19.700 --> 00:15:21.520 ก็ถ้าใครอยากหาจดหมายถึงผีเสื้อ 00:15:21.520 --> 00:15:23.560 หรือว่า The Letters to the Butterflies อ่านนะคะ 00:15:23.560 --> 00:15:25.100 ในจุฬาลงกรณ์ราชบรรณาลัย 00:15:25.100 --> 00:15:27.860 ก็มีเวอร์ชันแปลให้อ่านเช่นเดียวกันค่ะ 00:15:31.120 --> 00:15:32.460 ผ่านไปแล้วสี่ข้อนะคะ 00:15:32.480 --> 00:15:35.000 บอกเลยว่าเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นในต่างประเทศล้วน ๆ 00:15:35.000 --> 00:15:37.640 ดังนั้น ข้อห้าเรากลับมาที่ประเทศไทย 00:15:37.640 --> 00:15:40.140 หรือว่าประเทศสยามในยุคนั้นกันดีกว่าค่ะ 00:15:40.240 --> 00:15:42.900 บอกเลยนะคะว่าสยามในยุคของรัชกาลที่ 6 เนี่ย 00:15:43.140 --> 00:15:45.820 มีสิ่งต่าง ๆ เกิดขึ้นเป็นครั้งแรกมากมายเลยค่ะ 00:15:45.820 --> 00:15:49.300 ไม่ว่าจะเป็นธงไตรรงค์ที่เราใช้กันถึงปัจจุบันนี้ 00:15:49.540 --> 00:15:51.180 การนับเวลาแบบ GMT+7 00:15:51.180 --> 00:15:54.100 หรือว่าการนับเวลาตาม Greenwich Mean Time เนี่ย 00:15:54.280 --> 00:15:57.780 ก็เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่เกิดขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 6 เช่นเดียวกันค่ะ 00:15:57.840 --> 00:15:59.820 รวมไปถึงการกำหนดสีขบวนเสด็จนะคะ 00:15:59.820 --> 00:16:02.320 ว่ารถยนต์พระที่นั่งจะต้องเป็นสีงาช้าง 00:16:02.320 --> 00:16:05.600 อะไรแบบปัจจุบันใช้กันก็เกิดขึ้นในสมัยนี้เช่นเดียวกันนะคะ 00:16:05.680 --> 00:16:07.620 แต่เรื่องที่วิวจะนำมาเล่าให้ทุกคนฟังในวันนี้ 00:16:07.620 --> 00:16:10.240 ก็คือเรื่องราวของคำคำนึงค่ะ 00:16:10.540 --> 00:16:13.660 ซึ่งเป็นคำที่เชื่อว่าหลาย ๆ คนรู้จักกันดีอยู่แล้วนะคะ 00:16:13.660 --> 00:16:14.940 น่าจะเคยใช้กันด้วยแหละ 00:16:15.180 --> 00:16:17.580 โดยเฉพาะใครก็ตามที่เคยร้องเพลงชาติไทย 00:16:17.580 --> 00:16:19.320 เคยร้องเพลงสรรเสริญพระบารมี 00:16:19.620 --> 00:16:22.380 หรือว่าเคยไปงานแต่งงานเคยใช้คำคำนี้แน่ ๆ นะคะ 00:16:22.380 --> 00:16:25.680 นั่นก็คือคำว่า ชโย หรือคำว่า ไชโย นั่นเองค่ะ 00:16:25.820 --> 00:16:29.660 บอกเลยว่าคำคำนี้ ชาวไทยเริ่มมาใช้กันในสมัยรัชกาลที่ 6 นี่แหละค่ะ 00:16:29.900 --> 00:16:32.600 และที่สำคัญเกิดขึ้นจากพระราชนิพนธ์นะคะ 00:16:32.740 --> 00:16:34.200 ว่าแต่มันเกิดขึ้นได้ยังไง 00:16:34.260 --> 00:16:37.160 ก็ต้องบอกว่าเกิดขึ้นจากเพลงสรรเสริญพระบารมีนี่แหละค่ะ 00:16:37.280 --> 00:16:38.740 แม้ว่าเพลงสรรเสริญพระบารมีเนี่ย 00:16:38.740 --> 00:16:40.980 จริง ๆ จะไม่ได้เกิดขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 6 นะคะ 00:16:40.980 --> 00:16:42.700 เพลงสรรเสริญพระบารมีของไทยเนี่ย 00:16:42.700 --> 00:16:45.240 ต้องบอกว่ามีประวัติยาวนานค่ะ ถ้าเล่าจะยาวมาก 00:16:45.300 --> 00:16:47.160 แต่เอาเป็นว่ามันมีตั้งแต่เวอร์ชันเพลงไทย 00:16:47.160 --> 00:16:48.620 เป็นเพลงประโคมอะไรต่าง ๆ 00:16:48.640 --> 00:16:50.920 ตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 2 มาเรื่อย ๆ นะคะ 00:16:51.060 --> 00:16:53.140 จนกระทั่งเพลงสรรเสริญพระบารมี 00:16:53.140 --> 00:16:55.560 เวอร์ชันแบบคล้าย ๆ ปัจจุบันที่เราใช้อยู่เนี่ย 00:16:55.580 --> 00:16:57.460 เกิดขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 5 ค่ะ 00:16:57.560 --> 00:17:00.540 ความแตกต่างจุดหนึ่งที่ต่างจากในสมัยปัจจุบันก็คือ 00:17:00.640 --> 00:17:02.520 เพลงสรรเสริญพระบารมีในสมัยนั้นเนี่ยนะคะ 00:17:02.520 --> 00:17:05.200 มีเนื้อร้องถึง 5 เวอร์ชันด้วยกันค่ะ 00:17:05.200 --> 00:17:08.440 คือแต่ละเวอร์ชันเนี่ยก็แต่งขึ้นตามสถานการณ์ต่าง ๆ 00:17:08.440 --> 00:17:10.280 ที่จะได้ใช้เพลงในครั้งนั้น ๆ นะคะ 00:17:10.280 --> 00:17:13.140 ประมาณว่า อะ ครั้งนี้ใช้กับแบบนี้ก็ใช้เนื้อเพลงแบบนี้ 00:17:13.160 --> 00:17:15.680 ครั้งนี้เกิดขึ้นแบบนี้ก็ใช้เนื้อเพลงแบบนั้นนั่นเองค่ะ 00:17:15.840 --> 00:17:18.360 และที่สำคัญนะคะ เรื่องราวที่เราจะเล่าต่อไปนี้ 00:17:18.620 --> 00:17:21.800 มันอยู่ที่ประโยคสุดท้ายของเพลงสรรเสริญพระบารมีค่ะ 00:17:21.900 --> 00:17:23.800 ในสมัยปัจจุบันเราร้องกันว่าอะไรคะ 00:17:23.840 --> 00:17:26.060 "ดุจถวายชัย ชโย" ใช่มั้ยคะ 00:17:26.320 --> 00:17:28.440 แต่ว่าในสมัยรัชกาลที่ 5 เนี่ย 00:17:28.440 --> 00:17:30.100 เพลงนี้จบลงด้วยคำว่า 00:17:30.100 --> 00:17:31.660 "ดุจถวายชัย ฉะนี้" 00:17:31.660 --> 00:17:34.840 ก็แปลว่า อาจจะถวายชัยแบบนี้นี่แหละ ประมาณนี้นะคะ 00:17:34.960 --> 00:17:37.740 ทีนี้ เรื่องราวก็เกิดขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 6 ค่ะ 00:17:37.840 --> 00:17:40.640 ในคราวนึงนะคะ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวค่ะ 00:17:40.720 --> 00:17:44.200 นำลูกเสือ เสือป่า ตำรวจตระเวนชายแดนอะไรต่าง ๆ เนี่ยนะคะ 00:17:44.200 --> 00:17:47.020 เดินทางไกลค่ะ จากพระราชวังสนามจันทร์นะคะ 00:17:47.020 --> 00:17:50.820 ไปที่พระเจดีย์ยุทธหัตถี ของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช นะคะ 00:17:50.820 --> 00:17:51.940 ที่ดอนเจดีย์ค่ะ 00:17:51.940 --> 00:17:54.360 ก็ตั้งใจจะไปบวงสรวงสังเวยอะไรต่าง ๆ ใช่มั้ย 00:17:54.440 --> 00:17:56.800 ทีนี้ค่ะ ในคืนที่สองของการเดินทางไกลเนี่ยนะคะ 00:17:56.800 --> 00:17:59.640 ก็สไตล์การเข้าค่ายเนี่ย ปกติก็จะต้องมีการเรียกลูกเสือ 00:17:59.640 --> 00:18:01.860 มาชุมนุมกันอะไรต่าง ๆ ก่อนนอนใช่มั้ย 00:18:01.860 --> 00:18:03.280 คืนนั้นก็เช่นเดียวกันค่ะ 00:18:03.280 --> 00:18:06.440 พระองค์ก็ทรงเรียกลูกเสือ เสือป่า อะไรต่าง ๆ 00:18:06.540 --> 00:18:09.000 มาชุมนุมพร้อมกันที่หน้าพลับพลาที่ประทับนะคะ 00:18:09.000 --> 00:18:12.380 แล้วก่อนนอนก็ต้องมีการจุดเทียน สวดมนต์อะไรต่าง ๆ 00:18:12.420 --> 00:18:14.420 หลังจากที่เสร็จสิ้นพิธีการอะไรต่าง ๆ แล้วเนี่ย 00:18:14.420 --> 00:18:18.120 ก็จะต้องมีการร้องเพลงสรรเสริญพระบารมีกันเกิดขึ้นใช่มั้ยคะ 00:18:18.360 --> 00:18:20.420 ถามว่าพอร้องขึ้นมาเกิดอะไรขึ้น 00:18:20.780 --> 00:18:24.540 คือเสือป่า ลูกเสืออะไรต่าง ๆ เนี่ย มาจากคนละหมู่กันใช่มั้ยคะ 00:18:24.560 --> 00:18:26.680 มาจากคนละหมู่คนละกอง คนละที่กัน 00:18:26.960 --> 00:18:29.420 พอมาร้องเพลงสรรเสริญพระบารมีขึ้นพร้อมกันเนี่ย 00:18:29.640 --> 00:18:31.540 แต่ละที่ร้องกันคนละเวอร์ชันค่ะ 00:18:31.540 --> 00:18:34.140 ดังนั้น พอร้องกันขึ้นมาก็ตีกันเละไปหมดนะคะ 00:18:34.220 --> 00:18:35.760 พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว 00:18:35.780 --> 00:18:37.800 ก็เลยทรงมีพระราชดำรินะคะว่า 00:18:37.800 --> 00:18:40.140 เราควรจะมีเนื้อเพลงสรรเสริญพระบารมี 00:18:40.140 --> 00:18:42.600 ที่เป็นเวอร์ชันหลักเวอร์ชันเดียวได้แล้วค่ะ 00:18:42.660 --> 00:18:45.480 ดังนั้นในวันรุ่งขึ้นนะคะ พระองค์ก็เลยพระราชนิพนธ์ 00:18:45.540 --> 00:18:48.160 เนื้อเพลงสรรเสริญพระบารมีเวอร์ชันใหม่ขึ้นมาค่ะ 00:18:48.160 --> 00:18:50.140 โดยปรับเปลี่ยนจากเวอร์ชันเดิมนะ 00:18:50.140 --> 00:18:51.160 แทบจะไม่ได้เปลี่ยนอะไรเลย 00:18:51.160 --> 00:18:53.480 แต่ว่าจุดหลัก ๆ ที่เปลี่ยนจุดนึงเนี่ยก็คือ 00:18:53.480 --> 00:18:54.940 ตอนจบของเพลงเนี่ยล่ะค่ะ 00:18:54.980 --> 00:18:56.420 เวอร์ชันเดิมร้องว่าอะไรคะ 00:18:56.580 --> 00:18:58.320 "ดุจถวายชัย ฉะนี้" 00:18:58.440 --> 00:19:00.640 ทีนี้ "นี้" คือเสียงสูงใช่มั้ย 00:19:00.740 --> 00:19:04.040 แต่ถ้าใครเล่นดนตรีเป็นแล้วเคยอยู่วงดุริยางค์โรงเรียนอะไร 00:19:04.040 --> 00:19:07.060 น่าจะคุ้นเคยกับโน้ตเพลงสรรเสริญพระบารมีกันดีนะคะ 00:19:07.060 --> 00:19:08.660 โน้ตเพลงตอนจบ ทำนองมันเป็นยังไง 00:19:08.720 --> 00:19:11.420 [ดนตรี] 00:19:11.480 --> 00:19:13.980 เสียงมันกลาง ๆ ใช่มั้ย มันไม่ได้ขึ้นสูงแบบ "ฉะนี้" 00:19:14.100 --> 00:19:16.880 ดังนั้น เวลาคนเอาเนื้อร้องมาร้องประกอบกับโน้ตเนี่ย 00:19:16.880 --> 00:19:17.800 มันก็เลยกลายเป็น 00:19:17.800 --> 00:19:19.960 [ดนตรี] ดุจถวายชัย ชะนี 00:19:20.000 --> 00:19:22.220 ซึ่ง อันนี้มีบันทึกนะว่าพระองค์รู้สึกว่า 00:19:22.220 --> 00:19:24.560 มันเหมือนคำว่า "ชะนี" เกินไป มันไม่โอเค 00:19:24.560 --> 00:19:26.620 ซึ่ง ชะนี ในสมัยนั้น ไม่ได้มีความหมายแบบทุกวันนี้นะ 00:19:26.700 --> 00:19:29.040 แต่ว่ามันก็ดูเป็นเหมือนแบบ "ดุจถวายชัย ชะนี" 00:19:29.040 --> 00:19:29.880 ไม่ได้เป็น "ฉะนี้" 00:19:29.880 --> 00:19:32.900 สุดท้ายค่ะ พระองค์ก็เลยทรงเปลี่ยนเนื้อเพลงนะคะ 00:19:32.900 --> 00:19:34.700 จาก "ดุจถวายชัย ฉะนี้" 00:19:34.700 --> 00:19:37.640 กลายเป็น "ดุจถวายชัย ชโย" นั่นเอง 00:19:37.640 --> 00:19:38.600 ซึ่งคำว่า "ชโย" เนี่ย 00:19:38.600 --> 00:19:40.900 มันก็มีความหมายที่เป็นความหมายดีอยู่แล้วใช่มั้ย 00:19:40.900 --> 00:19:44.000 หมายถึง victory หมายถึง ชัยชนะ อะไรต่าง ๆ ค่ะ 00:19:44.220 --> 00:19:45.580 ดังนั้น คำว่า "ชโย" นะคะ 00:19:45.580 --> 00:19:47.860 ก็เลยเริ่มใช้ในประเทศสยามเป็นครั้งแรก 00:19:47.860 --> 00:19:52.960 เมื่อวันที่ 22 มกราคม 2456 นั่นเองค่ะ 00:19:53.000 --> 00:19:55.900 และที่สำคัญนะคะ หลังจากนั้นไม่กี่วัน หลังจากวันที่ 22 เนี่ย 00:19:55.900 --> 00:19:59.200 ในวันที่ 28 เนี่ย หลังจากที่บวงสรวงสังเวย 00:19:59.200 --> 00:20:01.120 อนุสรณ์ดอนเจดีย์สำเร็จแล้วเนี่ยนะคะ 00:20:01.180 --> 00:20:04.540 ปกติตามธรรมเนียมดั้งเดิมเนี่ยเวลาจบพิธีบวงสรวงอะไรต่าง ๆ 00:20:04.560 --> 00:20:07.500 คนไทยจะทำยังไงคะเพื่อแสดงความยินดีต่าง ๆ 00:20:07.560 --> 00:20:09.240 เขาก็มักจะ "โห่ ฮิ้ว!!" กันใช่มั้ยคะ 00:20:09.240 --> 00:20:10.940 เหมือนที่เราได้ยินกันตามงานบวช อะไรแบบ 00:20:11.000 --> 00:20:13.200 โห่ ฮี้ โห่ ฮี้ โห่ ฮี้ โหย ฮิ้ว สามครั้ง 00:20:13.200 --> 00:20:15.140 ซึ่งเขาเรียกว่า โห่สามลาค่ะ 00:20:15.260 --> 00:20:17.660 แต่ทีนี้ หลังจากเกิดคำว่า ชโย ขึ้นแล้ว 00:20:17.660 --> 00:20:19.280 ก็เกิดธรรมเนียมใหม่ขึ้นมานะคะ 00:20:19.380 --> 00:20:22.100 คือพวกเสือป่า ลูกเสือ ทหาร ตำรวจ นะคะ 00:20:22.220 --> 00:20:24.300 ก็เปลี่ยนจากการโห่ฮิ้วแบบเดิมเนี่ยนะคะ 00:20:24.340 --> 00:20:27.480 เป็นการร้องคำว่า ไชโย ๆ ๆ แทนค่ะ 00:20:27.560 --> 00:20:29.560 ดังนั้น ธรรมเนียมของการใช้คำว่า ไชโย เนี่ย 00:20:29.560 --> 00:20:31.080 ก็เผยแพร่ไปเรื่อย ๆ นะคะ 00:20:31.100 --> 00:20:33.780 เข้าไปในวงการโขน ไปใช้แทนการโห่ฮิ้ว 00:20:33.780 --> 00:20:35.000 และอื่น ๆ อีกมากมาย 00:20:35.000 --> 00:20:39.100 สุดท้ายคำว่าไชโยก็เลยแพร่หลาย มาจนถึงในสมัยปัจจุบันนั่นเองค่ะ 00:20:42.360 --> 00:20:44.680 และแล้วนะคะเราก็มาถึงข้อสุดท้ายในที่สุดค่ะ 00:20:44.680 --> 00:20:47.700 เสียใจมากนะคะ จริง ๆ มีเกร็ดความรู้สนุก ๆ อีกมากมายเลย 00:20:47.700 --> 00:20:48.840 ที่อยากเล่าให้ทุกคนฟัง 00:20:48.840 --> 00:20:51.020 แต่ว่าด้วยความที่มันจำกัดแค่ 6 ข้อนะ 00:20:51.020 --> 00:20:52.940 ดังนั้น ข้อนี้วิวขออนุญาต 00:20:52.940 --> 00:20:56.040 ยกพระราชสมัญญาของพระองค์ ขึ้นมาเล่าให้ทุกคนฟังค่ะ 00:20:56.340 --> 00:20:57.840 เราทุกคนเนี่ย น่าจะรู้กันดีว่า 00:20:57.840 --> 00:20:59.900 พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว เนี่ย 00:21:00.000 --> 00:21:02.960 ได้รับการถวายพระราชสมัญญานามนะคะว่า 00:21:03.080 --> 00:21:05.400 สมเด็จพระมหาธีรราชเจ้า ที่แปลว่า 00:21:05.400 --> 00:21:08.120 พระมหากษัตริย์ผู้ทรงเป็นนักปราชญ์ นั่นเองค่ะ 00:21:08.220 --> 00:21:09.020 ถามว่าเพราะอะไร 00:21:09.020 --> 00:21:10.700 แน่นอนว่า เราเห็นได้ชัดนะคะว่า 00:21:10.700 --> 00:21:13.380 พระองค์เนี่ย เป็นทั้งนักคิดนักเขียน อะไรต่าง ๆ 00:21:13.380 --> 00:21:15.740 สมกับคำว่านักปราชญ์อย่างแท้จริงค่ะ 00:21:15.740 --> 00:21:18.800 เราสามารถเห็นได้จากงานต่าง ๆ ของพระองค์มากมาย 00:21:18.840 --> 00:21:20.340 เอาเฉพาะพระราชนิพนธ์เนี่ยนะคะ 00:21:20.340 --> 00:21:22.380 บอกเลยว่ารวบรวมครบยากมากจริง ๆ 00:21:22.380 --> 00:21:24.880 คือ เราก็ยังไม่รู้จนถึงทุกวันนี้นะว่าครบรึเปล่า 00:21:25.020 --> 00:21:28.460 แต่ว่าตามหนังสือ "คดีรหัส พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว" 00:21:28.460 --> 00:21:30.160 ของอาจารย์รื่นฤทัย สัจจพันธุ์ นะคะ 00:21:30.160 --> 00:21:32.440 บอกว่า พระราชนิพนธ์ของพระองค์เนี่ย 00:21:32.480 --> 00:21:35.920 มีอยู่ทั้งหมดถึง 1,236 เรื่องนะคะ 00:21:35.920 --> 00:21:39.260 ก็รวมวรรณคดี เรื่องสั้น บทความ อะไรต่าง ๆ แล้ว 00:21:39.260 --> 00:21:41.580 เรียกได้ว่าเยอะมาก ๆ เลยทีเดียวค่ะ 00:21:41.740 --> 00:21:44.520 และในบรรดาพระราชนิพนธ์มากมายขนาดนี้ 00:21:44.520 --> 00:21:46.060 เรื่องแรกคือเรื่องอะไรรู้มั้ยคะ 00:21:46.140 --> 00:21:47.780 เรื่องแรกเนี่ยนะคะที่เราค้นพบกัน 00:21:47.780 --> 00:21:50.060 แล้วเชื่อว่าเป็นพระราชนิพนธ์เรื่องแรกจริง ๆ เนี่ย 00:21:50.160 --> 00:21:54.680 เกิดขึ้นตอนพระองค์มีพระชนมายุแค่ 12 พรรษาด้วยกันนะคะ 00:21:54.720 --> 00:21:57.600 ก็ตอนนั้นในโรงเรียนราชกุมารนะ ซึ่งเป็นโรงเรียนที่ 00:21:57.600 --> 00:22:00.260 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 00:22:00.320 --> 00:22:02.780 ตั้งขึ้นเพื่อให้พระโอรสต่าง ๆ ได้เข้ามาเรียนเนี่ย 00:22:02.840 --> 00:22:05.380 ก็มีหนังสือพิมพ์นะคะ ชื่อว่าหนังสือพิมพ์ราชกุมาร 00:22:05.400 --> 00:22:08.880 ในนั้นเนี่ย พระองค์ก็ทรงพระราชนิพนธ์งานเขียนชิ้นนึงนะคะ 00:22:08.980 --> 00:22:10.280 เป็นเรื่องสั้นแฝงคติ 00:22:10.280 --> 00:22:12.720 ชื่อเรื่องว่า ไม่กลัวผี นั่นเองค่ะ 00:22:12.780 --> 00:22:14.860 แต่เอาจริง ๆ มันมีพระราชนิพนธ์ที่เก่ากว่านั้นนะ 00:22:14.860 --> 00:22:16.100 แต่เป็นพระราชนิพนธ์แปล 00:22:16.100 --> 00:22:18.380 ซึ่งเป็นกึ่ง ๆ เหมือนแบบการบ้านสมัยนั้นน่ะ 00:22:18.380 --> 00:22:20.200 การบ้านวิชาการแปลว่าอย่างนั้นเถอะค่ะ 00:22:20.200 --> 00:22:22.360 คือพระองค์ก็เรียนภาษาอังกฤษตั้งแต่เด็กนะ 00:22:22.520 --> 00:22:25.240 อย่างในช่วงพระชนมายุ 8-9 พรรษาเนี่ยนะคะ 00:22:25.460 --> 00:22:28.200 ก็ทรงพระราชนิพนธ์แปลบทละคร เรื่อง Mikado นะคะ 00:22:28.200 --> 00:22:30.180 ของ Gilbert กับ Sullivan นะ 00:22:30.180 --> 00:22:31.920 ซึ่งเป็นโอเปราตลกของฝรั่งน่ะนะ 00:22:31.920 --> 00:22:34.900 ที่เขียนเนื้อเรื่องเป็นญี่ปุ่นเอาไว้เหมือนกันนะคะ 00:22:34.900 --> 00:22:37.680 อย่างไรก็ตาม ส่วนมากนักวิชาการก็จะยอมรับกันว่า 00:22:37.680 --> 00:22:38.940 พระราชนิพนธ์เรื่องแรกจริง ๆ 00:22:38.940 --> 00:22:41.100 ก็คือเรื่อง ไม่กลัวผี ที่วิวพูดไปถึงนี่แหละค่ะ 00:22:41.140 --> 00:22:43.020 ส่วนเรื่องสุดท้ายเนี่ยก็คือเรื่อง 00:22:43.100 --> 00:22:45.220 มัทนะพาธา นะคะ เวอร์ชันภาษาอังกฤษ 00:22:45.360 --> 00:22:47.620 ที่น่าเสียดายมาก ๆ ที่พระองค์พระราชนิพนธ์ 00:22:47.620 --> 00:22:49.120 ไม่ทันได้จบทั้งเรื่องค่ะ 00:22:49.120 --> 00:22:52.080 พระราชนิพนธ์ไปประมาณแบบ เกินครึ่งมานิดหน่อยเท่านั้นเองนะคะ 00:22:52.180 --> 00:22:54.160 และทั้งหมดนี้คือการนอกเรื่องค่ะทุกคน 00:22:54.160 --> 00:22:57.260 เรากลับไปที่คำว่า สมเด็จพระมหาธีรราชเจ้า กันดีกว่า 00:22:57.280 --> 00:22:59.840 อยากรู้กันมั้ยคะว่าคำนี้ใครเป็นคนคิดขึ้นมา 00:22:59.840 --> 00:23:03.060 แล้วใครเป็นคนถวายพระราชสมัญญานามนี้ให้กับพระองค์ 00:23:03.080 --> 00:23:04.520 ก็ต้องบอกว่าเรื่องราวทั้งหมดนี้ 00:23:04.520 --> 00:23:06.880 เกิดขึ้นในการซ้อมละครครั้งนึงค่ะ 00:23:07.000 --> 00:23:09.940 คือ มีคนคนนึงนะคะ ชื่อว่า หลวงสรรสารกิจ ค่ะ 00:23:09.940 --> 00:23:11.840 หรือว่า เคล้า คชนันทน์ นั่นเอง 00:23:11.980 --> 00:23:13.920 คุณหลวงคนนี้เป็นบรรณาธิการหนังสือพิมพ์ชื่อว่า 00:23:13.920 --> 00:23:15.380 หนังสือพิมพ์ไทยเขษม ค่ะ 00:23:15.480 --> 00:23:17.560 ทีนี้เค้าก็มีความคิดนะคะ ที่จะชวน 00:23:17.560 --> 00:23:19.880 นักคิด นักเขียน นักหนังสือพิมพ์ต่าง ๆ เนี่ย 00:23:20.020 --> 00:23:23.240 ขึ้นมาจัดแสดงละครพระราชนิพนธ์ทั้งหมด 2 เรื่องด้วยกันค่ะ 00:23:23.340 --> 00:23:26.260 นั่นก็คือเรื่องจัดการรับเสด็จ กับ เรื่องชิงนาง นะคะ 00:23:26.360 --> 00:23:28.780 จัดขึ้นในโอกาสในวันคล้ายวันพระราชสมภพ 00:23:28.780 --> 00:23:30.720 ของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว 00:23:30.860 --> 00:23:34.660 ในวันที่ 1 มกราคม พ.ศ.2469 นั่นเองค่ะ 00:23:34.820 --> 00:23:36.500 ทีนี้ถามว่าจัดขึ้นมาทำไม 00:23:36.500 --> 00:23:38.780 เขาตั้งใจจะจัดขึ้นมาเพื่อระดมทุนนะคะ 00:23:38.880 --> 00:23:41.760 สร้างหอนาฬิกาให้กับโรงเรียนวชิราวุธนี่ล่ะค่ะ 00:23:41.820 --> 00:23:44.260 ทีนี้ระหว่างการซ้อมนะคะ ระหว่างที่ซ้อม ๆ อยู่เนี่ย 00:23:44.260 --> 00:23:47.840 ก็มีคนสำคัญคนนึงค่ะ นั่นก็คือ พระสารประเสริฐ นะคะ 00:23:47.840 --> 00:23:49.260 หรือว่า ตรี นาคะประทีป 00:23:49.260 --> 00:23:51.320 คุ้น ๆ ชื่อมั้ย นาคะประทีป ก็คือ 00:23:51.320 --> 00:23:52.900 เสฐียรโกเศศ กับ นาคะประทีป 00:23:52.900 --> 00:23:54.640 คนที่แปลกามนิตคนนั้นนั่นล่ะค่ะ 00:23:54.780 --> 00:23:56.680 พระสารประเสริฐเนี่ยนะคะ เสนอขึ้นมาว่า 00:23:56.760 --> 00:23:58.660 เราควรจะมีการถวายพระสมัญญานาม 00:23:58.660 --> 00:24:01.100 ให้กับพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว นะ 00:24:01.100 --> 00:24:03.300 แล้วพระสารประเสริฐก็เสนอคำว่า 00:24:03.420 --> 00:24:05.680 สมเด็จพระมหาธีรราชเจ้า ขึ้นมาค่ะ 00:24:05.700 --> 00:24:07.240 ทีนี้เหล่านักเขียนคนดังต่าง ๆ 00:24:07.240 --> 00:24:09.520 ที่เราน่าจะคุ้นกันดีที่มีชีวิตอยู่ในยุคนั้น 00:24:09.520 --> 00:24:12.060 แล้วก็บังเอิญอยู่ในการซ้อมละครครั้งนั้นด้วยนะคะ 00:24:12.120 --> 00:24:14.420 ไม่ว่าจะเป็น พระยาอุปกิตศิลปสาร 00:24:14.420 --> 00:24:16.040 หรือว่า นิ่ม กาญจนชีวะ 00:24:16.100 --> 00:24:18.420 ก็คนที่เขียนตำราหลักภาษาไทย 00:24:18.600 --> 00:24:20.440 พระยาอนุมานราชธน 00:24:20.440 --> 00:24:21.500 พระวรเวทย์พิสิษฐ์ 00:24:21.620 --> 00:24:23.380 รวมถึงจมื่นมานิตย์นเรศเนี่ยนะคะ 00:24:23.380 --> 00:24:25.140 ที่อยู่ตรงนั้นก็เห็นด้วยค่ะ 00:24:25.180 --> 00:24:26.480 ดังนั้นทั้งหมดก็เลยตัดสินใจ 00:24:26.480 --> 00:24:29.300 ถวายพระราชสมัญญานามให้กับพระองค์ว่า 00:24:29.440 --> 00:24:32.120 สมเด็จพระมหาธีรราชเจ้า ตั้งแต่นั้นมาค่ะ 00:24:32.200 --> 00:24:33.820 คำว่า สมเด็จพระมหาธีรราชเจ้า 00:24:33.820 --> 00:24:35.320 ก็เลยค่อย ๆ แพร่หลายไปเรื่อย ๆ 00:24:35.320 --> 00:24:38.960 แล้วก็ใช้มาจนกระทั่งถึงสมัยปัจจุบันนั่นเองค่ะ 00:24:39.040 --> 00:24:42.300 นี่ก็คือเรื่องราวน่ารู้ทั้งหมด 6 ข้อนะคะ ที่วิวหยิบขึ้นมา 00:24:42.320 --> 00:24:44.460 จากนิทรรศการจุฬาลงกรณ์ราชบรรณาลัย 00:24:44.460 --> 00:24:46.840 ตอน มหาวชิราวุธราชบรรณาลัย นะ 00:24:46.840 --> 00:24:48.900 ภายใต้คอนเซ็ปต์ "บันดาลใจ" ค่ะ 00:24:49.080 --> 00:24:51.100 ถ้าสมมติว่าใครฟังแล้วรู้สึกว่า 00:24:51.100 --> 00:24:53.260 เฮ้ย อยากรู้เรื่องราวให้ลึกกว่านี้ 00:24:53.260 --> 00:24:55.380 อยากรู้เกร็ดความรู้ต่าง ๆ อีกมากมาย 00:24:55.380 --> 00:24:56.700 ซึ่งวิวอาจจะเอามาเล่าไม่หมด 00:24:56.840 --> 00:24:59.520 เช่น การจัดประกวดความสามารถในสมัยนั้น 00:24:59.520 --> 00:25:02.280 ที่พระองค์ก็เหมือนเป็น Host ขึ้นมาพระองค์แรก 00:25:02.340 --> 00:25:04.980 หรือว่าอะไรต่าง ๆ มากมายจริง ๆ นะคะ 00:25:04.980 --> 00:25:07.320 ก็สามารถเข้าไปติดตามความเคลื่อนไหว 00:25:07.320 --> 00:25:09.900 ของนิทรรศการมหาวชิราวุธราชบรรณาลัย 00:25:09.900 --> 00:25:14.380 ได้ทั้งที่แฟนเพจและเว็บไซต์ จุฬาลงกรณ์ราชบรรณาลัย 00:25:14.580 --> 00:25:18.060 รวมถึงวิวเองก็จะมาคอยอัปเดตให้ทุกคนฟังเรื่อย ๆ ด้วยค่ะ 00:25:18.180 --> 00:25:19.820 จบโควิด-19 เมื่อไหร่ 00:25:19.920 --> 00:25:22.940 รอเจอนิทรรศการจริงเต็มรูปแบบกันได้เลยนะคะ 00:25:23.100 --> 00:25:26.920 ที่สำนักงานวิทยทรัพยากร จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยค่ะ 00:25:27.200 --> 00:25:30.380 เอาจริง ๆ คลิปนี้เป็นคลิปที่ วิวตัดสินใจยากพอสมควรเลยนะคะ 00:25:30.380 --> 00:25:32.400 ตอนที่จะต้องตัดสินใจเลือกมาแค่ 6 ข้อ 00:25:32.400 --> 00:25:34.680 เพราะจริง ๆ แล้วมันมีเรื่องราวที่น่าสนใจ 00:25:34.680 --> 00:25:37.400 อีกเยอะมาก ๆ ๆ ๆ เลยทีเดียวค่ะ 00:25:37.600 --> 00:25:40.900 และนี่เป็นหนึ่งในคลิปที่ วิวหาข้อมูลมาทำเยอะอันดับต้น ๆ เลยนะ 00:25:40.900 --> 00:25:43.000 เพราะว่าข้อมูลทั้งหมดที่เอามาทำคลิปนี้ 00:25:43.000 --> 00:25:45.160 ไม่ใช่ข้อมูลที่แค่เอามาทำคลิปนี้เข้าใจมั้ย 00:25:45.160 --> 00:25:47.340 คือมันเป็นข้อมูลที่เอามาทำทั้งนิทรรศการเลย 00:25:47.340 --> 00:25:50.500 และนิทรรศการนี้ไม่ใช่นิทรรศการที่จัดทำขึ้นคนเดียว 00:25:50.520 --> 00:25:53.020 คือวิวเนี่ยเป็น curator ร่วมกับพี่ฮ่องเต้ 00:25:53.020 --> 00:25:55.620 ซึ่งเป็นคนทำอาร์ตต่าง ๆ ในงานใช่มั้ยคะ 00:25:55.720 --> 00:25:58.500 แต่ภายในงานนี้มีนักวิชาการหลายต่อหลายท่านเลยค่ะ 00:25:58.500 --> 00:26:01.260 ไม่ว่าจะเป็นรุ่นพี่ของวิว เป็นอาจารย์ เป็นอะไรต่าง ๆ 00:26:01.260 --> 00:26:03.920 มารวมกันนะคะ แล้วให้ข้อมูลไว้เยอะมากๆ เลยจริง ๆ 00:26:03.920 --> 00:26:06.860 ดังนั้น มีข้อมูลที่น่าสนใจเยอะมาก ๆ ๆ ๆ 00:26:06.860 --> 00:26:08.220 และวิวจะเสียใจมาก ๆ เลยค่ะ 00:26:08.220 --> 00:26:10.020 ถ้าสมมติว่าข้อมูลมันอยู่ตรงนั้น 00:26:10.020 --> 00:26:11.660 และมันฟรีแล้วไม่มีคนเข้าไปดู 00:26:11.660 --> 00:26:13.500 ดังนั้น อย่าลืมเข้าไปดูกันนะคะ 00:26:13.500 --> 00:26:15.060 วันนี้ลาไปก่อนแล้วกันค่ะทุกคน 00:26:15.060 --> 00:26:16.680 บาย ๆ สวัสดีค่ะ