สวัสดีค่ะ วิวจาก Channel Point of View ค่ะ
กลับมาทุกวันพุธเช่นเคยนะคะ ที่วิวจะนำเอา
บทละครเรื่องรามเกียรติ์ ฉบับพระราชนิพนธ์ใน
พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช
เล่มนี้มาเล่าให้ทุกคนฟังค่ะ
หลังจากที่ออกจากไทม์ไลน์หลักไปพูดถึงเมืองขีดขิน
ไปพูดถึงทรพีอะไรซะนานนะคะ
ในที่สุดเราก็เข้าใกล้เส้นเรื่องหลักของเรามากขึ้นแล้วค่ะ
วันนี้จะเป็นตอนสำคัญอีกตอนหนึ่งนะคะ
เดี๋ยวมาดูกันว่าเนื่อหาเป็นยังไงค่ะ
แต่ก่อนอื่น
ใครที่ยังไม่ได้กดปุ่ม subscribe ให้วิวนะคะ
กดปุ่ม subscribe ให้วิวก่อน กดปุ่ม subscribe เสร็จแล้ว
อย่าลืมกดเสร็จแล้วกดปุ่มกระดิ่งเล็กๆ ที่อยู่ด้านข้างด้วย
มันจะได้แจ้งเตือนทุกครั้งเลยที่วิวอัพคลิปวีดีโอใหม่ๆ ค่ะ
ส่วนใครที่รู้สึกว่าวิวเล่าชักช้า เนิบนาบ ไม่ทันใจเลยนะคะ แล้วก็ฟังความเร็วสปีดนี้ทันนะคะ
สามารถกดไปดูตรงนี้ได้เลยค่ะ วิวเคยเล่ารามเกียรติ์ตั้งแต่ต้นจนจบเรื่องให้จบภายใน 10 นาที เอาไว้นะคะ
แต่ถ้าใครอยากติดตามซีรีส์นี้ตั้งแต่ต้นมาจนถึงตอนนี้
แบบต่อเนื่อง non stop ก็สามารถกดไปดูตรงนี้ได้เช่นกันค่ะ
วิวทำเป็น playlist ไว้ให้แล้วนะคะ
โอเคค่ะ ไม่นอกเรื่องไปมากกว่านี้แล้ว
ถ้าพร้อมจะไปฟังเรื่องราวที่ทั้งสนุกและสาระแล้วก็
ไปฟังกันเลยค่ะ
หลังจากที่เราไปพูดถึงเมืองอื่นมานานแสนนานค่ะ
เราควรจะกลับมาพูดถึงกรุงศรีอโยธยาของเราดีกว่า
ความเดิมตอนที่แล้วเราพูดถึงเมืองแห่งนี้ไปนะคะ
คือพระรามเพิ่งจะแต่งงานกับนาสีดาแล้วก็จะกลับมาอยู่ที่เมืองนี้ใช่ไหมคะ
หลังจากที่พระรามแต่งงานกับนางสีดามาได้สักพักหนึ่งค่ะ
ท้าวทศรถก็เริ่มรู้สึกว่า
เออ ฉันเนี่ยแก่แล้วนะ
คือมีลูกมีเต้าลูกก็แต่งงานแล้ว
อืม ตามสไตล์ของพวกนิทานอินเดียต่างๆ นะคะ พอเริ่มรู้สึกว่าตัวเองแก่ก็จะเริ่ม
ยกสมบัติพัสถานอะไรต่างๆ ให้ลูกดูแลต่อใช่ไหมค่ะ
เพราะว่าตัวเองก็จะต้องแบบว่า
ไปบำเพ็ญตบะ ไปนู่นไปนี่ คือเรียกได้ว่า
ออกจากทางโลกเข้าสู้ทางธรรมแล้ว
ท้าวทศรถก็เช่นเดียวกันค่ะ
ท้าวทศรถเนี่ยนะคะ ก็เริ่มแบ่งพระสมบัติในสมองค่ะ ประมาณว่า
อ่อ ฉันมีลูกชายทั้งหมด 4 คน
แน่ๆ อยู่แล้วล่ะ ว่าพระพรตเนี่ยเป็นทายาทเมืองไกยเกษ
ก็จะต้องไปดูแลเมืองไกยเกษ
แล้วพระสัตรุดเนี่ยสนิทกับพระพรต
ดังนั้นให้พระสัตรุดไปอยู่กับพระพรตแล้วกัน
ลูก 2 คน ไปอยู่เมืองไกยเกษ ส่วนลูกรามกับลูกลักษมณ์เนี่ยนะ ก็อยู่ที่กรุงศรีอโยธยานี่แหละ
เมืองไกยเกษฉันไม่มีอำนาจอะไรไปปลดกษัตริย์เขา
แล้วตั้งลูกฉันตอนนี้
แต่เมืองนี้ฉันมีอำนาจจะปลดตัวเอง
ตอนนี้ถึงเวลาแล้วที่ฉันอยากจะลงจากราชสมบัติ
แล้วก็ยกราชสมบัติทั้งหมดให้ลูกรามไปดูแลแทนนะคะ
ดังนั้นค่ะ ท้าวทศรถก็เลยปรึกษา
กับเหล่าเสนาอำมาตย์ทั้งหลาย
แล้วก็เรียกพระรามเข้ามาค่ะมาสั่งความต่างๆ ประมาณว่า
ลูก พ่อเนี่ยแก่แล้วนะลูก
พ่อคิดว่าพ่อควรจะยกราชสมบัติต่างๆ ให้ลูกเอาไปดูแลนะ
เดี๋ยวพ่อหาฤกษ์ดีๆ นะ แล้วก็ตั้งลูกขึ้นมาปกครองเมืองแทนพ่อละกัน
ฝั่งพระรามนะคะ คิดอยู่ในใจแต่ไม่ได้พูดออกไป
พระรามก็คิดว่าแบบ
เอ๊ะ เดี๋ยวนะ นี่ฉันเป็นพระนารายณ์อวตารนะ
เชิญอวตารฉันมาปราบยักษ์ไม่ใช่เหรอ
แล้วถ้าให้ฉันมาปกครองบ้านเมืองเนี่ย
แล้วฉันจะไปปราบยักษ์ตอนไหน ฉันก็อยู่แต่ในเมือง
ฉันจะไปเจอยงเจอยักษ์ได้ยังไง
เอ๋ แต่พ่อให้อะ จะขัดพ่อก็ไม่ใช่เรื่องอยู่
อะอะอะ ตามน้ำไปก่อนละกัน
พระรามนะคะ ก็เลยตกลงตามนั้นไปค่ะ
ท้าวทศรถก็ไปจัดแจง จัดงานต่างๆ นานา
อะ ให้ไปเชิญพระฤาษีองค์นั้นพระฤาษีองค์นี้
ซึ่งเป็นพระอาจารย์ของพระรามเข้ามาในเมือง
ให้โหรดูดงดูดวงว่าวันไหนเป็นฤกษ์ดีที่สุด
ที่จะให้พระรามขึ้นครองราช
ซึ่งบังเอิญนะคะ ว่าชะตากรรมของพระรามไง
จะต้องออกไปปราบยักษ์
ดังนั้นโหรเนี่ย ปกติก็ดูแม่น โอ้ วันนี้วันดี วันนี้วันร้าย
อะไรอย่างงี้
แต่วันนี้เทวดาดลใจให้กลับร้ายเป็นดีไปหมดเลย แบบ
จริงๆ วันนี้นะ ถ้าพระรามขึ้นครองราชนะ
ไม่ได้ขึ้นครองราชหรอก
จะต้องระหกระเหินเดินป่าอะไรอย่างงี้
แต่ปรากฏโหรก็แบบดูไปดูมา
อู้ย วันนี้วันดีมากเลือกวันนี้แหละ นะคะ แล้วก็
จัดการบอกท้าวทศรถไป ท้าวทศรถก็เลยเชื่อโหรตามนั้นค่ะ
นอกจากนี้นะคะ ท้าวทศรถก็ยังให้คนไปเชิญพระพรต
กับพระสัตรุดกลับมาจากเมืองไกยเกษ
เพื่อกลับมาร่วมงานนี้อีกด้วยนะคะ
ทุกคนนี่ก็แฮปปี้กระดี๊กระด๊า ทุกคนรักพระรามน่ะนะ
ยกเว้นอยู่คนหนึ่ง
จำได้ไหมค่ะว่าใครเกลียดพระราม
คนนั้นนะคะ ก็คือนางค่อมกุจจี
สาวรับใช้คนสนิทของนางไกยเกษี
เมียอีกองค์หนึ่งของท้าวทศรถนั่นเอง
นางค่อมนี่แบบ
ฉันหงุดหงิด ฉันไม่โอเคเลย ทำไมพระรามถึงจะได้ครองราช
ไอ้ ไอ้ ไอ้เด็กเปรตพระรามเนี่ยนะ จะได้ครองราช
ไม่อะ ฉันยอมไม่ได้
จำไม่ได้เหรอ ตอนเด็กๆ เนี่ยมันเอาลูกกระสุนมายิงหลังฉัน
แอ่นไปแอ่นมา
ไม่เอาๆๆ ยอมไม่ได้
ว่าแล้วนะคะ นางค่อมก็รีบแจ้นไปหานางไกยเกษีค่ะ ไปฟ้อง
ไปถึงก็ร้องห่มร้องไห้ใหญ่โต
นางไกยเกษีก็ถามว่าแบบ
เอ้ย นางค่อมเป็นอะไร ไหนเล่าให้ข้าฟังซิ เกิดอะไรขึ้น
ทำไมร้องไห้ใหญ่โตขนาดนั้น
นางค่อมก็เลยแสดงละครเต็มที่เลย ประมาณว่าแบบ
พระแม่ ดูสิ ทุกคนล้วนมองข้ามหัวพระแม่ไปหมดเลย
ทำไม นี่เห็นไหม
เขาจะตั้งพระรามขึ้นมาเป็นกษัตริย์เมืองอโยธยาแล้ว
แล้วพระพรตแย่กว่าพระรามตรงไหน
พระพรตก็เป็นถึงลูกกษัตริย์
แล้วพระองค์นี่ก็เป็นลูกสาวของเมืองไกยเกษที่ยิ่งใหญ่
เชื้อสายพระองค์ก็ใช่ย่อย
ทำไมพระพรตถึงไม่ได้ครองกรุงศรีอโยธยา
แล้วคิดดูนะ จริงๆ แล้วพระรามกับพระพรตนี่ก็แบบ
ถึงจะบอกว่าพระรามเป็นพี่ แต่เป็นพี่กี่นาทีเอง
ท่านแค่เบ่งออกมาช้ากว่านางเกาสุริยานิดเดียว
จริงๆ พระพรตก็มีสิทธิ์ในราชบัลลังก์ทุกอย่าง
ฝั่งนางไกยเกษีนะคะ บังเอิญเทวดาดลใจ
คือเทวดาก็อยากให้ให้พระรามออกไปปราบยักษ์เหมือนกันไง
เทวดาก็ดลใจทำให้นางไกยเกษีเนี่ย
เกิดอิจฉาขึ้นมา นางไกยเกษีก็แบบ
เอ่อ จริงด้วย ทำไมอะ ทำไมพระรามได้
แล้วทำไมลูกข้าไม่ได้ปกครองบ้านเมืองอะ
ทำไม ทำไมลูกพรตของข้าไม่ได้ปกครองบ้านเมือง
เราจะทำยังไงดี นางค่อม เราจะต้องแก้ไขปัญหานี้ยังไง
นางค่อมนะคะ คิดแผนทั้งหมดมาแล้วในหัว นางค่อมก็แบบ
โอ้ย พระแม่จะไปยากอะไร
จำได้ไหม ตอนนู่นน่ะ เมื่อนานมาแล้ว
ท่านน่ะ เคยติดตามท้าวทศรถไปปราบปทูตทันต์
ถ้าท่านจำไม่ได้นะ ท่านกดตรงนี้เลย นี่ๆๆ ตรงมุมๆ เนี่ย
ข้าลงการ์ดไว้ให้แล้ว อ่าวไม่ใช่ อันนี้เนียนโฆษณา นะคะ
ตอนนั้นน่ะ ท่านจำได้ไหมว่าท่านได้อะไรมา
ท่านได้คำสัญญาจากท้าวทศรถมาข้อหนึ่งว่า
ท่านสามารถขออะไรก็ได้ แล้วตอนนั้นท่านยังไม่ได้ใช้ไง
นี่ไงเอามาใช้ตอนนี้เลย
ก็ไปขอให้พระพรตได้ขึ้นครองราชแทนสิ
นางไกยเกษีได้ยินอย่างนั้น
อู้ว!
เห็นด้วย
เป็นความคิดที่ดีมาก ว่าแล้วนะคะ นางไกยเกษีก็แบบ
ไม่อาบน้ำ ไม่แต่งตัว สยายผม ทำผมแบบเศร้าเต็มที่อะ
ทำเหมือนคนอกหักอะ
นั่งรอเวลาอยู่
ฝั่งท้าวทศรถนะคะ คืนก่อนที่จะตั้งพระรามเป็นพระราชาค่ะ
อยู่ดีๆ ก็นึกถึงนางไกยเกษีขึ้นมาประมาณว่าแบบ
เออ ปกตินะทุกวันเนี่ย
เวลาฉันออกไปหานางสนมกำนัลทั้งหลาย
ทุกคนก็จะต้องนั่งกันอยู่พร้อมหน้า
แต่นี่ไม่เห็นนางไกยเกษีมาหลายวันแล้วน๊า
เกิดอะไรขึ้น คิดถึงจังเลย
ว่าแล้วนะคะ ท้าวทศรถก็เลยไปหานางไกยเกษีถึงในห้องเลยค่ะ
ก็ไปถึง แต่งไปซะหล่อเลย กะว่า สวัสดีจ้าไกยเกษี
เรามาฉลองการขึ้นครองราชของพระรามด้วยกันเถอะ
ปรากฏว่าไปถึง แหวกม่านเข้าไปในห้อง แหวกไป ฟึ่บ!
ไกยเกษีน้องเป็นอะไรใครทำอะไรน้อง
คือภาพที่เห็นนะคะไกยเกษีนั่งทึ้งหัวตัวเองอยู่บนเตียง
นั่งร้องไห้ฟูมฟาย นั่งแบบ
เรื่องมันเศร้านะคะ
ถามยังไงก็ไม่ยอมตอบสักที
สุดท้ายนางไกยเกษีก็มารยาหญิงนะคะ ปาดน้ำตา
แล้วก็ลุกขึ้นมาบอกว่า
ท้าวทศรถ ข้าเสียใจมาก ท่านจำได้ไหมว่า
ท่านเคยสัญญาอะไรกับข้าไว้ข้อหนึ่ง
ตอนที่เราไปปราบปทูตทันต์ด้วยกันน่ะ
ท่านสัญญาว่า ข้าขออะไรท่านก็จะให้
แต่จนถึงบัดนี้
เวลามันผ่านมันตั้ง 10 กว่าปีแล้ว ท่านยังไม่เคยให้ข้าเลย
ท้าวทศรถได้ยินแบบนั้นนะคะ งง
งง คือประมาณว่าแบบ
ก็ตอนนี้ข้าจะให้เจ้าแล้วไง ข้าบอกว่าขออะไรก็ได้
เจ้าบอกว่าไว้ก่อน เจ้าไม่ขอเอง
จนถึงทุกวันนี้เจ้าก็ยังไม่ขอ แล้วจะมาทวงอะไรตอนนี้
อะอะ ไกยเกษี แต่ข้านี่เป็นคนรักษาความสัตย์อะนะ
คือข้าสัญญาอะไรไว้ ข้าก็ต้องทำตาม
อยากได้อะไรบอกข้ามาซิ
ไกยเกษีได้ยินอย่างนั้นนะคะ เข้าทาง
เสร็จข้าล่ะ ไกยเกษีลุกขึ้นมาแล้วก็บอกว่า
พระองค์ ข้าเนี่ย ขออย่างหนึ่งได้ไหม
ไหนๆ ท่านก็รักษาความสัตย์แล้ว
ข้าขอสิ่งนี้ละกัน ข้าขอว่า
ให้พระรามเนี่ย ที่จะขึ้นครองราชพรุ่งนี้ ออกไปเดินป่าสัก 14 ปี ออกไปบำเพ็ญตบะ ไปบำเพ็ญพรต สะสมบุญบารมีก่อน
ส่วนลูกของข้าเนี่ย พระพรตที่กำลังเดินทางมาที่เมืองเนี่ยนะ
ให้พระพรตเนี่ย ขึ้นครองราชแทนก่อนได้ไหมสัก 14 ปี
แล้วเดี๋ยวพอพระรามกลับมาเนี่ยนะ
ค่อยให้พระพรตลงแล้วให้พระรามขึ้นครองราชแทน
ไม่งั้นนะ ลูกข้าไม่มีวันขึ้นครองราชเด็ดขาดเลย
ท้าวทศรถได้ยินอย่างนั้นนะคะ
โกรธมาก ท้าวทศรถแบบ
อะไร เรื่องดีๆ ตั้งเยอะตั้งแยะทำไมไม่ขอ มาขอเรื่องอะไรเนี่ย
สุดท้ายนะคะ ทั้งสองคน เถียงกันไปเถียงกันมา
ฝั่งท้าวทศรถนะคะ ก็พยายามจะขอร้องความเห็นใจประมาณว่าแบบ
ได้โปรดเถอะไกยเกษี เห็นใจพี่บ้าง
โปรดอย่าสร้างรอยช้ำ ซ้ำเป็นรอยสอง รักแรกช้ำ...
ไม่ใช่! ละเล่นมุกซะ เพลงเก่าเลยนะคะ
คือท้าวทศรถก็พยายามจะบอกว่าแบบ เออ เห็นใจพี่หน่อยเถอะนะ ขออย่างอื่นได้ไหม คือพี่อะไม่อยากเสียสัตย์
คือถ้าน้องขอพี่ก็ต้องให้
แต่ว่าพี่ก็จัดงานขึ้นมาแล้ว
งานมันจะเริ่มขึ้นในอีกไม่ชั่วโมงนี้แล้ว
ได้โปรดเถอะ เปลี่ยนเป็นขออย่างอื่น เห็นใจพี่ เห็นใจลูก เห็นใจอะไร
พระรามก็เหมือนลูกของน้องไม่ใช่เหรอ
แล้วมันจะมีทำเนียมที่ไหน ที่จะให้น้องเนี่ย ขึ้นครองราชก่อนพี่
คือพระพรตเป็นน้อง พระพรตเป็นน้อง เข้าใจไหมไกยเกษี
ฝั่งไกยเกษีก็แบบ แล้วไงอะ เป็นน้องแล้วไง
งี้ก็แปลว่าชีวิตนี้พระพรตก็ไม่มีวันขึ้นครองราชสิ
แล้วทำไมอะ แล้วทำไมพี่จะต้องให้พระรามขึ้นครองราชด้วย
พระพรตกับพระรามก็เหมือนกันอะ ยังไม่มีความดีความชอบ
ยังไม่ได้ทำอะไรเลย
ให้ประเทศชาตินี้ คือถ้าพี่จะครองต่อไปก็เรื่องของพี่
แต่ทำไมอยู่ดีๆ ต้องอยากยกให้ลูกด้วย
แล้วทำไมต้องเป็นลูกคนอื่น ทำไมไม่เป็นลูกฉัน
ว่าแล้วนะคะ ทั้งคู่ก็เถียงกันไปเถียงกันมา
สุดท้ายนะคะ ท้าวทศรถนี่โกรธมาก โกรธถึงขั้นแบบ
แบบหยิบพระขรรค์จะมาฟันนางไกยเกษีตายแล้วนะ แต่แบบ
ทำใจไม่ได้จริงๆ เพราะว่าท้าวทศรถเป็นคนที่ถือความสัตย์มากๆ ค่ะ
สุดท้ายก็แทบจะกระอักเลือดค่ะ ประมาณว่า
ได้ ฉันก็คงต้องทำตามที่เธอบอกน่ะนะ แต่ขอให้รู้ไว้ว่า
วันใดที่พระรามก้าวออกไปจากเมืองนี้ จะเป็นวันตายของพี่
ด้วยอะไรดลใจนางไกยเกษีนะคะ นางไกยเกษีก็เลยไม่แคร์ แบบ don't mind don't care
ก็พี่จะตายก็ได้ แต่พี่จะต้องรักษาความสัตย์
ลูกฉันจะต้องได้ขึ้นครองราชนะคะ
คงคิดประมาณว่าท้าวทศรถไม่ตายจริงหรอกจะบ้าเหรอ
คนอะไรเสียใจตาย นะ
สุดท้ายนะคะ ท้าวทศรถก็นั่งร้องไห้ฟูมฟาย
ในห้องของไกยเกษีจนเช้าค่ะ ด้วยความแบบ
อึดอัดใจสุดขีดว่าแบบ
ฉันทำอะไรก็ไม่ได้ ฉันจะต้องทำตามอีนี่พูดเหรอ
ส่วนไกยเกษีนะคะ
ก็ให้นางค่อมค่ะ ออกไปเฝ้าหน้าปราสาท ส่วนตัวเองค่ะ ออกไปเฝ้าหน้าห้อง
เพื่อที่ว่าจะได้ไม่มีใครมีโอกาสไปเฝ้าท้าวทศรถค่ะ
จนรุ่งเช้านะคะ พระราชพิธีก็เริ่มต้นขึ้นค่ะ ทุกคนก็เดินทางกันเข้ามามากมาย
ตามที่ได้นัดเอาไว้นะคะ ตรงนั้นก็จัดเรียบร้อย
ตรงนี้ก็จัดเรียบร้อย
ทุกคนมาประชุมพร้อมกันเรียบร้อยแล้ว ขาดอยู่แค่คนเดียวก็คือ
ท้าวทศรถ ประธานในพิธีนั้นเอง ทุกคนก็ถามหากัน ประมาณว่า
ท้าวทศรถหายไปไหน ท้าวทศรถหายไปไหน
ท้าวทศรถหายไปไหน
ส่วนนางไกยเกษีหรือว่าเมียๆ คนอื่นก็ไม่ได้มีความสำคัญอะไร
ไม่ได้เข้าร่วมพิธีอยู่แล้ว
ก็เลยไม่มีใครถามหา
หากันไปหากันมาหาไม่เจอค่ะ
สุดท้ายก็เลยส่งเสนาบดีคนหนึ่งเนี่ย
ให้ไปตามท้าวทศรถที่ปราสาท
พอไปถึงนะคะ นางไกยเกษีก็สั่งมาประมาณว่า
อ๋อ ไม่มีอะไรหรอก ท้าวทศรถแค่มีอะไรบางอย่าง
อยากคุยกับพระรามน่ะ
ให้เสนาเนี่ยไปเชิญพระรามจากในพิธี
ขึ้นมาหาท้าวทศรถที่ปราสาทซิ
ซึ่งเสนาบดีก็งงๆ นะคะ เสนาก็แบบ ทำไมอะทำไมต้องเชิญพระรามขึ้นมาในปราสาทด้วย
นี่พระราชพิธีมันจะเริ่มแล้ว ฤกษ์งามยามดี ที่อุตสาห์ดูดวงไว้มันจะผ่านพ้นไปแล้วเนี่ย
แต่ก็ทำอะไรไม่ได้นะ แต่ก็ไปเชิญพระรามมาค่ะ
พอไปเชิญพระรามเสร็จนางไกยเกษีก็
เตรียมชุดไว้ให้ละ เป็นชุดนักบวช เป็นแบบชุดบวชฤาษีอะ
ก็ส่งให้พระรามแล้วก็บอกว่า
อะ พระราม เนี่ยนะตามคำสั่งของพ่อเจ้า พ่อบอกว่าให้เจ้าออกไปบวชอยู่ป่าเป็นเวลา 14 ปี
เสร็จนะ หลังจาก 14 ปี เจ้าค่อยกลับมาครองราช
ตอนนี้อย่าเพิ่งครองเลย วันนี้ไม่เหมาะเท่าไหร่หรอก
ซึ่งก็ทำให้พระรรามเนี่ยงงพอสมควรนะคะ พระรามก็แบบ
เอ้า เอ้าไหนพ่อบอกว่าให้ครองราชวันนี้
เออ แต่ก็ดีนะ ไม่ได้มีปัญหาอะไร ก็ดี
ก็คิดไว้ตั้งแต่แรกแล้วแหละ ว่าอยากหาโอกาสออกไปปราบยงปราบยักษ์
ยังไม่ควรจะขึ้นครองราชตอนนี้
ถ้าขึ้นครองราชตอนนี้ก็ไม่ได้ปราบยักษ์สิ
พระรามนะคะ ก็เลยถือเครื่องแต่งตัวทั้งหมดเนี่ย
ไปหาแม่ตัวเอง ก็คือพระนางเกาสุริยานั้นเอง
เพื่อไปบอกลาเเม่นะคะ
ซึ่งเรื่องราวต่อจากนี้นะคะ ก็จะเป็นดราม่าใหญ่โตวุ่นวาย
ไปอีกเยอะเลยค่ะ
แต่วิวคิดว่าคลิปนี้ยาวพอสมควรแล้ว
เราควรจะตัดจบซะก่อนแล้วไปต่อที่อาทิตย์หน้าดีกว่าค่ะ
ว่าหลังจากที่เรื่องราวการต้องออกบวชของพระรามเนี่ย
เผยแพร่ออกไป ทุกคนเริ่มรับรู้แล้ว
จะเกิดดราม่าอะไรขึ้นะคะ
สำหรับใครนะคะที่ชื่นชอบคลิปที่ทั้งสนุกและมีสาระแบบนี้นะคะ ก็อย่าลืม
กด like เป็นกำลังใจให้วิว
แล้วก็กด share เพื่อชวนเพื่อนๆ มาดูด้วยกันค่ะ
แล้วพบกันใหม่โอกาสหน้านะคะ บ๊าย บาย
สวัสดีค่ะ
จริงๆ เท่าที่ดูกันนะคะ ก็มีแต่พวกผู้ใหญ่นี่แหละ
ที่มีปัญหากับการออกบวชของพระรามน่ะนะ
ส่วนตัวพระรามเองนี่ออกจะชิลๆๆๆ
จริงๆ ถ้านางไกยเกษีเนี่ย
เก็บพรข้อนี้เอาไว้
แล้วตัดสินใจไปคุยกับพระรามก่อนว่าแบบ
พระรามลูกอย่าเพิ่งขึ้นครองราชเลย ลองไปออกบวชปราบยักษ์ดูก่อนไหม
บางทีเผลอๆ พระรามอาจจะแฮปปี้ แล้วก็
ยินดีออกบวชแล้วก็ไม่ต้องเสียคำขอข้อนั้นไป
แล้วนางไกยเกษีก็จะไม่ดูเป็นตัวร้ายขนาดนี้
ก็เป็นได้เนาะ ก็
แต่ก็นะ นางไกยเกษีจริงๆ ก็ไม่รู้นี่ว่าพระรามจริงๆ แล้ว
ไม่ได้อยากขึ้นครองราชนะคะ
เอาเป็นว่ามันก็เป็นความไม่เข้าใจกันในครอบครัว
นะคะ แล้วก็เป็นความคาดหวังของพ่อแม่
ที่คาดหวังจะให้ลูกของตัวเองได้ดีที่สุด
ประมาณนั้นแหละค่ะ
ก็ ทุกเรื่องจำเป็นจะต้องมีตัวร้ายน่ะนะ
เพราะว่าไม่งั้นพระรามก็ไม่ได้ออกไปปราบยักษ์
แล้วยักษ์มันก็จะต้องอยู่ตรงนั้นต่อไป
ดังนั้นอย่าเกลียดนางไกยเกษีขนาดนั้นเลย
น่ะนะคะ
อะ
คลิปนี้พอแค่นี้ดีกว่าค่ะ วันนี้ลาไปก่อนนะคะ บ๊าย บาย สวัสดีค่ะ