0:00:06.876,0:00:12.132 ในเดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ. 1942[br]เกษตรกรชาวเม็กซิโก ดิโอนิซีโอ พูลิโด 0:00:12.132,0:00:15.962 คิดว่าตนได้ยินเสียงฟ้าผ่า[br]มาจากไร่ข้าวโพดของเขา 0:00:15.962,0:00:19.740 ทว่าเสียงนั้นไม่ได้มาจากฟ้า 0:00:19.740,0:00:25.440 มันมาจากรอยแยกขนาดใหญ่ที่ปล่อยควัน [br]แก๊ส และหินออกมา 0:00:25.440,0:00:29.560 รอยแยกนี้จึงกลายเป็นที่รู้จัก[br]ในชื่อ ภูเขาไฟพาริคูติน 0:00:29.560,0:00:36.706 และอีก 9 ปีต่อมา ลาวาและขี้เถ้าของภูเขาไฟ[br]ได้ปกคลุมพื้นที่มากกว่า 200 ตารางกิโลเมตร 0:00:36.706,0:00:39.056 แล้วภูเขาไฟลูกใหม่นี้โผล่มาจากไหน 0:00:39.056,0:00:43.160 และอะไรไปกระตุ้น[br]ให้เกิดการปะทุที่คาดไม่ถึงนี้ 0:00:43.160,0:00:46.690 เรื่องราวของภูเขาไฟเริ่มจากหินหนืด (แมกมา) 0:00:46.690,0:00:51.880 หินหนืดพวกนี้มักก่อตัวในบริเวณที่[br]น้ำในมหาสมุทรสามารถผ่านเข้าไปใน 0:00:51.880,0:00:56.094 ชั้นเนื้อโลก ซึ่งจะทำให้[br]อุณหภูมิของชั้นนั้นเย็นลง 0:00:56.094,0:01:00.114 โดยปกติแล้วหินหนืดจากกระบวนการนี้[br]จะอยู่ใต้พื้นผิวโลก 0:01:00.114,0:01:04.226 เนื่องจากความสมดุลของ[br]ปัจจัยทางธรณีวิทยา 3 ข้อด้วยกัน 0:01:04.226,0:01:06.859 ข้อแรกคือ แรงดันชั้นหินปิดทับ 0:01:06.859,0:01:11.780 นี่คือน้ำหนักของเปลือกโลก[br]ที่ดันหินหนืดไว้ด้านล่าง 0:01:11.780,0:01:16.570 ทำให้หินหนืดดันกลับด้วยปัจจัยข้อที่สอง[br]คือ แรงดันหินหนืด 0:01:16.570,0:01:20.500 การปะทะกันของสองแรง[br]ทำให้เกิดปัจจัยข้อที่สาม 0:01:20.500,0:01:23.696 นั่นคือ ความแข็งแกร่งของเปลือกโลก 0:01:23.696,0:01:26.846 ปกติแล้ว หินจะแข็งแรงและหนักพอ 0:01:26.846,0:01:28.916 ที่จะกันไม่ให้หินหนืดออกมาได้ 0:01:28.916,0:01:34.701 แต่เมื่อปัจจัยทั้งสามนี้เสียสมดุล[br]ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นนั้นรุนแรงเหมือนระเบิด 0:01:34.701,0:01:37.421 สาเหตุหนึ่งที่ทำให้ภูเขาไฟปะทุ 0:01:37.421,0:01:40.320 คือการที่แรงดันหินหนืดเพิ่มขึ้น 0:01:40.320,0:01:43.590 หินหนืดประกอบด้วยธาตุและส่วนประกอบมากมาย 0:01:43.590,0:01:46.740 ซึ่งส่วนใหญ่จะละลายอยู่ในหินหนืดเอง 0:01:46.740,0:01:53.067 หากมีปริมาณที่เข้มข้นพอ ส่วนประกอบเช่น[br]น้ำหรือกำมะถันจะไม่ละลายอีก 0:01:53.067,0:01:56.887 แต่จะรวมตัวเป็นฟองแก๊สแรงดันสูงแทน 0:01:56.887,0:01:59.122 เมื่อฟองแก๊สลอยตัวถึงพื้นผิวหินหนืด 0:01:59.122,0:02:02.320 ฟองสามารถระเบิดออกด้วยความแรง[br]เทียบเท่าการยิงปืน 0:02:02.320,0:02:05.950 และเมื่อฟองนับล้านระเบิดอย่างต่อเนื่อง 0:02:05.950,0:02:10.200 ก็จะมีพลังงานมากพอจะส่งขี้เถ้า[br]ขึ้นสู่ชั้นบรรยากาศสตราโตสเฟียร์ 0:02:10.200,0:02:15.495 แต่ก่อนฟองจะแตก มันจะมีลักษณะคล้ายกับ[br]ฟองคาร์บอนไดออกไซด์เมื่อเขย่าโซดา 0:02:15.495,0:02:18.355 ฟองแก๊สเหล่านี้ช่วยทำให้[br]ความหนาแน่นของหินหนืดลดลง 0:02:18.355,0:02:23.098 และเพิ่มแรงพยุง ซึ่งจะไปดันหินหนืด[br]ให้ทะลุผ่านเปลือกโลกขึ้นไป 0:02:23.098,0:02:28.191 นักธรณีวิทยาเชื่อว่า นี่คือกระบวนการ[br]ที่ทำให้ภูเขาไฟพาริคูตินปะทุขึ้น 0:02:28.191,0:02:30.011 ในประเทศเม็กซิโก 0:02:30.011,0:02:33.518 มีอยู่ 2 สาเหตุโดยธรรมชาติที่ทำให้เกิดฟอง 0:02:33.518,0:02:36.688 บางครั้งหินหนืดใหม่ที่อยู่ลึกลงไปกว่านั้น 0:02:36.688,0:02:40.658 ก็พาแก๊สต่างๆ มาผสมโรงด้วย 0:02:40.658,0:02:44.806 แต่แก๊สก็สามารถรวมตัวกันได้[br]เมื่อหินหนืดเริ่มเย็นตัวลง 0:02:44.806,0:02:50.149 ในสถานะหลอมเหลวนั้น หินหนืดเป็นส่วนผสม[br]ของแก๊สกับแร่ธาตุที่หลอมละลายแล้ว 0:02:50.149,0:02:55.621 ขณะที่หินหนืดแข็งตัว แร่ธาตุในนั้น[br]จะเริ่มรวมกันแน่นและตกผลึก 0:02:55.621,0:02:59.621 กระบวนการนี้ไม่ได้ใช้แก๊ส[br]ที่ละลายอยู่มากนัก 0:02:59.621,0:03:02.912 เป็นผลให้สารประกอบมีความเข้มข้นสูงขึ้น 0:03:02.912,0:03:06.362 และรวมตัวเป็นฟองระเบิด 0:03:06.362,0:03:10.332 ไม่ใช่ทุกครั้งที่การปะทุจะเกิดขึ้น[br]จากแรงดันหินหนืด 0:03:10.332,0:03:15.062 บางครั้งน้ำหนักของหินเอง[br]ที่น้อยจนอาจเกิดอันตรายได้ 0:03:15.062,0:03:20.231 แผ่นดินถล่มสามารถนำหินปริมาณมหาศาล[br]ออกไปจากบริเวณกักเก็บหินหนืดได้ 0:03:20.231,0:03:25.201 จนทำให้แรงดันชั้นหินปิดทับลดฮวบ[br]และเกิดการปะทุโดยทันที 0:03:25.201,0:03:27.921 กระบวนการนี้เรียกว่า "การปลดปล่อย" 0:03:27.921,0:03:30.822 และเป็นเหตุให้เกิดการปะทุนับครั้งไม่ถ้วน 0:03:30.822,0:03:35.544 รวมถึงการระเบิดอย่างกระทันหัน[br]ของภูเขาไฟเซนต์เฮเลนส์ในปี ค.ศ. 1980 ด้วย 0:03:35.544,0:03:39.114 แต่การปลดปล่อยเช่นนี้[br]สามารถเกิดขึ้นโดยใช้เวลานานได้ 0:03:39.114,0:03:41.762 เนื่องมาจากการผุกร่อนของหิน[br]และธารน้ำแข็งละลาย 0:03:41.762,0:03:45.232 อันที่จริง นักธรณีวิทยาหลายคนกังวลว่า[br]การที่ธารน้ำแข็งละลาย 0:03:45.232,0:03:49.722 เนื่องจากอากาศเปลี่ยนแปลง[br]จะเพิ่มการระเบิดของภูเขาไฟมากขึ้น 0:03:49.722,0:03:54.295 สุดท้าย การปะทุสามารถเกิดขึ้นได้[br]เมื่อชั้นหินไม่แข็งแรงมากพอ 0:03:54.295,0:03:56.735 ที่จะกดหินหนืดให้อยู่ใต้ผิวโลกไว้ได้ 0:03:56.735,0:03:59.942 แก๊สที่เป็นกรดและความร้อนจากหินหนืด 0:03:59.942,0:04:04.568 สามารถกัดกร่อนหินด้วยกระบวนการที่ชื่อว่า[br]การเปลี่ยนแปลงความร้อน 0:04:04.568,0:04:08.448 ซึ่งจะค่อย ๆ เปลี่ยนหินแข็ง ๆ[br]ให้กลายเป็นดินเหนียวนุ่ม ๆ 0:04:08.448,0:04:12.088 ชั้นหินอาจอ่อนแรงลงได้[br]จากการเคลื่อนตัวของแผ่นเปลือกโลก 0:04:12.088,0:04:16.777 แผ่นดินไหวสามารถสร้างรอยแยก[br]ที่ทำให้หินหนืดออกมาสู่พื้นดินได้ 0:04:16.777,0:04:19.789 และเปลือกโลกจะถูกยืดออกจนบาง 0:04:19.789,0:04:23.267 ในขณะที่แผ่นทวีปก็เคลื่อนตัวออกจากกัน 0:04:23.267,0:04:26.217 อย่างไรก็ตาม แม้เราจะรู้ว่า[br]อะไรทำให้เกิดการปะทุ 0:04:26.217,0:04:28.617 มันก็ไม่ได้ทำให้คาดการณ์ง่ายขึ้นเลย 0:04:28.617,0:04:31.837 ขณะที่นักวิทยาศาสตร์สามารถวัด[br]ความแข็งแรงและน้ำหนัก 0:04:31.837,0:04:33.227 ของเปลือกโลกได้คร่าว ๆ 0:04:33.227,0:04:38.367 ความลึกและความร้อนของบริเวณหินหนืด[br]ทำให้การวัดความเปลี่ยนแปลงแรงดันหินหนืด 0:04:38.367,0:04:40.387 เป็นเรื่องที่ยากมาก 0:04:40.387,0:04:44.297 แต่นักธรณีวิทยาที่เชี่ยวชาญด้านภูเขาไฟ[br]กำลังสำรวจหาเทคโนโลยีใหม่ ๆ 0:04:44.297,0:04:46.844 เพื่อพิชิตภูเขาไฟให้อยู่หมัด 0:04:46.844,0:04:49.749 ความก้าวหน้าในการจับภาพความร้อน[br]ช่วยทำให้นักวิทยาศาสตร์ 0:04:49.749,0:04:52.409 ตรวจจับจุดร้อนใต้ดินได้ 0:04:52.409,0:04:55.839 สเปกโทรมิเตอร์สามารถวิเคราะห์[br]หาแก๊สที่ออกจากหินหนืดได้ 0:04:55.839,0:05:02.103 อีกทั้งเลเซอร์ยังสามารถใช้ตรวจจับหินหนืด[br]ที่ดันตัวสูงขึ้นได้จากรูปร่างของภูเขาไฟ 0:05:02.103,0:05:06.595 หวังว่าเครื่องมือเหล่านี้จะช่วยให้พวกเรา[br]เข้าใจภูเขาไฟพวกนี้มากขึ้น 0:05:06.595,0:05:08.861 รวมถึงการปะทุอย่างดุเดือดของมันด้วย