1 00:00:00,490 --> 00:00:03,220 เรารู้แล้วว่าการหายใจระดับเซลล์สามารถ 2 00:00:03,220 --> 00:00:05,820 แบ่งได้เป็น 3 ระยะ 3 00:00:05,820 --> 00:00:11,490 แบ่งได้เป็น 3 ระยะ 4 00:00:11,490 --> 00:00:16,760 กระบวนการแรกคือ ไกลโคไลซิส เป็นกระบวนการสลาย 5 00:00:16,760 --> 00:00:18,010 กลูโคส 6 00:00:18,010 --> 00:00:23,620 กลูโคส 7 00:00:23,620 --> 00:00:27,540 และปฏิกิริยานี้สามารถเกิดขึ้นโดยไม่จำเป็นต้องมีออกซิเจน 8 00:00:27,540 --> 00:00:31,590 ถ้าไม่ใช้ออกซิเจนก็จะเข้าสู่กระบวนการหมัก 9 00:00:31,590 --> 00:00:34,800 ผมจะอธิบายเรื่องนั้นอีกทีครับ 10 00:00:34,800 --> 00:00:37,320 คร่าวๆ คือ กระบวนการหมักที่เกิดขึ้นในคน 11 00:00:37,320 --> 00:00:38,750 จะสร้างกรดแลคติค 12 00:00:38,750 --> 00:00:41,150 ส่วนในสิ่งมีชีวิตชนิดอื่นอาจจะ 13 00:00:41,150 --> 00:00:43,200 สร้างแอลกอฮอร์หรือเอทานอล 14 00:00:43,200 --> 00:00:45,675 ถ้าในปฏิกริยาใช้ออกซิเจน ส่วนใหญ่ร่างกายเรา 15 00:00:45,675 --> 00:00:48,690 ใช้ปฏิกริยานี้ ถ้ามี 16 00:00:48,690 --> 00:00:50,610 ออกซิเจน ก็จะเข้าสู่ 17 00:00:50,610 --> 00:00:54,190 กระบวนการ Kreb's cycle 18 00:00:54,190 --> 00:00:58,750 หรือบางครั้งเรียกว่า Citric acid cycle เพราะมันเกี่ยวกับ 19 00:00:58,750 --> 00:01:00,390 กรดซิตริก 20 00:01:00,390 --> 00:01:03,390 สารอย่างเดียวกับที่มีในส้ม มะนาว 21 00:01:03,390 --> 00:01:05,630 จากนั้น เราจะไปที่กระบวนการ 22 00:01:05,630 --> 00:01:07,310 กระบวนการถ่ายทอดอิเล็กตรอน 23 00:01:07,310 --> 00:01:10,090 Electron transport chain 24 00:01:10,090 --> 00:01:12,750 ตามที่เรียนมาจากวิดีโอม้วนแรกเรื่องการหายใจระดับเซลล์ 25 00:01:12,750 --> 00:01:15,610 ว่า ATP จำนวนมหาศาลสร้างจาก 26 00:01:15,610 --> 00:01:16,500 กระบวนการนี้ 27 00:01:16,500 --> 00:01:18,920 โดยที่ส่วนประกอบของปฏิกิริยานี้จะมาจาก 28 00:01:18,920 --> 00:01:20,360 ส่วนข้างบนนี้ (ไกลโคไลซิส) 29 00:01:20,360 --> 00:01:23,460 ในวีดีโอนี้ครับ เราจะสนใจที่ 30 00:01:23,460 --> 00:01:24,710 ไกลโคไลซิส 31 00:01:24,710 --> 00:01:27,500 ไกลโคไลซิส 32 00:01:27,500 --> 00:01:31,080 มันเป็นเรื่องที่ค่อนข้างยาก 33 00:01:31,080 --> 00:01:32,830 เพราะคุณอาจจะสับสนได้ 34 00:01:32,830 --> 00:01:34,550 ผมจะแสดงส่วนยากให้ดูเล็กน้อย 35 00:01:34,550 --> 00:01:35,480 กระบวนการที่แท้จริง 36 00:01:35,480 --> 00:01:36,750 มันอาจจะน่าเบื่อเล็กน้อย 37 00:01:36,750 --> 00:01:39,160 แต่ที่ผมทำคือทำให้มันง่ายที่สุด เท่าที่เป็นไปได้ 38 00:01:39,160 --> 00:01:40,420 เท่าที่เป็นไปได้ 39 00:01:40,420 --> 00:01:42,550 หลังจากนี้ เราจะชม 40 00:01:42,550 --> 00:01:45,770 ส่วนยากของกระบวนการไกลโคไลซิส 41 00:01:45,770 --> 00:01:46,940 เพื่อให้เรารู้ถึงที่มามากขึ้น 42 00:01:46,940 --> 00:01:49,230 ซึ่ง ไกลโคไลซิส หรือ การหายใจระดับเซลล์นั้น 43 00:01:49,230 --> 00:01:50,480 เริ่มต้นด้วยกลูโคส 44 00:01:50,480 --> 00:01:53,230 เริ่มต้นด้วยกลูโคส 45 00:01:53,230 --> 00:01:55,130 ซึ่งสูตรทางโมเลกุลของกลูโคสก็คือ 46 00:01:55,130 --> 00:01:59,660 C6H12O6 47 00:01:59,660 --> 00:02:01,850 หลังจากนั้นผมสามารถวาดโครงสร้างโมเลกุลให้ได้ 48 00:02:01,850 --> 00:02:02,300 มันอาจจะใช้เวลาเล็กน้อย 49 00:02:02,300 --> 00:02:04,270 แต่ผมขอเขียนเป็นโซ่ตรงละกัน 50 00:02:04,270 --> 00:02:07,010 ซึ่งที่จริงมันอาจจะเป็นรูปทรงวงแหวนก็ได้ 51 00:02:07,010 --> 00:02:12,700 แต่เพื่อให้ง่าย ผมจะวาดคาร์บอน 6 อันเป็นเส้นเดียว 52 00:02:12,700 --> 00:02:15,950 ซึ่งไกลโคไลซิสมีสองขั้นตอน 53 00:02:15,950 --> 00:02:16,820 ที่เราควรรู้ 54 00:02:16,820 --> 00:02:19,420 ขั้นตอนแรก เป็นขั้นตอนการลงทุน 55 00:02:19,420 --> 00:02:23,000 ซึ่งขั้นตอนการลงทุนจะใช้ 2 ATP 56 00:02:23,000 --> 00:02:29,910 ซึ่งขั้นตอนการลงทุนจะใช้ 2 ATP 57 00:02:29,910 --> 00:02:32,270 ซึ่งเป้าหมายของการหายใจระดับเซลล์คือ 58 00:02:32,270 --> 00:02:35,650 การสร้าง ATP แต่ในขั้นตอนแรก 59 00:02:35,650 --> 00:02:37,360 เราต้องใช้ ATP 2 อัน 60 00:02:37,360 --> 00:02:40,980 ผมจะใช้ ATP 2 อันเพื่อแตกกลูโคสเป็น 61 00:02:40,980 --> 00:02:50,710 โมเลกุลที่มี 3 คาร์บอน 2 โมเลกุล 62 00:02:50,710 --> 00:02:53,730 และพวกมันก็มีกลุ่มฟอสเฟตเกาะอยู่ด้วย 63 00:02:53,730 --> 00:02:56,690 ซึ่งกลุ่มฟอสเฟตเหล่านี้มาจาก ATP 64 00:02:56,690 --> 00:02:58,910 เมื่อพวกมันมีกลุ่มฟอสเฟตเกาะอยู่ 65 00:02:58,910 --> 00:03:01,520 เราจะเรียกมันว่า 66 00:03:01,520 --> 00:03:02,910 PGAL 67 00:03:02,910 --> 00:03:04,040 แต่คุณไม่จำเป็นต้องจำตรงนี้ 68 00:03:04,040 --> 00:03:12,360 ซึ่งชื่อเต็มคือ phosphoglyceraldehyde 69 00:03:12,360 --> 00:03:13,420 ซึ่งคำนี้สะกดยากมาก 70 00:03:13,420 --> 00:03:14,420 ส่วนนี้ไม่จำเป็นต้องรู้ 71 00:03:14,420 --> 00:03:15,950 ที่คุณต้องรู้คือ 72 00:03:15,950 --> 00:03:17,840 ในตอนแรกคุณใช้ ATP ไป 2 โมเลกุล 73 00:03:17,840 --> 00:03:20,350 นี่คือเหตุผลว่าทำไมมันถึงมีชื่อว่าขั้นตอนการลงทุน 74 00:03:20,350 --> 00:03:29,020 ซึ่งก็เหมือนกับในทางธุรกิจ เราต้องลงทุนก่อน 75 00:03:29,020 --> 00:03:33,510 หลังจากนั้นโมเลกุล PGAL 2 โมเลกุล ก็จะไปสู่ 76 00:03:33,510 --> 00:03:35,350 ขั้นตอนของ payoff phase 77 00:03:35,350 --> 00:03:39,480 ในขั้นตอน payoff phase นั้น โมเลกุลของ 78 00:03:39,480 --> 00:03:42,280 PGAL จะถูกเปลี่ยนเป็น pyruvate 79 00:03:42,280 --> 00:03:45,310 ซึ่งก็คือโมเลกุล 3-คาร์บอน แต่ถูกเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย 80 00:03:45,310 --> 00:03:48,670 ซึ่งขั้นตอนสู่การเป็น pyruvate 81 00:03:48,670 --> 00:03:53,130 ผมจะวาด pyruvate เป็นสีน้ำเงิน 82 00:03:53,130 --> 00:03:54,620 คุณควรจะรู้จักคำๆ นี้ 83 00:03:54,620 --> 00:03:56,290 ผมจะวาดโครงสร้างของมัน 84 00:03:56,290 --> 00:03:57,100 Pyruvate 85 00:03:57,100 --> 00:03:59,730 หรือบางครั้ง มันจะถูกเรียกว่า กรดไพรูวิค 86 00:03:59,730 --> 00:04:02,560 ซึ่งมันคือสิ่งเดียวกัน 87 00:04:02,560 --> 00:04:05,890 และมันคือผลที่ได้จากไกลโคไลซิส 88 00:04:05,890 --> 00:04:08,200 ซึ่งในตอนแรก คุณเริ่มด้วยกลูโคส ในขั้นตอนการลงทุน 89 00:04:08,200 --> 00:04:10,480 แล้วคุณก็ได้ PGAL 90 00:04:10,480 --> 00:04:12,540 ซึ่งคือผลที่ได้จากการแตกกลูโคสออก 91 00:04:12,540 --> 00:04:14,070 และแปะกลุ่มฟอสเฟตเข้าไป 92 00:04:14,070 --> 00:04:17,310 และโมเลกุลนี้จะเข้าสู่ 93 00:04:17,310 --> 00:04:18,490 payoff phase 94 00:04:18,490 --> 00:04:22,029 ซึ่งคุณจะได้ไพรูเวท 2 โมเลกุลจาก 95 00:04:22,029 --> 00:04:25,220 กลูโคสทุกโมเลกุลที่คุณเริ่มไว้ด้วย 96 00:04:25,220 --> 00:04:27,860 ซึ่งคุณอาจจะสงสัยว่า นี่ Sal มันมี payoff phase ด้วยนะ 97 00:04:27,860 --> 00:04:30,310 แล้ว payoff คืออะไร 98 00:04:30,310 --> 00:04:35,710 อืม.. จาก payoff 99 00:04:35,710 --> 00:04:37,280 ขั้น payoff phase 100 00:04:37,280 --> 00:04:38,530 นี่คือ payoff phase 101 00:04:41,460 --> 00:04:43,150 และ...ขอโทษนะครับที่พื้นหลังเป็นสีขาว 102 00:04:43,150 --> 00:04:45,300 จริงๆแล้วที่กระดานเป็นแบบนี้เพราะผม 103 00:04:45,300 --> 00:04:47,800 นำข้อมูลมาจากวิกิพีเดีย ของเขามัน 104 00:04:47,800 --> 00:04:50,390 เป็นสีขาว พี้นหลังที่เห็นจึงเป็นแบบนี้ 105 00:04:50,390 --> 00:04:50,950 ในวิดีโอ 106 00:04:50,950 --> 00:04:53,910 แต่ยังไงผมก็ชอบพื้นหลังสีดำ 107 00:04:53,910 --> 00:04:55,040 มากกว่า 108 00:04:55,040 --> 00:04:57,750 ตรงนี้เป็น payoff phase 109 00:04:57,750 --> 00:05:00,990 ได้มาจาก Phosphoglyceraldehyde 110 00:05:00,990 --> 00:05:05,080 ซึ่งกลายเป็น กรดไพรูวิค จะได้ 2 สิ่งออกมา 111 00:05:05,080 --> 00:05:07,420 ผมว่า มันออกมา 3 สิ่ง 112 00:05:07,420 --> 00:05:11,860 เราสลาย PGALเป็น 113 00:05:11,860 --> 00:05:13,450 ไพรูเวต จะมี 2 ATP ออกมาด้วย 114 00:05:13,450 --> 00:05:16,120 2 ATP 115 00:05:16,120 --> 00:05:17,880 ผมจะได้ 2 ATP 116 00:05:17,880 --> 00:05:20,490 และ 2 ATP จากอีกโมเลกุล 117 00:05:20,490 --> 00:05:22,410 และจากการสลายนั้นจะได้ NADH ด้วย 118 00:05:22,410 --> 00:05:27,540 NADH 119 00:05:27,540 --> 00:05:29,820 ใช้สีเข้มกว่านี้เขียนดีกว่า 120 00:05:29,820 --> 00:05:31,070 NADH 121 00:05:36,940 --> 00:05:39,910 แน่นอนว่า มันไม่ได้สร้างโมเลกุลทั้งหมด 122 00:05:39,910 --> 00:05:40,800 จากความว่างเปล่า 123 00:05:40,800 --> 00:05:43,450 ที่สำคัญคือ การสร้างNADH ใช้ 124 00:05:43,450 --> 00:05:47,640 NAD+ ดังนั้นตั้งจึงต้นที่ NAD+ 125 00:05:47,640 --> 00:05:51,260 แล้วรีดิวส์ 126 00:05:51,260 --> 00:05:53,150 ด้วยการเพิ่ม H 127 00:05:53,150 --> 00:05:55,170 จำได้นะ! ที่ไปเรียน 2 ครั้งที่แล้ว เธอ 128 00:05:55,170 --> 00:05:57,830 ได้ดูการรีดักชันของ H 129 00:05:57,830 --> 00:06:01,110 ดังนั้นจะได้ว่า NAD+ ถูกรีดิวส์เป็น NADH 130 00:06:01,110 --> 00:06:05,110 ต่อไป NADH จะใช้ในกระบวนการ 131 00:06:05,110 --> 00:06:08,470 Electron transport chain ที่ใช้สร้าง ATP 132 00:06:08,470 --> 00:06:13,090 และทั้งหมดนี้ที่เราได้รู้คือกระบวนการของ 133 00:06:13,090 --> 00:06:16,390 Glycolysis ที่มีสารตั้งต้น 134 00:06:16,390 --> 00:06:17,640 คือกลูโคส 135 00:06:17,640 --> 00:06:21,480 กลูโคส 136 00:06:21,480 --> 00:06:24,520 และคุณจะใช้ NAD+ 137 00:06:24,520 --> 00:06:27,840 NAD+ 138 00:06:27,840 --> 00:06:29,870 ความจริง ทุกโมลของกลูโคส 139 00:06:29,870 --> 00:06:33,540 ใช้ NAD+ 2 โมเลกุล 140 00:06:33,540 --> 00:06:34,990 กับ ATP 2 โมเลกุล 141 00:06:38,420 --> 00:06:40,860 ตอนนี้ผมกำลังเขียนสารตั้งต้น 142 00:06:40,860 --> 00:06:42,350 ที่ใช้ 143 00:06:42,350 --> 00:06:44,750 และเธอต้องใช้--- เอ่อ 144 00:06:44,750 --> 00:06:47,290 ในตอนแรกพวกนี้เป็น ADP ก่อนจะเปลี่ยนเป็น ATP ครับ 145 00:06:47,290 --> 00:06:51,550 ADP อีก 4 โมเลกุล 146 00:06:51,550 --> 00:06:57,150 แล้ว สิ้นสุดกระบวนการ Glycolysis 147 00:06:57,150 --> 00:06:57,840 ที่ผมเขียนตรงส่วนนี้ 148 00:06:57,840 --> 00:07:01,055 ผม...ขอโทษนะครับ ตรงนี้เป็น ADP 149 00:07:01,055 --> 00:07:04,950 ADP 150 00:07:04,950 --> 00:07:08,970 แก้เป็น 151 00:07:08,970 --> 00:07:10,540 4 ADPs 152 00:07:10,540 --> 00:07:12,390 จากนั้น เธอก็ใช้ 153 00:07:12,390 --> 00:07:15,820 หมู่ฟอสเฟต 4 หมู่ 154 00:07:15,820 --> 00:07:18,540 หมู่ฟอสเฟต 4 หมู่ บางครั้งจะเขียนฟอสเฟต 155 00:07:18,540 --> 00:07:19,310 แบบนั้นก็ได้ 156 00:07:19,310 --> 00:07:20,440 แต่ผมเลือกแบบนี้ละกัน 157 00:07:20,440 --> 00:07:21,740 ฟอสเฟต 4 หมู่ 158 00:07:25,670 --> 00:07:30,790 หลังจากสิ้นสุดปฏิกริยา Glycolysis จะได้ไพรูเวต 2 159 00:07:30,790 --> 00:07:37,680 จะได้ไพรูเวต 2 โมเลกุล NADH อีก 2 โมเลกุล 160 00:07:40,660 --> 00:07:43,190 โดย NAD จะถูกรีดิวส์ 161 00:07:43,190 --> 00:07:45,010 มันรับ H 162 00:07:45,010 --> 00:07:45,850 RIG 163 00:07:45,850 --> 00:07:46,590 OIL RIG 164 00:07:46,590 --> 00:07:48,850 Reduction คือการรับอิเล็กตรอน 165 00:07:48,850 --> 00:07:50,200 ในทางชีววิทยาเราถือว่า 166 00:07:50,200 --> 00:07:51,110 มันเป็นการรับ H 167 00:07:51,110 --> 00:07:53,320 เพราะ H มี Electronegativity ต่ำ 168 00:07:53,320 --> 00:07:54,260 H จึงเสียอิเล็กตรอน 169 00:07:54,260 --> 00:07:56,020 ก็คือ รับอิเล็กตรอนจากมันนั่นเอง 170 00:07:56,020 --> 00:08:01,810 ดังนั้น 2 NADH 2 ATP ใช้ใน 171 00:08:01,810 --> 00:08:02,720 investment phase 172 00:08:02,720 --> 00:08:04,390 ที่ผมเขียนแยกกันไว้ 173 00:08:04,390 --> 00:08:05,860 และ 2 โมเลกุลนี้ถูกใช้ใน Investment phase 174 00:08:05,860 --> 00:08:07,865 แล้วกลายเป็น 175 00:08:07,865 --> 00:08:10,860 ADP 2 โมเลกุล 176 00:08:10,860 --> 00:08:13,630 แล้วเจ้าตัวนี้ 177 00:08:13,630 --> 00:08:14,750 เปลี่ยนเป็น ATP 178 00:08:14,750 --> 00:08:19,090 จะได้ 4 ATP 179 00:08:19,090 --> 00:08:20,570 ผมคิดว่าเราไม่ได้ใช้ 4 ตัว 180 00:08:20,570 --> 00:08:22,890 เราใช้แค่ฟอสเฟส 2 ตัว 181 00:08:22,890 --> 00:08:24,570 เพราะมันใช้แค่ 2 ตัว 182 00:08:24,570 --> 00:08:26,710 จากนั้น เราจะใช้อีก 2 ตัว เพื่อ 183 00:08:26,710 --> 00:08:28,560 ให้ตรงนั้นมี 4 ตัว 184 00:08:28,560 --> 00:08:31,270 แต่รวมๆแล้ว เธอจะใช้ กลูโคส ตั้งต้น 185 00:08:31,270 --> 00:08:33,020 ได้ ไพรูเวต 2 โมเลกุล เป็นผลิตภัณฑ์ 186 00:08:33,020 --> 00:08:35,090 จ่าย ATP 2 โมเลกุล 187 00:08:35,090 --> 00:08:36,909 ได้ 4 ATP กลับมา 188 00:08:36,909 --> 00:08:39,559 ดังนั้น จะได้ a net of 2 ATP 189 00:08:39,559 --> 00:08:41,490 ให้ผมเขียนสรุปตรงนั้น สรุปว่า 190 00:08:41,490 --> 00:08:45,840 ผลพลอยได้จาก Glycolysis คือ 2 ATP 191 00:08:45,840 --> 00:08:51,290 กับ 2 NADH จากนั้นจะเอา 2 อย่างนี้ไปใช้ใน 192 00:08:51,290 --> 00:08:54,600 electron transport chain เพื่อ ผลิต 3 ATP 193 00:08:54,600 --> 00:08:59,150 ตอนนี้เธอได้ NADH แล้วก็จะได้ 2 ไพรูเวต 194 00:08:59,150 --> 00:09:02,930 เอาไปเปลี่ยนเป็น acetyl-CoA ที่จะเป็น 195 00:09:02,930 --> 00:09:04,950 วัตถุดิบของ Kreb's cycle 196 00:09:04,950 --> 00:09:10,690 ทั้งหมดนี้เป็นสารที่ได้จาก Glycolysis 197 00:09:10,690 --> 00:09:13,070 ตอนนี้เราได้ภาพรวมแล้ว เราไปดู 198 00:09:13,070 --> 00:09:13,800 กลไกของมันกันเถอะ 199 00:09:13,800 --> 00:09:15,730 ภาพดูค่อนข้างซับซ้อนกว่า 200 00:09:16,440 --> 00:09:18,970 แต่มันก็แนวเดียวกันกับที่เรียนไปแล้ว 201 00:09:18,970 --> 00:09:22,000 คือ เริ่มที่ กลูโคสที่มี 202 00:09:22,000 --> 00:09:24,270 รูปร่างเป็น 6 ลูกโซ่ 203 00:09:24,270 --> 00:09:26,060 ต่อเป็นวง วงแหวน 204 00:09:26,060 --> 00:09:30,280 (นับ C) 205 00:09:30,280 --> 00:09:33,110 เขียนในแบบนี้ก็ได้ 206 00:09:33,110 --> 00:09:34,226 ทำให้ดูง่ายขึ้น 207 00:09:34,226 --> 00:09:36,020 C6H12O6 เข้าทำปฏิกริยา 208 00:09:36,020 --> 00:09:37,460 ใช้ 1 ATP ตรงนี้ 209 00:09:37,460 --> 00:09:39,430 ผมจะเน้นสีไว้ 210 00:09:39,430 --> 00:09:42,310 ผมจะใช้สีส้มเน้นตรง ที่ใช้ ATP 211 00:09:42,310 --> 00:09:43,870 ใช้ 1 ATP ตรงนี้ 212 00:09:43,870 --> 00:09:46,050 ใช้ 1 ATP ตรงนี้ 213 00:09:46,050 --> 00:09:48,500 และ อย่างที่บอก สารที่ได้ในแต่ละขั้น 214 00:09:48,500 --> 00:09:49,370 จะมีชื่อที่ต่างกันนิดหน่อย 215 00:09:49,370 --> 00:09:49,880 แต่สารที่อยู่ตรงนี้คือ 216 00:09:49,880 --> 00:09:52,040 phosphoglyceraldehyde 217 00:09:52,040 --> 00:09:54,480 หรือเรียกว่า glyceraldehyde 3-phosphate 218 00:09:54,480 --> 00:09:56,850 มันก็คือโมเลกุลเดียวกัน 219 00:09:56,850 --> 00:10:00,130 อย่างที่เห็นในรูปที่ผมวาดก่อนหน้านี้ 220 00:10:00,130 --> 00:10:03,020 เรามี 1..2..3 คาร์บอน 221 00:10:05,670 --> 00:10:07,630 ที่มีฟอสเฟสอยู่ด้วย 222 00:10:07,630 --> 00:10:09,600 จริงๆแล้วฟอสเฟสสร้างพันธะกับออกซิเจน 223 00:10:09,600 --> 00:10:12,160 แต่ผมอยากเข้าใจง่าย 224 00:10:12,160 --> 00:10:13,560 จึงวาดหมู่ฟอสเฟสแบบนี้ 225 00:10:13,560 --> 00:10:15,750 ที่เขียนให้ดูแล้วนี่ไง 226 00:10:16,440 --> 00:10:18,535 phosphoglyceraldehyde ตรงนี้มี 227 00:10:18,535 --> 00:10:20,700 โครงสร้างจริงคือ แบบนี้ 228 00:10:20,700 --> 00:10:23,630 ผมคิดว่าบางครั้งเธอดูโครงสร้างแล้วอาจจะทำให้ 229 00:10:23,630 --> 00:10:24,680 ลืมภาพรวมของ 230 00:13:26,930 --> 00:13:29,570 ครับ ผมก็หวังว่าวีดีโอนี้ช่วยคุณได้