WEBVTT 00:00:01.190 --> 00:00:05.718 ผมอยากจะแนะนำ ให้คุณรู้จักกับสาขาวิทยาศาสตร์เกิดใหม่ 00:00:05.742 --> 00:00:09.685 ที่ยังเป็นไปในเชิงทฤษฎี แต่น่าสนใจเป็นอย่างมาก 00:00:09.709 --> 00:00:12.338 และเป็นสาขาที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว 00:00:13.448 --> 00:00:17.496 ชีวควอนตัม ถามคำถามง่ายๆ คือ 00:00:17.520 --> 00:00:18.870 กลศาสตร์ควอนตัม -- 00:00:18.894 --> 00:00:22.196 ทฤษฎีที่ประหลาดและสวยงามและทรงพลัง 00:00:22.220 --> 00:00:24.908 ของโลกระดับเล็กกว่าอะตอม ของอะตอมและโมเลกุล 00:00:24.932 --> 00:00:28.420 ที่เป็นหลักให้ฟิสิกส์และเคมียุคใหม่มากมาย -- 00:00:28.444 --> 00:00:31.856 ยังมีบทบาทสำคัญในเซลล์ที่มีชีวิตหรือไม่ 00:00:31.880 --> 00:00:35.959 หรืออีกนัยหนึ่งคือ มีกระบวนการ กลไก ปรากฏการณ์ 00:00:35.983 --> 00:00:39.971 ในสิ่งมีชีวิตที่ยังมีชีวิตหรือไม่ ที่สามารถอธิบายได้ 00:00:39.995 --> 00:00:42.738 ก็ต่อเมื่อได้รับความช่วยเหลือ จากกลศาสตร์ควอนตัม 00:00:43.546 --> 00:00:45.183 เอาล่ะ ชีวควอนตัม ไม่ได้ใหม่เลย 00:00:45.207 --> 00:00:47.608 มันมีมาตั้งแต่ราวๆ ต้นยุค 1930 00:00:47.928 --> 00:00:51.643 แต่มันเพิ่งจะได้ถูกทดลองอย่างละเอียด เมื่อทศวรรษที่ผ่านมานี้เอง 00:00:51.667 --> 00:00:55.131 ในห้องทดลองชีวเคมี โดยใช้เครื่องมือตรวจวิเคราะห์สเปกตรัม 00:00:55.155 --> 00:01:02.018 มันได้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจน ยืนยันหลักฐาน ว่ามีกลไกจำเพาะบางอย่าง 00:01:02.042 --> 00:01:04.553 ที่ต้องการกลศาสตร์ควอนตัมในการอธิบาย NOTE Paragraph 00:01:05.674 --> 00:01:09.003 ชีวควอนตัมเป็นการรวมเข้าด้วยกัน ของนักฟิสิกส์ควอนตัม นักชีวเคมี 00:01:09.027 --> 00:01:12.668 นักชีวโมเลกุล มันเป็นศาสตร์ที่มีการบูรณาการณ์ 00:01:12.692 --> 00:01:16.621 ผมศึกษาฟิสิกส์ควอนตัม ผมเป็นนักนิวเคลียร์ฟิสิกส์ NOTE Paragraph 00:01:16.645 --> 00:01:18.910 ผมใช้เวลาสามทศวรรษ 00:01:18.934 --> 00:01:21.863 พยายามเข้าใจกลศาสตร์ควอนตัม 00:01:21.887 --> 00:01:24.380 หนึ่งในผู้ค้นพบกลศาสตร์ควอนตัม นีล บอร์ (Niels Bohr) 00:01:24.404 --> 00:01:27.754 บอกว่า ถ้าคุณไม่ทึ่งเพราะมัน แสดงว่าคุณยังไม่เข้าใจมัน 00:01:28.237 --> 00:01:31.080 ฉะนั้น ผมค่อนข้างจะยินดี ที่ผมยังรู้สึกทึ่งกับมัน 00:01:31.104 --> 00:01:32.849 นั่นเป็นเรื่องดี 00:01:32.873 --> 00:01:39.758 แต่นั่นหมายความว่า ผมได้ศึกษา โครงสร้างที่เล็กมากที่สุดของจักรวาล 00:01:39.782 --> 00:01:41.857 องค์ประกอบพื้นฐานของความจริง 00:01:41.881 --> 00:01:45.096 ถ้าคุณคิดถึงระดับขนาด 00:01:45.120 --> 00:01:48.072 เริ่มจากของในชีวิตประจำวัน เช่นลูกเทนนิส 00:01:48.096 --> 00:01:50.997 และเลื่อนลงไปเรื่อยๆ ตามลำดับของขนาด 00:01:51.021 --> 00:01:56.218 จากรูเข็มลงไปถึงเซลล์ ลงไปยังแบคทีเรีย ถึงเอนไซม์ -- 00:01:56.242 --> 00:01:57.971 ในที่สุดคุณจะไปถึงโลกนาโน NOTE Paragraph 00:01:57.995 --> 00:02:00.490 ทีนี้ เทคโนโลยีนาโนอาจเป็นคำที่คุณเคยได้ยิน 00:02:00.841 --> 00:02:03.694 นาโนเมตร คือหน่วยที่เล็กกว่าเมตรพันล้านเท่า 00:02:04.560 --> 00:02:08.930 สาขาของผมคือนิวเคลียร์อะตอม ซึ่งเป็นจุดเล็กๆ ในอะตอม 00:02:08.954 --> 00:02:10.886 ขนาดของมันเล็กเสียยิ่งกว่า 00:02:10.910 --> 00:02:12.828 นี่คือส่วนของกลศาสตร์ควอนตัม 00:02:12.852 --> 00:02:15.368 และนักฟิสิกส์ และนักเคมี ก็ใช้เวลามานานแล้ว 00:02:15.392 --> 00:02:16.693 ที่จะพยายามและทำความคุ้นเคยกับมัน 00:02:17.248 --> 00:02:21.705 แต่ทว่า นักชีววิทยา นั้นต่างออกไปหน่อย สำหรับความคิดผมนะ 00:02:22.071 --> 00:02:26.402 พวกเขาพอใจมากๆ แล้ว กับโครงสร้างโมเลกุลจากลูกบอลและไม้ NOTE Paragraph 00:02:26.426 --> 00:02:27.508 (เสียงหัวเราะ) NOTE Paragraph 00:02:27.532 --> 00:02:30.730 ลูกบอลคืออะตอม และไม้คือพันธะระหว่างอะตอม 00:02:30.754 --> 00:02:33.248 และเมื่อพวกเขาสร้างมันขึ้น มาจริงๆ ไม่ใช่ในห้องทดลอง 00:02:33.272 --> 00:02:35.664 ทุกวันนี้ พวกเขามีคอมพิวเตอร์ดีๆ 00:02:35.688 --> 00:02:37.655 ที่จะสร้างแบบจำลองของโมเลกุลใหญ่ๆ 00:02:37.679 --> 00:02:41.343 นี่คือโปรตีนที่สร้างด้วยอะตอม 100,000 อะตอม 00:02:42.003 --> 00:02:46.338 มันไม่ต้องการกลศาสตร์ควอนตัม ในการอธิบายมันสักเท่าไร 00:02:47.695 --> 00:02:50.584 กลศาสตร์ควอนตัม ถูกพัฒนาขึ้นในยุค 1920 00:02:50.965 --> 00:02:57.845 มันกำหนดกฎและความคิดทางคณิตศาสตร์ ที่สวยงามและทรงอิทธิพล 00:02:57.869 --> 00:03:00.477 ที่อธิบายโลกของเราในระดับที่เล็กมากๆ 00:03:00.501 --> 00:03:03.873 และมันคือโลกที่ต่างออกไปมาก จากโลกในชีวิตประจำวัน 00:03:03.897 --> 00:03:05.416 ที่สร้างด้วยอะตอมหลายล้านล้าน 00:03:05.440 --> 00:03:08.997 มันคือโลกที่สร้างขึ้นบนความน่าจะเป็น และโอกาส 00:03:09.818 --> 00:03:11.120 มันเป็นโลกที่คลุมเครือ 00:03:11.144 --> 00:03:12.874 มันเป็นโลกลวงตา 00:03:12.898 --> 00:03:16.246 ที่ซึ่งอนุภาคสามารถที่จะมีพฤติกรรม เหมือนกับคลื่นที่แผ่ขยายออกไป NOTE Paragraph 00:03:18.157 --> 00:03:21.019 ถ้าคุณลองคิดถึงกลศาสตร์ควอนตัม หรือฟิสิกส์กลศาสตร์แล้ว 00:03:21.043 --> 00:03:26.257 โดยหลักพื้นฐานของความจริงของมัน 00:03:26.281 --> 00:03:28.011 มันไม่น่าประหลาดใจเลยที่จะบอกว่า 00:03:28.035 --> 00:03:30.455 ฟิสิกส์ควอนตัมเป็นหลักให้กับเคมีอินทรีย์ 00:03:30.479 --> 00:03:32.599 ทั้งนี้ทั้งนั้น มันให้กฎที่บอกว่าเราว่า 00:03:32.623 --> 00:03:35.264 อะตอมเข้ามาอยู่ด้วยกัน เพื่อสร้างเป็นโมเลกุลอินทรีย์ได้อย่างไร 00:03:35.288 --> 00:03:38.527 เคมีอินทรีย์ ศาสตร์ในระดับใหญ่ซับซ้อนกว่า 00:03:38.551 --> 00:03:41.873 นำมาซึ่งศาสตร์อย่างชีวโมเลกุล ซึ่งแน่นอน มันนำไปสู่ชีวิต 00:03:42.174 --> 00:03:44.151 ฉะนั้นในแง่มุมหนึ่ง มันก็ไม่น่าประหลาดอะไร 00:03:44.175 --> 00:03:45.389 มันเกือบจะเป็นเรื่องธรรมดา 00:03:45.413 --> 00:03:49.633 คุณบอกว่า "เอ้า แน่ล่ะ ที่สุดแล้วชีวิตก็ต้องพึ่งกลศาสตร์ควอนตัม" 00:03:50.141 --> 00:03:52.531 แต่อย่างอื่นก็เช่นกัน 00:03:52.555 --> 00:03:56.170 สสารที่ไม่มีชีวิตอื่นๆ ที่สร้างด้วยอะตอมเป็นล้านล้านก็เช่นกัน NOTE Paragraph 00:03:56.501 --> 00:04:01.379 ที่สุดแล้ว มันมีระดับควอนตัม 00:04:01.403 --> 00:04:03.586 ที่ซึ่งเราต้องขุดลึกลงไปในความประหลาดนี้ 00:04:03.610 --> 00:04:06.026 แต่ในชีวิตประจำวัน เราสามารถลืมมันไปได้ 00:04:06.404 --> 00:04:09.603 เพราะว่าเมื่อคุณนำอะตอมเป็นล้านล้าน เข้ามาอยู่ด้วยกัน 00:04:09.627 --> 00:04:12.242 ควอนตัมประหลาดนั่นก็จะมลายไป 00:04:15.288 --> 00:04:17.857 ชีวควอนตัมไม่ได้เกี่ยวกับสิ่งนี้ 00:04:17.881 --> 00:04:20.437 ชีวควอนตัมไม่ได้เห็นเด่นชัดขนาดนี้ 00:04:20.461 --> 00:04:24.690 แน่ล่ะ กลศาสตร์ควอนตัม ให้หลักกับชีวิตที่ระดับประมาณโมเลกุล 00:04:25.254 --> 00:04:31.258 ชีวควอนตัม เกี่ยวกับการมองหา ความคิด -- 00:04:31.282 --> 00:04:35.758 ที่ไม่ธรรมดาแตกต่างจากสัญชาตญาณ ในกลศาสตร์ควอนตัม 00:04:35.782 --> 00:04:38.797 และดูว่า มันมีบทบาทสำคัญ 00:04:38.821 --> 00:04:41.273 ในการอธิบายกระบวนการของชีวิตหรือไม่ NOTE Paragraph 00:04:42.653 --> 00:04:47.873 นี่คือตัวอย่างที่สมบูรณ์ของผม สำหรับความแตกต่างจากสัญชาตญาณ 00:04:47.897 --> 00:04:49.343 ของโลกควอนตัม 00:04:49.367 --> 00:04:50.618 นี่คือนักสกีควอนตัม 00:04:50.642 --> 00:04:53.282 เหมือนว่า เขาดูเป็นตัวเป็นตน เหมือนว่า เขาดูครบถ้วนสมบูรณ์ดี 00:04:53.306 --> 00:04:57.433 ถึงกระนั้นเ ก็เหมือนว่าเขาวิ่งไปวิ่งมา รอบๆ ทั้งสองข้างต้นไม้ในเวลาเดียวกัน 00:04:57.457 --> 00:04:59.120 ครับ ถ้าคุณเห็นทางเป็นแบบนั้น 00:04:59.144 --> 00:05:01.453 คุณคงเดาว่า มันคงเป็นการกระทำผาดโผน อะไรสักอย่างแน่นอน 00:05:01.477 --> 00:05:04.068 แต่ในโลกควอนตัม สิ่งนี้เกิดขึ้นตลอดเวลา 00:05:04.864 --> 00:05:07.890 อนุภาคทำงานหลายอย่าง พวกมันอยู่ได้สองที่ในเวลาเดียวกัน 00:05:07.914 --> 00:05:10.242 พวกมันทำได้มากกว่าหนึ่งอย่างในเวลาเดียวกัน 00:05:10.266 --> 00:05:12.909 อนุภาคสามารถมีพฤติกรรม เหมือนกับคลื่นที่แผ่กระจายออกไป 00:05:13.298 --> 00:05:14.897 มันเกือบจะเหมือนกับมายากล NOTE Paragraph 00:05:15.538 --> 00:05:18.287 นักฟิสิกส์และนักเคมี ได้ใช้เวลาเกือบศตวรรษ 00:05:18.311 --> 00:05:20.957 ที่จะพยายามทำความคุ้นเคย กับความประหลาดนี้ 00:05:21.445 --> 00:05:22.795 ผมไม่โทษนักชีววิทยานะ 00:05:22.819 --> 00:05:25.454 ที่ไม่ได้สนใจ และต้องการเรียนกลศาสตร์ควอนตัม NOTE Paragraph 00:05:25.478 --> 00:05:28.676 คุณก็รู้ ความประหลาดนี้มันละเอียดอ่อนมาก 00:05:28.700 --> 00:05:33.150 และพวกเรานักฟิสิกส์ทำงานกันอย่างหนัก เพื่อรักษามันเอาไว้ในห้องทดลอง 00:05:33.174 --> 00:05:37.378 พวกเราทำให้ระบบเย็นจัด จนเข้าใกล้ศูนย์สัมบูรณ์ 00:05:37.402 --> 00:05:39.347 เราทำการทดลองในสูญญากาศ 00:05:39.371 --> 00:05:42.898 เราพยายามและแยกมัน จากการรบกวนภายนอกอื่นๆ 00:05:43.602 --> 00:05:48.680 มันแตกต่างจากสิ่งแวดล้อมที่อบอุ่น วุ่นวาย และเสียงดังในเซลล์ที่มีชีวิตมาก 00:05:49.960 --> 00:05:52.747 ถ้าคุณคิดถึงชีวโมเลกุล นักชีววิทยาเอง 00:05:52.771 --> 00:05:56.228 ก็ทำได้ดีที่เดียวในการอธิบายกระบวนการทั้งหมด ในชีวิต 00:05:56.252 --> 00:05:58.738 ในแง่ของเคมี -- ปฏิกิริยาเคมี 00:05:58.762 --> 00:06:03.612 และนี่คือนักคตินิยมลดทอน ปฏิกิริยาเคมีที่ถูกกำหนด 00:06:03.636 --> 00:06:08.750 ที่แสดงว่า โดยหลักแล้ว ชีวิตทำมาจากของอย่างเดียวกัน เช่นเดียวกับสิ่งอื่น 00:06:08.774 --> 00:06:11.834 และถ้าเราสามารถลืมกลศาสตร์ควอนตัม ในโลกเล็กๆ ไปได้แล้ว 00:06:11.858 --> 00:06:15.104 เราก็ควรที่จะลืมมันไปได้ในชีววิทยาเช่นกัน NOTE Paragraph 00:06:15.706 --> 00:06:19.070 ครับ มีคนคนหนึ่งขอร้องที่จะเห็นต่าง สำหรับความคิดนี้ 00:06:20.062 --> 00:06:23.531 เออร์วิน ชโรดิงเจอร์ (Erwin Schrödinger) แห่งแมวชโรดิงเจอร์อันมีชื่อเสียง 00:06:23.555 --> 00:06:24.872 เป็นนักฟิสิกส์ชาวออสเตรีย 00:06:24.896 --> 00:06:28.079 เขาเป็นหนึ่งในผู้ก่อตั้ง กลศาสตร์ควอนตัม ในยุค 1920 00:06:28.663 --> 00:06:31.370 ในปี ค.ศ. 1944 เขาเขียนหนังสือที่มีชื่อว่า "ชีวิตคืออะไร" 00:06:31.839 --> 00:06:33.570 มันสร้างแรงบันดาลใจอย่างมาก 00:06:33.594 --> 00:06:36.475 มันเป็นแรงบันดาลใจ ให้กับฟรานซิส คลิก และเจมส์ วัตสัน 00:06:36.499 --> 00:06:39.022 ผู้ค้นพบโครงสร้างเกลียวคู่ของดีเอ็นเอ 00:06:39.343 --> 00:06:43.011 ในหนังสือ เขาได้พูดไว้ประมาณว่า 00:06:43.035 --> 00:06:48.821 ที่ระดับโมเลกุล สิ่งมีชีวิตมีระเบียบในระดับหนึ่ง 00:06:48.845 --> 00:06:52.077 มีโครงสร้างที่แตกต่างกัน 00:06:52.101 --> 00:06:56.837 ตั้งแต่การอัดกันทางเทอร์โมไดนามิกอย่างสุ่ม ของอะตอมและโมเลกุล 00:06:56.861 --> 00:07:00.567 ในสิ่งที่ไม่มีชีวิตที่มีความซับซ้อนเหมือนกัน NOTE Paragraph 00:07:01.504 --> 00:07:06.518 อันที่จริง สิ่งมีชีวิตเหมือนจะมีพฤติกรรม ในระเบียบนี้ ในโครงสร้างนี้ 00:07:06.542 --> 00:07:10.376 เหมือนกับสิ่งที่ไม่มีชีวิต ที่ถูกทำให้เย็นเกือบจะศูนย์องศาสัมบูรณ์ 00:07:10.400 --> 00:07:13.433 เมื่อปฏิกิริยาควอนตัม มีบทบาทที่สำคัญมากๆ 00:07:14.280 --> 00:07:18.440 มันมีอะไรพิเศษบางอย่าง เกี่ยวกับโครงสร้างและความเป็นระเบียบ 00:07:18.464 --> 00:07:20.024 ภายในเซลล์ 00:07:20.048 --> 00:07:25.341 ฉะนั้น ชโรดิงเจอร์ คิดว่า บางทีกลศาสตร์ควอนตัมอาจมีบทบาทสำคัญในชีวิต 00:07:26.096 --> 00:07:29.521 มันเป็นทฤษฎีมากๆ เป็นแนวคิดที่เข้าถึงได้ยาก 00:07:29.545 --> 00:07:32.418 และมันไปไหนไม่ได้ไกล NOTE Paragraph 00:07:33.536 --> 00:07:35.069 แต่อย่างที่ผมได้บอกไว้ตอนเริ่มต้น 00:07:35.093 --> 00:07:37.892 ว่าใน 10 ปีที่ผ่านมา มันมีการทดลองเกิดขึ้น 00:07:37.916 --> 00:07:41.971 ที่แสดงว่า ปรากฏการณ์ทางชีววิทยาบางอย่าง 00:07:41.995 --> 00:07:43.758 ดูเหมือนจะต้องการกลศาสตร์ควอนตัม NOTE Paragraph 00:07:43.782 --> 00:07:46.905 ผมอยากจะให้พวกคุณชมสักสองสามอย่าง ที่น่าตื่นเต้น 00:07:48.215 --> 00:07:51.922 นี่คือปรากฎการณ์หนึ่งที่เป็นที่รู้จักกันดีที่สุด ในโลกควอนตัม 00:07:51.946 --> 00:07:53.647 ควอนตัม ทันเนอลิง (quantum tunnelling) 00:07:53.671 --> 00:07:58.060 กล่องทางซ้ายแสดงให้เห็น การแผ่กระจายออก แบบคลื่น 00:07:58.084 --> 00:08:00.845 ของตัวควอนตัม -- อนุภาค เช่นเดียวกับ อิเล็กตรอน 00:08:00.869 --> 00:08:04.506 ซึ่งมันไม่ใช่ลูกบอลเล็กๆ ที่กระเด้งเมื่อชนกำแพง 00:08:04.530 --> 00:08:09.269 มันเป็นคลื่นที่มีบางคุณสมบัติ ที่สามารถแทรกผ่าน 00:08:09.293 --> 00:08:12.699 กำแพงแข็งๆ ได้อย่างกับผีทะลุกำแพง 00:08:12.723 --> 00:08:16.821 คุณสามารถเห็นรอยเปรอะของแสง ในทางขวาของกล่อง 00:08:17.773 --> 00:08:22.385 ควอนตัม ทันเนอลิง อธิบายว่า อนุภาคสามารถกระทบกับสิ่งกีดขวางที่ผ่านไม่ได้ 00:08:22.409 --> 00:08:24.869 และไม่ว่าด้วยอะไรก็ดี 00:08:24.893 --> 00:08:27.337 มันล่องหนจากด้านหนึ่ง และไปโผล่อีกด้านหนึ่ง ราวกับโดยมายากล 00:08:27.658 --> 00:08:31.909 วิธีที่ดีที่สุดที่จะอธิบายก็คือ ถ้าคุณต้องการขว้างบอลข้ามกำแพง 00:08:31.933 --> 00:08:35.510 คุณต้องให้พลังงานมันมากพอ เพื่อให้มันข้ามจุดสูงสุดของกำแพงไป 00:08:35.534 --> 00:08:38.592 ในโลกควอนตัม คุณไม่ต้องขว้างมันข้ามกำแพง 00:08:38.616 --> 00:08:42.023 คุณขว้างมันไปที่กำแพงเลย แล้วมันจะมีความน่าจะเป็นที่ไม่ใช่ศูนย์แน่นอน 00:08:42.047 --> 00:08:45.370 ที่มันจะหายไปจากด้านของคุณ และปรากฏขึ้นที่อีกด้านหนึ่ง NOTE Paragraph 00:08:45.394 --> 00:08:47.072 สิ่งนี้ไม่อาจสังเกตุได้นะครับ 00:08:47.096 --> 00:08:50.492 เราค่อนข้างพอใจ -- อ่า "พอใจ" ไม่ค่อยจะเป็นคำที่เหมาะเท่าไรเลย NOTE Paragraph 00:08:50.516 --> 00:08:52.561 (เสียงหัวเราะ) NOTE Paragraph 00:08:52.585 --> 00:08:54.203 เราคุ้นเคยกับมัน NOTE Paragraph 00:08:54.227 --> 00:08:56.972 (เสียงหัวเราะ) NOTE Paragraph 00:08:56.996 --> 00:08:59.290 ควอนตัม ทันเนอลิง เกิดขึ้นตลอดเวลา 00:08:59.314 --> 00:09:01.981 อันที่จริง มันเป็นเหตุผล ว่าทำไมพระอาทิตย์จึงส่องสว่าง 00:09:02.655 --> 00:09:04.164 และอนุภาคหลอมรวมกัน 00:09:04.188 --> 00:09:07.886 และดวงอาทิตย์เปลี่ยนไฮโดรเจน ไปเป็นฮีเลียมผ่านควอนตัน ทันเนอลิง 00:09:09.464 --> 00:09:14.684 ย้อนกลับไปในยุค 70 และ 80 มีการค้นพบว่า ควอนตัม ทันเนอลิง ยังเกิดขึ้น 00:09:14.708 --> 00:09:15.900 ภายในเซลล์สิ่งมีชีวิต 00:09:16.290 --> 00:09:22.556 เอนไซม์ แรงม้าของชีวิต ตัวเร่งปฏิกิริยาเคมี -- 00:09:22.580 --> 00:09:26.746 เอนไซม์คือชีวโมเลกุลที่เร่งความเร็ว ของปฏิกิริยาเคมีในเซลล์ที่มีชีวิต 00:09:26.770 --> 00:09:28.473 ให้เร็วกว่าลำดับความเร็วปกติมากๆ 00:09:28.497 --> 00:09:31.281 และมันก็เป็นปริศนามาตลอดว่า พวกมันทำอย่างนั้นได้อย่างไร NOTE Paragraph 00:09:31.650 --> 00:09:32.839 ครับ มันถูกค้นพบ 00:09:32.863 --> 00:09:37.715 ว่าหนึ่งในกลเม็ดที่เอนไซม์ที่มีวิวัฒนาการ พัฒนาเพื่อมาดำเนินการ 00:09:37.739 --> 00:09:42.967 ก็คือการถ่ายโอนอนุภาคระดับเล็กกว่าอะตอม เช่น อิเล็กตรอน และแน่นอน โปรตอน 00:09:42.991 --> 00:09:47.652 จากหนึ่งส่วนของโมเลกุล และอื่นๆ ผ่านควอนตัม โฟตอน 00:09:48.333 --> 00:09:51.184 มันมีประสิทธิภาพ มันรวดเร็ว มันล่องหนได้ -- 00:09:51.208 --> 00:09:54.319 โปรตอนสามารถล่องหนจากที่หนึ่ง และไปปรากฏอีกที่หนึ่ง 00:09:54.343 --> 00:09:55.972 เอนไซม์ช่วยทำให้สิ่งนี้เกิดขึ้น NOTE Paragraph 00:09:56.548 --> 00:09:59.231 นี่คืองานวิจัยในช่วงยุค 80 00:09:59.255 --> 00:10:03.292 โดยเฉพาะจากกลุ่มที่เบิร์กลี ของ จูดิท คลินแมน 00:10:03.316 --> 00:10:05.521 กลุ่มอื่นๆ ในสหราชอาณาจักร ยังได้ยืนยัน 00:10:05.545 --> 00:10:06.956 ว่าเอนไซม์ทำแบบนั้นจริงๆ NOTE Paragraph 00:10:09.048 --> 00:10:11.597 งานวิจัยที่ทำโดยกลุ่มของผม -- 00:10:11.621 --> 00:10:14.055 อย่างที่ผมได้บอก ผมเป็นนักฟิสิกส์นิวเคลียร์ 00:10:14.079 --> 00:10:17.134 แต่ผมรู้ว่า ผมมีเครื่องมือเหล่านี้ ในการใช้กลศาสตร์ควอนตัม 00:10:17.158 --> 00:10:22.243 ในนิวเคลียร์อะตอม และผมสามารถ ใช้เครื่องมือเหล่านี้กับศาสตร์ด้านอื่นได้เช่นกัน 00:10:23.404 --> 00:10:25.214 คำถามหนึ่งที่เราถาม 00:10:25.238 --> 00:10:29.536 คือว่าควอนตัม ทันเนอลิง มีบทบาทสำคัญ ในการกลายพันธุ์ของดีเอ็นเอหรือไม่ 00:10:29.843 --> 00:10:33.503 อีกครั้ง ที่นี่ไม่ใช่แนวคิดใหม่เลย มันย้อนกลับไปได้ถึงต้นยุค 60 00:10:33.527 --> 00:10:36.488 สองสายของดีเอ็นเอ โครงสร้างเกลียวคู่ 00:10:36.512 --> 00:10:39.335 ถูกยึดอยู่ด้วยกันโดยขั้นบันได มันมีหน้าตาเหมือนบันไดเวียน 00:10:39.359 --> 00:10:42.866 และขั้นบันไดเหล่านั้นคือพันธะไฮโดรเจน -- 00:10:42.890 --> 00:10:46.680 โปรตอน ที่ทำหน้าที่เป็นกาวระหว่างสองสาย 00:10:46.704 --> 00:10:51.454 ฉะนั้น ถ้าคุณมองเข้าไปจะเห็นว่า พวกมันกำลังยึดโมเลกุลใหญ่ๆ เหล่านี้ -- 00:10:51.478 --> 00:10:53.085 นิวคลีโอไทด์ -- เอาไว้ด้วยกัน 00:10:54.130 --> 00:10:55.280 มองลึกเข้าไปอีก 00:10:55.304 --> 00:10:57.220 นี่คือภาพจำลองคอมพิวเตอร์ 00:10:57.855 --> 00:11:01.397 ลูกบอลสีขาวสองลูกตรงกลางคือโปรตอน 00:11:01.421 --> 00:11:03.720 และคุณเห็นได้ว่ามันเป็นพันธะไฮโดรเจนคู่ 00:11:03.744 --> 00:11:07.058 ตัวหนึ่งชอบที่จะอยู่ทางด้านหนึ่ง และอีกตัวอยู่อีกด้านหนึ่ง 00:11:07.082 --> 00:11:11.640 ของสองสายที่ขนานกันลงไปตามยาว ซึ่งคุณมองไม่เห็น 00:11:12.410 --> 00:11:15.805 มันเกิดขึ้นได้ ที่ทั้งสองโปรตอนจะกระโดดข้าม 00:11:15.829 --> 00:11:17.265 ดูที่บอลขาวสองลูก 00:11:17.748 --> 00:11:19.746 พวกมันกระโดดข้ามไปยังอีกด้าน 00:11:20.239 --> 00:11:25.885 ถ้าสองสายของดีเอ็นเอแยกออกจากกัน ซึ่งนำไปสู่กระบวนการกรทำซ้ำ 00:11:25.909 --> 00:11:29.108 และโปรตอนทั้งสองอยู่ในตำแหน่งที่ไม่ถูกต้อง 00:11:29.132 --> 00:11:30.895 มันอาจนำไปสู่การกลายพันธุ์ NOTE Paragraph 00:11:31.204 --> 00:11:33.076 สิ่งนี้เป็นที่รู้กันมาครึ่งศตวรรษแล้ว 00:11:33.100 --> 00:11:35.443 คำถามก็คือ เป็นไปได้มากน้อยแค่ไหนที่มันจะทำอย่างนั้น 00:11:35.467 --> 00:11:37.845 และถ้าพวกมันเป็นอย่างนั้น พวกมันทำอย่างนั้นได้อย่างไร 00:11:37.869 --> 00:11:40.888 มันกระโดดข้ามเหมือนลูกบอลที่ข้ามกำแพง 00:11:40.912 --> 00:11:44.414 หรือพวกมันควอนตัม ทันเนล ผ่านไป แม้ว่าพวกมันจะมีพลังงานไม่พอ 00:11:45.089 --> 00:11:49.341 คำอธิบายล่าสุดกล่าวว่า ควอนตัม ทันเนอลิง สามารถมีบทบาทสำคัญตรงนี้ 00:11:49.365 --> 00:11:51.489 เรายังไม่รู้แน่ว่ามันมีความสำคัญอย่างไร 00:11:51.513 --> 00:11:53.305 มันยังเป็นคำถามปลายเปิด 00:11:54.199 --> 00:11:55.349 มันยังเป็นทฤษฎี 00:11:55.373 --> 00:11:58.016 แต่นี่เป็นคำถามหนึ่ง ที่สำคัญมากๆ 00:11:58.040 --> 00:12:00.486 ว่าถ้ากลศาสตร์ควอนตัม มีบทบาทสำคัญกับการกลายพันธุ์ 00:12:00.510 --> 00:12:02.809 แน่ล่ะว่านี่จะต้องเป็นการสื่อความที่สำคัญ 00:12:02.833 --> 00:12:05.527 ที่จะทำให้เข้าใจการกลายพันธุ์บางชนิด 00:12:05.551 --> 00:12:09.307 บางที ชนิดเหล่านั้น อาจนำไปสู่การเปลี่ยนเซลล์มะเร็ง NOTE Paragraph 00:12:10.803 --> 00:12:16.102 อีกตัวอย่างหนึ่งของกลศาสตร์ควอนตัม ในชีววิทยา คือความสัมพันธ์ควอนตัม 00:12:16.126 --> 00:12:18.479 หนึ่งในกระบวนการที่สำคัญที่สุดของชีววิทยา 00:12:18.503 --> 00:12:22.444 การสังเคราะห์แสง พืชและแบคทีเรียรับแสงแดด 00:12:22.468 --> 00:12:25.422 และใช้พลังงานนั้นในการสร้างมวลชีวภาพ 00:12:26.215 --> 00:12:30.367 ความสัมพันธ์ควอนตัม เป็นศาสตร์ของตัวควอนตัมที่ทำหลากหน้าที่ 00:12:30.912 --> 00:12:32.516 มันเป็นนักเล่นสกีควอนตัม 00:12:32.540 --> 00:12:35.492 มันเป็นวัตถุที่ทำหน้าที่เหมือนกับคลื่น 00:12:35.516 --> 00:12:38.418 ฉะนั้น มันจึงไม่ใช่แค่เคลื่อน ไปในทางใดทางหนึ่ง 00:12:38.442 --> 00:12:41.762 แต่ยังไปตามทางได้หลายทางในเวลาเดียวกัน NOTE Paragraph 00:12:42.708 --> 00:12:46.624 หลายปีก่อน วงการวิทยาศาสตร์โลกถึงกับช๊อค 00:12:46.648 --> 00:12:50.232 เมื่อเอกสารวิชาการถูกตีพิมพ์ แสดงหลักฐานการทดลอง 00:12:50.256 --> 00:12:54.032 ว่าความสัมพันธ์ควอนตัม เกิดขึ้นในแบคทีเรีย 00:12:54.056 --> 00:12:55.742 ที่มีกระบวนการสังเคราห์ด้วยแสง 00:12:55.766 --> 00:12:58.830 แนวคิดก็คือ โฟตอน อนุภาคของแสง แสงอาทิตย์ 00:12:58.854 --> 00:13:02.198 ควอนตัมของแสดง ที่ถูกจับไว้โดยโมเลกุลคลอโรฟิล 00:13:02.222 --> 00:13:04.813 ถูกส่งต่อไปยังสิ่งที่เรียกว่าศูนย์ปฏิกิริยา 00:13:04.837 --> 00:13:06.901 ที่ซึ่งมันสามารถถูกเปลี่ยนไป เป็นพลังงานเคมี 00:13:06.925 --> 00:13:09.573 และเพื่อจะไปให้ถึงตรงนั้น มันไม่ได้แค่ตามทางเพียงทางเดียว 00:13:09.597 --> 00:13:11.812 มันตามหลายช่องทางในเวลาเดียวกัน 00:13:11.836 --> 00:13:16.173 เพื่อที่จะปรับหาวิธีที่มีประสิทธิภาพที่สุด เพื่อให้ไปถึงศูนย์กลางปฏิกิริยา 00:13:16.197 --> 00:13:17.918 โดยปราศจากการค่อยๆ สูญเสียพลังงาน ในรูปความร้อน 00:13:19.228 --> 00:13:22.537 ความสัมพันธ์เชิงควอนตัม เกิดขึ้นภายในเซลล์ที่มีชีวิต 00:13:22.561 --> 00:13:24.681 เป็นความคิดที่ยอดเยี่ยม 00:13:24.705 --> 00:13:30.940 และแน่ล่ะ หลักฐานก็เพิ่มขึ้นเกือบทุกสัปดาห์ 00:13:30.964 --> 00:13:33.176 ยื่นยันว่ามันจะต้องเกิดขึ้น NOTE Paragraph 00:13:33.555 --> 00:13:38.294 ตัวอย่างที่สาม และเป็นตัวอย่างสุดท้ายของผม เป็นแนวคิดที่สวยงามที่สุด 00:13:38.318 --> 00:13:42.381 มันยังเป็นทฤษฎีอยู่ แต่ผมจะต้องเล่าให้คุณฟัง 00:13:42.405 --> 00:13:47.017 นกโรบินยุโรปอพยพจากสแกนดิเนเวีย 00:13:47.041 --> 00:13:49.676 ลงมายังเมนิเตอเรเนียนทุกๆ ฤดูใบไม้ร่วง 00:13:49.700 --> 00:13:53.073 และเช่นเดียวกับสัตว์และแมลงอพยพอื่นๆ 00:13:53.097 --> 00:13:57.397 มันเดินทางโดยอาศัยการสัมผัส สนามแม่เหล็กโลก 00:13:58.968 --> 00:14:01.395 ทีนี้ สนามแม่เหล็กโลกมีแรงอ่อนมากๆ 00:14:01.419 --> 00:14:03.499 มันอ่อนกว่าแม่เหล็กติดตู้เย็น 100 เท่า 00:14:03.523 --> 00:14:09.124 แต่อย่างไรก็ดี ยังส่งผลต่อสารเคมี ในร่างกายสิ่งมีชีวิต 00:14:09.932 --> 00:14:13.738 ฉะนั้น ไม่น่าแปลกใจเลย -- นักปักษีวิทยาสองสามีภรรยาชาวเยอรมัน 00:14:13.762 --> 00:14:18.022 โวฟกัง และโรสวิต้า วิลทส์ชโค ในยุค 1970 ยืนยันว่า 00:14:18.046 --> 00:14:22.023 นกโรบินหาทางได้ ไม่ว่าด้วยกระบวนการใด ที่ทำให้สามารถสัมผัสได้ถึงพลังสนามแม่เหล็กโลก 00:14:22.047 --> 00:14:25.374 เพื่อบอกข้อมูลทิศทาง เข็มทิศที่ฝังเอาไว้ในการทำงาน NOTE Paragraph 00:14:25.398 --> 00:14:27.647 ปริศนา ความลึกลับคือ มันทำอย่างนั้นได้อย่างไร 00:14:28.351 --> 00:14:31.381 ครับ นั่นก็เป็นแค่ทฤษฎี -- 00:14:31.405 --> 00:14:34.841 เราไม่รู้ว่ามันเป็นทฤษฎีที่ถูกต้องหรือเปล่า แต่มันเป็นเพียงทฤษฎีเดียวที่เรามี -- 00:14:34.865 --> 00:14:37.849 มันทำให้เกิดสิ่งนั้นขึ้นผ่านอะไรบางอย่าง ที่เรียกว่า ควอนตัม เอนแทงเกิลเมนต์ 00:14:38.567 --> 00:14:40.941 ภายในจอตาของนกโรบิน -- 00:14:40.965 --> 00:14:45.197 ผมไม่ได้ล้อเล่นนะ -- ในจอตาของนกโรบิน มีโปรตีนที่เรียกว่า คริปโตโครม 00:14:45.221 --> 00:14:46.601 ซึ่งไวต่อแสง 00:14:46.625 --> 00:14:50.564 ภายในคริปโตโครม คู่ของอิเล็กตรอนเป็น ควอนตัม เอนแทงเกิลเมนต์ (quantum-entangled) 00:14:50.588 --> 00:14:53.820 ที่นี้ ควอนตัม เอนแทงเกิลเมนต์ คือเมื่ออนุภาคทั้งสองอยู่ห่างกัน 00:14:53.844 --> 00:14:56.678 แต่ว่าด้วยเหตุใดก็ตามที ยังสัมพันธ์ต่อกันและกันอยู่ 00:14:56.991 --> 00:14:58.437 แม้แต่ไอสไตน์ก็เกลียดความคิดนี้ 00:14:58.461 --> 00:15:00.500 เขาเรียกมันว่า "การกระทำทางไกลอันน่าขนลุก" NOTE Paragraph 00:15:00.524 --> 00:15:02.405 (เสียงหัวเราะ) NOTE Paragraph 00:15:02.429 --> 00:15:05.872 แล้วถ้าไอสไตน์ไม่ชอบมัน ฉะนั้นเราทุกคนก็คงไม่สบายใจ 00:15:05.896 --> 00:15:08.749 อิเล็กตรอนควอนตัม เอนแทงเกิลเมนต์ทั้งสอง ภายในโมเลกุลเดี่ยว 00:15:08.773 --> 00:15:10.244 เต้นรำอย่างอ่อนช้อย 00:15:10.268 --> 00:15:12.809 ซึ่งมันอ่อนไหวมาก ต่อทิศทางที่นกบิน 00:15:12.833 --> 00:15:14.364 ในสนามแม่เหล็กโลก NOTE Paragraph 00:15:14.848 --> 00:15:17.458 เราไม่รู้ว่ามันเป็นคำอธิบายที่ถูกต้องหรือไม่ 00:15:17.482 --> 00:15:22.026 แต่ ว้าว มันจะไม่น่าตื่นเต้นหรอกหรือ ถ้ากลศาสตร์ควอนตัมช่วยนำทางนก 00:15:23.069 --> 00:15:25.790 ชีวควอนตัมนั้นยังแบเบาะอยู่ 00:15:25.814 --> 00:15:29.298 มันยังเป็นเพียงทฤษฎี 00:15:29.742 --> 00:15:33.591 แต่ผมเชื่อว่า มันมีรากฐานมาจากวิทยาศาสตร์แท้ๆ 00:15:33.917 --> 00:15:37.726 ผมยังคิดว่า ในอีกประมาณทศวรรษที่กำลังมาถึงนี้ 00:15:37.750 --> 00:15:42.591 เรากำลังจะเริ่มเห็นมันจริงๆ มันแพร่กระจายชีวิต -- 00:15:42.615 --> 00:15:47.211 ชีวิตได้วิวัฒนาการกลเม็ด ที่ใช้โลกควอนตัม 00:15:48.026 --> 00:15:49.454 จับตามองมันไว้ให้ดี NOTE Paragraph 00:15:49.478 --> 00:15:50.635 ขอบคุณครับ NOTE Paragraph 00:15:50.659 --> 00:15:52.861 (เสียงปรบมือ)