1 00:00:04,650 --> 00:00:10,354 เจริญพร 2 00:00:10,354 --> 00:00:15,374 เช้าๆ วันอาทิตย์มาฟังธรรมก็ดี 3 00:00:15,374 --> 00:00:28,570 ได้มีแรงเอาไว้สู้กิเลสอีกหลายวัน 4 00:00:28,570 --> 00:00:35,132 ธรรมะเป็นของร่มเย็น โลกมันเร่าร้อน 5 00:00:35,132 --> 00:00:39,043 เราฝึกปฏิบัติกันไป 6 00:00:39,043 --> 00:00:42,742 จิตใจเราร่มเย็นเป็นสุข 7 00:00:42,742 --> 00:00:45,173 โลกข้างนอกเราแก้มันไม่ได้ 8 00:00:45,173 --> 00:00:50,451 มันวุ่นวายอย่างนี้ ธรรมดาของโลก 9 00:00:50,451 --> 00:00:56,031 เรามาฝึกจิตใจของเราเอง ให้อยู่กับโลกได้ 10 00:00:56,031 --> 00:01:02,853 โดยที่เราไม่ร้อนตามมันไปด้วย 11 00:01:02,853 --> 00:01:07,153 ธรรมะเป็นของร่มเย็น 12 00:01:07,153 --> 00:01:13,899 เสียดายชาวพุทธเราส่วนใหญ่ไม่ได้สนใจธรรมะ 13 00:01:13,899 --> 00:01:16,393 เป็นพุทธแต่ชื่อ 14 00:01:16,393 --> 00:01:23,386 ไม่เคยลิ้มรสเลยว่า รสของธรรมะนั้นวิเศษแค่ไหน 15 00:01:23,386 --> 00:01:27,265 เราไปตามวัดตามอะไรอย่างนี้ เห็น 16 00:01:27,265 --> 00:01:35,104 พากันไหว้พวกเทวรูปพวก สิ่งศักดิ์สิทธิ์นอกพระพุทธศาสนา 17 00:01:35,104 --> 00:01:37,185 ไหว้ต้นตะเคียนไหว้อะไรอย่างนี้ 18 00:01:37,185 --> 00:01:42,673 ตามวัด เยอะแยะ 19 00:01:42,673 --> 00:01:46,127 วัดที่สอนกรรมฐานจริงๆ คนก็ไม่ค่อยเข้า 20 00:01:46,127 --> 00:01:50,497 คนก็ชอบเข้าวัดแบบนั้น มันพอดีกัน 21 00:01:50,497 --> 00:01:54,709 พอดีกับสภาพจิตใจ 22 00:01:54,709 --> 00:01:58,152 คนที่จะสนใจธรรมะก็ต้องมีบุญมีบารมี 23 00:01:58,152 --> 00:02:00,981 สะสมมามากพอ 24 00:02:00,981 --> 00:02:03,825 คนส่วนใหญ่อินทรีย์ก็ยังอ่อน 25 00:02:03,825 --> 00:02:08,510 เขาก็ต้องการที่พึ่งแบบโลกๆ ไป 26 00:02:08,510 --> 00:02:12,808 ทำแล้วเฮง ทำแล้วรวย 27 00:02:12,808 --> 00:02:15,877 ทำแล้วได้ผลประโยชน์ 28 00:02:15,877 --> 00:02:19,071 มุ่งไปที่ตรงนั้น 29 00:02:19,071 --> 00:02:24,633 ถามว่ามันมีประโยชน์ไหม มันก็มีนะ 30 00:02:24,633 --> 00:02:29,814 แต่ประโยชน์ที่ยิ่งใหญ่สูงสุด 31 00:02:29,814 --> 00:02:31,791 ที่พระพุทธศาสนาจะให้ได้ 32 00:02:31,791 --> 00:02:38,146 คนกลับไม่ค่อยเข้าใจไม่ค่อยสนใจ 33 00:02:38,146 --> 00:02:43,971 ฉะนั้นเราต้องลงมือศึกษาปฏิบัติให้จริงจัง 34 00:02:43,971 --> 00:02:46,921 อย่าทำเป็นเล่น 35 00:02:46,921 --> 00:02:50,469 เวลาของแต่ละคนมีไม่มาก 36 00:02:50,469 --> 00:02:54,357 เวลาของเราหมดไปทุกวันๆ 37 00:02:54,357 --> 00:02:59,403 ครูบาอาจารย์ก็ร่อยหรอลงทุกทีแล้ว 38 00:02:59,403 --> 00:03:02,566 เมื่อ 40 กว่าปี 50 ปีก่อน 39 00:03:02,566 --> 00:03:06,962 สมัยหลวงพ่อออกศึกษาธรรมะ 40 00:03:06,962 --> 00:03:13,170 ครูบาอาจารย์ที่ดีๆ ยังมีเยอะ 41 00:03:13,170 --> 00:03:15,996 ยิ่งทางอีสาน 42 00:03:15,996 --> 00:03:18,790 มีครูบาอาจารย์ดีๆ เต็มไปหมดเลย 43 00:03:18,790 --> 00:03:22,668 ถนนสายเดียวนี่วิ่งไปสักพักหนึ่งก็เจอ 44 00:03:22,668 --> 00:03:27,056 วัดนี้องค์นี้อยู่ วัดนี้องค์นี้อยู่ 45 00:03:27,056 --> 00:03:31,058 เดี๋ยวนี้พอผ่านไป วัดนี้องค์นี้เคยอยู่ 46 00:03:31,058 --> 00:03:34,360 ที่วัดนี้องค์นี้ก็เคยอยู่ 47 00:03:34,360 --> 00:03:36,446 มีแต่คำว่าเคยอยู่ 48 00:03:36,446 --> 00:03:40,803 ท่านไม่ได้อยู่ด้วยแล้ว 49 00:03:40,803 --> 00:03:44,550 สมัยก่อนหลวงพ่อเลยชอบวันหยุด 50 00:03:44,550 --> 00:03:47,908 จะออกไปทางอีสานหรือไม่ก็ขึ้นไปทางเหนือ 51 00:03:47,908 --> 00:03:53,024 ไปหาครูบาอาจารย์ทางเชียงใหม่เชียงราย 52 00:03:53,024 --> 00:03:57,073 ส่วนใหญ่จะไปทางอีสานครูบาอาจารย์เยอะ 53 00:03:57,073 --> 00:04:00,231 ไปแล้วมันมีความสุข 54 00:04:00,231 --> 00:04:01,654 ไปกินข้าววัด 55 00:04:01,654 --> 00:04:07,538 ไปภาวนาอยู่ในวัด ไปนอนอยู่ในวัด 56 00:04:07,538 --> 00:04:11,301 อาหารที่กินก็อาหารชาวบ้านธรรมดา 57 00:04:11,301 --> 00:04:15,644 น้ำพริกกับผักอะไรอย่างนี้ 58 00:04:15,644 --> 00:04:18,805 กินอาหารอย่างนั้นจริงๆ เราไม่ค่อยคุ้นเคย 59 00:04:18,805 --> 00:04:21,027 เราคนเมือง 60 00:04:21,027 --> 00:04:23,899 แต่เราไปอยู่อย่างนั้นเรารู้สึก 61 00:04:23,899 --> 00:04:30,133 มันไม่มีภาระทางใจ ใจมันสบาย 62 00:04:30,133 --> 00:04:33,807 นอนมีกุฏิก็นอน 63 00:04:33,807 --> 00:04:39,350 ไม่มีก็ไปผูกกลดอยู่ใต้ต้นไม้ 64 00:04:39,350 --> 00:04:42,486 ผ่านเวลากลางคืน 65 00:04:42,486 --> 00:04:47,295 ออกมาเดินจงกรมใต้แสงเดือนแสงดาว 66 00:04:47,295 --> 00:04:51,602 สงบวิเวก มีป่ามีเขา 67 00:04:51,602 --> 00:04:57,043 กลางคืนก็มีสัตว์ร้อง มีนกมีแมลงร้อง 68 00:04:57,043 --> 00:04:59,686 มันไม่ยั่วกิเลสเรา 69 00:04:59,686 --> 00:05:03,788 เราก็ภาวนาร่มเย็นเป็นสุข 70 00:05:03,788 --> 00:05:05,861 นี่ฝึกตัวเองมาทุกวัน 71 00:05:05,861 --> 00:05:09,515 อยู่ง่าย กินง่าย นอนง่าย 72 00:05:09,515 --> 00:05:13,651 แล้วเวลาส่วนใหญ่เอาไว้เจริญสติ 73 00:05:13,651 --> 00:05:16,523 ถึงเวลาก็นั่งสมาธิเดินจงกรม 74 00:05:16,523 --> 00:05:19,808 ไหว้พระสวดมนต์ 75 00:05:19,808 --> 00:05:26,408 เวลาที่เหลือเจริญสติในชีวิตประจำวัน 76 00:05:26,408 --> 00:05:28,331 การเจริญสติในชีวิตประจำวัน 77 00:05:28,331 --> 00:05:32,229 เป็นเรื่องสำคัญมากเลย 78 00:05:32,229 --> 00:05:37,483 หลวงปู่มั่นท่านเคยสอน หลวงพ่อไม่ทันท่าน 79 00:05:37,483 --> 00:05:40,691 แต่ว่าครูบาอาจารย์ที่เป็นลูกศิษย์ท่าน 80 00:05:40,691 --> 00:05:44,094 เคยเล่าให้ฟัง 81 00:05:44,094 --> 00:05:50,336 อย่างท่านสอนบอกว่าทำสมาธิมากเนิ่นช้า 82 00:05:50,336 --> 00:05:53,545 คิดพิจารณามากฟุ้งซ่าน 83 00:05:53,545 --> 00:05:56,421 หัวใจสำคัญของการปฏิบัติ 84 00:05:56,421 --> 00:06:00,398 คือการเจริญสติในชีวิตประจำวัน 85 00:06:00,398 --> 00:06:04,221 หัวใจอยู่ตรงนี้ 86 00:06:04,221 --> 00:06:07,335 เก่งเฉพาะตอนนั่งสมาธิตอนเดินจงกรม 87 00:06:07,335 --> 00:06:09,586 ไม่ได้กินหรอก 88 00:06:09,586 --> 00:06:13,024 วันหนึ่งจะนั่งเท่าไรจะเดินเท่าไร 89 00:06:13,024 --> 00:06:16,060 เวลาส่วนใหญ่ถ้าภาวนาไม่เป็น 90 00:06:16,060 --> 00:06:21,773 โอกาสจะได้มรรคผลนิพพานยากเหลือเกิน 91 00:06:21,773 --> 00:06:26,935 หลวงพ่อภาวนาเจริญสติเป็นหลักเลย 92 00:06:26,935 --> 00:06:29,577 บางช่วงยังพลาดพลั้ง 93 00:06:29,577 --> 00:06:32,059 ไม่ยอมทำสมาธิ รู้สึกเสียเวลา 94 00:06:32,059 --> 00:06:35,018 ขี้เกียจทำสมาธิ 95 00:06:35,018 --> 00:06:38,611 พอหลายๆ วันเข้ากำลังสมาธิไม่พอ 96 00:06:38,611 --> 00:06:41,119 เดินปัญญาไม่ได้จริง 97 00:06:41,119 --> 00:06:44,437 เพราะฉะนั้นสมาธิก็ต้องทำ 98 00:06:44,437 --> 00:06:50,349 เวลาส่วนใหญ่ของหลวงพ่อ ใช้การเจริญสติในชีวิตประจำวัน 99 00:06:50,349 --> 00:06:53,661 เพราะหลวงปู่ดูลย์ท่านสอนหลวงพ่อมา 100 00:06:53,661 --> 00:06:56,338 ให้อ่านจิตตนเอง 101 00:06:56,338 --> 00:06:58,705 การเจริญสติในชีวิตประจำวัน 102 00:06:58,705 --> 00:07:01,388 กับการอ่านจิตตนเอง 103 00:07:01,388 --> 00:07:05,367 มันมารวมเข้าด้วยกันได้ 104 00:07:05,367 --> 00:07:11,004 เราสามารถปฏิบัติในชีวิตธรรมดานี่ล่ะ 105 00:07:11,004 --> 00:07:13,514 เมื่อตาเห็นรูป 106 00:07:13,514 --> 00:07:17,179 เกิดความรู้สึกแปลกปลอมขึ้นในใจเรา 107 00:07:17,179 --> 00:07:19,911 ทีแรกใจเราเฉยๆ 108 00:07:19,911 --> 00:07:23,728 พอตาเราเห็นดอกไม้สวยงาม 109 00:07:23,728 --> 00:07:25,863 ใจเราเกิดความชอบขึ้นมา 110 00:07:25,863 --> 00:07:28,398 ใจเรามีความเปลี่ยนแปลงแล้ว 111 00:07:28,398 --> 00:07:33,766 เรามีสติรู้ทันความ เปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในใจเรา 112 00:07:33,766 --> 00:07:36,562 เวลาหูเราได้ยินเสียง 113 00:07:36,562 --> 00:07:39,198 เกิดความเปลี่ยนแปลงขึ้นในใจเรา 114 00:07:39,198 --> 00:07:43,697 อย่างมีเสียงคนมาด่าเรา 115 00:07:43,697 --> 00:07:49,407 จิตใจเราเกิดโทสะขึ้นมา เรามีสติรู้ทัน 116 00:07:49,407 --> 00:07:52,285 จมูกได้กลิ่น 117 00:07:52,285 --> 00:07:55,163 ได้กลิ่นหอมใจเราชอบ 118 00:07:55,163 --> 00:07:58,509 หรือบางทีได้กลิ่นหอมแล้วใจเราเกิดสงสัย 119 00:07:58,509 --> 00:08:02,785 นี่กลิ่นอะไร กลิ่นดอกไม้อะไร 120 00:08:02,785 --> 00:08:06,753 พอความสงสัยเกิดขึ้น หลวงพ่อไม่ได้ไปดูดอกไม้ 121 00:08:06,753 --> 00:08:11,671 หลวงพ่อดูลงไปที่จิตใจตัวเอง จิตสงสัย 122 00:08:11,671 --> 00:08:16,451 เราก็เห็นความสงสัย เกิดขึ้นตั้งอยู่แล้วก็ดับไป 123 00:08:16,451 --> 00:08:19,901 บางทีได้กลิ่นอย่างนี้เหม็น 124 00:08:19,901 --> 00:08:22,970 ใจรำคาญ ใจไม่ชอบ 125 00:08:22,970 --> 00:08:26,254 รู้ลงไปที่ใจที่ไม่ชอบ 126 00:08:26,254 --> 00:08:29,614 การปฏิบัติในชีวิตประจำวัน 127 00:08:29,614 --> 00:08:34,065 หลักการง่ายๆ มีตาก็ดู มีหูก็ฟัง 128 00:08:34,065 --> 00:08:36,509 มีจมูกก็ดมกลิ่น มีลิ้นก็รู้รส 129 00:08:36,509 --> 00:08:38,900 มีกายก็กระทบสัมผัส 130 00:08:38,900 --> 00:08:41,645 มีใจก็คิดนึกไปตามธรรมชาติธรรมดา 131 00:08:41,645 --> 00:08:44,552 ไม่ห้าม 132 00:08:44,552 --> 00:08:48,182 ใจเราจะคิดดีคิดร้ายอะไร ห้ามได้ที่ไหน 133 00:08:48,182 --> 00:08:50,408 จิตมันเป็นอนัตตา 134 00:08:50,408 --> 00:08:52,343 บางทีเราอยากคิดแต่เรื่องดีๆ 135 00:08:52,343 --> 00:08:54,813 อ้าว มันกลายไปคิดเรื่องชั่วๆ 136 00:08:54,813 --> 00:08:58,368 คิดเรื่องกิเลสตัณหาอะไร 137 00:08:58,368 --> 00:09:02,222 ทีนี้พอใจมันคิดไปในทางไม่ดี 138 00:09:02,222 --> 00:09:03,615 อกุศลเกิด 139 00:09:03,615 --> 00:09:06,031 จิตเรามีน้ำหนักขึ้นมา 140 00:09:06,031 --> 00:09:09,443 จิตเราเศร้าหมองอึดอัดขัดข้อง 141 00:09:09,443 --> 00:09:11,687 เรามีสติรู้ทันจิต 142 00:09:11,687 --> 00:09:14,527 โอ้ ตอนนี้จิตเราเศร้าหมองแล้ว 143 00:09:14,527 --> 00:09:16,398 หรือเวลาที่จิตเราเป็นกุศล 144 00:09:16,398 --> 00:09:18,696 เรามีสติรู้ลงไป 145 00:09:18,696 --> 00:09:20,594 อย่างเวลาเห็นครูบาอาจารย์ 146 00:09:20,594 --> 00:09:23,621 บางทีจิตเรามีปีติ 147 00:09:23,621 --> 00:09:27,727 ดีใจได้เห็นครูบาอาจารย์มีปีติ 148 00:09:27,727 --> 00:09:29,975 เราแทนที่จะไปดูแค่ครูบาอาจารย์ 149 00:09:29,975 --> 00:09:34,224 เราก็เห็นจิตใจมีปีติขึ้นมา 150 00:09:34,224 --> 00:09:38,765 จิตใจฟังธรรมไป จิตใจเรามีความสุข 151 00:09:38,765 --> 00:09:41,689 ไม่ได้มัวแต่นั่งฟังเพลินๆ ไป 152 00:09:41,689 --> 00:09:45,293 จิตใจเรามีความสุข รู้ว่ามีความสุข 153 00:09:45,293 --> 00:09:50,037 นี่การปฏิบัติจริงๆ สำคัญมากเลยนะตรงนี้ 154 00:09:50,037 --> 00:09:53,700 แล้วส่วนใหญ่ก็ละเลยกัน ไม่สนใจ 155 00:09:53,700 --> 00:09:58,230 แล้วกำหนดอะไรต่ออะไรสอนอะไรกันแปลกๆ ไป 156 00:09:58,230 --> 00:10:01,986 ละเลยการเจริญสติในชีวิตประจำวัน 157 00:10:01,986 --> 00:10:05,685 ซึ่งหลวงปู่มั่นบอกหัวใจของการปฏิบัติเลย 158 00:10:05,685 --> 00:10:09,178 การมีสติในชีวิตประจำวัน 159 00:10:09,178 --> 00:10:12,057 ฉะนั้นถ้าเราอยากมีสติในชีวิตประจำวัน 160 00:10:12,057 --> 00:10:14,090 เราต้องฝึกตัวเอง 161 00:10:14,090 --> 00:10:17,263 หัดอ่านใจตัวเองให้ออก 162 00:10:17,263 --> 00:10:20,835 ตาเราเห็นรูปเกิดความเปลี่ยนแปลงที่จิตใจ 163 00:10:20,835 --> 00:10:22,813 อย่างเกิดสุข เกิดทุกข์ 164 00:10:22,813 --> 00:10:25,065 เกิดกุศล เกิดอกุศล 165 00:10:25,065 --> 00:10:27,395 ให้เรามีสติรู้ 166 00:10:27,395 --> 00:10:29,701 อย่างเราเห็นผู้หญิงสวยๆ 167 00:10:29,701 --> 00:10:33,814 จิตเรามีราคะขึ้นมา ให้มีสติรู้ 168 00:10:33,814 --> 00:10:37,177 ไม่ใช่จำเป็นว่าต้องทำเฉยๆ 169 00:10:37,177 --> 00:10:40,826 เห็นผู้หญิงสวยๆ ก็กดจิตไว้ 170 00:10:40,826 --> 00:10:44,838 เพ่งๆๆ ลงไป ไม่ให้มีความรู้สึกขึ้นมา 171 00:10:44,838 --> 00:10:48,448 นั่นไม่ใช่การเจริญสติในชีวิตประจำวัน 172 00:10:48,448 --> 00:10:50,582 แต่เป็นการเพ่ง 173 00:10:50,582 --> 00:10:53,853 เพ่งอยู่ในชีวิตจริงๆ เลย เพ่งมากๆ 174 00:10:53,853 --> 00:10:56,429 ใจก็จะแข็งทื่อๆ ไป 175 00:10:56,429 --> 00:10:58,958 เหมือนอย่างพระองค์นี้ 176 00:10:58,958 --> 00:11:04,061 ใจก็ทื่อๆ ไป ไปเพ่งเอา 177 00:11:04,061 --> 00:11:08,843 ฉะนั้นเราต้องฝึกหัดอ่านความรู้สึกตัวเอง 178 00:11:08,843 --> 00:11:11,187 ตากระทบรูป 179 00:11:11,187 --> 00:11:12,611 เกิดสุข เกิดทุกข์ 180 00:11:12,611 --> 00:11:16,640 เกิดกุศล เกิดอกุศล ให้มีสติรู้ทัน 181 00:11:16,640 --> 00:11:18,892 หูได้ยินเสียง จมูกได้กลิ่น 182 00:11:18,892 --> 00:11:21,777 ลิ้นกระทบรส กายกระทบสัมผัส 183 00:11:21,777 --> 00:11:24,028 เกิดสุข เกิดทุกข์ เกิดกุศล อกุศล 184 00:11:24,028 --> 00:11:25,439 ให้มีสติรู้ทัน 185 00:11:25,439 --> 00:11:28,232 เกิดที่ไหน เกิดที่ใจเรา 186 00:11:28,232 --> 00:11:30,526 ถ้าจิตเราคิด 187 00:11:30,526 --> 00:11:33,441 เราเกิดสุข เกิดทุกข์ เกิดกุศลอกุศล 188 00:11:33,441 --> 00:11:35,920 ให้มีสติรู้ทัน 189 00:11:35,920 --> 00:11:37,937 มันยากไหมที่จะรู้ 190 00:11:37,937 --> 00:11:41,245 ไม่ยาก แต่ละเลยที่จะรู้ 191 00:11:41,245 --> 00:11:44,063 อย่างเราขับรถอยู่คนมาปาดหน้าเรา 192 00:11:44,063 --> 00:11:47,090 ขับรถปาดหน้าเรา เราโกรธ 193 00:11:47,090 --> 00:11:50,683 คนที่ไม่ได้ปฏิบัติจะไปมองรถที่ปาดเรา 194 00:11:50,683 --> 00:11:52,953 เดี๋ยวจะไปเอาคืน 195 00:11:52,953 --> 00:11:57,574 ส่วนเรานักปฏิบัติเจริญสติในชีวิตประจำวัน 196 00:11:57,574 --> 00:12:00,399 คนเขาขับรถปาดหน้าเรา เราโกรธ 197 00:12:00,399 --> 00:12:03,631 เราเห็นความโกรธเกิดขึ้นที่จิตใจเรา 198 00:12:03,631 --> 00:12:07,051 นี่อย่างนี้ถึงจะเรียกว่าใช้ได้ 199 00:12:07,051 --> 00:12:12,348 ลำพังคนปาดหน้าเราแล้วเราก็ไปมองเขา 200 00:12:12,348 --> 00:12:15,574 เรียกว่าหลง หลงไปดู 201 00:12:15,574 --> 00:12:17,664 เกิดพยาบาทวิตก 202 00:12:17,664 --> 00:12:21,781 คิดจะเอาคืน นี่พยาบาทวิตก 203 00:12:21,781 --> 00:12:28,551 ฉะนั้นการภาวนาจะว่ายาก มันไม่ยากเลย 204 00:12:28,551 --> 00:12:32,185 เราไม่ได้บังคับตัวเอง กดข่มตัวเอง 205 00:12:32,185 --> 00:12:34,460 จิตใจเราเป็นอย่างไร เราก็คอยรู้ไป 206 00:12:34,460 --> 00:12:39,235 อย่างที่มันเป็น ไม่เห็นจะยากตรงไหนเลย 207 00:12:39,235 --> 00:12:41,660 แต่จะว่าง่ายมันก็ไม่ง่าย 208 00:12:41,660 --> 00:12:45,605 เพราะเราไม่เคยชินที่จะรู้ใจตัวเอง 209 00:12:45,605 --> 00:12:48,218 มันยากเพราะเราไม่เคยชินที่จะรู้ 210 00:12:48,218 --> 00:12:50,247 เท่านั้นล่ะ 211 00:12:50,247 --> 00:12:53,687 ถ้าหัดฝึกจนเคยชินที่จะรู้ 212 00:12:53,687 --> 00:12:55,138 การจะอ่านใจตัวเอง 213 00:12:55,138 --> 00:12:58,577 ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไปเลย 214 00:12:58,577 --> 00:13:01,991 หลวงพ่อไม่ได้ฝึกอะไรมากมาย 215 00:13:01,991 --> 00:13:06,072 ตอนเด็กๆ ก็ทำสมาธิก็ได้แต่ความสงบ 216 00:13:06,072 --> 00:13:08,507 ก็ออกรู้โน้นรู้นี้ไปเรื่อยๆ 217 00:13:08,507 --> 00:13:12,171 หาสาระแก่นสารอะไรไม่ได้ 218 00:13:12,171 --> 00:13:15,788 มาเจอหลวงปู่ดูลย์ท่านบอกให้อ่านจิตตัวเอง 219 00:13:15,788 --> 00:13:18,044 หลวงพ่อก็ตามรู้ตามเห็นจิตใจ 220 00:13:18,044 --> 00:13:20,031 นี่วิธีอ่านจิตตัวเอง 221 00:13:20,031 --> 00:13:22,598 ทำอย่างที่หลวงพ่อบอก 222 00:13:22,598 --> 00:13:25,512 ไม่ใช่ไปนั่งจ้องอยู่ที่จิต 223 00:13:25,512 --> 00:13:27,957 นั่งเฝ้าจิตดูว่าเมื่อไร 224 00:13:27,957 --> 00:13:30,039 จะมีอะไรเกิดขึ้นในจิตใจเรา 225 00:13:30,039 --> 00:13:32,170 นั่งเฝ้าอยู่อย่างนี้ 226 00:13:32,170 --> 00:13:35,616 อันนั้นไม่ใช่ ใช้ไม่ได้เลย 227 00:13:35,616 --> 00:13:38,988 เมื่อไรเราจงใจไปนั่งเฝ้าเอา 228 00:13:38,988 --> 00:13:41,581 จิตจะนิ่งๆ ทื่อๆ แข็งๆ ไป 229 00:13:41,581 --> 00:13:43,781 ไม่มีอะไรให้ดูหรอก 230 00:13:43,781 --> 00:13:45,999 ฉะนั้นอย่าไปดักดู 231 00:13:45,999 --> 00:13:48,349 ให้ตาหูจมูกลิ้นกายใจกระทบอารมณ์ 232 00:13:48,349 --> 00:13:50,659 แล้วก็เกิดความรู้สึกขึ้นมาก่อน 233 00:13:50,659 --> 00:13:54,047 แล้วค่อยรู้ว่าตอนนี้รู้สึกอย่างไร 234 00:13:54,047 --> 00:13:56,950 อย่าไปดักดูไว้ก่อน 235 00:13:56,950 --> 00:13:59,787 ถ้าไปดักดูไปรอดู 236 00:13:59,787 --> 00:14:02,412 มันจะนิ่งๆ ไม่มีอะไรให้ดูหรอก 237 00:14:02,412 --> 00:14:04,966 อันนั้นไม่ใช่การอ่านจิตตนเองแล้ว 238 00:14:04,966 --> 00:14:11,278 แต่เป็นการบังคับจิตตนเองให้มันนิ่งๆ ไป 239 00:14:11,278 --> 00:14:13,665 ต้องฝึกนะต้องฝึก 240 00:14:13,665 --> 00:14:15,735 ถ้าอ่านจิตตัวเองจนชำนาญ 241 00:14:15,735 --> 00:14:19,895 เราจะรู้เลยการปฏิบัติ ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไปแล้ว 242 00:14:19,895 --> 00:14:21,965 เพราะเราได้สิ่งที่สำคัญที่สุด 243 00:14:21,965 --> 00:14:24,101 สำหรับการปฏิบัติแล้ว 244 00:14:24,101 --> 00:14:28,062 คือเรารู้จักจิตตัวเอง 245 00:14:28,062 --> 00:14:32,016 การปฏิบัติธรรมจริงๆ ก็คือการฝึกจิตนั่นล่ะ 246 00:14:32,016 --> 00:14:33,776 ไม่ได้ฝึกกาย 247 00:14:33,776 --> 00:14:35,196 อย่างจะเดินจงกรม 248 00:14:35,196 --> 00:14:39,853 บางคนฝึกกายต้องเดินท่านั้นต้องเดินท่านี้ 249 00:14:39,853 --> 00:14:42,346 แล้วจริงๆ แล้วมันไม่ใช่หรอก 250 00:14:42,346 --> 00:14:44,548 เราไม่ได้ฝึกโยธวาทิต 251 00:14:44,548 --> 00:14:46,751 จะเดินอย่างนั้นอย่างนี้ให้สวยงาม 252 00:14:46,751 --> 00:14:48,327 ไม่จำเป็นหรอก 253 00:14:48,327 --> 00:14:51,091 เคยเดินท่าไหนก็เดินท่านั้นล่ะ 254 00:14:51,091 --> 00:14:55,967 แต่ว่าจุดสำคัญหัวใจจริงๆ คือจิตของเรานั่นเอง 255 00:14:55,967 --> 00:14:59,372 พ่อแม่ครูอาจารย์หลวงปู่มั่นท่านก็สอน 256 00:14:59,372 --> 00:15:01,723 ได้จิตก็ได้ธรรมะ 257 00:15:01,723 --> 00:15:04,446 ไม่ได้จิตไม่ได้ธรรมะหรอก 258 00:15:04,446 --> 00:15:06,969 ทำไมถึงเป็นอย่างนั้น 259 00:15:06,969 --> 00:15:09,565 ธรรมะเกิดที่จิต 260 00:15:09,565 --> 00:15:12,147 ธรรมะมีอะไรบ้าง 261 00:15:12,147 --> 00:15:15,474 อกุศลธรรม รู้จักเคยได้ยินไหม 262 00:15:15,474 --> 00:15:16,587 เกิดที่ไหน 263 00:15:16,587 --> 00:15:19,144 เกิดที่มือที่เท้าที่ท้องหรือเปล่า 264 00:15:19,144 --> 00:15:22,966 ไม่ได้เกิด อกุศลธรรมเกิดที่จิต 265 00:15:22,966 --> 00:15:25,757 กุศลธรรมล่ะเกิดที่ไหน 266 00:15:25,757 --> 00:15:28,575 ไม่ได้เกิดที่มือที่เท้าที่ท้อง 267 00:15:28,575 --> 00:15:32,713 ไม่ได้เกิดที่ลมหายใจ เกิดที่จิต 268 00:15:32,713 --> 00:15:36,965 มรรคผลล่ะ มรรคผลก็เกิดที่จิต 269 00:15:36,965 --> 00:15:38,955 มรรคผลไม่ได้ไปเกิด 270 00:15:38,955 --> 00:15:42,548 ที่ต้นไม้ที่ภูเขาที่แม่น้ำ 271 00:15:42,548 --> 00:15:44,722 หรือที่ร่างกาย 272 00:15:44,722 --> 00:15:47,669 มรรคผลก็เกิดขึ้นที่จิต 273 00:15:47,669 --> 00:15:51,836 ถ้าเราเฝ้ารู้เฝ้าดูไป รักษาจิต 274 00:15:51,836 --> 00:15:56,089 มีสติรักษาจิต ดูจิตไป ดูแลจิตไป 275 00:15:56,089 --> 00:15:58,099 จิตเป็นอย่างไรก็ช่างมันเถอะ 276 00:15:58,099 --> 00:16:01,172 แต่รู้อย่างที่มันเป็นให้ได้เท่านั้นล่ะ 277 00:16:01,172 --> 00:16:03,110 แล้วเราจะพบว่า 278 00:16:03,110 --> 00:16:08,412 ความรู้สึกของเราเปลี่ยนแปลงตลอดเวลาเลย 279 00:16:08,412 --> 00:16:11,488 เวลาตาเราเห็นรูปความรู้สึกก็เปลี่ยน 280 00:16:11,488 --> 00:16:13,997 หูได้ยินเสียง จมูกได้กลิ่น ลิ้นกระทบรส 281 00:16:13,997 --> 00:16:18,583 กายกระทบสัมผัส ใจกระทบความคิด 282 00:16:18,583 --> 00:16:21,662 ความรู้สึกก็เปลี่ยนในจิตใจนี้ 283 00:16:21,662 --> 00:16:27,175 สังเกตไปเรื่อยๆ ไม่ใช่ว่าต้องดี 284 00:16:27,175 --> 00:16:31,042 ชั่วหรือดี 285 00:16:31,042 --> 00:16:34,976 ครูบาอาจารย์องค์หนึ่งท่านเคยพูด 286 00:16:34,976 --> 00:16:38,227 ชั่วหรือดีก็อัปรีย์พอกัน 287 00:16:38,227 --> 00:16:40,658 อัปรีย์ไม่ใช่คำหยาบคาย 288 00:16:40,658 --> 00:16:44,197 อัปรีย์ตัวนี้เป็นภาษาบาลี “อัปปิยะ” 289 00:16:44,197 --> 00:16:46,060 คือไม่น่ารัก ไม่น่าหวงแหน 290 00:16:46,060 --> 00:16:48,218 เหมือนๆ กันล่ะ 291 00:16:48,218 --> 00:16:51,076 ความชั่วเกิดขึ้นก็อย่าไปรักมัน 292 00:16:51,076 --> 00:16:54,244 ความดีเกิดขึ้นก็อย่าไปหลงมัน 293 00:16:54,244 --> 00:16:55,797 นี่ท่านสอนถึงขนาดนี้นะ 294 00:16:55,797 --> 00:17:00,244 แต่ว่าอันนี้เป็นคำสอนในขั้นการเจริญปัญญา 295 00:17:00,244 --> 00:17:04,714 ในขั้นจริยธรรมชั่วกับดีไม่เท่ากัน 296 00:17:04,714 --> 00:17:07,311 ชั่วนะอัปรีย์จริง ดีไม่อัปรีย์ 297 00:17:07,311 --> 00:17:11,458 ดีๆ ดีก็ปิยะ น่ารัก 298 00:17:11,458 --> 00:17:15,860 แต่ในขั้นเจริญปัญญาเราไม่ได้ภาวนาเอาดี 299 00:17:15,860 --> 00:17:18,047 เพราะดีก็ไม่เที่ยง 300 00:17:18,047 --> 00:17:21,749 เราไม่ได้ภาวนาเอาความสุข เพราะความสุขก็ไม่เที่ยง 301 00:17:21,749 --> 00:17:25,855 เราไม่ได้ภาวนาเอาความสงบ เพราะความสงบไม่เที่ยง 302 00:17:25,855 --> 00:17:29,117 เราภาวนาให้เห็นความจริงว่า 303 00:17:29,117 --> 00:17:32,164 จิตใจของเรานี่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา 304 00:17:32,164 --> 00:17:36,399 เดี๋ยวสุข เดี๋ยวทุกข์ เดี๋ยวเป็นกุศล เดี๋ยวเป็นอกุศล 305 00:17:36,399 --> 00:17:40,935 ตกอยู่ใต้คำว่าไตรลักษณ์ตลอดเวลา 306 00:17:40,935 --> 00:17:43,521 เวลาเราดูจิตดูใจนี่ 307 00:17:43,521 --> 00:17:49,600 สามัญลักษณะคือลักษณะร่วมของ สิ่งที่เป็นความปรุงแต่งทั้งหลายทั้งปวง 308 00:17:49,600 --> 00:17:51,413 หรือเรียกว่าไตรลักษณ์นี่ 309 00:17:51,413 --> 00:17:55,269 จริงๆ ชื่อจริงๆ ของมันคือสามัญลักษณะ 310 00:17:55,269 --> 00:17:59,227 ลักษณะร่วมของสิ่งที่เป็น ความปรุงแต่งทั้งหลายทั้งปวง 311 00:17:59,227 --> 00:18:01,907 ทั้งรูปธรรมทั้งนามธรรม 312 00:18:01,907 --> 00:18:05,163 มี 3 อย่าง ไม่เที่ยง 313 00:18:05,163 --> 00:18:07,862 ไม่เที่ยงก็คือของเคยมีแล้วมันไม่มี 314 00:18:07,862 --> 00:18:11,755 ของไม่มีแล้วมันก็มี มันไม่เที่ยง 315 00:18:11,755 --> 00:18:15,255 มันเป็นทุกข์ คือมันถูกบีบคั้น ให้แตกสลายอยู่ตลอดเวลา 316 00:18:15,255 --> 00:18:17,402 อย่างความสุขเกิดขึ้น 317 00:18:17,402 --> 00:18:20,334 ความสุขก็ถูกบีบคั้นให้แตกสลาย 318 00:18:20,334 --> 00:18:24,484 บางทีหลายคนเจอหลวงพ่อ คุยกับหลวงพ่อเลย 319 00:18:24,484 --> 00:18:29,197 เกิดปีติ ปีติถ้าเรามีสติรู้ลงไป 320 00:18:29,197 --> 00:18:32,586 เราก็เห็นปีติถูกบีบคั้นให้แตกสลาย 321 00:18:32,586 --> 00:18:36,221 ค่อยๆ กร่อนๆๆ ลงไปแล้วก็หายไป 322 00:18:36,221 --> 00:18:38,638 แล้วมันก็เป็นอนัตตา 323 00:18:38,638 --> 00:18:41,713 จิตเราจะสุขหรือจะทุกข์ จะดีหรือจะชั่ว 324 00:18:41,713 --> 00:18:44,063 เราสั่งไม่ได้ เลือกไม่ได้ 325 00:18:44,063 --> 00:18:45,754 นี่คือความจริง 326 00:18:45,754 --> 00:18:47,153 สามัญลักษณะ 327 00:18:47,153 --> 00:18:51,153 ลักษณะร่วมของสิ่งที่เป็นสังขารทั้งหลาย 328 00:18:51,153 --> 00:18:53,967 ก็คือรูปธรรมนามธรรมทั้งหลาย 329 00:18:53,967 --> 00:18:57,439 ล้วนแต่ตกอยู่ใต้ไตรลักษณ์ทั้งหมด 330 00:18:57,439 --> 00:19:01,971 มีสิ่งเดียวที่พ้นจาก ไตรลักษณ์ไปคือพระนิพพาน 331 00:19:01,971 --> 00:19:04,427 นิพพานไม่มีความเกิด 332 00:19:04,427 --> 00:19:06,078 เมื่อนิพพานไม่มีความเกิด 333 00:19:06,078 --> 00:19:08,962 นิพพานก็ไม่มีความเก่า 334 00:19:08,962 --> 00:19:12,537 ไม่มีความตาย ไม่มีความดับ 335 00:19:12,537 --> 00:19:15,583 ของนอกนั้นจะเป็นรูปธรรมหรือนามธรรม 336 00:19:15,583 --> 00:19:20,773 จะเป็นกุศลหรืออกุศล เกิดแล้วดับทั้งสิ้น 337 00:19:20,773 --> 00:19:23,423 เรามีสติตามอ่านความเป็นจริง 338 00:19:23,423 --> 00:19:27,137 ในจิตในใจของเราเรื่อยๆ ไป 339 00:19:27,137 --> 00:19:29,468 แล้ววันหนึ่งเราก็จะเข้าใจ 340 00:19:29,468 --> 00:19:33,983 ทุกสิ่งทุกอย่างที่ผ่าน เข้ามาสู่ความรับรู้ของเรา 341 00:19:33,983 --> 00:19:37,361 อยู่ชั่วคราวแล้วก็ดับสลายไป 342 00:19:37,361 --> 00:19:39,791 นี่ดูไปเรื่อยๆ 343 00:19:39,791 --> 00:19:42,576 หลวงพ่อใช้เวลาตรงนี้ 344 00:19:42,576 --> 00:19:45,813 หลวงปู่ดูลย์บอกให้อ่านจิตตนเอง 345 00:19:45,813 --> 00:19:49,459 หลวงพ่อใช้เวลา 7 เดือนในการอ่านจิตตนเอง 346 00:19:49,459 --> 00:19:53,198 แต่ 7 เดือนนี้อ่านผิดไป 3 เดือน 347 00:19:53,198 --> 00:19:57,138 อ่านผิดอย่างไร ก็พยายามบังคับจิตให้นิ่ง 348 00:19:57,138 --> 00:19:59,508 ไม่ให้จิตคิดนึกปรุงแต่ง 349 00:19:59,508 --> 00:20:03,095 ทำได้ไหม ก็ทำได้ ทำสมาธิไป 350 00:20:03,095 --> 00:20:07,305 จิตก็ว่างๆ นิ่งๆ สบาย 351 00:20:07,305 --> 00:20:10,716 แล้วไปหาหลวงปู่บอกผมดูจิตได้แล้ว 352 00:20:10,716 --> 00:20:12,532 หลวงปู่ถามจิตเป็นอย่างไร 353 00:20:12,532 --> 00:20:14,887 บอก โอ้ย จิตมันวิจิตรพิสดาร 354 00:20:14,887 --> 00:20:16,969 มันปรุงแต่งได้สารพัดเลย 355 00:20:16,969 --> 00:20:20,032 แต่ผมสามารถทำให้มันสงบไม่ปรุงแต่ง 356 00:20:20,032 --> 00:20:22,090 ว่างๆ อยู่อย่างนั้น 357 00:20:22,090 --> 00:20:24,058 หลวงปู่บอกว่าให้ไปอ่านจิต 358 00:20:24,058 --> 00:20:26,621 ไม่ใช่ให้ไปปรุงแต่งจิต 359 00:20:26,621 --> 00:20:31,129 ทำผิดแล้ว ไปทำใหม่ นี่ท่านสอนอย่างนี้ 360 00:20:31,129 --> 00:20:32,639 หลวงพ่อก็เลยมาทำใหม่ 361 00:20:32,639 --> 00:20:35,891 ก็คือมาอ่านจิตตนเองจริงๆ 362 00:20:35,891 --> 00:20:38,864 อ่านอย่างไร ก็อ่านอย่างที่เล่าให้ฟังนี่ล่ะ 363 00:20:38,864 --> 00:20:41,680 ไม่ได้อ่านแบบพิสดารอะไรทั้งสิ้นเลย 364 00:20:41,680 --> 00:20:45,883 อ่านซื่อๆ อ่านสบายๆ นี่ล่ะ 365 00:20:45,883 --> 00:20:49,743 อย่างขณะนี้พวกเราฟังหลวงพ่อเทศน์ 366 00:20:49,743 --> 00:20:54,140 ลองนึกซิใจเราสุขหรือทุกข์ รู้ไหม 367 00:20:54,140 --> 00:20:57,977 รู้ได้ไหมว่าตอนนี้ใจสุขหรือทุกข์ 368 00:20:57,977 --> 00:21:00,960 ไม่เห็นจะยากตรงไหนเลย 369 00:21:00,960 --> 00:21:03,825 หรืออย่างร่างกายถ้าบางคนดูกาย 370 00:21:03,825 --> 00:21:06,196 รู้ไหมร่างกายกำลังนั่งอยู่ 371 00:21:06,196 --> 00:21:09,165 ยากไหมที่จะรู้ร่างกายกำลังนั่งอยู่ 372 00:21:09,165 --> 00:21:12,904 ถ้ายากก็เพี้ยนแล้ว ไปหาจิตแพทย์ได้เลย 373 00:21:12,904 --> 00:21:14,007 นี่ธรรมะจริงๆ 374 00:21:14,007 --> 00:21:18,273 เปิดเผยเรียบง่ายตรงไปตรงมาที่สุดเลย 375 00:21:18,273 --> 00:21:22,972 ร่างกายหายใจออกร่างกายหายใจเข้ารู้ได้ไหม 376 00:21:22,972 --> 00:21:26,480 ต้องทำจิตให้นิ่งก่อนแล้วถึงจะรู้ไหม 377 00:21:26,480 --> 00:21:29,708 ไม่ต้อง รู้เฉยๆ 378 00:21:29,708 --> 00:21:32,595 การรู้จิตรู้ใจก็รู้แบบเดียวกัน 379 00:21:32,595 --> 00:21:35,705 รู้เหมือนที่รู้ร่างกายมันยืนเดินนั่งนอน 380 00:21:35,705 --> 00:21:38,815 ร่างกายหายใจออกหายใจเข้านี่ล่ะ 381 00:21:38,815 --> 00:21:42,334 รู้เฉยๆ รู้อย่างที่มันเป็น 382 00:21:42,334 --> 00:21:47,224 ตอนนี้ใจเราสุขหรือทุกข์รู้ได้ไหม 383 00:21:47,224 --> 00:21:50,662 ตอนนี้ใจเรางงไหม บางคนงง 384 00:21:50,662 --> 00:21:54,041 เอะ มันสุขหรือมันทุกข์ 385 00:21:54,041 --> 00:21:56,442 หลายคนนะ 386 00:21:56,442 --> 00:22:00,351 บางคนบอกไม่งง แต่ว่าอ่านใจไม่ออก 387 00:22:00,351 --> 00:22:04,301 ขณะที่บอกไม่งงเลย กำลังหลงอยู่ 388 00:22:04,301 --> 00:22:07,664 หลงไปที่อื่นแล้ว ไม่ได้อ่านใจตัวเองแล้ว 389 00:22:07,664 --> 00:22:10,598 จิตใจเป็นของละเอียด 390 00:22:10,598 --> 00:22:12,641 เป็นของที่ว่องไวที่สุดเลย 391 00:22:12,641 --> 00:22:15,541 เราต้องพัฒนาสติของเราให้ไวขึ้นมา 392 00:22:15,541 --> 00:22:17,631 เพื่อจะอ่านมันให้ทัน 393 00:22:17,631 --> 00:22:22,132 ไม่ใช่ไปหน่วงความรู้สึกทางใจให้ช้าลง 394 00:22:22,132 --> 00:22:25,335 เพื่อสติที่ช้าๆ จะได้อ่านทัน 395 00:22:25,335 --> 00:22:28,063 อย่าไปดัดแปลงมัน เหมือนอย่างบางคน 396 00:22:28,063 --> 00:22:33,344 เดินจงกรมเดินให้ช้าๆ สติจะได้ตามทัน 397 00:22:33,344 --> 00:22:35,526 เดินช้าๆ 398 00:22:35,526 --> 00:22:38,027 จิตหนีไปสร้างภพสร้างชาติสร้างทุกข์ 399 00:22:38,027 --> 00:22:39,628 ไม่รู้กี่ร้อยรอบแล้ว 400 00:22:39,628 --> 00:22:43,883 กว่าจะเดินได้แถวตลอดแนวนี่ 401 00:22:43,883 --> 00:22:46,235 เพราะฉะนั้นกิเลสมันไม่ช้าด้วยหรอก 402 00:22:46,235 --> 00:22:49,892 ถึงเราแกล้งเดินให้ช้ากิเลสมันไม่ช้าด้วย 403 00:22:49,892 --> 00:22:51,364 จิตนี้ก็เหมือนกัน 404 00:22:51,364 --> 00:22:55,575 ไม่ต้องไปแกล้งทำให้ช้าๆ เอ๋อๆ นิ่งๆ 405 00:22:55,575 --> 00:22:58,270 เงียบๆ อะไรอย่างนี้ 406 00:22:58,270 --> 00:23:01,063 กิเลสมันไม่ช้าด้วย 407 00:23:01,063 --> 00:23:05,029 เพราะฉะนั้นมันเป็นอย่างไร รู้อย่างที่มันเป็นให้ได้ 408 00:23:05,029 --> 00:23:08,946 หลวงพ่อฝึกดูอ่านจิตตัวเองได้จริงๆ 409 00:23:08,946 --> 00:23:11,093 4 เดือนเท่านั้น 410 00:23:11,093 --> 00:23:13,943 หลวงพ่อก็เข้าใจจิตแล้ว 411 00:23:13,943 --> 00:23:16,547 จิตมีธรรมชาติที่เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป 412 00:23:16,547 --> 00:23:19,536 ไม่ใช่ตัวเรา ไม่ใช่ของเรา 413 00:23:19,536 --> 00:23:22,828 เห็นความเป็นไตรลักษณ์ของมันไป 414 00:23:22,828 --> 00:23:25,122 คราวนี้ไปส่งการบ้านกับหลวงปู่ 415 00:23:25,122 --> 00:23:28,468 หลวงปู่บอกว่าอย่างนี้ช่วยตัวเองได้แล้ว 416 00:23:28,468 --> 00:23:31,954 ไม่จำเป็นต้องเรียนที่ไหนแล้ว 417 00:23:31,954 --> 00:23:35,507 เรียนที่จิตใจตัวเองนี่ไปได้เอาตัวรอดแล้ว 418 00:23:35,507 --> 00:23:37,716 ท่านสอน 419 00:23:37,716 --> 00:23:41,443 มีพระมาถามหลวงพ่อ 420 00:23:41,443 --> 00:23:45,006 อันนี้อีกวัดหนึ่งอยู่กับ ครูบาอาจารย์เหมือนกัน 421 00:23:45,006 --> 00:23:46,711 พระอุปัฏฐากท่าน 422 00:23:46,711 --> 00:23:51,580 ได้ยินหลวงพ่อส่งการบ้าน กับหลวงปู่ครูบาอาจารย์ 423 00:23:51,580 --> 00:23:54,772 แล้วหลวงพ่อออกจากหลวงปู่มา 424 00:23:54,772 --> 00:23:57,250 หลวงปู่ก็ชมหลวงพ่อใหญ่ 425 00:23:57,250 --> 00:23:59,098 พระอุปัฏฐากท่านก็ฟัง 426 00:23:59,098 --> 00:24:01,127 ตอนเย็นไปเจอท่าน 427 00:24:01,127 --> 00:24:02,790 ท่านก็มาถามหลวงพ่อว่า 428 00:24:02,790 --> 00:24:07,930 โยมๆ เป็นฆราวาสแท้ๆ เลย โยมภาวนาอย่างไร 429 00:24:07,930 --> 00:24:10,647 โยมทำปีหนึ่ง พระทำ 10 ปี 20 ปี 430 00:24:10,647 --> 00:24:12,902 ยังไม่ได้อย่างนี้เลย 431 00:24:12,902 --> 00:24:15,900 ท่านถามซื่อๆ เลย 432 00:24:15,900 --> 00:24:20,628 บอกพระทำ 10 ปี 20 ปี ยังไม่ได้อย่างที่โยมทำปีหนึ่ง 433 00:24:20,628 --> 00:24:25,060 หลวงพ่อก็บอกท่านผมทำทั้งวัน 434 00:24:25,060 --> 00:24:29,149 ท่านก็งง ทำทั้งวันแล้วไม่ทำมาหากินหรือ 435 00:24:29,149 --> 00:24:32,076 ตอนนั้นรับราชการ 436 00:24:32,076 --> 00:24:34,484 แล้วทำอย่างไรทำทั้งวัน 437 00:24:34,484 --> 00:24:38,582 เจริญสติในชีวิตประจำวันนั่นล่ะ 438 00:24:38,582 --> 00:24:42,154 เวลาเรามีหน้าที่การงานเราต้องทำงาน 439 00:24:42,154 --> 00:24:43,988 สติจดจ่ออยู่กับงาน 440 00:24:43,988 --> 00:24:47,664 สมาธิจดจ่ออยู่กับงาน ปัญญาคิดเรื่องงาน 441 00:24:47,664 --> 00:24:49,942 อันนั้นไม่ใช่เวลาปฏิบัติ 442 00:24:49,942 --> 00:24:52,445 แต่เป็นเวลาทำงาน 443 00:24:52,445 --> 00:24:54,923 เวลานอกเหนือจากเวลาที่ทำงาน 444 00:24:54,923 --> 00:24:58,067 กับเวลาทำงานที่ใช้ความคิด 445 00:24:58,067 --> 00:25:01,885 แต่ถ้าทำงานที่ใช้ร่างกาย ปฏิบัติได้ตลอดเลย 446 00:25:01,885 --> 00:25:07,067 อย่างที่สุรินทร์เมื่อก่อน เห็นมีสามล้อถีบเยอะเลย 447 00:25:07,067 --> 00:25:10,347 คนถีบสามล้อเข้าใจธรรมะก็มี 448 00:25:10,347 --> 00:25:12,567 เขาเก่ง 449 00:25:12,567 --> 00:25:14,088 เขาถีบสามล้อไป 450 00:25:14,088 --> 00:25:18,020 เขาก็อ่านจิตใจตัวเองไป 451 00:25:18,020 --> 00:25:20,773 อ่านร่างกายตัวเองไปเรื่อยๆ 452 00:25:20,773 --> 00:25:25,897 แม่ค้าขายผักอยู่ในตลาดก็ภาวนาดี 453 00:25:25,897 --> 00:25:30,888 หน้าใสปิ๊งเลย สว่างสดใส รู้เนื้อรู้ตัว 454 00:25:30,888 --> 00:25:33,721 จิตใจกิเลสเบาบาง 455 00:25:33,721 --> 00:25:36,324 นี่เขาภาวนาได้อย่างไร 456 00:25:36,324 --> 00:25:40,647 เขาไม่มีเวลามานั่งสมาธิทั้งวันหรอก 457 00:25:40,647 --> 00:25:44,356 ไม่มีเวลามาเดินจงกรม นั่งขายผัก 458 00:25:44,356 --> 00:25:46,966 เขาทำด้วยการเจริญสติ 459 00:25:46,966 --> 00:25:51,271 มีสติรู้สึกกายมีสติรู้สึกใจตัวเองไป 460 00:25:51,271 --> 00:25:57,680 นั่งขายผักคนมาซื้อ ดีใจรู้ว่าดีใจ 461 00:25:57,680 --> 00:26:01,087 ขายตั้งนานแล้วไม่มีใครมาซื้อเลย ผักชักจะเหี่ยวแล้ว 462 00:26:01,087 --> 00:26:04,450 เมืองสุรินทร์หน้าร้อนๆ ร้อนจัดเลย 463 00:26:04,450 --> 00:26:08,002 ผักนี้ชักจะเหี่ยวพอๆ กับคนขายแล้ว 464 00:26:08,002 --> 00:26:12,051 คนขายแก่งั่ก แต่คนขายผ่องใส 465 00:26:12,051 --> 00:26:16,699 ผักก็เหี่ยวไปแต่คนขายผักผ่องใส 466 00:26:16,699 --> 00:26:21,022 เขาก็เห็นผักมันเหี่ยวก็เรื่องธรรมชาติ 467 00:26:21,022 --> 00:26:24,135 ใจของเขากังวลว่าขาย ไม่ออกเดี๋ยววันนี้ขาดทุน 468 00:26:24,135 --> 00:26:26,616 เขาเห็นว่าใจกังวล 469 00:26:26,616 --> 00:26:31,837 ใจของเขาก็ได้ทรัพย์สมบัติที่วิเศษไป 470 00:26:31,837 --> 00:26:36,149 ได้อริยทรัพย์ 471 00:26:36,149 --> 00:26:38,328 ทรัพย์ทางโลกไม่ค่อยมี 472 00:26:38,328 --> 00:26:43,227 อย่างคนสุรินทร์ยุคก่อน สมัยหลายสิบปีก่อนจนมาก 473 00:26:43,227 --> 00:26:46,787 จนแต่เขามีอริยทรัพย์กัน 474 00:26:46,787 --> 00:26:50,733 เขามีทาน เขามีศีล เขามีสติ เขามีสมาธิ 475 00:26:50,733 --> 00:26:53,687 เขาขยันศึกษาทางธรรม 476 00:26:53,687 --> 00:26:57,495 สงสัยเขาไต่ถามครูบาอาจารย์ 477 00:26:57,495 --> 00:27:01,280 ชีวิตเขาวนเวียนอยู่อย่างนี้ เขาภาวนาดี 478 00:27:01,280 --> 00:27:04,011 แต่รุ่นหลังนี่หมดแล้ว ไปดู 479 00:27:04,011 --> 00:27:06,142 ก็กลายเป็นเหมือนคนกรุงเทพฯหมดแล้ว 480 00:27:06,142 --> 00:27:08,506 พวกหลงโลกทั้งนั้นล่ะ 481 00:27:08,506 --> 00:27:11,462 ไปไหนก็เจอแต่พวกหลงโลก 482 00:27:11,462 --> 00:27:15,014 หลวงพ่อภาวนาก็ทำอย่างนี้ล่ะ 483 00:27:15,014 --> 00:27:18,231 ตกเย็นตกค่ำก็นั่งสมาธินิดหน่อย 484 00:27:18,231 --> 00:27:20,684 เดินจงกรมไม่ค่อยได้เดิน 485 00:27:20,684 --> 00:27:23,906 เพราะที่บ้านเป็นบ้านโบราณบ้านไม้ 486 00:27:23,906 --> 00:27:26,466 เวลาเดินดังเอี๊ยดๆๆ 487 00:27:26,466 --> 00:27:30,839 หนวกหูคนที่อยู่ในบ้านเดียวกัน เขารำคาญ 488 00:27:30,839 --> 00:27:33,182 หลวงพ่อก็ใช้วิธีนั่งเอา 489 00:27:33,182 --> 00:27:35,365 ฝึกตัวเอง 490 00:27:35,365 --> 00:27:41,065 ที่จะฝึกอ่านใจตัวเอง ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ 491 00:27:41,065 --> 00:27:44,830 ก่อนจะนอนก็กินน้ำเยอะๆ 492 00:27:44,830 --> 00:27:47,041 กินน้ำมากๆ เพื่ออะไร 493 00:27:47,041 --> 00:27:49,602 ปวดฉี่จะได้ตื่น 494 00:27:49,602 --> 00:27:54,238 พอตื่นมา มาฉี่เสร็จแล้วก็กินน้ำอีกละ 495 00:27:54,238 --> 00:27:57,147 แล้วก็ไปนั่งสมาธิ 496 00:27:57,147 --> 00:28:01,776 ถ้าจิตยังมืดมัวอยู่จะไม่นอน 497 00:28:01,776 --> 00:28:05,852 ถ้านั่งแล้วจิตไม่ผ่องใสมัวๆ 498 00:28:05,852 --> 00:28:08,950 ถูกโมหะครอบ จะไม่นอนต่อ 499 00:28:08,950 --> 00:28:14,209 ฝึกตัวเองเข้มงวด 500 00:28:14,209 --> 00:28:19,252 ฝึกไปๆ จนกระทั่งกิเลสมันก็ฉลาด 501 00:28:19,252 --> 00:28:24,109 พอเราตื่นปุ๊บ สว่าง ใจเราสว่างผ่องใส 502 00:28:24,109 --> 00:28:26,454 อ้าว นอนได้แล้ว 503 00:28:26,454 --> 00:28:27,814 กิเลสมันเก่งนะ 504 00:28:27,814 --> 00:28:31,119 แหม่มันหลอกเราได้สารพัด กว่าจะรู้ทันมัน 505 00:28:31,119 --> 00:28:35,421 เออ สว่างก็ดีแล้วนี่ นั่งต่อเลย 506 00:28:35,421 --> 00:28:38,555 นี่ฝึกตัวเองอย่างนี้ ฝึกไป 507 00:28:38,555 --> 00:28:41,778 อยากได้ของดีก็ต้องอดทน 508 00:28:41,778 --> 00:28:44,482 แต่ต้องอดทนให้ถูกทางถูกหลัก 509 00:28:44,482 --> 00:28:47,462 อดทนไม่ถูกหลักก็เหนื่อยเปล่า 510 00:28:47,462 --> 00:28:52,199 นักปฏิบัติที่ทำผิดมี 2 อัน 511 00:28:52,199 --> 00:28:56,122 กามสุขัลลิกานุโยคกับอัตตกิลมถานุโยค 512 00:28:56,122 --> 00:29:00,661 กามสุขัลลิกานุโยคก็หลง หลงตามกิเลสไป 513 00:29:00,661 --> 00:29:04,033 อัตตกิลมถานุโยคก็คือทำตัวเองให้ลำบาก 514 00:29:04,033 --> 00:29:07,088 บังคับกายบังคับใจตัวเอง 515 00:29:07,088 --> 00:29:09,792 เหมือนอย่างพระองค์นี้ท่านสงสัย 516 00:29:09,792 --> 00:29:11,902 ท่านจะมาถามหลวงพ่อ 517 00:29:11,902 --> 00:29:14,344 อยากถามหลวงพ่อภาวนาตั้งนาน 518 00:29:14,344 --> 00:29:16,271 ทำไมไม่เจริญ 519 00:29:16,271 --> 00:29:19,140 ท่านติดเพ่งอยู่ ให้ใจนิ่งๆ 520 00:29:19,140 --> 00:29:22,265 แต่ตอนนี้ใจท่าน ไม่เหมือนอย่างเมื่อกี้แล้ว 521 00:29:22,265 --> 00:29:25,577 ตอนนั่งฟังใหม่ๆ ใจท่านแน่นอึ้ด 522 00:29:25,577 --> 00:29:27,081 แต่ตอนนี้ใจท่านคลายออกแล้ว 523 00:29:27,081 --> 00:29:30,782 รู้เนื้อรู้ตัวขึ้นมา อย่างนี้ถึงจะภาวนาได้ 524 00:29:30,782 --> 00:29:34,076 ถ้านั่งเพ่งอยู่ กี่ปีมันก็อยู่แค่นั้นล่ะ 525 00:29:34,076 --> 00:29:36,925 ไม่มีความเจริญหรอก 526 00:29:36,925 --> 00:29:39,888 ฉะนั้นหัดอ่านใจตัวเองบ่อยๆ 527 00:29:39,888 --> 00:29:46,544 แล้วเราจะได้ๆ ของดี ของดีก็คือธรรมะนั่นล่ะ 528 00:29:46,544 --> 00:29:51,595 ถ้าเราเข้าใจธรรมะเราจะไม่ตีกับใคร 529 00:29:51,595 --> 00:29:53,396 เราจะไม่ทะเลาะกับใคร 530 00:29:53,396 --> 00:29:55,898 เอาธรรมะไปเถียงกันอะไรอย่างนี้ 531 00:29:55,898 --> 00:29:57,501 ไม่ทำหรอก 532 00:29:57,501 --> 00:30:00,416 ธรรมะเป็นของสูงเป็นของร่มเย็น 533 00:30:00,416 --> 00:30:02,973 ไม่ได้เรียนเอาไว้ทะเลาะกัน 534 00:30:02,973 --> 00:30:05,344 อันนั้นเรียนแล้วกิเลสแรงกว่าเก่า 535 00:30:05,344 --> 00:30:06,853 อย่างน้อยเรียนแล้วกูเก่ง 536 00:30:06,853 --> 00:30:08,624 กูรู้เยอะกว่าคนอื่นอะไรอย่างนี้ 537 00:30:08,624 --> 00:30:10,510 นี่กิเลสทั้งนั้นเลย 538 00:30:10,510 --> 00:30:13,146 แล้วพูดธรรมะฉอดๆๆๆ 539 00:30:13,146 --> 00:30:15,770 แต่ไม่เห็นกิเลส ใช้ไม่ได้หรอก 540 00:30:15,770 --> 00:30:18,288 อ่านจิตตัวเองไม่ออก 541 00:30:18,288 --> 00:30:21,014 ฉะนั้นพวกเราหัดอ่านจิตตัวเอง 542 00:30:21,014 --> 00:30:28,657 ไม่ใช่เรื่องยากหรอก มันละเลยที่จะอ่าน 543 00:30:28,657 --> 00:30:32,960 วันนี้เทศน์ไปเทศน์มา 544 00:30:32,960 --> 00:30:38,545 เนื้อหาสาระที่ควรจะบอกๆ หมดแล้ว 545 00:30:38,545 --> 00:30:42,024 เอาไปทำเอานะ 546 00:30:42,024 --> 00:30:45,821 สังเกตไหมพอหลวงพ่อบอกว่าเทศน์เสร็จแล้ว 547 00:30:45,821 --> 00:30:48,650 ใจของเราเปลี่ยนทันทีเลย รู้สึกไหม 548 00:30:48,650 --> 00:30:54,266 เฮ้อ แหม มันออกหน้าออกตามากไป 549 00:30:54,266 --> 00:30:59,451 ไม่รู้จักเกรงใจเลย 550 00:30:59,451 --> 00:31:01,753 นี่รู้สึกไหมใจขำ เห็นไหม 551 00:31:01,753 --> 00:31:03,807 ความรู้สึกขำเกิดขึ้น 552 00:31:03,807 --> 00:31:07,235 รู้สึกนี่ขำแล้วเอิ๊กๆ อ๊ากๆ 553 00:31:07,235 --> 00:31:10,599 เหมือนเด็กทารก เหมือนพระพุทธเจ้าบอกนะ 554 00:31:10,599 --> 00:31:12,428 อย่างหัวเราะเอิ๊กอ๊ากๆ 555 00:31:12,428 --> 00:31:15,132 มันอาการของเด็กทารก 556 00:31:15,132 --> 00:31:19,245 ไม่รู้เรื่องไม่มีสติ 557 00:31:19,245 --> 00:31:23,029 อย่างที่วัดหลวงพ่อคอยดูพระเรื่อยๆ 558 00:31:23,029 --> 00:31:25,599 คุยกันเสียงดังหลวงพ่อยังดุเลย 559 00:31:25,599 --> 00:31:28,165 อย่างหัวเราะก๊ากๆ นี่โดนทันทีเลย 560 00:31:28,165 --> 00:31:32,355 ถ้าคุยเสียงดัง เดี๋ยวว่างๆ แล้วจะเรียกมาดุ 561 00:31:32,355 --> 00:31:36,033 แต่ถ้าหัวเราะก๊ากๆ นี่โดนทันทีเลย 562 00:31:36,033 --> 00:31:39,135 เพราะว่านักปฏิบัติไม่ควรจะเป็นอย่างนั้น 563 00:31:39,135 --> 00:31:41,365 ต้องมีสติ 564 00:31:41,365 --> 00:31:42,633 สนุกได้ไหม 565 00:31:42,633 --> 00:31:46,623 ความรู้สึกสนุกเกิดขึ้นได้ไหม ได้ 566 00:31:46,623 --> 00:31:49,994 แต่อย่าให้ขาดสติ 567 00:31:49,994 --> 00:31:53,294 มีความสุขได้ไหม มีความสุขได้ 568 00:31:53,294 --> 00:31:56,694 ไม่ใช่ พระพุทธเจ้าบอกให้รู้ทุกข์ 569 00:31:56,694 --> 00:31:59,195 ฉะนั้นกูต้องทุกข์อย่างเดียว 570 00:31:59,195 --> 00:32:01,072 อันนั้นไม่ใช่นะ 571 00:32:01,072 --> 00:32:02,331 คำว่ารู้ทุกข์ก็คือ 572 00:32:02,331 --> 00:32:04,772 รู้รูปรู้นามรู้กายรู้ใจ 573 00:32:04,772 --> 00:32:07,757 ความสุขก็อยู่ในกองทุกข์ 574 00:32:07,757 --> 00:32:11,038 ความสุขก็เป็นตัวทุกข์ชนิดหนึ่ง 575 00:32:11,038 --> 00:32:15,221 ตัวเวทนาเป็นตัวทุกข์อย่างหนึ่ง 576 00:32:15,221 --> 00:32:21,140 ตามรู้ตามเห็น ไม่อยากหรอก 577 00:32:21,140 --> 00:32:26,646 ธรรมะก็ประณีตเป็นลำดับๆ ไป 578 00:32:26,646 --> 00:32:31,031 เบื้องต้นนี่อ่านใจตัวเองให้ออก 579 00:32:31,031 --> 00:32:34,458 หลวงปู่ดูลย์ท่านสอนธรรมะสอนสั้นๆ 580 00:32:34,458 --> 00:32:37,155 ไม่สอนยาวอย่างหลวงพ่อหรอก 581 00:32:37,155 --> 00:32:39,873 ถ้าหลวงพ่อเอาอย่างหลวงปู่ดูลย์สอนสั้นๆ 582 00:32:39,873 --> 00:32:41,519 พวกเราไม่รู้เรื่อง 583 00:32:41,519 --> 00:32:45,234 เพราะอินทรีย์พวกเราอ่อน ขี้เกียจด้วย 584 00:32:45,234 --> 00:32:48,611 ใครยังรู้สึกตัวว่าขี้เกียจบ้าง 585 00:32:48,611 --> 00:32:57,146 ไม่ต้องยกๆ ของมันเห็นๆ กันอยู่ 586 00:32:57,146 --> 00:33:02,614 ไม่ต้องยกหรอก 587 00:33:02,614 --> 00:33:05,832 ถ้ายังมีการเว้นวรรค 588 00:33:05,832 --> 00:33:10,346 การปฏิบัติของเรายังประมาทเกินไป 589 00:33:10,346 --> 00:33:15,852 ตอนนี้ขอเล่นเกมสัก ชั่วโมงหนึ่งก่อนอะไรอย่างนี้ 590 00:33:15,852 --> 00:33:17,422 นี่ประมาทนะ 591 00:33:17,422 --> 00:33:19,913 ระหว่างเล่นเกมอาจจะช็อกตายก็ได้ 592 00:33:19,913 --> 00:33:24,685 ดีใจชนะเกม นี่ประมาท 593 00:33:24,685 --> 00:33:27,423 ฉะนั้นอย่าให้มีช่องโหว่ 594 00:33:27,423 --> 00:33:30,916 ช่องโหว่เล็กนิดเดียวกิเลสลุยทันที 595 00:33:30,916 --> 00:33:34,296 กิเลสมันเก่งนะไม่ใช่มันไม่เก่ง 596 00:33:34,296 --> 00:33:36,476 ต้องฝึก 597 00:33:36,476 --> 00:33:40,598 หลวงปู่ดูลย์ท่านสอนสั้นๆ 598 00:33:40,598 --> 00:33:44,534 อย่างถ้าท่านจะสอนให้ จิตเรามีสมาธิตั้งมั่นนี่ 599 00:33:44,534 --> 00:33:49,245 ท่านพูดประโยคเดียว “อย่าส่งจิตออกนอก” 600 00:33:49,245 --> 00:33:51,036 จิตออกนอกคือจิตไหลไป 601 00:33:51,036 --> 00:33:53,836 ทางตาหูจมูกลิ้นกายใจ 602 00:33:53,836 --> 00:33:56,294 บอกอย่าส่งไป 603 00:33:56,294 --> 00:34:00,126 แต่ถ้าจิตมันส่งไปเอง ห้ามมันไม่ได้นะ 604 00:34:00,126 --> 00:34:03,204 แต่เราอย่าส่งไป 605 00:34:03,204 --> 00:34:06,968 ส่งไปก็คืออุ้ยสนุกจังเลย 606 00:34:06,968 --> 00:34:11,259 ดูละครสัตว์นี่สนุกจังเลย ส่งจิตไปดู 607 00:34:11,259 --> 00:34:13,234 ไปดูหมูเด้ง 608 00:34:13,234 --> 00:34:15,823 มันเด้งบ้างไม่เด้งบ้าง ส่วนใหญ่มันนอน 609 00:34:15,823 --> 00:34:19,695 ก็อุตส่าห์ไปดูกัน ไปดู 610 00:34:19,695 --> 00:34:21,101 เวลาไปดูหมูเด้ง 611 00:34:21,101 --> 00:34:23,679 เห็นไหมใจไปอยู่ที่หมูเด้ง 612 00:34:23,679 --> 00:34:28,915 ถ้าตายไปเราจะต้องแย่งกันไปเป็นฮิปโป 613 00:34:28,915 --> 00:34:30,291 แล้วคราวนี้ 614 00:34:30,291 --> 00:34:34,170 คนอื่นเขาจะมาดูเราเด้งบ้างแล้ว 615 00:34:34,170 --> 00:34:36,755 นี่ใจมันไหลออกไป 616 00:34:36,755 --> 00:34:43,529 อย่าส่งจิตออกนอกก็คืออย่ามีโลภะเจตนา 617 00:34:43,529 --> 00:34:46,726 เที่ยวแสวงหากามคุณอารมณ์ 618 00:34:46,726 --> 00:34:50,512 คือ รูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะทั้งหลาย 619 00:34:50,512 --> 00:34:53,939 แต่ธรรมชาติของจิตย่อมส่งออกนอก 620 00:34:53,939 --> 00:34:56,939 เห็นไหมจิตมันโดยตัวมันชอบส่งออกนอก 621 00:34:56,939 --> 00:34:58,430 ไม่ห้าม 622 00:34:58,430 --> 00:35:01,861 ถ้าจิตส่งออกนอกแล้วให้มีสติรู้ทัน 623 00:35:01,861 --> 00:35:04,015 ตรงนี้สำคัญนะ 624 00:35:04,015 --> 00:35:06,916 นี่คำสอนของหลวงปู่ดูลย์ประโยคเดียว 625 00:35:06,916 --> 00:35:08,510 แต่พอกระจายออกมา 626 00:35:08,510 --> 00:35:11,513 โห มันเป็นหลักการปฏิบัติ ที่เยอะแยะไปหมดเลย 627 00:35:11,513 --> 00:35:14,912 ถ้าจิตเราไม่ส่งออกนอกจิตเราจะเป็นอย่างไร 628 00:35:14,912 --> 00:35:16,832 จิตเราจะตั้งมั่น 629 00:35:16,832 --> 00:35:20,282 จิตเราจะตั้งมั่น เป็นผู้รู้ผู้ตื่นผู้เบิกบาน 630 00:35:20,282 --> 00:35:22,457 หลวงพ่อฝึกได้จิตที่ตั้งมั่น 631 00:35:22,457 --> 00:35:24,422 มาตั้งแต่ 10 ขวบ 632 00:35:24,422 --> 00:35:26,252 ฉะนั้นเวลาหลวงปู่สอน 633 00:35:26,315 --> 00:35:30,819 หลวงปู่ไม่มาบอกหลวงพ่อว่า อย่าส่งจิตออกนอก 634 00:35:30,819 --> 00:35:33,097 หลวงปู่ต่อยอดให้เลย 635 00:35:33,097 --> 00:35:36,088 “จงทำญาณเห็นจิตให้เหมือนตาเห็นรูป” 636 00:35:36,088 --> 00:35:38,265 ท่านสอนตรงนี้ 637 00:35:38,265 --> 00:35:42,229 จงทำญาณเห็นจิตให้เหมือนตาเห็นรูป 638 00:35:42,229 --> 00:35:45,969 เวลาตาเราเห็นรูปเราจงใจเห็นไหม 639 00:35:45,969 --> 00:35:48,555 หลับตาซิ ทุกคนหลับตา 640 00:35:48,555 --> 00:35:52,723 แล้วลองหันหน้าไปให้มันเปลี่ยนทิศทาง 641 00:35:52,723 --> 00:35:55,453 แล้วลืมตา 642 00:35:55,453 --> 00:36:00,167 เราเจตนาเห็นไหม ไม่ได้เจตนา 643 00:36:00,167 --> 00:36:02,512 จงทำญาณเห็นจิตให้เหมือนตาเห็นรูป 644 00:36:02,512 --> 00:36:05,375 อันแรกเลยไม่ได้เจตนา 645 00:36:05,375 --> 00:36:09,617 มีรูปอย่างไรก็เห็นมันไปอย่างนั้น 646 00:36:09,617 --> 00:36:13,999 หันไปแล้วไปเจอสาวสวยก็รู้ รู้รูป 647 00:36:13,999 --> 00:36:16,680 หันไปแล้วไปเจอหมาขี้เรือนวิ่งเข้ามา 648 00:36:16,680 --> 00:36:22,646 หรือเสือกำลังวิ่งเข้ามาก็รู้ รู้ทัน 649 00:36:22,646 --> 00:36:24,998 เหมือนตาเห็นรูป เราไม่เลือกนี่ 650 00:36:24,998 --> 00:36:27,832 เราเลือกได้ไหมว่าจะเห็นรูปอะไร 651 00:36:27,832 --> 00:36:30,134 เราเลือกไม่ได้ 652 00:36:30,134 --> 00:36:32,762 ตาจะเห็นรูปที่ดีหรือรูปที่ไม่ดี 653 00:36:32,762 --> 00:36:36,184 ที่ชอบใจหรือไม่ชอบใจ เราเลือกไม่ได้ 654 00:36:36,184 --> 00:36:37,368 การดูจิตเขาบอก 655 00:36:37,368 --> 00:36:40,251 จงทำญาณเห็นจิตให้เหมือนตาเห็นรูป 656 00:36:40,251 --> 00:36:43,363 เราไม่เลือกอารมณ์ของจิต 657 00:36:43,363 --> 00:36:46,272 อย่างตาก็ไม่เลือกอารมณ์ของตา 658 00:36:46,272 --> 00:36:48,467 มีรูปอะไรก็เห็นไปอย่างนั้น 659 00:36:48,467 --> 00:36:51,427 จิตนี่เราก็ไม่เลือกอารมณ์ 660 00:36:51,427 --> 00:36:55,813 อารมณ์ที่ดีมาเราก็รู้ อารมณ์ที่ไม่ดีมาเราก็รู้ 661 00:36:55,813 --> 00:37:01,237 ตามรู้อย่างที่มันมีอย่างที่มันเป็นไป 662 00:37:01,237 --> 00:37:03,183 มีญาณเห็น 663 00:37:03,183 --> 00:37:05,966 ญาณแปลว่าความหยั่งรู้ 664 00:37:05,966 --> 00:37:08,958 เป็นลักษณะของปัญญา 665 00:37:08,958 --> 00:37:11,018 ฉะนั้นไม่ใช่รู้โง่ๆ 666 00:37:11,018 --> 00:37:14,999 ไม่ใช่รู้เอ๋อๆ น้ำลายยืดๆ รู้ 667 00:37:14,999 --> 00:37:20,711 ไม่ใช่ รู้ต้องมีปัญญา 668 00:37:20,711 --> 00:37:23,779 มีใจที่ตั้งมั่นปัญญาถึงเกิด 669 00:37:23,779 --> 00:37:25,735 มันผ่านบทเรียนที่ชื่อว่า 670 00:37:25,735 --> 00:37:27,692 อย่าส่งจิตออกนอกมาแล้ว 671 00:37:27,692 --> 00:37:29,218 ใจมันตั้งมั่นแล้ว 672 00:37:29,218 --> 00:37:31,337 พอใจมันตั้งมั่นแล้ว 673 00:37:31,337 --> 00:37:35,757 มันถึงจะมีญาณเห็นจิตได้ 674 00:37:35,757 --> 00:37:37,842 ญาณเป็นปัญญา 675 00:37:37,842 --> 00:37:39,768 ปัญญามีสัมมาสมาธิ 676 00:37:39,768 --> 00:37:43,163 คือความตั้งมั่นเป็นเหตุใกล้ให้เกิด 677 00:37:43,163 --> 00:37:46,069 ฉะนั้นที่หลวงพ่อจะจ้ำจี้จำไชพวกเรา เฮ้ย 678 00:37:46,069 --> 00:37:48,895 จิตต้องตั้งมั่นนะ จิตต้องถึงฐานนะ 679 00:37:48,895 --> 00:37:52,814 เพื่อจะเอาไว้เดินปัญญา 680 00:37:52,814 --> 00:37:55,619 ทำญาณเห็นจิตให้เหมือนตาเห็นรูป 681 00:37:55,619 --> 00:38:00,410 หมายถึงว่ามีอารมณ์อะไร เกิดขึ้นก็สักว่ารู้ว่าเห็นไป 682 00:38:00,410 --> 00:38:03,107 รู้เห็นอย่างที่มันมีอย่างที่มันเป็น 683 00:38:03,107 --> 00:38:06,593 แล้วไม่ได้รู้โง่ๆ รู้แบบมีปัญญา 684 00:38:06,593 --> 00:38:11,529 อันแรกเลยมีสติรู้ว่ามี อารมณ์อะไรเกิดขึ้นกับจิต 685 00:38:11,529 --> 00:38:14,951 เช่นความสุขความทุกข์ กุศลอกุศลเกิดขึ้นกับจิต 686 00:38:14,951 --> 00:38:16,600 รู้ทัน 687 00:38:16,600 --> 00:38:19,971 อันที่สองมีปัญญาซ้ำลงไป 688 00:38:19,971 --> 00:38:22,724 ทุกสิ่งทุกอย่างที่จิตไปรู้เข้า 689 00:38:22,724 --> 00:38:26,151 ล้วนแต่ตกอยู่ใต้ไตรลักษณ์ 690 00:38:26,151 --> 00:38:28,913 ความสุขก็ไม่เที่ยง ความทุกข์ก็ไม่เที่ยง 691 00:38:28,913 --> 00:38:31,334 กุศลอกุศลก็ไม่เที่ยง 692 00:38:31,334 --> 00:38:33,224 หัดดูอย่างนี้ คำว่า 693 00:38:33,224 --> 00:38:36,289 “จงทำญาณเห็นจิตให้เหมือนตาเห็นรูป” 694 00:38:36,289 --> 00:38:37,729 คืออย่างนี้ 695 00:38:37,729 --> 00:38:41,623 ไม่ใช่นั่งจ้องอยู่ที่จิต 696 00:38:41,623 --> 00:38:45,004 ถ้าไปนั่งจ้องอยู่ที่จิต ไม่ใช่แล้ว 697 00:38:45,004 --> 00:38:48,248 มันก็คล้ายๆ เราเข้าห้องปิดประตู 698 00:38:48,248 --> 00:38:50,067 แล้วก็จุดเทียนไว้อันหนึ่ง 699 00:38:50,067 --> 00:38:53,564 แล้วก็มองอยู่ที่เทียน ไม่ให้มองอันอื่นเลย 700 00:38:53,564 --> 00:38:57,375 ตาก็ต้องเห็นแต่เทียนนี่ล่ะ เห็นอย่างอื่นไม่ได้ 701 00:38:57,375 --> 00:38:59,110 ไม่ใช่นะ 702 00:38:59,110 --> 00:39:02,269 มีตาก็เห็นอย่างที่มันจะต้องเห็น 703 00:39:02,269 --> 00:39:05,658 จิตของเราจะมีความรู้สึกอะไรเกิดขึ้น 704 00:39:05,658 --> 00:39:07,451 ให้มันรู้สึกไปอย่างที่มันมี 705 00:39:07,451 --> 00:39:09,181 อย่างที่มันเป็น 706 00:39:09,181 --> 00:39:10,368 แล้วเราก็ตามเห็นไป 707 00:39:10,368 --> 00:39:12,820 ตอนนี้จิตสุข ตอนนี้จิตทุกข์ 708 00:39:12,820 --> 00:39:15,102 ตอนนี้จิตเป็นกุศล ตอนนี้จิตเป็นอกุศล 709 00:39:15,102 --> 00:39:17,319 ตามรู้ตามเห็นไป 710 00:39:17,319 --> 00:39:20,794 พอตามรู้ตามเห็นไปมากพอ มันจะรู้ 711 00:39:20,794 --> 00:39:23,500 สิ่งใดสิ่งหนึ่งมีความเกิดขึ้นเป็นธรรมดา 712 00:39:23,500 --> 00:39:26,047 สิ่งนั้นทั้งหมดดับเป็นธรรมดา 713 00:39:26,047 --> 00:39:28,177 ทำไม่ใช้คำว่าสิ่งใดสิ่งหนึ่ง 714 00:39:28,177 --> 00:39:29,847 ทำไมไม่ใช้ว่าโลภโกรธหลง 715 00:39:29,847 --> 00:39:32,224 สุขทุกข์ดีชั่วอะไร 716 00:39:32,224 --> 00:39:37,109 ใช้คำว่าสิ่งใดสิ่งหนึ่ง หมายถึง Everything ที่เกิด 717 00:39:37,109 --> 00:39:40,289 ทั้งหมดนั่นล่ะต้องดับ 718 00:39:40,289 --> 00:39:42,827 ฉะนั้นไม่ใช้คำว่าสุขเกิดแล้วสุขดับ 719 00:39:42,827 --> 00:39:46,259 ทุกข์เกิดแล้วทุกข์ดับ กุศลเกิดแล้วก็ดับ 720 00:39:46,259 --> 00:39:48,197 โลภโกรธหลงเกิดแล้วก็ดับ 721 00:39:48,197 --> 00:39:50,132 อย่างตอนที่เราหัดดูใหม่ๆ ใช่ไหม 722 00:39:50,132 --> 00:39:53,137 เราก็จะเห็นสุขเกิดแล้วดับ ทุกข์เกิดแล้วดับ 723 00:39:53,137 --> 00:39:56,041 กุศลเกิดแล้วดับ โลภโกรธหลงเกิดแล้วดับ 724 00:39:56,041 --> 00:39:59,711 เราดูแต่ละอันเกิดแล้วดับ แต่ละอันเกิดแล้วดับ 725 00:39:59,711 --> 00:40:02,415 ตรงที่ปัญญาแก่รอบเต็มที่แล้วนี่ 726 00:40:02,415 --> 00:40:06,338 มันไม่มานั่งดูทีละอัน มันสรุปรวบยอด 727 00:40:06,338 --> 00:40:09,913 ปัญญาในอริยมรรคนี่มันสรุปรวบยอดเลยว่า 728 00:40:09,913 --> 00:40:16,043 สิ่งใดเกิดสิ่งนั้นทั้งหมดดับเป็นธรรมดา 729 00:40:16,043 --> 00:40:20,065 Everything เกิดแล้วดับ 730 00:40:20,065 --> 00:40:22,886 ตรงนี้เราจะเข้าใจธรรมะ 731 00:40:22,886 --> 00:40:26,685 ก็ได้โสดาบันตรงนี้ 732 00:40:26,685 --> 00:40:30,766 ถัดจากนั้นก็ภาวนาของเราแบบเดิมนั่นล่ะ 733 00:40:30,766 --> 00:40:34,236 แต่ศีลของเราเต็มที่อยู่แล้วล่ะ 734 00:40:34,236 --> 00:40:37,488 สมาธิก็จะแก่กล้าขึ้น 735 00:40:37,488 --> 00:40:39,807 แล้วก็เจริญปัญญาไป 736 00:40:39,807 --> 00:40:44,083 พระสกทาคาพระโสดาบันศีลบริบูรณ์ 737 00:40:44,083 --> 00:40:46,101 สมาธิเล็กน้อย ปัญญาเล็กน้อย 738 00:40:46,101 --> 00:40:49,310 สมาธิเล็กน้อยคือใจเราวอกแวกๆ 739 00:40:49,310 --> 00:40:51,888 ไม่ได้ต่างกับชาวบ้านธรรมดาหรอก 740 00:40:51,888 --> 00:40:56,825 พระโสดาบันปัญญาเล็กน้อย 741 00:40:56,825 --> 00:41:01,343 เห็นไตรลักษณ์เป็นคราวๆ ไม่ได้เห็นได้ตลอดหรอก 742 00:41:01,343 --> 00:41:03,777 พระสกทาคามีศีลบริบูรณ์ 743 00:41:03,777 --> 00:41:06,115 อันนี้บริบูรณ์ตั้งแต่โสดาบันแล้ว 744 00:41:06,115 --> 00:41:08,229 สมาธิปานกลาง 745 00:41:08,229 --> 00:41:10,469 ปัญญาเล็กน้อย 746 00:41:10,469 --> 00:41:15,390 ปัญญาเล็กน้อยก็ยังไม่ได้ รู้แจ้งแทงตลอดอริยสัจอะไร 747 00:41:15,390 --> 00:41:19,245 ปัญญาเล็กน้อยก็ แค่สิ่งใดเกิดสิ่งนั้นก็ดับ 748 00:41:19,245 --> 00:41:22,153 แต่จิตมีกำลังตั้งมั่นมากขึ้น 749 00:41:22,153 --> 00:41:24,431 สมาธิปานกลาง 750 00:41:24,431 --> 00:41:26,898 สมาธิปานกลางก็คือถ้าจะหลง 751 00:41:26,898 --> 00:41:30,880 หลงแวบเดียว ฟุ้งไปก็ฟุ้งสั้นๆ ไม่ฟุ้งยาว 752 00:41:30,880 --> 00:41:33,903 ถ้าฟุ้งเป็นชั่วโมงไม่ใช่แล้วล่ะ 753 00:41:33,903 --> 00:41:37,820 แสดงว่าสมาธิอ่อนเหลือเกิน 754 00:41:37,820 --> 00:41:39,217 แล้วถ้าภาวนาต่อไป 755 00:41:39,217 --> 00:41:43,265 รู้แจ้งแทงตลอดในตัวร่างกายในรูปนี่ 756 00:41:43,265 --> 00:41:46,427 ว่าไม่ใช่อย่างอื่นมีแต่ทุกข์ 757 00:41:46,427 --> 00:41:50,875 รู้แจ้งแทงตลอดอย่างนี้จิตมันวางกาย 758 00:41:50,875 --> 00:41:54,805 พอมันวางร่างกาย มันก็จะวางตาหูจมูกลิ้นกายใจ 759 00:41:54,805 --> 00:41:58,654 มันก็จะพลอยวางรูปเสียง กลิ่นรสโผฏฐัพพะไปด้วย 760 00:41:58,654 --> 00:42:02,608 ตัวที่ทำให้จิตเราฟุ้งซ่านก็คือกามนั่นล่ะ 761 00:42:02,608 --> 00:42:05,239 พอเป็นพระอนาคามีมันวาง 762 00:42:05,239 --> 00:42:07,144 ตาหูจมูกลิ้นกายลงไปได้ 763 00:42:07,144 --> 00:42:11,394 แล้วก็วางรูปเสียงกลิ่นรสโผฏฐัพพะไปด้วย 764 00:42:11,394 --> 00:42:14,507 ความยินดีพอใจในรูปไม่มี 765 00:42:14,507 --> 00:42:18,769 ความยินร้ายในรูปไม่มี 766 00:42:18,769 --> 00:42:22,877 ใจก็ไม่วิ่งแส่ส่ายออกไปทางตาหูจมูกลิ้นกาย 767 00:42:22,877 --> 00:42:26,669 นี่สมาธิมันบริบูรณ์เพราะเหตุนี้ 768 00:42:26,669 --> 00:42:29,270 เพราะว่าจิตไม่ไหลตามกามออกไป 769 00:42:29,270 --> 00:42:31,366 ไม่ไหลไปทางตาหูจมูกลิ้นกาย 770 00:42:31,366 --> 00:42:34,358 มันตั้งมั่นเด่นดวงอยู่กับตัวเองนี่ 771 00:42:34,358 --> 00:42:37,419 ถึงบอกพระอนาคามีมีสมาธิบริบูรณ์ 772 00:42:37,419 --> 00:42:39,930 มีปัญญาปานกลาง 773 00:42:39,930 --> 00:42:41,362 โสดาบัน สกทาคามี 774 00:42:41,362 --> 00:42:43,197 เห็นว่าสิ่งใดสิ่งหนึ่งเกิดขึ้น 775 00:42:43,197 --> 00:42:46,196 สิ่งนั้นก็ดับไป ไม่มีตัวเรา 776 00:42:46,196 --> 00:42:48,955 พระอนาคามีมีปัญญาปานกลาง 777 00:42:48,955 --> 00:42:51,925 คือเห็นว่ารูปทั้งหลายร่างกายนี่ 778 00:42:51,925 --> 00:42:53,575 ไม่มีอย่างอื่นนอกจากทุกข์ 779 00:42:53,575 --> 00:42:56,405 ไม่มีอย่างอื่นเลย 780 00:42:56,405 --> 00:42:58,619 เห็นมีแต่ทุกข์ล้วนๆ เลย 781 00:42:58,619 --> 00:43:00,513 นี่เป็นปัญญาปานกลาง 782 00:43:00,513 --> 00:43:03,066 แต่ทำไมปัญญานี้ยังไม่สิ้นสุด 783 00:43:03,066 --> 00:43:05,321 พระอนาคามียังหลงผิดอยู่ 784 00:43:05,321 --> 00:43:09,852 ว่าตัวจิตที่ฝึกดีแล้วนี่มีความสุข 785 00:43:09,852 --> 00:43:14,114 ฉะนั้นจะมุ่งไปหาความสุขของสมาธิ 786 00:43:14,114 --> 00:43:17,925 จะไปติดในรูปราคะอรูปราคะ 787 00:43:17,925 --> 00:43:19,818 ทีนี้ภาวนาไปเรื่อยก็จะรู้เลย 788 00:43:19,818 --> 00:43:21,646 รูปราคะอรูปราคะ 789 00:43:21,646 --> 00:43:25,304 จิตเข้าไปติดไปยึดจิตก็ทุกข์อีก 790 00:43:25,304 --> 00:43:28,247 แล้วต่อไปปัญญาแก่รอบจริงๆ จะรู้ว่า 791 00:43:28,247 --> 00:43:31,091 จิตนั่นล่ะคือตัวทุกข์ 792 00:43:31,091 --> 00:43:34,592 มันจะแตกหัก วัฏจักรจะล่มลงก็ตรงที่ 793 00:43:34,592 --> 00:43:38,302 มันรู้แจ้งแทงตลอดว่าจิตคือตัวทุกข์ 794 00:43:38,302 --> 00:43:42,300 ไม่ใช่ทุกข์บ้างสุขบ้าง อย่างที่เคยเห็นแล้ว 795 00:43:42,300 --> 00:43:44,699 ตัวนี้คือปัญญาขั้นสุดท้ายเลย 796 00:43:44,699 --> 00:43:47,076 ก็จะรู้แจ้งแทงตลอด 797 00:43:47,076 --> 00:43:50,573 ปฏิจจสมุปบาทล้างอวิชชา 798 00:43:50,573 --> 00:43:54,853 อวิชชาคืออะไร คือความไม่รู้ทุกข์ 799 00:43:54,853 --> 00:43:57,787 ไม่สามารถรู้ทุกข์ได้ ไม่สามารถละสมุทัย 800 00:43:57,787 --> 00:44:03,269 ไม่สามารถแจ้งนิโรธ ไม่สามารถเจริญอริยมรรคได้ 801 00:44:03,269 --> 00:44:05,660 แต่ตรงที่มันรู้แจ้งแทงตลอดว่า 802 00:44:05,660 --> 00:44:07,273 จิตนั้นล่ะคือตัวทุกข์ 803 00:44:07,273 --> 00:44:10,148 นี่คือขันธ์ตัวสุดท้าย 804 00:44:10,148 --> 00:44:14,020 ที่เราจะสามารถเห็นได้ว่ามันคือตัวทุกข์ 805 00:44:14,020 --> 00:44:17,314 ตัวกายดูง่ายว่าเป็นตัวทุกข์ 806 00:44:17,314 --> 00:44:19,893 แต่พอถึงตัวจิตจะให้ดูว่า 807 00:44:19,893 --> 00:44:23,541 กระทั่งจิตที่ทรงฌานก็คือตัวทุกข์ 808 00:44:23,541 --> 00:44:25,639 ไม่ใช่ง่าย 809 00:44:25,639 --> 00:44:27,938 อันนี้เลยเป็นปัญญาอย่างยิ่ง 810 00:44:27,938 --> 00:44:29,883 รู้แจ้งแทงตลอดในกองทุกข์ 811 00:44:29,883 --> 00:44:34,934 ก็รู้แจ้งแทงตลอดอริยสัจนั่นล่ะ 812 00:44:34,934 --> 00:44:38,020 กว่าจะถึงจุดนี้ก็ต้องสู้ 813 00:44:38,020 --> 00:44:40,675 จุดเริ่มต้นของการสู้ ทำอย่างที่หลวงพ่อบอกนั่นล่ะ 814 00:44:40,675 --> 00:44:42,382 ถือศีล 5 ไว้ 815 00:44:42,382 --> 00:44:45,391 ทุกวันทำในรูปแบบไหว้พระ สวดมนต์ 816 00:44:45,391 --> 00:44:46,826 นั่งสมาธิเดินจงกรม 817 00:44:46,826 --> 00:44:48,558 จิตจะได้มีกำลัง 818 00:44:48,558 --> 00:44:50,759 หัวใจของการปฏิบัตินั้นคือ 819 00:44:50,759 --> 00:44:53,761 การเจริญสติในชีวิตประจำวัน 820 00:44:53,761 --> 00:44:56,983 ถ้าเราทำอย่างนี้ได้มรรคผลไม่ใช่เรื่องไกล 821 00:44:56,983 --> 00:45:01,521 ถ้าเก่งเฉพาะตอนนั่งสมาธิยังอีกไกล 822 00:45:01,521 --> 00:45:04,891 เพราะอยู่ในชีวิตจริงเราล้มเหลว 823 00:45:04,891 --> 00:45:07,870 เพราะฉะนั้นฝึกนะที่หลวงพ่อบอกให้วันนี้ 824 00:45:07,870 --> 00:45:11,839 เป็นแก่นสารสาระในการฝึกกรรมฐานเลย 825 00:45:11,839 --> 00:45:13,469 เหมือนที่หลวงปู่มั่นบอก 826 00:45:13,469 --> 00:45:18,152 ทำสมาธิมากเนิ่นช้า คิดพิจารณามากฟุ้งซ่าน 827 00:45:18,152 --> 00:45:24,472 หัวใจสำคัญของการปฏิบัติ คือการมีสติในชีวิตประจำวัน 828 00:45:24,472 --> 00:45:29,637 วันนี้เทศน์ให้ฟังเท่านี้ 829 00:45:29,637 --> 00:45:32,500 ขอเบรกแป๊บหนึ่ง 830 00:45:54,594 --> 00:45:57,463 ปีนี้รู้สึกแก่ลงไปเยอะเลย 831 00:45:57,463 --> 00:46:01,686 เมื่อก่อนเทศน์สอนใหม่ๆ หลวงพ่อเคยสอน 832 00:46:01,686 --> 00:46:03,904 ตอนนั้นยังไม่บวช สอนเพื่อนๆ 833 00:46:03,904 --> 00:46:05,799 สอนโต้รุ่งเลย 834 00:46:05,799 --> 00:46:11,361 เนสัชชิกกันแล้วก็นั่งกัน 835 00:46:11,361 --> 00:46:15,589 มาบวชทีแรกก็สอน 7 วัน สอนทั้งวัน 836 00:46:15,589 --> 00:46:21,195 ต่อมาก็ลดลงเหลือสอน 4 วัน สอนครึ่งวัน 837 00:46:21,195 --> 00:46:23,888 เดี๋ยวนี้เหลือ 2 วัน 838 00:46:23,888 --> 00:46:28,201 แต่ว่าทุกวันคนไปที่วัดเยอะแยะ 839 00:46:28,201 --> 00:46:31,113 ก็สอนให้เหมือนกัน 840 00:46:31,113 --> 00:46:32,729 บางวันหมดแรงจริงๆ 841 00:46:32,729 --> 00:46:37,566 ก็ต้องพักเหมือนกัน แก่แล้ว 842 00:46:48,903 --> 00:46:56,486 เอาใครก่อนดี เบอร์ 1 เพ่งอยู่นะ 843 00:46:56,486 --> 00:46:59,298 เบอร์ 1: ภาวนาในรูปแบบ 844 00:46:59,298 --> 00:47:01,737 โดยเดินจงกรมเช้าเย็น 845 00:47:01,737 --> 00:47:05,370 ในชีวิตประจำวันดูร่างกายที่เคลื่อนไหว 846 00:47:05,370 --> 00:47:07,853 ไม่ทราบว่าตอนนี้จิตตั้งมั่น 847 00:47:07,853 --> 00:47:12,081 พร้อมจะเดินปัญญาได้หรือยังครับ 848 00:47:12,081 --> 00:47:15,497 ตอนนี้เราบังคับจิตอยู่รู้สึกไหม 849 00:47:15,497 --> 00:47:18,636 มันบังคับอยู่นะขณะนี้ 850 00:47:18,636 --> 00:47:22,631 ไหนมาเดินให้หลวงพ่อดูซิ 851 00:47:22,631 --> 00:47:28,549 นึกว่าตรงนี้เป็นแคทวอร์ค เดิน 852 00:47:28,549 --> 00:47:31,398 อย่าเสียชื่ออาจารย์นะ 853 00:47:31,398 --> 00:47:34,594 อาจารย์เก่งทางเดินจงกรม 854 00:47:34,594 --> 00:47:38,354 ใช้ได้ มานั่งได้แล้ว 855 00:47:38,354 --> 00:47:40,916 มันต้องมีสติอย่างนี้ล่ะ 856 00:47:40,916 --> 00:47:44,075 ขาดสติมันไม่ได้เรื่องเลย 857 00:47:44,075 --> 00:47:46,615 แต่ว่าเกร็งเพราะว่าจะคุยกับหลวงพ่อ 858 00:47:46,615 --> 00:47:49,281 จะส่งการบ้านเลยเกร็ง 859 00:47:49,281 --> 00:47:51,570 แล้วดูออกไหมจิตมันอยู่ข้างนอก 860 00:47:51,570 --> 00:47:55,938 จิตไปข้างนอก รู้ไหมตัวนี้เห็นไหม 861 00:47:55,938 --> 00:47:59,282 จิตไม่เข้าฐานตัวนี้เห็นไหม 862 00:47:59,282 --> 00:48:01,556 ลองหายใจซิ 863 00:48:01,556 --> 00:48:05,640 หายใจอย่าไปยุ่งกับจิต หายใจธรรมดา 864 00:48:05,640 --> 00:48:13,146 เห็นร่างกายหายใจด้วยใจธรรมดา 865 00:48:13,146 --> 00:48:15,813 หลงคิด 866 00:48:15,813 --> 00:48:19,141 หายใจไปด้วยใจธรรมดา แล้วจิตหลงคิดรู้ทัน 867 00:48:19,141 --> 00:48:27,559 หายใจไปอีก มันยังไม่เข้ามา 868 00:48:27,559 --> 00:48:33,979 เริ่มเข้ามาแล้ว รู้สึกไหมไม่เหมือนกัน 869 00:48:33,979 --> 00:48:35,476 อ้าวเบอร์ 2 870 00:48:35,476 --> 00:48:38,762 จิตต้องทรงสมาธิมันต้องอย่างนี้ 871 00:48:38,762 --> 00:48:40,911 จิตไปว่างๆ อยู่ข้างนอก 872 00:48:40,911 --> 00:48:43,511 นิ่งๆ อยู่ข้างนอก ใช้ไม่ได้ 873 00:48:43,511 --> 00:48:46,207 มันเพลินๆ ไป 874 00:48:46,207 --> 00:48:48,398 เบอร์ 2 875 00:48:48,398 --> 00:48:51,691 ภาวนาในรูปแบบเดินจงกรม 876 00:48:51,691 --> 00:48:54,080 วันละหนึ่งชั่วโมงครึ่ง 877 00:48:54,080 --> 00:48:57,524 ในชีวิตประจำวันดูร่างกายที่เคลื่อนไหว 878 00:48:57,524 --> 00:48:58,811 ยังหลงนาน 879 00:48:58,811 --> 00:49:01,821 บางครั้งเห็นไหวๆ พุ่งที่กลางอก 880 00:49:01,821 --> 00:49:04,119 ใช่การเห็นเกิดดับไหมคะ 881 00:49:04,119 --> 00:49:08,769 ใช่ ที่มันไหวๆ เพราะมันไม่เที่ยง 882 00:49:08,769 --> 00:49:11,882 แล้วมันไหวได้เอง รู้สึกไหม 883 00:49:11,882 --> 00:49:16,698 เราไม่ได้สั่ง ดีแล้วไปทำต่อ 884 00:49:16,698 --> 00:49:20,331 เบอร์ 3 885 00:49:20,331 --> 00:49:21,969 ภาวนาในรูปแบบ 886 00:49:21,969 --> 00:49:25,815 นั่งสมาธิทุกวัน 30 นาที ถึง 1 ชั่วโมง 887 00:49:25,815 --> 00:49:28,741 ในชีวิตประจำวันเคลื่อนไหวรู้สึก 888 00:49:28,741 --> 00:49:30,893 ดูร่างกายหายใจเข้าออก 889 00:49:30,893 --> 00:49:34,441 หายใจเข้าพุทออกโธเป็นวิหารธรรม 890 00:49:34,441 --> 00:49:38,184 อยากที่จะพ้นทุกข์ ทำให้รีบภาวนา 891 00:49:38,184 --> 00:49:39,976 ความอยากทำให้ลืมทุกอย่าง 892 00:49:39,976 --> 00:49:44,793 จนสุดท้ายจิตทนไม่ไหว และรู้ว่าไม่ใช่ทาง 893 00:49:44,793 --> 00:49:46,976 จิตวางลงได้ขณะหนึ่ง 894 00:49:46,976 --> 00:49:49,903 แต่วางได้สักพักจิตก็หยิบขึ้นมาอีก 895 00:49:49,903 --> 00:49:52,394 ขอหลวงพ่อแนะนำการปฏิบัติต่อค่ะ 896 00:49:52,394 --> 00:49:59,821 ก็ทำอย่างที่ทำนี่ล่ะ อาจารย์สอนมาดีแล้ว 897 00:49:59,821 --> 00:50:03,586 แต่ตรงนี้จิตออกนอก รู้สึกไหม 898 00:50:03,586 --> 00:50:08,315 ว่าจิตก็ยังไม่เข้าฐาน รู้สึกไหม 899 00:50:08,315 --> 00:50:11,280 ทำอย่างไรมันจะเข้า 900 00:50:11,280 --> 00:50:14,963 ทำไม่ได้เพราะจิตเป็นอนัตตา 901 00:50:14,963 --> 00:50:17,478 ถ้าเมื่อไรเรารู้ว่าจิตมันไหล 902 00:50:17,478 --> 00:50:20,010 มันจะเข้าฐานเอง 903 00:50:20,010 --> 00:50:22,126 แล้วในความเป็นจริง 904 00:50:22,126 --> 00:50:26,059 ถ้าเรามีสติรู้สภาวะที่กำลังมีกำลังเป็น 905 00:50:26,059 --> 00:50:28,602 จิตจะเข้าฐานเอง 906 00:50:28,602 --> 00:50:30,606 อย่างโกรธแล้วรู้ว่าโกรธ 907 00:50:30,606 --> 00:50:34,442 หลงไปคิดรู้ว่าหลงไปคิด 908 00:50:34,442 --> 00:50:37,664 ดูปุ๊บจิตจะเข้าที่เลย 909 00:50:37,664 --> 00:50:39,871 เพราะเมื่อไรมีสัมมาสติ 910 00:50:39,871 --> 00:50:42,382 รู้เท่าทันกายใจของตัวเอง 911 00:50:42,382 --> 00:50:46,009 สัมมาสมาธิจะเกิดร่วมด้วยเสมอ 912 00:50:46,009 --> 00:50:49,865 จิตจะตั้งมั่น ตรงนี้ไม่ใช่แล้ว 913 00:50:49,865 --> 00:50:52,173 นึกออกไหมมันแน่น 914 00:50:52,173 --> 00:50:57,525 ใช้ได้ เก่ง ไม่เสียชื่ออาจารย์ 915 00:50:57,525 --> 00:51:01,274 เบอร์ 4 เลยกดดันมากเลย 916 00:51:01,274 --> 00:51:05,059 ไม่รู้จะเสียชื่ออาจารย์ไหม เลยกดดัน 917 00:51:05,059 --> 00:51:08,641 ไม่ต้องกลัว เก่ง ใช้ได้ 918 00:51:08,641 --> 00:51:12,172 เบอร์ 4: ภาวนาในรูปแบบ 919 00:51:12,172 --> 00:51:14,621 สวดมนต์นั่งสมาธิ 15 นาที 920 00:51:14,621 --> 00:51:17,770 เดินจงกรม 30-45 นาที 921 00:51:17,770 --> 00:51:22,148 ในชีวิตประจำวันรู้กายเคลื่อนไหว รู้ใจทำงาน 922 00:51:22,148 --> 00:51:25,656 บางทีก็ดูร่างกายหายใจกับบริกรรมพุทโธ 923 00:51:25,656 --> 00:51:28,702 หลวงพ่อสอนให้ใช้พุทโธเป็นเครื่องอยู่ 924 00:51:28,702 --> 00:51:30,963 ในชีวิตประจำวันยังหลงนาน 925 00:51:30,963 --> 00:51:33,437 ยังคงปฏิบัติในรูปแบบทุกวัน 926 00:51:33,437 --> 00:51:36,190 ทำอย่างไรการภาวนาในชีวิตประจำวัน 927 00:51:36,190 --> 00:51:39,183 จึงจะต่อเนื่องเข้มแข็งกว่านี้ค่ะ 928 00:51:39,183 --> 00:51:42,305 ถ้าไม่ชอบพุทโธก็ใช้กรรมฐานอื่นก็ได้ 929 00:51:42,305 --> 00:51:45,757 อันไหนก็ได้ที่เราถนัด 930 00:51:45,757 --> 00:51:49,255 หลวงพ่อเรียนมาจากครูบาอาจารย์ท่านสอนพุทโธ 931 00:51:49,255 --> 00:51:52,172 เวลาพูดก็เลยพุทโธอยู่เรื่อยๆ 932 00:51:52,172 --> 00:51:54,137 จริงๆ ใช้อะไรก็ได้ 933 00:51:54,137 --> 00:51:56,210 ถ้าจิตอยู่ในอารมณ์อันเดียว 934 00:51:56,210 --> 00:52:00,272 อย่างต่อเนื่องโดยที่เราไม่ได้บังคับ 935 00:52:00,272 --> 00:52:03,307 สมาธิก็เกิด 936 00:52:03,307 --> 00:52:06,988 ทีนี้อารมณ์อะไรที่จิตจะอยู่ อย่างต่อเนื่องโดยไม่ต้องบังคับได้ 937 00:52:06,988 --> 00:52:09,824 อารมณ์ที่อยู่แล้วมีความสุข 938 00:52:09,824 --> 00:52:12,362 ของหนูภาวนาดีนะ 939 00:52:12,362 --> 00:52:16,700 ดีมากๆ เลย ใช้ได้เลย 940 00:52:16,700 --> 00:52:23,950 นี่สงสัยเป็นตัวเก่ง อาจารย์เลยซ่อนไว้เบอร์ 4 941 00:52:23,950 --> 00:52:28,419 เบอร์ 1 ก็เก่งนะเสียแต่ว่าเพ่งมากไป 942 00:52:28,419 --> 00:52:31,401 เราจงใจปฏิบัติ เราอยากดี 943 00:52:31,401 --> 00:52:34,534 อยากรู้ อยากเห็น อยากเป็น อยากได้ อยากดีนี่ 944 00:52:34,534 --> 00:52:36,779 ตัวนี้ถ่วงเรา 945 00:52:36,779 --> 00:52:40,778 มันทำให้จิตใจเราไม่เป็นธรรมชาติ 946 00:52:40,778 --> 00:52:45,964 เบอร์ 5 947 00:52:45,964 --> 00:52:50,683 แป๊บหนึ่ง เบอร์ 7 ไม่ต้องตั้งท่ามาก ดีอยู่แล้ว 948 00:52:50,683 --> 00:52:54,509 ไม่ต้องจะตายขึ้นมานะหายใจ ไม่ได้ 949 00:52:54,509 --> 00:52:57,366 ดีแล้วอยู่แล้วไม่ต้องกลัว 950 00:52:57,366 --> 00:52:59,708 ดีทั้งหมดล่ะ 951 00:52:59,708 --> 00:53:02,416 ทั้ง 4 คนที่เหลือใช้ได้ทั้งนั้น 952 00:53:02,416 --> 00:53:04,118 ไม่ต้องกังวล 953 00:53:04,118 --> 00:53:07,275 เบอร์ 5 954 00:53:07,275 --> 00:53:10,800 ภาวนาในรูปแบบเดินจงกรมและนั่งสมาธิ 955 00:53:10,800 --> 00:53:12,930 วันละ 1-2 ชั่วโมง 956 00:53:12,930 --> 00:53:14,598 เช้าและก่อนนอน 957 00:53:14,598 --> 00:53:16,562 ใช้กายเป็นเครื่องอยู่ 958 00:53:16,562 --> 00:53:20,390 ในชีวิตประจำวันดูกายและจิตที่เปลี่ยนแปลง 959 00:53:20,390 --> 00:53:22,874 ยังชอบบังคับแทรกแซง 960 00:53:22,874 --> 00:53:25,097 เห็นว่าโลกไม่มีอะไรให้ยึด 961 00:53:25,097 --> 00:53:26,852 แต่ก็หนีไปไม่ได้ 962 00:53:26,852 --> 00:53:28,711 ขอหลวงปู่ชี้แนะแนวทางครับ 963 00:53:28,711 --> 00:53:35,125 ที่ฝึกอยู่ใช้ได้ ดีแล้วล่ะ ทำอีก 964 00:53:35,125 --> 00:53:38,923 ส่วนที่เห็นว่าโลกไม่มีอะไรไม่น่ายึด 965 00:53:38,923 --> 00:53:40,969 อันนั้นยังไม่จริง 966 00:53:40,969 --> 00:53:45,270 มันก็ยังแอบยึดอยู่เรื่อยๆ แอบอยากอยู่ 967 00:53:45,270 --> 00:53:47,222 เรียนรู้ไป 968 00:53:47,222 --> 00:53:49,406 จนกระทั่งมันเห็นทุกข์ถ่องแท้แล้ว 969 00:53:49,406 --> 00:53:50,796 มันก็ไม่เอาแล้ว 970 00:53:50,796 --> 00:53:53,143 โลกไม่มีอะไรจริงๆ 971 00:53:53,143 --> 00:53:57,986 โลกก็เอาไว้หลอกคนหลงเท่านั้น 972 00:53:57,986 --> 00:54:03,069 เก่ง แต่ตอนนี้จิตออกนอก 973 00:54:03,069 --> 00:54:09,608 เบอร์ 6 974 00:54:09,608 --> 00:54:13,687 ภาวนาในรูปแบบนั่งสมาธิวันละ 1 ชั่วโมง 975 00:54:13,687 --> 00:54:16,430 โดยใจอยู่กับลมหายใจเข้าออก 976 00:54:16,430 --> 00:54:19,671 ในชีวิตประจำวันอยู่กับลมหายใจเข้าออก 977 00:54:19,671 --> 00:54:23,373 มีสติเวลานั่งยืนเดิน 978 00:54:23,373 --> 00:54:26,495 สังเกตตัวเองได้ว่าชอบความสงบ 979 00:54:26,495 --> 00:54:28,650 หลังๆ เวลาเข้าสมาธิ 980 00:54:28,650 --> 00:54:30,876 ใจไม่อยากออกจากความสงบ 981 00:54:30,876 --> 00:54:34,738 มีราคะ มีเมตตา มีจิตฟุ้งซ่าน 982 00:54:34,738 --> 00:54:38,372 มาเจือปนตลอดเวลา แต่บังคับไม่ได้ 983 00:54:38,372 --> 00:54:41,898 เพียงแต่รับรู้ไป 984 00:54:41,898 --> 00:54:46,190 แต่ละตัวที่กล่าวมาดับไปบังคับไม่ได้ 985 00:54:46,190 --> 00:54:48,856 รู้สึกว่าสมาธิมีคุณภาพ 986 00:54:48,856 --> 00:54:51,499 เนื่องจากมันสงบโดยที่ใจไม่ได้บังคับ 987 00:54:51,499 --> 00:54:53,218 แบบนี้ถูกหรือไม่ครับ 988 00:54:53,218 --> 00:54:55,473 สมาธิดีแล้ว 989 00:54:55,473 --> 00:54:58,592 แต่ว่าจะต้องเจริญปัญญา 990 00:54:58,592 --> 00:55:02,815 สมาธิเอาไว้เจริญปัญญา ไม่ได้เอาไว้นอนเล่น 991 00:55:02,815 --> 00:55:04,757 ถ้าใจเราชอบ 992 00:55:04,757 --> 00:55:09,109 ให้รู้ลงไปตรงๆ เลยว่าใจเราชอบสมาธิอันนี้ 993 00:55:09,109 --> 00:55:15,563 ดูเข้าไปแล้วเวลาเดินปัญญามัน ไม่สงบเหมือนตอนทำสมาธิหรอก 994 00:55:15,563 --> 00:55:19,736 คือเวลาที่เจริญปัญญาจิตมันจะทำงานขึ้นมา 995 00:55:19,736 --> 00:55:21,435 คล้ายๆ ฟุ้งซ่าน 996 00:55:21,435 --> 00:55:24,873 เพียงแต่มีสติกำกับอยู่ 997 00:55:24,873 --> 00:55:27,898 ทีนี้คนที่ติดสมาธิพอใจในความสงบ 998 00:55:27,898 --> 00:55:30,716 จะไม่ยอมเดินปัญญา 999 00:55:30,716 --> 00:55:34,005 ก็เสียโอกาส คล้ายๆ 1000 00:55:34,005 --> 00:55:37,117 อยากได้ของดีมากๆ เลย 1001 00:55:37,117 --> 00:55:42,673 เราไปได้ของระดับรองแล้วเราพอใจแล้ว 1002 00:55:42,673 --> 00:55:56,123 ทำสมาธิให้หลวงพ่อดูสิ 1003 00:55:56,123 --> 00:55:57,534 ตรงนี้สังเกตเห็นไหมว่า 1004 00:55:57,534 --> 00:56:01,055 จิตเราเคลื่อนไปอยู่ที่อารมณ์กรรมฐาน 1005 00:56:01,055 --> 00:56:04,622 มองออกไหม ให้รู้ทันตัวนี้ 1006 00:56:04,622 --> 00:56:07,655 แล้วเราเดินปัญญาในสมาธิได้ 1007 00:56:07,655 --> 00:56:10,253 ชอบสมาธิก็เดินปัญญาในสมาธินี่ล่ะ 1008 00:56:10,253 --> 00:56:13,047 ใครจะมาทำไม 1009 00:56:13,047 --> 00:56:15,796 ทำใหม่ซิ 1010 00:56:15,796 --> 00:56:23,391 ไม่ต้องตั้งใจแรง ตรงนี้ตั้งใจแรงไป 1011 00:56:23,391 --> 00:56:26,846 ผ่อนคลายกว่านี้ จงใจแรงไปแล้ว 1012 00:56:26,846 --> 00:56:36,305 ธรรมดาๆ 1013 00:56:36,305 --> 00:56:37,764 ถอยออกมา 1014 00:56:37,764 --> 00:56:41,285 มันไม่ได้อย่างเมื่อกี้ รู้สึกไหม 1015 00:56:41,285 --> 00:56:46,860 เวลาที่จิตเดินปัญญามันไม่สงบเฉยๆ หรอก 1016 00:56:46,860 --> 00:56:48,889 เมื่อกี้จิตมัน 1017 00:56:48,889 --> 00:56:51,754 หลวงพ่อกระตุ้นให้มันเดินปัญญา 1018 00:56:51,754 --> 00:56:55,021 ที่มันไหลไปที่อารมณ์กรรมฐาน พอเรารู้ทัน 1019 00:56:55,021 --> 00:56:56,719 จิตก็ตั้งมั่นขึ้นมา 1020 00:56:56,719 --> 00:56:59,190 คราวนี้มันจะออกไปคอยรู้แล้ว 1021 00:56:59,190 --> 00:57:02,151 มันก็เลยส่ายไปส่ายมาอยู่ข้างใน 1022 00:57:02,151 --> 00:57:03,570 ถ้ามันส่ายๆ อย่างนี้ 1023 00:57:03,570 --> 00:57:06,636 กลับมาทำความสงบเหมือนเดิม 1024 00:57:06,636 --> 00:57:09,102 ให้สงบแน่วแน่ลงไป 1025 00:57:09,102 --> 00:57:11,078 แล้วคลายออก 1026 00:57:11,078 --> 00:57:13,201 แล้วดูการทำงานของจิตใจไป 1027 00:57:13,201 --> 00:57:16,409 เราจะเห็นจิตเราไหลไปอยู่ที่อารมณ์กรรมฐาน 1028 00:57:16,409 --> 00:57:17,421 ให้รู้ทันเอา 1029 00:57:17,421 --> 00:57:21,073 ตอนนี้จิตไหลไปอยู่ในความคิด รู้สึกไหม 1030 00:57:21,073 --> 00:57:23,151 รู้ทันอย่างนี้ 1031 00:57:23,151 --> 00:57:25,997 เพราะฉะนั้นอยู่ในสมาธิเราก็เจริญปัญญาได้ 1032 00:57:25,997 --> 00:57:27,956 ออกมาข้างนอกก็ดูได้ 1033 00:57:27,956 --> 00:57:30,887 เพราะว่าเราสามารถเห็นจิตมันไหลไปคิด 1034 00:57:30,887 --> 00:57:34,289 นี่เจริญสติในชีวิตประจำวัน 1035 00:57:34,289 --> 00:57:38,812 ฉะนั้นตอนนั่งสมาธิแล้ว เราเห็นจิตไหลไปอยู่ที่ลมหายใจ 1036 00:57:38,812 --> 00:57:40,772 อันนี้เราเดินปัญญาอยู่ภายใน 1037 00:57:40,772 --> 00:57:44,065 เราเห็นจิตเป็นอนัตตา ไหลไปได้เอง 1038 00:57:44,065 --> 00:57:48,460 ออกมาข้างนอกเราเห็นจิตมันไหลไปคิดได้เอง 1039 00:57:48,460 --> 00:57:51,983 เพราะฉะนั้นฝึกให้มันเดินปัญญาต่อให้ได้ 1040 00:57:51,983 --> 00:57:56,755 แต่อย่าให้เสียสมาธิ มีสมาธิดีแล้วล่ะ 1041 00:57:56,755 --> 00:58:02,151 เบอร์ 7 1042 00:58:02,151 --> 00:58:05,562 ภาวนาในรูปแบบโดยการดูการเคลื่อนไหว 1043 00:58:05,562 --> 00:58:08,478 ชอบนั่งสมาธิเพราะเบาสบาย 1044 00:58:08,478 --> 00:58:11,054 กลัวติดเลยไม่นั่ง 1045 00:58:11,054 --> 00:58:14,313 ในชีวิตประจำวันดูการเคลื่อนไหว 1046 00:58:14,313 --> 00:58:16,388 แต่ดูได้ไม่ตลอด 1047 00:58:16,388 --> 00:58:19,466 รู้สึกว่าสติไม่สามารถต่อเนื่องได้ 1048 00:58:19,466 --> 00:58:25,115 ดูการเคลื่อนไหวที่ทำอยู่ถูกต้องไหมคะ 1049 00:58:25,115 --> 00:58:28,761 จงใจหายใจรู้ไหม 1050 00:58:28,761 --> 00:58:29,899 รู้ทันนะ 1051 00:58:29,899 --> 00:58:32,965 เราดูกายอย่างที่มันเป็น ไม่ต้องจงใจ 1052 00:58:32,965 --> 00:58:35,869 ที่ฝึกอยู่ดีนะ 1053 00:58:35,869 --> 00:58:41,100 ไปทำได้แล้ว ทำต่อไป ทำถูกแล้ว 1054 00:58:41,100 --> 00:58:47,419 อ้าวคนสุดท้าย พักเสียหน่อยดีไหม 1055 00:58:47,419 --> 00:58:52,134 อ้าวๆ ส่งเลยก็แล้วกัน 1056 00:58:52,134 --> 00:58:55,454 เบอร์ 8: ภาวนาในรูปแบบ 1057 00:58:55,454 --> 00:58:57,475 สวดมนต์ครึ่งชั่วโมง 1058 00:58:57,475 --> 00:58:59,750 นั่งสมาธิครึ่งชั่วโมง 1059 00:58:59,750 --> 00:59:01,488 ดูร่างกายหายใจ 1060 00:59:01,488 --> 00:59:04,395 จิตเกิดความสว่าง มีจิตรู้ 1061 00:59:04,395 --> 00:59:07,641 ในชีวิตประจำวันดูร่างกายเคลื่อนไหว 1062 00:59:07,641 --> 00:59:11,530 จิตโกรธก็รู้ จิตโมโหรู้ หลงรู้ 1063 00:59:11,530 --> 00:59:15,374 มีความอยากก็รู้ บางครั้งก็ลืมตัว 1064 00:59:15,374 --> 00:59:18,870 จิตเข้าถึงฐานและ แยกธาตุแยกขันธ์ได้หรือยังคะ 1065 00:59:18,870 --> 00:59:22,566 ได้ แต่เบอร์ 8 1066 00:59:22,566 --> 00:59:28,480 ยังชินที่จะบังคับจิตให้นิ่งอยู่ 1067 00:59:28,480 --> 00:59:30,681 ไม่ต้องน้อมให้มันนิ่ง 1068 00:59:30,681 --> 00:59:32,686 ทำสมาธิก็ทำไป 1069 00:59:32,686 --> 00:59:35,650 เวลามันจะนิ่งมันก็นิ่งของมันเอง 1070 00:59:35,650 --> 00:59:37,786 อย่าพยายามทำมันให้นิ่ง 1071 00:59:37,786 --> 00:59:40,274 ใจมันจะทื่อๆ ไป 1072 00:59:40,274 --> 00:59:43,430 มันจะแน่นๆ รู้สึกไหมมันจะแน่นๆ 1073 00:59:43,430 --> 00:59:46,263 ที่แน่นๆ เพราะเราจงใจ 1074 00:59:46,263 --> 00:59:49,016 ฉะนั้นเรานั่งสมาธิอะไรก็ทำไปเถอะ 1075 00:59:49,016 --> 00:59:51,873 สงบก็ช่างไม่สงบก็ช่าง ทำไปเถอะ 1076 00:59:51,873 --> 00:59:56,476 แล้วมันสงบเอง อันนั้นถึงจะดี 1077 00:59:56,476 --> 01:00:00,663 นี่เริ่มบังคับแล้วรู้สึกไหม ตรงจุดนี้ 1078 01:00:00,663 --> 01:00:02,560 ให้รู้ทันตรงนี้ 1079 01:00:02,560 --> 01:00:05,267 ตัวนี้ที่ทำให้เสียเวลา 1080 01:00:05,267 --> 01:00:11,372 กลายเป็นว่าเราน้อมจิต บังคับจิตให้มันไปนิ่งๆ อยู่เฉยๆ 1081 01:00:11,372 --> 01:00:13,410 ทำสมาธิไป 1082 01:00:13,410 --> 01:00:21,883 แล้วจิตเป็นอย่างไร แอบไปทำอะไร เรารู้ทัน 1083 01:00:21,883 --> 01:00:26,669 ตรงนี้สติอ่อนลงไปแล้ว โมหะแทรก 1084 01:00:26,669 --> 01:00:28,745 ให้รู้ทัน 1085 01:00:28,745 --> 01:00:34,667 เออ รู้สึกตัวให้แรงขึ้นนิดหนึ่ง 1086 01:00:34,667 --> 01:00:36,888 รู้ไประดับนี้ 1087 01:00:36,888 --> 01:00:39,401 แล้วคอยดูไปเรื่อยๆ 1088 01:00:39,401 --> 01:00:44,024 เกิดความเปลี่ยนแปลง อะไรขึ้นที่จิตก็คอยรู้ทันไป 1089 01:00:44,024 --> 01:00:48,424 แล้วออกจากสมาธิให้พิจารณาร่างกายไปเลย 1090 01:00:48,424 --> 01:00:50,950 ผมขนเล็บฟันหนังเนื้อเอ็นกระดูก 1091 01:00:50,950 --> 01:00:53,166 เป็นปฏิกูล เป็นอสุภ 1092 01:00:53,166 --> 01:00:55,825 ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา 1093 01:00:55,825 --> 01:01:00,637 ออกจากสมาธิมาพิจารณาตัวนี้เลย 1094 01:01:00,637 --> 01:01:07,491 วันนี้เอาเท่านี้ก็แล้วกัน 10 โมงพอดี 1095 01:01:07,491 --> 01:01:12,717 ของท่านอาจารย์ติดสมาธิ 1096 01:01:12,717 --> 01:01:16,260 ไปน้อมจิตให้มันนิ่งๆ เฉยๆ 1097 01:01:16,260 --> 01:01:18,870 คลายออกให้มันทำงาน 1098 01:01:18,870 --> 01:01:20,522 รู้สึกร่างกายไป 1099 01:01:20,522 --> 01:01:22,896 อาศัยร่างกายเป็นวิหารธรรม 1100 01:01:22,896 --> 01:01:24,490 ขยับเขยื้อนไป 1101 01:01:24,490 --> 01:01:26,764 กวาดวัดทำอะไรต่ออะไรไป 1102 01:01:26,764 --> 01:01:30,010 เห็นร่างกายมันทำงานใจเราเป็นคนดู 1103 01:01:30,010 --> 01:01:31,792 ดูอย่างนี้เรื่อยๆ 1104 01:01:31,792 --> 01:01:35,236 ไม่อย่างนั้นมันจะไม่พัฒนา จะเฉยๆ 1105 01:01:35,236 --> 01:01:36,892 กี่ปีมันก็อยู่อย่างนั้นล่ะ 1106 01:01:36,892 --> 01:01:40,107 เพราะมันติดสมาธิเฉยๆ