0:00:04.650,0:00:10.764 เจริญพร 0:00:10.764,0:00:15.804 เช้าๆ วันอาทิตย์มาฟังธรรมก็ดี 0:00:15.804,0:00:29.080 ได้มีแรงเอาไว้สู้กิเลสอีกหลายวัน 0:00:29.080,0:00:35.412 ธรรมะเป็นของร่มเย็น โลกมันเร่าร้อน 0:00:35.412,0:00:39.384 เราฝึกปฏิบัติกันไป 0:00:39.384,0:00:43.112 จิตใจเราร่มเย็นเป็นสุข 0:00:43.112,0:00:45.643 โลกข้างนอกเราแก้มันไม่ได้ 0:00:45.643,0:00:50.871 มันวุ่นวายอย่างนี้ ธรรมดาของโลก 0:00:50.871,0:00:56.451 เรามาฝึกจิตใจของเราเอง ให้อยู่กับโลกได้ 0:00:56.451,0:01:03.193 โดยที่เราไม่ร้อนตามมันไปด้วย 0:01:03.193,0:01:07.473 ธรรมะเป็นของร่มเย็น 0:01:07.473,0:01:14.369 เสียดายชาวพุทธเราส่วนใหญ่ไม่ได้สนใจธรรมะ 0:01:14.369,0:01:16.943 เป็นพุทธแต่ชื่อ 0:01:16.943,0:01:23.576 ไม่เคยลิ้มรสเลยว่า[br]รสของธรรมะนั้นวิเศษแค่ไหน 0:01:23.576,0:01:27.545 เราไปตามวัดตามอะไรอย่างนี้ เห็น 0:01:27.545,0:01:35.514 พากันไหว้พวกเทวรูปพวก[br]สิ่งศักดิ์สิทธิ์นอกพระพุทธศาสนา 0:01:35.514,0:01:37.755 ไหว้ต้นตะเคียนไหว้อะไรอย่างนี้ 0:01:37.755,0:01:42.889 ตามวัด เยอะแยะ 0:01:42.889,0:01:46.547 วัดที่สอนกรรมฐานจริงๆ คนก็ไม่ค่อยเข้า 0:01:46.547,0:01:50.717 คนก็ชอบเข้าวัดแบบนั้น มันพอดีกัน 0:01:50.717,0:01:54.959 พอดีกับสภาพจิตใจ 0:01:54.959,0:01:58.562 คนที่จะสนใจธรรมะก็ต้องมีบุญมีบารมี 0:01:58.562,0:02:01.401 สะสมมามากพอ 0:02:01.401,0:02:04.125 คนส่วนใหญ่อินทรีย์ก็ยังอ่อน 0:02:04.125,0:02:07.860 เขาก็ต้องการที่พึ่งแบบโลกๆ ไป 0:02:07.860,0:02:13.165 ทำแล้วเฮง ทำแล้วรวย 0:02:13.165,0:02:16.167 ทำแล้วได้ผลประโยชน์ 0:02:16.167,0:02:19.371 มุ่งไปที่ตรงนั้น 0:02:19.371,0:02:24.633 ถามว่ามันมีประโยชน์ไหม มันก็มีนะ 0:02:24.633,0:02:30.064 แต่ประโยชน์ที่ยิ่งใหญ่สูงสุด 0:02:30.064,0:02:32.351 ที่พระพุทธศาสนาจะให้ได้ 0:02:32.351,0:02:38.516 คนกลับไม่ค่อยเข้าใจไม่ค่อยสนใจ 0:02:38.516,0:02:44.301 ฉะนั้นเราต้องลงมือศึกษาปฏิบัติให้จริงจัง 0:02:44.301,0:02:47.211 อย่าทำเป็นเล่น 0:02:47.211,0:02:50.699 เวลาของแต่ละคนมีไม่มาก 0:02:50.699,0:02:54.657 เวลาของเราหมดไปทุกวันๆ 0:02:54.657,0:02:59.693 ครูบาอาจารย์ก็ร่อยหรอลงทุกทีแล้ว 0:02:59.693,0:03:02.886 เมื่อ 40 กว่าปี 50 ปีก่อน 0:03:02.886,0:03:07.222 สมัยหลวงพ่อออกศึกษาธรรมะ 0:03:07.222,0:03:12.479 ครูบาอาจารย์ที่ดีๆ ยังมีเยอะ 0:03:12.479,0:03:16.446 ยิ่งทางอีสาน 0:03:16.446,0:03:19.300 มีครูบาอาจารย์ดีๆ เต็มไปหมดเลย 0:03:19.300,0:03:23.048 ถนนสายเดียวนี่วิ่งไปสักพักหนึ่งก็เจอ 0:03:23.048,0:03:27.516 วัดนี้องค์นี้อยู่ วัดนี้องค์นี้อยู่ 0:03:27.516,0:03:31.698 เดี๋ยวนี้พอผ่านไป วัดนี้องค์นี้เคยอยู่ 0:03:31.698,0:03:34.770 ที่วัดนี้องค์นี้ก็เคยอยู่ 0:03:34.770,0:03:36.757 มีแต่คำว่าเคยอยู่ 0:03:36.757,0:03:41.182 ท่านไม่ได้อยู่ด้วยแล้ว 0:03:41.182,0:03:44.980 สมัยก่อนหลวงพ่อเลยชอบวันหยุด 0:03:44.980,0:03:48.308 จะออกไปทางอีสานหรือไม่ก็ขึ้นไปทางเหนือ 0:03:48.308,0:03:53.274 ไปหาครูบาอาจารย์ทางเชียงใหม่เชียงราย 0:03:53.274,0:03:57.413 ส่วนใหญ่จะไปทางอีสานครูบาอาจารย์เยอะ 0:03:57.413,0:04:00.631 ไปแล้วมันมีความสุข 0:04:00.631,0:04:02.417 ไปกินข้าววัด 0:04:02.417,0:04:07.878 ไปภาวนาอยู่ในวัด ไปนอนอยู่ในวัด 0:04:07.878,0:04:11.631 อาหารที่กินก็อาหารชาวบ้านธรรมดา 0:04:11.631,0:04:15.984 น้ำพริกกับผักอะไรอย่างนี้ 0:04:15.984,0:04:19.345 กินอาหารอย่างนั้นจริงๆ เราไม่ค่อยคุ้นเคย 0:04:19.345,0:04:21.327 เราคนเมือง 0:04:21.327,0:04:24.289 แต่เราไปอยู่อย่างนั้นเรารู้สึก 0:04:24.289,0:04:30.503 มันไม่มีภาระทางใจ ใจมันสบาย 0:04:30.503,0:04:34.087 นอนมีกุฏิก็นอน 0:04:34.087,0:04:39.616 ไม่มีก็ไปผูกกลดอยู่ใต้ต้นไม้ 0:04:39.616,0:04:42.844 ผ่านเวลากลางคืน 0:04:42.844,0:04:47.585 ออกมาเดินจงกรมใต้แสงเดือนแสงดาว 0:04:47.585,0:04:51.945 สงบวิเวก มีป่ามีเขา 0:04:51.945,0:04:57.444 กลางคืนก็มีสัตว์ร้อง มีนกมีแมลงร้อง 0:04:57.444,0:05:00.093 มันไม่ยั่วกิเลสเรา 0:05:00.093,0:05:04.048 เราก็ภาวนาร่มเย็นเป็นสุข 0:05:04.048,0:05:06.221 นี่ฝึกตัวเองมาทุกวัน 0:05:06.221,0:05:10.115 อยู่ง่าย กินง่าย นอนง่าย 0:05:10.115,0:05:14.161 แล้วเวลาส่วนใหญ่เอาไว้เจริญสติ 0:05:14.161,0:05:16.893 ถึงเวลาก็นั่งสมาธิเดินจงกรม 0:05:16.893,0:05:19.518 ไหว้พระสวดมนต์ 0:05:19.518,0:05:26.678 เวลาที่เหลือเจริญสติในชีวิตประจำวัน 0:05:26.678,0:05:28.743 การเจริญสติในชีวิตประจำวัน 0:05:28.743,0:05:32.508 เป็นเรื่องสำคัญมากเลย 0:05:32.508,0:05:37.865 หลวงปู่มั่นท่านเคยสอน หลวงพ่อไม่ทันท่าน 0:05:37.865,0:05:41.021 แต่ว่าครูบาอาจารย์ที่เป็นลูกศิษย์ท่าน 0:05:41.021,0:05:44.484 เคยเล่าให้ฟัง 0:05:44.484,0:05:50.576 อย่างท่านสอนบอกว่าทำสมาธิมากเนิ่นช้า 0:05:50.576,0:05:54.085 คิดพิจารณามากฟุ้งซ่าน 0:05:54.085,0:05:56.701 หัวใจสำคัญของการปฏิบัติ 0:05:56.701,0:06:00.716 คือการเจริญสติในชีวิตประจำวัน 0:06:00.716,0:06:04.575 หัวใจอยู่ตรงนี้ 0:06:04.575,0:06:07.695 เก่งเฉพาะตอนนั่งสมาธิตอนเดินจงกรม 0:06:07.695,0:06:09.886 ไม่ได้กินหรอก 0:06:09.886,0:06:13.494 วันหนึ่งจะนั่งเท่าไรจะเดินเท่าไร 0:06:13.494,0:06:16.520 เวลาส่วนใหญ่ถ้าภาวนาไม่เป็น 0:06:16.520,0:06:22.043 โอกาสจะได้มรรคผลนิพพานยากเหลือเกิน 0:06:22.043,0:06:27.275 หลวงพ่อภาวนาเจริญสติเป็นหลักเลย 0:06:27.275,0:06:29.959 บางช่วงยังพลาดพลั้ง 0:06:29.959,0:06:32.529 ไม่ยอมทำสมาธิ รู้สึกเสียเวลา 0:06:32.529,0:06:35.608 ขี้เกียจทำสมาธิ 0:06:35.608,0:06:38.877 พอหลายๆ วันเข้ากำลังสมาธิไม่พอ 0:06:38.877,0:06:41.639 เดินปัญญาไม่ได้จริง 0:06:41.639,0:06:44.807 เพราะฉะนั้นสมาธิก็ต้องทำ 0:06:44.807,0:06:50.549 เวลาส่วนใหญ่ของหลวงพ่อ[br]ใช้การเจริญสติในชีวิตประจำวัน 0:06:50.549,0:06:54.000 เพราะหลวงปู่ดูลย์ท่านสอนหลวงพ่อมา 0:06:54.000,0:06:56.649 ให้อ่านจิตตนเอง 0:06:56.649,0:06:59.065 การเจริญสติในชีวิตประจำวัน 0:06:59.065,0:07:01.864 กับการอ่านจิตตนเอง 0:07:01.864,0:07:05.712 มันมารวมเข้าด้วยกันได้ 0:07:05.712,0:07:11.364 เราสามารถปฏิบัติในชีวิตธรรมดานี่ล่ะ 0:07:11.364,0:07:13.764 เมื่อตาเห็นรูป 0:07:13.764,0:07:17.649 เกิดความรู้สึกแปลกปลอมขึ้นในใจเรา 0:07:17.649,0:07:20.146 ทีแรกใจเราเฉยๆ 0:07:20.146,0:07:23.728 พอตาเราเห็นดอกไม้สวยงาม 0:07:23.728,0:07:25.863 ใจเราเกิดความชอบขึ้นมา 0:07:25.863,0:07:28.398 ใจเรามีความเปลี่ยนแปลงแล้ว 0:07:28.398,0:07:33.766 เรามีสติรู้ทันความ[br]เปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในใจเรา 0:07:33.766,0:07:36.562 เวลาหูเราได้ยินเสียง 0:07:36.562,0:07:39.198 เกิดความเปลี่ยนแปลงขึ้นในใจเรา 0:07:39.198,0:07:43.697 อย่างมีเสียงคนมาด่าเรา 0:07:43.697,0:07:49.407 จิตใจเราเกิดโทสะขึ้นมา เรามีสติรู้ทัน 0:07:49.407,0:07:52.285 จมูกได้กลิ่น 0:07:52.285,0:07:55.163 ได้กลิ่นหอมใจเราชอบ 0:07:55.163,0:07:58.509 หรือบางทีได้กลิ่นหอมแล้วใจเราเกิดสงสัย 0:07:58.509,0:08:02.785 นี่กลิ่นอะไร กลิ่นดอกไม้อะไร 0:08:02.785,0:08:06.753 พอความสงสัยเกิดขึ้น[br]หลวงพ่อไม่ได้ไปดูดอกไม้ 0:08:06.753,0:08:11.671 หลวงพ่อดูลงไปที่จิตใจตัวเอง จิตสงสัย 0:08:11.671,0:08:16.451 เราก็เห็นความสงสัย[br]เกิดขึ้นตั้งอยู่แล้วก็ดับไป 0:08:16.451,0:08:19.901 บางทีได้กลิ่นอย่างนี้เหม็น 0:08:19.901,0:08:22.970 ใจรำคาญ ใจไม่ชอบ 0:08:22.970,0:08:26.254 รู้ลงไปที่ใจที่ไม่ชอบ 0:08:26.254,0:08:29.614 การปฏิบัติในชีวิตประจำวัน 0:08:29.614,0:08:34.065 หลักการง่ายๆ มีตาก็ดู มีหูก็ฟัง 0:08:34.065,0:08:36.509 มีจมูกก็ดมกลิ่น มีลิ้นก็รู้รส 0:08:36.509,0:08:38.900 มีกายก็กระทบสัมผัส 0:08:38.900,0:08:41.645 มีใจก็คิดนึกไปตามธรรมชาติธรรมดา 0:08:41.645,0:08:44.552 ไม่ห้าม 0:08:44.552,0:08:48.182 ใจเราจะคิดดีคิดร้ายอะไร ห้ามได้ที่ไหน 0:08:48.182,0:08:50.408 จิตมันเป็นอนัตตา 0:08:50.408,0:08:52.343 บางทีเราอยากคิดแต่เรื่องดีๆ 0:08:52.343,0:08:54.813 อ้าว มันกลายไปคิดเรื่องชั่วๆ 0:08:54.813,0:08:58.368 คิดเรื่องกิเลสตัณหาอะไร 0:08:58.368,0:09:02.222 ทีนี้พอใจมันคิดไปในทางไม่ดี 0:09:02.222,0:09:03.615 อกุศลเกิด 0:09:03.615,0:09:06.031 จิตเรามีน้ำหนักขึ้นมา 0:09:06.031,0:09:09.443 จิตเราเศร้าหมองอึดอัดขัดข้อง 0:09:09.443,0:09:11.687 เรามีสติรู้ทันจิต 0:09:11.687,0:09:14.527 โอ้ ตอนนี้จิตเราเศร้าหมองแล้ว 0:09:14.527,0:09:16.398 หรือเวลาที่จิตเราเป็นกุศล 0:09:16.398,0:09:18.696 เรามีสติรู้ลงไป 0:09:18.696,0:09:20.594 อย่างเวลาเห็นครูบาอาจารย์ 0:09:20.594,0:09:23.621 บางทีจิตเรามีปีติ 0:09:23.621,0:09:27.727 ดีใจได้เห็นครูบาอาจารย์มีปีติ 0:09:27.727,0:09:29.975 เราแทนที่จะไปดูแค่ครูบาอาจารย์ 0:09:29.975,0:09:34.224 เราก็เห็นจิตใจมีปีติขึ้นมา 0:09:34.224,0:09:38.765 จิตใจฟังธรรมไป จิตใจเรามีความสุข 0:09:38.765,0:09:41.689 ไม่ได้มัวแต่นั่งฟังเพลินๆ ไป 0:09:41.689,0:09:45.293 จิตใจเรามีความสุข รู้ว่ามีความสุข 0:09:45.293,0:09:50.037 นี่การปฏิบัติจริงๆ สำคัญมากเลยนะตรงนี้ 0:09:50.037,0:09:53.700 แล้วส่วนใหญ่ก็ละเลยกัน ไม่สนใจ 0:09:53.700,0:09:58.230 แล้วกำหนดอะไรต่ออะไรสอนอะไรกันแปลกๆ ไป 0:09:58.230,0:10:01.986 ละเลยการเจริญสติในชีวิตประจำวัน 0:10:01.986,0:10:05.685 ซึ่งหลวงปู่มั่นบอกหัวใจของการปฏิบัติเลย 0:10:05.685,0:10:09.178 การมีสติในชีวิตประจำวัน 0:10:09.178,0:10:12.057 ฉะนั้นถ้าเราอยากมีสติในชีวิตประจำวัน 0:10:12.057,0:10:14.090 เราต้องฝึกตัวเอง 0:10:14.090,0:10:17.263 หัดอ่านใจตัวเองให้ออก 0:10:17.263,0:10:20.835 ตาเราเห็นรูปเกิดความเปลี่ยนแปลงที่จิตใจ 0:10:20.835,0:10:22.813 อย่างเกิดสุข เกิดทุกข์ 0:10:22.813,0:10:25.065 เกิดกุศล เกิดอกุศล 0:10:25.065,0:10:27.395 ให้เรามีสติรู้ 0:10:27.395,0:10:29.701 อย่างเราเห็นผู้หญิงสวยๆ 0:10:29.701,0:10:33.814 จิตเรามีราคะขึ้นมา ให้มีสติรู้ 0:10:33.814,0:10:37.177 ไม่ใช่จำเป็นว่าต้องทำเฉยๆ 0:10:37.177,0:10:40.826 เห็นผู้หญิงสวยๆ ก็กดจิตไว้ 0:10:40.826,0:10:44.838 เพ่งๆๆ ลงไป ไม่ให้มีความรู้สึกขึ้นมา 0:10:44.838,0:10:48.448 นั่นไม่ใช่การเจริญสติในชีวิตประจำวัน 0:10:48.448,0:10:50.582 แต่เป็นการเพ่ง 0:10:50.582,0:10:53.853 เพ่งอยู่ในชีวิตจริงๆ เลย เพ่งมากๆ 0:10:53.853,0:10:56.429 ใจก็จะแข็งทื่อๆ ไป 0:10:56.429,0:10:58.958 เหมือนอย่างพระองค์นี้ 0:10:58.958,0:11:04.061 ใจก็ทื่อๆ ไป ไปเพ่งเอา 0:11:04.061,0:11:08.843 ฉะนั้นเราต้องฝึกหัดอ่านความรู้สึกตัวเอง 0:11:08.843,0:11:11.187 ตากระทบรูป 0:11:11.187,0:11:12.611 เกิดสุข เกิดทุกข์ 0:11:12.611,0:11:16.640 เกิดกุศล เกิดอกุศล ให้มีสติรู้ทัน 0:11:16.640,0:11:18.892 หูได้ยินเสียง จมูกได้กลิ่น 0:11:18.892,0:11:21.777 ลิ้นกระทบรส กายกระทบสัมผัส 0:11:21.777,0:11:24.028 เกิดสุข เกิดทุกข์ เกิดกุศล อกุศล 0:11:24.028,0:11:25.439 ให้มีสติรู้ทัน 0:11:25.439,0:11:28.232 เกิดที่ไหน เกิดที่ใจเรา 0:11:28.232,0:11:30.526 ถ้าจิตเราคิด 0:11:30.526,0:11:33.441 เราเกิดสุข เกิดทุกข์ เกิดกุศลอกุศล 0:11:33.441,0:11:35.920 ให้มีสติรู้ทัน 0:11:35.920,0:11:37.937 มันยากไหมที่จะรู้ 0:11:37.937,0:11:41.245 ไม่ยาก แต่ละเลยที่จะรู้ 0:11:41.245,0:11:44.063 อย่างเราขับรถอยู่คนมาปาดหน้าเรา 0:11:44.063,0:11:47.090 ขับรถปาดหน้าเรา เราโกรธ 0:11:47.090,0:11:50.683 คนที่ไม่ได้ปฏิบัติจะไปมองรถที่ปาดเรา 0:11:50.683,0:11:52.953 เดี๋ยวจะไปเอาคืน 0:11:52.953,0:11:57.574 ส่วนเรานักปฏิบัติเจริญสติในชีวิตประจำวัน 0:11:57.574,0:12:00.399 คนเขาขับรถปาดหน้าเรา เราโกรธ 0:12:00.399,0:12:03.631 เราเห็นความโกรธเกิดขึ้นที่จิตใจเรา 0:12:03.631,0:12:07.051 นี่อย่างนี้ถึงจะเรียกว่าใช้ได้ 0:12:07.051,0:12:12.348 ลำพังคนปาดหน้าเราแล้วเราก็ไปมองเขา 0:12:12.348,0:12:15.574 เรียกว่าหลง หลงไปดู 0:12:15.574,0:12:17.664 เกิดพยาบาทวิตก 0:12:17.664,0:12:21.781 คิดจะเอาคืน นี่พยาบาทวิตก 0:12:21.781,0:12:28.551 ฉะนั้นการภาวนาจะว่ายาก มันไม่ยากเลย 0:12:28.551,0:12:32.185 เราไม่ได้บังคับตัวเอง กดข่มตัวเอง 0:12:32.185,0:12:34.460 จิตใจเราเป็นอย่างไร เราก็คอยรู้ไป 0:12:34.460,0:12:39.235 อย่างที่มันเป็น ไม่เห็นจะยากตรงไหนเลย 0:12:39.235,0:12:41.660 แต่จะว่าง่ายมันก็ไม่ง่าย 0:12:41.660,0:12:45.605 เพราะเราไม่เคยชินที่จะรู้ใจตัวเอง 0:12:45.605,0:12:48.218 มันยากเพราะเราไม่เคยชินที่จะรู้ 0:12:48.218,0:12:50.247 เท่านั้นล่ะ 0:12:50.247,0:12:53.687 ถ้าหัดฝึกจนเคยชินที่จะรู้ 0:12:53.687,0:12:55.138 การจะอ่านใจตัวเอง 0:12:55.138,0:12:58.577 ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไปเลย 0:12:58.577,0:13:01.991 หลวงพ่อไม่ได้ฝึกอะไรมากมาย 0:13:01.991,0:13:06.072 ตอนเด็กๆ ก็ทำสมาธิก็ได้แต่ความสงบ 0:13:06.072,0:13:08.507 ก็ออกรู้โน้นรู้นี้ไปเรื่อยๆ 0:13:08.507,0:13:12.171 หาสาระแก่นสารอะไรไม่ได้ 0:13:12.171,0:13:15.788 มาเจอหลวงปู่ดูลย์ท่านบอกให้อ่านจิตตัวเอง 0:13:15.788,0:13:18.044 หลวงพ่อก็ตามรู้ตามเห็นจิตใจ 0:13:18.044,0:13:20.031 นี่วิธีอ่านจิตตัวเอง 0:13:20.031,0:13:22.598 ทำอย่างที่หลวงพ่อบอก 0:13:22.598,0:13:25.512 ไม่ใช่ไปนั่งจ้องอยู่ที่จิต 0:13:25.512,0:13:27.957 นั่งเฝ้าจิตดูว่าเมื่อไร 0:13:27.957,0:13:30.039 จะมีอะไรเกิดขึ้นในจิตใจเรา 0:13:30.039,0:13:32.170 นั่งเฝ้าอยู่อย่างนี้ 0:13:32.170,0:13:35.616 อันนั้นไม่ใช่ ใช้ไม่ได้เลย 0:13:35.616,0:13:38.988 เมื่อไรเราจงใจไปนั่งเฝ้าเอา 0:13:38.988,0:13:41.581 จิตจะนิ่งๆ ทื่อๆ แข็งๆ ไป 0:13:41.581,0:13:43.781 ไม่มีอะไรให้ดูหรอก 0:13:43.781,0:13:45.999 ฉะนั้นอย่าไปดักดู 0:13:45.999,0:13:48.349 ให้ตาหูจมูกลิ้นกายใจกระทบอารมณ์ 0:13:48.349,0:13:50.659 แล้วก็เกิดความรู้สึกขึ้นมาก่อน 0:13:50.659,0:13:54.047 แล้วค่อยรู้ว่าตอนนี้รู้สึกอย่างไร 0:13:54.047,0:13:56.950 อย่าไปดักดูไว้ก่อน 0:13:56.950,0:13:59.787 ถ้าไปดักดูไปรอดู 0:13:59.787,0:14:02.412 มันจะนิ่งๆ ไม่มีอะไรให้ดูหรอก 0:14:02.412,0:14:04.966 อันนั้นไม่ใช่การอ่านจิตตนเองแล้ว 0:14:04.966,0:14:11.278 แต่เป็นการบังคับจิตตนเองให้มันนิ่งๆ ไป 0:14:11.278,0:14:13.665 ต้องฝึกนะต้องฝึก 0:14:13.665,0:14:15.735 ถ้าอ่านจิตตัวเองจนชำนาญ 0:14:15.735,0:14:19.895 เราจะรู้เลยการปฏิบัติ[br]ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไปแล้ว 0:14:19.895,0:14:21.965 เพราะเราได้สิ่งที่สำคัญที่สุด 0:14:21.965,0:14:24.101 สำหรับการปฏิบัติแล้ว 0:14:24.101,0:14:28.062 คือเรารู้จักจิตตัวเอง 0:14:28.062,0:14:32.016 การปฏิบัติธรรมจริงๆ [br]ก็คือการฝึกจิตนั่นล่ะ 0:14:32.016,0:14:33.776 ไม่ได้ฝึกกาย 0:14:33.776,0:14:35.196 อย่างจะเดินจงกรม 0:14:35.196,0:14:39.853 บางคนฝึกกายต้องเดินท่านั้นต้องเดินท่านี้ 0:14:39.853,0:14:42.346 แล้วจริงๆ แล้วมันไม่ใช่หรอก 0:14:42.346,0:14:44.548 เราไม่ได้ฝึกโยธวาทิต 0:14:44.548,0:14:46.751 จะเดินอย่างนั้นอย่างนี้ให้สวยงาม 0:14:46.751,0:14:48.327 ไม่จำเป็นหรอก 0:14:48.327,0:14:51.091 เคยเดินท่าไหนก็เดินท่านั้นล่ะ 0:14:51.091,0:14:55.967 แต่ว่าจุดสำคัญหัวใจจริงๆ [br]คือจิตของเรานั่นเอง 0:14:55.967,0:14:59.372 พ่อแม่ครูอาจารย์หลวงปู่มั่นท่านก็สอน 0:14:59.372,0:15:01.723 ได้จิตก็ได้ธรรมะ 0:15:01.723,0:15:04.446 ไม่ได้จิตไม่ได้ธรรมะหรอก 0:15:04.446,0:15:06.969 ทำไมถึงเป็นอย่างนั้น 0:15:06.969,0:15:09.565 ธรรมะเกิดที่จิต 0:15:09.565,0:15:12.147 ธรรมะมีอะไรบ้าง 0:15:12.147,0:15:15.474 อกุศลธรรม รู้จักเคยได้ยินไหม 0:15:15.474,0:15:16.587 เกิดที่ไหน 0:15:16.587,0:15:19.144 เกิดที่มือที่เท้าที่ท้องหรือเปล่า 0:15:19.144,0:15:22.966 ไม่ได้เกิด อกุศลธรรมเกิดที่จิต 0:15:22.966,0:15:25.757 กุศลธรรมล่ะเกิดที่ไหน 0:15:25.757,0:15:28.575 ไม่ได้เกิดที่มือที่เท้าที่ท้อง 0:15:28.575,0:15:32.713 ไม่ได้เกิดที่ลมหายใจ เกิดที่จิต 0:15:32.713,0:15:36.965 มรรคผลล่ะ มรรคผลก็เกิดที่จิต 0:15:36.965,0:15:38.955 มรรคผลไม่ได้ไปเกิด 0:15:38.955,0:15:42.548 ที่ต้นไม้ที่ภูเขาที่แม่น้ำ 0:15:42.548,0:15:44.722 หรือที่ร่างกาย 0:15:44.722,0:15:47.669 มรรคผลก็เกิดขึ้นที่จิต 0:15:47.669,0:15:51.836 ถ้าเราเฝ้ารู้เฝ้าดูไป รักษาจิต 0:15:51.836,0:15:56.089 มีสติรักษาจิต ดูจิตไป ดูแลจิตไป 0:15:56.089,0:15:58.099 จิตเป็นอย่างไรก็ช่างมันเถอะ 0:15:58.099,0:16:01.172 แต่รู้อย่างที่มันเป็นให้ได้เท่านั้นล่ะ 0:16:01.172,0:16:03.110 แล้วเราจะพบว่า 0:16:03.110,0:16:08.412 ความรู้สึกของเราเปลี่ยนแปลงตลอดเวลาเลย 0:16:08.412,0:16:11.488 เวลาตาเราเห็นรูปความรู้สึกก็เปลี่ยน 0:16:11.488,0:16:13.997 หูได้ยินเสียง จมูกได้กลิ่น ลิ้นกระทบรส 0:16:13.997,0:16:18.583 กายกระทบสัมผัส ใจกระทบความคิด 0:16:18.583,0:16:21.662 ความรู้สึกก็เปลี่ยนในจิตใจนี้ 0:16:21.662,0:16:27.175 สังเกตไปเรื่อยๆ ไม่ใช่ว่าต้องดี 0:16:27.175,0:16:31.042 ชั่วหรือดี 0:16:31.042,0:16:34.976 ครูบาอาจารย์องค์หนึ่งท่านเคยพูด 0:16:34.976,0:16:38.227 ชั่วหรือดีก็อัปรีย์พอกัน 0:16:38.227,0:16:40.658 อัปรีย์ไม่ใช่คำหยาบคาย 0:16:40.658,0:16:44.197 อัปรีย์ตัวนี้เป็นภาษาบาลี “อัปปิยะ” 0:16:44.197,0:16:46.060 คือไม่น่ารัก ไม่น่าหวงแหน 0:16:46.060,0:16:48.218 เหมือนๆ กันล่ะ 0:16:48.218,0:16:51.076 ความชั่วเกิดขึ้นก็อย่าไปรักมัน 0:16:51.076,0:16:54.244 ความดีเกิดขึ้นก็อย่าไปหลงมัน 0:16:54.244,0:16:55.797 นี่ท่านสอนถึงขนาดนี้นะ 0:16:55.797,0:17:00.244 แต่ว่าอันนี้เป็นคำสอนในขั้นการเจริญปัญญา 0:17:00.244,0:17:04.714 ในขั้นจริยธรรมชั่วกับดีไม่เท่ากัน 0:17:04.714,0:17:07.311 ชั่วนะอัปรีย์จริง ดีไม่อัปรีย์ 0:17:07.311,0:17:11.458 ดีๆ ดีก็ปิยะ น่ารัก 0:17:11.458,0:17:15.860 แต่ในขั้นเจริญปัญญาเราไม่ได้ภาวนาเอาดี 0:17:15.860,0:17:18.047 เพราะดีก็ไม่เที่ยง 0:17:18.047,0:17:21.749 เราไม่ได้ภาวนาเอาความสุข [br]เพราะความสุขก็ไม่เที่ยง 0:17:21.749,0:17:25.855 เราไม่ได้ภาวนาเอาความสงบ [br]เพราะความสงบไม่เที่ยง 0:17:25.855,0:17:29.117 เราภาวนาให้เห็นความจริงว่า 0:17:29.117,0:17:32.164 จิตใจของเรานี่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา 0:17:32.164,0:17:36.399 เดี๋ยวสุข เดี๋ยวทุกข์ [br]เดี๋ยวเป็นกุศล เดี๋ยวเป็นอกุศล 0:17:36.399,0:17:40.935 ตกอยู่ใต้คำว่าไตรลักษณ์ตลอดเวลา 0:17:40.935,0:17:43.521 เวลาเราดูจิตดูใจนี่ 0:17:43.521,0:17:49.600 สามัญลักษณะคือลักษณะร่วมของ[br]สิ่งที่เป็นความปรุงแต่งทั้งหลายทั้งปวง 0:17:49.600,0:17:51.413 หรือเรียกว่าไตรลักษณ์นี่ 0:17:51.413,0:17:55.269 จริงๆ ชื่อจริงๆ ของมันคือสามัญลักษณะ 0:17:55.269,0:17:59.227 ลักษณะร่วมของสิ่งที่เป็น[br]ความปรุงแต่งทั้งหลายทั้งปวง 0:17:59.227,0:18:01.907 ทั้งรูปธรรมทั้งนามธรรม 0:18:01.907,0:18:05.163 มี 3 อย่าง ไม่เที่ยง 0:18:05.163,0:18:07.862 ไม่เที่ยงก็คือของเคยมีแล้วมันไม่มี 0:18:07.862,0:18:11.755 ของไม่มีแล้วมันก็มี มันไม่เที่ยง 0:18:11.755,0:18:15.255 มันเป็นทุกข์ คือมันถูกบีบคั้น[br]ให้แตกสลายอยู่ตลอดเวลา 0:18:15.255,0:18:17.402 อย่างความสุขเกิดขึ้น 0:18:17.402,0:18:20.334 ความสุขก็ถูกบีบคั้นให้แตกสลาย 0:18:20.334,0:18:24.484 บางทีหลายคนเจอหลวงพ่อ คุยกับหลวงพ่อเลย 0:18:24.484,0:18:29.197 เกิดปีติ ปีติถ้าเรามีสติรู้ลงไป 0:18:29.197,0:18:32.586 เราก็เห็นปีติถูกบีบคั้นให้แตกสลาย 0:18:32.586,0:18:36.221 ค่อยๆ กร่อนๆๆ ลงไปแล้วก็หายไป 0:18:36.221,0:18:38.638 แล้วมันก็เป็นอนัตตา 0:18:38.638,0:18:41.713 จิตเราจะสุขหรือจะทุกข์ จะดีหรือจะชั่ว 0:18:41.713,0:18:44.063 เราสั่งไม่ได้ เลือกไม่ได้ 0:18:44.063,0:18:45.754 นี่คือความจริง 0:18:45.754,0:18:47.153 สามัญลักษณะ 0:18:47.153,0:18:51.153 ลักษณะร่วมของสิ่งที่เป็นสังขารทั้งหลาย 0:18:51.153,0:18:53.967 ก็คือรูปธรรมนามธรรมทั้งหลาย 0:18:53.967,0:18:57.439 ล้วนแต่ตกอยู่ใต้ไตรลักษณ์ทั้งหมด 0:18:57.439,0:19:01.971 มีสิ่งเดียวที่พ้นจาก[br]ไตรลักษณ์ไปคือพระนิพพาน 0:19:01.971,0:19:04.427 นิพพานไม่มีความเกิด 0:19:04.427,0:19:06.078 เมื่อนิพพานไม่มีความเกิด 0:19:06.078,0:19:08.962 นิพพานก็ไม่มีความเก่า 0:19:08.962,0:19:12.537 ไม่มีความตาย ไม่มีความดับ 0:19:12.537,0:19:15.583 ของนอกนั้นจะเป็นรูปธรรมหรือนามธรรม 0:19:15.583,0:19:20.773 จะเป็นกุศลหรืออกุศล เกิดแล้วดับทั้งสิ้น 0:19:20.773,0:19:23.423 เรามีสติตามอ่านความเป็นจริง 0:19:23.423,0:19:27.137 ในจิตในใจของเราเรื่อยๆ ไป 0:19:27.137,0:19:29.468 แล้ววันหนึ่งเราก็จะเข้าใจ 0:19:29.468,0:19:33.983 ทุกสิ่งทุกอย่างที่ผ่าน[br]เข้ามาสู่ความรับรู้ของเรา 0:19:33.983,0:19:37.361 อยู่ชั่วคราวแล้วก็ดับสลายไป 0:19:37.361,0:19:39.791 นี่ดูไปเรื่อยๆ 0:19:39.791,0:19:42.576 หลวงพ่อใช้เวลาตรงนี้ 0:19:42.576,0:19:45.813 หลวงปู่ดูลย์บอกให้อ่านจิตตนเอง 0:19:45.813,0:19:49.459 หลวงพ่อใช้เวลา 7 เดือนในการอ่านจิตตนเอง 0:19:49.459,0:19:53.198 แต่ 7 เดือนนี้อ่านผิดไป 3 เดือน 0:19:53.198,0:19:57.138 อ่านผิดอย่างไร ก็พยายามบังคับจิตให้นิ่ง 0:19:57.138,0:19:59.508 ไม่ให้จิตคิดนึกปรุงแต่ง 0:19:59.508,0:20:03.095 ทำได้ไหม ก็ทำได้ ทำสมาธิไป 0:20:03.095,0:20:07.305 จิตก็ว่างๆ นิ่งๆ สบาย 0:20:07.305,0:20:10.716 แล้วไปหาหลวงปู่บอกผมดูจิตได้แล้ว 0:20:10.716,0:20:12.532 หลวงปู่ถามจิตเป็นอย่างไร 0:20:12.532,0:20:14.887 บอก โอ้ย จิตมันวิจิตรพิสดาร 0:20:14.887,0:20:16.969 มันปรุงแต่งได้สารพัดเลย 0:20:16.969,0:20:20.032 แต่ผมสามารถทำให้มันสงบไม่ปรุงแต่ง 0:20:20.032,0:20:22.090 ว่างๆ อยู่อย่างนั้น 0:20:22.090,0:20:24.058 หลวงปู่บอกว่าให้ไปอ่านจิต 0:20:24.058,0:20:26.621 ไม่ใช่ให้ไปปรุงแต่งจิต 0:20:26.621,0:20:31.129 ทำผิดแล้ว ไปทำใหม่ นี่ท่านสอนอย่างนี้ 0:20:31.129,0:20:32.639 หลวงพ่อก็เลยมาทำใหม่ 0:20:32.639,0:20:35.891 ก็คือมาอ่านจิตตนเองจริงๆ 0:20:35.891,0:20:38.864 อ่านอย่างไร [br]ก็อ่านอย่างที่เล่าให้ฟังนี่ล่ะ 0:20:38.864,0:20:41.680 ไม่ได้อ่านแบบพิสดารอะไรทั้งสิ้นเลย 0:20:41.680,0:20:45.883 อ่านซื่อๆ อ่านสบายๆ นี่ล่ะ 0:20:45.883,0:20:49.743 อย่างขณะนี้พวกเราฟังหลวงพ่อเทศน์ 0:20:49.743,0:20:54.140 ลองนึกซิใจเราสุขหรือทุกข์ รู้ไหม 0:20:54.140,0:20:57.977 รู้ได้ไหมว่าตอนนี้ใจสุขหรือทุกข์ 0:20:57.977,0:21:00.960 ไม่เห็นจะยากตรงไหนเลย 0:21:00.960,0:21:03.825 หรืออย่างร่างกายถ้าบางคนดูกาย 0:21:03.825,0:21:06.196 รู้ไหมร่างกายกำลังนั่งอยู่ 0:21:06.196,0:21:09.165 ยากไหมที่จะรู้ร่างกายกำลังนั่งอยู่ 0:21:09.165,0:21:12.904 ถ้ายากก็เพี้ยนแล้ว ไปหาจิตแพทย์ได้เลย 0:21:12.904,0:21:14.007 นี่ธรรมะจริงๆ 0:21:14.007,0:21:18.273 เปิดเผยเรียบง่ายตรงไปตรงมาที่สุดเลย 0:21:18.273,0:21:22.972 ร่างกายหายใจออกร่างกายหายใจเข้ารู้ได้ไหม 0:21:22.972,0:21:26.480 ต้องทำจิตให้นิ่งก่อนแล้วถึงจะรู้ไหม 0:21:26.480,0:21:29.708 ไม่ต้อง รู้เฉยๆ 0:21:29.708,0:21:32.595 การรู้จิตรู้ใจก็รู้แบบเดียวกัน 0:21:32.595,0:21:35.705 รู้เหมือนที่รู้ร่างกายมันยืนเดินนั่งนอน 0:21:35.705,0:21:38.815 ร่างกายหายใจออกหายใจเข้านี่ล่ะ 0:21:38.815,0:21:42.334 รู้เฉยๆ รู้อย่างที่มันเป็น 0:21:42.334,0:21:47.224 ตอนนี้ใจเราสุขหรือทุกข์รู้ได้ไหม 0:21:47.224,0:21:50.662 ตอนนี้ใจเรางงไหม บางคนงง 0:21:50.662,0:21:54.041 เอะ มันสุขหรือมันทุกข์ 0:21:54.041,0:21:56.442 หลายคนนะ 0:21:56.442,0:22:00.351 บางคนบอกไม่งง แต่ว่าอ่านใจไม่ออก 0:22:00.351,0:22:04.301 ขณะที่บอกไม่งงเลย กำลังหลงอยู่ 0:22:04.301,0:22:07.664 หลงไปที่อื่นแล้ว ไม่ได้อ่านใจตัวเองแล้ว 0:22:07.664,0:22:10.598 จิตใจเป็นของละเอียด 0:22:10.598,0:22:12.641 เป็นของที่ว่องไวที่สุดเลย 0:22:12.641,0:22:15.541 เราต้องพัฒนาสติของเราให้ไวขึ้นมา 0:22:15.541,0:22:17.631 เพื่อจะอ่านมันให้ทัน 0:22:17.631,0:22:22.132 ไม่ใช่ไปหน่วงความรู้สึกทางใจให้ช้าลง 0:22:22.132,0:22:25.335 เพื่อสติที่ช้าๆ จะได้อ่านทัน 0:22:25.335,0:22:28.063 อย่าไปดัดแปลงมัน เหมือนอย่างบางคน 0:22:28.063,0:22:33.344 เดินจงกรมเดินให้ช้าๆ สติจะได้ตามทัน 0:22:33.344,0:22:35.526 เดินช้าๆ 0:22:35.526,0:22:38.027 จิตหนีไปสร้างภพสร้างชาติสร้างทุกข์ 0:22:38.027,0:22:39.628 ไม่รู้กี่ร้อยรอบแล้ว 0:22:39.628,0:22:43.883 กว่าจะเดินได้แถวตลอดแนวนี่ 0:22:43.883,0:22:46.235 เพราะฉะนั้นกิเลสมันไม่ช้าด้วยหรอก 0:22:46.235,0:22:49.892 ถึงเราแกล้งเดินให้ช้ากิเลสมันไม่ช้าด้วย 0:22:49.892,0:22:51.364 จิตนี้ก็เหมือนกัน 0:22:51.364,0:22:55.575 ไม่ต้องไปแกล้งทำให้ช้าๆ เอ๋อๆ นิ่งๆ 0:22:55.575,0:22:58.270 เงียบๆ อะไรอย่างนี้ 0:22:58.270,0:23:01.063 กิเลสมันไม่ช้าด้วย 0:23:01.063,0:23:05.029 เพราะฉะนั้นมันเป็นอย่างไร[br]รู้อย่างที่มันเป็นให้ได้ 0:23:05.029,0:23:08.946 หลวงพ่อฝึกดูอ่านจิตตัวเองได้จริงๆ 0:23:08.946,0:23:11.093 4 เดือนเท่านั้น 0:23:11.093,0:23:13.943 หลวงพ่อก็เข้าใจจิตแล้ว 0:23:13.943,0:23:16.547 จิตมีธรรมชาติที่เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป 0:23:16.547,0:23:19.536 ไม่ใช่ตัวเรา ไม่ใช่ของเรา 0:23:19.536,0:23:22.828 เห็นความเป็นไตรลักษณ์ของมันไป 0:23:22.828,0:23:25.122 คราวนี้ไปส่งการบ้านกับหลวงปู่ 0:23:25.122,0:23:28.468 หลวงปู่บอกว่าอย่างนี้ช่วยตัวเองได้แล้ว 0:23:28.468,0:23:31.954 ไม่จำเป็นต้องเรียนที่ไหนแล้ว 0:23:31.954,0:23:35.507 เรียนที่จิตใจตัวเองนี่ไปได้เอาตัวรอดแล้ว 0:23:35.507,0:23:37.716 ท่านสอน 0:23:37.716,0:23:41.443 มีพระมาถามหลวงพ่อ 0:23:41.443,0:23:45.006 อันนี้อีกวัดหนึ่งอยู่กับ[br]ครูบาอาจารย์เหมือนกัน 0:23:45.006,0:23:46.711 พระอุปัฏฐากท่าน 0:23:46.711,0:23:51.580 ได้ยินหลวงพ่อส่งการบ้าน[br]กับหลวงปู่ครูบาอาจารย์ 0:23:51.580,0:23:54.772 แล้วหลวงพ่อออกจากหลวงปู่มา 0:23:54.772,0:23:57.250 หลวงปู่ก็ชมหลวงพ่อใหญ่ 0:23:57.250,0:23:59.098 พระอุปัฏฐากท่านก็ฟัง 0:23:59.098,0:24:01.127 ตอนเย็นไปเจอท่าน 0:24:01.127,0:24:02.790 ท่านก็มาถามหลวงพ่อว่า 0:24:02.790,0:24:07.930 โยมๆ เป็นฆราวาสแท้ๆ เลย โยมภาวนาอย่างไร 0:24:07.930,0:24:10.647 โยมทำปีหนึ่ง พระทำ 10 ปี 20 ปี 0:24:10.647,0:24:12.902 ยังไม่ได้อย่างนี้เลย 0:24:12.902,0:24:15.900 ท่านถามซื่อๆ เลย 0:24:15.900,0:24:20.628 บอกพระทำ 10 ปี 20 ปี [br]ยังไม่ได้อย่างที่โยมทำปีหนึ่ง 0:24:20.628,0:24:25.060 หลวงพ่อก็บอกท่านผมทำทั้งวัน 0:24:25.060,0:24:29.149 ท่านก็งง ทำทั้งวันแล้วไม่ทำมาหากินหรือ 0:24:29.149,0:24:32.076 ตอนนั้นรับราชการ 0:24:32.076,0:24:34.484 แล้วทำอย่างไรทำทั้งวัน 0:24:34.484,0:24:38.582 เจริญสติในชีวิตประจำวันนั่นล่ะ 0:24:38.582,0:24:42.154 เวลาเรามีหน้าที่การงานเราต้องทำงาน 0:24:42.154,0:24:43.988 สติจดจ่ออยู่กับงาน 0:24:43.988,0:24:47.664 สมาธิจดจ่ออยู่กับงาน ปัญญาคิดเรื่องงาน 0:24:47.664,0:24:49.942 อันนั้นไม่ใช่เวลาปฏิบัติ 0:24:49.942,0:24:52.445 แต่เป็นเวลาทำงาน 0:24:52.445,0:24:54.923 เวลานอกเหนือจากเวลาที่ทำงาน 0:24:54.923,0:24:58.067 กับเวลาทำงานที่ใช้ความคิด 0:24:58.067,0:25:01.885 แต่ถ้าทำงานที่ใช้ร่างกาย[br]ปฏิบัติได้ตลอดเลย 0:25:01.885,0:25:07.067 อย่างที่สุรินทร์เมื่อก่อน[br]เห็นมีสามล้อถีบเยอะเลย 0:25:07.067,0:25:10.347 คนถีบสามล้อเข้าใจธรรมะก็มี 0:25:10.347,0:25:12.567 เขาเก่ง 0:25:12.567,0:25:14.088 เขาถีบสามล้อไป 0:25:14.088,0:25:18.020 เขาก็อ่านจิตใจตัวเองไป 0:25:18.020,0:25:20.773 อ่านร่างกายตัวเองไปเรื่อยๆ 0:25:20.773,0:25:25.897 แม่ค้าขายผักอยู่ในตลาดก็ภาวนาดี 0:25:25.897,0:25:30.888 หน้าใสปิ๊งเลย สว่างสดใส รู้เนื้อรู้ตัว 0:25:30.888,0:25:33.721 จิตใจกิเลสเบาบาง 0:25:33.721,0:25:36.324 นี่เขาภาวนาได้อย่างไร 0:25:36.324,0:25:40.647 เขาไม่มีเวลามานั่งสมาธิทั้งวันหรอก 0:25:40.647,0:25:44.356 ไม่มีเวลามาเดินจงกรม นั่งขายผัก 0:25:44.356,0:25:46.966 เขาทำด้วยการเจริญสติ 0:25:46.966,0:25:51.271 มีสติรู้สึกกายมีสติรู้สึกใจตัวเองไป 0:25:51.271,0:25:57.680 นั่งขายผักคนมาซื้อ ดีใจรู้ว่าดีใจ 0:25:57.680,0:26:01.087 ขายตั้งนานแล้วไม่มีใครมาซื้อเลย[br]ผักชักจะเหี่ยวแล้ว 0:26:01.087,0:26:04.450 เมืองสุรินทร์หน้าร้อนๆ ร้อนจัดเลย 0:26:04.450,0:26:08.002 ผักนี้ชักจะเหี่ยวพอๆ กับคนขายแล้ว 0:26:08.002,0:26:12.051 คนขายแก่งั่ก แต่คนขายผ่องใส 0:26:12.051,0:26:16.699 ผักก็เหี่ยวไปแต่คนขายผักผ่องใส 0:26:16.699,0:26:21.022 เขาก็เห็นผักมันเหี่ยวก็เรื่องธรรมชาติ 0:26:21.022,0:26:24.135 ใจของเขากังวลว่าขาย[br]ไม่ออกเดี๋ยววันนี้ขาดทุน 0:26:24.135,0:26:26.616 เขาเห็นว่าใจกังวล 0:26:26.616,0:26:31.837 ใจของเขาก็ได้ทรัพย์สมบัติที่วิเศษไป 0:26:31.837,0:26:36.149 ได้อริยทรัพย์ 0:26:36.149,0:26:38.328 ทรัพย์ทางโลกไม่ค่อยมี 0:26:38.328,0:26:43.227 อย่างคนสุรินทร์ยุคก่อน[br]สมัยหลายสิบปีก่อนจนมาก 0:26:43.227,0:26:46.787 จนแต่เขามีอริยทรัพย์กัน 0:26:46.787,0:26:50.733 เขามีทาน เขามีศีล เขามีสติ เขามีสมาธิ 0:26:50.733,0:26:53.687 เขาขยันศึกษาทางธรรม 0:26:53.687,0:26:57.495 สงสัยเขาไต่ถามครูบาอาจารย์ 0:26:57.495,0:27:01.280 ชีวิตเขาวนเวียนอยู่อย่างนี้ เขาภาวนาดี 0:27:01.280,0:27:04.011 แต่รุ่นหลังนี่หมดแล้ว ไปดู 0:27:04.011,0:27:06.142 ก็กลายเป็นเหมือนคนกรุงเทพฯหมดแล้ว 0:27:06.142,0:27:08.506 พวกหลงโลกทั้งนั้นล่ะ 0:27:08.506,0:27:11.462 ไปไหนก็เจอแต่พวกหลงโลก 0:27:11.462,0:27:15.014 หลวงพ่อภาวนาก็ทำอย่างนี้ล่ะ 0:27:15.014,0:27:18.231 ตกเย็นตกค่ำก็นั่งสมาธินิดหน่อย 0:27:18.231,0:27:20.684 เดินจงกรมไม่ค่อยได้เดิน 0:27:20.684,0:27:23.906 เพราะที่บ้านเป็นบ้านโบราณบ้านไม้ 0:27:23.906,0:27:26.466 เวลาเดินดังเอี๊ยดๆๆ 0:27:26.466,0:27:30.839 หนวกหูคนที่อยู่ในบ้านเดียวกัน เขารำคาญ 0:27:30.839,0:27:33.182 หลวงพ่อก็ใช้วิธีนั่งเอา 0:27:33.182,0:27:35.365 ฝึกตัวเอง 0:27:35.365,0:27:41.065 ที่จะฝึกอ่านใจตัวเอง[br]ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ 0:27:41.065,0:27:44.830 ก่อนจะนอนก็กินน้ำเยอะๆ 0:27:44.830,0:27:47.041 กินน้ำมากๆ เพื่ออะไร 0:27:47.041,0:27:49.602 ปวดฉี่จะได้ตื่น 0:27:49.602,0:27:54.238 พอตื่นมา มาฉี่เสร็จแล้วก็กินน้ำอีกละ 0:27:54.238,0:27:57.147 แล้วก็ไปนั่งสมาธิ 0:27:57.147,0:28:01.776 ถ้าจิตยังมืดมัวอยู่จะไม่นอน 0:28:01.776,0:28:05.852 ถ้านั่งแล้วจิตไม่ผ่องใสมัวๆ 0:28:05.852,0:28:08.950 ถูกโมหะครอบ จะไม่นอนต่อ 0:28:08.950,0:28:14.209 ฝึกตัวเองเข้มงวด 0:28:14.209,0:28:19.252 ฝึกไปๆ จนกระทั่งกิเลสมันก็ฉลาด 0:28:19.252,0:28:24.109 พอเราตื่นปุ๊บ สว่าง ใจเราสว่างผ่องใส 0:28:24.109,0:28:26.454 อ้าว นอนได้แล้ว 0:28:26.454,0:28:27.814 กิเลสมันเก่งนะ 0:28:27.814,0:28:31.119 แหม่มันหลอกเราได้สารพัด กว่าจะรู้ทันมัน 0:28:31.119,0:28:35.421 เออ สว่างก็ดีแล้วนี่ นั่งต่อเลย 0:28:35.421,0:28:38.555 นี่ฝึกตัวเองอย่างนี้ ฝึกไป 0:28:38.555,0:28:41.778 อยากได้ของดีก็ต้องอดทน 0:28:41.778,0:28:44.482 แต่ต้องอดทนให้ถูกทางถูกหลัก 0:28:44.482,0:28:47.462 อดทนไม่ถูกหลักก็เหนื่อยเปล่า 0:28:47.462,0:28:52.199 นักปฏิบัติที่ทำผิดมี 2 อัน 0:28:52.199,0:28:56.122 กามสุขัลลิกานุโยคกับอัตตกิลมถานุโยค 0:28:56.122,0:29:00.661 กามสุขัลลิกานุโยคก็หลง หลงตามกิเลสไป 0:29:00.661,0:29:04.033 อัตตกิลมถานุโยคก็คือทำตัวเองให้ลำบาก 0:29:04.033,0:29:07.088 บังคับกายบังคับใจตัวเอง 0:29:07.088,0:29:09.792 เหมือนอย่างพระองค์นี้ท่านสงสัย 0:29:09.792,0:29:11.902 ท่านจะมาถามหลวงพ่อ 0:29:11.902,0:29:14.344 อยากถามหลวงพ่อภาวนาตั้งนาน 0:29:14.344,0:29:16.271 ทำไมไม่เจริญ 0:29:16.271,0:29:19.140 ท่านติดเพ่งอยู่ ให้ใจนิ่งๆ 0:29:19.140,0:29:22.265 แต่ตอนนี้ใจท่าน[br]ไม่เหมือนอย่างเมื่อกี้แล้ว 0:29:22.265,0:29:25.577 ตอนนั่งฟังใหม่ๆ ใจท่านแน่นอึ้ด 0:29:25.577,0:29:27.081 แต่ตอนนี้ใจท่านคลายออกแล้ว 0:29:27.081,0:29:30.782 รู้เนื้อรู้ตัวขึ้นมา อย่างนี้ถึงจะภาวนาได้ 0:29:30.782,0:29:34.076 ถ้านั่งเพ่งอยู่ กี่ปีมันก็อยู่แค่นั้นล่ะ 0:29:34.076,0:29:36.925 ไม่มีความเจริญหรอก 0:29:36.925,0:29:39.888 ฉะนั้นหัดอ่านใจตัวเองบ่อยๆ 0:29:39.888,0:29:46.544 แล้วเราจะได้ๆ ของดี ของดีก็คือธรรมะนั่นล่ะ 0:29:46.544,0:29:51.595 ถ้าเราเข้าใจธรรมะเราจะไม่ตีกับใคร 0:29:51.595,0:29:53.396 เราจะไม่ทะเลาะกับใคร 0:29:53.396,0:29:55.898 เอาธรรมะไปเถียงกันอะไรอย่างนี้ 0:29:55.898,0:29:57.501 ไม่ทำหรอก 0:29:57.501,0:30:00.416 ธรรมะเป็นของสูงเป็นของร่มเย็น 0:30:00.416,0:30:02.973 ไม่ได้เรียนเอาไว้ทะเลาะกัน 0:30:02.973,0:30:05.344 อันนั้นเรียนแล้วกิเลสแรงกว่าเก่า 0:30:05.344,0:30:06.853 อย่างน้อยเรียนแล้วกูเก่ง 0:30:06.853,0:30:08.624 กูรู้เยอะกว่าคนอื่นอะไรอย่างนี้ 0:30:08.624,0:30:10.510 นี่กิเลสทั้งนั้นเลย 0:30:10.510,0:30:13.146 แล้วพูดธรรมะฉอดๆๆๆ 0:30:13.146,0:30:15.770 แต่ไม่เห็นกิเลส ใช้ไม่ได้หรอก 0:30:15.770,0:30:18.288 อ่านจิตตัวเองไม่ออก 0:30:18.288,0:30:21.014 ฉะนั้นพวกเราหัดอ่านจิตตัวเอง 0:30:21.014,0:30:28.657 ไม่ใช่เรื่องยากหรอก มันละเลยที่จะอ่าน 0:30:28.657,0:30:32.960 วันนี้เทศน์ไปเทศน์มา 0:30:32.960,0:30:38.545 เนื้อหาสาระที่ควรจะบอกๆ หมดแล้ว 0:30:38.545,0:30:42.024 เอาไปทำเอานะ 0:30:42.024,0:30:45.821 สังเกตไหมพอหลวงพ่อบอกว่าเทศน์เสร็จแล้ว 0:30:45.821,0:30:48.650 ใจของเราเปลี่ยนทันทีเลย รู้สึกไหม 0:30:48.650,0:30:54.266 เฮ้อ แหม มันออกหน้าออกตามากไป 0:30:54.266,0:30:59.451 ไม่รู้จักเกรงใจเลย 0:30:59.451,0:31:01.753 นี่รู้สึกไหมใจขำ เห็นไหม 0:31:01.753,0:31:03.807 ความรู้สึกขำเกิดขึ้น 0:31:03.807,0:31:07.235 รู้สึกนี่ขำแล้วเอิ๊กๆ อ๊ากๆ 0:31:07.235,0:31:10.599 เหมือนเด็กทารก เหมือนพระพุทธเจ้าบอกนะ 0:31:10.599,0:31:12.428 อย่างหัวเราะเอิ๊กอ๊ากๆ 0:31:12.428,0:31:15.132 มันอาการของเด็กทารก 0:31:15.132,0:31:19.245 ไม่รู้เรื่องไม่มีสติ 0:31:19.245,0:31:23.029 อย่างที่วัดหลวงพ่อคอยดูพระเรื่อยๆ 0:31:23.029,0:31:25.599 คุยกันเสียงดังหลวงพ่อยังดุเลย 0:31:25.599,0:31:28.165 อย่างหัวเราะก๊ากๆ นี่โดนทันทีเลย 0:31:28.165,0:31:32.355 ถ้าคุยเสียงดัง[br]เดี๋ยวว่างๆ แล้วจะเรียกมาดุ 0:31:32.355,0:31:36.033 แต่ถ้าหัวเราะก๊ากๆ นี่โดนทันทีเลย 0:31:36.033,0:31:39.135 เพราะว่านักปฏิบัติไม่ควรจะเป็นอย่างนั้น 0:31:39.135,0:31:41.365 ต้องมีสติ 0:31:41.365,0:31:42.633 สนุกได้ไหม 0:31:42.633,0:31:46.623 ความรู้สึกสนุกเกิดขึ้นได้ไหม ได้ 0:31:46.623,0:31:49.994 แต่อย่าให้ขาดสติ 0:31:49.994,0:31:53.294 มีความสุขได้ไหม มีความสุขได้ 0:31:53.294,0:31:56.694 ไม่ใช่ พระพุทธเจ้าบอกให้รู้ทุกข์ 0:31:56.694,0:31:59.195 ฉะนั้นกูต้องทุกข์อย่างเดียว 0:31:59.195,0:32:01.072 อันนั้นไม่ใช่นะ 0:32:01.072,0:32:02.331 คำว่ารู้ทุกข์ก็คือ 0:32:02.331,0:32:04.772 รู้รูปรู้นามรู้กายรู้ใจ 0:32:04.772,0:32:07.757 ความสุขก็อยู่ในกองทุกข์ 0:32:07.757,0:32:11.038 ความสุขก็เป็นตัวทุกข์ชนิดหนึ่ง 0:32:11.038,0:32:15.221 ตัวเวทนาเป็นตัวทุกข์อย่างหนึ่ง 0:32:15.221,0:32:21.140 ตามรู้ตามเห็น ไม่อยากหรอก 0:32:21.140,0:32:26.646 ธรรมะก็ประณีตเป็นลำดับๆ ไป 0:32:26.646,0:32:31.031 เบื้องต้นนี่อ่านใจตัวเองให้ออก 0:32:31.031,0:32:34.458 หลวงปู่ดูลย์ท่านสอนธรรมะสอนสั้นๆ 0:32:34.458,9:59:59.000 ไม่สอนยาวอย่างหลวงพ่อหรอก 9:59:59.000,9:59:59.000 ถ้าหลวงพ่อเอาอย่างหลวงปู่ดูลย์สอนสั้นๆ 9:59:59.000,9:59:59.000 พวกเราไม่รู้เรื่อง 9:59:59.000,9:59:59.000 เพราะอินทรีย์พวกเราอ่อน ขี้เกียจด้วย 9:59:59.000,9:59:59.000 ใครยังรู้สึกตัวว่าขี้เกียจบ้าง 9:59:59.000,9:59:59.000 ไม่ต้องยกๆ ของมันเห็นๆ กันอยู่ 9:59:59.000,9:59:59.000 ไม่ต้องยกหรอก 9:59:59.000,9:59:59.000 ถ้ายังมีการเว้นวรรค 9:59:59.000,9:59:59.000 การปฏิบัติของเรายังประมาทเกินไป 9:59:59.000,9:59:59.000 ตอนนี้ขอเล่นเกมสัก[br]ชั่วโมงหนึ่งก่อนอะไรอย่างนี้ 9:59:59.000,9:59:59.000 นี่ประมาทนะ 9:59:59.000,9:59:59.000 ระหว่างเล่นเกมอาจจะช็อกตายก็ได้ 9:59:59.000,9:59:59.000 ดีใจชนะเกม นี่ประมาท 9:59:59.000,9:59:59.000 ฉะนั้นอย่าให้มีช่องโหว่ 9:59:59.000,9:59:59.000 ช่องโหว่เล็กนิดเดียวกิเลสลุยทันที 9:59:59.000,9:59:59.000 กิเลสมันเก่งนะไม่ใช่มันไม่เก่ง 9:59:59.000,9:59:59.000 ต้องฝึก 9:59:59.000,9:59:59.000 หลวงปู่ดูลย์ท่านสอนสั้นๆ 9:59:59.000,9:59:59.000 อย่างถ้าท่านจะสอนให้[br]จิตเรามีสมาธิตั้งมั่นนี่ 9:59:59.000,9:59:59.000 ท่านพูดประโยคเดียว “อย่าส่งจิตออกนอก” 9:59:59.000,9:59:59.000 จิตออกนอกคือจิตไหลไป 9:59:59.000,9:59:59.000 ทางตาหูจมูกลิ้นกายใจ 9:59:59.000,9:59:59.000 บอกอย่าส่งไป 9:59:59.000,9:59:59.000 แต่ถ้าจิตมันส่งไปเอง ห้ามมันไม่ได้นะ 9:59:59.000,9:59:59.000 แต่เราอย่าส่งไป 9:59:59.000,9:59:59.000 ส่งไปก็คืออุ้ยสนุกจังเลย 9:59:59.000,9:59:59.000 ดูละครสัตว์นี่สนุกจังเลย ส่งจิตไปดู 9:59:59.000,9:59:59.000 ไปดูหมูเด้ง 9:59:59.000,9:59:59.000 มันเด้งบ้างไม่เด้งบ้าง ส่วนใหญ่มันนอน 9:59:59.000,9:59:59.000 ก็อุตส่าห์ไปดูกัน ไปดู 9:59:59.000,9:59:59.000 เวลาไปดูหมูเด้ง เห็นไหมใจไปอยู่ที่หมูเด้ง 9:59:59.000,9:59:59.000 ถ้าตายไปเราจะต้องแย่งกันไปเป็นฮิปโป 9:59:59.000,9:59:59.000 แล้วคราวนี้คนอื่นเขาจะมาดูเราเด้งบ้างแล้ว 9:59:59.000,9:59:59.000 นี่ใจมันไหลออกไป 9:59:59.000,9:59:59.000 อย่าส่งจิตออกนอกก็คืออย่ามีโลภะเจตนา 9:59:59.000,9:59:59.000 เที่ยวแสวงหากามคุณอารมณ์ 9:59:59.000,9:59:59.000 คือ รูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะทั้งหลาย 9:59:59.000,9:59:59.000 แต่ธรรมชาติของจิตย่อมส่งออกนอก 9:59:59.000,9:59:59.000 เห็นไหมจิตมันโดยตัวมันชอบส่งออกนอก 9:59:59.000,9:59:59.000 ไม่ห้าม 9:59:59.000,9:59:59.000 ถ้าจิตส่งออกนอกแล้วให้มีสติรู้ทัน 9:59:59.000,9:59:59.000 ตรงนี้สำคัญนะ 9:59:59.000,9:59:59.000 นี่คำสอนของหลวงปู่ดูลย์ประโยคเดียว 9:59:59.000,9:59:59.000 แต่พอกระจายออกมา 9:59:59.000,9:59:59.000 โห มันเป็นหลักการปฏิบัติที่เยอะแยะไปหมดเลย 9:59:59.000,9:59:59.000 ถ้าจิตเราไม่ส่งออกนอก จิตเราจะเป็นอย่างไร 9:59:59.000,9:59:59.000 จิตเราจะตั้งมั่น 9:59:59.000,9:59:59.000 จิตเราจะตั้งมั่น[br]เป็นผู้รู้ผู้ตื่นผู้เบิกบาน 9:59:59.000,9:59:59.000 หลวงพ่อฝึกได้จิตที่[br]ตั้งมั่นมาตั้งแต่ 10 ขวบ 9:59:59.000,9:59:59.000 ฉะนั้นเวลาหลวงปู่สอน 9:59:59.000,9:59:59.000 หลวงปู่ไม่มาบอกหลวงพ่อว่าอย่าส่งจิตออกนอก 9:59:59.000,9:59:59.000 หลวงปู่ต่อยอดให้เลย 9:59:59.000,9:59:59.000 “จงทำญาณเห็นจิตให้เหมือนตาเห็นรูป” 9:59:59.000,9:59:59.000 ท่านสอนตรงนี้ 9:59:59.000,9:59:59.000 จงทำญาณเห็นจิตให้เหมือนตาเห็นรูป 9:59:59.000,9:59:59.000 เวลาตาเราเห็นรูปเราจงใจเห็นไหม 9:59:59.000,9:59:59.000 หลับตาซิ ทุกคนหลับตา 9:59:59.000,9:59:59.000 แล้วลองหันหน้าไปให้มันเปลี่ยนทิศทาง 9:59:59.000,9:59:59.000 แล้วลืมตา 9:59:59.000,9:59:59.000 เราเจตนาเห็นไหม ไม่ได้เจตนา 9:59:59.000,9:59:59.000 จงทำญาณเห็นจิตให้เหมือนตาเห็นรูป 9:59:59.000,9:59:59.000 อันแรกเลยไม่ได้เจตนา 9:59:59.000,9:59:59.000 มีรูปอย่างไรก็เห็นมันไปอย่างนั้น 9:59:59.000,9:59:59.000 หันไปแล้วไปเจอสาวสวยก็รู้ รู้รูป 9:59:59.000,9:59:59.000 หันไปแล้วไปเจอหมาขี้เรือนวิ่งเข้ามาหรือ 9:59:59.000,9:59:59.000 เสือกำลังวิ่งเข้ามาก็รู้ รู้ทัน 9:59:59.000,9:59:59.000 เหมือนตาเห็นรูป เราไม่เลือกนี่ 9:59:59.000,9:59:59.000 เราเลือกได้ไหมว่าจะเห็นรูปอะไร 9:59:59.000,9:59:59.000 เราเลือกไม่ได้ 9:59:59.000,9:59:59.000 ตาจะเห็นรูปที่ดีหรือรูปที่ไม่ดี 9:59:59.000,9:59:59.000 ที่ชอบใจหรือไม่ชอบใจ เราเลือกไม่ได้ 9:59:59.000,9:59:59.000 การดูจิตเขาบอก 9:59:59.000,9:59:59.000 จงทำญาณเห็นจิตให้เหมือนตาเห็นรูป 9:59:59.000,9:59:59.000 เราไม่เลือกอารมณ์ของจิต 9:59:59.000,9:59:59.000 อย่างตาก็ไม่เลือกอารมณ์ของตา 9:59:59.000,9:59:59.000 มีรูปอะไรก็เห็นไปอย่างนั้น 9:59:59.000,9:59:59.000 จิตนี่เราก็ไม่เลือกอารมณ์ 9:59:59.000,9:59:59.000 อารมณ์ที่ดีมาเราก็รู้ [br]อารมณ์ที่ไม่ดีมาเราก็รู้ 9:59:59.000,9:59:59.000 ตามรู้อย่างที่มันมีอย่างที่มันเป็นไป 9:59:59.000,9:59:59.000 มีญาณเห็น 9:59:59.000,9:59:59.000 ญาณแปลว่าความหยั่งรู้ 9:59:59.000,9:59:59.000 เป็นลักษณะของปัญญา 9:59:59.000,9:59:59.000 ฉะนั้นไม่ใช่รู้โง่ๆ 9:59:59.000,9:59:59.000 ไม่ใช่รู้เอ๋อๆ น้ำลายยืดๆ รู้ 9:59:59.000,9:59:59.000 ไม่ใช่ รู้ต้องมีปัญญา 9:59:59.000,9:59:59.000 มีใจที่ตั้งมั่นปัญญาถึงเกิด 9:59:59.000,9:59:59.000 มันผ่านบทเรียนที่ชื่อว่า[br]อย่าส่งจิตออกนอกมาแล้ว 9:59:59.000,9:59:59.000 ใจมันตั้งมั่นแล้ว 9:59:59.000,9:59:59.000 พอใจมันตั้งมั่นแล้ว 9:59:59.000,9:59:59.000 มันถึงจะมีญาณเห็นจิตได้ 9:59:59.000,9:59:59.000 ญาณเป็นปัญญา 9:59:59.000,9:59:59.000 ปัญญามีสัมมาสมาธิคือ[br]ความตั้งมั่นเป็นเหตุใกล้ให้เกิด 9:59:59.000,9:59:59.000 ฉะนั้นที่หลวงพ่อจะจ้ำจี้จำไชพวกเรา เฮ้ย 9:59:59.000,9:59:59.000 จิตต้องตั้งมั่นนะ จิตต้องถึงฐานนะ 9:59:59.000,9:59:59.000 เพื่อจะเอาไว้เดินปัญญา 9:59:59.000,9:59:59.000 ทำญาณเห็นจิตให้เหมือนตาเห็นรูป 9:59:59.000,9:59:59.000 หมายถึงว่ามีอารมณ์อะไร[br]เกิดขึ้นก็สักว่ารู้ว่าเห็นไป 9:59:59.000,9:59:59.000 รู้เห็นอย่างที่มันมีอย่างที่มันเป็น 9:59:59.000,9:59:59.000 แล้วไม่ได้รู้โง่ๆ รู้แบบมีปัญญา 9:59:59.000,9:59:59.000 อันแรกเลยมีสติรู้ว่ามี[br]อารมณ์อะไรเกิดขึ้นกับจิต 9:59:59.000,9:59:59.000 เช่นความสุขความทุกข์[br]กุศลอกุศลเกิดขึ้นกับจิต 9:59:59.000,9:59:59.000 รู้ทัน 9:59:59.000,9:59:59.000 อันที่สองมีปัญญาซ้ำลงไป 9:59:59.000,9:59:59.000 ทุกสิ่งทุกอย่างที่จิตไปรู้เข้า[br]ล้วนแต่ตกอยู่ใต้ไตรลักษณ์ 9:59:59.000,9:59:59.000 ความสุขก็ไม่เที่ยง ความทุกข์ก็ไม่เที่ยง 9:59:59.000,9:59:59.000 กุศลอกุศลก็ไม่เที่ยง 9:59:59.000,9:59:59.000 หัดดูอย่างนี้ คำว่า 9:59:59.000,9:59:59.000 “จงทำญาณเห็นจิตให้เหมือนตาเห็นรูป” 9:59:59.000,9:59:59.000 คืออย่างนี้ 9:59:59.000,9:59:59.000 ไม่ใช่นั่งจ้องอยู่ที่จิต 9:59:59.000,9:59:59.000 ถ้าไปนั่งจ้องอยู่ที่จิต ไม่ใช่แล้ว 9:59:59.000,9:59:59.000 มันก็คล้ายๆ เราเข้าห้องปิดประตู 9:59:59.000,9:59:59.000 แล้วก็จุดเทียนไว้อันหนึ่ง 9:59:59.000,9:59:59.000 แล้วก็มองอยู่ที่เทียน ไม่ให้มองอันอื่นเลย 9:59:59.000,9:59:59.000 ตาก็ต้องเห็นแต่เทียนนี่ล่ะ [br]เห็นอย่างอื่นไม่ได้ 9:59:59.000,9:59:59.000 ไม่ใช่นะ 9:59:59.000,9:59:59.000 มีตาก็เห็นอย่างที่มันจะต้องเห็น 9:59:59.000,9:59:59.000 จิตของเราจะมีความรู้สึกอะไรเกิดขึ้น 9:59:59.000,9:59:59.000 ให้มันรู้สึกไปอย่างที่มันมีอย่างที่มันเป็น 9:59:59.000,9:59:59.000 แล้วเราก็ตามเห็นไป 9:59:59.000,9:59:59.000 ตอนนี้จิตสุข ตอนนี้จิตทุกข์ 9:59:59.000,9:59:59.000 ตอนนี้จิตเป็นกุศล ตอนนี้จิตเป็นอกุศล 9:59:59.000,9:59:59.000 ตามรู้ตามเห็นไป 9:59:59.000,9:59:59.000 พอตามรู้ตามเห็นไปมากพอ มันจะรู้ 9:59:59.000,9:59:59.000 สิ่งใดสิ่งหนึ่งมีความเกิดขึ้นเป็นธรรมดา 9:59:59.000,9:59:59.000 สิ่งนั้นทั้งหมดดับเป็นธรรมดา 9:59:59.000,9:59:59.000 ทำไม่ใช้คำว่าสิ่งใดสิ่งหนึ่ง 9:59:59.000,9:59:59.000 ทำไมไม่ใช้ว่าโลภโกรธหลงสุขทุกข์ดีชั่วอะไร 9:59:59.000,9:59:59.000 ใช้คำว่าสิ่งใดสิ่งหนึ่ง[br]หมายถึง Everything ที่เกิด 9:59:59.000,9:59:59.000 ทั้งหมดนั่นล่ะต้องดับ 9:59:59.000,9:59:59.000 ฉะนั้นไม่ใช้คำว่าสุขเกิดแล้วสุขดับ 9:59:59.000,9:59:59.000 ทุกข์เกิดแล้วทุกข์ดับ กุศลเกิดแล้วก็ดับ 9:59:59.000,9:59:59.000 โลภโกรธหลงเกิดแล้วก็ดับ 9:59:59.000,9:59:59.000 อย่างตอนที่เราหัดดูใหม่ๆ ใช่ไหม 9:59:59.000,9:59:59.000 เราก็จะเห็นสุขเกิดแล้วดับ ทุกข์เกิดแล้วดับ 9:59:59.000,9:59:59.000 กุศลเกิดแล้วดับ โลภโกรธหลงเกิดแล้วดับ 9:59:59.000,9:59:59.000 เราดูแต่ละอันเกิดแล้วดับ[br]แต่ละอันเกิดแล้วดับ 9:59:59.000,9:59:59.000 ตรงที่ปัญญาแก่รอบเต็มที่แล้วนี่ 9:59:59.000,9:59:59.000 มันไม่มานั่งดูทีละอัน มันสรุปรวบยอด 9:59:59.000,9:59:59.000 ปัญญาในอริยมรรคนี่มันสรุปรวบยอดเลยว่า 9:59:59.000,9:59:59.000 สิ่งใดเกิดสิ่งนั้นทั้งหมดดับเป็นธรรมดา 9:59:59.000,9:59:59.000 Everything เกิดแล้วดับ 9:59:59.000,9:59:59.000 ตรงนี้เราจะเข้าใจธรรมะ 9:59:59.000,9:59:59.000 ก็ได้โสดาบันตรงนี้ 9:59:59.000,9:59:59.000 ถัดจากนั้นก็ภาวนาของเราแบบเดิมนั่นล่ะ 9:59:59.000,9:59:59.000 แต่ศีลของเราเต็มที่อยู่แล้วล่ะ 9:59:59.000,9:59:59.000 สมาธิก็จะแก่กล้าขึ้น 9:59:59.000,9:59:59.000 แล้วก็เจริญปัญญาไป 9:59:59.000,9:59:59.000 พระสกทาคาพระโสดาบันศีลบริบูรณ์ 9:59:59.000,9:59:59.000 สมาธิเล็กน้อย ปัญญาเล็กน้อย 9:59:59.000,9:59:59.000 สมาธิเล็กน้อยคือใจเราวอกแวกๆ 9:59:59.000,9:59:59.000 ไม่ได้ต่างกับชาวบ้านธรรมดาหรอก 9:59:59.000,9:59:59.000 พระโสดาบันปัญญาเล็กน้อย 9:59:59.000,9:59:59.000 เห็นไตรลักษณ์เป็นคราวๆ [br]ไม่ได้เห็นได้ตลอดหรอก 9:59:59.000,9:59:59.000 พระสกทาคามีศีลบริบูรณ์ 9:59:59.000,9:59:59.000 อันนี้บริบูรณ์ตั้งแต่โสดาบันแล้ว 9:59:59.000,9:59:59.000 สมาธิปานกลาง 9:59:59.000,9:59:59.000 ปัญญาเล็กน้อย 9:59:59.000,9:59:59.000 ปัญญาเล็กน้อยก็ยังไม่ได้[br]รู้แจ้งแทงตลอดอริยสัจอะไร 9:59:59.000,9:59:59.000 ปัญญาเล็กน้อยก็แค่สิ่งใดเกิดสิ่งนั้นก็ดับ 9:59:59.000,9:59:59.000 แต่จิตมีกำลังตั้งมั่นมากขึ้น 9:59:59.000,9:59:59.000 สมาธิปานกลาง 9:59:59.000,9:59:59.000 สมาธิปานกลางก็คือถ้าจะหลง 9:59:59.000,9:59:59.000 หลงแวบเดียว ฟุ้งไปก็ฟุ้งสั้นๆ ไม่ฟุ้งยาว 9:59:59.000,9:59:59.000 ถ้าฟุ้งเป็นชั่วโมงไม่ใช่แล้วล่ะ 9:59:59.000,9:59:59.000 แสดงว่าสมาธิอ่อนเหลือเกิน 9:59:59.000,9:59:59.000 แล้วถ้าภาวนาต่อไป 9:59:59.000,9:59:59.000 รู้แจ้งแทงตลอดในตัวร่างกายในรูปนี่ 9:59:59.000,9:59:59.000 ว่าไม่ใช่อย่างอื่นมีแต่ทุกข์ 9:59:59.000,9:59:59.000 รู้แจ้งแทงตลอดอย่างนี้จิตมันวางกาย 9:59:59.000,9:59:59.000 พอมันวางร่างกาย[br]มันก็จะวางตาหูจมูกลิ้นกายใจ 9:59:59.000,9:59:59.000 มันก็จะพลอยวางรูปเสียง[br]กลิ่นรสโผฏฐัพพะไปด้วย 9:59:59.000,9:59:59.000 ตัวที่ทำให้จิตเราฟุ้งซ่านก็คือกามนั่นล่ะ 9:59:59.000,9:59:59.000 พอเป็นพระอนาคามีมันวาง 9:59:59.000,9:59:59.000 ตาหูจมูกลิ้นกายลงไปได้ 9:59:59.000,9:59:59.000 แล้วก็วางรูปเสียงกลิ่นรสโผฏฐัพพะไปด้วย 9:59:59.000,9:59:59.000 ความยินดีพอใจในรูปไม่มี 9:59:59.000,9:59:59.000 ความยินร้ายในรูปไม่มี 9:59:59.000,9:59:59.000 ใจก็ไม่วิ่งแส่ส่ายออกไปทางตาหูจมูกลิ้นกาย 9:59:59.000,9:59:59.000 นี่สมาธิมันบริบูรณ์เพราะเหตุนี้ 9:59:59.000,9:59:59.000 เพราะว่าจิตไม่ไหลตามกามออกไป 9:59:59.000,9:59:59.000 ไม่ไหลไปทางตาหูจมูกลิ้นกาย 9:59:59.000,9:59:59.000 มันตั้งมั่นเด่นดวงอยู่กับตัวเองนี่ 9:59:59.000,9:59:59.000 ถึงบอกพระอนาคามีมีสมาธิบริบูรณ์ 9:59:59.000,9:59:59.000 มีปัญญาปานกลาง 9:59:59.000,9:59:59.000 โสดาบัน สกทาคามี 9:59:59.000,9:59:59.000 เห็นว่าสิ่งใดสิ่งหนึ่งเกิดขึ้น 9:59:59.000,9:59:59.000 สิ่งนั้นก็ดับไป ไม่มีตัวเรา 9:59:59.000,9:59:59.000 พระอนาคามีมีปัญญาปานกลาง 9:59:59.000,9:59:59.000 คือเห็นว่ารูปทั้งหลายร่างกายนี่[br]ไม่มีอย่างอื่นนอกจากทุกข์ 9:59:59.000,9:59:59.000 ไม่มีอย่างอื่นเลย 9:59:59.000,9:59:59.000 เห็นมีแต่ทุกข์ล้วนๆ เลย 9:59:59.000,9:59:59.000 นี่เป็นปัญญาปานกลาง 9:59:59.000,9:59:59.000 แต่ทำไมปัญญานี้ยังไม่สิ้นสุด 9:59:59.000,9:59:59.000 พระอนาคามียังหลงผิดอยู่ 9:59:59.000,9:59:59.000 ว่าตัวจิตที่ฝึกดีแล้วนี่มีความสุข 9:59:59.000,9:59:59.000 ฉะนั้นจะมุ่งไปหาความสุขของสมาธิ 9:59:59.000,9:59:59.000 จะไปติดในรูปราคะอรูปราคะ 9:59:59.000,9:59:59.000 ทีนี้ภาวนาไปเรื่อยก็จะรู้เลย 9:59:59.000,9:59:59.000 รูปราคะอรูปราคะ 9:59:59.000,9:59:59.000 จิตเข้าไปติดไปยึดจิตก็ทุกข์อีก 9:59:59.000,9:59:59.000 แล้วต่อไปปัญญาแก่รอบจริงๆ จะรู้ว่า 9:59:59.000,9:59:59.000 จิตนั่นล่ะคือตัวทุกข์ 9:59:59.000,9:59:59.000 มันจะแตกหัก วัฏจักรจะล่มลงก็ตรงที่ 9:59:59.000,9:59:59.000 มันรู้แจ้งแทงตลอดว่าจิตคือตัวทุกข์ 9:59:59.000,9:59:59.000 ไม่ใช่ทุกข์บ้างสุขบ้างอย่างที่เคยเห็นแล้ว 9:59:59.000,9:59:59.000 ตัวนี้คือปัญญาขั้นสุดท้ายเลย 9:59:59.000,9:59:59.000 ก็จะรู้แจ้งแทงตลอด 9:59:59.000,9:59:59.000 ปฏิจจสมุปบาทล้างอวิชชา 9:59:59.000,9:59:59.000 อวิชชาคืออะไร คือความไม่รู้ทุกข์ 9:59:59.000,9:59:59.000 ไม่สามารถรู้ทุกข์ได้ ไม่สามารถละสมุทัย 9:59:59.000,9:59:59.000 ไม่สามารถแจ้งนิโรธ[br]ไม่สามารถเจริญอริยมรรคได้ 9:59:59.000,9:59:59.000 แต่ตรงที่มันรู้แจ้งแทงตลอดว่า 9:59:59.000,9:59:59.000 จิตนั้นล่ะคือตัวทุกข์ 9:59:59.000,9:59:59.000 นี่คือขันธ์ตัวสุดท้าย 9:59:59.000,9:59:59.000 ที่เราจะสามารถเห็นได้ว่ามันคือตัวทุกข์ 9:59:59.000,9:59:59.000 ตัวกายดูง่ายว่าเป็นตัวทุกข์ 9:59:59.000,9:59:59.000 แต่พอถึงตัวจิตจะให้ดูว่า 9:59:59.000,9:59:59.000 กระทั่งจิตที่ทรงฌานก็คือตัวทุกข์ 9:59:59.000,9:59:59.000 ไม่ใช่ง่าย 9:59:59.000,9:59:59.000 อันนี้เลยเป็นปัญญาอย่างยิ่ง 9:59:59.000,9:59:59.000 รู้แจ้งแทงตลอดในกองทุกข์ 9:59:59.000,9:59:59.000 ก็รู้แจ้งแทงตลอดอริยสัจนั่นล่ะ 9:59:59.000,9:59:59.000 กว่าจะถึงจุดนี้ก็ต้องสู้ 9:59:59.000,9:59:59.000 จุดเริ่มต้นของการสู้[br]ทำอย่างที่หลวงพ่อบอกนั่นล่ะ 9:59:59.000,9:59:59.000 ถือศีล 5 ไว้ 9:59:59.000,9:59:59.000 ทุกวันทำในรูปแบบไหว้พระ[br]สวดมนต์นั่งสมาธิเดินจงกรม 9:59:59.000,9:59:59.000 จิตจะได้มีกำลัง 9:59:59.000,9:59:59.000 หัวใจของการปฏิบัตินั้นคือ[br]การเจริญสติในชีวิตประจำวัน 9:59:59.000,9:59:59.000 ถ้าเราทำอย่างนี้ได้มรรคผลไม่ใช่เรื่องไกล 9:59:59.000,9:59:59.000 ถ้าเก่งเฉพาะตอนนั่งสมาธิยังอีกไกล 9:59:59.000,9:59:59.000 เพราะอยู่ในชีวิตจริงเราล้มเหลว 9:59:59.000,9:59:59.000 เพราะฉะนั้นฝึกนะที่หลวงพ่อบอกให้วันนี้ 9:59:59.000,9:59:59.000 เป็นแก่นสารสาระในการฝึกกรรมฐานเลย 9:59:59.000,9:59:59.000 เหมือนที่หลวงปู่มั่นบอก 9:59:59.000,9:59:59.000 ทำสมาธิมากเนิ่นช้า คิดพิจารณามากฟุ้งซ่าน 9:59:59.000,9:59:59.000 หัวใจสำคัญของการปฏิบัติ[br]คือการมีสติในชีวิตประจำวัน 9:59:59.000,9:59:59.000 วันนี้เทศน์ให้ฟังเท่านี้ 9:59:59.000,9:59:59.000 ขอเบรกแป๊บหนึ่ง 9:59:59.000,9:59:59.000 ปีนี้รู้สึกแก่ลงไปเยอะเลย 9:59:59.000,9:59:59.000 เมื่อก่อนเทศน์สอนใหม่ๆ หลวงพ่อเคยสอน 9:59:59.000,9:59:59.000 ตอนนั้นยังไม่บวช สอนเพื่อนๆ 9:59:59.000,9:59:59.000 สอนโต้รุ่งเลย 9:59:59.000,9:59:59.000 เนสัชชิกกันแล้วก็นั่งกัน 9:59:59.000,9:59:59.000 มาบวชทีแรกก็สอน 7 วัน สอนทั้งวัน 9:59:59.000,9:59:59.000 ต่อมาก็ลดลงเหลือสอน 4 วัน สอนครึ่งวัน 9:59:59.000,9:59:59.000 เดี๋ยวนี้เหลือ 2 วัน 9:59:59.000,9:59:59.000 แต่ว่าทุกวันคนไปที่วัดเยอะแยะ 9:59:59.000,9:59:59.000 ก็สอนให้เหมือนกัน 9:59:59.000,9:59:59.000 บางวันหมดแรงจริงๆ 9:59:59.000,9:59:59.000 ก็ต้องพักเหมือนกัน แก่แล้ว 9:59:59.000,9:59:59.000 เอาใครก่อนดี เบอร์ 1 เพ่งอยู่นะ 9:59:59.000,9:59:59.000 เบอร์ 1: ภาวนาในรูปแบบโดยเดินจงกรมเช้าเย็น 9:59:59.000,9:59:59.000 ในชีวิตประจำวันดูร่างกายที่เคลื่อนไหว 9:59:59.000,9:59:59.000 ไม่ทราบว่าตอนนี้จิตตั้งมั่น[br]พร้อมจะเดินปัญญาได้หรือยังครับ 9:59:59.000,9:59:59.000 ตอนนี้เราบังคับจิตอยู่รู้สึกไหม 9:59:59.000,9:59:59.000 มันบังคับอยู่นะขณะนี้ 9:59:59.000,9:59:59.000 ไหนมาเดินให้หลวงพ่อดูซิ 9:59:59.000,9:59:59.000 นึกว่าตรงนี้เป็นแคทวอร์ค เดิน 9:59:59.000,9:59:59.000 อย่าเสียชื่ออาจารย์นะ 9:59:59.000,9:59:59.000 อาจารย์เก่งทางเดินจงกรม 9:59:59.000,9:59:59.000 ใช้ได้ มานั่งได้แล้ว 9:59:59.000,9:59:59.000 มันต้องมีสติอย่างนี้ล่ะ 9:59:59.000,9:59:59.000 ขาดสติมันไม่ได้เรื่องเลย 9:59:59.000,9:59:59.000 แต่ว่าเกร็งเพราะว่าจะคุยกับหลวงพ่อ 9:59:59.000,9:59:59.000 จะส่งการบ้านเลยเกร็ง 9:59:59.000,9:59:59.000 แล้วดูออกไหมจิตมันอยู่ข้างนอก 9:59:59.000,9:59:59.000 จิตไปข้างนอก รู้ไหมตัวนี้เห็นไหม 9:59:59.000,9:59:59.000 จิตไม่เข้าฐานตัวนี้เห็นไหม 9:59:59.000,9:59:59.000 ลองหายใจซิ 9:59:59.000,9:59:59.000 หายใจอย่าไปยุ่งกับจิต หายใจธรรมดา 9:59:59.000,9:59:59.000 เห็นร่างกายหายใจด้วยใจธรรมดา 9:59:59.000,9:59:59.000 หลงคิด 9:59:59.000,9:59:59.000 หายใจไปด้วยใจธรรมดา แล้วจิตหลงคิดรู้ทัน 9:59:59.000,9:59:59.000 หายใจไปอีก มันยังไม่เข้ามา 9:59:59.000,9:59:59.000 เริ่มเข้ามาแล้ว รู้สึกไหมไม่เหมือนกัน 9:59:59.000,9:59:59.000 อ้าวเบอร์ 2 9:59:59.000,9:59:59.000 จิตต้องทรงสมาธิมันต้องอย่างนี้ 9:59:59.000,9:59:59.000 จิตไปว่างๆ อยู่ข้างนอก 9:59:59.000,9:59:59.000 นิ่งๆ อยู่ข้างนอก ใช้ไม่ได้ 9:59:59.000,9:59:59.000 มันเพลินๆ ไป 9:59:59.000,9:59:59.000 เบอร์ 2 9:59:59.000,9:59:59.000 ภาวนาในรูปแบบเดินจงกรม[br]วันละหนึ่งชั่วโมงครึ่ง 9:59:59.000,9:59:59.000 ในชีวิตประจำวันดูร่างกายที่เคลื่อนไหว 9:59:59.000,9:59:59.000 ยังหลงนาน 9:59:59.000,9:59:59.000 บางครั้งเห็นไหวๆ พุ่งที่กลางอก 9:59:59.000,9:59:59.000 ใช่การเห็นเกิดดับไหมคะ 9:59:59.000,9:59:59.000 ใช่ ที่มันไหวๆ เพราะมันไม่เที่ยง 9:59:59.000,9:59:59.000 แล้วมันไหวได้เอง รู้สึกไหม 9:59:59.000,9:59:59.000 เราไม่ได้สั่ง ดีแล้วไปทำต่อ 9:59:59.000,9:59:59.000 เบอร์ 3 9:59:59.000,9:59:59.000 ภาวนาในรูปแบบ 9:59:59.000,9:59:59.000 นั่งสมาธิทุกวัน 30 นาที ถึง 1 ชั่วโมง 9:59:59.000,9:59:59.000 ในชีวิตประจำวันเคลื่อนไหวรู้สึก 9:59:59.000,9:59:59.000 ดูร่างกายหายใจเข้าออก 9:59:59.000,9:59:59.000 หายใจเข้าพุทออกโธเป็นวิหารธรรม 9:59:59.000,9:59:59.000 อยากที่จะพ้นทุกข์ ทำให้รีบภาวนา 9:59:59.000,9:59:59.000 ความอยากทำให้ลืมทุกอย่าง 9:59:59.000,9:59:59.000 จนสุดท้ายจิตทนไม่ไหว และรู้ว่าไม่ใช่ทาง 9:59:59.000,9:59:59.000 จิตวางลงได้ขณะหนึ่ง 9:59:59.000,9:59:59.000 แต่วางได้สักพักจิตก็หยิบขึ้นมาอีก 9:59:59.000,9:59:59.000 ขอหลวงพ่อแนะนำการปฏิบัติต่อค่ะ 9:59:59.000,9:59:59.000 ก็ทำอย่างที่ทำนี่ล่ะ อาจารย์สอนมาดีแล้ว 9:59:59.000,9:59:59.000 แต่ตรงนี้จิตออกนอก รู้สึกไหม 9:59:59.000,9:59:59.000 ว่าจิตก็ยังไม่เข้าฐาน รู้สึกไหม 9:59:59.000,9:59:59.000 ทำอย่างไรมันจะเข้า 9:59:59.000,9:59:59.000 ทำไม่ได้เพราะจิตเป็นอนัตตา 9:59:59.000,9:59:59.000 ถ้าเมื่อไรเรารู้ว่าจิตมันไหล[br]มันจะเข้าฐานเอง 9:59:59.000,9:59:59.000 แล้วในความเป็นจริง 9:59:59.000,9:59:59.000 ถ้าเรามีสติรู้สภาวะที่กำลังมีกำลังเป็น 9:59:59.000,9:59:59.000 จิตจะเข้าฐานเอง 9:59:59.000,9:59:59.000 อย่างโกรธแล้วรู้ว่าโกรธ 9:59:59.000,9:59:59.000 หลงไปคิดรู้ว่าหลงไปคิด 9:59:59.000,9:59:59.000 ดูปุ๊บจิตจะเข้าที่เลย 9:59:59.000,9:59:59.000 เพราะเมื่อไรมีสัมมาสติ 9:59:59.000,9:59:59.000 รู้เท่าทันกายใจของตัวเอง 9:59:59.000,9:59:59.000 สัมมาสมาธิจะเกิดร่วมด้วยเสมอ 9:59:59.000,9:59:59.000 จิตจะตั้งมั่น ตรงนี้ไม่ใช่แล้ว 9:59:59.000,9:59:59.000 นึกออกไหมมันแน่น 9:59:59.000,9:59:59.000 ใช้ได้ เก่ง ไม่เสียชื่ออาจารย์ 9:59:59.000,9:59:59.000 เบอร์ 4 เลยกดดันมากเลย 9:59:59.000,9:59:59.000 ไม่รู้จะเสียชื่ออาจารย์ไหม เลยกดดัน 9:59:59.000,9:59:59.000 ไม่ต้องกลัว เก่ง ใช้ได้ 9:59:59.000,9:59:59.000 เบอร์ 4: ภาวนาในรูปแบบ[br]สวดมนต์นั่งสมาธิ 15 นาที 9:59:59.000,9:59:59.000 เดินจงกรม 30-45 นาที 9:59:59.000,9:59:59.000 ในชีวิตประจำวันรู้กายเคลื่อนไหว รู้ใจทำงาน 9:59:59.000,9:59:59.000 บางทีก็ดูร่างกายหายใจกับบริกรรมพุทโธ 9:59:59.000,9:59:59.000 หลวงพ่อสอนให้ใช้พุทโธเป็นเครื่องอยู่ 9:59:59.000,9:59:59.000 ในชีวิตประจำวันยังหลงนาน 9:59:59.000,9:59:59.000 ยังคงปฏิบัติในรูปแบบทุกวัน 9:59:59.000,9:59:59.000 ทำอย่างไรการภาวนาในชีวิตประจำวัน[br]จึงจะต่อเนื่องเข้มแข็งกว่านี้ค่ะ 9:59:59.000,9:59:59.000 ถ้าไม่ชอบพุทโธก็ใช้กรรมฐานอื่นก็ได้ 9:59:59.000,9:59:59.000 อันไหนก็ได้ที่เราถนัด 9:59:59.000,9:59:59.000 หลวงพ่อเรียนมาจากครูบาอาจารย์ท่านสอนพุทโธ 9:59:59.000,9:59:59.000 เวลาพูดก็เลยพุทโธอยู่เรื่อยๆ 9:59:59.000,9:59:59.000 จริงๆ ใช้อะไรก็ได้ 9:59:59.000,9:59:59.000 ถ้าจิตอยู่ในอารมณ์อันเดียว 9:59:59.000,9:59:59.000 อย่างต่อเนื่องโดยที่เราไม่ได้บังคับ 9:59:59.000,9:59:59.000 สมาธิก็เกิด 9:59:59.000,9:59:59.000 ทีนี้อารมณ์อะไรที่จิตจะอยู่[br]อย่างต่อเนื่องโดยไม่ต้องบังคับได้ 9:59:59.000,9:59:59.000 อารมณ์ที่อยู่แล้วมีความสุข 9:59:59.000,9:59:59.000 ของหนูภาวนาดีนะ 9:59:59.000,9:59:59.000 ดีมากๆ เลย ใช้ได้เลย 9:59:59.000,9:59:59.000 นี่สงสัยเป็นตัวเก่ง [br]อาจารย์เลยซ่อนไว้เบอร์ 4 9:59:59.000,9:59:59.000 เบอร์ 1 ก็เก่งนะเสียแต่ว่าเพ่งมากไป 9:59:59.000,9:59:59.000 เราจงใจปฏิบัติ เราอยากดี 9:59:59.000,9:59:59.000 อยากรู้ อยากเห็น อยากเป็น[br]อยากได้ อยากดีนี่ 9:59:59.000,9:59:59.000 ตัวนี้ถ่วงเรา 9:59:59.000,9:59:59.000 มันทำให้จิตใจเราไม่เป็นธรรมชาติ 9:59:59.000,9:59:59.000 เบอร์ 5 9:59:59.000,9:59:59.000 แป๊บหนึ่ง เบอร์ 7 [br]ไม่ต้องตั้งท่ามาก ดีอยู่แล้ว 9:59:59.000,9:59:59.000 ไม่ต้องจะตายขึ้นมานะหายใจ ไม่ได้ 9:59:59.000,9:59:59.000 ดีแล้วอยู่แล้วไม่ต้องกลัว 9:59:59.000,9:59:59.000 ดีทั้งหมดล่ะ 9:59:59.000,9:59:59.000 ทั้ง 4 คนที่เหลือใช้ได้ทั้งนั้น 9:59:59.000,9:59:59.000 ไม่ต้องกังวล 9:59:59.000,9:59:59.000 เบอร์ 5 9:59:59.000,9:59:59.000 ภาวนาในรูปแบบเดินจงกรม[br]และนั่งสมาธิวันละ 1-2 ชั่วโมง 9:59:59.000,9:59:59.000 เช้าและก่อนนอน 9:59:59.000,9:59:59.000 ใช้กายเป็นเครื่องอยู่ 9:59:59.000,9:59:59.000 ในชีวิตประจำวันดูกายและจิตที่เปลี่ยนแปลง 9:59:59.000,9:59:59.000 ยังชอบบังคับแทรกแซง 9:59:59.000,9:59:59.000 เห็นว่าโลกไม่มีอะไรให้ยึด แต่ก็หนีไปไม่ได้ 9:59:59.000,9:59:59.000 ขอหลวงปู่ชี้แนะแนวทางครับ 9:59:59.000,9:59:59.000 ที่ฝึกอยู่ใช้ได้ ดีแล้วล่ะ ทำอีก 9:59:59.000,9:59:59.000 ส่วนที่เห็นว่าโลกไม่มีอะไรไม่น่ายึด 9:59:59.000,9:59:59.000 อันนั้นยังไม่จริง 9:59:59.000,9:59:59.000 มันก็ยังแอบยึดอยู่เรื่อยๆ แอบอยากอยู่ 9:59:59.000,9:59:59.000 เรียนรู้ไปจนกระทั่งมันเห็นทุกข์ถ่องแท้แล้ว 9:59:59.000,9:59:59.000 มันก็ไม่เอาแล้ว 9:59:59.000,9:59:59.000 โลกไม่มีอะไรจริงๆ 9:59:59.000,9:59:59.000 โลกก็เอาไว้หลอกคนหลงเท่านั้น 9:59:59.000,9:59:59.000 เก่ง แต่ตอนนี้จิตออกนอก 9:59:59.000,9:59:59.000 เบอร์ 6 9:59:59.000,9:59:59.000 ภาวนาในรูปแบบนั่งสมาธิวันละ 1 ชั่วโมง 9:59:59.000,9:59:59.000 โดยใจอยู่กับลมหายใจเข้าออก 9:59:59.000,9:59:59.000 ในชีวิตประจำวันอยู่กับลมหายใจเข้าออก 9:59:59.000,9:59:59.000 มีสติเวลานั่งยืนเดิน 9:59:59.000,9:59:59.000 สังเกตตัวเองได้ว่าชอบความสงบ 9:59:59.000,9:59:59.000 หลังๆ เวลาเข้าสมาธิ 9:59:59.000,9:59:59.000 ใจไม่อยากออกจากความสงบ 9:59:59.000,9:59:59.000 มีราคะ มีเมตตา มีจิตฟุ้งซ่าน 9:59:59.000,9:59:59.000 มาเจือปนตลอดเวลา แต่บังคับไม่ได้ 9:59:59.000,9:59:59.000 เพียงแต่รับรู้ไป 9:59:59.000,9:59:59.000 แต่ละตัวที่กล่าวมาดับไปบังคับไม่ได้ 9:59:59.000,9:59:59.000 รู้สึกว่าสมาธิมีคุณภาพ 9:59:59.000,9:59:59.000 เนื่องจากมันสงบโดยที่ใจไม่ได้บังคับ 9:59:59.000,9:59:59.000 แบบนี้ถูกหรือไม่ครับ 9:59:59.000,9:59:59.000 สมาธิดีแล้ว 9:59:59.000,9:59:59.000 แต่ว่าจะต้องเจริญปัญญา 9:59:59.000,9:59:59.000 สมาธิเอาไว้เจริญปัญญา ไม่ได้เอาไว้นอนเล่น 9:59:59.000,9:59:59.000 ถ้าใจเราชอบ 9:59:59.000,9:59:59.000 ให้รู้ลงไปตรงๆ เลยว่าใจเราชอบสมาธิอันนี้ 9:59:59.000,9:59:59.000 ดูเข้าไปแล้วเวลาเดินปัญญามัน[br]ไม่สงบเหมือนตอนทำสมาธิหรอก 9:59:59.000,9:59:59.000 คือเวลาที่เจริญปัญญาจิตมันจะทำงานขึ้นมา 9:59:59.000,9:59:59.000 คล้ายๆ ฟุ้งซ่าน 9:59:59.000,9:59:59.000 เพียงแต่มีสติกำกับอยู่ 9:59:59.000,9:59:59.000 ทีนี้คนที่ติดสมาธิพอใจในความสงบ 9:59:59.000,9:59:59.000 จะไม่ยอมเดินปัญญา 9:59:59.000,9:59:59.000 ก็เสียโอกาส คล้ายๆ 9:59:59.000,9:59:59.000 อยากได้ของดีมากๆ เลย 9:59:59.000,9:59:59.000 เราไปได้ของระดับรองแล้วเราพอใจแล้ว 9:59:59.000,9:59:59.000 ทำสมาธิให้หลวงพ่อดูสิ 9:59:59.000,9:59:59.000 ตรงนี้สังเกตเห็นไหมว่าจิตเรา[br]เคลื่อนไปอยู่ที่อารมณ์กรรมฐาน 9:59:59.000,9:59:59.000 มองออกไหม ให้รู้ทันตัวนี้ 9:59:59.000,9:59:59.000 แล้วเราเดินปัญญาในสมาธิได้ 9:59:59.000,9:59:59.000 ชอบสมาธิก็เดินปัญญาในสมาธินี่ล่ะ 9:59:59.000,9:59:59.000 ใครจะมาทำไม 9:59:59.000,9:59:59.000 ทำใหม่ซิ 9:59:59.000,9:59:59.000 ไม่ต้องตั้งใจแรง ตรงนี้ตั้งใจแรงไป 9:59:59.000,9:59:59.000 ผ่อนคลายกว่านี้ จงใจแรงไปแล้ว 9:59:59.000,9:59:59.000 ธรรมดาๆ 9:59:59.000,9:59:59.000 ถอยออกมา 9:59:59.000,9:59:59.000 มันไม่ได้อย่างเมื่อกี้ รู้สึกไหม 9:59:59.000,9:59:59.000 เวลาที่จิตเดินปัญญามันไม่สงบเฉยๆ หรอก 9:59:59.000,9:59:59.000 เมื่อกี้จิตมัน 9:59:59.000,9:59:59.000 หลวงพ่อกระตุ้นให้มันเดินปัญญา 9:59:59.000,9:59:59.000 ที่มันไหลไปที่อารมณ์กรรมฐาน พอเรารู้ทัน 9:59:59.000,9:59:59.000 จิตก็ตั้งมั่นขึ้นมา 9:59:59.000,9:59:59.000 คราวนี้มันจะออกไปคอยรู้แล้ว 9:59:59.000,9:59:59.000 มันก็เลยส่ายไปส่ายมาอยู่ข้างใน 9:59:59.000,9:59:59.000 ถ้ามันส่ายๆ อย่างนี้ 9:59:59.000,9:59:59.000 กลับมาทำความสงบเหมือนเดิม 9:59:59.000,9:59:59.000 ให้สงบแน่วแน่ลงไป 9:59:59.000,9:59:59.000 แล้วคลายออก 9:59:59.000,9:59:59.000 แล้วดูการทำงานของจิตใจไป 9:59:59.000,9:59:59.000 เราจะเห็นจิตเราไหลไปอยู่ที่อารมณ์กรรมฐาน 9:59:59.000,9:59:59.000 ให้รู้ทันเอา 9:59:59.000,9:59:59.000 ตอนนี้จิตไหลไปอยู่ในความคิด รู้สึกไหม 9:59:59.000,9:59:59.000 รู้ทันอย่างนี้ 9:59:59.000,9:59:59.000 เพราะฉะนั้นอยู่ในสมาธิเราก็เจริญปัญญาได้ 9:59:59.000,9:59:59.000 ออกมาข้างนอกก็ดูได้ 9:59:59.000,9:59:59.000 เพราะว่าเราสามารถเห็นจิตมันไหลไปคิด 9:59:59.000,9:59:59.000 นี่เจริญสติในชีวิตประจำวัน 9:59:59.000,9:59:59.000 ฉะนั้นตอนนั่งสมาธิแล้ว[br]เราเห็นจิตไหลไปอยู่ที่ลมหายใจ 9:59:59.000,9:59:59.000 อันนี้เราเดินปัญญาอยู่ภายใน 9:59:59.000,9:59:59.000 เราเห็นจิตเป็นอนัตตา ไหลไปได้เอง 9:59:59.000,9:59:59.000 ออกมาข้างนอกเราเห็นจิตมันไหลไปคิดได้เอง 9:59:59.000,9:59:59.000 เพราะฉะนั้นฝึกให้มันเดินปัญญาต่อให้ได้ 9:59:59.000,9:59:59.000 แต่อย่าให้เสียสมาธิ มีสมาธิดีแล้วล่ะ 9:59:59.000,9:59:59.000 เบอร์ 7 9:59:59.000,9:59:59.000 ภาวนาในรูปแบบโดยการดูการเคลื่อนไหว 9:59:59.000,9:59:59.000 ชอบนั่งสมาธิเพราะเบาสบาย 9:59:59.000,9:59:59.000 กลัวติดเลยไม่นั่ง 9:59:59.000,9:59:59.000 ในชีวิตประจำวันดูการเคลื่อนไหว 9:59:59.000,9:59:59.000 แต่ดูได้ไม่ตลอด 9:59:59.000,9:59:59.000 รู้สึกว่าสติไม่สามารถต่อเนื่องได้ 9:59:59.000,9:59:59.000 ดูการเคลื่อนไหวที่ทำอยู่ถูกต้องไหมคะ 9:59:59.000,9:59:59.000 จงใจหายใจรู้ไหม 9:59:59.000,9:59:59.000 รู้ทันนะ 9:59:59.000,9:59:59.000 เราดูกายอย่างที่มันเป็น ไม่ต้องจงใจ 9:59:59.000,9:59:59.000 ที่ฝึกอยู่ดีนะ 9:59:59.000,9:59:59.000 ไปทำได้แล้ว ทำต่อไป ทำถูกแล้ว 9:59:59.000,9:59:59.000 อ้าวคนสุดท้าย พักเสียหน่อยดีไหม 9:59:59.000,9:59:59.000 อ้าวๆ ส่งเลยก็แล้วกัน 9:59:59.000,9:59:59.000 เบอร์ 8: ภาวนาในรูปแบบ 9:59:59.000,9:59:59.000 สวดมนต์ครึ่งชั่วโมง นั่งสมาธิครึ่งชั่วโมง 9:59:59.000,9:59:59.000 ดูร่างกายหายใจ 9:59:59.000,9:59:59.000 จิตเกิดความสว่าง มีจิตรู้ ใ 9:59:59.000,9:59:59.000 นชีวิตประจำวันดูร่างกายเคลื่อนไหว 9:59:59.000,9:59:59.000 จิตโกรธก็รู้ จิตโมโหรู้ หลงรู้ 9:59:59.000,9:59:59.000 มีความอยากก็รู้ บางครั้งก็ลืมตัว 9:59:59.000,9:59:59.000 จิตเข้าถึงฐานและ[br]แยกธาตุแยกขันธ์ได้หรือยังคะ 9:59:59.000,9:59:59.000 ได้ แต่เบอร์ 8 9:59:59.000,9:59:59.000 ยังชินที่จะบังคับจิตให้นิ่งอยู่ 9:59:59.000,9:59:59.000 ไม่ต้องน้อมให้มันนิ่ง 9:59:59.000,9:59:59.000 ทำสมาธิก็ทำไป 9:59:59.000,9:59:59.000 เวลามันจะนิ่งมันก็นิ่งของมันเอง 9:59:59.000,9:59:59.000 อย่าพยายามทำมันให้นิ่ง 9:59:59.000,9:59:59.000 ใจมันจะทื่อๆ ไป 9:59:59.000,9:59:59.000 มันจะแน่นๆ รู้สึกไหมมันจะแน่นๆ 9:59:59.000,9:59:59.000 ที่แน่นๆ เพราะเราจงใจ 9:59:59.000,9:59:59.000 ฉะนั้นเรานั่งสมาธิอะไรก็ทำไปเถอะ 9:59:59.000,9:59:59.000 สงบก็ช่างไม่สงบก็ช่าง ทำไปเถอะ 9:59:59.000,9:59:59.000 แล้วมันสงบเอง อันนั้นถึงจะดี 9:59:59.000,9:59:59.000 นี่เริ่มบังคับแล้วรู้สึกไหม ตรงจุดนี้ 9:59:59.000,9:59:59.000 ให้รู้ทันตรงนี้ 9:59:59.000,9:59:59.000 ตัวนี้ที่ทำให้เสียเวลา 9:59:59.000,9:59:59.000 กลายเป็นว่าเราน้อมจิต[br]บังคับจิตให้มันไปนิ่งๆ อยู่เฉยๆ 9:59:59.000,9:59:59.000 ทำสมาธิไป 9:59:59.000,9:59:59.000 แล้วจิตเป็นอย่างไร แอบไปทำอะไร เรารู้ทัน 9:59:59.000,9:59:59.000 ตรงนี้สติอ่อนลงไปแล้ว โมหะแทรก 9:59:59.000,9:59:59.000 ให้รู้ทัน 9:59:59.000,9:59:59.000 เออ รู้สึกตัวให้แรงขึ้นนิดหนึ่ง 9:59:59.000,9:59:59.000 รู้ไประดับนี้ 9:59:59.000,9:59:59.000 แล้วคอยดูไปเรื่อยๆ 9:59:59.000,9:59:59.000 เกิดความเปลี่ยนแปลง[br]อะไรขึ้นที่จิตก็คอยรู้ทันไป 9:59:59.000,9:59:59.000 แล้วออกจากสมาธิให้พิจารณาร่างกายไปเลย 9:59:59.000,9:59:59.000 ผมขนเล็บฟันหนังเนื้อเอ็นกระดูก 9:59:59.000,9:59:59.000 เป็นปฏิกูล เป็นอสุภ 9:59:59.000,9:59:59.000 ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา 9:59:59.000,9:59:59.000 ออกจากสมาธิมาพิจารณาตัวนี้เลย 9:59:59.000,9:59:59.000 วันนี้เอาเท่านี้ก็แล้วกัน 10 โมงพอดี 9:59:59.000,9:59:59.000 ของท่านอาจารย์ติดสมาธิ 9:59:59.000,9:59:59.000 ไปน้อมจิตให้มันนิ่งๆ เฉยๆ 9:59:59.000,9:59:59.000 คลายออกให้มันทำงาน 9:59:59.000,9:59:59.000 รู้สึกร่างกายไป 9:59:59.000,9:59:59.000 อาศัยร่างกายเป็นวิหารธรรม 9:59:59.000,9:59:59.000 ขยับเขยื้อนไป 9:59:59.000,9:59:59.000 กวาดวัดทำอะไรต่ออะไรไป 9:59:59.000,9:59:59.000 เห็นร่างกายมันทำงานใจเราเป็นคนดู 9:59:59.000,9:59:59.000 ดูอย่างนี้เรื่อยๆ 9:59:59.000,9:59:59.000 ไม่อย่างนั้นมันจะไม่พัฒนา จะเฉยๆ 9:59:59.000,9:59:59.000 กี่ปีมันก็อยู่อย่างนั้นล่ะ 9:59:59.000,9:59:59.000 เพราะมันติดสมาธิเฉยๆ