1 00:00:07,997 --> 00:00:12,231 สาวกคอเพลงแนว "atmospheric post-punk music" 2 00:00:12,231 --> 00:00:15,610 มีสิ่งใดที่เหมือนกับชาวบาบาเรียนโบราณกันนะ 3 00:00:15,610 --> 00:00:16,792 ก็ไม่มีอะไรมากนี่นา 4 00:00:16,792 --> 00:00:20,211 แล้วทำไมทั้งสองฝ่าย จึงได้ชื่อว่าเป็นพวก"กอธ (Goth)" ล่ะ 5 00:00:20,211 --> 00:00:21,502 นี่มันเป็นความบังเอิญสุดแปลก 6 00:00:21,502 --> 00:00:26,101 หรือเป็นความสัมพันธ์อันลึกซึ้ง ที่ข้ามผ่านกาลเวลานับร้อยปีกันแน่ 7 00:00:26,101 --> 00:00:28,773 เรื่องราวนี้เริ่มต้นในกรุงโรมโบราณ 8 00:00:28,773 --> 00:00:32,741 ขณะที่จักรวรรดิโรมันขยายแสนยานุภาพ ก็ต้องผจญกับการซุ่มโจมตีและการรุกราน 9 00:00:32,741 --> 00:00:36,862 จากชนเผ่ากึ่งร่อนเร่ (semi-nomadic) ตามแนวแถบชายแดน 10 00:00:36,862 --> 00:00:41,649 ในบรรดากลุ่มที่ทรงอิทธิพลมากที่สุด ก็คือ กลุ่มชนเชื้อสายเจอร์มานิคที่ชื่อว่า พวกกอธ 11 00:00:41,649 --> 00:00:43,930 เป็นกลุ่มชนที่ประกอบไปด้วย 2 ชนเผ่า 12 00:00:43,930 --> 00:00:45,165 คือ "วิสิกอธ (Visigoths)" 13 00:00:45,165 --> 00:00:47,153 และ "ออสโตรกอธ (Ostrogoths)" 14 00:00:47,153 --> 00:00:50,303 ขณะที่บางกลุ่มในกลุ่มชนเชื้อสายเจอร์มานิค ยังคงตั้งตนเป็นศัตรูต่อกรุงโรม 15 00:00:50,303 --> 00:00:55,563 จักรวรรดิก็รวบรวมกลุ่มชนอื่น ๆ ให้เข้าร่วมกองทัพหลวง 16 00:00:55,563 --> 00:00:57,862 เมื่อจักรวรรดิโรมันแตกออกเป็นสองฝ่าย 17 00:00:57,862 --> 00:01:01,613 กองกำลังกลุ่มชนเหล่านี้ กลับมีบทบาทสำคัญกว่าในการป้องกัน 18 00:01:01,613 --> 00:01:04,438 และการต่อสู้แย่งชิงอำนาจภายใน 19 00:01:04,438 --> 00:01:08,924 ในศตวรรษที่ 5 การก่อกบฏทหารรับจ้าง นำโดยทหารนายหนึ่งนาม "โอโดเอเซอร์" 20 00:01:08,924 --> 00:01:13,034 ได้เข้าบุกยึดกรุงโรม และถอดพระอิสริยยศของจักรพรรดิโรมันตะวันตก 21 00:01:13,034 --> 00:01:15,753 โอโดเอเซอร์ และ "ธีโอเดริค" รัชทายาทแห่งออสโตรกอธ 22 00:01:15,753 --> 00:01:19,494 ซึ่งในทางปฏิบัติแล้ว ยังคงอยู่ภายใต้ ร่มบัญชาการของจักรพรรดิโรมันตะวันออก 23 00:01:19,494 --> 00:01:22,194 และสืบสานขนบธรรมเนียมประเพณีโรมัน 24 00:01:22,194 --> 00:01:26,204 ทว่า จักรวรรดิโรมันตะวันตก จะไม่มีวันได้รวมกันเป็นปึกแผ่นอีกต่อไป 25 00:01:26,204 --> 00:01:29,363 อธิปไตยของจักรวรรดิแตกออกเป็น อาณาจักรที่ถูกปกครองโดยชาวกอธ 26 00:01:29,363 --> 00:01:31,264 และกลุ่มชนเชื้อสายเจอร์มานิคอื่น ๆ 27 00:01:31,264 --> 00:01:34,004 ที่ถูกกลืนเข้ากับวัฒนธรรมท้องถิ่นไป 28 00:01:34,004 --> 00:01:38,177 แม้นว่าหลายนามของกลุ่มชนเหล่านั้น จะยังคงจารึกอยู่ในแผนที่ก็ตาม 29 00:01:38,177 --> 00:01:40,638 ทว่านี่คือจุดจบของยุคคลาสสิก 30 00:01:40,638 --> 00:01:43,775 และเป็นจุดเริ่มต้น ที่ใครหลายคนขนานนามว่า ยุคมืด 31 00:01:43,775 --> 00:01:46,524 ถึงแม้ว่าวัฒนธรรมโรมัน จะไม่เคยจางหายไปโดยสิ้นเชิง 32 00:01:46,524 --> 00:01:50,554 แต่อิทธิพลก็อ่อนกำลังลงไป และศิลปะรูปแบบใหม่ก็ถือกำเนิดขึ้น 33 00:01:50,554 --> 00:01:53,705 โดยมุ่งหมายให้เป็นสัญลักษณ์ และตัวแทนทางศาสนา 34 00:01:53,705 --> 00:01:56,605 มากกว่าจะเน้นด้านสัดส่วน หรือศิลปะสัจนิยม (realism) 35 00:01:56,605 --> 00:01:58,805 การเปลี่ยนแปลงนี้ขยับขยายไปเป็นสถาปัตยกรรม 36 00:01:58,805 --> 00:02:04,487 จากการก่อสร้างวิหารแซ็ง เดอนี ที่ฝรั่งเศส เมื่อ ค.ศ. 1137 37 00:02:04,487 --> 00:02:07,846 ด้วยหลังคาทรงโค้งแหลม, ครีบยันลอย, และหน้าต่างบานใหญ่ 38 00:02:07,846 --> 00:02:11,456 ทำให้มีโครงสร้างแลดูเพรียวบาง และตกแต่งอย่างวิจิตรงดงามยิ่งขึ้น 39 00:02:11,456 --> 00:02:14,205 สิ่งนี้เน้นให้เห็นถึงโครงสร้างภายในตัวอาคาร ที่เปิดโล่งและระยิบระยับจับตา 40 00:02:14,205 --> 00:02:19,912 มากกว่าจะเป็นกำแพงสูงตระหง่าน และแนวเสาของสิ่งก่อสร้างยุคคลาสสิก 41 00:02:19,912 --> 00:02:21,336 เมื่อสองสามร้อยปีถัดมา 42 00:02:21,336 --> 00:02:25,156 มันได้กลายเป็นต้นแบบของมหาวิหารไปทั่วยุโรป 43 00:02:25,156 --> 00:02:26,496 แต่ความนิยมตามยุคสมัยนั้นเปลี่ยนไป 44 00:02:26,496 --> 00:02:31,437 ครั้นสมัยฟื้นฟูศิลปวิทยาแห่งอิตาลี ด้วยความชื่นชมในศิลปะกรีก-โรมันโบราณ 45 00:02:31,437 --> 00:02:36,986 รูปแบบสถาปัตยกรรมที่แล้วมาก็ยิ่งดูจืดชืด และเทียบกันไม่ติด 46 00:02:36,986 --> 00:02:40,116 จากงานเขียนในปี ค.ศ. 1550 ที่มีชื่อว่า "ชีวประวัติบรรดาศิลปิน" 47 00:02:40,116 --> 00:02:45,127 จอร์จิโอ วาซารี เป็นคนแรกที่เรียกรูปแบบ สถาปัตยกรรมดังกล่าวว่า "กอธิก (Gothic)" 48 00:02:45,127 --> 00:02:47,526 โดยเป็นการกล่าวถึงชาวบาบาเรียน ในเชิงดูหมิ่น 49 00:02:47,526 --> 00:02:50,847 ซึ่งถูกมองว่า เป็นตัวบ่อนทำลายอารยธรรมยุคคลาสสิก 50 00:02:50,847 --> 00:02:55,397 ชื่อดังกล่าวเป็นที่จดจำขึ้นใจ จนพัฒนา มาเป็นคำที่ใช้พูดถึงยุคกลางโดยทั่วกัน 51 00:02:55,397 --> 00:03:01,317 จากความเกี่ยวข้องกับความมืดมน ความเชื่อในสิ่งลี้ลับ และความงมงาย 52 00:03:01,317 --> 00:03:05,849 แต่เมื่อกาลเวลาผ่านไป เฉกเช่นสิ่งที่เห็นต้องกันว่ามีความล้ำสมัย 53 00:03:05,849 --> 00:03:09,248 ทศวรรษที่ 1700 ช่วงเวลาที่ขนานนามว่า "ยุคเรืองปัญญา" ก็เริ่มต้นขึ้น 54 00:03:09,248 --> 00:03:13,357 ซึ่งให้คุณค่าแก่เหตุผลทางวิทยาศาสตร์ เหนือสิ่งอื่นใด 55 00:03:13,357 --> 00:03:17,169 เพื่อเป็นการตอบโต้ นักประพันธ์สังกัด กลุ่มโรแมนติก เช่น เกอเธ่ และไบรอน 56 00:03:17,169 --> 00:03:21,068 ได้จรรโลงภาพอุดมคติที่สื่อให้เห็นถึง ภาพทิวทัศน์ธรรมชาติในอดีต 57 00:03:21,068 --> 00:03:24,227 และพลังอำนาจทางจิตวิญญาณอันลี้ลับ 58 00:03:24,227 --> 00:03:27,588 ณ จุดนี้ คำว่า "กอธิก" ก็ถูกเปลี่ยนจุดประสงค์ไปจากเดิมอีกครั้ง 59 00:03:27,588 --> 00:03:33,388 มาเป็นใช้บรรยายถึงประเภทของวรรณคดี ที่ส่อให้เห็นด้านมืดของกลุ่มโรแมนติก 60 00:03:33,388 --> 00:03:35,906 คำศัพท์ได้ถูกนำมาประยุกต์เป็นครั้งแรก โดยฮอเรส วัลโปล (Horace Walpole) 61 00:03:35,906 --> 00:03:40,429 ในนวนิยายแห่งปี ค.ศ. 1764 ชื่อ "ปราสาทแห่งออตรันโต" 62 00:03:40,429 --> 00:03:44,048 เป็นคำที่กล่าวถึงโครงเรื่อง และบรรยากาศองค์รวม 63 00:03:44,048 --> 00:03:47,148 หลากหลายองค์ประกอบของนวนิยาย ได้กลายมาเป็นประเภทพื้นฐาน 64 00:03:47,148 --> 00:03:51,558 ที่จุดประกายฝันให้กลุ่มคลาสสิก และภาพยนตร์ที่พวกเขาฟูมฟักมานับไม่ถ้วน 65 00:03:51,558 --> 00:03:56,831 สัญลักษณ์กอธิกได้ปรากฏอยู่ ในวรรณกรรมและภาพยนตร์จนถึงยุค 1970 66 00:03:56,831 --> 00:03:59,678 เมื่อฉากเพลงอันเป็นสิ่งใหม่เข้ามามีบทบาท 67 00:03:59,678 --> 00:04:03,400 จึงทำตามแบบอย่างของศิลปินเช่น "เดอะดอร์ส" และ "เดอะเวลวิทอันเดอร์กราวน์" 68 00:04:03,400 --> 00:04:04,679 วงโพสต์พังก์สัญชาติอังกฤษ 69 00:04:04,679 --> 00:04:05,868 อาทิ จอย ดิวิชัน 70 00:04:05,868 --> 00:04:06,739 บาวเฮาส์ 71 00:04:06,739 --> 00:04:07,750 และ เดอะ เคียวร์ 72 00:04:07,750 --> 00:04:10,419 ผสมผสานเนื้อเพลงอันหดหู่เข้ากับ เสียงประสานที่ขัดกันของพังก์ 73 00:04:10,419 --> 00:04:13,599 ด้วยจินตนาการที่ได้รับแรงบันดาลใจ จากยุคสมัยวิกตอเรีย 74 00:04:13,599 --> 00:04:14,720 วรรณกรรมสยองขวัญยุคคลาสสิก, 75 00:04:14,720 --> 00:04:17,949 และแฟชันแกลม (glam) ที่แต่งโฉมอย่างไม่แบ่งหญิงแบ่งชาย 76 00:04:17,949 --> 00:04:21,599 ครั้นถึงยุค 1980 ตอนต้น วงดนตรีที่เหมือนกัน ก็ได้รับกล่าวขาน 77 00:04:21,599 --> 00:04:24,471 จากสื่อสำนักสายดนตรีมาอย่างต่อเนื่อง ว่า "กอธิกร็อก" 78 00:04:24,471 --> 00:04:28,089 และความนิยมชมชอบในสไตล์ ก็ทำให้มีชมรมขอบตาดำเกิดขึ้นมา 79 00:04:28,089 --> 00:04:31,130 ให้เป็นสัญลักษณ์หลักและเอ็มทีวี 80 00:04:31,130 --> 00:04:35,671 และทุกวันนี้ นอกจากความสนใจแง่ลบ ของสื่อนาน ๆ ครั้ง และการเหมารวมแล้ว 81 00:04:35,671 --> 00:04:40,849 ดนตรีและแฟชันกอธิกยังคงเป็น ปรากฏการณ์ใต้ดินอันแข็งแกร่งเรื่อยมา 82 00:04:40,849 --> 00:04:42,710 และยังแตกแขนงออกเป็นแนวย่อย ๆ อีก 83 00:04:42,710 --> 00:04:44,081 อย่างเช่น ไซเบอร์กอธ 84 00:04:44,081 --> 00:04:45,077 กอธาบิลลี 85 00:04:45,077 --> 00:04:46,138 กอธิก เมทัล 86 00:04:46,138 --> 00:04:48,796 หรือแม้แต่สตีมพังก์ 87 00:04:48,796 --> 00:04:51,051 ประวัติศาสตร์ของคำว่า กอธิก ได้ถูกจารึกถึง 88 00:04:51,051 --> 00:04:54,744 คุณค่าแห่งขบวนการปฏิปักษ์วัฒนธรรมดั้งเดิม มาเป็นพัน ๆ ปี 89 00:04:54,744 --> 00:04:57,620 นับจากคนนอกผู้รุกรานที่ก้าวขึ้นมาเป็นกษัตริย์ 90 00:04:57,620 --> 00:05:01,083 ไปสู่ยอดแหลมสูงเสียดฟ้ามาแทนที่เสาแข็งทื่อ 91 00:05:01,083 --> 00:05:04,524 ไปสู่ศิลปินผู้ค้นพบความงดงามในความมืดมน 92 00:05:04,524 --> 00:05:07,222 ในทุกย่างก้าวจะเห็นความเปลี่ยนแปลงขนานใหญ่ ที่ไม่ค่อยจะใช่สักเท่าไร 93 00:05:07,222 --> 00:05:13,011 และแนวโน้มของอารยธรรม ที่จะสัมผัสอดีตเพื่อพลิกโฉมหน้าใหม่ให้ปัจจุบัน