รู้กันไหมคะว่า โจทย์เลขโจทย์นี้ตอบเท่าไหร่ 0, 26 หรือว่า 30 กันแน่ สวัสดีค่ะ วิวจากแชนเนล Point of View ค่ะ กลับมาพบกันอีกครั้งนะคะ ในรายการ #วิวเอ๋ยบอกข้าเถิด ค่ะ รายการที่วิวจะนำเอาคำถามที่น่าสนใจที่ทุกคนถามเข้ามานะคะ ผ่านแฮชแท็ก #วิวเอ๋ยบอกข้าเถิด มาตอบให้ทุกคนฟังค่ะ ซึ่งบอกเลยนะคะว่า Ep. นี้พิเศษมาก ๆ ค่ะ เพราะว่ามันมีคำถามที่น่าสนใจมากมายเข้ามาเต็มไปหมดเลยค่ะ จนวิวรู้สึกว่า เฮ้ย ถ้าสมมติว่าเราหยิบมาแค่คำถามเดียวนะ แล้วก็มาตอบ 1 คำถาม ต่อ 1 วิดีโอ เนี่ย เราจะมีวิวเอ๋ยบอกข้าเถิดไปเรื่อย ๆ ทุกสัปดาห์ ไม่มีสิ้นไม่มีสุดเลยค่ะ และที่สำคัญ เราจะต้องทิ้งคำถาม ที่น่าสนใจไปเยอะมากเลยทีเดียว รวมถึงคำถามบางคำถามนะคะ ก็น่าตอบเหมือนกัน แต่ว่าคำตอบเนี่ยมันอาจจะสั้นเกินไป จนมันไม่เหมาะจะมาเป็นวิดีโอ 1 วิดีโอนะคะ ไม่งั้นทุกคนก็จะมาบ่นกันว่า ทำไมวิดีโอนี้สั้นจังเลยคะ อะไรอย่างนี้นะ ดังนั้นวันนี้วิวแพ็ครวมมาเรียบร้อยแล้วนะคะ สำหรับคำถามที่ทุกคนถามเข้ามา แล้วก็ไปค้นหาคำตอบอะไรต่าง ๆ มาให้ทุกคนเรียบร้อยแล้วค่ะ สำหรับตอนนี้พร้อมจะไปฟังคำตอบที่ทั้งสนุก แล้วก็ได้สาระกันรึยังคะ ถ้าพร้อมกันแล้วก็ไปฟังกันเลยค่ะ คำถามแรกนะคะ เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับชื่อสถานที่ค่ะ แน่นอนว่าช่วงนี้เราทำเรื่องราว เกี่ยวกับชื่อสถานที่กันค่อนข้างเยอะเนอะ ดังนั้น คำถามที่เกี่ยวกับสถานที่ก็จะเข้ามาเยอะมาก ๆ เลยค่ะ คำถามแรกนะคะ มาจากคุณปลื้มค่ะ ที่ไม่ได้หมายถึงพี่ปลื้มแน่นอนนะ เขาถามมาว่า "เส้นทางสายไหม มีสายไหมให้กินไหม #วิวเอ๋ยบอกข้าเถิด" เอาจริง ๆ นะ ตอนเห็นคำถามเนี้ย คำตอบแรกที่แว่บขึ้นมาในหัววิวนะคะก็คือ ไม่มีค่ะ เพราะว่าเส้นทางสายไหมคืออะไร เส้นทางสายไหม คือ เส้นทางการค้าใช่ไหมคะ ที่เชื่อมหาตั้งแต่ประเทศจีน ไล่ไปจนถึงตอนเหนือของอินเดีย อะไรต่าง ๆ ไปทะลุเข้าที่ยุโรปทางแถว ๆ เมดิเตอร์เรเนียนค่ะ ซึ่งชื่อจริง ๆ ของเส้นทางสายไหมเนี่ย มันไม่ใช่เส้นทางสายไหมแบบ cotton candy นะคะ แต่มันหมายถึง Silk road หรือว่าเส้นทางสายผ้าไหมนั่นเองค่ะ คือเป็นช่องทางที่คนจีนเนี่ย เอาผ้าไหมของจีนไปขายที่ยุโรปนะคะ แล้วจริง ๆ เส้นทางนี้ก็มีชื่อเล่นอีกหลากหลายเลยทีเดียวนะคะ ไม่ว่าจะเป็น เส้นทางสายหยก เส้นทางสายอะไร โอ้โห เต็มไปหมดเลยค่ะ แต่อย่างไรก็ตาม สุดท้ายเขาก็ตกลงกันได้นะคะว่า เส้นทางนี้จะเรียกว่า Silk road หรือว่าเส้นทางสายไหมนั่นเอง ดังนั้น ในเมื่อเส้นทางสายไหมในชื่อ ไม่ได้หมายถึง cotton candy แปลว่าตรงเส้นทางสายไหมเนี่ย ก็ไม่มี cotton candy หรือว่าสายไหมขายค่ะ แต่ เอาจริง ๆ สมัยนี้ อะไรก็เกิดขึ้นได้ บริเวณเส้นทางสายไหมปัจจุบัน อาจจะมีคนเอา cotton candy ไปขาย ก็เป็นได้นะคะ ดังนั้น คำตอบของข้อนี้ก็คือ ไม่รู้เหมือนกันค่ะ ก็ต้องไปลองสำรวจกันดูนะคะ ว่ามีใครเอาไปขายไหม แต่ถ้าถามถึงชื่อของเส้นทางสายไหมแล้ว ก็ต้องบอกว่าเกี่ยวข้องกับผ้าไหม ไม่ใช่ cotton candy ค่ะ อะ คำถามแรกน่าสนใจไปแล้วเนอะ เรามาดูที่คำถามถัดไปกันค่ะ คำถามถัดไปนะคะ โอ้โห ชื่อคนถามเล่นเอางงเลยนะ แต่คำถามน่าสนใจ ดังนั้นอ่านต่อค่ะ คำถามนี้มาจากคุณ สับสน อิหยังวะ น่ะ ดูชื่อเค้านะคะ เค้าถามมาว่า "ถนนข้าวสารทำไมต้องชื่อข้าวสาร #วิวเอ๋ยบอกข้าเถิด" นี่ อันนี้ตอบง่าย ๆ เลย เพราะว่าถนนข้าวสารเนี่ย สมัยก่อนมันไม่ใช่ถนนแบบสายเที่ยว สายที่มีชาวต่างชาติเมาเละอะไรอย่างงี้แบบปัจจุบันนะ แต่ถนนข้าวสารเนี่ย เคยเป็นแหล่งค้าข้าวสาร ที่ใหญ่ที่สุดในกรุงเทพมหานครค่ะ ก็คือ ถ้าใครอยากจะไปซื้อข้าวสาร ก็ต้องไปที่ถนนข้าวสารนี่แหละ ตรงตามชื่อเลยนะคะ คำถามนี้ตอบง่ายมากเลยทีเดียวค่ะ ปะ อย่างรวดเร็ว ไปที่คำถามที่ 3 ค่ะ คำถามที่ 3 นะคะ มาจากคุณ nisaratt ค่ะ เขาถามมาว่า "#วิวเอ๋ยบอกข้าเถิด นิพพานไปไหนคะ ไปอยู่ยังไง" อู้หู เป็นคำถามที่ลึกซึ้งนะคะ เป็นคำถามที่พระพยายามจะตอบคำถามนี้กันมานาน เป็นคำถามที่ชาวพุทธจะต้องพยายามไป เพราะนี่คือจุดมุ่งหมายสูงสุดของศาสนาพุทธใช่ไหม คือการนิพพาน ซึ่งเอาจริง ๆ ส่วนตัววิวเนี่ย ก็ไม่ได้ลึกซึ้งด้านศาสนาพุทธขนาดนั้นที่จะมาตอบคำถามนี้ แต่เอาตามความเข้าใจของวิว แล้วก็เอาตามหลักวิชาการ ที่อ่านหนังสือศาสนาต่าง ๆ มามากมายนะคะ นิพพาน ก็คือ ความสูญ ความสิ้น ความ แบบ ว่างเปล่า ความไม่มีอะไรเลย คือ ดับอะ คือแบบ ไม่มี ไม่มีอีกแล้ว ประมาณนั้นนะคะ ดังนั้น ถ้าเราจะบอกว่านิพพานหน้าตาเป็นยังไง นิพพานไปอยู่ยังไง ไม่อยู่ค่ะ คือการนิพพานก็คือการแบบ [ดีดนิ้ว] แล้วหายไปอะนะ ดังนั้น มันก็ ไม่มี ไม่ต้องไปอยู่ ไม่ต้องอะไรทั้งสิ้นค่ะ ดูงง ๆ ดูเป็นปรัชญา แต่นี่ก็เป็นความเข้าใจของวิวอะนะคะ ซึ่งไม่แน่ใจว่าถูกหรือผิดยังไง เอาเป็นว่าถ้าใครที่เชี่ยวชาญด้านศาสนามากกว่าวิว ก็ comment มาคุยกันด้านล่างแล้วกันค่ะ สำหรับข้อต่อไปนะคะ เรากลับจากเรื่องที่เป็นแบบนามธรรม มาเป็นเรื่องที่ค่อนข้างจะเป็นรูปธรรมมากกว่าดีกว่านะคะ คือคำถามจากคุณ Chatchai Atthasathaworn นะคะ เขาถามมาว่า "#วิวเอ๋ยบอกข้าเถิด พี่วิวคะ "ทำไมเวลาหาว จะต้องมีน้ำตาคะ "(หรือบางคนก็ไม่มี (ทุกคนว่าพี่วิวจะตอบเป็นวิทย์มะ เราว่า "ไม่")) บอกเลยว่า "ผิดค่ะ" เพราะวันนี้วิวจะตอบเป็นวิทย์นะคะ สาเหตุที่เวลาเราหาวแล้วมีน้ำตาเนี่ย ตามหลักวิทยาศาสตร์ เท่าที่วิวไปค้นมาเจอเนี่ยนะคะ เขาบอกว่า เวลาที่เราหาวเนี่ย มันคือกระบวนการของร่างกายเราค่ะ ที่ต้องการจะฮุบออกซิเจนเข้าไปในร่างกายให้มากที่สุดนะคะ เกิดขึ้นเมื่อเราอ่อนเพลีย นอนไม่พอ หรืออะไรต่าง ๆ ทำให้เลือดของเราเนี่ยต้องการออกซิเจนมากขึ้นน่ะนะ ดังนั้นก็เลยต้องหาวเหมือนกับว่าฮุบอากาศเข้าไปใหญ่ ๆ ค่ะ เพื่อให้ออกซิเจนเนี่ยเข้าไปในร่างกายมากที่สุด ทีนี้ การฮุบออกซิเจนแบบนี้นะคะ ก็ทำให้ความดันบริเวณหน้าของเราเนี่ยเปลี่ยนค่ะ คือ หน้าตาเรามันก็แบบ อะไรอย่างงี้ใช่ไหม เวลาเราหาว ทีนี้พอความดันเปลี่ยนปุ๊บ ร่างกายมันกลัวค่ะว่ากระจกตาของเราเนี่ยจะพังนะคะ จะแบบ มีปัญหาอะไรเกิดขึ้น ร่างกายก็เลยขับน้ำตาออกมาผ่านต่อมน้ำตาค่ะ เพื่อที่จะเอาน้ำตาเนี่ยนะคะ มาเคลือบตาเอาไว้ ป้องกันความเสียหายจากตา ที่เกิดจากการหาวที่รุนแรงเกินไปนั่นเองค่ะ เป็นไงคะ คำถามนี้บอกเลยว่า ตอบแบบวิทยาศาสตร์แล้วนะคะทุกคน คำถามถัดไปของเรานะคะ น่าสนใจมาก ๆ เลยค่ะ เป็นคำถามที่มาจากคุณกิตติภัทรนะคะ คำถามเขาบอกมาว่า 5 + 5 ÷ 5 + 5 × 5 - 5 ได้เท่าไหร่นะคะ โอ้โห โจทย์น่าสนใจมากจริง ๆ ต้องบอกว่าจากคำถามนี้นะคะ เกิดดรามาขึ้นบ่อยมากค่ะ แต่บางทีมันอาจจะมาในรูปแบบอื่นนะ คือมาในรูปแบบของเลข 7 บ้าง หรือมาในรูปแบบของโจทย์ที่แตกต่างกันไป แต่ทุกครั้งจะมีปัญหาก็คือ เราจะรู้สึกว่า เอ๊ ปกติเลขมันก็ต้องตอบเหมือน ๆ กันสิ ทำไมคราวนี้เรากับเพื่อนถึงตอบไม่เหมือนกัน คำตอบมันไม่แน่นอนหรือ หรือว่ายังไง เราถูก เพื่อนผิด หรือว่าเราผิด เพื่อนถูกกันแน่ ก็ต้องบอกว่าจริง ๆ แล้วมันมีวิธีการค่ะ ซึ่งเราเนี่ย เรียนกันมาตั้งแต่สมัยประถมแล้ว แต่ว่าตอนนั้นโจทย์เราอาจจะไม่ได้ซับซ้อนเท่าไหร่ เราก็เลยไม่ค่อยได้ใส่ใจวิธีการนั้นมากนะคะ วันนี้วิวไปขุดความรู้สมัยประถมมา แล้วก็เอามาเล่าให้ทุกคนฟังเรียบร้อยแล้วค่ะ มาเริ่มที่โจทย์ของเรากันก่อนดีกว่า โจทย์ของเราบอกไว้ว่า 5 นะคะ + 5 ÷ 5 + 5 × 5 - 5 เท่ากับเท่าไหร่นะคะ บอกเลยว่าคำถามนี้หลายคนตอบไม่เหมือนกันค่ะ คำตอบกลุ่มแรกก็คือพวกที่บอกว่า เอา 5 บวก 5 นะ ได้เท่ากับ 10 เสร็จแล้วก็เอา 10 เนี่ยไปหาร 5 ได้เท่ากับ 2 เอา 2 เนี่ยนะ ไปบวกกับ 5 ได้เท่ากับ 7 เสร็จแล้วก็เอา 7 ไปคูณกับ 5 ได้เท่ากับ 35 แล้วก็เอาไปลบด้วย 5 ก็เลยจะได้คำตอบเท่ากับ 30 นั่นเองค่ะ ส่วนกลุ่มถัดไปนะคะ คิดต่างไปค่ะ เพราะว่าเขาเนี่ยทำยังไงรู้ไหม เขาเริ่มทำจากเอาบวกลบกันให้หมดก่อน แล้วด้วยค่อยมาคูณหารทีหลังค่ะ เขาก็บอกว่า โอเค เราเอา 5 บวก 5 นะ ได้เท่ากับ 10 แล้วก็เอา 5 อันกลางเนี่ย บวกกันได้เท่ากับ 10 แล้วก็เอา 5 ลบ 5 อันหลังนะ ได้เท่ากับ 0 ดังนั้นนะ เมื่อเราเอา 10 มาหาร 10 เราก็จะได้เท่ากับ 1 ส่วนเอา 1 เนี่ย มาคูณกับ 0 ได้เท่ากับ 0 ซะอย่างงั้นเลย เฮ้ย คำตอบนี้มันช่างสวยงามจริง ๆ ทำอะไรออกมาก็ได้เท่ากับ 0 ส่วนกลุ่มสุดท้ายนะคะ คือกลุ่มที่ทำคูณหารก่อนค่ะ แล้วค่อยบวกลบนะคะ เขาก็จะบอกว่าเอา 5 เนี่ยนะ ตัวกลาง หาร 5 ได้เท่ากับ 1 เอา 5 คูณ 5 ได้เท่ากับ 25 25 บวก 1 ได้ 26 แล้วก็ลบออกด้วย 5 จะได้เท่ากับ 21 แล้วก็บวกเข้าไปด้วย 5 ตัวแรก ดังนั้นคำตอบก็คือ 26 ซะอย่างงั้นเลยนะคะ ซึ่งก็เห็นไหมคะว่า เอาง่าย ๆ เนี่ย ถ้าสมมติว่าทำวิธีการสลับกันไปสลับกันมา ก็ได้คำตอบมาทั้งหมด 3 คำตอบแล้วนะคะ เช่นเดียวกันค่ะ ในสมัยก่อนเนี่ยนักคณิตศาสตร์ เขาก็เจอกับปัญหานี้เหมือนกันนะ เขาก็เจอว่า เฮ้ย การทำอะไรอย่างนี้ ถ้าทำต่างกัน ลำดับต่างกันนะ คำตอบมันก็จะไม่เหมือนกัน ดังนั้น วิธีแก้ก็คือเราควรจะกำหนดสิ่งหนึ่งขึ้นมาค่ะ ซึ่งสิ่งนี้นะคะ มีชื่ออย่างเป็นทางการว่า order of operations ค่ะ หรือว่าลำดับวิธีการทางคณิตศาสตร์นั่นเอง ก็กำหนดมาเป็นขั้นตอนเสร็จเรียบร้อยเลยนะคะ โดยเด็กฝรั่งเนี่ยนะคะ เขาจะมีวิธีการจำง่าย ๆ กันค่ะ โดยเขาบอกให้จำคำว่า "Please excuse my dear Aunt Sally." นะคะ แล้วก็พอเขียนอย่างนี้ออกมาปุ๊บก็ให้ดูที่ตัวแรกค่ะ please เนี่ย คือ ตัว p p คืออะไร p คือ parentheses นะคะ ก็คืออะไรก็ตามที่อยู่ในวงเล็บเนี่ย ให้ทำก่อนค่ะ ส่วน e นะคะ คือ exponents อะไรที่เป็น exponential เป็นการยกกำลังต่าง ๆ ให้ทำเป็นลำดับที่ 2 นะคะ ส่วนตัวที่ 3 ค่ะ ก็คือ my dear my dear คือ multiplication and division นะคะ ก็คืออะไรที่เป็นการคูณ-การหารเนี่ย ให้ทำก่อนนะคะ และสุดท้ายค่ะ ก็คือ Aunt Sally Aunt Sally นี่ก็คือ add or subtraction นะคะ หรือว่าบวก-ลบ นั่นเอง พูดง่าย ๆ นะ ถ้าสมมติว่าเราไปจับซับภาษาอังกฤษไม่ได้ เพราะว่าเราก็คงไม่คุ้นกับศัพท์ภาษาอังกฤษที่ใช้ เรียกการบวกลบคูณหารยกกำลังนะ คิดง่าย ๆ ค่ะ เจอโจทย์อะไรก็ตาม อย่างแรกที่ต้องทำ ดูก่อนว่ามีวงเล็บไหมนะคะ ถ้ามีวงเล็บทำในวงเล็บก่อนค่ะ ส่วนอย่างที่สองนะคะ อะไรที่เป็นเลขยกกำลัง จัดการให้เสร็จเรียบร้อยก่อนค่ะ แล้วอย่างที่สามนะคะ ถ้าไม่มีอะไรเหลือแล้วเนี่ย ให้ทำคูณ-หารก่อนค่ะ และสุดท้ายที่ต้องทำท้ายสุด ๆ เลยนะคะ ก็คือการบวก-ลบ นั่นเองค่ะ ยกตัวอย่างนะคะ ถ้าสมมติว่าเรามีโจทย์หน้าตาแบบนี้ (3 + 5) × 4 - 3² ÷ 7 เราจะต้องทำอะไรก่อน อะ สิ่งที่เราต้องทำก่อนก็คือ แน่นอน วงเล็บ ใช่ไหมคะ ดังนั้น เราก็จะต้องเอา 3 + 5 ได้ 8 ก่อนค่ะ นี่ ตอนนี้เราก็จะได้กลายเป็น 8 × 4 - 3² ÷ 7 สิ่งที่สองที่เราต้องทำคืออะไรคะ ตอนนี้วงเล็บไม่เหลือแล้ว สิ่งที่สองที่ต้องทำก็คือ ยกกำลังใช่ไหมคะ ดังนั้นค่ะ เราก็ต้องเอา 3² ให้ได้ 9 ก่อนนะคะ หลังจากนั้นเนี่ย โจทย์ของเราก็จะกลายเป็น 8 × 4 - 9 ÷ 7 ค่ะ ซึ่งในตอนนี้เองเนี่ย 2 ขั้นตอนสุดท้ายก็จะเข้ามานะคะ นั่นก็คือ ทำคูณหารก่อนค่ะ เราต้องเอา 8 × 4 ก่อนนะคะ 8 × 1 = 8 8 × 2 = 16 8 × 3 = 24 8 × 4 = 32 ค่ะ เราก็จะได้ 32 - 9 ÷ 7 นะคะ ซึ่งสิ่งที่เราต้องทำถัดไปคืออะไรคะ คูณ-หาร เนี่ย ทำพร้อมกันใช่ไหม ดังนั้นเราต้องเอา 9 ÷ 7 ก่อน ซึ่ง 9 หาร 7 ไม่ลงตัวนะคะ ได้ประมาณ เท่าไหร่ก็ไม่รู้อะนะ ซึ่งอันนี้เป็นโจทย์ที่ตั้งไม่ดีเลย วิวตั้งเร็ว ๆ เมื่อกี้นะคะ แล้วค่อยเอาตัวเลขที่หารมาได้เนี่ย เอามาลบออกจาก 32 ก็จะเป็นอันได้คำตอบค่ะ ทีนี้เรากลับไปที่โจทย์เมื่อกี้ของเรานะคะ อื้อหือ มีความติวเตอร์สูงมากนะตอนนี้ พออุปกรณ์มันเหมาะกับการเรียนเนี่ย กลับไปที่โจทย์ของเราเมื่อกี้นะคะ โจทย์ของเราก็คือ 5 + 5 ÷ 5 + 5 × 5 - 5 = ? อ้า ตามกฎเมื่อกี้เลยค่ะ เราต้องดูอย่างแรกคืออะไร อย่างแรกก็คือ ดูวงเล็บก่อนนะคะ ซึ่งในโจทย์ของเรารอบนี้ไม่มีวงเล็บค่ะ ข้อที่สอง มียกกำลังไหม ยกกำลังก็ไม่มีเหมือนกันนะคะ ดังนั้นขั้นตอนถัดไปก็คือ คูณ-หาร นั่นเองค่ะ ไหน ในโจทย์ของเรามีคูณ-หาร ตรงไหนบ้าง มีคู่นี่ใช่ไหมคะ กับคู่นี้ ดังนั้น เอา 5 หาร 5 ก่อนเลยค่ะ 5 หาร 5 ได้มาเป็นเท่ากับ 1 นะคะ ส่วน 5 คูณ 5 ได้เท่ากับ 25 ค่ะ ตอนนี้โจทย์ของเราก็จะกลายเป็น 5 + 1 + 25 - 5 ซึ่งตอนนี้ หลังจากที่คำนวณเลขอะไรต่าง ๆ ด้วยการบวก-ลบ ระดับประถมอะนะ เราก็จะได้คำตอบมาเท่ากับ 26 นั่นเองค่ะ ดังนั้น นี่ก็คือคำตอบของโจทย์ที่บอกว่า 5 + 5 ÷ 5 + 5 × 5 - 5 = ? นะคะ เช่นเดียวกับโจทย์อื่น ๆ ที่เราจะไปเจอค่ะ ถ้าสมมติว่า เราไปเจอโจทย์อันไหนที่มันงง ๆ ในอินเทอร์เน็ตอีก ก็ใช้หลักการเดียวกันนี้ได้ หมดเลยนะคะ เท่านี้เราก็จะตอบได้ถูกต้องแล้วค่ะ ก็เป็นอันจบคำถามนี้ไปนะคะ วันนี้อธิบายแบบละเอียดนิดนึง ดูมีความเป็นติวเตอร์นิดนึงนะ อย่างไรก็ตามก็อันนี้มันเป็นเรื่องนึง ที่รู้สึกว่าเป็นพื้นฐานที่เป็นประโยชน์มาก ๆ ก็อยากให้ทุกคน ตอบกันได้ค่ะ เราไปที่คำถามถัดไปกันดีกว่านะคะ คำถามถัดไปมาจากใครเอ่ย โอ้โห คำถามถัดไปนะคะ บอกเลย คนนี้พิเศษจริง ๆ ค่ะ มาจากน้องคนสวยคนนึงนะคะ ชื่อว่า น้อง Point of View ค่ะ เขาถามมาว่า เอาคอมพิวเตอร์มาโชว์เขียนไปเขียนมาขนาดนี้ มีอะไรพิเศษรึเปล่าคะ โอ้โห บอกเลยนะคะ น้องคนนี้ถามได้ตรงใจสุด ๆ ค่ะ ไม่น่าเชื่อเลย ไม่รู้ว่าน้องเขารู้ล่วงหน้าได้ยังไงเนี่ย ว่าคลิปนี้เราจะมี โน้ตบุ๊ก HP Spectre X360 2020 ที่มาพร้อมกับดีไซน์ gem cut สุดหรู สวย เท่ ดูแข็งแรง แต่บางเบา น้ำหนักเพียง 1.3 กิโลกรัม ขอบจอบางเฉียบ หน้าจอขนาด 13.3 นิ้ว ทนทาน พับได้ถึง 360 องศา พกพาไปทำงานที่ไหนก็ได้ HP Spectre X360 มาพร้อมกับ ระบบปฏิบัติการ Windows 10 Home และโปรแกรม Microsoft Office Home & Student 2019 ของแท้ ทำให้สามารถใช้โปรแกรม Microsoft Word, Microsoft Excel, Microsoft PowerPoint OneNote ทำงานได้ ใช้ Microsoft Teams สำหรับ Online Conference หรือ E-learning จะแต่งรูป ตัดวิดีโอ หรือเล่นเกมเบา ๆ ก็จบได้ในเครื่องเดียว อะ พอได้แล้วล่ะ เอาจริง ๆ นะคะ วิวอยากจะบอกว่า คือจริง ๆ เนี่ยนะคะ วิวมีโอกาสได้โน้ตบุ๊ก HP Spectre X360 เครื่องนี้มาลองใช้ค่ะ ซึ่งพอลองใช้ดูเนี่ยก็พบว่า มีอะไรหลาย ๆ อย่างที่มันสะดวกสบายมาก ๆ นะคะ ก็เลยอยากเอามาเล่าให้ทุกคนฟังเท่านั้นแหละ คืออย่างแรกเนี่ยนะคะ เครื่องนี้มันเป็นกึ่ง Tablet กึ่ง Notebook ค่ะ ดังนั้น มันเป็นโน้ตบุ๊กที่สามารถใช้หน้าจอทัชสกรีนได้นะคะ แล้วเท่านั้นยังไม่พอนะ มันก็พับได้ 360 องศานะ อย่างนี้เป็นต้น นี่ เห็นปะ พับได้ทุกองศาเลยนะคะ สามารถเอามาตั้งเป็นแท็บเล็ตแบบนี้ หรือว่าจะพับให้สุดไปเลย สุดขึ้นมาอีกด้านนึงเลยแบบนี้ ก็ได้เหมือนกันนะคะ นี่ ก็คือไม่ต้องกลัวหักอะไรเลย แล้วก็สามารถใช้งานได้สะดวกสบายมาก ๆ สมมติว่าเราพรีเซนต์งานอยู่ อะไรอย่างนี้ อยากให้ลูกค้าเห็นฝั่งตรงข้ามนะ เราก็สามารถแบบ เนี่ยปรับขึ้นมาอย่างนี้ แล้วแสงหน้าวิวก็จะมืดนะคะ ไม่เป็นไร แล้วก็สามารถให้แบบ เขียนอะไรให้ลูกค้าดูได้ทันที เท่านั้นยังไม่พอ มันยังมีปากกามาด้วยนะทุกคน ก็สามารถเขียนได้เลย อะไรต่าง ๆ อย่างนี้ หรือว่า ใครพิมพ์เอกสารอะไรใน Microsoft Word นะคะ พอพิมพ์เสร็จปุ๊บ อยากเซ็นเอกสารเนี่ย ก็สามารถเปลี่ยนโหมดมาใช้ปากกา แล้วก็เซ็นได้เลย คือจัดหน้าง่าย เพราะมันเป็นคอมพิวเตอร์ มันไม่ใช่แบบแท็บเล็ตอะไรที่เราจะต้องมาแบบว่า เอ้ย จัดหน้าเด้งไปเด้งมา มันก็คือคอมพิวเตอร์ธรรมดาทั่วไป แต่ว่าพอมีปากกาเนี่ย เราก็เซ็นได้เลย เหมือนกับใช้แท็บเล็ต หรือว่าเหมือนกับใช้เมาส์ปากกาเลยทีเดียวค่ะ เรียกได้ว่า การใช้งานเนี่ยยืดหยุ่นมาก ๆ นะคะ สามารถใช้งานได้หลากหลายแบบจริง ๆ นะทุกคน เท่านั้นยังไม่พอนะคะ ไฮไลต์อีกอย่างนึงของเครื่องนี้เลยเนี่ย ก็คือสิ่งที่วิวรำคาญมาตั้งแต่เด็ก คือตั้งแต่เด็กเนี่ย เวลาไปซื้อคอมพิวเตอร์นะคะ เราก็จะต้องไปหาซื้อระบบปฏิบัติการเนี่ย มาลงคอมพิวเตอร์เองใช่ไหม ลงไป เอ๊ เราลงเป็นหรือไม่เป็น จะต้องให้ร้านลงให้รึเปล่านะคะ แต่เครื่องนี้ซื้อมาปุ๊บมันมาพร้อมกับ ระบบปฏิบัติการ Windows 10 เลยค่ะ คือเรียกได้ว่าลงมาล่วงหน้าแล้ว แกะกล่องออกมาปุ๊บ เปิดซีลปึ้บ ใส่อีเมลตัวเอง ใส่พาสเวิร์ด ทุกอย่างก็กลับมาเลยนะคะ สามารถใช้งานได้เลย แล้วก็มี OneDrive ซึ่งเป็น cloud มีข้อมูลของเราอยู่ในนั้นอยู่แล้ว เราก็สามารถโหลดเอกสารอะไรมาทำงานได้เลย เรียกได้ว่าออกจากร้านปุ๊บนะคะ เปิดกล่องทำงานเดี๋ยวนั้นเลยก็ได้นะ ที่สำคัญนะคะ เขายังมีอีกอย่างนึงแถมมาให้ค่ะ นั่นก็คือ Microsoft Office Home & Student 2019 นะคะ ซึ่งเราก็รู้กันน่ะว่า พวกเราทั้งคนที่ทำงานแล้วก็คนที่เรียนเนี่ย เราใช้โปรแกรมของ Microsoft Office เยอะขนาดไหน ไม่ว่าจะเป็น Microsoft Word, Microsoft Excel, Microsoft PowerPoint แล้วก็ Microsoft อีกหลากหลายต่าง ๆ น่ะนะ แต่ว่า 3 อันนี้คือ 3 อันที่เราใช้หลัก ๆ ใช่ไหม เครื่องนี้แถมของแท้มาให้เลยนะคะ เรียกได้ว่า มาถึงก็ใช้ได้เลยนะ ซึ่งปกติถ้าสมมติว่าเราไปซื้อพวก Microsoft Office แยกเนี่ย รู้กันไหมว่า ของแท้เนี่ยราคาถึง 4,299 เลยนะคะ ของแถมเนี่ยราคา 4,000 กว่าเลยนะ ไม่รวม Windows นะทุกคน แอบกระซิบนิดนึงนะคะว่า ช่วงนี้ใครต้องเรียนต้องทำงานออนไลน์เนี่ย ก็สามารถไปโหลดโปรแกรมอีกโปรแกรมนึงมาใช้ได้ค่ะ นั่นก็คือ Microsoft Teams นั่นเอง ซึ่งมันก็สามารถใช้ทั้งประชุมออนไลน์ ทำ online conference presentation อะไรต่าง ๆ ได้ ส่วนตัววิวเนี่ย วิวลองใช้แล้วนะ แล้วก็รู้สึกว่า เออ มันค่อนข้างเสถียรเลยทีเดียว ก็สะดวกมาก เหมาะมากนะคะ กับการทำงาน หรือว่าการเรียนในช่วงเวลาแบบนี้ค่ะ เท่านั้นยังไม่พอนะ สิ่งนึงที่แบบใช้งานมาสักพักแล้ว อันนี้ใช้มาเกือบอาทิตย์แล้วอะ แล้วค้นพบว่ามันแบบสุดจริง ๆ ไม่น่าเชื่อเลยก็คือ ก่อนอัดวิดีโอนี้นะคะ เพราะว่าวิวกลัวว่าคอมจะดับ นี่เป็นครั้งแรกค่ะ ตั้งแต่วิวเริ่มใช้งาน ที่วิวเอาสายชาร์จจิ้มเข้าไปที่คอมเครื่องนี้นะคะ เพราะว่า คือวิวอะไม่รู้ว่าใช้จริงมันได้กี่ชั่วโมงนะ แต่ว่าเขาอะบอกว่าใช้ได้ทั้งหมด 22 ชั่วโมงนะคะ และที่สำคัญ เมื่อกี้ก่อนอัดวิดีโอ วิวก็จิ้มชาร์จไว้แปปเดียวค่ะ มันก็ได้ตามที่เขาบอกเลย คือ เครื่องนี้ชาร์จด้วย USB-C นะคะ ซึ่งเป็น fast charger ค่ะ คือพอชาร์จปุ๊บเนี่ย แค่ครึ่งชั่วโมงเท่านั้นนะ ชาร์จได้ 50% 100% ใช้ได้ 22 ชั่วโมง แปลว่า เราชาร์จครึ่งชั่วโมง ใช้ได้ 11 ชั่วโมงเลยนะคะ อื้อหือ ใช้ได้นานจริง ๆ อันนี้แบบ ประทับใจมากจริง ๆ จากคนที่แบบว่าชอบลืมสายชาร์จ หรือเป็นคนที่ไม่ชอบพกสายชาร์จออกจากบ้านน่ะนะ นี่ไม่นับเรื่องพวกแบบความปลอดภัย ที่เครื่องนี้มีอีกเพียบเลยนะคะ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการสแกนหน้า การสแกนลายนิ้วมือ หรือว่าสิ่งที่เรียกว่า HP Sure View นะคะ ซึ่งเขาเป็นระบบป้องกันหน้าจอ คือแบบสมมติเราใช้งานอยู่อย่างนี้ ใช้งานเรียนออนไลน์อะไรอยู่ แล้วไม่อยากให้ใครเดินผ่านไปผ่านมา แล้วมาเห็นหน้าจอของเราเนี่ย เปิดปุ่มนี้เข้าไปนะคะ คนที่ใช้งานตรงหน้าเนี่ย มองเห็นหน้าจอได้ค่ะ แต่ว่าคนที่เดินมาข้าง ๆ 2 ข้างเนี่ย จะเห็นหน้าจอเป็นสีรุ้งเลยนะ เรียกได้ว่ามองไม่เห็นเลยค่ะว่าทำอะไรอยู่ ดังนั้น เหมาะมากกับการแบบ สมมติว่าไปเรียนในห้องเรียน หรือว่าไปทำงานที่ออฟฟิศ แล้วไม่อยากให้คนมาส่องแบบ เฮ้ย เธอดูอะไรอยู่อะ อะไรอย่างนี้นะคะ เอาจริง ๆ หลัก ๆ ก็อยากจะมาอวดเนี่ยแหละว่า ตอนนี้เพิ่งได้คอมพิวเตอร์เครื่องใหม่มาลอง แล้วมันก็ดีมากจริง ๆ นะคะ ดังนั้น ถ้าสมมติว่าสนใจกันก็สามารถลองไปดูรายละเอียด ได้ที่ description box ข้างล่างเนาะ สำหรับวันนี้นะคะ วิวก็คิดว่าวิวเวิ่นมามากพอแล้วแหละ ทั้งคำถามที่เป็นคำถามจริง ๆ คำถามสาระ คำถามน่าสนใจ คำถามเกี่ยวกับวิทยาศาสตร์ คำถามเกี่ยวกับคณิตศาสตร์ คำถามเกี่ยวกับที่มาของคำศัพท์อะไรต่าง ๆ นะคะ เอาเป็นว่า ถ้าสมมติว่าใครมีคำถามอยากถามวิวอีกเนี่ย ก็สามารถติดแฮชแท็กนะคะ #วิวเอ๋ยบอกข้าเถิด แล้วก็ถามมาด้านล่างได้เลยค่ะ สำหรับรายการ #วิวเอ๋ยบอกข้าเถิด Ep. หน้า อาจจะเป็นคำถามของคุณค่ะ ที่ได้รับคำตอบในคลิปวิดีโอเนาะ สำหรับวันนี้นะคะ ใครชื่นชอบคลิปนี้ อย่าลืมกด like เป็นกำลังใจให้วิว แล้วก็กด share เพื่อชวนเพื่อน ๆ มาดูด้วยกันค่ะ ลาไปก่อนแล้วกันนะคะ บาย ๆ สวัสดีค่ะ สำหรับชีวิตของเราเนี่ยนะคะ เราก็ดำเนินมาถึงจุดที่เราสามารถ ตอบคำถามจากตัวเองได้แล้วนะคะ หลังจากที่คลิปก่อน ๆ เราเนี่ย ก็มีการถกเถียงกับตัวเองออกคลิปไป โต้วาทีกับตัวเองออกคลิปไป ก็ไม่เป็นไรค่ะ เพราะว่าในช่วงนี้ก็ยังเป็นช่วงที่ เราค่อนข้างจะอยู่บ้านเยอะ เจอเพื่อน ๆ ก็เจอผ่าน online conference อะไรต่าง ๆ ยังไม่ค่อยได้ออกไปพบปะสังสรรค์อะไรขนาดนั้นนะคะ อยู่คนเดียวมาก ๆ ก็ทำอะไรแบบนี้ได้แหละ แต่ไม่เป็นไร เพราะว่าถึงเราจะอยู่คนเดียว แต่เราก็มีโน้ตบุ๊ก HP Spectre X360 ของเรา ที่เราสามารถเอามาเล่นอะไรต่าง ๆ ได้อย่างมีความสุขนะคะ แหม่ ตอนจบแล้วก็ยังไม่เลิกอีกทุกคน ดังนั้น พอเถอะค่ะ วันนี้ลาไปก่อนละกันนะคะทุกคน บาย ๆ สวัสดีค่ะ