1 00:00:00,080 --> 00:00:02,260 รู้กันไหมคะว่า โจทย์เลขโจทย์นี้ตอบเท่าไหร่ 2 00:00:02,460 --> 00:00:04,920 0, 26 หรือว่า 30 กันแน่ 3 00:00:05,080 --> 00:00:06,540 สวัสดีค่ะ วิวจากแชนเนล Point of View ค่ะ 4 00:00:06,580 --> 00:00:09,240 กลับมาพบกันอีกครั้งนะคะ ในรายการ #วิวเอ๋ยบอกข้าเถิด ค่ะ 5 00:00:09,260 --> 00:00:13,120 รายการที่วิวจะนำเอาคำถามที่น่าสนใจที่ทุกคนถามเข้ามานะคะ 6 00:00:13,120 --> 00:00:16,280 ผ่านแฮชแท็ก #วิวเอ๋ยบอกข้าเถิด มาตอบให้ทุกคนฟังค่ะ 7 00:00:16,420 --> 00:00:18,540 ซึ่งบอกเลยนะคะว่า Ep. นี้พิเศษมาก ๆ ค่ะ 8 00:00:18,540 --> 00:00:22,400 เพราะว่ามันมีคำถามที่น่าสนใจมากมายเข้ามาเต็มไปหมดเลยค่ะ 9 00:00:22,600 --> 00:00:25,740 จนวิวรู้สึกว่า เฮ้ย ถ้าสมมติว่าเราหยิบมาแค่คำถามเดียวนะ 10 00:00:25,740 --> 00:00:28,360 แล้วก็มาตอบ 1 คำถาม ต่อ 1 วิดีโอ เนี่ย 11 00:00:28,360 --> 00:00:30,760 เราจะมีวิวเอ๋ยบอกข้าเถิดไปเรื่อย ๆ ทุกสัปดาห์ 12 00:00:30,760 --> 00:00:32,320 ไม่มีสิ้นไม่มีสุดเลยค่ะ 13 00:00:32,540 --> 00:00:36,060 และที่สำคัญ เราจะต้องทิ้งคำถาม ที่น่าสนใจไปเยอะมากเลยทีเดียว 14 00:00:36,260 --> 00:00:38,900 รวมถึงคำถามบางคำถามนะคะ ก็น่าตอบเหมือนกัน 15 00:00:38,900 --> 00:00:41,080 แต่ว่าคำตอบเนี่ยมันอาจจะสั้นเกินไป 16 00:00:41,080 --> 00:00:43,340 จนมันไม่เหมาะจะมาเป็นวิดีโอ 1 วิดีโอนะคะ 17 00:00:43,340 --> 00:00:44,840 ไม่งั้นทุกคนก็จะมาบ่นกันว่า 18 00:00:44,960 --> 00:00:47,880 ทำไมวิดีโอนี้สั้นจังเลยคะ อะไรอย่างนี้นะ 19 00:00:48,100 --> 00:00:50,080 ดังนั้นวันนี้วิวแพ็ครวมมาเรียบร้อยแล้วนะคะ 20 00:00:50,080 --> 00:00:51,760 สำหรับคำถามที่ทุกคนถามเข้ามา 21 00:00:51,760 --> 00:00:55,520 แล้วก็ไปค้นหาคำตอบอะไรต่าง ๆ มาให้ทุกคนเรียบร้อยแล้วค่ะ 22 00:00:55,720 --> 00:00:58,240 สำหรับตอนนี้พร้อมจะไปฟังคำตอบที่ทั้งสนุก 23 00:00:58,240 --> 00:00:59,620 แล้วก็ได้สาระกันรึยังคะ 24 00:00:59,740 --> 00:01:01,620 ถ้าพร้อมกันแล้วก็ไปฟังกันเลยค่ะ 25 00:01:05,860 --> 00:01:08,740 คำถามแรกนะคะ เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับชื่อสถานที่ค่ะ 26 00:01:08,740 --> 00:01:12,160 แน่นอนว่าช่วงนี้เราทำเรื่องราว เกี่ยวกับชื่อสถานที่กันค่อนข้างเยอะเนอะ 27 00:01:12,160 --> 00:01:15,840 ดังนั้น คำถามที่เกี่ยวกับสถานที่ก็จะเข้ามาเยอะมาก ๆ เลยค่ะ 28 00:01:16,160 --> 00:01:18,160 คำถามแรกนะคะ มาจากคุณปลื้มค่ะ 29 00:01:18,440 --> 00:01:20,160 ที่ไม่ได้หมายถึงพี่ปลื้มแน่นอนนะ 30 00:01:20,420 --> 00:01:25,580 เขาถามมาว่า "เส้นทางสายไหม มีสายไหมให้กินไหม #วิวเอ๋ยบอกข้าเถิด" 31 00:01:25,680 --> 00:01:27,180 เอาจริง ๆ นะ ตอนเห็นคำถามเนี้ย 32 00:01:27,180 --> 00:01:29,600 คำตอบแรกที่แว่บขึ้นมาในหัววิวนะคะก็คือ 33 00:01:29,820 --> 00:01:32,020 ไม่มีค่ะ เพราะว่าเส้นทางสายไหมคืออะไร 34 00:01:32,020 --> 00:01:34,000 เส้นทางสายไหม คือ เส้นทางการค้าใช่ไหมคะ 35 00:01:34,000 --> 00:01:35,560 ที่เชื่อมหาตั้งแต่ประเทศจีน 36 00:01:35,780 --> 00:01:38,180 ไล่ไปจนถึงตอนเหนือของอินเดีย อะไรต่าง ๆ 37 00:01:38,180 --> 00:01:41,840 ไปทะลุเข้าที่ยุโรปทางแถว ๆ เมดิเตอร์เรเนียนค่ะ 38 00:01:42,180 --> 00:01:44,540 ซึ่งชื่อจริง ๆ ของเส้นทางสายไหมเนี่ย 39 00:01:44,700 --> 00:01:47,120 มันไม่ใช่เส้นทางสายไหมแบบ cotton candy นะคะ 40 00:01:47,120 --> 00:01:51,720 แต่มันหมายถึง Silk road หรือว่าเส้นทางสายผ้าไหมนั่นเองค่ะ 41 00:01:51,720 --> 00:01:53,700 คือเป็นช่องทางที่คนจีนเนี่ย 42 00:01:53,700 --> 00:01:56,420 เอาผ้าไหมของจีนไปขายที่ยุโรปนะคะ 43 00:01:56,700 --> 00:01:59,580 แล้วจริง ๆ เส้นทางนี้ก็มีชื่อเล่นอีกหลากหลายเลยทีเดียวนะคะ 44 00:01:59,580 --> 00:02:03,020 ไม่ว่าจะเป็น เส้นทางสายหยก เส้นทางสายอะไร 45 00:02:03,020 --> 00:02:04,200 โอ้โห เต็มไปหมดเลยค่ะ 46 00:02:04,200 --> 00:02:07,020 แต่อย่างไรก็ตาม สุดท้ายเขาก็ตกลงกันได้นะคะว่า 47 00:02:07,260 --> 00:02:10,540 เส้นทางนี้จะเรียกว่า Silk road หรือว่าเส้นทางสายไหมนั่นเอง 48 00:02:10,840 --> 00:02:12,580 ดังนั้น ในเมื่อเส้นทางสายไหมในชื่อ 49 00:02:12,580 --> 00:02:13,980 ไม่ได้หมายถึง cotton candy 50 00:02:14,240 --> 00:02:15,880 แปลว่าตรงเส้นทางสายไหมเนี่ย 51 00:02:16,160 --> 00:02:19,140 ก็ไม่มี cotton candy หรือว่าสายไหมขายค่ะ 52 00:02:19,560 --> 00:02:21,900 แต่ เอาจริง ๆ สมัยนี้ อะไรก็เกิดขึ้นได้ 53 00:02:22,160 --> 00:02:26,880 บริเวณเส้นทางสายไหมปัจจุบัน อาจจะมีคนเอา cotton candy ไปขาย ก็เป็นได้นะคะ 54 00:02:26,880 --> 00:02:28,440 ดังนั้น คำตอบของข้อนี้ก็คือ 55 00:02:28,760 --> 00:02:31,180 ไม่รู้เหมือนกันค่ะ ก็ต้องไปลองสำรวจกันดูนะคะ 56 00:02:31,180 --> 00:02:32,440 ว่ามีใครเอาไปขายไหม 57 00:02:32,620 --> 00:02:34,680 แต่ถ้าถามถึงชื่อของเส้นทางสายไหมแล้ว 58 00:02:34,680 --> 00:02:38,340 ก็ต้องบอกว่าเกี่ยวข้องกับผ้าไหม ไม่ใช่ cotton candy ค่ะ 59 00:02:38,720 --> 00:02:40,700 อะ คำถามแรกน่าสนใจไปแล้วเนอะ 60 00:02:40,700 --> 00:02:42,340 เรามาดูที่คำถามถัดไปกันค่ะ 61 00:02:42,460 --> 00:02:43,600 คำถามถัดไปนะคะ 62 00:02:43,600 --> 00:02:45,620 โอ้โห ชื่อคนถามเล่นเอางงเลยนะ 63 00:02:45,620 --> 00:02:47,620 แต่คำถามน่าสนใจ ดังนั้นอ่านต่อค่ะ 64 00:02:48,020 --> 00:02:50,720 คำถามนี้มาจากคุณ สับสน อิหยังวะ 65 00:02:50,880 --> 00:02:53,060 น่ะ ดูชื่อเค้านะคะ เค้าถามมาว่า 66 00:02:53,060 --> 00:02:56,400 "ถนนข้าวสารทำไมต้องชื่อข้าวสาร #วิวเอ๋ยบอกข้าเถิด" 67 00:02:56,500 --> 00:02:57,480 นี่ อันนี้ตอบง่าย ๆ เลย 68 00:02:57,600 --> 00:02:58,720 เพราะว่าถนนข้าวสารเนี่ย 69 00:02:58,720 --> 00:03:00,780 สมัยก่อนมันไม่ใช่ถนนแบบสายเที่ยว 70 00:03:00,780 --> 00:03:03,980 สายที่มีชาวต่างชาติเมาเละอะไรอย่างงี้แบบปัจจุบันนะ 71 00:03:04,100 --> 00:03:08,780 แต่ถนนข้าวสารเนี่ย เคยเป็นแหล่งค้าข้าวสาร ที่ใหญ่ที่สุดในกรุงเทพมหานครค่ะ 72 00:03:08,780 --> 00:03:11,040 ก็คือ ถ้าใครอยากจะไปซื้อข้าวสาร 73 00:03:11,040 --> 00:03:12,660 ก็ต้องไปที่ถนนข้าวสารนี่แหละ 74 00:03:12,940 --> 00:03:16,100 ตรงตามชื่อเลยนะคะ คำถามนี้ตอบง่ายมากเลยทีเดียวค่ะ 75 00:03:16,340 --> 00:03:18,520 ปะ อย่างรวดเร็ว ไปที่คำถามที่ 3 ค่ะ 76 00:03:18,740 --> 00:03:21,780 คำถามที่ 3 นะคะ มาจากคุณ nisaratt ค่ะ 77 00:03:21,780 --> 00:03:26,000 เขาถามมาว่า "#วิวเอ๋ยบอกข้าเถิด นิพพานไปไหนคะ ไปอยู่ยังไง" 78 00:03:26,100 --> 00:03:28,000 อู้หู เป็นคำถามที่ลึกซึ้งนะคะ 79 00:03:28,000 --> 00:03:31,440 เป็นคำถามที่พระพยายามจะตอบคำถามนี้กันมานาน 80 00:03:31,440 --> 00:03:34,580 เป็นคำถามที่ชาวพุทธจะต้องพยายามไป 81 00:03:34,680 --> 00:03:36,900 เพราะนี่คือจุดมุ่งหมายสูงสุดของศาสนาพุทธใช่ไหม 82 00:03:36,900 --> 00:03:37,760 คือการนิพพาน 83 00:03:37,900 --> 00:03:39,380 ซึ่งเอาจริง ๆ ส่วนตัววิวเนี่ย 84 00:03:39,380 --> 00:03:42,520 ก็ไม่ได้ลึกซึ้งด้านศาสนาพุทธขนาดนั้นที่จะมาตอบคำถามนี้ 85 00:03:42,680 --> 00:03:44,260 แต่เอาตามความเข้าใจของวิว 86 00:03:44,260 --> 00:03:48,640 แล้วก็เอาตามหลักวิชาการ ที่อ่านหนังสือศาสนาต่าง ๆ มามากมายนะคะ 87 00:03:48,640 --> 00:03:51,280 นิพพาน ก็คือ ความสูญ ความสิ้น 88 00:03:51,280 --> 00:03:54,100 ความ แบบ ว่างเปล่า ความไม่มีอะไรเลย 89 00:03:54,320 --> 00:03:58,680 คือ ดับอะ คือแบบ ไม่มี ไม่มีอีกแล้ว ประมาณนั้นนะคะ 90 00:03:58,680 --> 00:04:01,300 ดังนั้น ถ้าเราจะบอกว่านิพพานหน้าตาเป็นยังไง 91 00:04:01,300 --> 00:04:03,580 นิพพานไปอยู่ยังไง ไม่อยู่ค่ะ 92 00:04:03,580 --> 00:04:06,620 คือการนิพพานก็คือการแบบ [ดีดนิ้ว] แล้วหายไปอะนะ 93 00:04:06,620 --> 00:04:10,000 ดังนั้น มันก็ ไม่มี ไม่ต้องไปอยู่ ไม่ต้องอะไรทั้งสิ้นค่ะ 94 00:04:10,220 --> 00:04:13,200 ดูงง ๆ ดูเป็นปรัชญา แต่นี่ก็เป็นความเข้าใจของวิวอะนะคะ 95 00:04:13,200 --> 00:04:15,440 ซึ่งไม่แน่ใจว่าถูกหรือผิดยังไง 96 00:04:15,440 --> 00:04:17,760 เอาเป็นว่าถ้าใครที่เชี่ยวชาญด้านศาสนามากกว่าวิว 97 00:04:17,760 --> 00:04:20,140 ก็ comment มาคุยกันด้านล่างแล้วกันค่ะ 98 00:04:20,220 --> 00:04:23,440 สำหรับข้อต่อไปนะคะ เรากลับจากเรื่องที่เป็นแบบนามธรรม 99 00:04:23,440 --> 00:04:26,240 มาเป็นเรื่องที่ค่อนข้างจะเป็นรูปธรรมมากกว่าดีกว่านะคะ 100 00:04:26,480 --> 00:04:29,200 คือคำถามจากคุณ Chatchai Atthasathaworn นะคะ 101 00:04:29,200 --> 00:04:30,120 เขาถามมาว่า 102 00:04:30,200 --> 00:04:32,280 "#วิวเอ๋ยบอกข้าเถิด พี่วิวคะ 103 00:04:32,520 --> 00:04:34,720 "ทำไมเวลาหาว จะต้องมีน้ำตาคะ 104 00:04:35,020 --> 00:04:38,364 "(หรือบางคนก็ไม่มี (ทุกคนว่าพี่วิวจะตอบเป็นวิทย์มะ 105 00:04:38,364 --> 00:04:39,300 เราว่า "ไม่")) 106 00:04:39,520 --> 00:04:42,660 บอกเลยว่า "ผิดค่ะ" เพราะวันนี้วิวจะตอบเป็นวิทย์นะคะ 107 00:04:42,880 --> 00:04:44,840 สาเหตุที่เวลาเราหาวแล้วมีน้ำตาเนี่ย 108 00:04:44,840 --> 00:04:47,160 ตามหลักวิทยาศาสตร์ เท่าที่วิวไปค้นมาเจอเนี่ยนะคะ 109 00:04:47,160 --> 00:04:48,860 เขาบอกว่า เวลาที่เราหาวเนี่ย 110 00:04:48,860 --> 00:04:50,660 มันคือกระบวนการของร่างกายเราค่ะ 111 00:04:50,660 --> 00:04:54,120 ที่ต้องการจะฮุบออกซิเจนเข้าไปในร่างกายให้มากที่สุดนะคะ 112 00:04:54,120 --> 00:04:57,040 เกิดขึ้นเมื่อเราอ่อนเพลีย นอนไม่พอ หรืออะไรต่าง ๆ 113 00:04:57,280 --> 00:05:00,040 ทำให้เลือดของเราเนี่ยต้องการออกซิเจนมากขึ้นน่ะนะ 114 00:05:00,180 --> 00:05:03,640 ดังนั้นก็เลยต้องหาวเหมือนกับว่าฮุบอากาศเข้าไปใหญ่ ๆ ค่ะ 115 00:05:03,640 --> 00:05:05,980 เพื่อให้ออกซิเจนเนี่ยเข้าไปในร่างกายมากที่สุด 116 00:05:06,260 --> 00:05:08,120 ทีนี้ การฮุบออกซิเจนแบบนี้นะคะ 117 00:05:08,120 --> 00:05:11,020 ก็ทำให้ความดันบริเวณหน้าของเราเนี่ยเปลี่ยนค่ะ 118 00:05:11,200 --> 00:05:12,700 คือ หน้าตาเรามันก็แบบ 119 00:05:12,920 --> 00:05:14,560 อะไรอย่างงี้ใช่ไหม เวลาเราหาว 120 00:05:14,720 --> 00:05:16,160 ทีนี้พอความดันเปลี่ยนปุ๊บ 121 00:05:16,160 --> 00:05:20,060 ร่างกายมันกลัวค่ะว่ากระจกตาของเราเนี่ยจะพังนะคะ 122 00:05:20,060 --> 00:05:21,840 จะแบบ มีปัญหาอะไรเกิดขึ้น 123 00:05:22,180 --> 00:05:25,280 ร่างกายก็เลยขับน้ำตาออกมาผ่านต่อมน้ำตาค่ะ 124 00:05:25,460 --> 00:05:27,740 เพื่อที่จะเอาน้ำตาเนี่ยนะคะ มาเคลือบตาเอาไว้ 125 00:05:27,740 --> 00:05:32,380 ป้องกันความเสียหายจากตา ที่เกิดจากการหาวที่รุนแรงเกินไปนั่นเองค่ะ 126 00:05:32,460 --> 00:05:34,120 เป็นไงคะ คำถามนี้บอกเลยว่า 127 00:05:34,260 --> 00:05:35,960 ตอบแบบวิทยาศาสตร์แล้วนะคะทุกคน 128 00:05:36,200 --> 00:05:38,720 คำถามถัดไปของเรานะคะ น่าสนใจมาก ๆ เลยค่ะ 129 00:05:38,820 --> 00:05:40,660 เป็นคำถามที่มาจากคุณกิตติภัทรนะคะ 130 00:05:40,820 --> 00:05:42,080 คำถามเขาบอกมาว่า 131 00:05:42,280 --> 00:05:46,440 5 + 5 ÷ 5 + 5 × 5 - 5 ได้เท่าไหร่นะคะ 132 00:05:46,660 --> 00:05:48,300 โอ้โห โจทย์น่าสนใจมากจริง ๆ 133 00:05:48,420 --> 00:05:49,780 ต้องบอกว่าจากคำถามนี้นะคะ 134 00:05:49,780 --> 00:05:51,420 เกิดดรามาขึ้นบ่อยมากค่ะ 135 00:05:51,420 --> 00:05:53,080 แต่บางทีมันอาจจะมาในรูปแบบอื่นนะ 136 00:05:53,080 --> 00:05:54,820 คือมาในรูปแบบของเลข 7 บ้าง 137 00:05:54,820 --> 00:05:57,040 หรือมาในรูปแบบของโจทย์ที่แตกต่างกันไป 138 00:05:57,120 --> 00:05:59,620 แต่ทุกครั้งจะมีปัญหาก็คือ เราจะรู้สึกว่า 139 00:05:59,620 --> 00:06:02,240 เอ๊ ปกติเลขมันก็ต้องตอบเหมือน ๆ กันสิ 140 00:06:02,360 --> 00:06:04,680 ทำไมคราวนี้เรากับเพื่อนถึงตอบไม่เหมือนกัน 141 00:06:04,680 --> 00:06:06,760 คำตอบมันไม่แน่นอนหรือ หรือว่ายังไง 142 00:06:07,120 --> 00:06:09,340 เราถูก เพื่อนผิด หรือว่าเราผิด เพื่อนถูกกันแน่ 143 00:06:09,640 --> 00:06:11,760 ก็ต้องบอกว่าจริง ๆ แล้วมันมีวิธีการค่ะ 144 00:06:11,880 --> 00:06:14,120 ซึ่งเราเนี่ย เรียนกันมาตั้งแต่สมัยประถมแล้ว 145 00:06:14,120 --> 00:06:16,800 แต่ว่าตอนนั้นโจทย์เราอาจจะไม่ได้ซับซ้อนเท่าไหร่ 146 00:06:16,800 --> 00:06:19,320 เราก็เลยไม่ค่อยได้ใส่ใจวิธีการนั้นมากนะคะ 147 00:06:19,580 --> 00:06:22,240 วันนี้วิวไปขุดความรู้สมัยประถมมา 148 00:06:22,240 --> 00:06:24,680 แล้วก็เอามาเล่าให้ทุกคนฟังเรียบร้อยแล้วค่ะ 149 00:06:24,840 --> 00:06:27,920 มาเริ่มที่โจทย์ของเรากันก่อนดีกว่า โจทย์ของเราบอกไว้ว่า 150 00:06:28,560 --> 00:06:36,660 5 นะคะ + 5 ÷ 5 + 5 × 5 - 5 เท่ากับเท่าไหร่นะคะ 151 00:06:36,780 --> 00:06:39,220 บอกเลยว่าคำถามนี้หลายคนตอบไม่เหมือนกันค่ะ 152 00:06:39,540 --> 00:06:41,720 คำตอบกลุ่มแรกก็คือพวกที่บอกว่า 153 00:06:41,980 --> 00:06:44,360 เอา 5 บวก 5 นะ ได้เท่ากับ 10 154 00:06:44,760 --> 00:06:49,680 เสร็จแล้วก็เอา 10 เนี่ยไปหาร 5 ได้เท่ากับ 2 155 00:06:49,900 --> 00:06:53,640 เอา 2 เนี่ยนะ ไปบวกกับ 5 ได้เท่ากับ 7 156 00:06:53,940 --> 00:06:58,760 เสร็จแล้วก็เอา 7 ไปคูณกับ 5 ได้เท่ากับ 35 157 00:06:58,920 --> 00:07:04,440 แล้วก็เอาไปลบด้วย 5 ก็เลยจะได้คำตอบเท่ากับ 30 นั่นเองค่ะ 158 00:07:04,580 --> 00:07:06,520 ส่วนกลุ่มถัดไปนะคะ คิดต่างไปค่ะ 159 00:07:06,520 --> 00:07:08,640 เพราะว่าเขาเนี่ยทำยังไงรู้ไหม 160 00:07:09,000 --> 00:07:13,820 เขาเริ่มทำจากเอาบวกลบกันให้หมดก่อน แล้วด้วยค่อยมาคูณหารทีหลังค่ะ เขาก็บอกว่า 161 00:07:13,940 --> 00:07:16,780 โอเค เราเอา 5 บวก 5 นะ ได้เท่ากับ 10 162 00:07:17,100 --> 00:07:19,660 แล้วก็เอา 5 อันกลางเนี่ย บวกกันได้เท่ากับ 10 163 00:07:19,800 --> 00:07:22,880 แล้วก็เอา 5 ลบ 5 อันหลังนะ ได้เท่ากับ 0 164 00:07:23,080 --> 00:07:26,920 ดังนั้นนะ เมื่อเราเอา 10 มาหาร 10 เราก็จะได้เท่ากับ 1 165 00:07:27,180 --> 00:07:31,280 ส่วนเอา 1 เนี่ย มาคูณกับ 0 ได้เท่ากับ 0 ซะอย่างงั้นเลย 166 00:07:31,420 --> 00:07:33,220 เฮ้ย คำตอบนี้มันช่างสวยงามจริง ๆ 167 00:07:33,220 --> 00:07:34,760 ทำอะไรออกมาก็ได้เท่ากับ 0 168 00:07:35,040 --> 00:07:36,080 ส่วนกลุ่มสุดท้ายนะคะ 169 00:07:36,080 --> 00:07:39,840 คือกลุ่มที่ทำคูณหารก่อนค่ะ แล้วค่อยบวกลบนะคะ 170 00:07:40,000 --> 00:07:44,260 เขาก็จะบอกว่าเอา 5 เนี่ยนะ ตัวกลาง หาร 5 ได้เท่ากับ 1 171 00:07:44,540 --> 00:07:47,080 เอา 5 คูณ 5 ได้เท่ากับ 25 172 00:07:47,200 --> 00:07:52,260 25 บวก 1 ได้ 26 แล้วก็ลบออกด้วย 5 จะได้เท่ากับ 21 173 00:07:52,260 --> 00:07:53,760 แล้วก็บวกเข้าไปด้วย 5 ตัวแรก 174 00:07:53,760 --> 00:07:57,560 ดังนั้นคำตอบก็คือ 26 ซะอย่างงั้นเลยนะคะ 175 00:07:57,960 --> 00:08:00,200 ซึ่งก็เห็นไหมคะว่า เอาง่าย ๆ เนี่ย 176 00:08:00,200 --> 00:08:02,800 ถ้าสมมติว่าทำวิธีการสลับกันไปสลับกันมา 177 00:08:02,960 --> 00:08:05,320 ก็ได้คำตอบมาทั้งหมด 3 คำตอบแล้วนะคะ 178 00:08:05,480 --> 00:08:08,080 เช่นเดียวกันค่ะ ในสมัยก่อนเนี่ยนักคณิตศาสตร์ 179 00:08:08,080 --> 00:08:10,400 เขาก็เจอกับปัญหานี้เหมือนกันนะ เขาก็เจอว่า 180 00:08:10,540 --> 00:08:13,240 เฮ้ย การทำอะไรอย่างนี้ ถ้าทำต่างกัน ลำดับต่างกันนะ 181 00:08:13,240 --> 00:08:14,820 คำตอบมันก็จะไม่เหมือนกัน 182 00:08:15,020 --> 00:08:18,260 ดังนั้น วิธีแก้ก็คือเราควรจะกำหนดสิ่งหนึ่งขึ้นมาค่ะ 183 00:08:18,400 --> 00:08:21,480 ซึ่งสิ่งนี้นะคะ มีชื่ออย่างเป็นทางการว่า order of operations ค่ะ 184 00:08:21,480 --> 00:08:24,140 หรือว่าลำดับวิธีการทางคณิตศาสตร์นั่นเอง 185 00:08:24,320 --> 00:08:26,740 ก็กำหนดมาเป็นขั้นตอนเสร็จเรียบร้อยเลยนะคะ 186 00:08:26,840 --> 00:08:29,480 โดยเด็กฝรั่งเนี่ยนะคะ เขาจะมีวิธีการจำง่าย ๆ กันค่ะ 187 00:08:29,480 --> 00:08:31,100 โดยเขาบอกให้จำคำว่า 188 00:08:31,220 --> 00:08:34,320 "Please excuse my dear Aunt Sally." นะคะ 189 00:08:34,420 --> 00:08:37,420 แล้วก็พอเขียนอย่างนี้ออกมาปุ๊บก็ให้ดูที่ตัวแรกค่ะ 190 00:08:37,420 --> 00:08:38,620 please เนี่ย คือ ตัว p 191 00:08:38,620 --> 00:08:41,880 p คืออะไร p คือ parentheses นะคะ 192 00:08:41,880 --> 00:08:45,560 ก็คืออะไรก็ตามที่อยู่ในวงเล็บเนี่ย ให้ทำก่อนค่ะ 193 00:08:45,820 --> 00:08:47,440 ส่วน e นะคะ คือ exponents 194 00:08:47,440 --> 00:08:50,360 อะไรที่เป็น exponential เป็นการยกกำลังต่าง ๆ 195 00:08:50,360 --> 00:08:52,040 ให้ทำเป็นลำดับที่ 2 นะคะ 196 00:08:52,320 --> 00:08:54,900 ส่วนตัวที่ 3 ค่ะ ก็คือ my dear 197 00:08:54,900 --> 00:08:58,320 my dear คือ multiplication and division นะคะ 198 00:08:58,320 --> 00:09:01,960 ก็คืออะไรที่เป็นการคูณ-การหารเนี่ย ให้ทำก่อนนะคะ 199 00:09:01,960 --> 00:09:04,540 และสุดท้ายค่ะ ก็คือ Aunt Sally 200 00:09:04,660 --> 00:09:07,840 Aunt Sally นี่ก็คือ add or subtraction นะคะ 201 00:09:07,840 --> 00:09:09,180 หรือว่าบวก-ลบ นั่นเอง 202 00:09:09,360 --> 00:09:12,140 พูดง่าย ๆ นะ ถ้าสมมติว่าเราไปจับซับภาษาอังกฤษไม่ได้ 203 00:09:12,180 --> 00:09:14,920 เพราะว่าเราก็คงไม่คุ้นกับศัพท์ภาษาอังกฤษที่ใช้ 204 00:09:14,920 --> 00:09:16,960 เรียกการบวกลบคูณหารยกกำลังนะ 205 00:09:17,300 --> 00:09:19,080 คิดง่าย ๆ ค่ะ เจอโจทย์อะไรก็ตาม 206 00:09:19,080 --> 00:09:21,800 อย่างแรกที่ต้องทำ ดูก่อนว่ามีวงเล็บไหมนะคะ 207 00:09:21,800 --> 00:09:23,760 ถ้ามีวงเล็บทำในวงเล็บก่อนค่ะ 208 00:09:23,980 --> 00:09:25,080 ส่วนอย่างที่สองนะคะ 209 00:09:25,080 --> 00:09:28,000 อะไรที่เป็นเลขยกกำลัง จัดการให้เสร็จเรียบร้อยก่อนค่ะ 210 00:09:28,220 --> 00:09:30,280 แล้วอย่างที่สามนะคะ ถ้าไม่มีอะไรเหลือแล้วเนี่ย 211 00:09:30,280 --> 00:09:31,760 ให้ทำคูณ-หารก่อนค่ะ 212 00:09:31,880 --> 00:09:33,860 และสุดท้ายที่ต้องทำท้ายสุด ๆ เลยนะคะ 213 00:09:33,860 --> 00:09:35,740 ก็คือการบวก-ลบ นั่นเองค่ะ 214 00:09:35,980 --> 00:09:38,720 ยกตัวอย่างนะคะ ถ้าสมมติว่าเรามีโจทย์หน้าตาแบบนี้ 215 00:09:39,080 --> 00:09:44,700 (3 + 5) × 4 - 3² ÷ 7 216 00:09:45,100 --> 00:09:48,240 เราจะต้องทำอะไรก่อน อะ สิ่งที่เราต้องทำก่อนก็คือ 217 00:09:48,240 --> 00:09:49,500 แน่นอน วงเล็บ ใช่ไหมคะ 218 00:09:49,500 --> 00:09:52,500 ดังนั้น เราก็จะต้องเอา 3 + 5 ได้ 8 ก่อนค่ะ 219 00:09:52,680 --> 00:09:57,460 นี่ ตอนนี้เราก็จะได้กลายเป็น 8 × 4 - 3² ÷ 7 220 00:09:57,580 --> 00:09:59,020 สิ่งที่สองที่เราต้องทำคืออะไรคะ 221 00:09:59,020 --> 00:10:00,360 ตอนนี้วงเล็บไม่เหลือแล้ว 222 00:10:00,520 --> 00:10:03,620 สิ่งที่สองที่ต้องทำก็คือ ยกกำลังใช่ไหมคะ 223 00:10:03,900 --> 00:10:07,500 ดังนั้นค่ะ เราก็ต้องเอา 3² ให้ได้ 9 ก่อนนะคะ 224 00:10:07,520 --> 00:10:12,080 หลังจากนั้นเนี่ย โจทย์ของเราก็จะกลายเป็น 8 × 4 - 9 ÷ 7 ค่ะ 225 00:10:12,280 --> 00:10:15,440 ซึ่งในตอนนี้เองเนี่ย 2 ขั้นตอนสุดท้ายก็จะเข้ามานะคะ 226 00:10:15,440 --> 00:10:17,560 นั่นก็คือ ทำคูณหารก่อนค่ะ 227 00:10:17,560 --> 00:10:19,600 เราต้องเอา 8 × 4 ก่อนนะคะ 228 00:10:19,760 --> 00:10:21,200 8 × 1 = 8 8 × 2 = 16 229 00:10:21,200 --> 00:10:24,460 8 × 3 = 24 8 × 4 = 32 ค่ะ 230 00:10:24,860 --> 00:10:28,340 เราก็จะได้ 32 - 9 ÷ 7 นะคะ 231 00:10:28,640 --> 00:10:31,040 ซึ่งสิ่งที่เราต้องทำถัดไปคืออะไรคะ 232 00:10:31,160 --> 00:10:34,480 คูณ-หาร เนี่ย ทำพร้อมกันใช่ไหม ดังนั้นเราต้องเอา 9 ÷ 7 ก่อน 233 00:10:34,480 --> 00:10:37,180 ซึ่ง 9 หาร 7 ไม่ลงตัวนะคะ ได้ประมาณ 234 00:10:37,180 --> 00:10:38,220 เท่าไหร่ก็ไม่รู้อะนะ 235 00:10:38,220 --> 00:10:41,280 ซึ่งอันนี้เป็นโจทย์ที่ตั้งไม่ดีเลย วิวตั้งเร็ว ๆ เมื่อกี้นะคะ 236 00:10:41,420 --> 00:10:43,360 แล้วค่อยเอาตัวเลขที่หารมาได้เนี่ย 237 00:10:43,480 --> 00:10:47,300 เอามาลบออกจาก 32 ก็จะเป็นอันได้คำตอบค่ะ 238 00:10:47,460 --> 00:10:49,900 ทีนี้เรากลับไปที่โจทย์เมื่อกี้ของเรานะคะ 239 00:10:50,300 --> 00:10:52,260 อื้อหือ มีความติวเตอร์สูงมากนะตอนนี้ 240 00:10:52,400 --> 00:10:54,480 พออุปกรณ์มันเหมาะกับการเรียนเนี่ย 241 00:10:54,640 --> 00:10:57,420 กลับไปที่โจทย์ของเราเมื่อกี้นะคะ โจทย์ของเราก็คือ 242 00:10:57,500 --> 00:11:04,220 5 + 5 ÷ 5 + 5 × 5 - 5 = ? 243 00:11:04,300 --> 00:11:07,420 อ้า ตามกฎเมื่อกี้เลยค่ะ เราต้องดูอย่างแรกคืออะไร 244 00:11:07,420 --> 00:11:09,400 อย่างแรกก็คือ ดูวงเล็บก่อนนะคะ 245 00:11:09,400 --> 00:11:11,520 ซึ่งในโจทย์ของเรารอบนี้ไม่มีวงเล็บค่ะ 246 00:11:11,640 --> 00:11:14,860 ข้อที่สอง มียกกำลังไหม ยกกำลังก็ไม่มีเหมือนกันนะคะ 247 00:11:14,860 --> 00:11:18,240 ดังนั้นขั้นตอนถัดไปก็คือ คูณ-หาร นั่นเองค่ะ 248 00:11:18,520 --> 00:11:20,500 ไหน ในโจทย์ของเรามีคูณ-หาร ตรงไหนบ้าง 249 00:11:20,620 --> 00:11:22,520 มีคู่นี่ใช่ไหมคะ กับคู่นี้ 250 00:11:22,520 --> 00:11:24,460 ดังนั้น เอา 5 หาร 5 ก่อนเลยค่ะ 251 00:11:24,940 --> 00:11:27,940 5 หาร 5 ได้มาเป็นเท่ากับ 1 นะคะ 252 00:11:27,940 --> 00:11:30,400 ส่วน 5 คูณ 5 ได้เท่ากับ 25 ค่ะ 253 00:11:30,400 --> 00:11:34,900 ตอนนี้โจทย์ของเราก็จะกลายเป็น 5 + 1 + 25 - 5 254 00:11:34,900 --> 00:11:37,560 ซึ่งตอนนี้ หลังจากที่คำนวณเลขอะไรต่าง ๆ 255 00:11:37,560 --> 00:11:39,460 ด้วยการบวก-ลบ ระดับประถมอะนะ 256 00:11:39,460 --> 00:11:42,620 เราก็จะได้คำตอบมาเท่ากับ 26 นั่นเองค่ะ 257 00:11:42,660 --> 00:11:44,920 ดังนั้น นี่ก็คือคำตอบของโจทย์ที่บอกว่า 258 00:11:44,920 --> 00:11:49,280 5 + 5 ÷ 5 + 5 × 5 - 5 = ? นะคะ 259 00:11:49,520 --> 00:11:51,600 เช่นเดียวกับโจทย์อื่น ๆ ที่เราจะไปเจอค่ะ 260 00:11:51,600 --> 00:11:55,320 ถ้าสมมติว่า เราไปเจอโจทย์อันไหนที่มันงง ๆ ในอินเทอร์เน็ตอีก 261 00:11:55,320 --> 00:11:57,780 ก็ใช้หลักการเดียวกันนี้ได้ หมดเลยนะคะ 262 00:11:57,780 --> 00:12:00,580 เท่านี้เราก็จะตอบได้ถูกต้องแล้วค่ะ 263 00:12:00,740 --> 00:12:02,220 ก็เป็นอันจบคำถามนี้ไปนะคะ 264 00:12:02,220 --> 00:12:03,820 วันนี้อธิบายแบบละเอียดนิดนึง 265 00:12:03,820 --> 00:12:05,660 ดูมีความเป็นติวเตอร์นิดนึงนะ 266 00:12:05,660 --> 00:12:07,880 อย่างไรก็ตามก็อันนี้มันเป็นเรื่องนึง 267 00:12:07,880 --> 00:12:10,040 ที่รู้สึกว่าเป็นพื้นฐานที่เป็นประโยชน์มาก ๆ 268 00:12:10,040 --> 00:12:11,420 ก็อยากให้ทุกคน ตอบกันได้ค่ะ 269 00:12:11,420 --> 00:12:13,980 เราไปที่คำถามถัดไปกันดีกว่านะคะ 270 00:12:13,980 --> 00:12:15,480 คำถามถัดไปมาจากใครเอ่ย 271 00:12:15,760 --> 00:12:17,080 โอ้โห คำถามถัดไปนะคะ 272 00:12:17,080 --> 00:12:18,680 บอกเลย คนนี้พิเศษจริง ๆ ค่ะ 273 00:12:18,680 --> 00:12:20,120 มาจากน้องคนสวยคนนึงนะคะ 274 00:12:20,120 --> 00:12:21,960 ชื่อว่า น้อง Point of View ค่ะ 275 00:12:21,960 --> 00:12:25,340 เขาถามมาว่า เอาคอมพิวเตอร์มาโชว์เขียนไปเขียนมาขนาดนี้ 276 00:12:25,340 --> 00:12:26,960 มีอะไรพิเศษรึเปล่าคะ 277 00:12:27,140 --> 00:12:30,440 โอ้โห บอกเลยนะคะ น้องคนนี้ถามได้ตรงใจสุด ๆ ค่ะ 278 00:12:30,580 --> 00:12:33,420 ไม่น่าเชื่อเลย ไม่รู้ว่าน้องเขารู้ล่วงหน้าได้ยังไงเนี่ย 279 00:12:33,420 --> 00:12:34,580 ว่าคลิปนี้เราจะมี 280 00:12:34,780 --> 00:12:38,160 โน้ตบุ๊ก HP Spectre X360 2020 281 00:12:38,480 --> 00:12:40,900 ที่มาพร้อมกับดีไซน์ gem cut สุดหรู 282 00:12:41,080 --> 00:12:44,000 สวย เท่ ดูแข็งแรง แต่บางเบา 283 00:12:44,100 --> 00:12:46,200 น้ำหนักเพียง 1.3 กิโลกรัม 284 00:12:46,420 --> 00:12:49,900 ขอบจอบางเฉียบ หน้าจอขนาด 13.3 นิ้ว 285 00:12:50,080 --> 00:12:52,740 ทนทาน พับได้ถึง 360 องศา 286 00:12:53,060 --> 00:12:55,080 พกพาไปทำงานที่ไหนก็ได้ 287 00:12:55,880 --> 00:13:00,820 HP Spectre X360 มาพร้อมกับ ระบบปฏิบัติการ Windows 10 Home 288 00:13:01,000 --> 00:13:05,200 และโปรแกรม Microsoft Office Home & Student 2019 ของแท้ 289 00:13:05,200 --> 00:13:07,780 ทำให้สามารถใช้โปรแกรม Microsoft Word, 290 00:13:07,900 --> 00:13:10,560 Microsoft Excel, Microsoft PowerPoint 291 00:13:10,860 --> 00:13:12,640 OneNote ทำงานได้ 292 00:13:13,060 --> 00:13:17,240 ใช้ Microsoft Teams สำหรับ Online Conference หรือ E-learning 293 00:13:17,520 --> 00:13:19,220 จะแต่งรูป ตัดวิดีโอ 294 00:13:19,300 --> 00:13:22,020 หรือเล่นเกมเบา ๆ ก็จบได้ในเครื่องเดียว 295 00:13:22,960 --> 00:13:25,700 อะ พอได้แล้วล่ะ เอาจริง ๆ นะคะ วิวอยากจะบอกว่า 296 00:13:25,780 --> 00:13:26,700 คือจริง ๆ เนี่ยนะคะ 297 00:13:26,700 --> 00:13:30,900 วิวมีโอกาสได้โน้ตบุ๊ก HP Spectre X360 เครื่องนี้มาลองใช้ค่ะ 298 00:13:31,000 --> 00:13:32,960 ซึ่งพอลองใช้ดูเนี่ยก็พบว่า 299 00:13:32,960 --> 00:13:35,400 มีอะไรหลาย ๆ อย่างที่มันสะดวกสบายมาก ๆ นะคะ 300 00:13:35,400 --> 00:13:37,440 ก็เลยอยากเอามาเล่าให้ทุกคนฟังเท่านั้นแหละ 301 00:13:37,640 --> 00:13:38,760 คืออย่างแรกเนี่ยนะคะ 302 00:13:38,760 --> 00:13:41,180 เครื่องนี้มันเป็นกึ่ง Tablet กึ่ง Notebook ค่ะ 303 00:13:41,180 --> 00:13:45,080 ดังนั้น มันเป็นโน้ตบุ๊กที่สามารถใช้หน้าจอทัชสกรีนได้นะคะ 304 00:13:45,340 --> 00:13:49,200 แล้วเท่านั้นยังไม่พอนะ มันก็พับได้ 360 องศานะ อย่างนี้เป็นต้น 305 00:13:49,200 --> 00:13:51,720 นี่ เห็นปะ พับได้ทุกองศาเลยนะคะ 306 00:13:51,720 --> 00:13:55,860 สามารถเอามาตั้งเป็นแท็บเล็ตแบบนี้ หรือว่าจะพับให้สุดไปเลย 307 00:13:56,060 --> 00:13:59,800 สุดขึ้นมาอีกด้านนึงเลยแบบนี้ ก็ได้เหมือนกันนะคะ 308 00:13:59,800 --> 00:14:01,740 นี่ ก็คือไม่ต้องกลัวหักอะไรเลย 309 00:14:01,740 --> 00:14:04,220 แล้วก็สามารถใช้งานได้สะดวกสบายมาก ๆ 310 00:14:04,320 --> 00:14:06,900 สมมติว่าเราพรีเซนต์งานอยู่ อะไรอย่างนี้ 311 00:14:06,900 --> 00:14:08,540 อยากให้ลูกค้าเห็นฝั่งตรงข้ามนะ 312 00:14:08,540 --> 00:14:10,700 เราก็สามารถแบบ เนี่ยปรับขึ้นมาอย่างนี้ 313 00:14:10,700 --> 00:14:12,640 แล้วแสงหน้าวิวก็จะมืดนะคะ ไม่เป็นไร 314 00:14:12,920 --> 00:14:15,660 แล้วก็สามารถให้แบบ เขียนอะไรให้ลูกค้าดูได้ทันที 315 00:14:15,660 --> 00:14:17,620 เท่านั้นยังไม่พอ มันยังมีปากกามาด้วยนะทุกคน 316 00:14:17,620 --> 00:14:19,940 ก็สามารถเขียนได้เลย อะไรต่าง ๆ อย่างนี้ 317 00:14:20,220 --> 00:14:23,420 หรือว่า ใครพิมพ์เอกสารอะไรใน Microsoft Word นะคะ 318 00:14:23,620 --> 00:14:26,100 พอพิมพ์เสร็จปุ๊บ อยากเซ็นเอกสารเนี่ย 319 00:14:26,100 --> 00:14:29,400 ก็สามารถเปลี่ยนโหมดมาใช้ปากกา แล้วก็เซ็นได้เลย 320 00:14:29,400 --> 00:14:31,260 คือจัดหน้าง่าย เพราะมันเป็นคอมพิวเตอร์ 321 00:14:31,260 --> 00:14:33,820 มันไม่ใช่แบบแท็บเล็ตอะไรที่เราจะต้องมาแบบว่า 322 00:14:33,820 --> 00:14:35,400 เอ้ย จัดหน้าเด้งไปเด้งมา 323 00:14:35,500 --> 00:14:37,060 มันก็คือคอมพิวเตอร์ธรรมดาทั่วไป 324 00:14:37,060 --> 00:14:39,920 แต่ว่าพอมีปากกาเนี่ย เราก็เซ็นได้เลย 325 00:14:39,920 --> 00:14:40,960 เหมือนกับใช้แท็บเล็ต 326 00:14:40,960 --> 00:14:43,220 หรือว่าเหมือนกับใช้เมาส์ปากกาเลยทีเดียวค่ะ 327 00:14:43,360 --> 00:14:45,680 เรียกได้ว่า การใช้งานเนี่ยยืดหยุ่นมาก ๆ นะคะ 328 00:14:45,680 --> 00:14:48,520 สามารถใช้งานได้หลากหลายแบบจริง ๆ นะทุกคน 329 00:14:48,640 --> 00:14:51,380 เท่านั้นยังไม่พอนะคะ ไฮไลต์อีกอย่างนึงของเครื่องนี้เลยเนี่ย 330 00:14:51,380 --> 00:14:53,600 ก็คือสิ่งที่วิวรำคาญมาตั้งแต่เด็ก 331 00:14:53,720 --> 00:14:55,660 คือตั้งแต่เด็กเนี่ย เวลาไปซื้อคอมพิวเตอร์นะคะ 332 00:14:55,660 --> 00:14:57,700 เราก็จะต้องไปหาซื้อระบบปฏิบัติการเนี่ย 333 00:14:57,700 --> 00:14:59,160 มาลงคอมพิวเตอร์เองใช่ไหม 334 00:14:59,160 --> 00:15:00,920 ลงไป เอ๊ เราลงเป็นหรือไม่เป็น 335 00:15:00,920 --> 00:15:02,720 จะต้องให้ร้านลงให้รึเปล่านะคะ 336 00:15:03,000 --> 00:15:07,220 แต่เครื่องนี้ซื้อมาปุ๊บมันมาพร้อมกับ ระบบปฏิบัติการ Windows 10 เลยค่ะ 337 00:15:07,320 --> 00:15:09,120 คือเรียกได้ว่าลงมาล่วงหน้าแล้ว 338 00:15:09,120 --> 00:15:11,180 แกะกล่องออกมาปุ๊บ เปิดซีลปึ้บ 339 00:15:11,280 --> 00:15:14,480 ใส่อีเมลตัวเอง ใส่พาสเวิร์ด ทุกอย่างก็กลับมาเลยนะคะ 340 00:15:14,480 --> 00:15:16,560 สามารถใช้งานได้เลย แล้วก็มี OneDrive 341 00:15:16,660 --> 00:15:19,860 ซึ่งเป็น cloud มีข้อมูลของเราอยู่ในนั้นอยู่แล้ว 342 00:15:19,860 --> 00:15:22,340 เราก็สามารถโหลดเอกสารอะไรมาทำงานได้เลย 343 00:15:22,420 --> 00:15:23,800 เรียกได้ว่าออกจากร้านปุ๊บนะคะ 344 00:15:23,800 --> 00:15:26,160 เปิดกล่องทำงานเดี๋ยวนั้นเลยก็ได้นะ 345 00:15:26,260 --> 00:15:28,720 ที่สำคัญนะคะ เขายังมีอีกอย่างนึงแถมมาให้ค่ะ 346 00:15:28,760 --> 00:15:32,060 นั่นก็คือ Microsoft Office Home & Student 2019 นะคะ 347 00:15:32,160 --> 00:15:36,160 ซึ่งเราก็รู้กันน่ะว่า พวกเราทั้งคนที่ทำงานแล้วก็คนที่เรียนเนี่ย 348 00:15:36,160 --> 00:15:38,800 เราใช้โปรแกรมของ Microsoft Office เยอะขนาดไหน 349 00:15:38,800 --> 00:15:40,980 ไม่ว่าจะเป็น Microsoft Word, Microsoft Excel, 350 00:15:40,980 --> 00:15:42,180 Microsoft PowerPoint 351 00:15:42,300 --> 00:15:44,500 แล้วก็ Microsoft อีกหลากหลายต่าง ๆ น่ะนะ 352 00:15:44,500 --> 00:15:46,760 แต่ว่า 3 อันนี้คือ 3 อันที่เราใช้หลัก ๆ ใช่ไหม 353 00:15:47,020 --> 00:15:49,880 เครื่องนี้แถมของแท้มาให้เลยนะคะ เรียกได้ว่า 354 00:15:50,200 --> 00:15:51,740 มาถึงก็ใช้ได้เลยนะ 355 00:15:52,000 --> 00:15:55,340 ซึ่งปกติถ้าสมมติว่าเราไปซื้อพวก Microsoft Office แยกเนี่ย 356 00:15:55,340 --> 00:15:58,040 รู้กันไหมว่า ของแท้เนี่ยราคาถึง 357 00:15:58,260 --> 00:16:00,820 4,299 เลยนะคะ 358 00:16:00,940 --> 00:16:02,680 ของแถมเนี่ยราคา 4,000 กว่าเลยนะ 359 00:16:02,680 --> 00:16:04,020 ไม่รวม Windows นะทุกคน 360 00:16:04,420 --> 00:16:05,660 แอบกระซิบนิดนึงนะคะว่า 361 00:16:05,660 --> 00:16:07,840 ช่วงนี้ใครต้องเรียนต้องทำงานออนไลน์เนี่ย 362 00:16:07,840 --> 00:16:10,380 ก็สามารถไปโหลดโปรแกรมอีกโปรแกรมนึงมาใช้ได้ค่ะ 363 00:16:10,740 --> 00:16:12,700 นั่นก็คือ Microsoft Teams นั่นเอง 364 00:16:13,000 --> 00:16:16,400 ซึ่งมันก็สามารถใช้ทั้งประชุมออนไลน์ ทำ online conference 365 00:16:16,400 --> 00:16:18,160 presentation อะไรต่าง ๆ ได้ 366 00:16:18,320 --> 00:16:19,880 ส่วนตัววิวเนี่ย วิวลองใช้แล้วนะ 367 00:16:19,880 --> 00:16:22,120 แล้วก็รู้สึกว่า เออ มันค่อนข้างเสถียรเลยทีเดียว 368 00:16:22,120 --> 00:16:24,820 ก็สะดวกมาก เหมาะมากนะคะ กับการทำงาน 369 00:16:24,820 --> 00:16:27,140 หรือว่าการเรียนในช่วงเวลาแบบนี้ค่ะ 370 00:16:27,380 --> 00:16:30,260 เท่านั้นยังไม่พอนะ สิ่งนึงที่แบบใช้งานมาสักพักแล้ว 371 00:16:30,260 --> 00:16:31,620 อันนี้ใช้มาเกือบอาทิตย์แล้วอะ 372 00:16:31,780 --> 00:16:34,920 แล้วค้นพบว่ามันแบบสุดจริง ๆ ไม่น่าเชื่อเลยก็คือ 373 00:16:35,120 --> 00:16:36,380 ก่อนอัดวิดีโอนี้นะคะ 374 00:16:36,380 --> 00:16:37,800 เพราะว่าวิวกลัวว่าคอมจะดับ 375 00:16:37,800 --> 00:16:39,900 นี่เป็นครั้งแรกค่ะ ตั้งแต่วิวเริ่มใช้งาน 376 00:16:39,900 --> 00:16:43,100 ที่วิวเอาสายชาร์จจิ้มเข้าไปที่คอมเครื่องนี้นะคะ 377 00:16:43,100 --> 00:16:45,820 เพราะว่า คือวิวอะไม่รู้ว่าใช้จริงมันได้กี่ชั่วโมงนะ 378 00:16:45,820 --> 00:16:49,320 แต่ว่าเขาอะบอกว่าใช้ได้ทั้งหมด 22 ชั่วโมงนะคะ 379 00:16:49,320 --> 00:16:52,760 และที่สำคัญ เมื่อกี้ก่อนอัดวิดีโอ วิวก็จิ้มชาร์จไว้แปปเดียวค่ะ 380 00:16:52,880 --> 00:16:54,280 มันก็ได้ตามที่เขาบอกเลย 381 00:16:54,280 --> 00:16:56,240 คือ เครื่องนี้ชาร์จด้วย USB-C นะคะ 382 00:16:56,240 --> 00:16:58,140 ซึ่งเป็น fast charger ค่ะ 383 00:16:58,140 --> 00:17:02,160 คือพอชาร์จปุ๊บเนี่ย แค่ครึ่งชั่วโมงเท่านั้นนะ ชาร์จได้ 50% 384 00:17:02,480 --> 00:17:04,300 100% ใช้ได้ 22 ชั่วโมง 385 00:17:04,300 --> 00:17:07,880 แปลว่า เราชาร์จครึ่งชั่วโมง ใช้ได้ 11 ชั่วโมงเลยนะคะ 386 00:17:08,020 --> 00:17:11,700 อื้อหือ ใช้ได้นานจริง ๆ อันนี้แบบ ประทับใจมากจริง ๆ 387 00:17:11,700 --> 00:17:14,000 จากคนที่แบบว่าชอบลืมสายชาร์จ 388 00:17:14,000 --> 00:17:16,440 หรือเป็นคนที่ไม่ชอบพกสายชาร์จออกจากบ้านน่ะนะ 389 00:17:16,600 --> 00:17:19,800 นี่ไม่นับเรื่องพวกแบบความปลอดภัย ที่เครื่องนี้มีอีกเพียบเลยนะคะ 390 00:17:19,800 --> 00:17:22,740 ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการสแกนหน้า การสแกนลายนิ้วมือ 391 00:17:23,100 --> 00:17:25,100 หรือว่าสิ่งที่เรียกว่า HP Sure View นะคะ 392 00:17:25,100 --> 00:17:26,880 ซึ่งเขาเป็นระบบป้องกันหน้าจอ 393 00:17:26,880 --> 00:17:28,460 คือแบบสมมติเราใช้งานอยู่อย่างนี้ 394 00:17:28,680 --> 00:17:29,960 ใช้งานเรียนออนไลน์อะไรอยู่ 395 00:17:29,960 --> 00:17:31,600 แล้วไม่อยากให้ใครเดินผ่านไปผ่านมา 396 00:17:31,600 --> 00:17:33,080 แล้วมาเห็นหน้าจอของเราเนี่ย 397 00:17:33,120 --> 00:17:34,820 เปิดปุ่มนี้เข้าไปนะคะ 398 00:17:34,960 --> 00:17:37,380 คนที่ใช้งานตรงหน้าเนี่ย มองเห็นหน้าจอได้ค่ะ 399 00:17:37,380 --> 00:17:39,720 แต่ว่าคนที่เดินมาข้าง ๆ 2 ข้างเนี่ย 400 00:17:39,720 --> 00:17:43,600 จะเห็นหน้าจอเป็นสีรุ้งเลยนะ เรียกได้ว่ามองไม่เห็นเลยค่ะว่าทำอะไรอยู่ 401 00:17:43,600 --> 00:17:45,120 ดังนั้น เหมาะมากกับการแบบ 402 00:17:45,320 --> 00:17:48,080 สมมติว่าไปเรียนในห้องเรียน หรือว่าไปทำงานที่ออฟฟิศ 403 00:17:48,080 --> 00:17:49,580 แล้วไม่อยากให้คนมาส่องแบบ 404 00:17:49,760 --> 00:17:52,100 เฮ้ย เธอดูอะไรอยู่อะ อะไรอย่างนี้นะคะ 405 00:17:52,460 --> 00:17:54,760 เอาจริง ๆ หลัก ๆ ก็อยากจะมาอวดเนี่ยแหละว่า 406 00:17:55,020 --> 00:17:57,020 ตอนนี้เพิ่งได้คอมพิวเตอร์เครื่องใหม่มาลอง 407 00:17:57,020 --> 00:17:58,520 แล้วมันก็ดีมากจริง ๆ นะคะ 408 00:17:58,520 --> 00:18:02,000 ดังนั้น ถ้าสมมติว่าสนใจกันก็สามารถลองไปดูรายละเอียด 409 00:18:02,000 --> 00:18:03,940 ได้ที่ description box ข้างล่างเนาะ 410 00:18:04,080 --> 00:18:06,880 สำหรับวันนี้นะคะ วิวก็คิดว่าวิวเวิ่นมามากพอแล้วแหละ 411 00:18:06,880 --> 00:18:10,100 ทั้งคำถามที่เป็นคำถามจริง ๆ คำถามสาระ 412 00:18:10,100 --> 00:18:13,020 คำถามน่าสนใจ คำถามเกี่ยวกับวิทยาศาสตร์ 413 00:18:13,020 --> 00:18:14,680 คำถามเกี่ยวกับคณิตศาสตร์ 414 00:18:14,840 --> 00:18:17,520 คำถามเกี่ยวกับที่มาของคำศัพท์อะไรต่าง ๆ นะคะ 415 00:18:17,520 --> 00:18:20,480 เอาเป็นว่า ถ้าสมมติว่าใครมีคำถามอยากถามวิวอีกเนี่ย 416 00:18:20,480 --> 00:18:23,080 ก็สามารถติดแฮชแท็กนะคะ #วิวเอ๋ยบอกข้าเถิด 417 00:18:23,080 --> 00:18:25,140 แล้วก็ถามมาด้านล่างได้เลยค่ะ 418 00:18:25,200 --> 00:18:27,220 สำหรับรายการ #วิวเอ๋ยบอกข้าเถิด Ep. หน้า 419 00:18:27,220 --> 00:18:31,000 อาจจะเป็นคำถามของคุณค่ะ ที่ได้รับคำตอบในคลิปวิดีโอเนาะ 420 00:18:31,140 --> 00:18:32,820 สำหรับวันนี้นะคะ ใครชื่นชอบคลิปนี้ 421 00:18:32,820 --> 00:18:34,140 อย่าลืมกด like เป็นกำลังใจให้วิว 422 00:18:34,140 --> 00:18:36,440 แล้วก็กด share เพื่อชวนเพื่อน ๆ มาดูด้วยกันค่ะ 423 00:18:36,600 --> 00:18:39,800 ลาไปก่อนแล้วกันนะคะ บาย ๆ สวัสดีค่ะ 424 00:18:44,340 --> 00:18:45,620 สำหรับชีวิตของเราเนี่ยนะคะ 425 00:18:45,620 --> 00:18:48,800 เราก็ดำเนินมาถึงจุดที่เราสามารถ ตอบคำถามจากตัวเองได้แล้วนะคะ 426 00:18:48,800 --> 00:18:50,140 หลังจากที่คลิปก่อน ๆ เราเนี่ย 427 00:18:50,140 --> 00:18:52,080 ก็มีการถกเถียงกับตัวเองออกคลิปไป 428 00:18:52,080 --> 00:18:53,500 โต้วาทีกับตัวเองออกคลิปไป 429 00:18:53,740 --> 00:18:56,340 ก็ไม่เป็นไรค่ะ เพราะว่าในช่วงนี้ก็ยังเป็นช่วงที่ 430 00:18:56,520 --> 00:18:57,880 เราค่อนข้างจะอยู่บ้านเยอะ 431 00:18:57,880 --> 00:19:00,540 เจอเพื่อน ๆ ก็เจอผ่าน online conference อะไรต่าง ๆ 432 00:19:00,540 --> 00:19:03,500 ยังไม่ค่อยได้ออกไปพบปะสังสรรค์อะไรขนาดนั้นนะคะ 433 00:19:03,500 --> 00:19:06,020 อยู่คนเดียวมาก ๆ ก็ทำอะไรแบบนี้ได้แหละ 434 00:19:06,220 --> 00:19:08,340 แต่ไม่เป็นไร เพราะว่าถึงเราจะอยู่คนเดียว 435 00:19:08,340 --> 00:19:12,080 แต่เราก็มีโน้ตบุ๊ก HP Spectre X360 ของเรา 436 00:19:12,080 --> 00:19:16,240 ที่เราสามารถเอามาเล่นอะไรต่าง ๆ ได้อย่างมีความสุขนะคะ 437 00:19:16,480 --> 00:19:18,460 แหม่ ตอนจบแล้วก็ยังไม่เลิกอีกทุกคน 438 00:19:18,660 --> 00:19:21,160 ดังนั้น พอเถอะค่ะ วันนี้ลาไปก่อนละกันนะคะทุกคน 439 00:19:21,160 --> 00:19:23,120 บาย ๆ สวัสดีค่ะ