ไบรอัน กรีน (Brian Greene): เอกภพของเรา เป็นเพียงเอกภพเดียวจริงหรือ?
-
0:00 - 0:02ไม่กี่เดือนก่อน
-
0:02 - 0:04รางวัลโนเบลสาขาฟิสิกส์
-
0:04 - 0:06ถูกมอบให้ทีมนักดาราศาสตร์ 2 ทีม
-
0:06 - 0:09สำหรับการค้นพบที่ได้รับการยกย่อง
-
0:09 - 0:11ให้เป็นการค้นพบที่สำคัญที่สุดเท่าที่เคยมีมา
-
0:11 - 0:13ด้านการสังเกตการณ์ดาราศาสตร์
-
0:13 - 0:15วันนี้ ผมจะเริ่มจากอธิบายให้ฟัง
เกี่ยวกับสิ่งที่พวกเขาค้นพบ -
0:15 - 0:18แล้วต่อด้วยกรอบแนวคิดซึ่งเป็นที่ถกเถียง
-
0:18 - 0:21ที่ใช้อธิบายการค้นพบนี้
-
0:21 - 0:23นั่นก็คือ ความเป็นไปได้ที่
-
0:23 - 0:25ไกลออกไปจากโลก
-
0:25 - 0:28จากกาแล็กซีทางช้างเผือก และกาแล็กซีอื่นๆ
-
0:28 - 0:30เราอาจพบว่าเอกภพ (universe) ของเรา
-
0:30 - 0:32ไม่ได้เป็นเอกภพเดียวที่มีอยู่
-
0:32 - 0:34แต่เป็นเพียงแค่
-
0:34 - 0:36ส่วนหนึ่งของหลายเอกภพที่ซับซ้อน
-
0:36 - 0:38ที่เราเรียกว่า "สหภพ" (multiverse)
-
0:38 - 0:41แนวคิดของสหภพออกจะฟังดูแปลกสักหน่อย
-
0:41 - 0:43พวกเราส่วนใหญ่โตมากับความเชื่อที่ว่า
-
0:43 - 0:46คำว่า "เอกภพ" หมายถึง ทุกสิ่งอย่าง
-
0:46 - 0:49และผมว่าพวกเราส่วนใหญ่ที่คิดรอบคอบ
-
0:49 - 0:52เหมือนลูกสาวอายุ 4 ขวบของผม
ที่ได้ยินผมพูดแนวคิดเหล่านี้มาตั้งแต่เกิด -
0:52 - 0:54และเมื่อปีที่แล้ว ในขณะที่ผมกำลังประคองเธออยู่
-
0:54 - 0:56ผมบอกเธอว่า "โซเฟีย,
-
0:56 - 0:59พ่อรักลูกมากกว่าสิ่งอื่นใดในเอกภพเลยนะ"
-
0:59 - 1:01เธอถามผมว่า "พ่อคะ
-
1:01 - 1:03เอกภพ หรือ สหภพ กันแน่คะ?"
-
1:03 - 1:06(เสียงหัวเราะ)
-
1:06 - 1:09แม้ไม่นับการสอนลูกแบบแปลกๆ ของผม
-
1:09 - 1:11มันก็ดูแปลกที่จะจินตนาการ
-
1:11 - 1:13ถึงดินแดนอื่นๆ นอกเหนือจากของเรา
-
1:13 - 1:15ที่มีลักษณะพื้นฐานแตกต่างอย่างสิ้นเชิง
-
1:15 - 1:18ที่ซึ่งอาจมีสิทธิ์เรียกตัวเองว่าเป็นเอกภพได้เหมือนกัน
-
1:18 - 1:20ถึงแม้ว่า
-
1:20 - 1:22แนวความคิดนี้เป็นเพียงการคาดคะเน
-
1:22 - 1:24ผมก็ยังมุ่งมั่นจะโน้มน้าวให้พวกคุณเชื่อ
-
1:24 - 1:26ว่ามีเหตุผลมากพอที่จะจริงจังกับมัน
-
1:26 - 1:28เพราะมันอาจเป็นแนวคิดที่ถูกต้อง
-
1:28 - 1:31ผมจะแบ่งการอธิบายเรื่องของสหภพออกเป็นสามภาค
-
1:31 - 1:33ในภาคแรก
-
1:33 - 1:35ผมจะบรรยายการค้นพบที่ได้รางวัลโนเบล
-
1:35 - 1:37และชี้ให้เห็นปริศนาอันน่าฉงน
-
1:37 - 1:39ซึ่งถูกเปิดเผยโดยการค้นพบเหล่านั้น
-
1:39 - 1:41ในภาคที่สอง
-
1:41 - 1:43ผมจะเสนอคำตอบสำหรับปริศนานั้น
-
1:43 - 1:45ซึ่งตั้งอยู่บนพื้นฐานของแนวคิด ทฤษฎีสตริง (string theory)
-
1:45 - 1:47และนั่นคือตอน ที่แนวคิดเรื่องสหภพ
-
1:47 - 1:49จะเข้ามาในเรื่องราวของเรา
-
1:49 - 1:51และสุดท้าย ในภาคที่สาม
-
1:51 - 1:53ผมจะบรรยายทฤษฎีของจักรวาลวิทยา
-
1:53 - 1:55ที่เรียกว่า การขยายตัว (infllation)
-
1:55 - 1:58ซึ่งจะดึงเอาเรื่องราวทั้งสามภาคมารวมเข้าด้วยกัน
-
1:58 - 2:02ภาคแรก เริ่มต้นเมื่อปี 1929
-
2:02 - 2:04เมื่อนักดาราศาสตร์ชื่อดัง เอ็ดวิน ฮับเบิล (Edwin Hubble)
-
2:04 - 2:07ตระหนักว่ากาแล็กซีที่ห่างไกลออกไป
-
2:07 - 2:09ต่างวิ่งห่างจากเราออกไปเรื่อยๆ
-
2:09 - 2:11เขาก่อตั้งแนวคิดที่ว่าอวกาศนั้นยืดตัวออกเรื่อยๆ
-
2:11 - 2:13มันกำลังขยายตัว
-
2:13 - 2:16นี่เป็นการปฏิวัติด้านแนวคิดเลยทีเดียว
-
2:16 - 2:19ความเข้าใจโดยทั่วไปในยุคนั้นคือ
-
2:19 - 2:21เอกภพนั้นหยุดนิ่ง
-
2:21 - 2:23แต่กระนั้น
-
2:23 - 2:26มีสิ่งหนึ่งที่ทุกคนแน่ใจ นั่นก็คือ
-
2:26 - 2:29การขยายตัวจะต้องช้าลง
-
2:29 - 2:32เปรียบเสมือนแรงดึงดูดของโลก
-
2:32 - 2:35ที่ชะลอการลอยตัวของผลแอปเปิลที่ถูกโยนขึ้น
-
2:35 - 2:37ซึ่งแรงดึงดูด
-
2:37 - 2:39ของแต่ละกาแล็กซีนี้
-
2:39 - 2:41มีผลให้การขยายตัวของห้วงอวกาศ
-
2:41 - 2:43ชะลอลง
-
2:43 - 2:46ทีนี้ เร่งเวลามาสู่ยุคปี 90
-
2:46 - 2:48ในตอนที่นักดาราศาสตร์ 2 ทีม
-
2:48 - 2:50ที่ผมกล่าวถึงเมื่อตอนต้น
-
2:50 - 2:52เกิดแรงบันดาลใจจากเหตุผลดังกล่าว
-
2:52 - 2:54พวกเขาจึงคิดวัดอัตรา
-
2:54 - 2:56การขยายตัวเริ่มชะลอลง
-
2:56 - 2:58พวกเขาทำการทดลอง
-
2:58 - 3:00โดยใช้ความอุตสาหะในการเฝ้าสังเกตการณ์
-
3:00 - 3:02หลายๆ กาแล็กซีอันห่างไกล
-
3:02 - 3:04ทำให้พวกเขาสามารถบันทึก
-
3:04 - 3:07ว่าอัตราการขยายตัวนั้นเปลี่ยนแปลงตามเวลาไปอย่างไร
-
3:07 - 3:10และนี่คือผลที่น่าประหลาดใจ
-
3:10 - 3:13พวกเขาพบว่าอัตราการขยายตัวไม่ได้ค่อยๆ ชะลอลง
-
3:13 - 3:15แต่กลับพบว่ามันกำลังเร่งความเร็วขึ้น
-
3:15 - 3:17เร็วขึ้นเรื่อยๆ
-
3:17 - 3:19มันเหมือนกับการโยนลูกแอปเปิลขึ้นในอากาศ
-
3:19 - 3:21แล้วมันลอยสูงขึ้น เร็วขึ้นเรื่อยๆ
-
3:21 - 3:23เวลาคุณเห็นแอปเปิลเป็นอย่างนั้น
-
3:23 - 3:25คุณคงอยากรู้ว่า
-
3:25 - 3:27อะไรกำลังผลักมันอยู่
-
3:27 - 3:29คล้ายกันครับ การค้นพบของนักดาราศาสตร์เหล่านั้น
-
3:29 - 3:32สมควรได้รับรางวัลโนเบลอย่างแน่นอน
-
3:32 - 3:36แต่พวกเขาก็สร้างคำถามเชิงเปรียบเทียบขึ้นมา
-
3:36 - 3:38ว่าแรงอะไรที่กำลังผลักดันกาแล็กซีทั้งหลาย
-
3:38 - 3:41ให้วิ่งออกห่างจากกัน
-
3:41 - 3:44ด้วยอัตราที่เร็วขึ้นเรื่อยๆ
-
3:44 - 3:46ทีนี้ คำตอบที่เป็นไปได้มากที่สุด
-
3:46 - 3:49มาจากแนวคิดเก่าแก่ของ ไอน์สไตน์ (Einstien)
-
3:49 - 3:51คือว่า พวกเราเคยชินกับแรงโน้มถ่วง
-
3:51 - 3:54ว่าเป็นแรงที่มีหน้าที่อย่างเดียว
-
3:54 - 3:56คือดึงวัตถุเข้าหากัน
-
3:56 - 3:58แต่ในทฤษฎีแรงโน้มถ่วงของไอน์สไตน์
-
3:58 - 4:00หรือทฤษฎีสัมพัทธภาพ
-
4:00 - 4:03แรงโน้มถ่วงก็สามารถผลักวัตถุออกจากกันได้
-
4:03 - 4:06ถ้าอธิบายตามคณิตศาสตร์ของไอน์สไตน์
-
4:06 - 4:08อวกาศนั้นเต็มไปด้วยพลังงานที่มองไม่เห็น
-
4:08 - 4:10กระจายตัวอยู่อย่างสม่ำเสมอ
-
4:10 - 4:13คล้ายๆ กับหมอกบางๆ ที่มองไม่เห็น
-
4:13 - 4:16ทีนี้แรงโน้มถ่วงที่สร้างขึ้นจากหมอกพวกนั้น
-
4:16 - 4:18จะเป็นแรงผลัก
-
4:18 - 4:20เป็นแรงโน้มถ่วงชนิดผลัก
-
4:20 - 4:23ซึ่งเป็นสิ่งที่เราต้องการ
ที่จะใช้อธิบายผลสังเกตการณ์เหล่านั้น -
4:23 - 4:25และเป็นเพราะแรงโน้มถ่วงชนิดผลัก
-
4:25 - 4:27ของพลังงานที่มองไม่เห็นในอวกาศ
-
4:27 - 4:29เราจึงเรียกมันว่า พลังงานมืด (dark energy)
-
4:29 - 4:32ผมทำมันเป็นควันสีขาว เพื่อให้คุณเห็นมัน
-
4:32 - 4:34แรงโน้มถ่วงชนิดผลัก
-
4:34 - 4:36ทำให้แต่ละกาแล็กซีต่างผลักตัวออกจากกัน
-
4:36 - 4:38ส่งผลให้การขยายตัวเพิ่มอัตราขึ้น
-
4:38 - 4:40ไม่ใช่ช้าลง
-
4:40 - 4:42และการอธิบายนี้
-
4:42 - 4:44ก็แสดงถึงความก้าวหน้าอันยิ่งใหญ่
-
4:44 - 4:47ผมสัญญาพวกคุณว่าจะมีปริศนา
-
4:47 - 4:49ในภาคแรกนี้
-
4:49 - 4:51เรื่องมันเป็นอย่างนี้ครับ
-
4:51 - 4:53เมื่อนักดาราศาสตร์กลุ่มนี้คำนวณได้ว่า
-
4:53 - 4:56ต้องมีพลังงานมืด
-
4:56 - 4:58แทรกตัวอยู่ในอวกาศมากแค่ไหน
-
4:58 - 5:00จึงจะส่งผลให้เกิดการขยายตัวของอวกาศเช่นที่เป็นอยู่
-
5:00 - 5:02นี่คือผลที่พวกเขาพบ
-
5:09 - 5:11ตัวเลขที่ได้ มีค่าน้อยมาก
-
5:11 - 5:13แม้จะแสดงในหน่วยที่เหมาะสมแล้ว
-
5:13 - 5:15มันก็ยังดูน้อยมากอยู่ดี
-
5:15 - 5:18และปริศนานั้นก็คือการที่จะอธิบายเจ้าเลขแปลกๆ ตัวนี้
-
5:18 - 5:20เราอยากให้ตัวเลขนี้
-
5:20 - 5:22ให้เป็นผลลัพธ์ของกฏฟิสิกส์
-
5:22 - 5:25แต่จนถึงตอนนี้ยังไม่มีใครพบวิธีที่จะทำได้
-
5:25 - 5:28ทีนี้คุณอาจสงสัยว่า
-
5:28 - 5:30ต้องสนใจมันด้วยเหรอ?
-
5:30 - 5:32บางทีคำอธิบายเลขตัวนี้
-
5:32 - 5:34อาจเป็นแค่เรื่องทางเทคนิค
-
5:34 - 5:37อาจเป็นรายละเอียดที่มีแต่ผู้เชี่ยวชาญสนใจ
-
5:37 - 5:39แต่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับใครอื่น
-
5:39 - 5:42มันก็เป็นเรื่องรายละเอียดทางเทคนิคจริงๆ แหละครับ
-
5:42 - 5:44แต่รายละเอียดบางอย่าง ก็น่าสนใจ
-
5:44 - 5:46บางรายละเอียด ชี้ให้เห็นประตู
-
5:46 - 5:48สู่ดินแดนที่ไม่เคยมีใครค้นพบมาก่อน
-
5:48 - 5:51และเลขแปลกๆ ตัวนี้อาจมีหน้าที่เช่นนั้น
-
5:51 - 5:54และวิธีเดียวที่จะเข้าใกล้การอธิบายตัวเลขนี้ได้มากที่สุด
-
5:54 - 5:57ก็ก่อให้เกิดความเป็นไปได้ของเอกภพอื่นๆ
-
5:57 - 6:00เป็นแนวคิดที่เกิดขึ้นมาจากทฤษฎีสตริง
-
6:00 - 6:03ซึ่งจะนำผมเข้าสู่ภาคสอง: ทฤษฎีสตริง
-
6:03 - 6:07พักเรื่องปริศนาของพลังงานมืด
-
6:07 - 6:09ไว้ในใจก่อนนะครับ
-
6:09 - 6:11เพราะตอนนี้ผมจะเล่าให้คุณฟังเกี่ยวกับ
-
6:11 - 6:14สิ่งสำคัญสามอย่างเกี่ยวกับทฤษฎีสตริง
-
6:14 - 6:16อย่างแรกเลย
-
6:16 - 6:19มันคือวิธีการทำฝันของไอน์สไตน์ให้เป็นจริง
-
6:19 - 6:22ซึ่งก็คือทฤษฎีเอกภาพทางฟิสิคส์
-
6:22 - 6:24เป็นกรอบแนวคิดใหญ่
-
6:24 - 6:26ที่จะสามารถอธิบาย
-
6:26 - 6:28แรงทุกอย่างที่มีในเอกภพ
-
6:28 - 6:30และแก่นความคิดหลักของทฤษฎีสตริง
-
6:30 - 6:32ก็ตรงไปตรงมา
-
6:32 - 6:34มันกล่าวว่าถ้าคุณพิจารณา
-
6:34 - 6:36สสารชิ้นใดก็ตามให้ละเอียด
-
6:36 - 6:38ตอนแรกคุณจะพบโมเลกุล
-
6:38 - 6:41จากนั้นคุณจะพบอะตอมและอนุภาคย่อยของอะตอม
-
6:41 - 6:43แต่ทฤษฎีกล่าวไว้ว่า ถ้าคุณสามารถมองเห็นสิ่งที่เล็กลงไปอีก
-
6:43 - 6:46เล็กกว่าความสามารถของเทคโนโลยีที่เรามีอยู่
-
6:46 - 6:49คุณจะพบสิ่งอื่นๆ ในอนุภาคเหล่านี้
-
6:49 - 6:52มันคือสายใยขนาดจิ๋วของพลังงานที่กำลังสั่น
-
6:52 - 6:55เส้นด้ายเล็กๆ ที่กำลังสั่น
-
6:55 - 6:57และเช่นเดียวกับสายไวโอลิน
-
6:57 - 6:59พวกมันสามารถสั่นได้หลายรูปแบบ
-
6:59 - 7:01สร้างโน้ตดนตรีต่างๆ กัน
-
7:01 - 7:03เมื่อเส้นด้ายพื้นฐานเล็กๆ เหล่านี้
-
7:03 - 7:05สั่นในรูปแบบต่างๆ
-
7:05 - 7:07พวกมันจะผลิตอนุภาคที่แตกต่างกัน
-
7:07 - 7:09ดังนั้นอิเล็กตรอน ควาร์ก นิวตริโน โฟตอน
-
7:09 - 7:11และ อนุภาคอื่น ๆ
-
7:11 - 7:13จะถูกรวมอยู่ในกรอบเดียวกัน
-
7:13 - 7:16เพราะพวกมันล้วนเกินจากเส้นด้ายที่สั่น
-
7:16 - 7:19มันเป็นภาพที่สวยจับใจ
-
7:19 - 7:21คล้ายกับเป็นซิมโฟนีจักรวาล
-
7:21 - 7:23ที่ซึ่งความอิ่มเอิบ
-
7:23 - 7:25ที่เราเห็นในโลกรอบตัวเรา
-
7:25 - 7:27ก่อกำเนิดขึ้นมาจากบทเพลง
-
7:27 - 7:30ที่เส้นด้ายจิ๋วเหล่านี้สามารถเล่นได้
-
7:30 - 7:32แต่ก็มีต้นทุน
-
7:32 - 7:34เพื่อให้ได้มาซึ่งความเป็นเอกภาพที่เริศหรูนี้
-
7:34 - 7:36เพราะจากการวิจัยหลายปี
-
7:36 - 7:39แสดงให้เห็นว่าคณิตศาสตร์ของทฤษฎีสตริง
ทำงานไม่สมบูรณ์นัก -
7:39 - 7:41มันมีความไม่สอดคล้องภายในอยู่บางอย่าง
-
7:41 - 7:43ยกเว้นว่าเราอนุญาตให้มี
-
7:43 - 7:46บางสิ่งที่ เราไม่คุ้นเคยโดยสิ้นเชิง
-
7:46 - 7:49นั่นคือ มิติเพิ่มเติมของพื้นที่
-
7:49 - 7:52เราทุกคนทราบเกี่ยวกับพื้นที่สามมิติปกติของเรา
-
7:52 - 7:54และคุณสามารถนึกถึงมัน
-
7:54 - 7:57ในแง่ความสูง ความกว้าง และความลึก
-
7:57 - 8:00แต่ทฤษฎีสตริงกล่าวว่าว่า ในระดับที่เล็กมากๆ
-
8:00 - 8:02จะมีมิติเพิ่มเติม
-
8:02 - 8:04ที่ถูกบีบอัดขนาดให้เล็กมาก
-
8:04 - 8:06กระทั่งเราไม่สามารถตรวจพบได้
-
8:06 - 8:08แม้ว่ามิติเหล่านี้จะถูกซ่อน ไว้
-
8:08 - 8:11พวกมันก็ส่งผลกระทบ
ต่อสิ่งที่เราสามารถสังเกตได้ -
8:11 - 8:14เนื่องจากมิติพิเศษเหล่านี้
-
8:14 - 8:17บังคับพฤติกรรมการสั่นของเส้นด้าย
-
8:17 - 8:19และในทฤษฎีสตริง
-
8:19 - 8:22การสั่นสะเทือนกำหนดทุกสิ่งทุกอย่าง
-
8:22 - 8:24ดังนั้น มวลของอนุภาค แรงต่างๆ
-
8:24 - 8:27และที่สำคัญมากที่สุดคือ ปริมาณของพลังงานมืด
-
8:27 - 8:29จะถูกกำหนด
-
8:29 - 8:31โดยรูปร่างของมิติพิเศษ
-
8:31 - 8:34ดังนั้นถ้าเรารู้รูปร่างของมิติพิเศษ
-
8:34 - 8:37เราน่าจะคำนวณคุณลักษณะต่างๆ ได้
-
8:37 - 8:40คำนวณปริมาณของพลังงานมืดได้
-
8:40 - 8:42ความท้าทาย
-
8:42 - 8:44คือ เราไม่รู้
-
8:44 - 8:47รูปร่างของมิติพิเศษ
-
8:47 - 8:49ทั้งหมดที่เรามี
-
8:49 - 8:51คือ รายการของรูปร่างที่เป็นไปได้
-
8:51 - 8:54ที่คณิตศาสตร์จะอนุญาตให้มี
-
8:54 - 8:56ตอนนี้ เมื่อความคิดเหล่านี้ถูกแรกพัฒนา
-
8:56 - 8:58มีรูปร่างต่างๆ ที่เข้าข่าย เพียงแค่ห้าแบบ
-
8:58 - 9:00คุณคงพอนึกออกว่า
-
9:00 - 9:02การวิเคราะห์พวกมันทีละรูปร่าง
-
9:02 - 9:04เพื่อดูว่ารูปร่างใด ให้ผลลัพธ์
-
9:04 - 9:06เป็นคุณลักษณะทางกายภาพที่เราสังเกตเห็นได้
-
9:06 - 9:08แต่เมื่อเวลาผ่านไป รายการก็ยาวขึ้น
-
9:08 - 9:10เมื่อนักวิจัยพบรูปร่างอื่นที่เข้าข่าย
-
9:10 - 9:13จากห้ารูปร่าง เพิ่มเป็นหลักร้อย และหลักพัน
-
9:13 - 9:16กลายเป็นรายการขนาดใหญ่
แต่ก็พอที่จะทำการวิเคราะห์ไหว -
9:16 - 9:18เพราะยังไงก็แล้วแต่
-
9:18 - 9:21เหล่านักศึกษาป.โท ก็ยังต้องหาหัวข้อทำวิจัย
-
9:21 - 9:23แต่แล้ว รายการก็ยังเพิ่มขึ้นอีก
-
9:23 - 9:26เป็นหลักล้าน พันล้าน จนทุกวันนี้
-
9:26 - 9:28รายการรูปร่างที่เข้าข่าย
-
9:28 - 9:33มีสูงถึงประมาณ 10 ยกกำลัง 500
-
9:33 - 9:36แล้วเราจะทำอย่างไรดี
-
9:36 - 9:39นักวิจัยบางคนก็ถอดใจ
-
9:39 - 9:42สรุปเอาว่า มีจำนวนรูปร่างของมิติพิเศษ
ที่เป็นไปได้มากเกินไป -
9:42 - 9:45แต่ละอันก่อให้เกิดลักษณะทางกายภาพแตกต่างกัน
-
9:45 - 9:47ทฤษฎีสตริงคงไม่สามารถ
-
9:47 - 9:49ให้การทำนายที่ชัดเจนและทดสอบได้
-
9:49 - 9:53แต่มีคนที่เปลี่ยนวิธีมองปัญหานี้โดยสิ้นเชิง
-
9:53 - 9:55นำเราไปสู่ความเป็นไปได้ ของสหภพ
-
9:55 - 9:57และนี่คือแนวคิดที่ว่า
-
9:57 - 10:00บางที รูปร่างเหล่านี้อาจมีศักดิ์ศรี
เท่าเทียมกับรูปร่างอื่นๆ -
10:00 - 10:02แต่ละรูปร่างก็มีอยู่จริงเหมือนกับรูปร่างอื่นๆ
-
10:02 - 10:04ในเชิงที่ว่า
-
10:04 - 10:06มีเอกภพอยู่มากมาย
-
10:06 - 10:09แต่ละเอกภพ มีรูปร่างมิติพิเศษที่แตกต่างกัน
-
10:09 - 10:11และข้อเสนอที่สุดโต่งนี้
-
10:11 - 10:14มีผลกระทบลึกซึ้งต่อปริศนา
-
10:14 - 10:17เรื่องปริมาณพลังงานมืดจากผลลัพธ์
ของทีมผู้ได้รับรางวัลโนเบล -
10:17 - 10:19เพราะว่า
-
10:19 - 10:22ถ้ามีเอกภพอื่นๆ
-
10:22 - 10:24และหากเอกภพเหล่านั้น
-
10:24 - 10:28แต่ละเอกภพมีรูปร่างของมิติพิเศษที่แตกต่างกัน
-
10:28 - 10:30แล้ว คุณสมบัติทางกายภาพของแต่ละเอกภพจะแตกต่างกัน
-
10:30 - 10:32โดยเฉพาะอย่างยิ่ง
-
10:32 - 10:34ปริมาณของพลังงานมืดในแต่ละเอกภพ
-
10:34 - 10:36จะแตกต่างกันไปด้วย
-
10:36 - 10:38ซึ่งหมายความว่าปริศนา
-
10:38 - 10:40ในการอธิบายปริมาณพลังงานมืดที่เราวัดได้ตอนนี้
-
10:40 - 10:43จะเปลี่ยนวิธีไปโดยสิ้นเชิง
-
10:43 - 10:45ในบริบทนี้
-
10:45 - 10:48กฎฟิสิกส์ไม่สามารถอธิบาย
ค่าพลังงานมืดค่าใดค่าหนึ่งได้ -
10:48 - 10:51เนื่องจากมันไม่ได้มีเพียงค่าเดียว
-
10:51 - 10:53มีค่าพลังงานมืดหลายค่า
-
10:53 - 10:55ซึ่งแปลว่า
-
10:55 - 10:58เราตั้งคำถามผิดมาโดยตลอด
-
10:58 - 11:00คำถามที่ถูกควรจะเป็น
-
11:00 - 11:03ทำไมมนุษย์เราเกิดขึ้นมาในเอกภพหนึ่ง
-
11:03 - 11:06ที่มีปริมาณพลังงานมืด เท่าที่เราวัดได้อยู่นี้
-
11:06 - 11:09แทนที่จะเกิดขึ้นในเอกภพอื่นๆ
-
11:09 - 11:11ที่มีอยู่มากมาย
-
11:11 - 11:14และนั่นคือคำถามสำคัญที่ควรหยิบขึ้นมาพิจารณา
-
11:14 - 11:16และคำตอบก็คือ เหล่าเอกภพ
-
11:16 - 11:18ที่มีพลังงานมืดมากกว่าของเรา
-
11:18 - 11:21เมื่อใดก็ตามที่สสารพยายามก่อตัว
-
11:21 - 11:24แรงโน้มถ่วงแบบผลักของพลังงานมืดจะรุนแรงมาก
-
11:24 - 11:26จนระเบิดสสารนั้นออกเป็นเสี่ยงๆ
-
11:26 - 11:28กาแล็กซีจึงไม่ก่อเป็นรูปร่าง
-
11:28 - 11:31ส่วนเอกภพที่มีพลังงานมืดน้อยไป
-
11:31 - 11:33พวกมันจะยุบตัวลงอย่างรวดเร็ว
-
11:33 - 11:36จนกาแล็กซีไม่ก่อเกิดเป็นรูปร่างเช่นกัน
-
11:36 - 11:39และถ้าไม่มีเอกภพ ก็ไม่มีดาวฤกษ์ ไม่มีดาวเคราะห์
-
11:39 - 11:41และไม่มีโอกาส
-
11:41 - 11:43สำหรับสิ่งมีชีวิตแบบเรา
-
11:43 - 11:45ที่จะเกิดในเอกภพเหล่านั้น
-
11:45 - 11:47ดังนั้นเราจึงพบตัวเราในเอกภพ
-
11:47 - 11:50ที่มีปริมาณพลังงานมืด ดังที่เราวัดได้
-
11:50 - 11:53ก็เพียงเพราะเอกภพของเรามีเงื่อนไข
-
11:53 - 11:57ที่เหมาะสมต่อสิ่งมีชีวิตแบบเรา
-
11:57 - 11:59และมันก็เป็นเช่นนี้เอง
-
11:59 - 12:01ปริศนาได้ถูกตอบแล้ว
-
12:01 - 12:03เราค้นพบสหภพ
-
12:03 - 12:08บางคนยังคิดว่าคำอธิบายเหล่านี้ยังไม่น่าพอใจ
-
12:08 - 12:10เราเคยชินกับฟิสิกส์
-
12:10 - 12:13ที่ให้คำอธิบายสำหรับสิ่งต่างๆ ที่เราสังเกตได้
-
12:13 - 12:15แต่ประเด็น คือ
-
12:15 - 12:18ถ้าคุณลักษณะที่คุณกำลังเฝ้าสังเกต
-
12:18 - 12:20สามารถมี
-
12:20 - 12:22ค่าต่างๆ ที่หลากหลาย
-
12:22 - 12:25มากมายเท่าที่จะเป็นไปได้
-
12:25 - 12:27การพยายามหาคำอธิบาย
-
12:27 - 12:29สำหรับค่าเฉพาะเจาะจงหนึ่งค่า
-
12:29 - 12:32จึงเป็นความคิดที่ผิด
-
12:32 - 12:34ตัวอย่างแรกๆ
-
12:34 - 12:37มาจากนักดาราศาสตร์ชื่อ โยฮันเนส เคปเลอร์
(Johannes Kepler) -
12:37 - 12:39ผู้ซึ่งหมกมุ่น กับการพยายามเข้าใจ
-
12:39 - 12:41ตัวเลขอีกตัวหนึ่ง
-
12:41 - 12:45ทำไมดวงอาทิตย์อยู่ห่างจากโลก 93 ล้านไมล์
-
12:45 - 12:48และเขาได้ทำงานเป็นสิบปี พยายามอธิบายเลขตัวนี้
-
12:48 - 12:51แต่ไม่เคยสำเร็จ และเราก็รู้ว่าทำไม
-
12:51 - 12:53เคปเลอร์ ได้ถาม
-
12:53 - 12:55ผิดคำถาม
-
12:55 - 12:58ตอนนี้ เรารู้แล้วว่ามีดาวเคราะห์หลายดวง
-
12:58 - 13:01ที่ระยะทางต่างๆ กัน จากดาวฤกษ์ของตนเอง
-
13:01 - 13:04ดังนั้น การหวังว่ากฎฟิสิกส์
-
13:04 - 13:07จะอธิบายถึงเลขเจาะจง 93 ล้านไมล์
-
13:07 - 13:10เป็นความคิดที่ผิด
-
13:10 - 13:12คำถามที่ถูกคือ
-
13:12 - 13:15ทำไมมนุษย์จึงอยู่บนดาวเคราะห์
-
13:15 - 13:17ที่ระยะห่างนี้โดยเฉพาะ
-
13:17 - 13:20แทนที่เป็นระยะห่างอื่นๆ
-
13:20 - 13:23และนั่นเป็นคำถามที่เราตอบได้
-
13:23 - 13:26เหล่าดาวเคราะห์ซึ่งอยู่ใกล้มากเกินไป จากดาวฤกษ์คล้ายดวงอาทิตย์
-
13:26 - 13:28จะร้อนมาก
-
13:28 - 13:30จนสิ่งมีชีวิตอย่างเราอยู่ไม่ได้
-
13:30 - 13:33และดาวเคราะห์ที่อยู่ไกลจากดาวฤกษ์มากเกินไป
-
13:33 - 13:35ก็จะเย็นมาก
-
13:35 - 13:37จนสิ่งมีชีวิตอย่างเราก็ทนไม่ได้เช่นกัน
-
13:37 - 13:39ดังนั้น เราจึงเกิดขึ้น
-
13:39 - 13:41บนดาวเคราะห์ในระยะห่างนี้โดยเฉพาะ
-
13:41 - 13:43เพียงแค่ เพราะมันมีสภาพ
-
13:43 - 13:46ที่สำคัญต่อสิ่งมีชีวิตแบบเรา
-
13:46 - 13:49และเมื่อพูดถึงดาวเคราะห์และระยะห่างของมัน
-
13:49 - 13:53นี่คือการให้เหตุผลอย่างถูกต้อง
-
13:53 - 13:55ประเด็นก็คือ
-
13:55 - 13:58เมื่อพูดถึงเอกภพ และพลังงานมืดที่มากับมัน
-
13:58 - 14:02มันอาจเป็นการให้เหตุผลที่ถูกต้องด้วยเช่นกัน
-
14:02 - 14:05แน่นอน ความแตกต่างสำคัญ
-
14:05 - 14:07คือ เรารู้แน่นอนแล้วว่ามีดาวฤกษ์อื่นๆ อยู่
-
14:07 - 14:10แต่จนถึงตอนนี้ เราได้เพียงแต่คาดคะเนว่ามีความน่าจะเป็น
-
14:10 - 14:12ที่จะมีเอกภพอื่นๆ อยู่
-
14:12 - 14:14ถ้าจะสรุป
-
14:14 - 14:16เราจำเป็นต้องมีกลไก
-
14:16 - 14:19ที่สามารถให้กำเนิดเอกภพอื่นๆ ได้
-
14:19 - 14:22และนั่นนำผมไปสู่ภาคสาม ภาคสุดท้าย
-
14:22 - 14:25เนื่องจากกลไกดังกล่าวถูกค้นพบแล้ว
-
14:25 - 14:28โดยนักดาราศาสตร์ที่พยายามศึกษา บิ๊กแบง (Big Bang)
-
14:28 - 14:30เมื่อเราพูดถึงบิ๊กแบง
-
14:30 - 14:32เรามักจะนึกถึง
-
14:32 - 14:34การระเบิดของจักรวาล
-
14:34 - 14:36ที่สร้างเอกภพของเรา
-
14:36 - 14:39และเริ่มทำให้อวกาศพุ่งขยายตัวทุกทิศทาง
-
14:39 - 14:41แต่ยังมีความลับเล็กน้อยอยู่
-
14:41 - 14:44บิ๊กแบง ได้ทิ้งบางสิ่งที่สำคัญมากเอาไว้
-
14:44 - 14:46นั่นคือ การระเบิด
-
14:46 - 14:49มันบอกถึงวิวัฒนาการของเอกภพหลังการระเบิด
-
14:49 - 14:51แต่มันไม่ให้ข้อมูลเชิงลึกกับเราเลย
-
14:51 - 14:55ว่าอะไรเป็นแหล่งพลังงานของการระเบิด
-
14:55 - 14:57และสุดท้ายคำถามนี้ก็ได้รับคำตอบ
-
14:57 - 14:59โดยทฤษฎีบิ๊กแบง ฉบับปรับปรุงใหม่
-
14:59 - 15:02ซึ่งถูกเรียกว่า จักรวาลวิทยาแบบขยายตัว
(inflationary cosmology) -
15:02 - 15:06ซึ่งระบุถึงชนิดเชื้อเพลิง
-
15:06 - 15:08ซึ่งโดยธรรมชาติแล้ว จะสร้าง
-
15:08 - 15:10แรงผลักออกของอวกาศ
-
15:10 - 15:13เชื้อเพลิงนี้มีรากฐานอยู่บนสิ่งที่เรียกว่า
สนามควอนตัม (quantum field) -
15:13 - 15:16แต่รายละเอียดเดียวที่สำคัญกับเรา
-
15:16 - 15:19นั่นคือ เชื้อเพลิงชนิดนี้
ถูกพิสูจน์แล้วว่ามีประสิทธิภาพสูงมาก -
15:19 - 15:21จนเกือบจะเป็นไปไม่ได้
-
15:21 - 15:23ที่จะใช้มันจนหมด
-
15:23 - 15:25ซึ่งแปลว่าในทฤษฎีการขยายตัว
-
15:25 - 15:28การที่บิ๊กแบงให้กำเนิดเอกภพของเรา
-
15:28 - 15:31อาจไม่ได้เป็นเหตุการณ์เพียงครั้งเดียว
-
15:31 - 15:34หากแต่ว่า เชื้อเพลิงไม่เพียงแต่สร้างบิ๊กแบงของเรา
-
15:34 - 15:40แต่มันยังสร้าง บิ๊กแบง อีกนับไม่ถ้วน
-
15:40 - 15:43แต่ละครั้งให้กำเนิดเอกภพของมันเอง
-
15:43 - 15:45ซึ่งมีเอกภพของเรา เป็นเพียงแค่หนึ่งฟอง
-
15:45 - 15:48ในอ่างอาบน้ำฟองสบู่แห่งเอกภพ
-
15:48 - 15:50ทีนี้ เมื่อเรารวมสิ่งนี้เข้ากับทฤษฎีสตริง
-
15:50 - 15:52นี่คือภาพที่เราพบ
-
15:52 - 15:54แต่ละเอกภพมีมิติพิเศษที่หลากลาย
-
15:54 - 15:57มิติพิเศษเหล่านี้มีรูปร่างที่แตกต่างกัน
-
15:57 - 16:00รูปร่างที่แตกต่างกันมีผลต่อ
คุณลักษณะทางกายภาพที่แตกต่างกัน -
16:00 - 16:03และเราพบตัวเราในเอกภพหนึ่งแทนที่จะเป็นที่อื่นๆ
-
16:03 - 16:06เพียงเพราะในเอกภพของเรานั้น
-
16:06 - 16:09ที่มีคุณลักษณะกายภาพ เช่น ปริมาณของพลังงานมืด
-
16:09 - 16:13เหมาะสมสำหรับรูปแบบสิ่งมีชีวิตอย่างเราจะดำรงอยู่ได้
-
16:13 - 16:16และนี่คือภาพที่น่าดึงดูด
แต่ยังเป็นข้อถกเถียงอย่างกว้างขวาง -
16:16 - 16:18ของจักรวาลในมุมกว้าง
-
16:18 - 16:20ซึ่ง การเฝ้าสังเกตการณ์
ด้วยทฤษฎี และเครื่องมือทันสมัย -
16:20 - 16:24ทำให้เราเริ่มใคร่ครวญอย่างจริงจัง
-
16:24 - 16:28แน่นอน คำถามใหญ่ที่เหลืออยู่คือ
-
16:28 - 16:31เราจะสามารถยืนยัน
-
16:31 - 16:34การมีอยู่จริงของเอกภพอื่นๆ ได้หรือไม่
-
16:34 - 16:36ผมว่า
-
16:36 - 16:39ทางหนึ่งคือ วันนั้นอาจมาถึงในที่สุด
-
16:39 - 16:41ทฤษฎีการขยายตัว
-
16:41 - 16:43ก็มีข้อมูลการเฝ้าสังเกตการณ์
เป็นหลักฐานสนับสนุนที่หนักแน่นแล้ว -
16:43 - 16:45เนื่องจากทฤษฎีทำนายว่า
-
16:45 - 16:47บิ๊กแบง น่าจะเกิดขึ้นรุนแรงมาก
-
16:47 - 16:50จนในขณะที่อวกาศขยายอย่างรวดเร็ว
-
16:50 - 16:52การสั่นไหวเล็กน้อยทางควอนตัมจากโลกใบเล็กๆ
-
16:52 - 16:55จะต้องถูกยืดออกไปยังโลกขนาดใหญ่
-
16:55 - 16:58ส่งผลให้ทิ้งร่องรอยที่เป็นเอกลักษณ์
-
16:58 - 17:00เป็นรูปแบบของจุดที่ร้อนกว่า และจุดที่เย็นกว่าจุดอื่นๆ
-
17:00 - 17:02แผ่ทั่วทั้งอวกาศ
-
17:02 - 17:05ที่ซึ่งกล้องโทรทัศน์กำลังสูงทุกวันนี้
สามารถตรวจวัดได้แล้ว -
17:05 - 17:08ในอนาคต หากมีเอกภพอื่นๆ
-
17:08 - 17:10ทฤษฎีทำนายไว้ว่า บ่อยครั้ง
-
17:10 - 17:12ที่เอกภพเหล่านั้นสามารถชนกันได้
-
17:12 - 17:14และ ถ้าเอกภพถูกชนโดยอีกเอกภพ
-
17:14 - 17:16การชนนั้น
-
17:16 - 17:18จะทำให้เกิดรูปแบบที่ซับซ้อนเพิ่มขึ้น
-
17:18 - 17:20ของความแปรปรวนของอุณหภูมิทั่วทั้งอวกาศ
-
17:20 - 17:22ความแปรปรวนซึ่งวันหนึ่ง
-
17:22 - 17:24เราอาจตรวจพบ
-
17:24 - 17:27และแม้ภาพของอวกาศนี้จะดูแปลกประหลาด
-
17:27 - 17:29วันหนึ่งอาจมีหลักฐานที่หนักแน่น
-
17:29 - 17:31จากการเฝ้าสังเกต
-
17:31 - 17:34ที่ยืนยันว่าเอกภพอื่นมีอยู่จริง
-
17:34 - 17:36ผมจะกล่าวปิด
-
17:36 - 17:39ด้วยการตีความที่น่าสนใจ
-
17:39 - 17:41ของความคิดเหล่านี้ทั้งหมด
-
17:41 - 17:43สำหรับในอนาคตอันไกล
-
17:43 - 17:45เราได้เรียนรู้
-
17:45 - 17:47ว่าเอกภพของเรานั้นไม่คงที่
-
17:47 - 17:49รู้ว่าอวกาศขยายตัวออกเรื่อยๆ
-
17:49 - 17:51รู้ว่าการขยายตัวนั้น เร่งความเร็วขึ้นเรื่อยๆ
-
17:51 - 17:53และรู้ว่าอาจมีเอกภพอื่นๆอีก
-
17:53 - 17:55ทั้งหมดนี้ จากการตรวจสอบ
-
17:55 - 17:57แสงเล็กๆ อันริบหรี่ของดวงดาว
-
17:57 - 18:00ที่เดินทางมาจากกาแล็กซีอันไกลโพ้น
-
18:00 - 18:03แต่เนื่อง จากการขยายตัวนั้นเร่งความเร็วขึ้น
-
18:03 - 18:05ในอนาคตอันไกล
-
18:05 - 18:08กาแล็กซีเหล่านั้นจะพุ่งออกห่าง อย่างไกลมากและเร็วมาก
-
18:08 - 18:11จนเรามองเห็นมันไม่ได้
-
18:11 - 18:13ไม่ใช่เพราะข้อจำกัดของเทคโนโลยี
-
18:13 - 18:15แต่เนื่องจากกฎฟิสิกส์
-
18:15 - 18:17แสงที่วิ่งออกจากกาแล็กซีเหล่านั้น
-
18:17 - 18:20แม้เดินทางด้วยความเร็วที่เร็วที่สุด
หรือความเร็วของแสง -
18:20 - 18:22จะไม่สามารถเอาชนะ
-
18:22 - 18:25ช่องว่างที่ขยายตัวออกเรื่อยๆ ระหว่างกาแล็กซีได้
-
18:25 - 18:27นักดาราศาสตร์ในอนาคตอันไกล
-
18:27 - 18:29ที่ค้นหาลึกลงไปในอวกาศ
-
18:29 - 18:32จะไม่พบอะไรนอกจากความว่างเปล่าไร้ที่สิ้นสุด
-
18:32 - 18:36มีแต่ความแน่นิ่ง ที่ดำมืดสนิท
-
18:36 - 18:38และพวกเขาจะสรุป
-
18:38 - 18:40ว่า เอกภพเป็นนั้นคงที่ ไม่เปลี่ยนแปลง
-
18:40 - 18:43และมีสสารอยู่เป็นกลุ่มก้อน
ณ ใจกลางเพียงจุดเดียว -
18:43 - 18:45ที่ซึ่งพวกเขาอาศัยอยู่
-
18:45 - 18:47นั่นคือภาพของจักรวาล
-
18:47 - 18:50ที่เรารู้อย่างแน่นอนว่าผิด
-
18:50 - 18:53ถึงตอนนั้น บางทีนักดาราศาสตร์ในอนาคตอาจได้รับบันทึก
-
18:53 - 18:55ที่ตกทอดจากยุคก่อนหน้า
-
18:55 - 18:57เช่นยุคของเรา
-
18:57 - 18:59บันทึกที่ยืนยันการขยายตัวของจักรวาล
-
18:59 - 19:01พราวสะพรั่งไปด้วยกาแล็กซี
-
19:01 - 19:03แต่นักดาราศาสตร์ในอนาคตเหล่านั้น
-
19:03 - 19:06จะเชื่อว่าความรู้โบราณดังกล่าวไหม?
-
19:06 - 19:08หรือพวกเขาจะเลือกเชื่อ
-
19:08 - 19:11ในเอกภพสีดำอันว่างเปล่า
-
19:11 - 19:15ที่ซึ่งเครื่องมือตรวจสอบอันล้ำยุคของพวกเขาเผยให้เห็น
-
19:15 - 19:17ผมคิดว่าพวกเขาเลือกอย่างหลัง
-
19:17 - 19:19ซึ่งหมายความว่า เรากำลังมีชีวิต
-
19:19 - 19:22ผ่านยุคที่มีความพิเศษอย่างเหลือเชื่อ
-
19:22 - 19:24ยุคที่ความจริงอันลักลับเกี่ยวกับจักรวาล
-
19:24 - 19:26ยังอยู่ในระยะที่เอื้อมถึง
-
19:26 - 19:28ของจิตใจรักสำรวจของมนุษย์
-
19:28 - 19:33เป็นที่ปรากฏแล้วว่า มันคงไม่อยู่แบบนี้เสมอไป
-
19:33 - 19:35เนื่องจากวันนี้นักดาราศาสตร์
-
19:35 - 19:38โดยการหันกล้องโทรทัศน์กำลังสูงขึ้นสู่ท้องฟ้า
-
19:38 - 19:41ได้ตรวจจับโฟตอนมากมาย
ที่ซ่อนข้อมูลเอาไว้อย่างบรรจง -
19:41 - 19:44เสมือนดั่งโทรเลขจักรวาล
-
19:44 - 19:46เดินทางมานับพันล้านปี
-
19:46 - 19:50และข้อความที่สะท้อนข้ามกาลเวลามานั้นก็ชัดเจน
-
19:50 - 19:53บางครั้งธรรมชาติก็เก็บความลับไว้
-
19:53 - 19:55ด้วยกำมือที่แน่นหนา
-
19:55 - 19:57ของกฏฟิสิกส์
-
19:57 - 20:01บางครั้งธรรมชาติของความจริง ก็กวักมือเรียกเรา
-
20:01 - 20:04เพียงแค่จากสุดขอบฟ้า
-
20:04 - 20:06ขอบคุณมากครับ
-
20:06 - 20:10(เสียงปรบมือ)
-
20:10 - 20:12คริส แอนเดอร์สัน: ไบรอัน ขอบคุณครับ
-
20:12 - 20:14แนวคิดที่หลากหลายที่คุณได้พูดไป
-
20:14 - 20:17มันช่างน่าตื้นเต้น น่าชื่นใจอย่างไม่น่าเชื่อเลย
-
20:17 - 20:19คุณคิดว่า
-
20:19 - 20:21ดาราศาสตร์ปัจจุบันนี้อยู่จุดไหนครับ
-
20:21 - 20:23ในแง่ของประวัติศาสตร์?
-
20:23 - 20:26คือเรากำลังอยู่ระหว่างเหตุการณ์ไม่ปกติ
ในประวัติศาสตร์หรือเปล่า -
20:26 - 20:28ไบรอัน: คือ มันก็ยากที่จะพูดนะครับ
-
20:28 - 20:31เมื่อเรารู้ว่านักดาราศาสตร์ในอนาคตอันไกล
-
20:31 - 20:34อาจไม่มีข้อมูลเพียงพอจะอธิบายอะไร
-
20:34 - 20:37คำถามที่ตามมาคือ บางทีเราอาจอยู่ในสถานการณ์นั้นแล้วก็ได้
-
20:37 - 20:40และคุณลักษณะบางอย่างลึกซึ้ง
และสำคัญของจักรวาล -
20:40 - 20:43ก็ได้อยู่เกินเอื้อมที่เราจะเข้าใจได้แล้ว
-
20:43 - 20:45เป็นเพราะลักษณะที่จักรวาลวิทยาเปลี่ยนไป
-
20:45 - 20:47ดังนั้นจากมุมมองที่ว่า
-
20:47 - 20:49บางทีเราจะต้องคอยตั้งคำถามไปตลอด
-
20:49 - 20:51และไม่สามารถหาคำตอบได้อย่างเต็มรูปแบบ
-
20:51 - 20:53ในอีกทางหนึ่ง เดี๋ยวนี้เราสามารถรู้ได้
-
20:53 - 20:55ว่าจักรวาลอายุเท่าไหร่
-
20:55 - 20:57เรารู้จัก
-
20:57 - 21:00วิธีการทำความเข้าใจข้อมูล
จากการแผ่รังสีไมโครเวฟพื้นหลัง -
21:00 - 21:03ซึ่งถูกปล่อยออกมาเมื่อ 13.72 พันล้านปีมาแล้ว
-
21:03 - 21:05กระนั้น เราสามารถทำการคำนวณ ณ วันนี้
เพื่อทำนายว่ามันจะมีหน้าตาอย่างไร -
21:05 - 21:07และได้ผลตรงกัน
-
21:07 - 21:09นั่นมันน่าอัศจรรย์ที่สุด!
-
21:09 - 21:12ดังนั้น ในทางกลับกัน มันก็น่าเหลือเชื่อ
ที่เรามาถึง ณ จุดนี้ -
21:12 - 21:16แต่ใครจะรู้ ว่าเราจะเจออุปสรรคอะไรในอนาคต
-
21:16 - 21:19คริส: หวังว่าคุณคงยังไม่ไปไหนในช่วงสองสามวันนี้นะครับ
-
21:19 - 21:21บางทีบทสนทนาเหล่านี้อาจจะมีต่อ
-
21:21 - 21:23ขอบคุณครับ ขอบคุณ ไบรอัน (ไบรอัน: ยินดีครับ)
-
21:23 - 21:26(เสียงปรบมือ)
- Title:
- ไบรอัน กรีน (Brian Greene): เอกภพของเรา เป็นเพียงเอกภพเดียวจริงหรือ?
- Speaker:
- Brian Greene
- Description:
-
ในแก่นของจักรวาลวิทยา ยังมีปริศนาลึกลับว่า ทำไมเอกภพของเราจึงดูเหมือนถูกปรับแต่งให้เหมาะสมอย่างแปลกประหลาด ที่จะสร้างสภาวะที่จำเป็นต่อสิ่งมีชีวิต? ด้วยการบรรจงนำเสนอการค้นพบทางวิทยาศาสตร์อันยิ่งใหญ่ ไบรอัน กรีนแสดงให้เห็นว่าแนวคิดอันน่าทึ่ง เกี่ยวกับสหภพนั้น อาจมีคำตอบของปริศนาอยู่
- Video Language:
- English
- Team:
- closed TED
- Project:
- TEDTalks
- Duration:
- 21:47
Unnawut Leepaisalsuwanna commented on Thai subtitles for Is our universe the only universe? | ||
Kanawat Senanan commented on Thai subtitles for Is our universe the only universe? | ||
Unnawut Leepaisalsuwanna approved Thai subtitles for Is our universe the only universe? | ||
Unnawut Leepaisalsuwanna accepted Thai subtitles for Is our universe the only universe? | ||
Unnawut Leepaisalsuwanna commented on Thai subtitles for Is our universe the only universe? | ||
Unnawut Leepaisalsuwanna edited Thai subtitles for Is our universe the only universe? | ||
Unnawut Leepaisalsuwanna edited Thai subtitles for Is our universe the only universe? | ||
Kanawat Senanan edited Thai subtitles for Is our universe the only universe? |