10 วิธีที่จะทำให้มีการสนทนาที่ดีกว่าเดิม | Celeste Headlee | TEDxCreativeCoast
-
0:14 - 0:16เอาล่ะ มาลองยกมือกันหน่อยว่า
-
0:16 - 0:18มีกี่คนในที่นี้ที่อันเฟรนด์บางคนในเฟซบุ๊ค
-
0:18 - 0:22เพราะว่าพวกเขาพูดสิ่งที่ทำให้
คุณไม่พอใจเกี่ยวกับศาสนา หรือการเมือง -
0:22 - 0:24การเลี้ยงลูก หรืออาหาร
-
0:24 - 0:26(เสียงหัวเราะ)
-
0:26 - 0:29แล้วกี่คนที่มีคนที่คุณจงใจเลี่ยง
อย่างน้อยหนึ่งคน -
0:29 - 0:32เพราะว่าคุณแค่ไม่อยากจะคุยกับคน ๆ นั้น
-
0:32 - 0:34(เสียงหัวเราะ)
-
0:34 - 0:38สมัยก่อน การที่จะมีบทสนทนาที่สุภาพนั้น
-
0:38 - 0:41เราก็แค่ต้องทำตามคำแนะนำ
ของเฮนรี่ ฮิกกินส์ ในเรื่อง My Fair Lady -
0:41 - 0:43พยายามคุยแค่เรื่องอากาศ
กับสุขภาพก็พอ -
0:43 - 0:46แต่ว่าสมัยนี้ ด้วยเรื่องโลกร้อน
การต่อต้านการฉีดวัคซีน หัวข้อพวกนั้น... -
0:46 - 0:48(เสียงหัวเราะ)
-
0:48 - 0:49ก็ไม่ปลอดภัยอีกเช่นกัน
-
0:49 - 0:51บนโลกที่เราอาศัยอยู่นี้
-
0:52 - 0:54โลกที่ทุกการสนทนา
-
0:54 - 0:57มีโอกาสที่จะกลายเป็นการโต้เถียงกันได้
-
0:57 - 0:59โลกที่นักการเมืองของเรา
ไม่สามารถพูดคุยกันได้ -
0:59 - 1:01และเป็นโลกที่แม้แต่เรื่องเล็กน้อยที่สุด
-
1:01 - 1:06ก็มีทั้งคนที่ต่อสู้สุดตัวเพื่อมัน
และต่อต้านมัน ซึ่งมันไม่ปกติ -
1:06 - 1:09สถาบันวิจัยพิว ทำการศึกษาจาก
ผู้ใหญ่ชาวอเมริกันจำนวน 10,000 คน -
1:09 - 1:12และพวกเขาพบว่า ในตอนนี้
พวกเราแบ่งฝักแบ่งฝ่ายมากขึ้น -
1:12 - 1:14พวกเราแบ่งแยกกันมากขึ้น
-
1:14 - 1:16มากกว่าที่ครั้งไหน ๆ ในประวัติศาสตร์
-
1:16 - 1:18เรามีแนวโน้มที่จะประนีประนอมน้อยลง
-
1:18 - 1:20ซึ่งนั่นแปลว่า
เรากำลังไม่ฟังกันและกัน -
1:20 - 1:23และเรากำลังตัดสินใจว่า เราจะอยู่ที่ไหน
-
1:23 - 1:25จะแต่งงานกับใคร หรือแม้แต่
ใครคือคนที่จะเป็นเพื่อนของเรา -
1:25 - 1:28โดยอ้างอิงจากสิ่งที่เราเชื่อไปแล้ว
-
1:28 - 1:30นั่นก็อีก มันหมายความว่า
เรากำลังไม่ฟังคนอื่น -
1:30 - 1:34การสนทนากัน ต้องการความสมดุล
ระหว่างการพูด และการฟัง -
1:34 - 1:37แต่ตอนไหนไม่รู้
ที่เราเสียความสมดุลนั้นไป -
1:37 - 1:39ทีนี้ จริง ๆ สาเหตุหนึ่งก็เพราะเทคโนโลยี
-
1:39 - 1:41สมาร์ทโฟนที่พวกคุณทุกคน
อาจจะถืออยู่ในมือ -
1:41 - 1:44หรือไม่ก็อยู่ใกล้พอ
ที่คุณจะหยิบได้อย่างรวดเร็ว -
1:44 - 1:45อ้างอิงจากสถาบันวิจัยพิว
-
1:45 - 1:51ประมาณหนึ่งในสามของวัยรุ่นอเมริกัน
ส่งข้อความมากกว่าร้อยข้อความในหนึ่งวัน -
1:51 - 1:55และหลายคนในนั้น เกือบทั้งหมดในนั้น
มีแนวโน้มที่จะส่งข้อความหาเพื่อน -
1:55 - 1:57แทนที่จะพูดคุยกัน แบบเห็นหน้า
-
1:58 - 2:00มีข้อความหนึ่ง จากหนังเรื่อง The Atlantic
-
2:00 - 2:03ซึ่งถูกเขียนโดยคุณครูมัธยมปลาย
ชื่อพอล บาร์นเวล -
2:03 - 2:05และเขาให้เด็ก ๆ ทำโครงงาน
เกี่ยวกับการสื่อสาร -
2:05 - 2:09เขาอยากจะสอนพวกเขา
เรื่องการพูดในหัวข้อเฉพาะ โดยไม่ใช้โน้ต -
2:09 - 2:11และเขากล่าวว่า "ผมเพิ่งตระหนักว่า..."
-
2:11 - 2:14(เสียงหัวเราะ)
-
2:14 - 2:17"ผมเพิ่งตระหนักว่า
ความสามารถในการสนทนานั้น -
2:17 - 2:21อาจจะเป็นทักษะหนึ่งเดียว
ที่เรามองข้ามมากที่สุด และลืมที่จะสอนมัน -
2:21 - 2:25เด็ก ๆ ใช้เวลาหลายขั่วโมงในหนึ่งวัน
อยู่กับไอเดียและเพื่อน ๆ ผ่านหน้าจอ -
2:25 - 2:27แต่มีช่วงเวลาน้อยมากที่พวกเขาจะมีโอกาส
-
2:27 - 2:30ได้พัฒนาทักษะการสื่อสารระหว่างกัน
-
2:30 - 2:33มันอาจจะฟังดูเป็นคำถามตลก ๆ
แต่เราก็ต้องถามตัวเองว่า -
2:33 - 2:35มีทักษะไหนอีกในยุคนี้
-
2:35 - 2:41ที่จะสำคัญไปกว่าความสามารถในการ
คงบทสนทนาที่เชื่อมโยงและมั่นใจเอาไว้ได้ -
2:41 - 2:43ตอนนี้อาชีพหลักของฉันคือการพูดคุยกับผู้คน
-
2:43 - 2:45คนที่ได้รางวัลโนเบล คนขับรถบรรทุก
-
2:45 - 2:48เศรษฐีพันล้าน คุณครูอนุบาล
-
2:48 - 2:51นายกเทศมนตรี หรือช่างประปา
-
2:51 - 2:54ฉันคุยกับคนที่ฉันชอบ
คุยกับคนที่ฉันไม่ชอบด้วยเหมือนกัน -
2:54 - 2:57คุยกับคนที่ส่วนตัวแล้ว
ฉันไม่เห็นด้วยเอามาก ๆ -
2:57 - 3:00แต่ฉันก็ยังสามารถ
มีบทสนทนาดี ๆ กับพวกเขาได้ -
3:00 - 3:04เพราะฉะนั้น ฉันเลยอยากจะใช้เวลา 10 นาทีนี้
สอนพวกคุณว่าจะต้องพูดคุยกันอย่างไร -
3:04 - 3:05และต้องฟังกันอย่างไร
-
3:07 - 3:09พวกคุณหลายคนคงจะเคยได้ยิน
คำแนะนำมากมายในเรื่องนี้แล้ว -
3:09 - 3:11อย่างเช่น ให้สบตาคนที่พูดด้วย
-
3:11 - 3:15เตรียมหัวข้อที่น่าสนใจไว้ล่วงหน้า
-
3:15 - 3:20สบตา พยักหน้า และยิ้ม
เพื่อแสดงออกว่าคุณกำลังสนใจฟังอยู่ -
3:20 - 3:23ทวนสิ่งที่คุณเพิ่งได้ฟังไป
หรือลองสรุปใหม่ -
3:23 - 3:24ฉันอยากให้ทุกคนลืมไปให้หมด
-
3:24 - 3:26มันไร้สาระมาก
-
3:26 - 3:29(เสียงหัวเราะ)
-
3:29 - 3:33ไม่มีความจำเป็นเลยที่คุณ
จะต้องมานั่งเรียนรู้วิธีการแสดงออก -
3:33 - 3:37ถ้าคุณสนใจฟังอยู่จริงๆ
-
3:37 - 3:39(เสียงหัวเราะ)
-
3:39 - 3:41(เสียงปรบมือ)
-
3:43 - 3:47จริงๆแล้ว ฉันก็ใช้ทักษะเดียวกันนี้
ในฐานะนักสัมภาษณ์มืออาชีพ -
3:47 - 3:49ที่ฉันใช้มันในชีวิตประจำวัน
-
3:50 - 3:53เพราะฉะนั้น ฉันจะมาสอนคุณว่า
จะต้องสัมภาษณ์คนอื่นอย่างไร -
3:53 - 3:57และนั่นคือสิ่งที่จะช่วยให้คุณเรียนรู้ว่า
จะเป็นนักสนทนาที่ดีขึ้นได้อย่างไร -
3:57 - 3:59เรียนรู้การสร้างบทสนทนา
-
3:59 - 4:01โดยไม่ต้องมัวเสียเวลา
หรือต้องเบื่อหน่าย -
4:01 - 4:04แล้วก็นะ ขอร้องล่ะ
ไม่ต้องไปทะเลาะกับใครเขาด้วย -
4:04 - 4:06พวกเราทุกคนเคยมีบทสนทนาที่ยอดเยี่ยมมาก่อน
-
4:06 - 4:09เคยผ่านมันมาแล้วแน่ ๆ
และรู้ว่ามันเป็นยังไง -
4:09 - 4:12เป็นบทสนทนาที่พอจบแล้วคุณรู้สึกยังอินอยู่
และช่วยจุดประกายความคิดขึ้นมา -
4:12 - 4:15หรือเป็นอันที่คุณรู้สึกว่า
คุณได้เข้าถึงมันจริง ๆ -
4:15 - 4:17หรือรู้สึกว่ามีคนเข้าใจคุณอย่างดี
-
4:17 - 4:18มันไม่มีเหตุผลพิเศษอะไร
-
4:18 - 4:21ที่การมีปฏิสัมพันธ์ของคุณส่วนใหญ่
จะเป็นแบบนั้นไม่ได้ -
4:21 - 4:24เพราะฉะนั้น ฉันเลยมีกฎง่าย ๆ 10 ข้อ
ที่จะมาไล่ให้คุณฟังไปพร้อม ๆ กัน -
4:24 - 4:28แต่เอาจริง ๆ นะ แค่คุณเลือกมาซักหนึ่งข้อ
แล้วฝึกให้เชี่ยวชาญ -
4:28 - 4:31คุณก็สามารถสนุกกับการสนทนาที่ดีขึ้นได้แล้ว
-
4:31 - 4:33ข้อแรก อย่าทำหลายอย่างพร้อมกัน
-
4:33 - 4:35และฉันก็ไม่ได้หมายถึง
แค่ให้คุณวางโทรศัพท์ลงนะ -
4:35 - 4:38หรือวางแท็บเล็ต วางกุญแจรถ
หรืออะไรก็ตามที่คุณถืออยู่ตอนนั้น -
4:38 - 4:40ฉันหมายความว่า
-
4:40 - 4:42ต้อง "อยู่" กับการสนทนานั้นจริง ๆ
-
4:43 - 4:46อย่าไปคิดถึงเรื่องที่คุณทะเลาะกับเจ้านาย
-
4:46 - 4:48อย่าคิดเรื่องเมนูอาหารเย็นวันนี้
-
4:48 - 4:50ถ้าคุณอยากจะออกจากการสนทนานั้น
-
4:50 - 4:52ก็ออกมาเลย
-
4:52 - 4:54อย่าอยู่แบบครึ่ง ๆ กลาง ๆ
-
4:54 - 4:56ข้อสอง อย่าวางท่า
-
4:56 - 4:58ถ้าคุณอยากจะเสนอความคิดเห็น
-
4:58 - 5:04โดยไม่อยากให้มีคนตอบ โต้แย้ง
คำตอบที่ไม่ถูกใจ หรือการพัฒนา -
5:04 - 5:06ไปเขียนบล็อกแทนแล้วกัน
-
5:06 - 5:09(เสียงหัวเราะ)
-
5:09 - 5:13จริง ๆ แล้วมันก็มีเหตุผลว่า ทำไมฉันถึง
ไม่ให้ผู้เชี่ยวชาญเข้าฟังบรรยายของฉัน -
5:13 - 5:14เพราะพวกเขาน่าเบื่อมาก ๆ
-
5:14 - 5:18ถ้าพวกเขาเป็นพวกอนุรักษ์นิยม
พวกเขาจะเกลียดโอบามา คูปองอาหาร การทำแท้ง -
5:18 - 5:20แต่ถ้าพวกเขาเป็นพวกเสรีนิยม
พวกเขาก็จะเกลียด -
5:20 - 5:23ธนาคารใหญ่ ๆ บริษัทน้ำมัน
และดิ๊ก เชนีย์ -
5:23 - 5:24เดาได้ง่าย ๆ เลย
-
5:24 - 5:26และคุณก็ไม่คงไม่อยากจะเป็นแบบนั้น
-
5:26 - 5:30คุณควรจะต้องเริ่มการสนทนาทุกครั้ง
ด้วยความรู้สึกว่าจะต้องได้เรียนรู้สิ่งใหม่ -
5:31 - 5:33เอ็ม สก็อตต์ เพ็ค นักบำบัดชื่อดัง
กล่าวไว้ว่า -
5:33 - 5:37การฟังที่แท้จริง คือการปล่อยวางตัวเอง
-
5:37 - 5:41และในบางครั้งนั่นก็หมายถึง
การละทิ้งความเห็นส่วนตัวของคุณ -
5:41 - 5:45เขาบอกว่า การรับรู้ได้ถึงการยอมรับนี้
-
5:45 - 5:48ผู้พูดจะค่อย ๆ รู้สึกมั่นคงขึ้น
-
5:48 - 5:50และมีแนวโน้มมากขึ้นที่จะเปิดเผยตัวตนจริง ๆ
-
5:50 - 5:53ออกมาให้ผู้ฟังได้รับรู้มากขึ้น
-
5:53 - 5:56แต่ก็นั่นแหละ มันอยู่บนพื้นฐานว่า
คุณมีสิ่งที่จะได้เรียนรู้ -
5:56 - 6:00บิล นายย์ บอกไว้ว่า "ทุกคนที่คุณได้เจอ
จะรู้บางอย่างที่คุณไม่รู้" -
6:01 - 6:02ฉันจะอธิบายแบบนี้แล้วกัน
-
6:02 - 6:05ทุกคนมีความเชี่ยวชาญในบางสิ่งบางอย่างอยู่
-
6:07 - 6:09ข้อสาม ใช้คำถามปลายเปิด
-
6:09 - 6:12ในกรณีนี้ ให้ใช้วิธีของพวกนักข่าว
-
6:12 - 6:15เริ่มต้นคำถามด้วยคำว่า ใคร ทำอะไร ที่ไหน
เมื่อไหร่ อย่างไร และเพราะอะไร -
6:15 - 6:19ถ้าคุณถามคำถามที่ซับซ้อน
คุณก็จะได้คำตอบง่าย ๆ กลับมา -
6:19 - 6:21ถ้าฉันถามคุณว่า "คุณกลัวไหม"
-
6:21 - 6:25คุณก็จะตอบ
คำที่มีพลังรุนแรงที่สุดในคำถามนั้นกลับมา -
6:25 - 6:28นั่นก็คือคำว่า "กลัว" และคุณจะตอบว่า
"ใช่ ฉันกลัว" หรือ "ไม่ได้กลัว" -
6:28 - 6:30"คุณโกรธไหม" ก็จะได้เป็น "ใช่ ฉันโกรธมาก"
-
6:30 - 6:33ปล่อยให้เขาอธิบาย
เขาเป็นคนที่รู้เรื่องมันมากที่สุด -
6:33 - 6:36พยายามถามอะไรเช่น
"มันเป็นอย่างไรล่ะ" -
6:36 - 6:38"แล้วรู้สึกอย่างไรบ้าง"
-
6:38 - 6:42เพราะแบบนั้น คนฟังอาจจะต้องหยุด
และใช้เวลาคิดถึงมันก่อน -
6:42 - 6:45แล้วคุณก็จะได้รับคำตอบ
ที่น่าสนใจมากขึ้นกว่าเดิมเยอะ -
6:45 - 6:47ข้อที่สี่ ปล่อยไปตามสถานการณ์
-
6:48 - 6:51นั่นแปลว่า ให้ความคิดไหลเข้ามาในใจคุณ
-
6:51 - 6:54แล้วคุณก็จะต้องปล่อยให้มันออกมาจากใจคุณ
-
6:54 - 6:56เรามักได้ยินการสัมภาษณ์หลายครั้ง
-
6:56 - 6:58ที่แขกรับเชิญพูดอยู่หลายนาที
-
6:58 - 7:01แล้วพิธีกรค่อยเดินกลับเข้ามา
และถามคำถาม -
7:01 - 7:04ที่เหมือนไม่มีที่มาที่ไป
หรือไม่ก็ถูกตอบไปแล้วในการพูดก่อนหน้า -
7:04 - 7:07นั่นแสดงว่าพิธีกรเองคง
ไม่ได้ฟังตั้งแต่สองสามนาทีที่แล้ว -
7:07 - 7:10เพราะเขามัวแต่นั่งคิด
เรื่องคำถามแสนบรรเจิดนี้อยู่ -
7:10 - 7:13หรือไม่เขาก็ตั้งใจที่จะพูดแบบนั้นอยู่แล้ว
-
7:13 - 7:16แล้วเราก็ทำแบบเดียวกันนั่นแหละ
-
7:16 - 7:18เรานั่ง และพูดคุยอยู่กับใครสักคน
-
7:18 - 7:22แล้วอยู่ดี ๆ เราก็นึกถึงตอนที่
เคยเจอฮิวจ์ แจ็คแมนในร้านกาแฟ -
7:22 - 7:24(เสียงหัวเราะ)
-
7:24 - 7:25จากนั้นเราก็หยุดฟังไป
-
7:25 - 7:28เราแค่รอจังหวะที่จะพูดเรื่องของตัวเอง
-
7:28 - 7:30เกี่ยวกับฮิวจ์ แจ็คแมน และกาแฟ
-
7:30 - 7:33เรื่องราวและไอเดียต่าง ๆ จะเข้ามาหาคุณ
-
7:33 - 7:36คุณต้องปล่อยให้มันมาหา และปล่อยมันผ่านไป
-
7:36 - 7:40ข้อที่ห้า ถ้าคุณไม่รู้ ให้บอกว่าคุณไม่รู้
-
7:41 - 7:44สมัยนี้ คนที่จัดรายการวิทยุต่างๆ
โดยเฉพาะสถานีสาธารณะ -
7:44 - 7:46ต่างก็ให้ความสนใจ
กับสิ่งที่ตัวเองพูดมากขึ้น -
7:46 - 7:50ทุกวันนี้เขาระมัดระวังตัวกันมากขึ้น
ในสิ่งที่อ้างว่าตัวเองเชี่ยวชาญ -
7:50 - 7:52หรือสิ่งที่อ้างว่ารู้แน่นอน
-
7:52 - 7:54ทำแบบนั้นเถอะ แต่ว่าก็ระวังไว้ด้วย
-
7:54 - 7:57การพูดนั้นไม่ควรจะแค่ผิวเผิน
-
7:57 - 8:01ข้อหก
อย่าเอาประสบการณ์ของตัวเองไปวัดคนอื่น -
8:02 - 8:04ถ้าคนอื่นกำลังเล่าว่า
เขาเสียสมาชิกในครัวครัวไป -
8:04 - 8:08อย่าพูดถึงตอนที่
คุณเสียสมาชิกในครอบครัวของตัวเอง -
8:08 - 8:10ถ้าเขากำลังเล่าเรื่องปัญหา
ที่เจอในที่ทำงาน -
8:10 - 8:13อย่าเล่าว่าคุณเกลียดงานของตัวเองแค่ไหน
-
8:13 - 8:15มันไม่เหมือนกัน และไม่เคยเหมือนกัน
-
8:15 - 8:17ประสบการณ์ต่าง ๆ เป็นเรื่องของแต่ละคน
-
8:17 - 8:20และที่สำคัญยิ่งไปกว่านั้น
มันไม่ใช่เรื่องของคุณ -
8:20 - 8:23คุณไม่ต้องใช้ช่วงเวลานั้น
พิสูจน์ว่าตัวเองยอดเยี่ยมแค่ไหน -
8:23 - 8:26หรือคุณผ่านความยากลำบากมาขนาดไหน
-
8:26 - 8:29มีคนเคยถามสตีเฟ่น ฮอว์คิงว่าไอคิวเท่าไหร่
แล้วเขาก็ตอบว่า -
8:29 - 8:32"ผมไม่รู้เลย มีแต่พวกขี้แพ้
ที่อวดเรื่องไอคิวตัวเอง" -
8:32 - 8:34(เสียงหัวเราะ)
-
8:34 - 8:37การสนทนานั้นไม่ใช่โอกาสในการส่งเสริมการขาย
-
8:37 - 8:39[ การสนทนาในศตวรรษที่ 21 ]
-
8:39 - 8:42[ คุณเป็นยังไงบ้างวันนี้
อ่านบล็อคของฉันสิ! ] -
8:43 - 8:44ข้อเจ็ด
-
8:44 - 8:46พยายามอย่าพูดย้ำไปย้ำมา
-
8:46 - 8:48มันลดคุณค่าตัวเอง และน่าเบื่อสุด ๆ
-
8:48 - 8:49แล้วเราก็มีแนวโน้มจะทำมันบ่อยๆ
-
8:49 - 8:53โดยเฉพาะในการสนทนาเรื่องงาน
หรือการพูดกับลูก ๆ ของเรา -
8:53 - 8:54เรามีจุดที่อยากจะเน้นย้ำ
-
8:54 - 8:57เราเลยแค่ปรับคำพูดนิดหน่อย
แล้วย้ำมันอยู่ซ้ำ ๆ -
8:57 - 8:59อย่าทำอย่างนั้น
-
8:59 - 9:01ข้อแปด
อย่าพูดในสิ่งที่ไม่จำเป็น -
9:01 - 9:04เอาตรง ๆ ก็คือ คนอื่นไม่ได้อยากรู้
-
9:04 - 9:06ไม่ว่าจะเรื่องปี เรื่องชื่อ
-
9:06 - 9:09เรื่องวันที่ รายละเอียดพวกนั้น
-
9:09 - 9:11ที่คุณพยายามจะนึกอยู่ในใจ
-
9:11 - 9:14พวกเขาไม่ได้อยากรู้
เขาอยากรู้เรื่องคุณ -
9:14 - 9:16เขาสนใจว่าคุณเป็นยังไง
-
9:16 - 9:18คุณมีอะไรที่คล้ายกันบ้าง
-
9:18 - 9:21ดังนั้น ลืมเรื่องรายละเอียดไป ทิ้งมันไว้
-
9:21 - 9:22ข้อเก้า
-
9:22 - 9:25นี่ไม่ใช่ข้อสุดท้าย
แต่เป็นข้อที่สำคัญที่สุด -
9:25 - 9:27ฟัง
-
9:27 - 9:30ฉันไม่สามารถบอกได้ว่า
กี่ครั้งแล้วที่คนสำคัญ ๆ ได้กล่าวไว้ว่า -
9:30 - 9:34ว่าบางทีแล้ว การฟังอาจจะเป็นทักษะ
ที่สำคัญที่สุด -
9:34 - 9:36ที่คุณสามารถสร้างมันได้
-
9:36 - 9:37พระพุทธเจ้ากล่าว
และฉันถอดความได้ว่า -
9:37 - 9:40ถ้าปากคุณกำลังเปิด
นั่นคือคุณไม่ได้ฟังอยู่ -
9:40 - 9:44และเคลวิน คูลิดจ์ ก็เคยกล่าวไว้ว่า
"ไม่เคยมีใครถูกไล่ออกเพราะการฟัง" -
9:45 - 9:47(เสียงหัวเราะ)
-
9:47 - 9:49ทำไมเราถึงไม่ฟังกันล่ะ
-
9:49 - 9:51ข้อแรก เพราะเราเอาแต่พูดมากกว่า
-
9:51 - 9:53เมื่อฉันกำลังพูด ฉันคือคนที่กุมอำนาจ
-
9:53 - 9:56ฉันไม่ต้องได้ยินสิ่งที่ฉันไม่สนใจ
-
9:56 - 9:57ฉันเป็นจุดศูนย์กลางของความสนใจ
-
9:57 - 10:00ฉันได้เน้นย้ำตัวตนของตัวเอง
-
10:00 - 10:01แต่มันก็มีอีกเหตุผลหนึ่ง
-
10:01 - 10:03เราถูกเบนความสนใจ
-
10:03 - 10:06คนปกติทั่วไปจะพูดประมาณ 225 คำต่อนาที
-
10:06 - 10:10แต่เราสามารถฟังได้ถึง 500 คำต่อนาที
-
10:11 - 10:14เพราะอย่างนั้น
สมองของเราจึงเติมอีก 275 คำที่เหลือเอง -
10:14 - 10:18แต่โอเค ฉันก็เข้าใจนะ
ว่ามันต้องใช้ความพยายามและพลังงานมาก -
10:18 - 10:20เพื่อจะให้ความสนใจกับใครสักคน
-
10:20 - 10:23แต่ถ้าคุณทำไม่ได้
งั้นคุณก็ไม่ได้อยู่ในการสนทนา -
10:23 - 10:26คุณจะเป็นแค่คนสองคนที่ตะโกน
ประโยคที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกันไปมา -
10:26 - 10:27ในบริเวณเดียวกัน
-
10:27 - 10:29(เสียงหัวเราะ)
-
10:29 - 10:32คุณต้องฟังกันและกัน
-
10:32 - 10:34สตีเฟ่น โควีย์ กล่าวไว้อย่างสวยหรูว่า
-
10:34 - 10:37"พวกเราส่วนใหญ่ไม่ได้ฟัง
ด้วยความตั้งใจที่จะเข้าใจ -
10:37 - 10:40เราฟังด้วยความตั้งใจที่จะตอบคนอื่น"
-
10:41 - 10:46อีกข้อนึง ข้อที่สิบ
ซึ่งมันก็คือ พูดให้กระชับ -
10:47 - 10:50[ การสนทนาที่ดีก็เหมือนมินิสเกิร์ต
สั้นพอที่จะเรียกความสนใจ -
10:50 - 10:53แต่ก็ยาวพอที่จะครอบคลุมสิ่งสำคัญ
- น้องสาวของฉัน ] -
10:53 - 10:55(เสียงหัวเราะ)
-
10:55 - 10:56(เสียงปรบมือ)
-
11:00 - 11:05ทั้งหมดนี้ สรุปลงมาเหลือแค่แนวคิดง่าย ๆ
ซึ่งก็คือ -
11:05 - 11:07สนใจคนอื่นบ้าง
-
11:08 - 11:11ฉันโตขึ้นมากับคุณตาที่มีชื่อเสียง
-
11:11 - 11:13แล้วมันก็เหมือนเป็นธรรมเนียมที่บ้านว่า
-
11:13 - 11:15จะมีคนมาที่บ้าน เพื่อคุยกับคุณตาคุณยาย
-
11:15 - 11:18แล้วเมื่อพวกเขากลับไป
แม่ก็จะเข้ามาหาเรา -
11:18 - 11:21แล้วถามว่า "รู้ไหมว่านั่นใคร"
-
11:21 - 11:22เธอเคยเป็นรองมิสอเมริกา
-
11:22 - 11:24เขาเคยเป็นนายกฯ เมืองซาคราเมนโต
-
11:24 - 11:27เธอเคยชนะรางวัลพูลิเซอร์ไพรซ์
หรือเขาเคยเป็นนักบัลเลต์มาก่อน -
11:27 - 11:30เพราะอย่างนั้นฉันเลยโตขึ้นมาโดยคอยเดาว่า
-
11:30 - 11:33แต่ละคนมีบางสิ่งบางอย่างที่สุดยอดซ่อนอยู่
-
11:34 - 11:37ซึ่งฉันก็คิดด้วยว่า มันคือสิ่งที่ทำให้ฉัน
เป็นพิธีกรได้ดีกว่าหลายคน -
11:38 - 11:40ฉันรูดซิบปากสนิท
ให้เยอะที่สุดเท่าที่ทำได้ -
11:40 - 11:42ฉันเปิดใจ
-
11:42 - 11:44ฉันพร้อมจะรับความประหลาดใจเสมอ
-
11:44 - 11:47และฉันก็ไม่เคยต้องผิดหวังเลย
-
11:47 - 11:49คุณก็แค่ทำแบบเดียวกัน
-
11:49 - 11:51ออกไปคุยกับคนอื่น
-
11:51 - 11:53ฟังคนอื่น
-
11:53 - 11:56และที่สำคัญที่สุด
เตรียมใจให้พร้อมรับความประหลาดใจ -
11:56 - 11:58ขอบคุณค่ะ
-
11:58 - 12:00(เสียงปรบมือ)
- Title:
- 10 วิธีที่จะทำให้มีการสนทนาที่ดีกว่าเดิม | Celeste Headlee | TEDxCreativeCoast
- Description:
-
เมื่ออาชีพของคุณขึ้นอยู่กับการพูดคุยกับคนอื่น คุณจะได้เรียนรู้วิธีการสร้างบทสนทนาแบบต่างๆ และรู้ว่าพวกเราหลายๆคนไม่ได้พูดคุยกันเก่งเท่าไหร่เลย Celeste Headlee ทำงานเป็นนักจัดรายการวิทยุมาหลายสิบปี และเธอก็รู้เคล็ดลับที่จะทำให้เรามีการสนทนาดี ๆ กันได้ นั่นคือ ต้องมีความจริงใจ ความกระชับ ความชัดเจน และการฟังที่เหมาะสม ในทอล์คที่น่าสนใจนี้ เธอจะมาแชร์กฎสิบข้อที่จะทำให้เรามีบทสนทนาที่ดีขึ้นได้ “ออกไปข้างนอก คุยกับคนอื่น ฟังคนอื่นด้วย” เธอกล่าว “และที่สำคัญที่สุด ให้เตรียมพร้อมที่จะรับความประหลาดใจเอาไว้”
- Video Language:
- English
- Team:
- closed TED
- Project:
- TEDxTalks
- Duration:
- 12:07