การสัมภาษณ์งานแบบดั้งเดิม โดยพื้นฐานแล้ว คือการสอบสวนฝ่ายเดียวและกดดันสูง เกือบรับประกันได้เลยว่าจะสร้าง ความตึงเครียดอย่างมาก แต่กลับกลายเป็นว่า ขั้นตอนที่เครียดเช่นนี้ อาจปิดบังศักยภาพ ที่แท้จริงของคนๆ หนึ่ง ทำให้เรามองข้ามคนหลายคน ที่สามารถเป็นลูกจ้างที่ดีได้ เราต้องมีวิธีอื่น ที่จะสัมภาษณ์และคัดกรองผู้สมัคร วิธีที่จะเปิดเผยศักยภาพ และความสามารถที่ซ่อนอยู่ [วิธีการทำงานของเรา] [เกิดขึ้นได้โดยการสนับสนุนของ Dropbox] เมื่อ 12 ปีที่แล้ว ผมก่อตั้ง CY บริษัทรับให้บริการ ศูนย์บริการลูกค้า จัดคณะทำงานและบริหารงานทั้งหมด โดยผู้ด้อยโอกาสทางสังคม มากกว่าครึ่งหนึ่ง ของพนักงานเป็นร้อยๆ คนของเรา เป็นผู้พิการอย่างหนัก อีกหลายคน มาจากกลุ่มคนผู้เสียเปรียบในด้านอื่นๆ หรือแค่ป่วยจากโรควิตกกังวล ความเคารพในตัวเองตํ่า และขาดความมั่นใจ ปัญหาที่ผมต้องการแก้ไข ตอนที่ผมเริ่มตั้งบริษัทคือ การสัมภาษณ์และการคัดกรองแบบเดิมๆ โดยเฉพาะสำหรับตำแหน่งระดับแรกเริ่ม ลำเอียงอย่างมากต่อบุคคล ที่สามารถทำงานได้ดีในสภาวะกดดันอย่างหนัก ถ้ากำลังคัดกรองคนสำหรับหน่วยซีล ผมเข้าใจได้ แต่ความสามารถในสภาวะกดดันอย่างหนัก ไม่มีความเกี่ยวข้องเลย ถ้างานนั้นคือการจัดคลังสินค้า หรือพับเสื้อผ้า เว้นแต่ถ้าเป็นเทศกาลลดกระหนํ่า คลารา เป็นตัวอย่างที่ดีมาก เราพบกันตั้งแต่ CY เปิดแรกๆ ตอนเธอกำลังรอสัมภาษณ์งาน คลาราอายุ 25 เธอเป็นโรคสมองพิการ และใช้วอล์คเกอร์ เธอดูค่อนข้างหวาดระแวง แต่เธอก็น่าคบหา ฉลาดและพูดเก่ง แต่หลังจากนั้นไม่นาน ผู้สัมภาษณ์เธอบอกว่า เธอสัมภาษณ์ได้ล้มเหลวมาก บอกว่าเธอไม่สามารถ ประติดประต่อคำสองคำเข้ากันได้เลย ปรัชญาการคัดกรองที่ว่า เลือกลูกจ้างโดยการ มองพวกเขาในจุดที่แย่ที่สุด ไม่เพียงแต่มองข้ามผู้พิการ แต่มองข้ามผู้ที่ความสามารถ ถูกเบียดบังด้วยสภาวะกดดัน เราได้สร้างระบบคัดกรองแบบย้อนกลับ เพื่อที่จะหาศักยภาพ และตามชื่อระบบนี้ เราทำการคัดกรองแบบตรงกันข้ามกับ การคัดกรองแบบดั้งเดิม พูดง่ายๆ คือ ถ้าคุณต้องการ ประเมินศักยภาพที่แท้จริงของผู้สมัคร ให้ดูว่าเขาทำงานอย่างไร ในจุดที่ดีที่สุด ไม่ใช่แย่ที่สุด สำหรับคนส่วนใหญ่ คือเวลาเราสงบและผ่อนคลาย ไม่ใช่เครียดและวิตกกังวล เพราะฉะนั้น สร้างวิธีการคัดกรอง ปรับแต่งตามบุคคล เพื่อจะทำให้ผู้สมัครรู้สึก ผ่อนคลายในจิตใจให้มากที่สุด สามตัวอย่างที่จะทำให้คุณทำอย่างนั้นได้ ลดความวิตกกังงลและความรู้สึกไม่มั่นคง เริ่มต้นโดยการ นำความรู้สึกของการสัมภาษณ์ออกไป กลับกัน คนสัมภาษณ์ควรมองตัวเองว่าเป็นเจ้าภาพ ทำตัวให้เป็นมิตรและต้อนรับ เลือกบรรยากาศที่เอื้อ ต่อการทำให้ผู้สมัครรู้สึกสบาย เช่นการทำให้ห้องสัมภาษณ์ ดูเหมือนห้องนั่งเล่น คนเราจะมีความมั่นใจในการพูดคุย ในเรื่องที่มีความรู้และสนใจ เพราะฉะนั้นเราจึงให้ผู้สมัคร กรอกแบบสอบถามสั้นๆ ที่เกี่ยวกับงานอดิเรก และเริ่มการสัมภาษณ์ โดยการพูดคุยถึงเรื่องเหล่านั้น เพื่อที่จะให้ผู้สมัคร นำความสามารถในการพูด จุดเด่นและนิสัยออกมา สอบถามถึงความสามารถในชีวิตประจำวัน ที่ผู้สมัครคุ้นเคย เช่น ตำแหน่งงานขาย จำเป็นต้องมีความสามารถในการชักจูง เพราะฉะนั้น ให้ผู้สมัครนั้นสวมบทบาท ในการชักจูงเพื่อนบ้าน เพื่อที่จะจ่ายค่าซ่อมบำรุงมากขึ้น สำหรับการปรับปรุงพื้นที่โถงกลาง กำลังมองหาการเจรจาอย่างดุดัน ตรงไปตรงมา? ให้ผู้สมัครอธิบาย วิธิการชักจูงวัยรุ่นคนหนึ่ง ไม่ให้มองโทรศัพท์ ระหว่างทานข้าวกับครอบครัว ช่วยให้เขาก้าวผ่านจุดที่ติดขัด เพื่อที่จะเห็นวิธีการปรับตัวและเรียนรู้ ในการคัดกรองแบบย้อนกลับ เราให้ 3 ตัวช่วยแก่ผู้สมัคร เราเรียกว่า "ใครต้องการที่จะเป็นลูกจ้าง?" ถ้าผู้สมัครต้องการคำใบ้ ผู้สัมภาษณ์ก็จะร่างคำตอบที่ถูกต้องบางแบบ แล้วให้ผู้สมัครแสดงเหตุการณ์นั้นให้ดู เพื่อที่จะดูการซึมซับและถ่ายทอดคำใบ้นั้นๆ การหาศักยภาพที่แท้จริงของคนๆ หนึ่ง ทำให้เกิดบริษัทและลูกจ้าง ที่มีความสุข หลากหลาย และประสบความสำเร็จ มากกว่าบริษัททั่วไป จำคลาราได้ไหม? เราจ้างเธอ เธอค่อยๆ ปรับปรุง จนเธอสามารถบรรลุเป้าหมาย ด้านจำนวนการโทรต่อชั่วโมง และเธอก็ยังเก่งขึ้นเรื่อยๆ จนปัจจุบัน คลาราให้สัมภาษณ์ ว่าเมื่อหลายปีที่ผ่านมา ไม่มีใครเลย รวมถึงตัวเธอด้วย เชื่อมั่นในศักยภาพของเธอ งานนั้นสำคัญมากยิ่งกว่าเงินเดือน โดยเฉพาะสำหรับกลุ่มคน ที่อยู่ตามชายขอบของสังคม ในการหาและจ้างคนที่คุณมักมองข้าม คุณจะไม่เพียงแต่สร้างประโยชน์ให้กับบริษัท คุณยังจะเปลี่ยนชีวิตของคนหลายคน โอกาสที่จะชนะร่วมกับผู้ด้อยโอกาส มีอยู่รอบตัวคุณ จงคว้ามันไว้