1 00:00:06,817 --> 00:00:09,617 จินตนาการว่าเราต้องการ สร้างท่าจอดยานอวกาศแห่งใหม่ 2 00:00:09,617 --> 00:00:13,200 ณ หนึ่งในสี่ฐานทัพที่เพิ่งตั้งบนดาวอังคาร 3 00:00:13,200 --> 00:00:16,650 และเรากำลังมีการลงคะแนน ว่าจะตั้งตรงจุดไหน 4 00:00:16,650 --> 00:00:23,482 จากประชากร 100 คนบนดาวอังคาร 42 คนอาศัยที่ฐานตะวันตก 26 คนที่ฐานเหนือ 5 00:00:23,482 --> 00:00:28,252 15 คนที่ฐานใต้ และ 17 คนที่ฐานตะวันออก 6 00:00:28,252 --> 00:00:32,342 เพื่อให้บรรลุจุดประสงค์ ให้คิดว่า ทุกคนอยากให้ท่าจอดยานอวกาศ 7 00:00:32,342 --> 00:00:37,155 อยู่ใกล้ฐานตัวเองให้มากที่สุด และจะลงคะแนนเสียงตามนั้น 8 00:00:37,155 --> 00:00:40,445 อะไรคือวิธีการที่ยุติธรรมที่สุด ในการลงคะแนน 9 00:00:40,445 --> 00:00:44,400 คำตอบที่ตรงไปตรงมาที่สุด คือการปล่อยให้แต่ละคน 10 00:00:44,400 --> 00:00:48,750 มีสิทธิ์ลงเสียงคนละคะแนน และเลือกบริเวณที่ได้คะแนนมากที่สุด 11 00:00:48,750 --> 00:00:54,119 วิธีนี้รู้จักกันในชื่อระบบเสียงส่วนใหญ่ หรือผู้ได้คะแนนสูงสุดได้รับเลือกตั้ง 12 00:00:54,119 --> 00:00:57,179 ในกรณีนี้ ฐานตะวันตกชนะอย่างง่ายดาย 13 00:00:57,179 --> 00:00:59,791 เพราะว่ามันมีจำนวนผู้อยู่อาศัย มากกว่าฐานอื่น ๆ 14 00:00:59,791 --> 00:01:04,031 ในทางกลับกัน ชาวอาณานิคมส่วนใหญ่จะมองว่า นี่เป็นผลลัพท์ที่แย่ที่สุด 15 00:01:04,031 --> 00:01:07,045 เพราะฐานดังกล่าวช่างห่างไกลจากคนอื่น 16 00:01:07,045 --> 00:01:12,099 ดังนั้น ระบบเสียงส่วนใหญ่ มันยุติธรรมที่สุดแล้วจริงหรือ 17 00:01:12,099 --> 00:01:15,939 จะเกิดอะไรขึ้นถ้าเราลองใช้ระบบ อย่างการหาผู้ชนะเสียงข้างมาก 18 00:01:15,939 --> 00:01:19,265 ซึ่งคำนึงถึงความชอบของผู้คนอย่างครบถ้วน 19 00:01:19,265 --> 00:01:21,591 มากกว่าแค่การเลือกตัวเลือกอันดับหนึ่ง 20 00:01:21,591 --> 00:01:23,131 นี่เป็นวิธีการทำงานของมัน 21 00:01:23,131 --> 00:01:27,001 แรกเริ่ม ผู้มีสิทธิลงคะแนนเสียง จัดอันดับตัวเลือกจาก 1 ถึง 4 22 00:01:27,001 --> 00:01:29,651 และเราเปรียบเทียบกับตัวเลือกอันดับ 1 23 00:01:29,651 --> 00:01:34,348 ตัวเลือกอันดับ 1 ของฐานใต้ได้รับคะแนนเสียง น้อยที่สุด ดังนั้นจึงถูกคัดออก 24 00:01:34,348 --> 00:01:39,716 คะแนน 15 เสียงของพวกเขาจะถูกย้าย ไปยังตัวเลือกอันดับสองของผู้ลงคะแนนเสียง 25 00:01:39,716 --> 00:01:43,666 ฐานตะวันออก— รวมกันแล้วได้คะแนน 32 เสียง 26 00:01:43,666 --> 00:01:49,177 จากนั้นเราเปรียบเทียบตัวเลือกอันดับต้น ๆ และตัดตัวเลือกสุดท้ายออกอีกครั้ง 27 00:01:49,177 --> 00:01:51,357 ครั้งนี้ ฐานทิศเหนือถูกคัดออก 28 00:01:51,357 --> 00:01:54,926 ตัวเลือกที่ 2 ของประชากรฐานเหนือ คือฐานใต้ 29 00:01:54,926 --> 00:01:59,190 แต่ทว่า ฐานใต้นั้นถูกตัดออกไปแล้ว คะแนนเสียงพวกเขาจึงไปยังตัวเลือกที่ 3 แทน 30 00:01:59,190 --> 00:02:05,390 ทำให้ฐานตะวันออกมี 58 เสียง มากกว่า ฐานตะวันตก 42 เสียง จึงกลายเป็นผู้ชนะ 31 00:02:05,390 --> 00:02:08,090 แต่วิธีนี้ก็ดูเหมือนว่าไม่ยุติธรรมเช่นกัน 32 00:02:08,090 --> 00:02:11,806 ไม่ใช่แค่ฐานตะวันตกเริ่มต้นจาก ที่รองโหล่ 33 00:02:11,806 --> 00:02:16,280 แต่เสียงส่วนใหญ่ยังจัดอันดับมันไว้ ในสองอันดับสุดท้าย 34 00:02:16,280 --> 00:02:20,867 แทนที่จะใช้การจัดอันดับ เราสามารถลอง การลงคะแนนเสียงหลายรอบ 35 00:02:20,867 --> 00:02:25,057 ด้วยการให้ผู้ชนะสองอันดับแรก ได้เข้าสู่รอบถัดไป 36 00:02:25,057 --> 00:02:29,120 ปกติแล้ว นี่จะหมายความว่าตะวันตกและเหนือ ชนะในรอบแรก 37 00:02:29,120 --> 00:02:30,848 และฐานเหนือชนะในรอบที่สอง 38 00:02:30,848 --> 00:02:33,509 แต่ผู้อาศัยในฐานตะวันออกนึกได้ว่า 39 00:02:33,509 --> 00:02:36,029 แม้ว่าพวกเขาจะไม่มีคะแนนเสียงที่จะชนะ 40 00:02:36,029 --> 00:02:39,369 พวกเขายังคงสามารถบิดเบือนผลลัพธ์ได้ ตามเสียงสนับสนุนของพวกเขา 41 00:02:39,369 --> 00:02:43,289 ในรอบแรก พวกเขาโหวตให้ฐานทิศใต้ แทนที่จะลงคะแนนให้ตนเอง 42 00:02:43,289 --> 00:02:46,299 ผลที่ได้คือฐานทิศเหนือจะ ไม่ได้เข้ารอบต่อไป 43 00:02:46,299 --> 00:02:50,059 ต้องขอบคุณ "การโหวตเชิงยุทธศาสตร์" จากผู้อาศัยของฐานตะวันออก 44 00:02:50,059 --> 00:02:55,177 ฐานใต้ชนะรอบที่สองอย่างง่ายดาย แม้จะมีประชากรน้อยที่สุด 45 00:02:55,177 --> 00:02:59,762 ระบบนี้จะเรียกว่ายุติธรรมและดีได้หรือไม่ ถ้ามันกระตุ้นให้เกิดการโกหก 46 00:02:59,762 --> 00:03:01,712 เกี่ยวกับความต้องการที่แท้จริงของคุณ 47 00:03:01,712 --> 00:03:05,511 หรือว่าสิ่งที่เราต้องทำคือ ปล่อยให้ผู้ลงคะแนนเสียงแสดงถึงความต้องการ 48 00:03:05,511 --> 00:03:08,676 ในทุก ๆ การเผชิญซึ่งหน้า 49 00:03:08,676 --> 00:03:11,671 ระบบนี้รู้จักกันในชื่อ วิธีคองโดเซต์ 50 00:03:11,671 --> 00:03:15,203 ลองนึกถึงการเผชิญหน้าครั้งหนึ่ง ฐานตะวันตกปะทะฐานเหนือ 51 00:03:15,203 --> 00:03:18,713 ชาวอาณานิคมทั้ง 100 คนลงคะแนนเสียง ตามความชอบระหว่างสองฐานนี้ 52 00:03:18,713 --> 00:03:23,516 ดังนั้นจะเป็น 42 เสียงจากตะวันตก ปะทะ 58 เสียงจากเหนือ ใต้ และตะวันออก 53 00:03:23,516 --> 00:03:25,731 ที่ต่างพอใจกับฐานเหนือมากกว่า 54 00:03:25,731 --> 00:03:29,066 ตอนนี้ เราใช้วิธีการเดียวกัน สำหรับอีก 5 คู่ 55 00:03:29,066 --> 00:03:32,661 ผู้ชนะคือฐานใดก็ตาม ทึ่ชนะมากที่สุด 56 00:03:32,661 --> 00:03:36,622 ผลคือ ฐานเหนือชนะ 3 ครั้ง และฐานใต้ชนะ 2 ครั้ง 57 00:03:36,622 --> 00:03:40,082 สองฐานนี้คือสองฐานที่ตั้งอยู่ตรงกลางที่สุด 58 00:03:40,082 --> 00:03:45,659 และฐานเหนือมีข้อได้เปรียบ ที่ไม่ได้เป็นตัวเลือกอันดับล่างสุดของใคร ๆ 59 00:03:45,659 --> 00:03:50,846 ดังนั้น โดยทั่วไป มันทำให้วิธีคองโดเซต์ เป็นวิธีการลงคะแนนในอุดมคมติเช่นนั้นหรือ 60 00:03:50,846 --> 00:03:53,176 ไม่เสมอไป 61 00:03:53,176 --> 00:03:55,877 ลองพิจารณาการเลือกตั้ง ที่มีผู้สมัครสามคน 62 00:03:55,877 --> 00:04:01,541 ถ้าคนชอบ A มากกว่า B และชอบ B มากกว่า C แต่ชอบ C มากกว่า A 63 00:04:01,541 --> 00:04:04,151 วิธีนี้จะล้มเหลวในการเลือกผู้ชนะ 64 00:04:04,151 --> 00:04:08,027 เป็นเวลากว่าหลายทศวรรษที่นักวิจัย และนักสถิติได้คิดค้น 65 00:04:08,027 --> 00:04:12,057 วิธีการที่ซับซ้อนหลากหลายวิธี ในการจัดและนับการลงคะแนนเสียง 66 00:04:12,057 --> 00:04:14,840 และบางวิธีถูกนำไปใช้จริง 67 00:04:14,840 --> 00:04:16,737 แต่ไม่ว่าคุณจะเลือกวิธีไหน 68 00:04:16,737 --> 00:04:21,508 มันเป็นไปได้ที่จะได้ผลลัพท์ที่ไม่ยุติธรรม 69 00:04:21,508 --> 00:04:25,128 กลายเป็นว่าแนวคิดโดยสัญชาตญาณของเรา เกี่ยวกับเรื่องความยุติธรรม 70 00:04:25,128 --> 00:04:29,590 นั้นประกอบด้วยสมมติฐานหลายอย่าง ที่อาจขัดแย้งกันเอง 71 00:04:29,590 --> 00:04:33,910 มันเหมือนจะไม่ยุติธรรมที่ผู้ลงคะแนนบางคน มีอิทธิพลมากกว่าคนอื่น 72 00:04:33,910 --> 00:04:38,253 แต่มันก็ไม่ยุติธรรมที่จะแค่ เมินเฉยต่อความต้องการของคนกลุ่มน้อย 73 00:04:38,253 --> 00:04:41,419 หรือสนับสนุนให้คนแสวงหาประโยชน์จากระบบ 74 00:04:41,419 --> 00:04:45,453 ที่จริงแล้ว หลักฐานทางคณิตศาสตร์ แสดงให้เห็นว่า การเลือกตั้งใดก็ตาม 75 00:04:45,453 --> 00:04:47,243 ที่มีตัวเลือกมากกว่าสองตัวเลือก 76 00:04:47,243 --> 00:04:49,947 นั้นเป็นไปไม่ได้ที่จะออกแบบระบบการลงคะแนน 77 00:04:49,947 --> 00:04:55,513 ที่ไม่ละเมิดบางเกณฑ์ที่ เป็นที่พึงปรารถนาในทางทฤษฎีเลย 78 00:04:55,513 --> 00:05:00,030 ดังนั้น ในขณะที่เรามักจะนึกถึงประชาธิปไตย ว่าเป็นเรื่องง่าย ๆ ของการนับคะแนนเสียง 79 00:05:00,030 --> 00:05:03,000 มันคงคุ้มค่าที่จะใคร่ครวญว่า ใครได้ประโยชน์ 80 00:05:03,000 --> 00:05:07,150 จากวิธีการที่แตกต่างกัน ในการนับคะแนนเสียง