เจย์ แบรดเนอร์: ทำวิจัยโรคมะเร็งแบบโอเพนซอร์ส
-
0:00 - 0:04ผมย้ายจากรัฐชิคาโกมาอยู่ที่เมืองบอสตันเมื่อสิบปีที่แล้ว
-
0:04 - 0:07เพราะผมสนใจเกี่ยวกับโรคมะเร็งและวิชาเคมี
-
0:07 - 0:10คุณคงพอจะรู้ว่าวิชาเคมีเป็นวิทยาศาสตร์ที่ทำงานเกี่ยวกับการสร้างโมเลกุล
-
0:10 - 0:14ซึ่งสำหรับตัวผมแล้ว มันคือการสร้างยารักษาโรคมะเร็งชนิดใหม่
-
0:14 - 0:17และคุณก็คงพอจะรู้ว่า สำหรับวิชาวิทยาศาสตร์และวิชาแพทย์แล้ว
-
0:17 - 0:20เมืองบอสตันมันเทียบได้กับเด็กได้เข้าอยู่ไปในร้านขนมหวาน
-
0:20 - 0:23ถ้าคุณขับผ่านป้ายหยุดรถโดยไม่จอดให้สนิทในเมืองเคมบริดจ์
-
0:23 - 0:25คุณคงไม่พลาดที่จะขับไปชนนักศึกษาระดับปริญญาโทหรือปริญญาเอก
-
0:25 - 0:27ขนาดบาร์ที่เมืองนี้ยังชื่อ ความมหัศจรรย์ของวิทยาศาสตร์
-
0:27 - 0:31ป้ายโฆษณาในเมืองนี้โฆษณาว่า "มีห้องว่างสำหรับทำงานวิจัยให้เช่า"
-
0:31 - 0:33และมันคงจะไม่เกินไปถ้าจะพูดว่า ในช่วงสิบก่วาที่ผ่านมานี้
-
0:33 - 0:36เราได้เห็นจุดเริ่มต้นของ
-
0:36 - 0:39การปฏิวิตทางวิทยาศาสตร์ นั่นคือ การแพทย์ที่เกี่ยวกับพันธุกรรม
-
0:39 - 0:41เรารู้และเข้าใจโรคของผู้ป่วยที่มารักษา
-
0:41 - 0:43มากกว่าที่เคย
-
0:43 - 0:45และในที่สุด เราก็สามารถที่จะตอบคำถาม
-
0:45 - 0:48ที่เราเพียรพยายามจะหาคำตอบมาเป็นเวลาหลายๆปี
-
0:48 - 0:51ว่าทำไมคนเราถึงเป็นมะเร็งกัน?
-
0:51 - 0:53ความรู้ใหม่ๆเหล่านี้ค่อนข้างน่าทึ่งมากๆ
-
0:53 - 0:55คุณอาจจะเคยได้ยินมาบ้างว่า
-
0:55 - 0:57ความรู้ที่เราพบในช่วงต้นๆของการปฏิวัติทางพันธุกรรมนี้
-
0:57 - 1:00เรารู้ว่ามีการกลายพันธุ์ที่แตกต่างกันไปประมาณ 40,000 แบบ
-
1:00 - 1:03ซึ่งการกลายพันธุ์นี้ เกิดขึ้นกับยีนที่ต่างกันไปมากกว่า 10,000 ยีน
-
1:03 - 1:05และในยีนเหล่านี้ มีทั้งหมดประมาณ 500 ยีน
-
1:05 - 1:07ที่เป็นตัวขับเคลื่อน
-
1:07 - 1:09กลไลของการเกิดมะเร็งอย่างแท้จริง
-
1:09 - 1:11ในขณะเดียวกันนั้น
-
1:11 - 1:14เรามียาที่ออกฤทธิ์เจาะจงไปที่ยีนเหล่านี้อยู่แค่ไม่กี่สิบตัว
-
1:14 - 1:17และชนิดของยาที่มีน้อยไม่เพียงพอของยามะเร็งเหล่านี้
-
1:17 - 1:19ผมรู้สึกได้อย่างจริงจัง เมื่อพ่อผมได้รับการวินัจฉัยว่า
-
1:19 - 1:22เป็นมะเร็งตับอ่อน
-
1:22 - 1:24เราไม่ได้พาเขาไปรักษาที่เมืองบอสตัน
-
1:24 - 1:26เราไม่ได้ศึกษาพันธุกรรมของพ่อ
-
1:26 - 1:28มันเป็นที่รู้กันมาเป็นสิบกว่าปีแล้ว
-
1:28 - 1:30ว่าอะไรคือสาเหตุของมะเร็งชนิดนี้
-
1:30 - 1:32มันคือโปรตีนสามตัวด้วยกัน
-
1:32 - 1:35แรส มิกและ พี53
-
1:35 - 1:38ข้อมูลเก่าเหล่านี้เรารู้กันมาตั้งแต่สมัยทศวรรษที่ 80
-
1:38 - 1:40แต่เราก็ยังไม่มียา
-
1:40 - 1:42สำหรับคนไข้มะเร็งตับอ่อนนี้
-
1:42 - 1:44หรือมะเร็งชนิดอื่นๆ
-
1:44 - 1:46ที่เกิดจากปีศาจแห่งความหายนะทั้งสาม
-
1:46 - 1:49ที่นำไปสู่การเกิดโรคมะเร็ง
-
1:49 - 1:52เราไม่มียาที่จำเพาะต่อ แรส มิก และพี53
-
1:52 - 1:54และคงไม่ผิดถ้าคุณจะสงสัยว่า ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น?
-
1:54 - 1:57และคำตอบที่ไม่ค่อยน่าพอใจ แต่ตั้งอยู่บนวิทยาศาสตร์จริงๆคือ
-
1:57 - 1:59มันยากเกินไป
-
1:59 - 2:01มันจะเป็นด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม
-
2:01 - 2:04โปรตีนสามตัวนี้ ถูกจัดเข้าไปในกลุ่มซึ่งถ้าเป็นภาษาของพวกเราจะเรียกมันว่า
-
2:04 - 2:06พันธุกรรมส่วนที่ไม่สามารถสร้างยามารักษาได้
-
2:06 - 2:08ซึ่งก็คงไม่ต่างกับการบอกว่าคอมพิวเตอร์ที่ไม่สามารถจะทำให้เข้าอินเตอร์เนตได้
-
2:08 - 2:10หรือพระจันทร์ที่ไปถึงไม่ได้
-
2:10 - 2:12มันเป็นภาษาที่แย่ในวงการของพวกเรา
-
2:12 - 2:14แต่ความหมายที่แท้จริงของมันคือ
-
2:14 - 2:16เราล้มเหลวที่จะหาตำแหน่งบนโปรตีนเหล่านี้
-
2:16 - 2:19ก็คงเหมือนกับช่างทำกุญแจ
-
2:19 - 2:22คือเราไม่สามารถสร้างโมเลกุลที่จะไปจับได้พอดีกับโปรตีน เหมือนกุญแจเข้าได้พอดีกับแม่กุญแจ
-
2:22 - 2:24รวมไปถึงเราไม่พบยาที่ทำได้
-
2:24 - 2:26ผมเรียนมาทางอายุรศาสตร์
-
2:26 - 2:28โรคเลือดและโรคมะเร็ง
-
2:28 - 2:30และการเปลี่ยนถ่ายสเต็มเซลล์
-
2:30 - 2:32สิ่งที่เรามีคือ
-
2:32 - 2:35ไล่เรียงไปเหล่ารายชื่อสารควบคุมที่ อย. ให้เราใช้ได้
-
2:35 - 2:37เรามีสารเหล่านี้
-
2:37 - 2:39ยาเบื่อหนู ยา thalidomide
-
2:39 - 2:41สารเคมีเหล่านี้ซึ่งเป็นอนุพันธ์ของ
-
2:41 - 2:43กาซไนโตรเจน มัสตารด์
-
2:43 - 2:46และเพราะอยู่ในศตวรรษที่ 21 กัน
-
2:46 - 2:48ผมเลยเดาว่า คุณคงจะคิดว่า ยาเหล่านี้
-
2:48 - 2:50ไม่เป็นที่น่าพอใจสำหรับคุณ
-
2:50 - 2:53ผมกลับไปเรียนวิชาเคมีเพิ่มเติม
-
2:53 - 2:55ด้วยความคิดที่ว่า
-
2:55 - 2:58บางทีถ้าผมเรียนรู้วิธีการค้นหาสารเคมีใหม่ๆ
-
2:58 - 3:01และนำมันไปใช้กับวิธีการใหม่
-
3:01 - 3:03ของโอเพน ซอร์ส
-
3:03 - 3:05ที่เรียกว่า crowd-source
-
3:05 - 3:08การร่วมมือกันเป็นเน็ตเวิรก์ของนักวิชาการ
-
3:08 - 3:10อาจทำให้เรา
-
3:10 - 3:12นำยาใหม่ที่ออกฤทธิ์จำเพาะ
-
3:12 - 3:14มาใช้กับผู้ป่วยได้เร็วขึ้น
-
3:14 - 3:17กรุณาเข้าใจด้วยว่านี่ยังเป็นงานที่ยังไม่เสร็จดี
-
3:17 - 3:19แต่วันนี้ผมมีเรื่องที่อยากมาเล่าให้ฟัง
-
3:19 - 3:21เกี่ยวกับมะเร็งที่พบได้น้อยมากชนิดหนึ่ง
-
3:21 - 3:23เราเรียกมันว่า มิดไลน์ คาร์ซิโนมา
-
3:23 - 3:25และเรื่องของโปรตีน
-
3:25 - 3:27โปรตีนที่หายามาจับไม่ได้ ที่ทำให้เกิดโรคมะเร็งนี้
-
3:27 - 3:29มันมีชื่อว่า BRD4
-
3:29 - 3:31และเกี่ยวกับโมเลกุล
-
3:31 - 3:33ซึ่งพัฒนามาจากห้องแล็ปของสถาบันมะเร็ง Dana Farber
-
3:33 - 3:36ที่มีชื่อว่า JQ1 ซึ่งตั้งตามชื่อของ Jun Qi
-
3:36 - 3:39นักเคมีที่คิดโมเลกุลนี้ขึ้นมา
-
3:39 - 3:42BRD4 เป็นโปรตีนที่น่าสนใจ
-
3:42 - 3:45คุณอาจจะสงสัย เจ้ามะเร็งที่พยายามจะฆ่าผู้ป่วยอยู่นี่
-
3:45 - 3:47มันรู้ได้ยังไงว่ามันเป็นมะเร็ง
-
3:47 - 3:49เมื่อพันธุกรรมของพันเกลียวเข้าด้วยกัน
-
3:49 - 3:51แบ่งตัวเป็นสองเซลล์และคลายเกลียวอีกครั้ง
-
3:51 - 3:53ทำไมเซลล์มะเร็งมันถึงไม่กลายเป็นตา หรือกลายเป็นตับ
-
3:53 - 3:56ทั้งๆที่มันมียีนทั้งหมดเพียงพอที่จะทำได้
-
3:56 - 3:58มันจำได้ว่ามันเป็นเซลล์มะเร็ง
-
3:58 - 4:01คำตอบก็คือ เซลล์มะเร็ง ก็เหมือนกับเซลล์อื่นๆในร่างกาย
-
4:01 - 4:03มันจะมีโมเลกุลที่เหมือนเป็นที่คั่นหนังสือ
-
4:03 - 4:05หรือกระดาษแปะเอาไว้
-
4:05 - 4:08ที่คอยเตือนมันว่า "ฉันเป็นเซลล์มะเร็ง ฉันต้องเติบโตเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ"
-
4:08 - 4:10และกระดาษ Post-it ที่แปะไว้เหล่านั้น
-
4:10 - 4:12เกี่ยวข้องกับโปรตีนนี้และโปรตีนอื่นๆที่อยู่ในกลุ่มเดียวกัน
-
4:12 - 4:14ที่มีชื่อเรียกรวมกันว่า โบรโมโดเมน
-
4:14 - 4:17เราจึงพัฒนาแนวคิดขึ้นมาอันนึง เป็นหลักการ
-
4:17 - 4:19ว่า ถ้าเราสามารสร้างโมเลกุล
-
4:19 - 4:21ที่ป้องกันไม่ให้มีข้อความมาแปะไว้ที่เซลล์มะเร็งได้
-
4:21 - 4:23โดยกันไม่ให้ข้อความที่จะมาแปะเข้าไปใน
-
4:23 - 4:25โพรงที่อยู่ที่ฐานของโปรตีนที่่กำลังหมุนนี้
-
4:25 - 4:27ถ้าทำได้ เราอาจจะสามารถสื่อสารกับเซลล์มะเร็งได้
-
4:27 - 4:30โดยเฉพาะพวกเซลล์มะเร็งที่เสพติดโปรตีน BRD4
-
4:30 - 4:32ว่าพวกมันไม่ใช่มะเร็ง
-
4:32 - 4:34ดังนั้นเราจึงเริ่มทำงานวิจัยเกี่ยวกับเรื่องนี้
-
4:34 - 4:36เราพัฒนาสารขึ้นมาปริมาณหนึ่ง
-
4:36 - 4:39และในที่สุดเราก็ได้สารตัวหนึ่งและสารอื่นที่คล้ายกัน
-
4:39 - 4:41เราเรียกมันว่า JQ1
-
4:41 - 4:43เนื่องจากเราไม่ใช่บริษัทยา
-
4:43 - 4:46เรามีความยืดหยุ่นที่จะทำบางอย่าง
-
4:46 - 4:49ซึ่งบริษัทยาทั่วไปไม่สามารถทำได้
-
4:49 - 4:51เราเริ่มที่จะส่งข้อมูลนี้ให้เพื่อนๆ
-
4:51 - 4:53ห้องแล็ปของผมค่อนข้างเล็ก
-
4:53 - 4:55เราจึงส่งไปหาคนอื่นๆเพื่อดูว่าโมเลกุลมันทำงานเป็นอย่างไร
-
4:55 - 4:57เราส่งตัวอย่างไปที่อ๊อกซ์ฟอรด์ ประเทศอังกฤษ
-
4:57 - 5:00ที่ซึ่งนักถ่ายภาพคริสตัลด้วยเอ็กซ์เรย์ที่นั่นได้ถ่ายภาพนี้
-
5:00 - 5:02ซึ่งช่วยให้เราเข้าใจ
-
5:02 - 5:05ว่าทำไมโมเลกุลนี้จึงมีประสิทธิภาพสุงในการจับโปรตีนนี้
-
5:05 - 5:07เราเรียกว่ารูปร่างมันเข้ากันได้อย่างพอดี
-
5:07 - 5:09อย่างกับมือและถุงมือ
-
5:09 - 5:11มะเร็งนี้พบได้น้อยมาก
-
5:11 - 5:13มะเร็งที่ชอบโปรตีน BRD4 มาก
-
5:13 - 5:16เราจึงทำการทดลองด้วยตัวอย่างมะเร็ง
-
5:16 - 5:19ที่เราได้จากหมอพยาธิวิทยา แห่งโรงพยาบาล Brigham Women
-
5:19 - 5:22และเมื่อเราให้สารนี้กับเซลล์มะเร็ง
-
5:22 - 5:24ผลที่ได้ค่อนข้างชัดเจน
-
5:24 - 5:26เซลล์มะเร็ง
-
5:26 - 5:28เซลล์เล็กๆ กลมๆ และแบ่งตัวเร็ว
-
5:28 - 5:30เริ่มมีแขนขาและรอยยื่นออกมา
-
5:30 - 5:32หน้าตาพวกมันเริ่มเปลี่ยนไป
-
5:32 - 5:34ผลที่ได้คือ เซลล์มะเร็ง
-
5:34 - 5:36มันเริ่มลืมไปว่ามันเป็นเซลล์มะเร็ง
-
5:36 - 5:39และเริ่มเปลี่ยนเป็นเซลล์ปกติ
-
5:39 - 5:42มันทำให้เราตื่นเต้นกันมา
-
5:42 - 5:45ขั้นต่อไปคือเอาโมเลกุลนี้ไปทดลองกับหนุ
-
5:45 - 5:48แต่ปัญหาคือ เราไม่มีหนูทดลองสายพันธุ์ที่เป็นมะเร็งนี้
-
5:48 - 5:51ในขณะที่เรากำลังทดลองอยู่นั้น
-
5:51 - 5:54ผมกำลังรักษานักดับเพลิงวัย 29 ปีจากรัฐคอนเนคติกัต คนหนึี่ง
-
5:54 - 5:57ซึ่งป่วยอยู่ในระยะสุดท้าย
-
5:57 - 5:59ด้วยมะเร็งชนิดนี้
-
5:59 - 6:01มะเร็งที่ชอบโปรตีน BRD4 นี้
-
6:01 - 6:03กำลังลุกลามเต็มปอดด้านซ้ายของเขา
-
6:03 - 6:05เราจึงต้องใส่ท่อระบายน้ำออกจากช่องเยื่อหุ้มปอดเขา
-
6:05 - 6:07และทุกๆรอบที่พยาบาลเปลียนเวร
-
6:07 - 6:09ก็ต้องมาเทน้ำและเนื้อมะเร็งเหล่านี้ทิ้ง
-
6:09 - 6:11ดังนั้นเราจึงขออนุญาตผู้ป่วยรายนี้
-
6:11 - 6:13ว่าเขายินดีร่วมมือกับเราหรือไม่
-
6:13 - 6:17เราขอตัวอย่างชิ้นเนื้อมะเร็งที่ออกมา
-
6:17 - 6:19จากท่อระบายในช่องเยื่อหุ้มปอด
-
6:19 - 6:21และนำเนื้อเยื่อเหล่านี้มาใส่ในหนู
-
6:21 - 6:23และพยายามที่จะทำการวิจัย
-
6:23 - 6:25และทดลองกับยาใหม่นี้
-
6:25 - 6:28ซึ่งเราไม่สามารถที่จะทำการทดลองนี้ในคนได้ เนื่องจากเหตุผลทางจริยธรรม
-
6:28 - 6:31ซึ่งเขาก็ยินยอมให้เราทำ
-
6:31 - 6:33ณ.สถาบันภาพรังสีในสัตว์ Lurie Family Center
-
6:33 - 6:36เพื่อนร่วมงานผม แอนดรูว์ คัง ทำให้มะเร็งชนิดนี้โตในหนูได้สำเร็จ
-
6:36 - 6:38โดยไม่ต้องแม้แต่จะนำไปเพาะเลี้ยงก่อน
-
6:38 - 6:41และนี่เป็นภาพ PET สแกนของหนู ซึ่งเราเรียกมันว่า เพ็ดเพ็ด
-
6:41 - 6:43มะเร็งมันเติบโต
-
6:43 - 6:46ดังที่เห็นสีแดงนี้ เป็นก้อนใหญ่ที่ขาหลังของหนู
-
6:46 - 6:48และเมื่อเรารักษามันด้วยยาใหม่
-
6:48 - 6:50ก้อนมะเร็งที่หิวโหยน้ำตาลนี้
-
6:50 - 6:52ซึ่งเติบโตอย่างรวดเร็ว จางลง
-
6:52 - 6:54และในหนูที่อยู่ด้านขวา
-
6:54 - 6:57คุณจะเห็นว่ามะเร็งมันตอบสนองต่อการรักษา
-
6:57 - 6:59ขณะนี้งานวิจัยทางคลินิกของเรา
-
6:59 - 7:01ในหนูทดลองสี่ตัวได้เสร็จสิ้นลงแล้ว
-
7:01 - 7:03และทุกครั้งที่ทดลอง เราได้ผลเหมือนเดิมทุกครั้ง
-
7:03 - 7:05หนูที่ได้ยามะเร็งนี้ มีชีวิตรอด
-
7:05 - 7:08และหนูที่ไม่ได้ยา เสียชีวิตอย่างรวดเร็ว
-
7:10 - 7:12เราจึงเริ่มที่จะสงสัยว่า
-
7:12 - 7:14ณ.จุดนี้ถ้าเป็นบริษัทยาจะทำอย่างไรต่อ
-
7:14 - 7:16พวกเขาคงต้องเก็บมันเป็นความลับ
-
7:16 - 7:18จนกระทั่งเขาสามารถเปลี่ยนยาต้นแบบ
-
7:18 - 7:20เป็นยาที่สามารถนำมารักษาได้จริง
-
7:20 - 7:22แต่เรากลับทำในสิ่งที่ตรงกันข้าม
-
7:22 - 7:24เราจึงได้ตีพิมพ์งานวิจัย
-
7:24 - 7:26ของการค้นพบนี้
-
7:26 - 7:28ตั้งแต่ระยะเริ่มแรกของการค้นพบ
-
7:28 - 7:31เราเปิดเผยข้อมูลทางเคมีของโมเลกุลนี้สูสาธารณะ
-
7:31 - 7:33ซึ่งปกติมันควรจะเป็นความลับของเรา
-
7:33 - 7:35เราบอกให้คนทั่วไปรู้ว่า จะสร้างโมเลกุลนี้ได้อย่างไร
-
7:35 - 7:37เราให้อีเมล์ของเราไป
-
7:37 - 7:39โดยแจ้งไปว่า ถ้าใครเขียนมาหาเรา
-
7:39 - 7:41เราจะส่งตัวอย่างโมเลกุลให้
-
7:41 - 7:43หรืออาจจะพูดได้ว่า
-
7:43 - 7:45เราได้สร้างบรรยากาศแห่งการแข็งขันให้กับห้องแล็ปของเรา
-
7:45 - 7:47และนี่ก็ดันประสบความสำเร็จเสียด้วย
-
7:47 - 7:49(เสียงหัวเราะ)
-
7:49 - 7:51เป็นเพราะเราแบ่งปันโมเลกุลนี้
-
7:51 - 7:53ตั้งแต่ธันวาคมของปีที่แล้ว
-
7:53 - 7:55ให้กับห้องแล็ป 40 แห่งในอเมริกา
-
7:55 - 7:57และอีก 30 แห่งในยุโรป
-
7:57 - 7:59หลายๆแห่งเป็นบริษัทยา
-
7:59 - 8:01ที่กำลังหาทางที่จะเข้ามาศึกษา
-
8:01 - 8:03วิธีรักษามะเร็งที่พบไม่บ่อยชนิดนี้
-
8:03 - 8:05เป็นที่น่ายินดี ที่ในปัจจุบัน
-
8:05 - 8:07มีความต้องการที่จะทำงานในอุตสาหกรรมนี้ค่อนข้างสูง
-
8:09 - 8:12ข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ที่เราได้รับกลับมาจากห้องแล็ปเหล่านี้
-
8:12 - 8:14เกี่ยวกับการนำโมเลกุลนี้ไปใช้
-
8:14 - 8:16ทำให้เราเข้าใจ
-
8:16 - 8:18สิ่งที่เราไม่สามารถรู้ได้จากการทำงานเพียงลำพัง
-
8:18 - 8:20เซลล์มะเร็งเม็ดเลือดขาวที่ได้รับยานี้
-
8:20 - 8:23เปลี่ยนกลับไปเป็นเม็ดเลือดขาวปกติ
-
8:23 - 8:25หนูที่เป็นโรคมะเร็ง multiple myeloma
-
8:25 - 8:28ซึ่งเป็นมะเร็งไขกระดูกที่ไม่สามารถรักษาให้หายขาด
-
8:28 - 8:30ตอบสนองอย่างน่าอัศจรรย์
-
8:30 - 8:32ต่อการรักษาด้วยยานี้
-
8:32 - 8:34คุณอาจจะเคยได้ยินว่าเซลล์ไขมันมันมีความทรงจำ
-
8:34 - 8:38ดีจังที่ผมมีตัวอย่างให้คุณเห็น
-
8:38 - 8:40อันที่จริงแล้ว โมเลกุลนี้
-
8:40 - 8:43ป้องกันเซลล์ต้นกำเนิดของเซลล์ไขมันหรือ adipocyte
-
8:43 - 8:46ไม่ให้จำได้ว่าสร้างไขมันยังไง
-
8:46 - 8:48หนูซึ่งเราให้กินอาหารไขมันสูง
-
8:48 - 8:51เหมือนเพื่อนร่วมเมืองชิคาโกของผม
-
8:51 - 8:53ไม่เป็นไขมันสะสมที่ตับ
-
8:53 - 8:56ซึ่งเป็นปัญหาทางสุขภาพที่สำคัญ
-
8:56 - 8:58สิ่งที่เราได้เรียนรู้จากทำงานวิจัยนี้
-
8:58 - 9:00ไม่เฉพาะแค่ที่แล็ปของผม แต่ทั้งสถาบัน
-
9:00 - 9:02รวมไปถึงโรงเรียนแพทย์ Harvard
-
9:02 - 9:04ว่าเรามีทรัพยากรที่พิเศษทางวิชาการ
-
9:04 - 9:06สำหรับการค้นพบยาใหม่ๆ
-
9:06 - 9:08สถาบันของเรา
-
9:08 - 9:10ได้ทดสอบโมเลกุลสำหรับมะเร็งใหม่ๆ
-
9:10 - 9:12มากกว่าที่อื่น
-
9:12 - 9:14แต่เราไม่เคยผลิตออกมาเป็นตัวยา
-
9:14 - 9:16ด้วยเหตุผลทั้งหมดที่คุณเห็นอยู่นี้
-
9:16 - 9:19เราเชื่อว่ามันมีโอกาสที่ยิ่งใหญ่สำหรับสถาบันวิชาการ
-
9:19 - 9:22ที่จะมีส่วนร่วมตั้งแต่ต้น ซึ่งเ็ป็นช่วงที่ยาก
-
9:22 - 9:25และใช้ความคิดสร้างสรรค์
-
9:25 - 9:27ของการค้นพบยาต้นแบบ
-
9:29 - 9:31แล้วจากนี้ จะมีอะไรต่อไป?
-
9:31 - 9:33เรามีโมเลกุลนี้แล้ว แต่มันยังไม่อยู่ในรูปของยา
-
9:33 - 9:36มันยังไม่อยู่ในรูปที่กินได้
-
9:36 - 9:39เราต้องปรับอีก เพื่อทำให้มันใช้กับผู้ป่วยได้จริง
-
9:39 - 9:41และทุกคนภายในแล็ป
-
9:41 - 9:43โดยเฉพาะคนที่ทำงานกับผู้ป่วยโดยตรง
-
9:43 - 9:45แทบจะอดใจไม่ไหว
-
9:45 - 9:47ที่จะได้ใช้ยาที่พัฒนาจากโมเลกุลนี้
-
9:47 - 9:49ซึ่งณ.จุดนี้ ผมคงต้องพูดว่า
-
9:49 - 9:51เราต้องการความรู้ ความช่วยเหลือ
-
9:51 - 9:53และการร่วมมือจากท่าน
-
9:53 - 9:55เราต่างจากบริษัทยา
-
9:55 - 9:58เราไม่มีระบบการผลิตที่จะนำโมเลกุลนี้ไปพัฒนาต่อ
-
9:58 - 10:01เราไม่มีทีมนักขายและนักการตลาด
-
10:01 - 10:04ที่จะบอกเราว่าจะวางตำแหน่งการตลาดแข่งกับยาอื่นๆอย่างไร
-
10:04 - 10:06แต่ที่เรามีคือความยืดหยุ่นของการเป็นสถาบันวิชาการ
-
10:06 - 10:09ที่จะทำงานร่วมกับคนที่มีความสามารถ มีแรงใจ
-
10:09 - 10:12กระตือรือร้น และถ้าเป็นไปได้มีเงินสนับสนุนก้อนใหญ่
-
10:12 - 10:14ที่จะนำโมเลกุลนี้ไปศึกษาต่อในผู้ป่วย
-
10:14 - 10:16ในขณะเดียวกัน ก็ยังยินยอมให้เรา
-
10:16 - 10:19แบ่งปันยาต้นแบบนี้กับคนทั่วโลก
-
10:19 - 10:21โมเลกุลนี้กำลังจะออกจากแล็ปของเรา
-
10:21 - 10:23และไปสู่บริษัทก่อตั้งใหม่เล็กๆ
-
10:23 - 10:25ที่มีชื่อว่า Tensha Therapeutiecs
-
10:25 - 10:28และนี่เป็นโมเลกุลตัวที่ 4 ของกลุ่ม
-
10:28 - 10:31ที่ออกไปจากสายการผลิตยาเล็กๆของเรา
-
10:31 - 10:34มีสองชนิดเป็นยาทา
-
10:34 - 10:37สำหรับมะเร็งต่อมน้ำเหลืองที่ผิวหนัง
-
10:37 - 10:40ยากินสำหรับรักษามะเร็งไขกระดูก
-
10:40 - 10:42กำลังที่จะได้นำมาใช้กับผู้ป่วย
-
10:42 - 10:44สำหรับงานวิจัยทางคลินิกในเดือนกค.ของปีนี้
-
10:44 - 10:47สำหรับเรา ถือว่าเป็นก้าวที่สำคัญและน่าตื่นเต้น
-
10:48 - 10:50ผมอยากจะจบการสนทนาด้วยไอเดียสองข้อด้วยกัน
-
10:50 - 10:52ข้อแรกคือ
-
10:52 - 10:55ถ้าการทำงานวิจัยนี้จะมีอะไรที่พิเศษ
-
10:55 - 10:57ส่วนที่เป็นวิทยาศาสตร์นั้นพิเศษน้อยกว่าในส่วนกระบวนการ
-
10:57 - 10:59สำหรับเราแล้ว นี่เป็นการทดลองทางสังคม
-
10:59 - 11:02การทดลองที่จะดูว่าจะเกิดอะไรขึ้น
-
11:02 - 11:05ถ้าเราเปิดกว้างและซื้อสัตย์
-
11:05 - 11:07ตั้งแต่ระยะแรกของการค้นพบโครงสร้างทางเคมี
-
11:07 - 11:09เท่าที่จะเป็นไปได้
-
11:09 - 11:11ตัวอักษรและตัวเลขเหล่านี้
-
11:11 - 11:13สัญลักษณ์และเครื่องหมายวงเล็บ
-
11:13 - 11:15ซึ่งผมคิดว่าสามารถจะส่งเป็นข้อความได้
-
11:15 - 11:17หรือทวิต ไปทั่วโลก
-
11:17 - 11:20เป็นสูตรเคมีของสารตั้งต้นของเรา
-
11:20 - 11:22มันเป็นข้อมูลที่เราต้องการมากที่สุด
-
11:22 - 11:24จากบริษัทยา
-
11:24 - 11:26ข้อมูล
-
11:26 - 11:29ที่จะบอกเราว่ายาตั้งต้นเหล่านี้ทำงานยังไง
-
11:29 - 11:32แต่ข้อมูลเหล่านี้ส่วนใหญ่เป็นความลับ
-
11:32 - 11:34เราจึงได้นำ
-
11:34 - 11:36กระบวนการที่ประสบความสำเร็จอย่างสวยงาน
-
11:36 - 11:39ของอุตสาหกรรมทางคอมพิวเตอร์ 2 หลักการด้วยกัน
-
11:39 - 11:42นั่นคือ โอเพนซอรส์และ crowdsourcing
-
11:42 - 11:46เพื่อเร่งอย่างระมัดระวัง
-
11:46 - 11:49การพัฒนายาที่จำเพาะเหล่านี้
-
11:49 - 11:51ไปสู่ผู้ป่วยโรคมะเร็ง
-
11:51 - 11:54ปัจจุบันโมเดลทางธุรกิจเกี่ยวข้องกับคุณด้วย
-
11:54 - 11:56งานวิจัยได้รับทุนสนับสนุนจากภาคประชาชาน
-
11:56 - 11:58โดยได้รับทุนผ่านทางหลาย ๆ หน่วยงาน
-
11:58 - 12:00สิ่งหนึ่งที่ผมได้เรียนรู้ในบอสตัน
-
12:00 - 12:02นั่นคือพวกคุณทำทุกอย่างเพื่อเอาชนะมะเร็ง และผมก็ชื่นชม
-
12:02 - 12:05พวกคุณขี่จักรยานข้ามรัฐ หรือเดินเพื่อการกุศล
-
12:05 - 12:07(เสียงหัวเราะ)
-
12:07 - 12:09ผมไม่เห็นสิ่งเหล่านี้ในที่อื่นเลย
-
12:09 - 12:11การช่วยเหลือที่พิเศษ
-
12:11 - 12:13สำหรับงานวิจัยทางมะเร็ง
-
12:13 - 12:15ดังนั้นผมอยากจะขอบคุณ
-
12:15 - 12:18สำหรับการมีส่วนร่วม
-
12:18 - 12:21และที่สำคัญที่สุดคือ ความเชื่อมั่นที่คุณมีให้กับงานของเรา
-
12:21 - 12:26(ปรบมือ)
- Title:
- เจย์ แบรดเนอร์: ทำวิจัยโรคมะเร็งแบบโอเพนซอร์ส
- Speaker:
- Jay Bradner
- Description:
-
เซลล์มะเร็งมันรู้ได้อย่างไรว่ามันเป็นเซลล์มะเร็ง ณ.ห้องแล็ปของ เจย์ แบรดเนอร์ พวกเขาพบโมเลกุลที่อาจจะตอบคำถามนี้ได้ JQ1 และแทนที่พวกเขาจะจดสิทธิบัตร JQ1 พวกเขากลับตีพิมพ์สิ่งที่เขาพบและส่งตัวอย่างโมเลกุลไปที่ห้องแล็ปอื่นๆอีก 40 กว่าแห่ง เรื่องราวที่สร้างแรงบันดาลใจของการทำวิจัยทางการแพทย์แบบใหม่ การวิจัยแบบโอเพน ซอร์ส
- Video Language:
- English
- Team:
- closed TED
- Project:
- TEDTalks
- Duration:
- 12:27