เจมส์ บี แกลทเฟลเดอร์ (James B. Glattfelder): ใครควบคุมโลกใบนี้?
-
0:00 - 0:03เมื่อเกิดวิกฤติกาลขึ้น
-
0:03 - 0:06ข้อจำกัดร้ายแรงของรูปแบบทางเศรษฐกิจ
และทางการเงินที่เป็นอยู่ -
0:06 - 0:11ก็ปรากฎให้เห็นอย่างเด่นชัด
-
0:11 - 0:16"มีความเชื่อที่หนักแน่น ซึ่งผมก็เห็นด้วย
-
0:16 - 0:21ว่าเศรษฐกิจที่มีลักษณะง่ายๆ
และที่เราเชื่อมั่นจนเกินไป -
0:21 - 0:23ช่วยให้เกิดภาวะวิกฤติขึ้น"
-
0:23 - 0:26ทุกท่านน่าจะได้ยินคำวิจารณ์เหมือนอย่างนี้
-
0:26 - 0:29ซึ่งมาจากคนที่มีข้อกังขากับลัทธิทุนนิยม
-
0:29 - 0:31แต่เรื่องนี้ต่างออกไป
-
0:31 - 0:34สิ่งนี้ออกมาจากหัวใจสำคัญของการเงิน
-
0:34 - 0:37ถ้อยคำที่ยกมาอันแรก มาจาก Jean-Claude Trichet
-
0:37 - 0:41เมื่อตอนเขาเป็นผู้ว่าการธนาคารกลางยุโรป (European Central Bank)
-
0:41 - 0:43ถ้อยคำที่ยกมาอันที่สอง มาจากหัวหน้า
-
0:43 - 0:47การบริการทางการเงินของอังกฤษ
(UK Financial Services Authority) -
0:47 - 0:48คนเหล่านี้กำลังบอกเป็นนัยๆ ใช่หรือไม่
-
0:48 - 0:51ว่าเราไม่เข้าใจระบบเศรษฐกิจ
-
0:51 - 0:54ที่ขับเคลื่อนสังคมสมัยใหม่ของเรา
-
0:54 - 0:56มันยิ่งเลวร้ายลงไป
-
0:56 - 0:58"เราใช้เงินเป็นพันๆ ล้านดอลลาร์
-
0:58 - 1:02เพื่อพยายามเข้าใจต้นกำเนิดของจักรวาล
-
1:02 - 1:05ในขณะที่เรายังคงไม่เข้าใจเงื่อนไข
-
1:05 - 1:14สำหรับสังคมที่มั่นคง เศรษฐกิจที่เดินไปได้ หรือสันติภาพ
-
1:14 - 1:17อะไรกำลังเกิดขึ้นตรงนี้
สิ่งนี้เป็นไปได้อย่างไร -
1:17 - 1:20ใช่หรือไม่ว่า เราเข้าใจอย่างถ่องแท้
เกี่ยวกับโครงสร้างของโลกความเป็นจริง -
1:20 - 1:22มากกว่าที่เราเข้าใจโครงสร้าง
-
1:22 - 1:25ที่เกิดจากปฏิสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์เรา
-
1:25 - 1:27โชคร้ายที่คำตอบคือ ใช่
-
1:27 - 1:31แต่มีวิธีแก้ปัญหาที่น่าสนใจ ซึ่งมาจาก
-
1:31 - 1:35ที่เรารู้จักกันว่า ศาสตร์ของความซับซ้อน
(the science of complexity) -
1:35 - 1:38เพื่ออธิบายว่าสิ่งนี้คืออะไร และหมายความว่าอย่างไร
-
1:38 - 1:42กรุณาให้ผมถอยหลังกลับไปในอดีต
อย่างรวดเร็วสองสามก้าว -
1:42 - 1:44ผมลงเอยที่งานด้านฟิสิกส์โดยบังเอิญ
-
1:44 - 1:47เป็นการค้นพบโดยบังเอิญ เมื่อตอนที่ผมยังอายุน้อยอยู่
-
1:47 - 1:49แล้วตั้งแต่บัดนั้นมา ผมก็จะสงสัยอยู่เสมอๆ
-
1:49 - 1:51เกี่ยวกับความสำเร็จที่น่าประหลาดใจของฟิสิกส์
-
1:51 - 1:56ในการอธิบายความเป็นจริง
ที่เราตื่นขึ้นมาเห็นในทุกๆวัน -
1:56 - 1:59อย่างสั้นๆก็คือ คุณสามารถคิดว่าฟิสิกส์
เป็นได้คังนี้ -
1:59 - 2:02คุณก็เอาก้อนของความเป็นจริง ที่คุณต้องการจะเข้าใจ
-
2:02 - 2:06และคุณก็แปลงมันไปเป็นคณิตศาสตร์
-
2:06 - 2:09คุณแปลงให้มันเป็นสมการ
-
2:09 - 2:13แล้วตั้งความคาดหมายขึ้น แล้วจึงมาทดสอบ
-
2:13 - 2:16จริงๆแล้วเราโชคดีมาก ที่วิธีนี้ใช้การได้
-
2:16 - 2:19เพราะว่าไม่มีผู้ใดรู้อย่างแท้จริงว่า
ทำไมความคิดที่อยู่ในหัวสมองเรา -
2:19 - 2:24จริงๆแล้วควรจะสัมพันธ์กับ
การทำงานพื้นฐานของจักรวาล -
2:24 - 2:28แม้จะมีความสำเร็จ ฟิสิกส์ก็มีข้อจำกัด
-
2:28 - 2:30ตามที่ Dirk Helbing ได้ชี้ให้เห็น
ในถ้อยคำที่อ้างถึงอันสุดท้ายว่า -
2:30 - 2:33เราไม่เข้าใจอย่างแท้จริงถึงความซับซ้อน
-
2:33 - 2:36ที่เกี่ยวข้องกับเรา หรือที่อยู่รอบๆเรา
-
2:36 - 2:41ข้อความที่ขัดแย้งนี้
คือ สิ่งที่ทำให้ผมสนใจเรื่องระบบที่ซับซ้อน -
2:41 - 2:43ดังนั้น ระบบเหล่านี้ ซึ่งเกิดขึ้น
-
2:43 - 2:46จากส่วนต่างๆ ที่สัมพันธ์กัน
หรือมีปฏิสัมพันธ์กัน -
2:46 - 2:50เช่น ฝูงนก หรือปลา หรือรังมด
-
2:50 - 2:53ระบบนิเวศ สมอง ตลาดการเงิน
-
2:53 - 2:58เหล่านี้เป็นแค่เพียงบางตัวอย่าง
-
2:58 - 3:03ที่น่าสนใจก็คือ ระบบที่ซับซ้อนนั้น
ยากมากที่จะทำออกมา -
3:03 - 3:05เป็นสมการคณิตศาสตร์
-
3:05 - 3:09ดังนั้นวิธีการทางฟิสิกส์ปกติธรรมดา
จึงใช้การไม่ได้ตรงนี้ -
3:09 - 3:11แล้วเรารู้เรื่องอะไรบ้างเกี่ยวกับระบบที่ซับซ้อน
-
3:11 - 3:15อ๋อ มันกลับกลายเป็นว่า
สิ่งที่ดูเหมือนพฤติกรรมที่ซับซ้อน -
3:15 - 3:18จากด้านนอก จริงๆแล้วเป็นผลมาจาก
-
3:18 - 3:23กฎการปฏิสัมพันธ์ธรรมดาๆสองสามข้อ
-
3:23 - 3:27หมายความว่า คุณสามารถลืมเรื่องสมการไปได้เลย
-
3:27 - 3:29และเพียงแค่เริ่มทำความเข้าใจระบบนั่น
-
3:29 - 3:31โดยดูที่การปฏิสัมพันธ์
-
3:31 - 3:34ดังนั้นคุณจึงสามารถลืมเรื่องสมการไปได้เลย
-
3:34 - 3:36และคุณก็แค่มาเริ่มดูที่การปฏิสัมพันธ์
-
3:36 - 3:39และมันก็จะดียิ่งขึ้น เพราะว่าระบบที่ซับซ้อนส่วนมาก
-
3:39 - 3:43มีคุณสมบัติที่น่าประหลาดใจ
เรียกว่า การอุบัติ (emergence) -
3:43 - 3:45เรื่องนี้จึงหมายความว่า ระบบโดยรวม
-
3:45 - 3:47จะเริ่มแสดงพฤติกรรม
-
3:47 - 3:50ที่เราไม่สามารถเข้าใจ หรือคาดการณ์ได้
-
3:50 - 3:52โดยดูที่ส่วนประกอบต่างๆของระบบ
-
3:52 - 3:56ในภาพรวมจึงมีความหมาย
ที่มากกว่าการเอาส่วนต่างๆมารวมกัน -
3:56 - 3:59และทั้งหมดนี้ ยังมีความหมายว่า
คุณสามารถลืมไปได้เลย -
3:59 - 4:04ว่าแต่ละส่วนของระบบ จะมีความซับซ้อนอย่างไร
-
4:04 - 4:09ดังนั้น ถ้ามันเป็นเซลล์ๆหนึ่ง
หรือปลวกตัวหนึ่ง หรือนกตัวหนึ่ง -
4:09 - 4:13คุณก็แค่เพียงเน้นไปที่กฎของการปฏิสัมพันธ์
-
4:13 - 4:18ผลลัพธ์ก็คือ ระบบเครือข่ายคือตัวแทนในอุดมคติ
-
4:18 - 4:20ของระบบที่ซับซ้อน
-
4:20 - 4:23แม่ข่าย (node) ในเครือข่าย
-
4:23 - 4:26เป็นส่วนประกอบของระบบ
-
4:26 - 4:30และการเชื่อมต่อ (link) เกิดขึ้นได้จากการปฏิสัมพันธ์
-
4:30 - 4:33ดังนั้น สมการจึงเป็นเรื่องของวิชาฟิสิกส์
-
4:33 - 4:38เครือข่ายที่ซับซ้อน
จึงเป็นเรื่องของการศึกษาระบบที่ซับซ้อน -
4:38 - 4:41แนวคิดแบบนี้ได้ถูกนำมาประยุกต์ใช้ได้
อย่างสัมฤทธิ์ผลเป็นอย่างมาก -
4:41 - 4:44ในระบบที่ซับซ้อนหลายระบบ
ในวิชาฟิสิกส์ ชีววิทยา -
4:44 - 4:47วิทยาการคอมพิวเตอร์ สังคมศาสตร์
-
4:47 - 4:50แต่สำหรับวิชาเศรษฐศาสตร์ล่ะ
-
4:50 - 4:52เครือข่ายเกี่ยวกับเศรษฐศาสตร์อยู่ที่ไหน
-
4:52 - 4:57นี่แหละคือช่องว่างที่น่าประหลาดใจ
และเห็นได้เด่นชัดในวรรณคดีที่เกี่ยวข้อง -
4:57 - 4:59การศึกษาที่เราตีพิมพ์เผยแพร่เมื่อปีที่แล้ว ชื่อว่า
-
4:59 - 5:02"เครือข่ายการควบคุมของบริษัทข้ามชาติ"
-
5:02 - 5:08เป็นการวิเคราะห์เครือข่ายเศรษฐกิจอย่างกว้างขวาง
เป็นครั้งแรก -
5:08 - 5:11การศึกษานี้ได้กลายเป็น
ที่นิยมอย่างมากในอินเตอร์เน็ต -
5:11 - 5:16และได้ดึงดูดความสนใจอย่างมาก
จากสื่อมวลชลระหว่างประเทศ -
5:16 - 5:19เป็นเรื่องพิเศษทีเดียว เพราะว่า ยํ้าอีกครั้ง
-
5:19 - 5:20ทำไมจึงไม่มีผู้ใดให้ความสนใจกับเรื่องนี้มาก่อน
-
5:20 - 5:24ข้อมูลแบบเดียวกันนี้
มีให้เห็นมานานพอสมควรทีเดียว -
5:24 - 5:27สิ่งที่เราให้ความสนใจอย่างละเอียด
ก็คือเครือข่ายความเป็นเจ้าของ -
5:27 - 5:33ดังนั้น ตรงนี้แม่ข่ายก็คือ บริษัท ผู้คน รัฐบาล
-
5:33 - 5:36มูลนิธิ และอื่นๆ
-
5:36 - 5:39และการเชื่อมต่อก็ คือ ความสัมพันธ์ของผู้ถือหุ้น
-
5:39 - 5:44ดังนั้นผู้ถือหุ้น A จึงมี X เปอร์เซ็นต์ของหุ้นในบริษัท B
-
5:44 - 5:46และเรายังกำหนดมูลค่าให้กับบริษัท
-
5:46 - 5:50จากรายได้ของการดำเนินงาน
-
5:50 - 5:53ดังนั้นเครือข่ายความเป็นเจ้าของกิจการ
จึงเผยออกมาให้เห็นรูปแบบต่างๆ -
5:53 - 5:55ของความสัมพันธ์ของผู้ถือหุ้น
-
5:55 - 5:57ในตัวอย่างเล็กๆนี้ คุณสามารถเห็น
-
5:57 - 5:59สถาบันการเงินเพียงไม่กี่แห่ง
-
5:59 - 6:04ที่มีการเชื่อมต่ออยู่หลายที่
และบางที่ได้ถูกไฮไลท์ไว้ -
6:04 - 6:07ตอนนี้คุณอาจจะคิดว่า
ไม่มีใครให้ความสนใจกับเรื่องนี้มาก่อน -
6:07 - 6:09เพราะว่าเครือข่ายการเป็นเจ้าของกิจการ
-
6:09 - 6:12จริงๆแล้วเป็นเรื่องน่าเบื่อหน่าย
ที่จะทำการศึกษาวิจัย -
6:12 - 6:16เอาละ เมื่อการเป็นเจ้าของกิจการสัมพันธ์กับการควบคุม
-
6:16 - 6:17ซึ่งผมจะอธิบายภายหลัง
-
6:17 - 6:19การให้ความสนใจกับเครือข่ายเจ้าของกิจการ
-
6:19 - 6:21จริงๆแล้วสามารถให้คำตอบกับคำถาม เช่น
-
6:21 - 6:23ใครเป็นบริษัทผู้นำ (key players)
-
6:23 - 6:25พวกเขาจัดการกันอย่างไร
พวกเขาอยู่โดดเดี่ยวหรือไม่ -
6:25 - 6:27พวกเขาเชื่อมต่อกันหรือไม่
-
6:27 - 6:31และการกระจายของการควบคุมโดยรวม เป็นอย่างไร
-
6:31 - 6:34พูดอีกอย่างหนึ่งก็คือ ใครควบคุมโลกนั่นเอง
-
6:34 - 6:37ผมคิดว่า นี่เป็นคำถามที่น่าสนใจ
-
6:37 - 6:41และมันมีความหมายกินไปถึง ดวามเสี่ยงเกี่ยวกับระบบ
-
6:41 - 6:46เรื่องนี้ เป็นการวัดจุดอ่อนของระบบโดยรวม
-
6:46 - 6:49การเชื่อมต่อซึ่งกันและกัน
ในระดับที่สูง -
6:49 - 6:51เป็นเรื่องเลวร้ายต่อความมั่นคงก็ได้
-
6:51 - 6:55เพราะว่า เมื่อเป็นอย่างนั้นแล้ว
ความตึงเครียดสามารถแผ่ออกไปได้ทั่วทั้งระบบ -
6:55 - 6:58เหมือนกับโรคระบาด
-
6:58 - 7:01นักวิทยาศาสตร์ได้เคยวิจารณ์นักเศรษฐศาสตร์
-
7:01 - 7:03ที่เชื่อว่า แนวคิดและข้อคิดเห็น
-
7:03 - 7:06สำคัญกว่า ข้อมูลเชิงประจักษ์ที่ได้มาจากการทดลอง
-
7:06 - 7:09เพราะว่า ตัวชี้นำพื้นฐานทางวิทยาศาสตร์ ก็คือ
-
7:09 - 7:12ให้ข้อมูลพูดนะครับ
ตกลงนะ เรามาลองดูกัน -
7:12 - 7:15เราจึงเริ่มต้นด้วยฐานข้อมูลที่มี
-
7:15 - 7:19ความสัมพันธ์ของเจ้าของกิจการ 13 ล้านความสัมพันธ์
จากปี 2007 -
7:19 - 7:22นี่เป็นข้อมูลที่มากมาย
และเนื่องจากเราต้องการหาว่า -
7:22 - 7:25ใครปกครองโลก
-
7:25 - 7:28เราได้ตัดสินใจที่จะมุ่งไปที่บริษัทข้ามชาติ
(transnational corporations) -
7:28 - 7:30หรือเรียกสั้นๆ ว่า TNC
-
7:30 - 7:33พวกนี้เป็นบริษัทที่ประกอบการในมากกว่าหนึ่งประเทศ
-
7:33 - 7:36และเราพบว่ามีจำนวน 43,000 บริษัท
-
7:36 - 7:40ในขั้นต่อไป เราได้สร้างเครือข่ายรอบๆบริษัทเหล่านี้
-
7:40 - 7:42เราได้เอาผู้ถือหุ้นของบริษัทข้ามชาติทั้งหมด
-
7:42 - 7:44และผู้ถือหุ้นของผู้ถือหุ้น และอื่นๆมา
-
7:44 - 7:47โดยครบถ้วนไปถึงต้นนํ้า และถึงปลายนํ้าเช่นกัน
-
7:47 - 7:51สุดท้ายเราก็ได้เครือข่ายทั้งหมดรวม 600,000 แม่ข่าย
-
7:51 - 7:53และหนึ่งล้านการเชื่อมต่อ
-
7:53 - 7:57นี่เป็นเครือข่ายบริษัทข้ามชาติ
ที่เราได้วิเคราะห์แล้ว -
7:57 - 7:59และผลที่ได้มามีโครงสร้างดังที่เห็นนี้
-
7:59 - 8:02มีส่วนที่อยู่รอบๆ และจุดศูนย์กลาง
-
8:02 - 8:06ซึ่งมีประมาณ 75 เปอร์เซ็นต์ของบริษัทผู้นำทั้งหมด
-
8:06 - 8:10และตรงกลางมีแกนเล็กๆ
แต่มีบทบาทสำคัญ -
8:10 - 8:15ซึ่งเกิดจากบริษัทใหญ่ๆ
ที่มีการเชื่อมโยงซึ่งกันและกันอย่างสูง -
8:15 - 8:17เพื่อให้คุณเห็นภาพได้ดียิ่งขึ้น
-
8:17 - 8:19ให้ลองคิดถึงพื้นที่ในเมืองใหญ่ๆ
-
8:19 - 8:21คุณจะมีบริเวณชานเมือง และเขตรอบนอก
-
8:21 - 8:24คุณมีใจกลางเมือง เช่น
ย่านการเงินการธนาคาร (financial district) -
8:24 - 8:26และแกนกลางก็จะเป็นอะไรจำพวก
-
8:26 - 8:29อาคารสูงหลายชั้นที่สูงที่สุด อยู่ตรงกลาง
-
8:29 - 8:34และเราก็ได้เห็นร่องรอยของการจัดการอย่างมีระบบ
กำลังเกิดขึ้นที่นั่น -
8:34 - 8:4036 เปอร์เซ็นต์ของบริษัทข้ามชาติเท่านั้น
ที่อยู่ในแกนกลาง -
8:40 - 8:44แต่มันทำเงินรายได้ถึง 95 เปอร์เซ็นต์ของรายได้รวม
-
8:44 - 8:47ของบริษัทข้ามชาติทั้งหมด
-
8:47 - 8:49ตอนนี้เราได้วิเคราะห์โครงสร้างนั้นแล้ว
-
8:49 - 8:53แล้วมันสัมพันธ์กับการควบคุมอย่างไรเล่า
-
8:53 - 8:57เอาละ การเป็นเจ้าของได้ให้สิทธิ
ในการออกเสียงกับผู้ถือหุ้น -
8:57 - 9:00นี่แหละคือ แนวคิดเรื่องการควบคุมโดยปกติ
-
9:00 - 9:03มีการจำลองแบบต่างๆ เพื่อให้คุณใช้คำนวณหา
-
9:03 - 9:06การควบคุมที่คุณได้รับ จากการเป็นเจ้าของ
-
9:06 - 9:08ถ้าคุณมีมากกว่า 50 เปอร์เซ็นต์ของจำนวนหุ้นในบริษัทหนึ่ง
-
9:08 - 9:10คุณก็ได้การควบคุมไว้
-
9:10 - 9:15แต่โดยปกติแล้ว
มันขึ้นอยู่กับการเทียบเคียงการกระจายของหุ้น -
9:15 - 9:18และเครือข่ายนั้นสำคัญจริงๆ
-
9:18 - 9:21เมื่อประมาณ 10 ปีมาแล้ว คุณ Tronchetti Provera
-
9:21 - 9:24เป็นเจ้าของและควบคุมบริษัทเล็กๆบริษัทหนึ่ง
-
9:24 - 9:28ซึ่งบริษัทนั้นเป็นเจ้าของ
และควบคุมบริษัทที่ใหญ่กว่าอยู่หนึ่งบริษัท -
9:28 - 9:29คุณนึกออกไหม
-
9:29 - 9:32สุดท้ายเขาก็ได้ควบคุมบริษัทการสื่อสาร Telecom Italia
-
9:32 - 9:36มีอำนาจเพิ่มผลทางการเงินได้เท่ากับ 26 หน่วย
-
9:36 - 9:40หมายความว่า กับทุกๆยูโรที่เขาได้ลงทุนไป
-
9:40 - 9:44เขาสามารถที่จะโยก 26 ยูโรของมูลค่าตลาดมาใช้ได้
-
9:44 - 9:47ผ่านลูกโซ่ความสัมพันธ์ของการเป็นเจ้าของกิจการ
-
9:47 - 9:50เอาละ สิ่งที่เราเอามาคำนวณจริงๆ ในการวิจัยของเรา
-
9:50 - 9:54ก็คือการควบคุมของมูลค่าของบริษัทข้ามชาติ
-
9:54 - 9:57สิ่งนี้จะช่วยให่เราได้กำหนดระดับของอิทธิพล
-
9:57 - 9:59ให้กับผู้ถือหุ้นแต่ละรายได้
-
9:59 - 10:01เรื่องนี้ มีความหมายคล้ายคลึงมาก
-
10:01 - 10:05กับแนวคิดเรื่องพลังศักยภาพของ Max Weber
-
10:05 - 10:08ซึ่งเป็นเรื่องของ ความเป็นไปได้ของการบังคับ
ตามความต้องการของตนเอง -
10:08 - 10:12โดยไม่คำนึงถึงการไม่เห็นด้วยของผู้อื่น
-
10:12 - 10:17ถ้าคุณต้องการคำนวณหาการไหล
ในเครือข่ายของการเป็นเจ้าของ -
10:17 - 10:18นี่เป็นสิ่งที่คุณต้องทำ
-
10:18 - 10:21จริงๆมันไม่ได้ยากนักที่จะเข้าใจได้
-
10:21 - 10:24ขอให้ผมอธิบายโดยการเปรียบเทียบนี้
-
10:24 - 10:26ขอให้คิดถึงเรื่องการไหลของนํ้าในท่อ
-
10:26 - 10:30เมื่อท่อเหล่านั้นมีความหนาแตกต่างกัน
-
10:30 - 10:34ในลักษณะคล้ายคลึงกัน การควบคุมไหลอยู่ใน
เครือข่ายการเป็นเจ้าของ -
10:34 - 10:39และจะไปสะสมอยู่ที่แม่ข่าย
-
10:39 - 10:43แล้วเราได้พบอะไร หลังจากที่ได้คำนวณหาการควบคุม
จากเครือข่ายทั้งหมดนี้ -
10:43 - 10:48ผลออกมากลายเป็นว่า 737 คนซึ่งถือหุ้นสูงสุด
-
10:48 - 10:51มีศักยภาพที่จะควบคุมพร้อมไปกับคนอื่นๆ
-
10:51 - 10:55เป็นสัดส่วนถึง 80 เปอร์เซ็นต์
ของมูลค่าของบริษัทข้ามชาติ -
10:55 - 10:58เอาล่ะ ยังคงจำได้นะครับ
เราเริ่มต้นจาก หกแสนแม่ข่าย -
10:58 - 11:02ดังนั้น บริษัทผู้นำทั้ง 737 บริษัทนี้
-
11:02 - 11:06รวมกันแล้วเกิน 0.1 เปอร์เซ็นต์อยู่นิดเดียว
-
11:06 - 11:11พวกนี้ส่วนใหญ่
เป็นสถาบันการเงินในสหรัฐอเมริกา และอังกฤษ -
11:11 - 11:14และมันก็ไปได้สุดกู่กว่านี้อีก
-
11:14 - 11:18มีบริษัทผู้นำ 146 บริษัทในแกนกลาง
-
11:18 - 11:22และพวกเขารวมกันแล้ว
มีศักยภาพที่จะควบคุมรวมกันเป็น -
11:22 - 11:2740 เปอร์เซ็นต์ของมูลค่าของบริษัทข้ามชาติ
-
11:27 - 11:30แล้วคุณควรจะเอาอะไรจากทั้งหมดที่พูดนี้
กลับไปบ้านละครับ -
11:30 - 11:34ที่คุณได้เห็นระดับการควบคุมที่สูงนั้น
-
11:34 - 11:39เป็นเรื่องสุดกู่มากๆ ไม่ว่าจะถือมาตรฐานใดก็ตาม
-
11:39 - 11:41ระดับความเชื่อมโยงซึ่งกันและกันที่สูง
-
11:41 - 11:44ของบริษัทผู้นำในแกนหลักนี้
-
11:44 - 11:49อาจทำให้เกิดความเสี่ยงที่สำคัญ
ต่อเศรษฐกิจของโลกได้ -
11:49 - 11:52และเราสามารถสร้างเครือข่ายบริษัทข้ามชาติ
ได้อย่างง่ายๆ -
11:52 - 11:54ด้วยกฎพื้นๆสองสามข้อ
-
11:54 - 11:57นี่ก็หมายความว่า โครงสร้างของมันน่าจะเป็นผลลัพธ์
-
11:57 - 11:59จากการจัดการตนเอง (self-organization)
-
11:59 - 12:02มันคือคุณสมบัติที่ปรากฎออกมา ซึ่งขึ้นอยู่กับ
-
12:02 - 12:05กฎของการมีปฏิสัมพันธ์กันในระบบ
-
12:05 - 12:08ดังนั้น มันไม่น่าจะเป็นผลของวิธีการจากเบื้องบนลงมา
-
12:08 - 12:12เช่น การวางแผนร้ายร่วมกันระดับโลก
-
12:12 - 12:15การศึกษาของเรา "เป็นร่องรอยบนพื้นผิวของดวงจันทร์
-
12:15 - 12:16มิได้เป็นแผนที่ถนน"
-
12:16 - 12:18ดังนั้น คุณจึงควรจะรับรู้ว่าตัวเลขจริงๆ ในงานวิจัยของเรา
-
12:18 - 12:20มิใช่ถูกต้องอย่างสมบูรณ์
-
12:20 - 12:23แต่มันก็ "ให้เราเห็นแว๊บหนึ่งที่ยั่วยวน
-
12:23 - 12:28ของโลกทางการเงินใบใหม่ที่กล้าหาญ"
-
12:28 - 12:32เราหวังว่าเราได้เปิดประตู
เพื่อให้มีการวิจัยในทิศทางนี้มากขึ้น -
12:32 - 12:37เพื่อให้อาณาเขตที่เรายังไม่รู้จัก ที่ยังหลงเหลืออยู่
จะได้ถูกบันทึกไว้ในอนาคต -
12:37 - 12:38และเรื่องนี้กำลังเริ่มต้นอย่างช้าๆ
-
12:38 - 12:41เรากำลังจะได้เห็น โครงการระยะยาวออกมา
-
12:41 - 12:45ที่ได้รับเงินอุดหนุนสูง ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อความเข้าใจ
-
12:45 - 12:50โลกที่ทำงานกันเป็นเครือข่ายของเรา
จากมุมมองที่ซับซ้อน -
12:50 - 12:52แต่การเดินทางนี้ เพิ่งเริ่มต้นขึ้น
-
12:52 - 12:57ดังนั้นเราจะต้องรอคอย ก่อนที่เราจะเห็นผลลัพธ์แรก
-
12:57 - 13:01ในปัจจุบัน ในความคิดของผม เรายังคงมีปัญหาใหญ่
-
13:01 - 13:06ความคิดเห็นที่เกี่ยวข้องกับการเงิน เศรษฐกิจ การเมือง
-
13:06 - 13:09หรือสังคม เป็นเรื่องที่มักจะถูกทำให้มัวหมอง
-
13:09 - 13:13จากอุดมการณ์ส่วนตัวของผู้คน
-
13:13 - 13:17ผมหวังอย่างจริงจังว่า มุมมองที่ซับซ้อนนี้
-
13:17 - 13:22จะทำให้พบพื้นที่ ที่เห็นพ้องต้องกันบ้าง
-
13:22 - 13:25จะเยี่ยมยอดจริงๆ ถ้ามันมีพลัง
-
13:25 - 13:30ที่จะช่วยขจัดการติดขัดทั้งหลาย
ที่เกิดขึ้นจากความคิดที่ขัดแย้งกัน -
13:30 - 13:35ซึ่งเห็นได้ว่า
ทำให้โลกาภิวัฒน์ต้องเป็นอัมพาตไป -
13:35 - 13:40ความเป็นจริงนั้นซับซ้อนมาก เราจำเป็นต้องถอยออกจาก
ความเชื่อแบบกำปั้นทุบดิน -
13:40 - 13:43แต่นี่ก็เป็นเพียงแค่อุดมการณ์ส่วนตัวของผมเองเท่านั้น
-
13:43 - 13:45ขอบคุณครับ
-
13:45 - 13:50(เสียงปรบมือ)
- Title:
- เจมส์ บี แกลทเฟลเดอร์ (James B. Glattfelder): ใครควบคุมโลกใบนี้?
- Speaker:
- James B. Glattfelder
- Description:
-
เจมส์ แกลทเฟลเดอร์ ศึกษาเรื่องความซับซ้อน กล่าวคือ ระบบที่เชื่อมต่อกัน เช่น ฝูงนกเป็นมากกว่าผลรวมของนกแต่ละตัวในฝูงได้อย่างไร และผลที่ได้กลายเป็นว่า ทฤษฎีความซับซ้อนสามารถเผยให้เห็นอย่างมากมาย ว่าเศรษฐกิจทำงานได้อย่างไร
แกลทเฟลเดอร์ ได้แบ่งปันผลการวิจัยที่เพิ่งค้นพบว่า การควบคุมไหลไปในเศรษฐกิจโลกได้อย่างไร และการที่อำนาจไปกระจุกอยู่ในมือของคนเพียงไม่กี่คนอย่างน่าตกใจ ทิ้งให้เราทุกคนต้องอยู่ในสภาวะที่เสี่ยงมากน้อยแค่ไหน (ถ่ายทำที่ TEDxZurich)
- Video Language:
- English
- Team:
- closed TED
- Project:
- TEDTalks
- Duration:
- 14:10
Unnawut Leepaisalsuwanna edited Thai subtitles for Who controls the world? | ||
Unnawut Leepaisalsuwanna edited Thai subtitles for Who controls the world? | ||
Unnawut Leepaisalsuwanna approved Thai subtitles for Who controls the world? | ||
Unnawut Leepaisalsuwanna accepted Thai subtitles for Who controls the world? | ||
Unnawut Leepaisalsuwanna commented on Thai subtitles for Who controls the world? | ||
Unnawut Leepaisalsuwanna edited Thai subtitles for Who controls the world? | ||
Unnawut Leepaisalsuwanna edited Thai subtitles for Who controls the world? | ||
yamela areesamarn edited Thai subtitles for Who controls the world? |