Return to Video

อันตรายจากเรื่องเล่าเพียงเรื่องเดียว

  • 0:00 - 0:02
    ดิฉันเป็นนักเล่าเรื่องค่ะ
  • 0:02 - 0:05
    และดิฉันอยากจะเล่าเรื่องส่วนตัวให้พวกคุณฟังสักสองสามเรื่อง
  • 0:05 - 0:10
    เกี่ยวกับสิ่งที่ดิฉันชอบที่จะเรียกว่า "อันตรายจากเรื่องเล่าเพียงเรื่องเดียว"
  • 0:10 - 0:14
    ดิฉันเติบโตขึ้นในวิทยาเขตของมหาวิทยาลัยในประเทศไนจีเรียฝั่งตะวันออก
  • 0:14 - 0:17
    แม่ของดิฉันบอกว่าดิฉันเริ่มอ่านหนังสือตั้งแต่อายุสองขวบ
  • 0:17 - 0:22
    แต่ดิฉันจะคิดว่า ตอนอายุสี่ขวบน่าจะใกล้ความจริงกว่า
  • 0:22 - 0:24
    ดังนั้น ดิฉันเป็นนักอ่านตั้งแต่วัยเยาว์ และสิ่งที่ดิฉันอ่าน
  • 0:24 - 0:27
    เป็นหนังสือเด็กของอังกฤษและอเมริกา
  • 0:27 - 0:30
    ดิฉันยังเป็นนักเขียนตั้งแต่วัยเยาว์ด้วย
  • 0:30 - 0:34
    และเมื่อดิฉันเริ่มต้นเขียนหนังสือ ตอนอายุประมาณเจ็ดขวบ
  • 0:34 - 0:36
    เรื่องเล่าต่างๆจากดินสอประกอบกับภาพวาดดินสอสี
  • 0:36 - 0:39
    ที่แม่ผู้น่าสงสารของดิฉันมีหน้าที่อ่าน
  • 0:39 - 0:43
    ดิฉันเขียนเรื่องราวประเภทเดียวกับสิ่งที่ดิฉันได้อ่านเปี๊ยบ
  • 0:43 - 0:48
    ทุกตัวละครของดิฉันเป็นคนขาวและมีนัยน์ตาสีฟ้า
  • 0:48 - 0:50
    พวกเขาเล่นกันท่ามกลางหิมะ
  • 0:50 - 0:52
    พวกเขากินแอปเปิ้ล
  • 0:52 - 0:54
    พวกเขาชอบพูดเรื่องดินฟ้าอากาศ
  • 0:54 - 0:56
    ช่างงดงามเสียนี่กะไร
  • 0:56 - 0:58
    ที่วันนี้แดดออก
  • 0:58 - 1:00
    (เสียงหัวเราะ)
  • 1:00 - 1:03
    แม้ความจริงคือ ดิฉันอาศัยอยู่ในประเทศไนจีเรีย
  • 1:03 - 1:07
    และไม่เคยออกนอกไนจีเรียเลย
  • 1:07 - 1:10
    พวกเราไม่มีหิมะ พวกเรากินมะม่วง
  • 1:10 - 1:12
    และพวกเราไม่คุยกันเรื่องดินฟ้าอากาศ
  • 1:12 - 1:14
    เพราะมันไม่จำเป็นต้องพูดถึง
  • 1:14 - 1:17
    ตัวละครของดิฉันยังดื่มเบียร์ขิงอีกด้วย
  • 1:17 - 1:19
    เพราะบรรดาตัวละครที่ดิฉันเคยอ่านเจอในหนังสืออังกฤษ
  • 1:19 - 1:21
    ดื่มเบียร์ขิง
  • 1:21 - 1:24
    ช่างปะไรที่ดิฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเบียร์ขิงคืออะไร
  • 1:24 - 1:25
    (เสียงหัวเราะ)
  • 1:25 - 1:28
    และหลายปีหลังจากนั้น ดิฉันมีความปรารถนาอย่างมาก
  • 1:28 - 1:30
    ที่จะลิ้มลองเบียร์ขิง
  • 1:30 - 1:32
    แต่นั่นมันคนละเรื่องกัน
  • 1:32 - 1:34
    ในความคิดของดิฉัน เรื่องนี้แสดงให้เห็นว่า
  • 1:34 - 1:37
    พวกเราเปราะบางและถูกชักจูงได้ง่ายแค่ไหน
  • 1:37 - 1:39
    ในโฉมหน้าของเรื่องเล่า
  • 1:39 - 1:41
    โดยเฉพาะอย่างยิ่งในขณะที่เป็นเด็ก
  • 1:41 - 1:43
    เพราะสิ่งที่ดิฉันเคยอ่านทั้งหมดเป็นหนังสือ
  • 1:43 - 1:45
    ที่มีตัวละครเป็นชาวต่างชาติ
  • 1:45 - 1:47
    ดิฉันจึงเชื่อมั่นว่าหนังสือ
  • 1:47 - 1:50
    โดยธรรมชาติของพวกมัน จะต้องมีชาวต่างชาติในนั้น
  • 1:50 - 1:52
    และต้องเป็นเรื่องเกี่ยวกับสิ่งที่
  • 1:52 - 1:55
    ไม่เกี่ยวข้องกับความเป็นตัวตนของดิฉัน
  • 1:55 - 1:59
    ทีนี้ สิ่งต่างๆเปลี่ยนแปลงไปเมื่อดิฉันค้นพบหนังสือแอฟริกัน
  • 1:59 - 2:01
    มันมีจำนวนไม่มากนักที่หาได้ และมัน
  • 2:01 - 2:03
    หาไม่ค่อยง่ายเหมือนกับหนังสือต่างประเทศ
  • 2:03 - 2:07
    แต่ด้วยเพราะนักเขียนอย่างเช่น ชินัว อเชเบ และ คาเมรา ไลย์
  • 2:07 - 2:09
    จึงได้เกิดการเปลี่ยนแปลงความเข้าใจของดิฉัน
  • 2:09 - 2:11
    ที่มีต่อวรรณกรรม
  • 2:11 - 2:13
    ดิฉันตระหนักว่าคนอย่างดิฉัน
  • 2:13 - 2:15
    เด็กผู้หญิงที่มีผิวสีช็อคโกแลต
  • 2:15 - 2:18
    ผู้ที่มีผมหยิกจนไม่สามารถรวบผมหางม้าได้
  • 2:18 - 2:20
    สามารถมีตัวตนอยู่ในวรรณกรรมได้เช่นกัน
  • 2:20 - 2:24
    ดิฉันเริ่มเขียนเกี่ยวกับสิ่งที่ดิฉันรู้จัก
  • 2:24 - 2:28
    ตอนนั้นดิฉันรักหนังสืออังกฤษและอเมริกันที่ดิฉันอ่าน
  • 2:28 - 2:32
    มันปลุกเร้าจินตนาการของดิฉัน มันเปิดโลกใหม่ให้กับดิฉัน
  • 2:32 - 2:34
    แต่ผลกระทบทางอ้อม
  • 2:34 - 2:36
    คือการที่ดิฉันไม่รู้ว่าผู้คนอย่างดิฉัน
  • 2:36 - 2:38
    สามารถมีตัวตนอยู่ในวรรณกรรมได้
  • 2:38 - 2:42
    ดังนั้น สิ่งที่ดิฉันได้จากการค้นพบนักเขียนแอฟริกันคือ
  • 2:42 - 2:45
    มันช่วยดิฉันไว้จากการมีเรื่องเล่าเพียงเรื่องเดียว
  • 2:45 - 2:47
    เกี่ยวกับสิ่งที่หนังสือเป็น
  • 2:47 - 2:50
    ดิฉันมาจากครอบครัวชนชั้นกลางธรรมดาชาวไนจีเรีย
  • 2:50 - 2:52
    พ่อของดิฉันเป็นอาจารย์
  • 2:52 - 2:55
    แม่ของดิฉันเป็นพนักงานธุรการ
  • 2:55 - 2:58
    และพวกเรามีคนรับใช้ซึ่งอาศัยอยู่ด้วย
  • 2:58 - 3:03
    คล้ายเป็นบรรทัดฐาน ผู้ซึ่งมักจะมาจากหมู่บ้านชนบทที่ใกล้เคียง
  • 3:03 - 3:07
    ในปีที่ดิฉันย่างเข้าแปดขวบ เราได้เด็กผู้ชายรับใช้ในบ้านคนใหม่หนึ่งคน
  • 3:07 - 3:09
    ชื่อของเขาคือฟิเด
  • 3:09 - 3:12
    สิ่งเดียวที่แม่ของดิฉันบอกเราเกี่ยวกับเขา
  • 3:12 - 3:15
    คือครอบครัวของเขานั้นยากจนมาก
  • 3:15 - 3:17
    แม่ของดิฉันส่งมันเทศและข้าว
  • 3:17 - 3:20
    และพวกเสื้อผ้าเก่าๆของเราให้กับครอบครัวของเขา
  • 3:20 - 3:22
    และเมื่อดิฉันทานข้าวเย็นไม่หมด แม่ของดิฉันก็จะบอกว่า
  • 3:22 - 3:27
    "กินอาหารให้หมด ไม่รู้หรือว่า ชาวบ้านอย่างครอบครัวฟิเดไม่มีอะไรจะกิน"
  • 3:27 - 3:31
    ดังนั้น ดิฉันจึงรู้สึกสงสารครอบครัวฟิเดอย่างเหลือล้น
  • 3:31 - 3:34
    มีอยู่วันเสาร์หนึ่ง พวกเราไปเยี่ยมหมู่บ้านของเขา
  • 3:34 - 3:38
    และแม่ของเขาโชว์ตะกร้าลวดลายสวยงามให้พวกเราดู
  • 3:38 - 3:41
    มันทำจากเส้นใยของต้นปาล์มย้อมสี ซึ่งพี่ชายของเขาเป็นผู้ทำ
  • 3:41 - 3:43
    ดิฉันรู้สึกประหลาดใจ
  • 3:43 - 3:46
    ดิฉันไม่เคยนึกเลยว่าคนในครอบครัวของเขา
  • 3:46 - 3:49
    จะสามารถทำอะไรได้เป็นชิ้นเป็นอัน
  • 3:49 - 3:52
    สิ่งที่ดิฉันเคยได้ยินทั้งหมดเกี่ยวกับพวกเขาคือความยากจนของพวกเขา
  • 3:52 - 3:54
    ซึ่งนั่นทำให้มันเป็นไปไม่ได้เลยสำหรับดิฉันที่จะเห็นพวกเขา
  • 3:54 - 3:57
    ในฐานะอื่นใดนอกจากคนจน
  • 3:57 - 4:01
    ความยากจนเป็นเรื่องเล่าเพียงเรื่องเดียวเกี่ยวกับพวกเขาที่ดิฉันมี
  • 4:01 - 4:03
    หลายปีต่อมา ดิฉันนึกถึงเรื่องนี้เมื่อฉันออกจากไนจีเรีย
  • 4:03 - 4:06
    เพื่อเรียนต่อที่มหาวิทยาลัยในสหรัฐอเมริกา
  • 4:06 - 4:08
    ดิฉันอายุสิบเก้าในตอนนั้น
  • 4:08 - 4:12
    เพื่อนร่วมห้องชาวอเมริกันตกใจในตัวของดิฉันมาก
  • 4:12 - 4:15
    เธอถามว่าดิฉันเรียนภาษาอังกฤษจากที่ไหนจึงพูดภาษาอังกฤษได้ดีมาก
  • 4:15 - 4:17
    และรู้สึกสับสนเมื่อดิฉันตอบว่า ประเทศไนจีเรีย
  • 4:17 - 4:22
    ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาราชการ
  • 4:22 - 4:26
    เธอขอฟังเพลงที่เธอเรียกว่า "เพลงชนเผ่า" ของดิฉัน
  • 4:26 - 4:28
    และปรากฎว่าต้องผิดหวัง
  • 4:28 - 4:30
    เมื่อดิฉันยื่นเทปของมารายห์ แครีให้
  • 4:30 - 4:33
    (เสียงหัวเราะ)
  • 4:33 - 4:35
    เธอทึกทักเอาเองว่าดิฉัน
  • 4:35 - 4:38
    ใช้เตาไม่เป็น
  • 4:38 - 4:40
    สิ่งที่ดิฉันคิดว่าน่าสนใจก็คือ เธอรู้สึกสงสารดิฉัน
  • 4:40 - 4:42
    ตั้งแต่ก่อนจะเจอดิฉันเสียอีก
  • 4:42 - 4:46
    มุมมองที่เธอมีต่อดิฉันโดยปริยาย ในฐานะที่ดิฉันเป็นคนเแอฟริกัน
  • 4:46 - 4:50
    เป็นความสงสารที่เต็มไปด้วยความต้องการที่จะอุปการะ และความปรารถนาดี
  • 4:50 - 4:53
    เพื่อนร่วมห้องของดิฉันมีเรื่องเล่าเพียงเรื่องเดียวเกี่ยวกับแอฟริกา
  • 4:53 - 4:56
    เรื่องเล่าเพียงเรื่องเดียวเกี่ยวกับความหายนะ
  • 4:56 - 4:58
    ในเรื่องเล่าเพียงเรื่องเดียวนี้ มันไม่มีความเป็นไปได้
  • 4:58 - 5:02
    ที่ชาวแอฟริกันจะคล้ายคลึงกับเธอ ในทางใดก็ตาม
  • 5:02 - 5:05
    ไม่มีความเป็นไปได้ของความรู้สึกที่ซับซ้อนไปกว่าความสงสาร
  • 5:05 - 5:09
    ไม่มีความเป็นไปได้ของความสัมพันธ์ในฐานะมนุษย์ที่เท่าเทียมกัน
  • 5:09 - 5:11
    ก่อนที่ดิฉันจะมาสหรัฐอเมริกา ดิฉันไม่ได้
  • 5:11 - 5:14
    มานั่งเรียกตัวเองว่าเป็นชาวแอฟริกัน
  • 5:14 - 5:17
    แต่ในอเมริกา เมื่อไหร่ก็ตามที่มีคนพูดเรื่องแอฟริกา คนจะหันมามองดิฉัน
  • 5:17 - 5:21
    แม้ว่าดิฉันจะไม่รู้อะไรสักอย่างเกี่ยวกับประเทศอย่างนามิเบีย
  • 5:21 - 5:23
    แต่ในที่สุดดิฉันก็ได้ยอมรับอัตลักษณ์ใหม่นี้
  • 5:23 - 5:26
    และในหลายๆทาง ดิฉันคิดถึงตัวดิฉันในปัจจุบันว่าเป็นชาวแอฟริกัน
  • 5:26 - 5:28
    แม้ว่าดิฉันยังจะรู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อยเมื่อ
  • 5:28 - 5:30
    แอฟริกาถูกอ้างถึงในฐานะประเทศหนึ่ง
  • 5:30 - 5:34
    ตัวอย่างล่าสุดคือเที่ยวบินที่ โดยรวมๆแล้วเป็นเที่ยวบินที่วิเศษ
  • 5:34 - 5:36
    จาก ลากอส เมื่อสองวันที่ผ่านมาที่
  • 5:36 - 5:38
    มีการประกาศบนเครื่องของสายการบินเวอร์จิ้น
  • 5:38 - 5:43
    เกี่ยวกับงานการกุศลใน "อินเดีย แอฟริกา และประเทศอื่นๆ"
  • 5:43 - 5:44
    (เสียงหัวเราะ)
  • 5:44 - 5:48
    ดังนั้น หลังจากที่ดิฉันใช้เวลาหลายปีในสหรัฐอเมริกา ในฐานะชาวแอฟริกัน
  • 5:48 - 5:52
    ดิฉันเริ่มเข้าใจปฏิกิริยาของเพื่อนร่วมห้องที่มีต่อดิฉัน
  • 5:52 - 5:55
    ถ้าหากว่าดิฉันไม่ได้เติบโตขึ้นในไนจีเรีย และถ้าทั้งหมดที่ดิฉันรู้เกี่ยวกับแอฟริกา
  • 5:55 - 5:57
    มากจากภาพซึ่งเป็นที่นิยมทั้งหลาย
  • 5:57 - 6:00
    ดิฉันคงคิดว่าแอฟริกาคือสถานที่ของ
  • 6:00 - 6:04
    ภูมิประเทศอันสวยงาม สัตว์ที่สวยงาม
  • 6:04 - 6:06
    และผู้คนที่เข้าใจยาก
  • 6:06 - 6:09
    ผู้ซึ่งต่อสู้ในสงครามอันไร้เหตุผล และเสียชีวิตจากความยากจนและโรคเอดส์
  • 6:09 - 6:12
    ผู้ซึ่งไม่สามารถที่จะแสดงออกเพื่อตัวพวกเขาเอง
  • 6:12 - 6:14
    และคอยรอรับความช่วยเหลือ
  • 6:14 - 6:17
    จากคนต่างชาติใจดีผิวขาว
  • 6:17 - 6:19
    ดิฉันคงมองชาวแอฟริกันในลักษณะเดียวกับที่ดิฉัน
  • 6:19 - 6:23
    ตอนเป็นเด็ก มองครอบครัวของฟีเด
  • 6:23 - 6:27
    ดิฉันคิดว่า เรื่องเล่าเรื่องเดียวเกี่ยวกับแอฟริกา ในที่สุดแล้ว มาจากวรรณกรรมตะวันตก
  • 6:27 - 6:29
    นี่คือคำพูดจาก
  • 6:29 - 6:32
    งานเขียนของพ่อค้าชาวลอนดอนชื่อ จอห์น ล็อค
  • 6:32 - 6:35
    ผู้ล่องเรือไปยังแอฟริกาตะวันตกในปี ค.ศ. 1561
  • 6:35 - 6:40
    และได้เก็บบันทึกเรื่องราวที่น่าสนใจจากการเดินทางของเขา
  • 6:40 - 6:42
    หลังจากที่ได้เรียกชาวแอฟริกันผิวดำ
  • 6:42 - 6:44
    ว่าเป็น "สัตว์ป่าที่ไม่มีบ้าน"
  • 6:44 - 6:48
    เขาเขียนว่า "พวกเขาเป็นพวกคนไม่มีหัว
  • 6:48 - 6:53
    มีปากและตาอยู่ที่หน้าอก"
  • 6:53 - 6:55
    ดิฉันหัวเราะทุกครั้งที่อ่านเรื่องนี้
  • 6:55 - 6:59
    และเราต้องยกย่องจินตนาการของจอห์น ล็อค
  • 6:59 - 7:01
    แต่สิ่งที่สำคัญเกี่ยวกับงานเขียนของเขาก็คือว่า
  • 7:01 - 7:03
    มันแสดงถึงจุดเริ่มต้น
  • 7:03 - 7:06
    ของประเพณีการเล่าเรื่องเกี่ยวกับชาวแอฟริกันในโลกตะวันตก
  • 7:06 - 7:09
    ประเพณีของกลุ่มประเทศในอนุภูมิภาคซาฮาราในแอฟริกา ในฐานะสถานที่แห่งแง่ลบ
  • 7:09 - 7:11
    แห่งความแตกต่าง แห่งความมืดมน
  • 7:11 - 7:15
    ของผู้คนผู้ซึ่ง ในคำบรรยายของนักกวีชั้นยอด
  • 7:15 - 7:17
    รัดยาร์ด คิปลิง
  • 7:17 - 7:20
    เป็น "ครึ่งปิศาจ ครึ่งเด็ก"
  • 7:20 - 7:23
    และดังนั้น ดิฉันจึงเริ่มตระหนักว่า ตลอดชีวิตของ
  • 7:23 - 7:25
    เพื่อนร่วมห้องชาวอเมริกันของดิฉัน
  • 7:25 - 7:27
    เธอต้องได้เห็นและได้ยินเรื่องเล่าเพียงเรื่องเดียวนี้
  • 7:27 - 7:29
    อยู่หลายฉบับทีเดียว
  • 7:29 - 7:31
    เช่นเดียวกับอาจารย์ท่านหนึ่ง
  • 7:31 - 7:36
    ซึ่งครั้งหนึ่งเคยบอกดิฉันว่า นิยายของดิฉันนั้นไม่เป็น "แอฟริกันที่แท้จริง"
  • 7:36 - 7:38
    ดิฉันพร้อมที่จะโต้เถียงว่าตัวนวนิยายนั้น
  • 7:38 - 7:40
    มีปัญหาหลายอย่าง
  • 7:40 - 7:44
    ว่ามันไม่ประสบความสำเร็จในหลายจุด
  • 7:44 - 7:46
    แต่ดิฉันก็นึกไม่ถึงว่า
  • 7:46 - 7:49
    มันไม่ได้บรรลุสิ่งที่เรียกว่า แอฟริกันที่แท้จริง ได้อย่างไร
  • 7:49 - 7:51
    ดิฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่า
  • 7:51 - 7:54
    อะไรคือ แอฟริกันที่แท้จริง
  • 7:54 - 7:56
    อาจารย์บอกดิฉันว่า ตัวละครของดิฉัน
  • 7:56 - 7:58
    เหมือนกับเขามากเกินไป
  • 7:58 - 8:00
    คือเป็นผู้ชายชนชั้นกลางที่มีการศึกษา
  • 8:00 - 8:02
    ตัวละครของดิฉันขับรถยนต์
  • 8:02 - 8:05
    พวกเขาไม่หิวโหย
  • 8:05 - 8:09
    ดังนั้น พวกเขาจึงไม่ใช่แอฟริกันที่แท้จริง
  • 8:09 - 8:12
    แต่ดิฉันต้องขอเพิ่มเติมอย่างรวดเร็วว่า ดิฉันก็มีความผิดไม่น้อยไปกว่าคนอื่น
  • 8:12 - 8:15
    ในคำถามของเรื่องเล่าเพียงเรื่องเดียว
  • 8:15 - 8:19
    เมื่อไม่กี่ปีก่อน ดิฉันเดินทางไปประเทศเม็กซิโกจากสหรัฐ
  • 8:19 - 8:21
    บรรยากาศการเมืองในอเมริกาตอนนั้นตึงเครียด
  • 8:21 - 8:25
    และมันกำลังมีการถกเถียงกันเกี่ยวกับเรื่องการอพยพย้ายถิ่นฐาน
  • 8:25 - 8:27
    และ สิ่งที่มักเกิดขึ้นบ่อยครั้งในอเมริกา
  • 8:27 - 8:30
    ก็คือ การอพยพกลายเป็นสิ่งที่มีมีความหมายเดียวกับคำว่า ชาวเม็กซิกัน
  • 8:30 - 8:32
    มันมีเรื่องเล่าไม่รู้จบเกี่ยวกับชาวเม็กซิกัน
  • 8:32 - 8:34
    ในฐานะผู้คนที่
  • 8:34 - 8:36
    ปอกลอกระบบรักษาพยาบาล
  • 8:36 - 8:38
    ลักลอบข้ามพรมแดน
  • 8:38 - 8:42
    ถูกจับที่ชายแดน เป็นต้น
  • 8:42 - 8:46
    ดิฉันยังจำวันแรกที่ดิฉันเดินเที่ยวในกวาดาลาฮาราได้
  • 8:46 - 8:48
    มองผู้คนเดินทางไปทำงาน
  • 8:48 - 8:50
    ม้วนแป้งตอร์ติญ่าในตลาด
  • 8:50 - 8:53
    สูบบุหรี่ หัวเราะ
  • 8:53 - 8:56
    ดิฉันจำได้ถึงความรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย
  • 8:56 - 8:59
    และต่อมา ดิฉันก็รู้สึกท่วมท้นไปด้วยความละอาย
  • 8:59 - 9:02
    ดิฉันรู้ตัวว่าดิฉันมัวแต่จดจ่อ
  • 9:02 - 9:04
    อยู่กับการรายงานข่าวเรื่องชาวเม็กซิกันในสื่อ
  • 9:04 - 9:06
    จนกระทั่งคนเหล่านี้ได้กลายมาเป็นสิ่งๆเดียวในความคิดของดิฉัน
  • 9:06 - 9:09
    และนั่นก็คือ ผู้อพยพอนาถา
  • 9:09 - 9:11
    ดิฉันไปเชื่อเรื่องเล่าเรื่องเดียวเกี่ยวกับชาวเม็กซิกัน
  • 9:11 - 9:14
    และไม่สามารถละอายใจต่อตัวเองได้มากไปกว่านี้
  • 9:14 - 9:16
    และนั่นคือวิธีสร้างเรื่องเล่าเพียงเรื่องเดียว
  • 9:16 - 9:19
    นำเสนอว่าประชาชนกลุ่มหนึ่งเป็นแค่สิ่งๆเดียว
  • 9:19 - 9:21
    สิ่งๆเดียวเท่านั้น
  • 9:21 - 9:23
    ซ้ำไปซ้ำมา
  • 9:23 - 9:26
    และนั่นคือสิ่งที่พวกเขากลายมาเป็น
  • 9:26 - 9:28
    มันเป็นไปไม่ได้ที่จะพูดถึงเรื่องเล่าเพียงเรื่องเดียว
  • 9:28 - 9:31
    โดยไม่พูดถึงเรื่องอำนาจ
  • 9:31 - 9:33
    มีคำพูดหนึ่งในภาษาอิกโบ
  • 9:33 - 9:35
    ซึ่งดิฉันนึกถึงทุกครั้งที่ดิฉันนึกถึงเรื่อง
  • 9:35 - 9:38
    พลังของโครงสร้างของโลก คำนั้นคือ "นคาลี"
  • 9:38 - 9:40
    มันเป็นคำนามซึ่งแปลอย่างหลวมๆว่า
  • 9:40 - 9:43
    "แข็งแกร่งเหนืออีกสิ่งหนึ่ง"
  • 9:43 - 9:46
    เช่นเดียวกับโลกศรษฐกิจและการเมืองของเรา
  • 9:46 - 9:48
    เรื่องเล่าต่างๆนั้นถูกนิยาม
  • 9:48 - 9:51
    ด้วยหลักการของ นคาลี
  • 9:51 - 9:53
    มันถูกเล่าอย่างไร ใครเป็นคนเล่า
  • 9:53 - 9:56
    มันถูกเล่าเมื่อไหร่ จำนวนเรื่องที่ถูกถ่ายทอด
  • 9:56 - 10:00
    ล้วนขึ้นอยู่กับอำนาจ
  • 10:00 - 10:03
    อำนาจไม่ใช่เพียงแค่ความสามารถที่จะบอกเล่าเรื่องราวของบุคคลอื่นเท่านั้น
  • 10:03 - 10:07
    แต่ยังเป็นความสามารถที่จะทำให้เรื่องราวนั้นๆเป็นบทสรุปของบุคคลนั้น
  • 10:07 - 10:09
    กวีชาวปาเลสไตน์ ชื่อ มุรีด บาร์กุธี เขียนไว้ว่า
  • 10:09 - 10:12
    ถ้าคุณต้องการที่จะถอดถอนประชาชนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง
  • 10:12 - 10:15
    วิธีที่ง่ายที่สุดคือ บอกเล่าเรื่องราวของพวกเขา
  • 10:15 - 10:18
    และเริ่มด้วย "อย่างที่สอง"
  • 10:18 - 10:22
    เริ่มต้นเรื่องด้วยลูกศรของชนเผ่าอเมริกัน
  • 10:22 - 10:25
    และไม่ใช่การมาของชาวอังกฤษ
  • 10:25 - 10:28
    แล้วคุณจะได้เรื่องราวที่แตกต่างโดยสิ้นเชิง
  • 10:28 - 10:30
    เริ่มต้นเรื่องด้วย
  • 10:30 - 10:32
    ความล้มเหลวของรัฐแอฟริกา
  • 10:32 - 10:36
    และไม่ใช่ด้วยรัฐแอฟริกาในจินตนาการอาณานิคม
  • 10:36 - 10:40
    แล้วคุณก็จะได้เรื่องราวที่แตกต่างโดยสิ้นเชิง
  • 10:40 - 10:42
    เมื่อไม่นานมานี้ ดิฉันเพิ่งไปบรรยายที่มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งซึ่ง
  • 10:42 - 10:44
    มีนักเรียนคนนึงบอกดิฉันว่า
  • 10:44 - 10:46
    มันน่าเสียดายเหลือเกิน
  • 10:46 - 10:49
    ที่ผู้ชายขาวไนจีเรียเป็นพวกที่ทำร้ายร่างกายผู้อื่น
  • 10:49 - 10:52
    เช่นด้วยกับตัวละครพ่อในนิยายของดิฉัน
  • 10:52 - 10:54
    ดิฉันบอกเขาว่า ดิฉันเพิ่งจะอ่านนิยายเรื่องหนึ่ง
  • 10:54 - 10:56
    ชื่อ "อเมริกันไซโค" (คนบ้าชาวอเมริกัน)
  • 10:56 - 10:58
    (เสียงหัวเราะ)
  • 10:58 - 11:00
    และก็น่าเสียดายเหลือเกิน
  • 11:00 - 11:03
    ที่เด็กวัยรุ่นอเมริกันเป็นฆาตกรต่อเนื่อง
  • 11:03 - 11:07
    (เสียงหัวเราะ)
  • 11:07 - 11:13
    (เสียงปรบมือ)
  • 11:13 - 11:16
    แน่นอน ดิฉันพูดตอบโต้ไปด้วยอารมณ์รำคาญนิดๆ
  • 11:16 - 11:18
    (เสียงหัวเราะ)
  • 11:18 - 11:20
    แต่ดิฉันก็ไม่เคยคิดที่จะมองว่า
  • 11:20 - 11:22
    เพียงแค่เพราะดิฉันได้อ่านนิยายเรื่องหนึ่ง
  • 11:22 - 11:24
    ที่มีตัวละครเป็นฆาตรกรต่อเนื่อง
  • 11:24 - 11:26
    แล้ว ตัวละครนั้นจะเป็นตัวแทน
  • 11:26 - 11:28
    ของชาวอเมริกันทั้งหมด
  • 11:28 - 11:31
    มันไม่ใช่เพราะว่าดิฉันเป็นคนที่ดีกว่าเด็กนักเรียนคนนั้น
  • 11:31 - 11:34
    แต่เป็นเพราะอำนาจทางวัฒนธรรมและเศรษฐกิจของอเมริกา
  • 11:34 - 11:36
    ทำให้ดิฉันมีเรื่องเล่าเกี่ยวกับอเมริกาหลายเรื่อง
  • 11:36 - 11:40
    ดิฉันได้อ่านงานของ ไทเลอร์ และ อัพไดค์ และ สไตน์เบ็ค และ เกทสกิล
  • 11:40 - 11:43
    ดิฉันไม่ได้มีเรื่องเล่าเรื่องเดียวเกี่ยวกับอเมริกา
  • 11:43 - 11:46
    เมื่อหลายปีก่อน เมื่อดิฉันได้เรียนรู้ว่า นักเขียนได้ถูกคาดหวัังว่า
  • 11:46 - 11:50
    ต้องมีวัยเด็กที่ไม่มีความสุข
  • 11:50 - 11:52
    จึงจะประสบความสำเร็จ
  • 11:52 - 11:54
    ดิฉันเริ่มที่จะคิดถึงวิธีที่ดิฉันจะสามารถสร้าง
  • 11:54 - 11:56
    สิ่งที่เลวร้ายที่พ่อแม่ของดิฉันได้ทำกับดิฉัน
  • 11:56 - 11:58
    (เสียงหัวเราะ)
  • 11:58 - 12:02
    แต่ในความเป็นจริงแล้ว ดิฉันมีชีวิตวัยเด็กที่มีความสุขมาก
  • 12:02 - 12:05
    เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและความรัก ในครอบครัวที่สนิทสนมอบอุ่น
  • 12:05 - 12:09
    แต่ดิฉันก็มีคุณปู่และคุณตาที่ตายในค่ายผู้ลี้ภัยเช่นกัน
  • 12:09 - 12:13
    ลูกพี่ลูกน้องของดิฉันที่ชื่อ พอลลี เสียชีวิต เพราะว่าเขาไม่สามารถได้รับการรักษาพยาบาลที่เพียงพอ
  • 12:13 - 12:16
    เพื่อนสนิทที่สุดของดิฉันคนหนึ่งชื่อ โอโคโลมา เสียชีวิตในเหตุการณ์เครื่องบินตก
  • 12:16 - 12:19
    เพราะรถดับเพลิงของพวกเราไม่มีน้ำ
  • 12:19 - 12:22
    ดิฉันโตขึ้นภายใต้รัฐบาลทหารที่กดขี่
  • 12:22 - 12:24
    ที่ลดคุณค่าของการศึกษา
  • 12:24 - 12:27
    ซึ่งบางครั้งทำให้พ่อแม่ของดิฉันไม่ได้รับเงินเดือน
  • 12:27 - 12:31
    ดังนั้น ตอนที่ดิฉันเป็นเด็ก ดิฉันจึงได้เห็นแยมหายไปจากโต๊ะทานอาหารเช้า
  • 12:31 - 12:33
    ต่อมาเนยเทียมมาร์จารีนก็หายไป
  • 12:33 - 12:36
    ต่อมาขนมปังก็แพงเกินกว่าที่จะซื้อได้
  • 12:36 - 12:39
    ต่อมานมก็มาถูกปันส่วน
  • 12:39 - 12:42
    และที่ยิ่งไปกว่านั้น ความกลัวทางการเมืองที่ถูกทำให้เป็นเรื่องปกติ
  • 12:42 - 12:46
    ก็รุกรานเข้ามาชีวิตของพวกเรา
  • 12:46 - 12:48
    เรื่องราวต่างๆเหล่านี้สร้างให้ดิฉันเป็นคนที่ดิฉันเป็นอยู่
  • 12:48 - 12:52
    แต่การยืนหยัดอยู่กับแต่เฉพาะเรื่องราวเชิงลบเหล่านี้
  • 12:52 - 12:55
    เป็นการลดทอนให้ประสบการณ์ของดิฉันมันแบนราบ
  • 12:55 - 12:57
    และเป็นการมองข้ามเรื่องราวอื่นๆอีกหลายๆเรื่อง
  • 12:57 - 12:59
    ซึ่งหล่อหลอมตัวตนของดิฉัน
  • 12:59 - 13:02
    เรื่องเล่าเพียงเรื่องเดียวสร้างแบบฉบับของกลุ่มคน
  • 13:02 - 13:05
    และปัญหาของแบบฉบับนั้น
  • 13:05 - 13:07
    ไม่ใช่ว่ามันไม่จริง
  • 13:07 - 13:09
    แต่คือมันไม่สมบูรณ์
  • 13:09 - 13:13
    มันทำให้เรื่องเล่าหนึ่งเรื่องกลายมาเป็นเรื่องเล่าเพียงเรื่องเดียว
  • 13:13 - 13:15
    แน่นอน แอฟริกาคือทวีปที่เต็มไปด้วยความหายนะ
  • 13:15 - 13:19
    มันมีความหายนะที่ใหญ่หลวง เช่น การข่มขืนอันน่าสะพรึงกลัวในคองโก
  • 13:19 - 13:21
    และความหายนะที่น่าสลดหดหู่ เช่น ความจริงที่ว่า
  • 13:21 - 13:26
    ประชาชนห้าพันคนสมัครงานเพื่อแย่งชิงตำแหน่งๆเดียวในไนจีเรีย
  • 13:26 - 13:29
    แต่มันมีเรื่องราวอื่นๆที่ไม่เกี่ยวกับความหายนะ
  • 13:29 - 13:33
    และมันสำคัญมาก สำคัญพอๆกัน ที่จะพูดถึงเรื่องราวเหล่านี้
  • 13:33 - 13:35
    ดิฉันรู้สึกอยู่เสมอว่ามันเป็นไปไม่ได้
  • 13:35 - 13:38
    ที่จะมีส่วนร่วมกับสถานที่หนึ่งหรือบุคคลหนึ่งอย่างแท้จริง
  • 13:38 - 13:42
    โดยปราศจากการเข้าไปมีส่วนร่วมกับเรื่องราวทั้งหมดของสถานที่นั้น หรือบุคคลนั้น
  • 13:42 - 13:45
    ผลที่ตามมาจากเรื่องเล่าเพียงเรื่องเดียว
  • 13:45 - 13:48
    คือสิ่งนี้ : มันปล้นศักดิ์ศรีของผู้คน
  • 13:48 - 13:52
    มันทำให้การยอมรับบความเท่าเทียมของมนุษยชาติเป็นเรื่องยาก
  • 13:52 - 13:55
    มันตอกย้ำว่าพวกเราแตกต่างกันอย่างไร
  • 13:55 - 13:57
    มากกว่าจะย้ำว่าเราคล้ายคลึงกันอย่างไร
  • 13:57 - 13:59
    ดังนั้น ถ้าหากก่อนการเดินทางไปเม็กซิโกของดิฉัน
  • 13:59 - 14:03
    ดิฉันติดตามการอภิปรายเรื่องการอพยพจากทั้งสองฝ่าย
  • 14:03 - 14:05
    ทั้งฝ่ายอเมริกันและแม็กซิกันล่ะ?
  • 14:05 - 14:09
    ถ้าหากแม่ของดิฉันบอกพวกเราว่าครอบครัวของฟิเดนั้นยากจน
  • 14:09 - 14:11
    และขยันขันแข็งล่ะ?
  • 14:11 - 14:13
    ถ้าหากเรามีเครื่อข่ายโทรทัศน์ของแอฟริกา
  • 14:13 - 14:17
    ซึ่งถ่ายทอดเรื่องราวหลากหลายของชาวแอฟริกันไปทั่วโลกล่ะ?
  • 14:17 - 14:19
    สิ่งที่ ชินัว อเชเบ นักเขียนชาวไนจีเรีย เรียกว่า
  • 14:19 - 14:22
    "ความสมดุลของเรื่องราวต่างๆ"
  • 14:22 - 14:25
    ถ้าหากเพื่อนร่วมห้องของดิฉันรู้เรื่องผู้จัดพิมพ์ชาวไนจีเรียของดิฉัน
  • 14:25 - 14:27
    มุขตา บาคาเร
  • 14:27 - 14:29
    ผู้ชายที่ไม่ธรรมดา ผู้ซึ่งทิ้งงานของเขาในธนาคาร
  • 14:29 - 14:32
    เพื่อเดินตามความฝันของเขาและก่อตั้งสำนักพิมพ์แห่งหนึ่ง
  • 14:32 - 14:36
    ความคิดเห็นที่เป็นที่ยอมรับ คือ ชาวไนจีเรียนไม่อ่านวรรณกรรม
  • 14:36 - 14:38
    เขาไม่เห็นด้วย เขารู้สึก
  • 14:38 - 14:40
    ว่าคนที่สามารถอ่านได้ จะอ่าน
  • 14:40 - 14:44
    ถ้าคุณทำให้วรรณกรรมมีแพร่หลายอยู่ทั่วไปในราคาย่อมเยา
  • 14:44 - 14:47
    ไม่นานหลังจากเขาตีพิมพ์นิยายเล่มแรกของดิฉัน
  • 14:47 - 14:50
    ดิฉันไปสถานีโทรทัศน์ในลากอส เพื่อให้สัมภาษณ์
  • 14:50 - 14:53
    และผู้หญิงคนหนึ่งที่ทำงานเป็นพนักงานส่งเอกสารเดินมาหาดิฉันพร้อมกล่าวว่า
  • 14:53 - 14:56
    "ฉันชอบนิยายของคุณมาก ฉันไม่ชอบตอนจบ
  • 14:56 - 14:59
    ดังนั้น คุณต้องเขียนตอนต่อไป และเรื่องมันจะเป็นอย่างนี้..."
  • 14:59 - 15:02
    (เสียงหัวเราะ)
  • 15:02 - 15:05
    และเธอยังเดินหน้าบอกดิฉันต่อไปถึงสิ่งที่ควรเขียนในตอนที่สองของหนังสือ
  • 15:05 - 15:08
    ดิฉันไม่เพียงแต่เอ็นดูเธอ แต่ดิฉันซาบซึ้งมาก
  • 15:08 - 15:11
    นี่คือผู้หญิงคนหนึ่ง ที่เป็นส่วนหนึ่งของมวลชนชาวไนจีเรียธรรมดา
  • 15:11 - 15:14
    ผู้ซึ่งไม่น่าจะเป็นผู้อ่าน
  • 15:14 - 15:16
    เธอไม่เพียงแค่อ่านหนังสือเล่มนั้น แต่เธอยังแสดงความเป็นเจ้้าของของหนังสือเล่มนั้น
  • 15:16 - 15:19
    และรู้สึกว่าเธอมีสิทธิ์ที่จะบอกดิฉัน
  • 15:19 - 15:21
    ว่าควรเขียนอะไรในตอนต่อไป
  • 15:21 - 15:25
    แล้วถ้าหากเพื่อนร่วมห้องของดิฉันรู้เรื่องเพื่อนของดิฉัน ฟูมิ ออนดา
  • 15:25 - 15:28
    ผู้หญิงที่ปราศจากความหวั่นเกรง ผู้ซึ่งจัดรายการทีวีใน ลากอส
  • 15:28 - 15:31
    และมีความมุ่งมั่นที่จะบอกเรื่องราวต่างๆที่พวกเราอยากลืม
  • 15:31 - 15:35
    ถ้าหากเพื่อนร่วมห้องของดิฉันได้รู้เรื่องเกี่ยวกับการผ่าตัดหัวใจ
  • 15:35 - 15:38
    ในโรงพยาบาลที่ลากอส เมื่ออาทิตย์ที่แล้วล่ะ?
  • 15:38 - 15:42
    ถ้าหากเพื่อนร่วมห้องของดิฉันได้รู้เรื่องดนตรีไนจีเรียนร่วมสมัย
  • 15:42 - 15:45
    รู้เรื่องผู้คนที่มีความสามารถในการร้องเพลงในภาษาอังกฤษและภาษาผสม
  • 15:45 - 15:47
    และภาษาอิกโบ และโยรูบา และอิโจ
  • 15:47 - 15:51
    ผสมผสานอิทธิพลทั้งจาก เจซี (Jay-Z) ถึง เฟลา
  • 15:51 - 15:54
    ไปจนถึง บ๊อบ มาร์ลี และบรรพบุรุษของพวกเขา
  • 15:54 - 15:56
    ถ้าหากเพื่อนร่วมห้องของดิฉันได้รู้เรื่องนักกฎหมายหญิง
  • 15:56 - 15:58
    ผู้ซึ่งเร็วๆนี้ไปที่ศาลที่ไนจีเรีย
  • 15:58 - 16:00
    เพื่อท้าทายกฎหมายที่น่าขัน
  • 16:00 - 16:03
    ซึ่งกำหนดว่าผู้หญิงต้องได้รับความยินยอมจากสามี
  • 16:03 - 16:06
    ก่อนที่จะต่ออายุหนังสือเดินทางของพวกเธอ
  • 16:06 - 16:09
    ถ้าหากเพื่อนร่วมห้องของดิฉันได้รู้เกี่ยวกับนอลลีวู้ด
  • 16:09 - 16:13
    ซึ่งเต็มไปด้วยคนช่างประดิษฐ์คิดค้น ผู้ซึ่งผลิตหนัง ท่ามกลางอุปสรรคทางเทคนิคมากมาย
  • 16:13 - 16:15
    ภาพยนต์ที่เป็นที่นิยมซะจนกระทั่ง
  • 16:15 - 16:17
    มันทำให้พวกเขาเป็นตัวอย่างที่ดีที่สุดจริงๆ
  • 16:17 - 16:20
    ของขาวไนจีเรียที่เสพสิ่งที่พวกเขาสร้าง
  • 16:20 - 16:23
    ถ้าหากเพื่อนร่วมห้องของดิฉันได้รู้เรื่องของคนถักเปียที่แสนทะเยอทะยานของดิฉัน
  • 16:23 - 16:27
    ผู้ซึ่งเพิ่งจะเริ่มต้นธุรกิจขายอุปกรณ์ต่อผมของเธอเอง
  • 16:27 - 16:29
    หรือเกี่ยวกับชาวไนจีเรียนับล้าน
  • 16:29 - 16:31
    ผู้ซึ่งเริ่มต้นธุรกิจและบางทีล้มเหลว
  • 16:31 - 16:35
    แต่ยังคงทำต่อเพื่อหล่อเลี้ยงความฝัน
  • 16:35 - 16:37
    ทุกๆครั้งที่ดิฉันอยู่ที่ประเทศดิฉัน ดิฉันต้องเผชิญกับ
  • 16:37 - 16:40
    สิ่งที่สร้้างความระคายเคืองสำหรับชาวไนจีเรียทั่วๆไป
  • 16:40 - 16:43
    โครงสร้างพื้นฐานที่ล้มเหลวของพวกเรา รัฐบาลที่ล้มเหลวของพวกเรา
  • 16:43 - 16:46
    แต่ดิฉันก็ได้เผชิิญกับความแข็งแกร่งอันน่าทึ่งของประชาชนผู้ซึ่ง
  • 16:46 - 16:49
    เจริญงอกงาม ทั้งๆที่รัฐบาลเป็นแบบนี้
  • 16:49 - 16:51
    ไม่ใช่เพราะรัฐบาลเป็นแบบนี้
  • 16:51 - 16:54
    ดิฉันสอนเวิร์คชอปการเขียนในลากอสทุกๆฤดูร้อน
  • 16:54 - 16:57
    และมันน่าตื่นตาตื่นใจสำหรับดิฉัน เวลาที่ได้เห็นจำนวนคนสมัคร
  • 16:57 - 17:00
    จำนวนคนที่กระตือรือร้นอยากจะเขียน
  • 17:00 - 17:02
    อยากจะเล่าเรื่องราวต่างๆ
  • 17:02 - 17:05
    ผู้จัดพิมพ์หนังสือชาวไนจีเรียนของดิฉันและตัวดิฉันได้ก่อตั้งองค์กรที่ไม่หวังผลกำไร
  • 17:05 - 17:07
    ชื่อ ฟาราฟินา ทรัสท์
  • 17:07 - 17:10
    และเรามีความฝันที่ยิ่งใหญ่ที่จะสร้างห้องสมุด
  • 17:10 - 17:12
    และปรับปรุงห้องสมุดหลายแห่งที่มีอยู่แล้ว
  • 17:12 - 17:15
    และให้หนังสือแก่โรงเรียนรัฐ
  • 17:15 - 17:17
    ซึ่งไม่มีอะไรเลยในห้องสมุดของพวกเขา
  • 17:17 - 17:19
    และเราก็มีความฝันที่จะจัดเวิร์คชอปมากมาย
  • 17:19 - 17:21
    เกี่ยวกับการอ่านและการเขียน
  • 17:21 - 17:24
    สำหรับคนทุกๆคนที่มีความกระหาย ที่จะเล่าเรื่องราวอันมากมายของพวกเรา
  • 17:24 - 17:26
    เรื่องเล่าสำคัญ
  • 17:26 - 17:28
    เรื่องเล่าจำนวนหลายๆเรื่องสำคัญ
  • 17:28 - 17:32
    เรื่องเล่าถูกใช้เพื่อขับไล่และใส่ร้าย
  • 17:32 - 17:36
    แต่เรื่องเล่ายังสามารถถูกนำมาสร้างพลัง และสร้างความเป็นมนุษย์
  • 17:36 - 17:39
    เรื่องเล่าสามารถทำลายศักดิ์ศรีของมนุษย์
  • 17:39 - 17:44
    แต่เรื่องเล่าก็สามารถซ่อมแซมศักดิ์ศรีที่แตกหักนั้นได้เช่นกัน
  • 17:44 - 17:46
    นักเขียนชาวอเมริกัน อลิซ วอล์คเกอร์ ได้เขียนสิ่งนี้ไว้
  • 17:46 - 17:48
    เกี่ยวกับญาติชาวใต้ของเธอ
  • 17:48 - 17:50
    ผู้ซึ่งย้ายมาทางเหนือ
  • 17:50 - 17:52
    เธอแนะนำหนังสือเล่มหนึ่งแก่พวกเขา
  • 17:52 - 17:55
    เป็นหนังสือเกี่ยวกับชีวิตชาวใต้ที่พวกเขาจากมา
  • 17:55 - 17:59
    "พวกเขานั่งล้อมวง อ่านหนังสือด้วยตัวพวกเขาเอง
  • 17:59 - 18:05
    ฟังฉันอ่านหนังสือ และสวรรค์แบบหนึ่งก็ได้หวนคืนมา"
  • 18:05 - 18:08
    ดิฉันอยากจะทิ้งท้ายด้วยความคิดนี้
  • 18:08 - 18:11
    เมื่อเราปฎิเสธเรื่องเล่าเพียงเรื่องเดียว
  • 18:11 - 18:14
    เมื่อเราตระหนักว่ามันไม่มีเรื่องเล่าเพียงเรื่องเดียว
  • 18:14 - 18:16
    เกี่ยวกับสถานที่ใดๆ
  • 18:16 - 18:18
    เราจะได้สวรรค์อย่างหนึ่งคืนมา
  • 18:18 - 18:20
    ขอบคุณค่ะ
  • 18:20 - 18:28
    (เสียงปรบมือ)
Title:
อันตรายจากเรื่องเล่าเพียงเรื่องเดียว
Speaker:
ชิมามันดา อาดิชี (Chimamanda Ngozi Adichie)
Description:

ชีวิตของเรา วัฒนธรรมของเรา ประกอบด้วยเรื่องเล่าหลายๆเรื่องซ้อนทับกัน นักแต่งนวนิยาย ชิมามันดา อาดิชี บอกเล่าเรื่องราวการค้นพบเสียงทางวัฒนธรรมอันแท้จริงของตัวเธอเอง และเตือนว่าถ้าพวกเราได้ยินเรื่องเล่าเพียงเรื่องเดียวเกี่ยวกับบุคคลอื่น หรือประเทศอื่น เราเสี่ยงต่อการเข้าใจผิดอย่างรุนแรง

more » « less
Video Language:
English
Team:
closed TED
Project:
TEDTalks
Duration:
18:29
Kelwalin Dhanasarnsombut edited Thai subtitles for The danger of a single story
Amitha Amranand added a translation

Thai subtitles

Revisions Compare revisions