-
Title:
แอรอน ฮิวอี: นักโทษสงครามชนพื้นเมืองอเมริกัน
-
Description:
ความพยายามของแอรอน ฮิวอีในการเก็บภาพความยากจนในสหรัฐอเมริกาได้นำพาเขาไปยังเขตสงวนไพน์ริดจ์ สถานที่ซึ่งการต่อสู้ดิ้นรนของชาวพื้นเมืองลาโกตาเป็นปัญหาที่น่าตกใจแต่ถูกปล่อยปละละเลย อันเป็นเหตุให้เขาต้องหันมาสนใจประเด็นดังกล่าว ผ่านไปห้าปีหลังจากการทำงาน ภาพถ่ายอันสะเทือนอารมณ์ได้รับการถักทอเข้ากับบทเรียนทางประวัติศาสตร์อันน่าตกใจ ถ่ายทอดมาในการบรรยายที่เข้มข้นและหาญกล้าใน TEDxDU.
-
Speaker:
แอรอน ฮิวอี
-
ผมมาที่นี่ในวันนี้เพื่อแสดงภาพถ่ายของชาวลาโกตา
-
หลายท่านในที่นี้อาจเคยได้ยินเรื่องราวของเผ่าลาโกตา
-
หรืออย่างน้อยก็เรื่องชนเผ่าขนาดใหญ่
-
ที่ชื่อเผ่าซู
-
ชาวลาโกตาเป็นหนึ่งในหลายชนเผ่า
ที่ต้องอพยพออกจากแผ่นดินตนเอง
-
ไปยังค่ายกักกันนักโทษสงคราม
-
ซึ่งปัจจุบันเรียกว่าเขตสงวน
-
ชื่อเต็มคือเขตสงวนไพน์ริดจ์
-
หัวข้อของสไลด์นำเสนอในวันนี้
-
ตั้งอยู่ห่าง 75 ไมล์ออกไปทางตะวันออกเฉียงใต้
-
ของเทือกเขาแบล็คฮิลในรัฐเซาท์ดาโกตา
-
ซึ่งบางครั้งก็ถูกเรียกว่า
-
ค่ายกักกันนักโทษสงครามหมายเลข 334
-
และเป็นที่ที่ชาวลาโกตาอาศัยอยู่ในปัจจุบัน
-
ถ้ามีใครในที่นี้เคยได้ยินชื่อ AIM
-
ขบวนการอเมริกันอินเดียน
-
หรือรัสเซลล์ มีนส์
-
หรือลีโอนาร์ด เพลทิเอร์
-
หรือการเผชิญหน้ารับศึกที่โอกลาลา
-
ถ้าอย่างนั้นคุณคงทราบว่าไพน์ริดจ์เป็นจุดเกิดเหตุ
-
ของเรื่องราวต่างๆที่เกิดขึ้นกับชาวอเมริกันพื้นเมือง
-
วันนี้ผมเลยได้รับเชิญมาพูดอะไรเล็กน้อย
¶
-
เรื่องความสัมพันธ์ของผมกับชาวลาโกตา
-
ซึ่งเป็นเรื่องที่ยากมากเรื่องหนึ่ง
-
เพราะว่า หากคุณได้สังเกตสีผิวของผม
-
ผมเป็นคนขาว
-
ซึ่งนับเป็นอุปสรรคชิ้นใหญ่
ซึ่งขวางกั้นเขตสงวนชนพื้นเมืองอยู่
-
วันนี้ คุณจะได้เห็นผู้คนมากมายในภาพถ่ายของผม
-
ผมสนิทกับพวกเขามาก
พวกเขาต้อนรับผมดีเหมือนเป็นคนในครอบครัว
-
พวกเขาเรียกผมว่า "พี่ชาย" หรือว่า "ลุง"
-
และเชิญผมไปบ้านซ้ำแล้วซ้ำอีกตลอดเวลาห้าปี
-
แต่ว่าที่ไพน์ริดจ์
-
ผมยังเป็นคนที่ถูกเรียกว่า "วาชิชู" เสมอ
-
"วาชิชู" เป็นภาษาลาโกตา
-
ซึ่งหมายถึง "คนที่ไม่ใช่ชาวอินเดียน"
-
แต่อีกความหมายหนึ่งของคำนี้
-
หมายถึง "คนที่เก็บเนื้อส่วนที่ดีที่สุดไว้กับตัว"
-
ซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่ผมอยากจะเน้นย้ำ
-
คนที่เก็บเนื้อส่วนที่ดีที่สุดไว้กับตัว
-
หมายถึง คนโลภ
-
ลองมองไปรอบๆห้องบรรยายในวันนี้สิครับ
-
เราอยู่กันที่โรงเรียนเอกชนทางตะวันตกของสหรัฐอเมริกา
-
นั่งบนเก้าอี้กำมะหยี่สีแดง
-
มีเงินพกอยู่ในกระเป๋า
-
ถ้าเราลองมองชีวิตตัวเอง
-
แท้จริงแล้วเราได้ชิงเอา
-
เนื้อส่วนที่ดีที่สุดมาไว้กับตัว
-
เพราะอย่างนั้น วันนี้ขอให้มาชมชุดภาพถ่าย
-
ของผู้คนที่ต้องสูญเสีย
-
เพื่อให้เราเป็นผู้ได้มา
-
โปรดระลึกว่าเมื่อคุณมองที่ใบหน้าของผู้คนเหล่านี้
-
นี่ไม่ใช่เพียงภาพของชาวลาโกตาเท่านั้น
-
แต่พวกเขายังสะท้อนภาพของชาวพื้นเมืองทั้งหมด
-
-
คือประวัติศาสตร์ในแบบที่ผมได้เรียนรู้
-
จากเพื่อนและครอบครัวชาวลาโกตา
-
ต่อไปนี้เป็นประวัติศาสตร์เรียงตามลำดับเวลา
-
ของการทำสนธิสัญญา การละเมิดสนธิสัญญา
-
และการสังหารหมู่ที่ถูกฉาบหน้าด้วยภาพของสงคราม
-
ผมจะเริ่มจากปี ค.ศ. 1824
-
หน่วยงานที่เป็นที่รู้จักกันในชื่อ
สำนักจัดการด้านชนพื้นเมือง
-
ได้รับการจัดตั้งขึ้นในกองทัพบก
-
เป็นจุดเริ่มต้นของบรรยากาศการใช้ความรุนเรง
-
ในการติดต่อเจรจากับชาวอเมริกันพื้นเมือง
-
ปี ค.ศ. 1851
-
สนธิสัญญาค่ายลารามี
ฉบับแรกก็ได้รับการยกร่าง
-
เป็นการระบุขอบเขตดินแดน
ของชาติลาโกตาอย่างชัดแจ้ง
-
ข้อความตามสนธิสัญญา
-
ระบุให้ดินแดนดังกล่าวเป็นรัฐเอกราช
-
หากข้อตกลงในสนธิสัญญาได้รับการปฏิบัติตาม
-
และมีกฎหมายรับรองข้อความตามสนธิสัญญา
-
เช่นนั้น หน้าตาของสหรัฐอเมริกาจะเป็นเช่นนี้ในวันนี้
-
10 ปีจากนั้น
-
พระราชบัญญัติโฮมสเตด
ลงนามโดยประธานาธิบดีลินคอล์น
-
ส่งผลให้คนขาวไหลบ่าเข้าไป
ตั้งรกรากในดินแดนชาวพื้นเมือง
-
ปี ค.ศ. 1863
-
การลุกฮือของชนเผ่าซูแถบซานตีในมินนิโซตา
-
ปิดฉากลงด้วยการแขวนคอชาวซู 38 ราย
-
เป็นการประหารชีวิตครั้งใหญ่ที่สุด
ในประวัติศาสตร์สหรัฐอเมริกา
-
การประหารครั้งนั้นได้รับคำสั่งจากประธานาธิบดีลินคอล์น
-
เหตุการณ์เกิดขึ้นเพียงสองวัน
-
ถัดจากการลงนามในประกาศเลิกทาส
-
ปี ค.ศ. 1866 ปีแห่งการเริ่มต้นสร้างทางรถไฟข้ามทวีป
¶
-
ศักราชใหม่
-
เราจัดสรรที่ดินเพื่อสร้างทางรถไฟ
-
โดยการตัดเข้าไปยังใจกลางของชาติลาโกตา
-
สนธิสัญญาจึงถูกฉีกทิ้ง
-
เพื่อเป็นการตอบโต้ ชาวพื้นเมืองสามชนเผ่า
นำโดยหัวหน้าเรดคลาวด์
-
ได้โจมตีและเอาชนะกองทัพสหรัฐฯได้หลายครั้ง
-
ผมอยากย้ำอีกครั้ง
-
ชาวลาโกตาเอาชนะกองทัพสหรัฐฯได้
-
ปี ค.ศ. 1868 สนธิสัญญาค่ายลารามีฉบับที่สอง
-
ระบุชัดแจ้งถึงอำนาจอธิปไตยของชาติชนเผ่าซู
-
และความเป็นเจ้าของเทือกเขา
แบล็คฮิลศักดิ์สิทธิ์ของชาวลาโกตา
-
รัฐบาลยังรับรองกรรมสิทธิ์ในที่ดิน
และสิทธิในการล่าสัตว์
-
บริเวณรัฐแวดล้อมด้วย
-
เราสัญญาว่าบริเวณลุ่มน้ำพาวเดอร์
-
จะปราศจากคนขาวนับจากวันที่ประกาศ
-
สนธิสัญญานั้นเป็นชัยชนะที่สวยงามหมดจด
-
สำหรับเรดคลาวด์และชาวซู
-
ที่จริง สงครามดังกล่าวเป็นครั้งเดียวในประวัติศาสตร์
-
ที่รัฐบาลขอเจรจาสงบศึก
-
โดยยอมรับข้อเสนอทุกอย่างจากฝ่ายตรงข้าม
-
-
การสร้างทางรถไฟข้ามทวีปเสร็จสมบูรณ์
-
และสิ่งหนึ่งที่มาพร้อมกับทางรถไฟ
คือกลุ่มคนล่าสัตว์กลุ่มใหญ่
-
ผู้ออกล่าควายป่าครั้งใหญ่
-
ทำลายแหล่งอาหาร เครื่องนุ่งห่ม
และที่อยู่อาศัยของชาวซู
-
ปี ค.ศ. 1871
-
พระราชบัญญัติอินเดียนแอพโพรพริเอชัน
-
ทำให้ชาวอเมริกันอินเดียนทุกคน
อยู่ใต้ความคุ้มครองของรัฐบาลกลาง
-
นอกจากนี้ กองทัพยังออกคำสั่ง
-
ไม่ให้ชาวอเมริกันอินเดียนแถบตะวันตกออกจากเขตสงวน
-
ชาวอเมริกันอินเดียนทุกคนในแถบตะวันตก ณ ตอนนั้น
-
ได้กลายเป็นนักโทษสงคราม
-
ในปี ค.ศ. 1871 เช่นเดียวกัน
-
เป็นช่วงเวลาสิ้นสุดการทำสนธิสัญญา
-
ปัญหาของสนธิสัญญาคือ ได้มอบสถานะ
ให้ชนเผ่าต่างๆมีฐานะเทียบเท่ารัฐเอกราช
-
ซึ่งเรายอมไม่ได้
-
เรามีแผนการ
-
-
นายพลจอร์จ คัสเตอร์ประกาศถึง
การขุดพบทองคำในดินแดนลาโกตา
-
โดยเฉพาะแทบเทือกเขาแบล็กฮิล
-
ข่าวเรื่องทองคำส่งผลให้คนขาวจำนวนมาก
อพยพเข้าไปตั้งรกราก
-
ในชาติลาโกตา
-
นายพลคัสเตอร์เสนอให้รัฐสภาหาหนทาง
-
ยุติสนธิสัญญากับชาวลาโกตา
-
ให้เร็วที่สุด
-
ปี ค.ศ. 1875 สงครามลาโกตาเริ่มต้นขึ้น
-
เนื่องจากการละเมิดข้อตกลงในสนธิสัญญาค่ายลารามี
-
ปี ค.ศ. 1876
-
วันที่ 26 กรกฎาคม
-
ระหว่างการเดินทางไปโจมตีหมู่บ้านลาโกตา
-
กองทหารม้าที่ 7 ของคัสเตอร์โดนถล่มราบคาบ
-
ที่สมรภูมิลิตเติลบิ๊กฮอร์น
-
ปี ค.ศ. 1877
-
นักรบชาวลาโกตาและหัวหน้าเครซีฮอร์ส
-
ยอมจำนนที่ค่ายโรบินสัน
-
เวลาต่อมา เขาถูกสังหารระหว่างที่ถูกคุมขัง
-
ปี ค.ศ. 1877 ยังเป็นปีที่เราพบวิธี
-
การหลีกเลี่ยงไม่ปฏิบัติตามสนธิสัญญาค่ายลารามี
-
มีการเสนอข้อตกลงใหม่ต่อหัวหน้าเผ่าซูและผู้นำอื่นๆ
-
ภายใต้แคมเปญว่า "ยอมขายหรืออดตาย"
-
จงลงนามในสัญญา ไม่เช่นนั้นก็ไม่มีอาหารให้คนในเผ่า
-
ประชากรชายเพียงร้อยละ 10 ลงนามในสัญญา
-
สนธิสัญญาค่ายลารามี
-
ระบุให้ต้องมีสมาชิกในเผ่าจำนวนสามในสี่ลงนาม
-
จึงจะถือเป็นการโอนกรรมสิทธิ์ในที่ดิน
-
ข้อตกลงในสนธิสัญญาจึงถูกละเลย
-
ปี ค.ศ. 1887 พระราชบัญญัติดอส์
¶
-
การถือกรรมสิทธิ์ร่วมกันบนพื้นที่เขตสงวนสิ้นสุดลง
-
เขตสงวนถูกตัดแบ่งเป็นผืนขนาด 0.65 ตร.กม.
-
แต่ละผืนแจกจ่ายให้ชาวพื้นเมืองแต่ละคน
-
ส่วนที่เหลือจากการจัดสรรก็ตกเป็นของรัฐ
-
เผ่าสูญเสียที่ดินหลายแสนตารางกิโลเมตร
-
ความฝันแบบอเมริกัน
ในการเป็นเจ้าของที่ดินส่วนตัว
-
กลายเป็นวิธีการอันชาญฉลาด
-
ในการแบ่งพื้นที่เขตสงวน
จนไม่หลงเหลืออะไรไว้
-
การเปลี่ยนแปลงครั้งดังกล่าวทำลายเขตสงวนลง
-
ทำให้การแบ่งพื้นที่เพื่อนำไปขายทำได้ง่ายขึ้น
-
เมื่อผ่านไปแต่ละรุ่น
-
พื้นที่ส่วนใหญ่ที่เหลือจากการจัดสรร
-
และที่ดินที่แบ่งแล้วในพื้นที่เขตสงวนหลายแปลง
-
ปัจจุบันนี้ตกเป็นของ
เจ้าของฟาร์มปศุสัตว์ซึ่งเป็นคนขาว
-
อีกครั้งหนึ่ง ที่ดินผืนใหญ่ที่อุดมสมบูรณ์
ตกเป็นของวาชิชู
-
ปี ค.ศ. 1890 วันที่ผมเชื่อว่าเป็น
¶
-
วันที่สำคัญที่สุดในสไลด์โชว์นี้
-
นี่คือปีที่มีการสังหารหมู่ที่วูนเด็ดนี
-
วันที่ 29 ธันวาคม
-
กองกำลังสหรัฐฯล้อมค่ายของชาวซูไว้
ที่บริเวณวูนเด็ดนีครีก
-
และสังหารหัวหน้าบิ๊กฟุต
-
พร้อมนักโทษสงคราม 300 ราย
-
โดยใช้อาวุธปืนยิงรัว
-
ยิงกระสุนระเบิด
-
จากปืนที่เรียกว่าปืนใหญ่ฮ็อชคิส
-
ฉากที่เรียกกันว่า "สงคราม" นี้
-
มีการมอบเหรียญกล้าหาญจากรัฐสภา 20 เหรียญ
-
ให้กองทหารม้าที่ 7
-
จวบจนทุกวันนี้
-
ครั้งนั้นนับเป็นเหรียญกล้าหาญที่มากที่สุด
-
ที่ได้มอบให้ในสงครามๆเดียว
-
มีการมอบเหรียญกล้าหาญมากมาย
-
ให้กับการสังหารผู้หญิงและเด็กอย่างไม่เลือกปฏิบัติ
-
มากกว่าที่พบในสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง
-
สงครามโลกครั้งที่สอง
-
สงครามเกาหลี สงครามเวียดนาม
-
อิรักหรืออัฟกานิสถาน
-
การสังหารหมู่ที่วูนเด็ดนี
-
นับเป็นการสิ้นสุดของสงครามกับชนพื้นเมือง
-
เมื่อไรก็ตามที่ผมไปยังจุด
-
ที่เป็นสุสานหมู่แห่งวูนเด็ดนี
-
ผมมองเห็นไม่ใช่แค่หลุมศพ
-
สำหรับชาวลาโกตาหรือชาวซู
-
แต่เป็นหลุมศพของชาวพื้นเมืองทั้งหมด
-
แบล็คเอลค์ บุคคลศักดิ์สิทธิ์กล่าวไว้ว่า
¶
-
"ณ ตอนนั้น ข้าไม่รู้
-
ว่าชีวิตถูกพรากไปเท่าใด
-
แต่เมื่อมองย้อนกลับไป
-
จากยอดเขาสูงแห่งวัยชรา
-
ข้ายังเห็นชีวิตสตรีและเด็กที่ถูกคร่า
-
ทั้งกองสูงและกระจัดกระจาย
-
ตลอดสายธารที่คดเคี้ยวนั้น
-
ภาพนั้นยังประจักษ์ชัดดุจเดียวกับ
-
ภาพที่มองด้วยสายตาในวัยหนุ่ม
-
และข้าเห็นว่ามีบางสิ่งสูญสิ้นไปกับธุลีที่เปื้อนโลหิต
-
ถูกกลบอยู่ใต้พายุหิมะ
-
ความฝันของชนชาติได้สูญสิ้นไป ณ ที่นั้น
-
ซึ่งฝันนั้นเป็นฝันอันงดงาม"
-
-
ก่อให้เกิดศักราชใหม่ในประวัติศาสตร์ชนพื้นเมือง
-
ทุกอย่างถูกวัดค่าตีราคาได้
-
ทั้งก่อนเหตุการณ์วูนเด็ดนีและหลังจากนั้น
-
เพราะว่าเป็นชั่วขณะนั้นเอง
-
ที่นิ้วจ่ออยู่ที่ไกของปืนฮ็อชคิส
-
ที่รัฐบาลสหรัฐฯประกาศ
สิทธิของชนพื้นเมืองอย่างชัดแจ้ง
-
พวกเขารู้สึกเหนื่อยกับสนธิสัญญา
-
พวกเขาเหนื่อยกับเทือกเขาศักดิ์สิทธิ์
-
เหนื่อยกับพิธีกรรมการร่ายรำ
-
และยังเหนื่อยกับความยุ่งยากต่างๆที่เกิดกับชาวซู
-
พวกเขาเลยขนปืนใหญ่มา
-
"ยังอยากเป็นชาวพื้นเมืองอยู่ไหม" พวกเขาถาม
-
มือเหนี่ยวไกปืน
-
ปี ค.ศ. 1900
-
ประชากรชาวอเมริกันอินเดียนมีจำนวนลดลง
-
เหลือ 250,000 คน
-
เทียบกับจำนวนประชากรราวแปดล้าน
-
ในปี ค.ศ. 1492
-
-
ปี ค.ศ. 1980
-
คดีที่ยาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์สหรัฐอเมริกา
-
ระหว่างชนพื้นเมืองเผ่าซู โจทก์
และสหรัฐอเมริกา จำเลย
-
ได้รับการพิจารณาโดยศาลสูงสหรัฐฯ
-
ศาลวินิจฉัยว่า เมื่อชาวซูกลับเข้าไป
ตั้งรกรากในเขตสงวนอีกครั้ง
-
และที่ดินของชาวซูราวสามหมื่นตารางกิโลเมตร
-
ก็เปิดให้คนเข้าไปสำรวจและตั้งรกราก
-
ในการนี้ ข้อตกลงในสนธิสัญญาค่ายลารามีฉบับที่สอง
-
ถูกละเมิด
-
ศาลระบุว่า
-
เทือกเขาแบล็คฮิลถูกแย่งชิงไปโดยผิดกฎหมาย
-
และราคาตั้งต้นของที่ดินรวมกับอัตราดอกเบี้ย
-
ให้จ่ายให้กับชาวพื้นเมืองเผ่าซู
-
เพื่อเป็นการจ่ายเงินชดเชยให้ชาวซู
-
ศาลสั่งให้จ่ายเงินจำนวนเพียง 106 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
-
แก่ประชาชนชาวซู
-
ชาวซูปฏิเสธเงินและเริ่มรณรงค์ในแคมเปญ
-
"เทือกเขาแบล็คฮิลไม่ได้มีไว้จำหน่าย"
-
-
สถิติเกี่ยวกับชาวพื้นเมืองในวันนี้
-
ผ่านไปกว่าหนึ่งศตวรรษหลังจาก
เหตุการณ์สังหารหมู่ที่วูนเด็ดนี
-
แสดงให้เห็นถึงมรดกที่ตกทอดมาจากการยึดครอง
-
การบังคับให้อพยพย้ายถิ่น
-
และการละเมิดข้อตกลงในสนธิสัญญา
-
อัตราการว่างงานในเขตสงวนไพน์ริดจ์
-
แปรไปมาระหว่างร้อยละ 85 ถึง 90
-
สำนักพัฒนาที่อยู่อาศัยไม่สามารถก่อสร้างอะไรเพิ่มเติมได้
-
ส่วนสิ่งก่อสร้างที่มีอยู่ก็ค่อยๆพังทลายลง
-
หลายคนกลายเป็นคนไร้บ้าน
-
ส่วนผู้ที่มีบ้านก็แออัดยัดเยียด
อยู่ในอาคารที่ส่งกลิ่นเหม็น
-
บ้างอยู่รวมกันถึงห้าครอบครัว
-
บ้านในเขตไพน์ริดจ์ถึงร้อยละ 39
-
ไม่มีไฟฟ้าใช้
-
และบ้านในเขตไพน์ริดจ์อย่างน้อยร้อยละ 60
-
ก็ถูกรบกวนจากเชื้อราดำ
-
ประชากรกว่าร้อยละ 90
-
มีชีวิตอยู่ใต้เส้นแบ่งระดับความยากจนที่รัฐระบุไว้
-
อัตราของผู้ป่วยวัณโรคในเขตไพน์ริดจ์
-
สูงกว่าค่าเฉลี่ยที่สหรัฐฯระบุไว้ประมาณแปดเท่า
-
อัตราตายของทารก
-
สูงที่สุดในทวีปนี้
-
และสูงกว่าค่าเฉลี่ยที่สหรัฐฯระบุไว้ประมาณสามเท่า
-
อัตราการเป็นมะเร็งปากมดลูกสูงเป็นห้าเท่า
-
ของค่าเฉลี่ยที่สหรัฐฯระบุไว้
-
อัตราการออกจากโรงเรียนสูงถึงร้อยละ 70
-
อัตราการลาออกของครู
-
สูงกว่าค่าเฉลี่ยที่รัฐระบุไว้แปดเท่า
-
บ่อยครั้ง ที่พบว่าปู่ย่าตายายเป็นผู้เลี้ยงดูหลานๆ
-
เพราะว่าพ่อแม่ เนื่องจากการติดสุรา
-
การใช้ความรุนแรงในครอบครัว
และความไม่เอาใจใส่
-
ทำให้พวกเขาเลี้ยงดูลูกไม่ได้
-
ประชากรอายุกว่า 40 ปีจำนวนร้อยละ 50
-
ทุกข์ทรมานจากโรคเบาหวาน
-
อายุคาดเฉลี่ยของชาย
-
อยู่ระหว่าง 46 ปี
-
ถึง 48 ปี
-
ซึ่งเท่ากับ
-
ค่าเฉลี่ยในประเทศอัฟกานิสถานและโซมาเลีย
-
บทส่งท้ายของการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ที่ประสบความสำเร็จ
¶
-
คือการที่ผู้กดขี่
-
สามารถถอนมือออกมาและพูดได้ว่า
-
"ให้ตายสิ ดูว่าคนพวกนี้ทำอะไรกับตัวเอง
-
พวกเขาฆ่ากันเอง
-
พวกเขาฆ่าคนชาติเดียวกันเอง
-
ในขณะที่เรามองพวกเขาค่อยๆตาย"
-
นี่เป็นวิธีที่เราจับจองสหรัฐอเมริกาเป็นเจ้าของ
-
นี่เป็นมรดก
-
ของปรัชญาเทพลิขิต
-
นักโทษยังคงถือกำเนิด
-
ในค่ายของนักโทษสงคราม
-
เกิดขึ้นต่อเนื่องยาวนานแม้จะไม่มีผู้คุมแล้ว
-
นี่คือกระดูกที่เหลือ
-
หลังจากเนื้อส่วนที่ดีที่สุดถูกชิงไป
-
นานมาแล้ว
-
เหตุการณ์เหล่านี้ได้เกิดขึ้นต่อเนื่องกัน
-
โดยมีที่มาจากคนที่ดูเหมือนผม โดยวาชิชู
-
ผู้กระหายอยากได้ที่ดิน น้ำ
-
และทองคำในหุบเขา
-
เหตุการณ์เหล่านั้นก่อให้เกิดผลกระทบแบบโดมิโน
-
ที่สืบเนื่องยาวนานและยังไม่จบสิ้น
-
ความเป็นชาติมหาอำนาจของเรา
อาจทำให้เรารู้สึกไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง
¶
-
กับการสังหารหมู่ในปี ค.ศ. 1890
-
หรือการละเมิดข้อตกลงในสนธิสัญญาหลายคราว
เมื่อ 150 ปีก่อน
-
ผมยังต้องตั้งคำถามคุณ
-
ว่าคุณรู้สึกอย่างไรกับค่าสถิติทุกวันนี้
-
อะไรคือความเชื่อมโยง
-
ระหว่างภาพความทุกข์ทรมานเหล่านี้
-
กับประวัติศาสตร์ที่ผมเพิ่งอ่านให้คุณฟัง
-
และประวัติศาสตร์เหล่านี้จำนวนมากน้อยแค่ไหน
-
ที่คุณรู้สึกว่าตนเป็นเจ้าของ
-
มีสิ่งใดไหมที่คุณคิดว่าเป็น
ความรับผิดชอบของคุณในปัจจุบัน
-
ผมได้รับการบอกเล่าว่า ต้องมีอะไรบ้างที่เราทำได้
-
น่าจะมีการกระตุ้นเตือนให้คนรู้สึกมีส่วนร่วม
-
เนื่องจากผมยืนอยู่ขอบสนามมายาวนานแล้ว
-
พอใจกับการเป็นผู้เฝ้าดู
-
ทำเพียงแค่ถ่ายภาพ
-
เนื่องจากหนทางแก้ไขดูจะอยู่ไกลไปในอดีต
-
ผมไม่ต้องการอะไรมากไปกว่าเครื่องย้อนเวลา
-
เพื่อให้กลับไปแก้ไขได้
-
ความทุกข์ทรมานของชนพื้นเมือง
¶
-
ไม่ใช่เรื่องที่จะแก้ไขได้ง่าย
-
ไม่ใช่เรื่องที่ทุกคนจะช่วยเหลือได้
-
ด้วยวิธีการที่เราช่วยเหลือประเทศไฮติ
-
หรือหยุดโรคเอดส์ หรือต่อสู้กับความยากจน
-
คำว่า "การแก้ไข" ที่เราใช้นี้
-
อาจเป็นเรื่องยากสำหรับชาติมหาอำนาจ
-
มากกว่าแค่การจ่ายเช็ค 50 ดอลลาร์สหรัฐฯ
-
หรือการเดินทางเพื่อการกุศล
-
ไปทาสีบ้านที่เปื้อนสีสเปรย์
-
หรือครอบครัวที่อาศัยย่านชานเมือง
-
บริจาคเสื้อผ้าที่พวกเขาไม่ต้องการแล้วกล่องหนึ่ง
-
อย่างนั้นเราจะทำอะไรได้
-
แค่ยักไหล่อยู่ในความมืดอย่างนั้นหรือ
-
-
ยังคงดำเนินการอย่างต่อเนื่อง
-
ที่จะละเมิดข้อตกลง
-
ที่ทำขึ้นในปี ค.ศ. 1851 และปี ค.ศ. 1868
-
ในสนธิสัญญาค่ายลารามีที่ทำขึ้นกับชาวลาโกตา
-
การกระตุ้นเตือนที่ผมอยากนำเสนอในวันนี้
-
ความประสงค์จาก TED คือสิ่งนี้
-
เคารพสนธิสัญญา
-
คืนแบล็คฮิลกลับไป
-
ไม่ใช่เรื่องของเราว่าเขาจะเอาไปทำอะไร
-