จำเป็นจะต้องมีการสะกดคำใหม่หรือไม่|การินา กาลเปริน (Karina Galperin) |TEDxRiodelaPlata
-
0:10 - 0:15เราเสียเวลาในโรงเรียนไปมาก
เพื่อเรียนรู้เรื่องการสะกดคำ -
0:15 - 0:21เด็ก ๆ ในโรงเรียน
ก็ยังคงเสียเวลาไปมากกับการสะกดคำ -
0:22 - 0:26ดังนั้น ฉันจึงอยากแบ่งปันคำถามหนึ่ง
กับพวกคุณซึ่งก็คือ -
0:27 - 0:31"จำเป็นจะต้องมี
การสะกดคำใหม่หรือไม่" -
0:31 - 0:33ฉันเชื่อว่าคำตอบคือใช่ มันจำเป็นต้องมี
-
0:33 - 0:38หรือจะให้ดีกว่านั้น ฉันเชื่อว่าเราต้องทำให้
การสะกดคำที่เรามีอยู่แล้วให้ง่ายขึ้น -
0:38 - 0:43ทั้งคำถามและคำตอบนี้
ไม่ได้เป็นเรื่องใหม่ในภาษาสเปนเลย -
0:43 - 0:47นี่เป็นเรื่องที่ถูกหยิบยกขึ้นมา
ครั้งแล้วครั้งเล่าตลอดหลายศตวรรษ -
0:47 - 0:52ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1492 ในหลักไวยากรณ์แรก
ของภาษาสเปน -
0:52 - 0:58แอนโตนิโอ เด เนบริฆา บัญญัติหลักการสะกดคำ
ของเราไว้อย่างชัดเจนและเรียบง่ายว่า -
0:58 - 1:01"ด้วยเหตุนี้ เราต้องเขียนอย่างที่เราออกเสียง
-
1:01 - 1:04และออกเสียงอย่างที่เราเขียน"
-
1:04 - 1:07แต่ละเสียงควรถูกแทนด้วยหนึ่งตัวอักษร
-
1:07 - 1:10และแต่ละตัวอักษรควรเป็นตัวแทน
ของเสียงเดียวเท่านั้น -
1:10 - 1:15และตัวอักษรที่ไม่ได้แทนเสียงใด ๆ
ก็ควรถูกตัดทิ้งไป -
1:17 - 1:19กฎเกณฑ์นี้ กฎเกณฑ์ทางสัทศาสตร์
-
1:19 - 1:23- ที่บอกว่าเราต้องเขียนตามที่เราออกเสียง -
-
1:23 - 1:27ทั้งมีอยู่ และไม่มีอยู่ ในรากฐาน
ของการสะกดคำที่เราใช้กันอยู่ทุกวันนี้ -
1:28 - 1:32ที่มีอยู่เพราะว่าภาษาสเปนต่างจากภาษาอื่น ๆ
-
1:32 - 1:34อย่างภาษาอังกฤษหรือภาษาฝรั่งเศส
-
1:34 - 1:36ที่ต่อต้านอย่างหนักเสมอมา
-
1:36 - 1:41ต่อการเขียนที่แตกต่าง
จากการออกเสียงมากเกินไป -
1:41 - 1:44แต่กฎเกณฑ์ที่ว่าไม่มีอยู่
เพราะเมื่อคริสต์ศตวรรษที่ 18 -
1:44 - 1:47มีการตัดสินใจว่าจะทำให้การเขียน
ของพวกเราเป็นแบบแผนเดียวกันอย่างไร -
1:47 - 1:52ยังมีอีกกฎเกณฑ์หนึ่ง
ที่ชี้นำส่วนสำคัญในการตัดสินใจ -
1:52 - 1:55กฎเกณฑ์อื่นที่ว่า คือ นิรุกติศาสตร์
-
1:55 - 1:57ซึ่งบอกว่าเราจะต้องเขียน
-
1:57 - 2:00ตามที่คำดั้งเดิมในภาษาต้นกำเนิดนั้น ๆ
-
2:00 - 2:02ในภาษาละติน ในภาษากรีก เป็นต้น
-
2:02 - 2:06และด้วยเหตุนี้ เราจึงมีตัว H ที่ไม่ได้แทนเสียงใด ๆ
ซึ่งเราเขียน แต่เราไม่ได้ออกเสียง -
2:06 - 2:10
ด้วยเหตุนี้ เราจึงมีทั้งตัว B และตัว V -
2:10 - 2:12ซึ่งตรงข้ามกับที่คนส่วนใหญ่เชื่อกัน
-
2:12 - 2:15การออกเสียงตัวอักษรทั้งสองในภาษาสเปน
ไม่เคยแตกต่างกันเลย -
2:16 - 2:20ด้วยเหตุนี้ เราจึงมีตัว G ที่มีเสียงหนัก
อย่างคำว่า "gente" (เฆนเต) -
2:20 - 2:23และบางครั้งก็ออกเสียงอ่อน
อย่างคำว่า "gato" (กาโต) -
2:23 - 2:26ด้วยเหตุนี้ เราจึงมี C, S และ Z
-
2:27 - 2:31ตัวอักษรทั้งสามที่ในบางพื้นที่แทนเสียงเดียว
-
2:31 - 2:33และในพื้นที่อื่น ๆ ก็สองเสียง
แต่ไม่มีที่ใดที่แทนสามเสียง -
2:35 - 2:37ฉันไม่ได้จะมาเล่าอะไร
-
2:37 - 2:40ที่พวกคุณไม่รู้จากประสบการณ์ของตัวเอง
-
2:40 - 2:43พวกเราทุกคนต่างก็ไปโรงเรียน
-
2:43 - 2:48พวกเราทุกคนลงทุนเวลามากมาย
ไปกับการเรียนรู้ -
2:48 - 2:53เวลามากมายของสมอง
ที่ปั้นแต่งได้และเยาว์วัย -
2:53 - 2:55ถูกใช้ไปกับการเขียนตามคำบอก
-
2:55 - 3:00กับการท่องจำหลักการสะกดคำ
ที่อย่างไรก็ดี เต็มไปด้วยข้อยกเว้น -
3:00 - 3:04พวกเราถูกถ่ายทอดความคิดในหลายรูปแบบ
ทั้งโดยตรงและโดยนัยว่า -
3:04 - 3:06การสะกดคำนั้น
-
3:06 - 3:10มีบทบาทระดับฐานรากบางอย่าง
ในการศึกษาของพวกเรา -
3:11 - 3:13อย่างไรก็ตาม ฉันมีความรู้สึก
-
3:13 - 3:17ว่าเหล่าครูบาอาจารย์ไม่ได้ตั้งคำถามกับตัวเอง
ว่าทำไมมันถึงได้สำคัญนัก -
3:17 - 3:20รวมไปถึง การไม่ได้ตั้งคำถาม
ที่มีมาก่อนหน้านั้นว่า -
3:20 - 3:22การสะกดคำทำหน้าที่อะไร
-
3:23 - 3:26การสะกดคำมีไว้ทำไม
-
3:28 - 3:30และความจริงก็คือ เมื่อมีใครตั้งคำถามนี้
-
3:30 - 3:34คำตอบที่ได้ก็ค่อนข้างจะเรียบง่าย
และไม่ได้ก้าวพ้นไป -
3:34 - 3:36จากสิ่งที่มักจะเชื่อกัน
-
3:36 - 3:40การสะกดคำมีไว้
เพื่อทำให้การเขียนมีรูปแบบเดียว -
3:41 - 3:43เพื่อให้พวกเราทุกคนเขียนเหมือนกันหมด
-
3:43 - 3:47ดังนั้น มันจึงง่ายกว่าสำหรับพวกเรา
ที่จะเข้าใจเมื่อพวกเราอ่านกัน -
3:48 - 3:51ทว่า ตรงกันข้ามกับแง่มุมอื่น ๆ ของภาษา
-
3:51 - 3:53อย่างเช่นการใช้เครื่องหมายวรรคตอน
-
3:53 - 3:59การสะกดคำไม่สามารถให้การแสดงออกใด ๆ
ที่เกี่ยวข้องได้ -
3:59 - 4:01แต่เครื่องหมายวรรคตอน ทำได้
-
4:02 - 4:06ด้วยเครื่องหมายวรรคตอน ฉันสามารถ
เลือกเปลี่ยนตามความหมายของประโยค -
4:06 - 4:07ด้วยเครื่องหมายวรรคตอน
-
4:07 - 4:11ฉันสามารถกำหนดจังหวะเฉพาะ
ลงไปในสิ่งที่ฉันกำลังเขียน -
4:11 - 4:14แต่กับการสะกดคำแล้ว มันทำไม่ได้
-
4:14 - 4:17การสะกดคำ มีแต่ถูกหรือผิด
-
4:17 - 4:20อยู่ที่ว่ามันเป็นไปตามกฎเกณฑ์ในปัจจุบันหรือไม่
-
4:21 - 4:22ดังนั้นแล้ว
-
4:22 - 4:26มันจะไม่สมเหตุสมผลเหตุผลมากกว่าหรือ
ที่จะทำให้กฎเกณฑ์ในปัจจุบันเรียบง่ายขึ้น -
4:26 - 4:32เพื่อให้การสอน การเรียน
และการสะกดคำอย่างถูกต้องทำได้ง่ายขึ้น -
4:33 - 4:37มันจะไม่สมเหตุสมเหตุผลมากกว่าหรือ
ที่เราจะทำให้กฎเกณฑ์ในปัจจุบันเรียบง่ายขึ้น -
4:37 - 4:39เพื่อเวลาทั้งหมด
-
4:39 - 4:43ที่ทุกวันนี้เราเสียไปกับการสอนการสะกดคำ
-
4:43 - 4:46จะถูกนำไปใช้กับแง่มุมอื่น ๆ ของภาษา
-
4:46 - 4:50ที่ความสลับซับซ้อนสมควรได้รับเวลา
และการลงทุนลงแรง -
4:52 - 4:57สิ่งที่ฉันเสนอ ไม่ใช่การล้มล้างอักขรวิธี
-
4:57 - 5:01ไม่ใช่ว่าใครจะเขียนแบบไหนตามใจก็ได้
-
5:01 - 5:05ภาษาเป็นเครื่องมือที่เราใช้งานร่วมกัน
-
5:05 - 5:06และดังนั้น
-
5:06 - 5:10ฉันคิดว่า มันเป็นเรื่องจำเป็น
ที่เราจะต้องยึดหลักเกณฑ์ร่วมกัน -
5:11 - 5:13แต่ฉันก็คิดว่าเป็นเรื่องจำเป็นเช่นกัน
-
5:13 - 5:18ที่หลักเกณฑ์ร่วมนี้ จะเรียบง่ายที่สุด
เท่าที่จะเป็นไปได้ -
5:18 - 5:21เหนือสิ่งอื่นใด เพราะว่า
ถ้าพวกเราทำให้การสะกดคำง่ายขึ้น -
5:21 - 5:24เราไม่ได้ทำให้ตกต่ำลงแต่อย่างใด
-
5:24 - 5:27เมื่อมีการทำให้การสะกดคำง่ายขึ้น
-
5:27 - 5:31มันไม่ได้ลดทอน
คุณภาพของภาษาแต่อย่างใด -
5:32 - 5:36ทุกวัน ฉันทำงาน
เกี่ยวกับวรรณกรรมในยุคทอง -
5:36 - 5:39อ่านงานเขียนของการ์ซิลาโซ, เซร์บันเตส,
กอนโกรา, เกเบโด -
5:39 - 5:42ที่บางครั้งพวกเขาเขียน "hombre"
โดยไม่มีตัว h -
5:42 - 5:45บางครั้งสะกด "escribir" ด้วยตัว v
-
5:45 - 5:48แต่สำหรับฉัน มันชัดเจนมากว่า
-
5:48 - 5:53ความแตกต่างระหว่างงานเขียนเหล่านั้น
และงานเขียนของพวกเรา คือเรื่องของมาตรฐาน -
5:53 - 5:57หรือเรื่องของการที่ยังไม่มีมาตรฐาน
ในช่วงเวลานั้น -
5:57 - 5:58แต่ไม่ใช่เรื่องของคุณภาพ
-
6:00 - 6:02แต่ฉันขอกลับมา
ที่เรื่องของเหล่าครูบาอาจารย์ก่อน -
6:02 - 6:05เพราะพวกเขาเป็นบุคคลสำคัญในเรื่องนี้
-
6:06 - 6:11ฉันเพิ่งพูดถึง
การยืนกรานที่ไม่ได้มีการคิดทบทวนเท่าไหร่ -
6:11 - 6:14ที่เหล่าครูอาจารย์
เคี่ยวเข็ญเราแล้วเคึ่ยวเข็ญเราอีก -
6:14 - 6:15ในเรื่องการสะกดคำ
-
6:15 - 6:19แต่ความจริงคือ
สิ่งต่าง ๆ เป็นอย่างที่มันเป็นอยู่ -
6:19 - 6:21อันนี้เรื่องที่เข้าใจได้อย่างชัดเจน
-
6:21 - 6:23ในสังคมของพวกเรานั้น
-
6:23 - 6:27การสะกดคำมีหน้าที่เสมือนตัวชี้วัดพิเศษ
-
6:27 - 6:31ที่ช่วยแยกระหว่างผู้รู้มากจากผู้รู้น้อย
แยกผู้ได้รับการศึกษาออกจากผู้โง่เขลา -
6:31 - 6:36ซึ่งไม่ได้เกี่ยวข้องกับเนื้อหา
ที่ผู้นั้นกำลังเขียนแต่อย่างใด -
6:36 - 6:40คนหนึ่งสามารถได้งานหรือถูกปฏิเสธงาน
-
6:40 - 6:42เพียงตัว H ตัวเดียวที่ใส่หรือไม่ได้ใส่ลงไป
-
6:42 - 6:45คนหนึ่งสามารถถูกล้อเลียนในที่สาธารณะได้
-
6:45 - 6:48เพียงเพราะใส่ตัวอักษร B หรือ V ผิดไป
-
6:48 - 6:50ดังนั้น ในบริบทนี้
-
6:50 - 6:55ชัดเจนว่าเป็นเรื่องสมเหตุผลสมผล
ที่จะอุทิศเวลานั้นให้กับการสะกดคำ -
6:55 - 6:57แต่เราต้องไม่ลืมว่า
-
6:57 - 7:00ในประวัติศาสตร์ภาษาของพวกเรา
-
7:00 - 7:02มีแต่เหล่าครูบาอาจารย์
-
7:02 - 7:06หรือบุคคลที่เกี่ยวข้อง
กับการสอนตัวอักษรตั้งต้น -
7:06 - 7:09ที่ผลักดันการปฏิรูปอักขรวิธี
-
7:09 - 7:11ที่ตระหนักว่าการสะกดคำของเรานั้น
-
7:11 - 7:15บางครั้งก็เป็นอุปสรรคต่อการถ่ายทอดความรู้
-
7:15 - 7:17ยกตัวอย่างเช่น ในกรณีของพวกเรา
-
7:17 - 7:22ซาร์เมียนโต กับอันเดรส เบโย
ผลักดันการปฏิรูปอักขรวิธีครั้งใหญ่ -
7:22 - 7:25ซึ่งในที่สุดก็มีผลบังคับใช้ในภาษาสเปน
-
7:25 - 7:29ในประเทศชิลีช่วงกลางคริสตศตรววษที่ 19
-
7:31 - 7:35แล้วทำไมเราถึงไม่ตามรอยครูอาจารย์เหล่านี้
-
7:35 - 7:39และเริ่มพัฒนาอักขรวิธีของเรา
-
7:39 - 7:43ตรงนี้ ใกล้ชิดกับพวกเรา 10,000 คน
-
7:43 - 7:44ฉันอยากที่จะเสนอแนะ
-
7:44 - 7:48เกี่ยวกับการปรับเปลี่ยนบางอย่าง
ที่ฉันคิดว่ามีเหตุผลที่จะเริ่มอภิปรายกัน -
7:50 - 7:52เราลบเอา H ที่ไม่ออกเสียงออกไปเสีย
-
7:52 - 7:57ที่ที่เราเขียน H แต่ไม่ได้ออกเสียงอะไร
-
7:57 - 7:58ก็ไม่ต้องเขียนลงไป
-
7:58 - 7:59(เสียงปรบมือ)
-
7:59 - 8:02ฉันคิดไม่ออกว่า
การยึดติดทางอารมณ์แบบไหน -
8:02 - 8:07ที่สามารถแก้ต่างให้กับตัว H ไม่ออกเสียง
อันแสนจะน่ารำคาญนี้ได้ -
8:07 - 8:10อย่างที่บอกไว้ก่อนหน้านี้
สำหรับ B และ V -
8:10 - 8:12ว่าในภาษาสเปนมันไม่เคยมีความแตกต่าง
-
8:12 - 8:13(เสียงปรบมือ)
-
8:13 - 8:17เลือกเอาแค่อันเดียว จะเป็นอันไหนก็ได้
เราสามารถเถียงกันได้ มานั่งจับเข่าคุยกัน -
8:17 - 8:20แต่ละคนมีความชอบของตัวเอง
แต่ละคนสามารถโต้เถียงได้ -
8:20 - 8:23เราจะมีเพียงตัวเดียว อีกตัวก็ยกเลิกไป
-
8:23 - 8:26สำหรับ G และ J เรามาแบ่งหน้าที่ให้พวกมันกัน
-
8:26 - 8:31ว่า G จะแทนเสียงอ่อน เช่น "gato" (กาโต),
"mago" (มาโก), "águila" (อากิลา) -
8:31 - 8:34และตัว J คงเสียงหนักเอาไว้
-
8:34 - 8:39"jarabe" (ฆาราเบ), "jirafa" (ฆิราฟา),
"gente" (เฆนเต), "argentino" (อาร์เฆนติโน) -
8:40 - 8:45สำหรับตัว C, S และ Z เป็นกรณีที่น่าสนใจ
-
8:45 - 8:49เพราะมันแสดงให้เห็นว่า
กฎเกณฑ์ทางสัทศาสตร์ควรจะเป็นตัวชี้แนะ -
8:49 - 8:52แต่ไม่ควรเป็นหลักการเบ็ดเสร็จ
-
8:52 - 8:57ในบางกรณี การออกเสียงที่ต่างออกไป
ก็ควรนำมาพิจารณาด้วย -
8:57 - 9:00ทีนี้ ฉันได้บอกไปแล้วว่า C, S, Z
-
9:00 - 9:03ในบางพื้นที่จะแทนด้วยเสียงเดียว
ในขณะที่ในบางที่จะแทนด้วยสองเสียง -
9:03 - 9:08ถ้าสามตัวอักษร เหลือเพียงสองตัวอักษร
มันก็คงจะดีขึ้น -
9:10 - 9:14สำหรับบางคน การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้
อาจดูค่อนข้างจะสุดโต่ง -
9:14 - 9:17แต่มันไม่เท่าไหร่หรอก
-
9:17 - 9:20ราชบัณฑิตยสถานสเปน
และทุกสถาบันทางภาษา -
9:20 - 9:25ก็เชื่อเช่นเดียวกันว่า
ควรมีการปรับเปลี่ยนการสะกดคำไปตามเวลา -
9:25 - 9:30เชื่อว่าภาษามีการเชื่อมโยงกับประวัติศาสตร์
กับประเพณี และกับความเคยชิน -
9:30 - 9:34แต่ก็เชื่อเช่นกันว่า ภาษาเป็นเครื่องมือ
ในทางปฏิบัติเพื่อใช้ในชีวิตประจำวัน -
9:34 - 9:39และเชื่อว่า บางครั้ง การยึดติดกับประวัติศาสตร์
กับประเพณี และกับความเคยชิน -
9:39 - 9:44ได้กลายมาเป็นอุปสรรค
ในการใช้งานในปัจจุบัน -
9:45 - 9:48สิ่งนี้อธิบายว่า จริง ๆ แล้ว ภาษาของเรา
-
9:48 - 9:54เป็นมากกว่าสิ่งที่เรารู้จัก
เป็นมากกว่าความใกล้ชิดกันทางภูมิศาสตร์ -
9:54 - 9:58มันค่อย ๆ ถูกปรับเปลี่ยนไป
ตามประวัติศาสตร์ของเรา -
9:58 - 10:01ยกตัวอย่าง เราเปลี่ยนจากการสะกด
"orthographia" เป็น "ortografía" -
10:01 - 10:06จาก theatro" เป็น "teatro"
จาก "quantidad" เป็น "cantidad" -
10:06 - 10:08จาก "symbolo" เป็น "símbolo"
-
10:08 - 10:13และเมื่อไม่นานมานี้ก็เริ่มที่จะลบตัว H
ที่ไม่ออกเสียงทิ้งไปอย่างเงียบ ๆ -
10:13 - 10:16ในพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถานสเปน
-
10:16 - 10:21"arpa" และ "armonía"
สามารถเขียนโดยมีตัว H หรือไม่มีก็ได้ -
10:21 - 10:23และพวกเราก็ยังอยู่กันเป็นสุขดี
-
10:25 - 10:28นอกจากนี้ ฉันยังคิดว่า
-
10:28 - 10:34ตอนนี้เป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมอย่างยิ่ง
ที่จะหยิบยกคำถามนี้ขึ้นมา -
10:35 - 10:39เราพูดกันอยู่เสมอว่า
ภาษาเปลี่ยนแปลงไปตามธรรมชาติ -
10:39 - 10:41จากระดับล่างขึ้นบน
-
10:41 - 10:44โดยผู้ใช้ภาษาทั่วไปรับเอาคำใหม่ ๆ มาใช้
-
10:44 - 10:48และเป็นผู้ที่สร้างความเปลี่ยนแปลง
ทางไวยากรณ์ -
10:48 - 10:52เรื่อยมาถึงระดับหน่วยงานต่าง ๆ
ซึ่งในบางทีก็เป็นสำนักวิชาการ -
10:52 - 10:56บางที่ก็เป็นพจนานุกรม
บางที่ก็เป็นกระทรวง -
10:56 - 10:59ที่ยอมรับความเปลี่ยนแปลงและรวมเข้ามาไว้
เป็นเวลานานหลังจากนั้น -
11:00 - 11:04นี่เป็นเรื่องจริง
เฉพาะบางระดับของภาษา -
11:04 - 11:07มันเป็นเรื่องจริงในระดับคำศัพท์
-
11:07 - 11:11เป็นเรื่องไม่ค่อยจริงในระดับไวยากรณ์
-
11:11 - 11:15และถ้าให้ฉันพูด มันเกือบจะไม่จริงเลย
ในระดับการสะกดคำ -
11:15 - 11:19ที่ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา
มีการเปลี่ยนแปลงจากระดับบนลงล่าง -
11:19 - 11:21เป็นสถาบันต่าง ๆ เสมอ
-
11:21 - 11:25ที่จัดตั้งกฎเกณฑ์ และเสนอแนะการเปลี่ยนแปลง
-
11:26 - 11:31แล้วทำไมฉันถึงได้พูดว่า
ตอนนี้เป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมอย่างยิ่งล่ะ -
11:31 - 11:33จนถึงทุกวันนี้
-
11:33 - 11:39การเขียนเคยเป็นการใช้งานที่จำกัด
และเป็นส่วนตัวมากกว่าการพูด -
11:39 - 11:44แต่ในยุคสมัยของพวกเรา
ยุคสมัยของสื่อสังคมออนไลน์ -
11:44 - 11:47กำลังมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่
-
11:48 - 11:51เราไม่เคยเขียนมากเท่าสมัยนี้มาก่อน
-
11:51 - 11:56เราไม่เคยเขียนมากมาย
แล้วมีผู้เห็นมากมายขนาดนี้มาก่อน -
11:57 - 12:00และในสื่อสังคมออนไลน์เหล่านี้
นี่เป็นครั้งแรก -
12:00 - 12:04ที่พวกเราได้เห็นการใช้การสะกดคำแบบใหม่ ๆ
เป็นจำนวนมาก -
12:04 - 12:09รวมไปถึงผู้คนที่สะกดคำอย่างถูกต้อง
สมบูรณ์แบบ ได้รับการศึกษาอย่างสูง -
12:09 - 12:13แต่เมื่อพวกเขาเขียนในสื่อสังคมออนไลน์
ก็ปฏิบัติตัวเหมือน ๆ กัน -
12:13 - 12:17กับผู้ที่ใช้คนอื่น ๆ ส่วนใหญ่ในสื่อสังคมออนไลน์
-
12:17 - 12:21พูดอีกอย่างก็คือ ยืดหยุ่นต่อความถูกต้อง
ของการสะกดคำ -
12:21 - 12:25และให้ความสำคัญกับความรวดเร็ว
และประสิทธิภาพของการสื่อสาร -
12:26 - 12:31ตอนนี้ ในสื่อเหล่านั้น
มีการใช้งานที่ยุ่งเหยิงตามแต่ละบุคคล -
12:31 - 12:34แต่ฉันคิดว่า เราต้องให้ความสนใจกับมัน
-
12:34 - 12:37เพราะว่า บางทีการใช้งานเหล่านี้
อาจจะบอกกับพวกเราว่า -
12:37 - 12:41ในยุคนี้ การเขียนที่ได้รับตำแหน่งแห่งที่ใหม่
-
12:41 - 12:45กำลังต้องการกฎเกณฑ์การสะกดคำใหม่ ๆ ด้วย
-
12:46 - 12:51ฉันเชื่อว่าพวกเรามาผิดทาง
หากจะปฏิเสธหรือละทิ้งการใช้งานดังกล่าว -
12:51 - 12:53ถ้าว่าเราคิดว่าการเขียนเหล่านี้
-
12:53 - 12:56เป็นเหมือนอาการความถดถอยทางวัฒนธรรม
ในยุคสมัยของพวกเรา -
12:56 - 13:01ไม่ค่ะ ฉันเชื่อว่าเราต้องคอยสอดส่องจัดระเบียบ
และการเขียนเหล่านี้ต้องถูกนำมาพิจารณา -
13:01 - 13:07ภายใต้กฎระเบียบที่เกี่ยวข้องกับความจำเป็น
ในยุคสมัยของพวกเรามากกว่านี้ -
13:08 - 13:12ฉันเองก็สามารถคาดคะเนได้ถึงข้อคัดค้านบางข้อ
-
13:13 - 13:15จะมีคนที่บอกว่า
-
13:15 - 13:20หากพวกเราทำให้การสะกดคำง่ายขึ้น
เราจะสูญเสียประวัติของคำไป -
13:21 - 13:24ถ้าจะเอาจริง ๆ
หากเราต้องการสงวนประวัติของคำเอาไว้ -
13:24 - 13:26ใช้เพียงแค่หลักการสะกดคำอย่างเดียวคงไม่พอ
-
13:26 - 13:30เรายังต้องเรียนรู้ภาษาละติน กรีก อารบิก อีกด้วย
-
13:31 - 13:36หากใช้การสะกดคำที่ปรับปรุงให้เรียบง่าย
เราสามารถย้อนไปดูประวัติของคำได้ -
13:36 - 13:41ที่เดิมที่เราใช้กันอยู่ทุกวันนี้
ซึ่งก็คือพจนานุกรมทางนิรุกติศาสตร์ -
13:42 - 13:45ข้อคัดค้านข้อที่สอง คือบางคนอาจจะบอกว่า
-
13:45 - 13:47"หากพวกเราทำให้การสะกดคำนั้นง่ายขึ้น
-
13:47 - 13:49เราจะไม่สามารถแยกความแตกต่าง
-
13:49 - 13:52ระหว่างคำต่าง ๆ
ที่ตอนนี้มีความแตกต่างกันเพียงตัวอักษรเดียว" -
13:52 - 13:56นี่เป็นเรื่องจริง แต่นั่นก็ไม่ใช่ปัญหา
-
13:56 - 14:01ภาษาของเรานั้น มีคำที่ออกเสียงเหมือนกัน
มีคำที่มีมากกว่าหนึ่งความหมาย -
14:01 - 14:03แต่เราก็ไม่ได้สับสนแต่อย่างใด
-
14:03 - 14:06"banco" (ม้านั่ง) ที่พวกเรานั่ง
กับ "banco" (ธนาคาร) ที่พวกเราฝากเงิน -
14:06 - 14:09"traje" (ชุดสูท) ที่พวกเราสวมใส่
กับ "trajimos" สิ่งที่พวกเรานำมา -
14:10 - 14:16ในสถานการณ์ส่วนมาก
บริบทจะเป็นตัวแก้ไขความสับสนที่อาจเกิดขึ้น -
14:17 - 14:20แต่มีข้อโต้แย้งข้อที่สาม
-
14:22 - 14:28ที่ฉันคิดว่า เป็นที่เข้าใจได้
รวมทั้งเป็นข้อที่สะเทือนอารมณ์มากที่สุด -
14:28 - 14:32คือข้อโต้แย้งที่ว่า
"ฉันไม่อยากเปลี่ยน -
14:32 - 14:36ฉันถูกสอนมาแบบนี้
ฉันชินกับรูปแบบนี้ -
14:36 - 14:40เมื่อฉันอ่านคำที่เขียนด้วยคำที่ถูกทำให้สะกดง่ายขึ้น
-
14:40 - 14:42มันรู้สึกแสลงลูกตา"
-
14:44 - 14:49ข้อโต้แย้งนี้ ต่างก็มีอยู่ในตัวเราทั้งนั้น
ไม่มากก็น้อย -
14:49 - 14:51ฉันเชื่อว่าเราควรทำอย่างไรน่ะหรือ
-
14:51 - 14:54ก็ทำอย่างที่เราเคยทำเสมอมาในเรื่องนี้
-
14:54 - 14:56การเปลี่ยนแปลงยังคงเดินหน้าต่อไป
-
14:56 - 14:59สอนกฎเกณฑ์ใหม่แก่เด็ก ๆ
-
14:59 - 15:04ส่วนผู้ที่ไม่ต้องการเปลี่ยน
ก็ปล่อยให้เขียนไปตามความเคยชิน -
15:04 - 15:08และรอให้เวลาปูรากฐานกฎเกณฑ์ใหม่
-
15:09 - 15:15การปฏิรูปอักขรวิธีทั้งหมดที่ประสบความสำเร็จ
และไปแตะต้องความคุ้นชินที่ฝังรากสุดลึก -
15:15 - 15:21ต่างก็ทำอย่างสุขุมรอบคอบ เป็นเอกฉันท์
ค่อยเป็นค่อยไป และด้วยความอดทนอดกลั้น -
15:21 - 15:25แต่เราก็ไม่อาจยอมให้
ความยึดติดกับวิถีเดิม ๆ -
15:25 - 15:28มาขัดขวางไม่ให้มีการเดินหน้าต่อไปได้
-
15:28 - 15:32การแสดงความเคารพที่ดีที่สุด
ที่เราสามารถทำได้ต่ออดีตกาล -
15:32 - 15:34คือการทำให้สิ่งที่เราได้รับมานั้น
ดีขึ้นกว่าเดิม -
15:35 - 15:38ดังนั้น ฉันเชื่อว่าพวกเราต่างก็เห็นพ้องต้องกันว่า
-
15:38 - 15:40สถาบันวิชาการต่าง ๆ ต้องมีการยอมรับร่วมกัน
-
15:40 - 15:43และจัดแจงการสะกดคำของพวกเราเสียใหม่
-
15:43 - 15:49ลบความเคยชินที่เรามี เพียงเพราะเราได้รับมา
แต่ก็ไม่ได้มีประโยชน์อันใด -
15:49 - 15:53และฉันก็เชื่อว่า หากเราทำได้
-
15:53 - 15:57ในขอบเขตที่พอประมาณ
แต่ลำคัญอย่างยิ่งยวดในภาษา -
15:57 - 16:00เราจะสามารถส่งต่ออนาคตที่ดีกว่า
-
16:00 - 16:02ให้กับคนรุ่นถัดไปได้
-
16:03 - 16:04(เสียงปรบมือ)
- Title:
- จำเป็นจะต้องมีการสะกดคำใหม่หรือไม่|การินา กาลเปริน (Karina Galperin) |TEDxRiodelaPlata
- Description:
-
การบรรยายนี้เป็นงาน TEDx ที่ถูกจัดขึ้นอย่างอิสระจากงานสัมมนา TED
เราเสียเวลาและพลังงานไปเท่าไหร่กับการเรียนรู้การสะกดคำ มันคุ้มค่าหรือไม่ เรามีทางเลือกใดบ้าง การินา กาลเปริน มีข้อเสนอหนึ่งที่อาจทำให้พวกเราประหลาดใจ
การินาเป็นดุษฎีบัณฑิตทางด้านภาษาและวรรณคดีโรมานซ์จากมหาวิทยาลัยฮาวาร์ดนอกจากนี้ยังได้รับปริญญาตรีทางด้านอักษรศาสตร์และรัฐประศาสนศาสตร์จากมหาวิทยาลัยบัวโนสไอเรส ปัจจุบันเป็นอาจารย์ประจำมหาวิทยาลัย ดิ เตลา และผู้อำนวยการหลักสูตรวารสารศาสตร์ที่ UTDT/ลา เนซิออน
- Video Language:
- Spanish
- Team:
- closed TED
- Project:
- TEDxTalks
- Duration:
- 16:24
Kelwalin Dhanasarnsombut approved Thai subtitles for ¿Ase falta una nueva ortografía? | Karina Galperin | TEDxRiodelaPlata | ||
Kelwalin Dhanasarnsombut accepted Thai subtitles for ¿Ase falta una nueva ortografía? | Karina Galperin | TEDxRiodelaPlata | ||
Kelwalin Dhanasarnsombut edited Thai subtitles for ¿Ase falta una nueva ortografía? | Karina Galperin | TEDxRiodelaPlata | ||
Paded Chotikunchon edited Thai subtitles for ¿Ase falta una nueva ortografía? | Karina Galperin | TEDxRiodelaPlata | ||
Kelwalin Dhanasarnsombut declined Thai subtitles for ¿Ase falta una nueva ortografía? | Karina Galperin | TEDxRiodelaPlata | ||
Kelwalin Dhanasarnsombut edited Thai subtitles for ¿Ase falta una nueva ortografía? | Karina Galperin | TEDxRiodelaPlata | ||
Paded Chotikunchon edited Thai subtitles for ¿Ase falta una nueva ortografía? | Karina Galperin | TEDxRiodelaPlata | ||
Paded Chotikunchon edited Thai subtitles for ¿Ase falta una nueva ortografía? | Karina Galperin | TEDxRiodelaPlata |