คุณเป็นผู้ให้ หรือผู้รับ
-
0:01 - 0:03ผมอยากคุณมองไปรอบ ๆ ห้องสักหนึ่งนาที
-
0:03 - 0:06และพยายามมองหาคนที่ดูขี้ระแวงที่สุดในห้อง
-
0:06 - 0:07(เสียงหัวเราะ)
-
0:07 - 0:09จากนั้นชี้ตัวคน ๆ นั้นให้ผมที
-
0:09 - 0:10(เสียงหัวเราะ)
-
0:10 - 0:12อย่าทำจริงนะครับ
-
0:12 - 0:13(เสียงหัวเราะ)
-
0:13 - 0:15แต่ในฐานะนักจิตวิทยาองค์กร
-
0:15 - 0:17ผมใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่ในองค์กรหลายแห่ง
-
0:17 - 0:19และพบคนขี้ระแวงอยู่ทุกที่
-
0:20 - 0:22ความระแวงเกิดจากคนที่ผมเรียกว่า "ผู้รับ"
-
0:22 - 0:24ผู้รับ คือคนเห็นแก่ตัวเมื่อมี
ปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่น -
0:24 - 0:26มีแต่ "คุณทำอะไรให้ฉันได้บ้าง"
-
0:27 - 0:28ตรงกันข้าม คือ "ผู้ให้"
-
0:28 - 0:31หรือผู้ที่มักถามผู้อื่นว่า
-
0:31 - 0:32"ฉันทำอะไร
ให้คุณได้บ้าง" -
0:33 - 0:35ผมอยากให้ทุกคนนึกถึง
สไตล์ของคุณ -
0:35 - 0:37เราทุกคนล้วนมีช่วงเวลาที่เป็นผู้ให้และรับ
-
0:38 - 0:40สไตล์ คือ วิธีการที่คุณปฏิบัติต่อ
คนส่วนใหญ่โดยส่วนใหญ่ -
0:40 - 0:42โหมดอัตโนมัติของคุณ
-
0:42 - 0:43ผมมีแบบประเมินสั้น ๆ ให้คุณทำ
-
0:43 - 0:45เพื่อดูว่าคุณมีความเป็นผู้ให้หรือผู้รับ
มากกว่ากัน -
0:45 - 0:47และคุณสามารถลองทำได้เลยตอนนี้
-
0:48 - 0:49[แบบทดสอบความหลงตัวเอง]
-
0:49 - 0:52[ขั้นตอนที่ 1: ใช้เวลาไตร่ตรองตัวเอง]
-
0:52 - 0:53(เสียงหัวเราะ)
-
0:53 - 0:56[ขั้นตอนที่ 2: ถ้าทำถึงขั้นตอนที่ 2
คุณไม่ใช่พวกหลงตัวเอง] -
0:56 - 0:57(เสียงหัวเราะ)
-
0:58 - 1:02สิ่งที่ผมจะพูดต่อไปนี้จะเป็นสิ่งเดียว
ที่พูดในวันนี้โดยไม่มีข้อมูลยืนยัน -
1:02 - 1:05แต่ผมเชื่อว่ายิ่งคุณใช้เวลากว่าจะหัวเราะ
การ์ตูนนี้นานเท่าไหร่ -
1:05 - 1:08ก็ยิ่งน่ากังวลมากขึ้นว่าคุณจะเป็นผู้รับ
-
1:08 - 1:09(เสียงหัวเราะ)
-
1:09 - 1:11แน่นอนว่าไม่ใช่ผู้รับทุกคน
เป็นพวกหลงตัวเอง -
1:11 - 1:14บางคนเป็นเพียงผู้ให้
ที่ถูกทำร้ายหลายต่อหลายครั้ง -
1:14 - 1:17แต่ก็มีผู้รับอีกประเภท
ที่เราจะไม่พูดถึงในวันนี้ -
1:17 - 1:19ซึ่งเราเรียกว่า พวกโรคจิต
-
1:19 - 1:20(เสียงหัวเราะ)
-
1:20 - 1:23แต่ผมเคยสงสัยว่าจะมีคนแต่ละประเภท
อยู่เท่าไหร่ -
1:23 - 1:26ผมเลยทำการสำรวจคนกว่า 30,000 คน
จากหลากหลายอาชีพ -
1:26 - 1:28หลากหลายวัฒนธรรมทั่วโลก
-
1:28 - 1:30และพบว่าคนส่วนใหญ่อยู่ตรงกลาง
-
1:30 - 1:32ระหว่างการเป็นผู้ให้กับผู้รับ
-
1:32 - 1:34พวกเขาเลือกแบบที่ 3
ที่เรียกว่า ผู้แลกเปลี่ยน -
1:34 - 1:37ถ้าคุณอยู่กลุ่มนี้ คุณจะพยายาม
บาลานซ์ระหว่างการให้และการรับ -
1:37 - 1:40หมูไปไก่มา ผมจะทำให้คุณถ้าคุณทำให้ผม
-
1:40 - 1:42ซึ่งดูเหมือนจะเป็นวิธีการที่ปลอดภัย
ในการใช้ชีวิต -
1:42 - 1:46แต่มันเป็นวิธีที่ได้ผลและก่อให้เกิดผลดี
ในการใช้ชีวิตรึเปล่า -
1:46 - 1:49คำตอบสำหรับคำถามนี้ชัดเจนมาก...
-
1:49 - 1:50อาจจะครับ
-
1:50 - 1:51(เสียงหัวเราะ)
-
1:51 - 1:53ผมศึกษาองค์กรหลายแห่ง
-
1:53 - 1:55และคนหลายพันคน
-
1:55 - 1:58ผมให้วิศวกรวัดผลผลิตของพวกเขา
-
1:58 - 2:01(เสียงหัวเราะ)
-
2:01 - 2:04ผมศึกษาผลการเรียนของนักศึกษาแพทย์
-
2:04 - 2:06และรายได้ของพนักงานขาย
-
2:06 - 2:07(เสียงหัวเราะ)
-
2:07 - 2:09และโดยไม่คาดคิด
-
2:09 - 2:12ผมพบว่าคนที่ผลงานแย่ที่สุด
ในแต่ละกลุ่ม คือ ผู้ให้ -
2:13 - 2:15วิศวกรที่ทำงานเสร็จน้อยที่สุด
-
2:15 - 2:17คือคนที่ช่วยเหลือคนอื่นมากกว่า
การที่คนมาช่วยตอบแทน -
2:17 - 2:19พวกเขายุ่งอยู่กับการทำงานของคนอื่น
-
2:20 - 2:23พวกเขาไม่มีเวลาและพลังงานที่จะทำงาน
ของตัวเองให้เสร็จ -
2:23 - 2:25ในคณะแพทย์ ผลการเรียนที่ต่ำที่สุด
เป็นของนักศึกษาแพทย์ -
2:25 - 2:28ที่เห็นด้วยมากที่สุดกับข้อความอย่างเช่น
-
2:28 - 2:30"ฉันชอบที่จะช่วยเหลือผู้อื่น"
-
2:31 - 2:33ซึ่งชี้ให้เห็นว่าเราควรไว้ใจหมอ
-
2:33 - 2:36ที่มาเรียนเป็นหมอโดยไม่มีความต้องการ
ที่จะช่วยใครเลย -
2:36 - 2:37(เสียงหัวเราะ)
-
2:37 - 2:40ในการขายก็เช่นกัน
รายได้ที่ต่ำที่สุดเป็นของ -
2:40 - 2:42เหล่าพนักงานขายที่ใจกว้างมากที่สุด
-
2:42 - 2:44ผมติดต่อไปยังหนึ่งในพนักงานขายเหล่านั้น
-
2:44 - 2:46เป็นคนที่ได้คะแนนผู้ให้สูงสุด
-
2:46 - 2:48และถามเขาว่า "ทำไมคุณถึงห่วย
ในอาชีพของคุณ?" -
2:48 - 2:50ผมไม่ได้ถามแบบนั้นจริง ๆ แต่...
-
2:50 - 2:51(เสียงหัวเราะ)
-
2:51 - 2:53"อะไรคือข้อเสียของความใจกว้างในการขาย"
-
2:53 - 2:57และเขาตอบว่า "คือ ผมใส่ใจลูกค้าของผมมากๆ
-
2:57 - 2:59ถึงขนาดที่ว่า
ผมจะไม่มีวันขายของห่วยๆ ให้กับพวกเขา" -
2:59 - 3:01(เสียงหัวเราะ)
-
3:01 - 3:02ผมอยากรู้จริง ๆ ว่า
-
3:02 - 3:05คุณกี่คนที่ระบุตัวเองว่า
เป็นผู้ให้มากกว่าผู้รับหรือผู้แลกเปลี่ยน -
3:05 - 3:06ยกมือขึ้นครับ
-
3:07 - 3:10ครับ อาจจะมีมากกว่านี้
ถ้าผมถามก่อนบอกข้อมูลเหล่านี้ -
3:11 - 3:14แต่จริงๆ แล้ว
มีเรื่องหักมุมตรงนี้ครับ -
3:14 - 3:17แม้ว่าผู้ให้มักจะเสียสละตัวเอง
-
3:17 - 3:20แต่พวกเขาทำให้องค์กรดีขึ้น
-
3:20 - 3:23มีหลักฐานมากมายครับ
-
3:23 - 3:27มีงานวิจัยหลายต่อหลายชิ้น
ที่ศึกษาความถี่ของพฤติกรรมของผู้ให้ -
3:27 - 3:29ที่อยู่ในทีมหรือในองค์กร
-
3:29 - 3:32และพบว่ายิ่งคนให้ความช่วยเหลือ
และแบ่งปันความรู้ -
3:32 - 3:33และให้คำแนะนำสอนงานมากเท่าไหร่
-
3:33 - 3:36องค์กรจะยิ่งดีขึ้นเท่านั้น
ในทุกมิติที่เราศึกษา -
3:36 - 3:39ทั้งผลตอบแทนและความพึงพอใจ
ของลูกค้าสูงขึ้น การรักษาบุคลากรดีขึ้น -
3:39 - 3:41แม้กระทั่งค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานลดลง
-
3:41 - 3:44ผู้ให้ใช้เวลาส่วนใหญ่กับการช่วยผู้อื่น
-
3:44 - 3:46พัฒนาทีมงาน
-
3:46 - 3:48แล้วก็โชคไม่ดีที่พวกเขา
จะต้องลำบากไปตลอดทาง -
3:48 - 3:50ผมอยากจะพูดถึงสิ่งที่ต้องทำ
-
3:50 - 3:53เพื่อสร้างวัฒนธรรม
ที่ช่วยให้เหล่าผู้ให้ประสบความสำเร็จ -
3:54 - 3:57ผมสงสัยว่าหากผู้ให้
คือ ผู้ที่ทำงานแย่ที่สุด -
3:57 - 3:58แล้วใครคือผู้ที่ทำงานดีที่สุด
-
3:59 - 4:02เริ่มที่ข่าวดีที่ว่า
ไม่ใช่ผู้รับครับ -
4:02 - 4:06เหล่าผู้รับมักจะเติบโตอย่างรวดเร็ว
แต่ตกต่ำอย่างรวดเร็วในเกือบทุก ๆ อาชีพ -
4:06 - 4:08และพวกเขาก็ตกต่ำด้วยน้ำมือของผู้แลกเปลี่ยน
-
4:08 - 4:11ถ้าคุณเป็นผู้แลกเปลี่ยน คุณเชื่อเรื่องของ
"ตาต่อตา" หรือโลกที่ยุติธรรม -
4:11 - 4:13และเมื่อเจอกับเหล่าผู้รับ
-
4:13 - 4:15คุณจะรู้สึกเหมือนว่าเป็นหน้าที่ของคุณ
-
4:15 - 4:17ที่จะลงโทษคนคนนั้นให้สาสม
-
4:17 - 4:18(เสียงหัวเราะ)
-
4:18 - 4:19เป็นทางเดียวที่จะ
คืนความยุติธรรม -
4:20 - 4:22คนส่วนใหญ่เป็นผู้แลกเปลี่ยน
-
4:22 - 4:24และหมายความว่าหากคุณเป็นผู้รับ
-
4:24 - 4:26ในที่สุดผลการกระทำจะตามสนองคุณทัน
-
4:26 - 4:27ทำอะไรก็ได้อย่างนั้น
-
4:27 - 4:29ถ้าสรุปแบบมีเหตุมีผลก็คือ
-
4:29 - 4:32ผู้ที่ทำงานได้ยอดเยี่ยม
คือ เหล่าผู้แลกเปลี่ยน -
4:32 - 4:33แต่ก็ไม่ใช่อยู่ดี
-
4:33 - 4:36ในทุกอาชีพ ในทุกองค์กร
ที่ผมเคยศึกษามา -
4:36 - 4:38กลับเป็นเหล่าผู้ให้ อีกแล้วครับ
-
4:40 - 4:43เรามาดูข้อมูลที่ผมรวบรวมจาก
พนักงานขายหลายร้อยคน -
4:43 - 4:44ติดตามดูรายได้ของพวกเขา
-
4:44 - 4:47จะเห็นได้ว่าเหล่าผู้ให้
อยู่ทั้งสองกลุ่ม -
4:47 - 4:49พวกเขาอยู่ในกลุ่มคนส่วนใหญ่
ที่มีรายได้น้อยที่สุด -
4:49 - 4:50และในกลุ่ม
ที่มีรายได้มากที่สุด -
4:50 - 4:53เช่นเดียวกับผลการทำงาน
ของเหล่าวิศวกร -
4:53 - 4:54และผลการเรียนนักศึกษาแพทย์
-
4:54 - 4:58เหล่าผู้ให้อยู่กลุ่มที่ต่ำสุดและสูงสุด
-
4:58 - 5:00ในทุกตัวชี้วัดความสำเร็จ
ที่ผมสามารถวัดได้ -
5:00 - 5:02สิ่งนี้นำมาซึ่งคำถามที่ว่า
-
5:02 - 5:05เราจะสร้างโลกที่เหล่าผู้ให้
ก้าวสู่ความเป็นเลิศขึ้นได้อย่างไร? -
5:05 - 5:08ผมอยากพูดถึงวิธีการ
ที่ไม่จำกัดอยู่แค่ในวงการธุรกิจ -
5:08 - 5:10แต่ใช้ได้กับองค์กรไม่แสวงหากำไร
โรงเรียน -
5:10 - 5:11หรือแม้กระทั่งภาครัฐ
-
5:11 - 5:12คุณพร้อมรึยัง?
-
5:12 - 5:13(เสียงเชียร์)
-
5:13 - 5:16ยังไงผมก็จะพูดอยู่แล้ว
แต่ขอบคุณที่เชียร์ -
5:16 - 5:17(เสียงหัวเราะ)
-
5:17 - 5:19สิ่งแรกที่สำคัญมาก ๆ คือ
-
5:19 - 5:22การมองเห็นว่าเหล่าผู้ให้
คือคนที่มีคุณค่ามากที่สุด -
5:22 - 5:24แต่ถ้าพวกเขาไม่ระวังพวกเขาก็จะหมดแรง
-
5:25 - 5:27คุณจึงต้องคอยดูแลเหล่าผู้ให้
ในที่ทำงานของคุณ -
5:27 - 5:31ผมเรียนรู้เรื่องที่สำคัญมากนี้จาก
ผู้มีเครือข่ายดีที่สุด จากนิตยสาร Fortune -
5:33 - 5:34ผู้ชายนะครับ ไม่ใช่แมว
-
5:34 - 5:36(เสียงหัวเราะ)
-
5:36 - 5:37เขาชื่อ อดัม ริฟท์กิน
-
5:37 - 5:40เขาเป็นเจ้าของธุรกิจจำนวนมาก
ที่ประสบความสำเร็จ -
5:40 - 5:42เขาใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการช่วยผู้อื่น
-
5:42 - 5:45และเคล็ดลับของเขา คือ ความช่วยเหลือ 5 นาที
-
5:45 - 5:48อดัมบอกว่า "คุณไม่ต้องเป็นแม่ชีเทเรซ่า
หรือคานธี" -
5:48 - 5:49เพื่อเป็นผู้ให้
-
5:49 - 5:51คุณแค่หาทางทำสิ่งเล็กน้อย
เพื่อเพิ่มคุณค่าที่ยิ่งใหญ่ -
5:51 - 5:53ให้กับชีวิตของผู้อื่น
-
5:53 - 5:55อาจจะเป็นสิ่งง่าย ๆ เช่น
การแนะนำ -
5:55 - 5:57ให้คนสองคนได้ประโยชน์
จากการรู้จักกัน -
5:57 - 6:01อาจจะเป็นการแบ่งปันความรู้
หรือให้ข้อมูลป้อนกลับ -
6:01 - 6:04หรือเป็นสิ่งธรรมดา ๆ เช่น การพูดว่า
-
6:04 - 6:05"คุณรู้มั้ย
-
6:05 - 6:06ผมจะลองดูว่า
-
6:06 - 6:10ผมจะจำผู้ที่ไม่เคยมีใครมองเห็นงานของเขา
ได้หรือไม่" -
6:10 - 6:13และการให้ความช่วยเหลือ 5 นาทีนั้นสำคัญมาก ๆ
-
6:13 - 6:16ในการช่วยให้เหล่าผู้ให้กำหนดขอบเขต
และปกป้องตัวเอง -
6:16 - 6:17สิ่งที่สองที่สำคัญ
-
6:17 - 6:19ถ้าอยากสร้างวัฒนธรรม
ช่วยผู้ให้สู่ความสำเร็จ -
6:19 - 6:22คือสร้างวัฒนธรรมที่
การขอความช่วยเหลือเป็นเรื่องปกติ -
6:22 - 6:24ที่ผู้คนถามคำถามจำนวนมาก
-
6:25 - 6:27นี่อาจจะแทงใจดำหลาย ๆ คนนิดหน่อย
-
6:27 - 6:30[คุณต้องเป็นผู้ให้ตลอดเวลา
ในทุกความสัมพันธ์เลยหรือ?] -
6:30 - 6:31(เสียงหัวเราะ)
-
6:31 - 6:33สิ่งที่คุณเห็นในเหล่าผู้ให้
ที่ประสบความสำเร็จ -
6:33 - 6:36คือพวกเขารู้ว่า
การเป็นผู้รับเป็นเรื่องที่ยอมรับได้ -
6:37 - 6:39ถ้าคุณบริหารองค์กร
คุณสามารถทำให้มันง่ายขึ้นได้ -
6:39 - 6:41อย่างเรื่องการขอความช่วยเหลือ
-
6:41 - 6:43ผมและเพื่อนร่วมงาน
ศึกษาโรงพยาบาลหลายแห่ง -
6:43 - 6:47เราพบว่าในบางชั้น
พยาบาลขอความช่วยเหลือกันบ่อยครั้ง -
6:47 - 6:49และน้อยมากในชั้นอื่น ๆ
-
6:49 - 6:53ปัจจัยที่โดดเด้งขึ้นมา
ในชั้นที่การขอความช่วยเหลือเป็นเรื่องปกติ -
6:53 - 6:53เป็นบรรทัดฐาน
-
6:53 - 6:56คือ การมีพยาบาลหนึ่งคนที่มีหน้าที่แค่
-
6:56 - 6:59ช่วยพยาบาลคนอื่น ๆ ในหน่วยอย่างเดียว
-
6:59 - 7:00เมื่อหน้าที่เอื้อ
-
7:00 - 7:03พยาบาลกล่าวว่า "มันไม่น่าอาย
ไม่อันตรายที่จะขอความช่วยเหลือ -
7:03 - 7:05มันกลับได้รับการสนับสนุน"
-
7:06 - 7:09การขอความช่วยเหลือไม่ใช่แค่สำคัญต่อ
การปกป้องความสำเร็จ -
7:09 - 7:11และความเป็นอยู่ที่ดีของผู้ให้
-
7:11 - 7:13มันยังสำคัญและทำให้
ผู้อื่นมีพฤติกรรมเป็นผู้ให้มากขึ้น -
7:13 - 7:15เพราะข้อมูลบอกเราว่า
-
7:15 - 7:18การให้กว่าร้อยละ 75 ถึง 90 ในองค์กร
-
7:18 - 7:19เริ่มจากการขอ
-
7:20 - 7:21แต่คนส่วนใหญ่กลับไม่ขอ
-
7:21 - 7:23เพราะไม่อยากถูกมองว่า
ไม่มีความสามารถ -
7:23 - 7:26พวกเขาไม่รู้จะหันไปหาใคร
พวกเขาไม่อยากเป็นภาระของใคร -
7:26 - 7:28แต่ถ้าไม่มีใครขอความช่วยเหลือ
-
7:28 - 7:30คุณจะพบแต่ผู้ให้ที่หัวเสียจำนวนมาก
ในองค์กร -
7:30 - 7:32ที่ชอบการเสนอตัวและให้ความช่วยเหลือ
-
7:32 - 7:35ถ้าเพียงแค่พวกเขารู้ว่าการให้
เป็นประโยชน์กับใคร อย่างไร -
7:35 - 7:37แต่ผมคิดว่าสิ่งที่สำคัญที่สุด
-
7:37 - 7:40หากอยากสร้างวัฒนธรรม
ของผู้ให้ที่ประสบความสำเร็จ -
7:40 - 7:43คือการรอบคอบเวลาที่คุณจะให้ใครเข้าทีม
-
7:43 - 7:46ผมคิดว่า เมื่ออยากได้วัฒนธรรม
ของความใจกว้างที่สร้างผลลัพธ์ -
7:46 - 7:48คุณควรสรรหาผู้ให้จำนวนเยอะ ๆ
-
7:48 - 7:51แต่ผมก็ต้องประหลาดใจเมื่อพบว่า
จริง ๆ แล้วนั่นไม่ถูกต้อง -
7:52 - 7:54ว่าผลกระทบทางลบของ
การมีผู้รับในองค์กรต่อวัฒนธรรม -
7:54 - 7:57มักรุนแรงเป็นสองถึงสามเท่าของ
ผลกระทบทางบวกของการมีผู้ให้ -
7:58 - 7:59ลองคิดดูนะครับ
-
7:59 - 8:00ปลาเน่าตัวเดียว เหม็นไปทั้งข้อง
-
8:00 - 8:03แต่ไข่ดีฟองเดียว
ไม่ทำให้ได้ไข่ดีทั้งโหล -
8:04 - 8:05ผมไม่รู้ว่าคืออะไร
-
8:05 - 8:06(เสียงหัวเราะ)
-
8:06 - 8:08แต่ผมหวังว่าคุณจะเข้าใจ
-
8:08 - 8:11แค่ลองให้ผู้รับเข้ามาในทีม
เพียงแค่หนึ่งคน -
8:11 - 8:14และคุณก็จะเห็นว่า ผู้ให้ในทีม
จะเลิกให้ความช่วยเหลือคนอื่น -
8:15 - 8:17พวกเขาจะพูดว่า "ฉันอยู่ท่ามกลาง
เหล่าสิงสาราสัตว์ -
8:17 - 8:18ทำไมฉันต้องช่วย?"
-
8:19 - 8:20แต่ถ้ารับผู้ให้เข้ามาในทีม
หนึ่งคน -
8:20 - 8:23คุณจะไม่เห็นความใจกว้าง
ที่แผ่กระจายออกไป -
8:23 - 8:24โดยมาก คนจะพูดว่า
-
8:24 - 8:26"เยี่ยม! เขาทำงานทั้งหมดได้"
-
8:27 - 8:29การคัดเลือกที่มีประสิทธิภาพ
และการสร้างทีม -
8:30 - 8:32จึงไม่ใช่การรับผู้ให้เข้ามา
-
8:32 - 8:34แต่เป็นการกรองผู้ให้ออกไป
-
8:35 - 8:36ถ้าคุณทำเช่นนั้นได้ดี
-
8:36 - 8:37องค์กรจะมีแต่ผู้ให้
และผู้แลกเปลี่ยน -
8:38 - 8:39ผู้ให้ก็จะใจกว้าง
-
8:39 - 8:41เพราะไม่ต้องกังวลถึง
ผลของการให้ -
8:41 - 8:44และข้อดีของผู้แลกเปลี่ยน คือ
พวกเขาทำตามบรรทัดฐาน -
8:45 - 8:48แล้วคุณจะตรวจจับผู้รับ
ก่อนจะสายได้อย่างไร -
8:49 - 8:52เราไม่ค่อยเก่งเรื่องการมองหาเหล่าผู้รับ
-
8:52 - 8:53โดยเฉพาะเมื่อแรกพบ
-
8:53 - 8:55มีลักษณะบุคลิกภาพที่
มักจะทำให้เราสับสน -
8:56 - 8:57นั่นคือ ความประนีประนอม
-
8:57 - 9:00หนึ่งในบุคลิกภาพ
ที่มีอยู่ทุกวัฒนธรรม -
9:00 - 9:03คนที่ประนีประนอมจะดูอบอุ่นและเป็นมิตร
พวกเขาน่าคบ สุภาพ -
9:03 - 9:05คุณจะเจอพวกเขาได้เยอะในแคนาดา
-
9:05 - 9:06(เสียงหัวเราะ)
-
9:07 - 9:10ซึ่งเป็นที่ที่มีการประกวด
ระดับชาติ -
9:10 - 9:12เพื่อเฟ้นหาคำขวัญของแคนาดา
และเติมประโยคนี้สมบูรณ์ -
9:12 - 9:15"เป็นชาวแคนาดาดั่ง..."
-
9:15 - 9:16ผมว่าคำขวัญที่ชนะเลิศน่าจะเป็น
-
9:16 - 9:18"เป็นชาวแดนาดาดั่งเมเปิลไซรัป"
หรือ "...ดั่งฮอกกี้น้ำแข็ง" -
9:18 - 9:22แต่ไม่ครับ ชาวแคนาดาโหวตให้
คำขวัญประจำชาติ คือ -
9:22 - 9:23ผมไม่ได้ล้อเล่น
-
9:23 - 9:26"เป็นชาวแคนาดาให้ได้มากที่สุด
ในทุกโอกาส" -
9:26 - 9:29(เสียงหัวเราะ)
-
9:30 - 9:32สำหรับท่านที่เป็นคนประนีประนอมสูง
-
9:32 - 9:33หรือไม่ก็มีเชื้อสายชาวแคนาดา
-
9:33 - 9:35คุณจะเข้าใจทันที
-
9:35 - 9:37ผมจะพูดได้อย่างไรว่าผมเป็นคนอย่างหนึ่ง
-
9:37 - 9:40ในขณะที่ปรับตัวตลอดเวลา
เพื่อเอาใจคนอื่น -
9:40 - 9:42คนที่ไม่ประนีประนอมจะไม่ค่อยทำแบบนั้น
-
9:42 - 9:45พวกเขาจะโต้แย้ง
ขี้สงสัย และท้าทาย -
9:45 - 9:48และมีแนวโน้มที่จะเรียนกฎหมาย
มากกว่าคนอื่น -
9:48 - 9:49(เสียงหัวเราะ)
-
9:49 - 9:51นั่นไม่ใช่มุข
นั่นเป็นเรื่องจริง -
9:51 - 9:52(เสียงหัวเราะ)
-
9:52 - 9:55ผมมักคิดว่า
คนประนีประนอม คือ ผู้ให้ -
9:55 - 9:58และคนไม่ประนีประนอม
คือ ผู้รับ -
9:58 - 9:59แต่แล้วผมก็รวบรวมข้อมูล
-
9:59 - 10:02และอึ้งเมื่อไม่พบ
ความสัมพันธ์กันเลย -
10:02 - 10:05เพราะกลายเป็นว่า
ความประนีประนอมหรือไม่นั้น -
10:05 - 10:06เป็นเพียงเปลือกนอก
-
10:06 - 10:08หรือการพูดคุยกับคุณ
น่าพึงใจเพียงใด -
10:08 - 10:10แต่การให้และการรับเป็นเรื่องของ
แรงจูงใจภายใน -
10:10 - 10:13ค่านิมยมของคุณคืออะไร
เจตนาของคุณต่อผู้อื่นคืออะไร -
10:13 - 10:15หากคุณอยากจะตัดสินผู้อื่นได้อย่างแม่นยำ
-
10:15 - 10:19คุณต้องรอให้ถึงเวลาที่
ผู้ให้คำปรึกษาทุกคนในห้องรอคอย -
10:19 - 10:20แล้ววาดตารางเมทริกซ์ 2X2
-
10:20 - 10:24(เสียงหัวเราะ)
-
10:25 - 10:28เรามักหาผู้ให้ที่ประนีประนอมเจอได้ง่าย
-
10:28 - 10:31พวกเขาจะตอบรับคำขอทุกอย่าง
-
10:32 - 10:34เรามักมองเห็นผู้รับที่ไม่ประนีประนอม
ได้อย่างรวดเร็ว -
10:34 - 10:39แม้ว่าคุณอาจจะเรียกพวกเขาด้วยชื่อ
ที่ค่อนข้างต่างออกไป -
10:40 - 10:42(เสียงหัวเราะ)
-
10:42 - 10:44เรามักลืมคนอีกสองประเภท
-
10:44 - 10:47เรามีผู้ให้ที่ไม่ประนีประนอมอยู่ในองค์กร
-
10:47 - 10:49คนที่แข็งนอก
-
10:49 - 10:52แต่ลึกๆ แล้วนึกถึงประโยชน์ของผู้อื่น
-
10:53 - 10:54หรือที่วิศวกรเรียกว่า
-
10:54 - 10:56"อ๋อ ผู้ให้ที่ไม่ประนีประนอม
-
10:56 - 11:00เหมือนกับคนที่มี User Interface ที่แย่
แต่มีระบบปฏิบัติการที่ยอดเยี่ยม -
11:00 - 11:01(เสียงหัวเราะ)
-
11:01 - 11:03ถ้านั่นช่วยให้เข้าใจมากขึ้น
-
11:03 - 11:04(เสียงหัวเราะ)
-
11:04 - 11:07ผู้ให้ที่ไม่ประนีประนอม
ถูกมองข้ามมากที่สุดในองค์กร -
11:07 - 11:10เพราะพวกเขาให้ข้อคิดเห็น
ตรงไปตรงมา -
11:10 - 11:13ที่ไม่มีใครอยากได้ยิน
แต่ทุกคนต้องฟัง -
11:13 - 11:15เราต้องทำให้ดีกว่านี้
เพื่อเห็นค่าพวกเขา -
11:15 - 11:17มากกว่าที่จะปิดกั้นพวกเขาอย่างรวดเร็ว
-
11:17 - 11:19และพูดว่า "แอ๊ น่ารำคาญ
-
11:19 - 11:21ต้องเป็นพวกผู้รับที่เห็นแก่ตัวแน่"
-
11:22 - 11:24อีกประเภทที่เรามักลืม
ประเภทที่อันตรายที่สุด -
11:24 - 11:27นั่นคือ ผู้รับที่ประนีประนอม
หรือพวกจอมปลอม -
11:28 - 11:30คนที่เป็นมิตรกับคุณเมื่ออยู่ต่อหน้า
-
11:30 - 11:32และแทงข้างหลังเมื่อคุณเผลอ
-
11:32 - 11:34(เสียงหัวเราะ)
-
11:34 - 11:37ผมมีวิธีที่ชอบในการจับ
คนพวกนี้ตอนสัมภาษณ์ -
11:37 - 11:39คือ การถามคำถามว่า
-
11:39 - 11:41"ขอให้คุณบอกชื่อคนสี่คน
-
11:41 - 11:44ที่คุณได้ช่วยส่งเสริมให้
เขาก้าวหน้าในงาน?" -
11:44 - 11:46ผู้รับจะบอกชื่อคนสี่คน
-
11:46 - 11:49ที่มีอิทธิพลเหนือกว่าเขา
-
11:49 - 11:52เพราะผู้ให้เก่งเรื่องประจบประแจง
และสร้างความเสียหาย -
11:53 - 11:56ผู้ให้มักจะบอกชื่อคนที่อยู่ต่ำกว่าเขา
-
11:56 - 11:58คนที่ไม่มีอำนาจเท่า
-
11:58 - 11:59คนที่ไม่สามารถทำประโยชน์
ให้ได้ -
12:00 - 12:02พูดกันตรง ๆ ทุกคนรู้ว่า
คุณเรียนรู้ลักษณะคน -
12:02 - 12:04ได้จากวิธีปฏิบัติต่อ
พนักงานเสิร์ฟในร้านอาหาร -
12:04 - 12:05หรือคนขับรถ Uber
-
12:07 - 12:08และถ้าเราทำได้
-
12:08 - 12:10ถ้าเราสามารถสกัดผู้รับ
ออกจากองค์กร -
12:10 - 12:13ถ้าเราทำให้การขอความช่วยเหลือ
เป็นเรื่องปลอดภัย -
12:13 - 12:15ถ้าเราสามารถปกป้อง
ผู้ให้จากการหมดแรง -
12:15 - 12:18และทำให้เป็นเรื่องโอเค
หากพวกเขาจะมุ่งไปสู่เป้าหมายของตัวเอง -
12:18 - 12:20และช่วยเหลือคนอื่น
-
12:20 - 12:23เราจะสามารถเปลี่ยนคำนิยามความสำเร็จ
-
12:23 - 12:26แทนที่จะพูดว่า มันเป็นเรื่องของ
การชนะในทุกสนาม -
12:26 - 12:30ทุกคนจะเริ่มตระหนักว่า
ที่จริงความสำเร็จเป็นเรื่องของการช่วยเหลือ -
12:31 - 12:33ผมเชื่อว่า หนทางสู่ความสำเร็จ
ที่มีความหมายที่สุด -
12:33 - 12:34คือการช่วยให้ผู้อื่นประสบความสำเร็จ
-
12:35 - 12:36และหากเราส่งต่อความเชื่อนี้
-
12:36 - 12:39เราจะสามารถเปลี่ยนความหวาดระแวง
ไปอย่างสิ้นเชิง -
12:39 - 12:41ที่จริงมีคำเรียกนะครับ
-
12:41 - 12:42เรียกว่า โพรนอยด์ (Pronoia)
-
12:43 - 12:45หรือความหลงเชื่อว่า
-
12:45 - 12:47คนอื่น ๆ อยากให้เรามีความสุข
-
12:47 - 12:49(เสียงหัวเราะ)
-
12:51 - 12:53ลับหลังเรา
-
12:53 - 12:56พวกเขาพูดถึงแต่สิ่งดีงามเกี่ยวกับเรา
-
12:57 - 13:01สิ่งที่ยิ่งใหญ่ในวัฒนธรรมของผู้ให้
คือ นั่นไม่ใช่ภาพหลอน -
13:01 - 13:02แต่เป็นความจริง
-
13:03 - 13:06ผมอยากอยู่ในโลกที่
ผู้ให้ประสบความสำเร็จ -
13:06 - 13:08และหวังว่าคุณจะช่วยผม
สร้างโลกแบบนั้นขึ้นมา -
13:09 - 13:10ขอบคุณครับ
-
13:10 - 13:15(เสียงปรบมือ)
- Title:
- คุณเป็นผู้ให้ หรือผู้รับ
- Speaker:
- อดัม แกรนท์ (Adam Grant)
- Description:
-
ทุกองค์กรจะมีคนอยู่สามประเภท ผู้ให้ ผู้รับ และผู้แลกเปลี่ยน อดัม แกรนท์ นักจิตวิทยาองค์กรวิเคราะห์คนสามประเภทนี้และแนะนำวิธีที่จะสร้างวัฒนธรรมของความใจกว้าง รวมไปถึงการป้องกันบุคลากรที่เห็นแต่ประโยชน์ส่วนตนและกอบโกยจากผู้อื่นมากเกินควร
- Video Language:
- English
- Team:
- closed TED
- Project:
- TEDTalks
- Duration:
- 13:28
Kelwalin Dhanasarnsombut approved Thai subtitles for Are you a giver or a taker? | ||
Kelwalin Dhanasarnsombut edited Thai subtitles for Are you a giver or a taker? | ||
Sritala Dhanasarnsombut accepted Thai subtitles for Are you a giver or a taker? | ||
Sritala Dhanasarnsombut edited Thai subtitles for Are you a giver or a taker? | ||
Sawitri Tiavonksombat edited Thai subtitles for Are you a giver or a taker? | ||
Sawitri Tiavonksombat edited Thai subtitles for Are you a giver or a taker? | ||
Dollaya Piumsuwan edited Thai subtitles for Are you a giver or a taker? | ||
Dollaya Piumsuwan edited Thai subtitles for Are you a giver or a taker? |