Return to Video

ชอน เอเคอร์: เคล็ดลับของความสุขสู่การทำงานที่ดีขึ้น

  • 0:00 - 0:03
    เมื่อผมอายุเจ็ดขวบ และน้องสาวผมเพิ่งห้าขวบ
  • 0:03 - 0:06
    พวกเราเล่นกันอยู่บนเตียงสองชั้น
  • 0:06 - 0:08
    ณตอนนั้นผมอายุมากกว่าน้องสาวผมสองปี
  • 0:08 - 0:11
    จริงๆแล้ว ตอนนี้ก็แก่กว่าน้องสองปี
  • 0:11 - 0:14
    แต่ในเวลานั้น มันแปลว่าน้องสาวผมต้องทำตามที่ผมบอกทุกอย่าง
  • 0:14 - 0:16
    และผมก็อยากเล่มเกมสงคราม
  • 0:16 - 0:18
    พวกเราอยู่บนเตียงสองชั้น
  • 0:18 - 0:20
    และด้านหนึ่งของเตียงนั้น
  • 0:20 - 0:22
    ผมวางทหารจีไอโจและอาวุธทั้งหมด
  • 0:22 - 0:25
    ส่วนอีกด้านหนึ่งเป็น "ม้าน้อยของฉัน"ทั้งหมดของน้องสาวผม
  • 0:25 - 0:27
    พร้อมสำหรับการจู่โจมของกองทหารม้า
  • 0:27 - 0:29
    มีเรื่องเล่าต่างๆกันเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นจริงในบ่ายวันนั้น
  • 0:29 - 0:32
    และเนื่องจากวันนี้น้องผมไม่ได้อยู่ที่นี่กับพวกเรา
  • 0:32 - 0:34
    ผมจะเล่าเรื่องจริงให้ฟัง...
  • 0:34 - 0:36
    (เสียงหัวเราะ)...
  • 0:36 - 0:38
    ซึ่งก็คือ น้องสาวผมนั้นเอนไปในทางที่่เรียกได้ว่าซุ่มซ่าม
  • 0:38 - 0:41
    ทำอีท่าไหนก็ไม่รู้ โดยที่ไม่ได้มีการช่วยหรือดันจากพี่ชายของเธอเลย
  • 0:41 - 0:43
    ทันใดนั้นเอง เอมี่ก็หายตัวไปจากด้านบนของเตียงสองชั้น
  • 0:43 - 0:45
    แล้วลงไปอยู่บนพื้นพร้อมกับเสียงกระแทกโครม
  • 0:45 - 0:47
    ตอนนั้นผมจ้องมองลงไปข้างเตียงด้วยความกลัว
  • 0:47 - 0:50
    ว่าเกิดอะไรขึ้นกับน้องสาวที่ตกลงไป
  • 0:50 - 0:52
    และเห็นว่าเธอได้ร่วงลงบนมือและเข่าของเธออย่างน่าเจ็บปวด
  • 0:52 - 0:54
    โดยมีแขนขาทั้งสี่ยันพื้น
  • 0:54 - 0:56
    ตอนนั้นผมกลัวเพราะว่าพ่อแม่ได้ปรามผมไว้
  • 0:56 - 0:58
    ให้พยายามเล่นกับน้อง
  • 0:58 - 1:01
    อย่างปลอดภัยและเงียบที่สุดเท่าที่จะทำได้
  • 1:01 - 1:04
    และเมื่อคิดถึงเรื่องที่ผมเพิ่งทำเอมี่แขนหักอย่างไม่ได้ตั้งใจ
  • 1:04 - 1:06
    เมื่อหนึ่งอาทิตย์ก่อน
  • 1:06 - 1:10
    (เสียงหัวเราะ)
  • 1:10 - 1:12
    โดยการผลักเธออย่างกล้าหาญ
  • 1:12 - 1:15
    ให้พ้นจากวิถีกระสุนสมมุติจากการซุ่มยิง
  • 1:15 - 1:17
    (เสียงหัวเราะ)
  • 1:17 - 1:19
    ซึ่งยังไม่มีใครมาขอบคุณเลย
  • 1:19 - 1:21
    ผมพยายามอย่างเต็มความสามารถจริงๆนะ..
  • 1:21 - 1:23
    เธอไม่เห็นกระสุนที่กำลังมาด้วยซ้ำ..
  • 1:23 - 1:25
    ผมพยายามอย่างมากเท่าที่จะทำได้ที่จะทำตัวเป็นเด็กดี
  • 1:25 - 1:27
    เมื่อเห็นหน้าของน้องสาว
  • 1:27 - 1:29
    เสียงโอดครวญจากความเจ็บปวด และความทรมาน และความตกใจ
  • 1:29 - 1:31
    กำลังจะระเบิดออกมาจากปากของเธอ และพร้อมที่
  • 1:31 - 1:34
    จะทำให้พ่อแม่ผมตื่นจากการนอนกลางวันในฤดูหนาว
  • 1:34 - 1:36
    ผมก็เลยทำสิ่งเดียว
  • 1:36 - 1:39
    ที่หัวสมองอันหวาดกลัวของเด็กเจ็ดขวบจะคิดออก เพื่อที่จะหลีกเลี่ยงโศกนาฏกรรมอันนี้ได้
  • 1:39 - 1:41
    และถ้าคุณมีลูก คุณจะต้องเคยได้เห็นสิ่งนี้มาก่อนนับร้อยครั้ง
  • 1:41 - 1:43
    ผมจึงพูดว่า "เอมี่เอมี่อย่าเพิ่ง อย่าร้องนะ อย่าร้องนะ"
  • 1:43 - 1:45
    เธอเห็นวิธีที่เธอตกลงมาไม๊?
  • 1:45 - 1:48
    ไม่มีมนุษย์คนไหนตกลงมาบนแขนกับขาทั้งสี่อย่างนั้นได้หรอก
  • 1:48 - 1:51
    เอมี่ ฉันว่ามันแปลว่าเธอเป็นยูนิคอร์นนะ
  • 1:51 - 1:54
    (เสียงหัวเราะ)
  • 1:54 - 1:57
    นั่นผมโกง เพราะว่าไม่มีอะไรในโลกนี้ที่น้องสาวผมอยากเป็นมากกว่า
  • 1:57 - 1:59
    เอมี่สาวน้อยยูนีคอร์นวิเศษ
  • 1:59 - 2:01
    แทนที่จะเป็น เอมี่น้องสาวห้าขวบที่กำลังเจ็บอยู่
  • 2:01 - 2:04
    แน่นอน นี่เป็นตัวเลือกที่ไม่เคยอยู่ในสมองเธอมาก่อน
  • 2:04 - 2:07
    แล้วคุณจะเห็นได้ว่า น้องสาวที่ถูกครอบงำและน่าสงสารของผมนั้นกำลังงงกับสิ่งที่เกิดขึ้น
  • 2:07 - 2:09
    ในขณะที่สมองน้อยๆของเธอกำลังพยายามที่จะทุ่มเททรัพยากร
  • 2:09 - 2:11
    เพื่อที่จะรู้สึกถึงความเจ็บปวด และความทรมาน และความตกใจ
  • 2:11 - 2:13
    ที่เธอเพิ่งจะประสบ
  • 2:13 - 2:15
    หรือเพื่อที่จะครุ่นคิดถึงเอกลักษณ์ใหม่ในการเป็นยูนิคอร์นของเธอ
  • 2:15 - 2:17
    และความคิดหลังก็ชนะ
  • 2:17 - 2:19
    แทนที่จะร้องไห้ แทนที่จะหยุดเล่น
  • 2:19 - 2:21
    แทนที่จะปลุกพ่อและแม่
  • 2:21 - 2:23
    พร้อมกับผลพวงที่ไม่พึงประสงค์ที่จะตามผมมา
  • 2:23 - 2:25
    กลับกลายเป็น รอยยิ้มกระจายไปทั่วใบหน้าของเธอ
  • 2:25 - 2:28
    แล้วเธอก็กระโดดกลับขึ้นมาบนเตียง พร้อมกับความสง่างามของลูกยูนิคอร์นตัวน้อย
  • 2:28 - 2:30
    (เสียงหัวเราะ)
  • 2:30 - 2:32
    กับขาที่หักข้างหนึ่ง
  • 2:32 - 2:34
    สิ่งที่เราได้เจอะเจอโดยบังเอิญ
  • 2:34 - 2:36
    ในวัยละอ่อนแค่ห้าและเจ็ดขวบ
  • 2:36 - 2:38
    ซึ่งณ ตอนนั้นพวกเราไม่รู้เลยจริงๆ
  • 2:38 - 2:41
    คือสิ่งที่กำลังจะเป็นแนวหน้าของการปฏิวัติทางวิทยาศาสตร์
  • 2:41 - 2:44
    ซึ่งได้เกิดขึ้นยี่สิบปีให้หลัง ในวิธีที่เรามองสมองมนุษย์
  • 2:44 - 2:47
    สิ่งที่เราได้เจอะเจอโดยบังเอิญ คือสิ่งที่เรียกว่าจิตวิทยาเชิงบวก
  • 2:47 - 2:49
    ซึ่งคือเหตุผลที่ผมมาอยู่ที่นี่ในวันนี้
  • 2:49 - 2:51
    และก็คือเหตุผลที่ผมตื่นขึ้นมาทุกเช้า
  • 2:51 - 2:53
    ตอนที่ผมเริ่มพูดถึงงานวิจัยนี้
  • 2:53 - 2:55
    นอกสถาบันการศึกษา แต่กับบริษัทและโรงเรียน
  • 2:55 - 2:57
    สิ่งแรกที่สุด ที่พวกเขาบอกไม่ให้ทำ
  • 2:57 - 2:59
    ก็คือการเริ่มการบรรยายด้วยกราฟ
  • 2:59 - 3:01
    สิ่งแรกที่สุดที่ผมอยากทำก็คือ เริ่มการบรรยายด้วยกราฟ
  • 3:01 - 3:03
    กราฟนี้ดูน่าเบื่อ
  • 3:03 - 3:05
    แต่กราฟนี้คือเหตุผลที่ผมตื่นเต้นและตื่นขึ้นในทุกเช้า
  • 3:05 - 3:07
    และกราฟนี้ก็ไม่ได้มีความหมายอะไรเลย มันคือข้อมูลปลอม
  • 3:07 - 3:09
    สิ่งที่เราพบก็คือ...
  • 3:09 - 3:13
    (เสียงหัวเราะ)
  • 3:13 - 3:16
    ถ้าผมได้ข้อมูลนี้จากการวิจัยพวกคุณในห้องนี้ ผมคงจะดีใจมาก
  • 3:16 - 3:18
    เพราะมีแนวโน้มไปในทิศทางเดียวกันอย่างชัดเจนมาก
  • 3:18 - 3:20
    ซึ่งก็แปลว่าผมจะได้ตีพิมพ์ผลงาน
  • 3:20 - 3:22
    ซึ่งคือสิ่งเดียวที่สำคัญ
  • 3:22 - 3:24
    ข้อเท็จจริงที่ว่ามันมีจุดสีแดงแปลกๆหนึ่งจุดเหนือเส้นโค้งนั้น
  • 3:24 - 3:26
    แสดงว่ามี่คนประหลาดอยู่หนึ่งคนในห้อง
  • 3:26 - 3:29
    ผมรู้นะว่าคุณเป็นใคร ผมเห็นคุณตั้งแต่ตอนเริ่มแล้ว
  • 3:29 - 3:31
    แต่นั่นไม่ใช่ปัญหา
  • 3:31 - 3:33
    นั่นไม่ใช่ปัญหา คุณส่วนมากก็รู้ดี
  • 3:33 - 3:35
    เพราะผมแค่ลบจุดแดงนั้นก็ได้
  • 3:35 - 3:37
    ผมสามารถลบจุดนี้ได้ เพราะมันชัดเจนว่าจุดนี้คือข้อผิดพลาดของการวัด
  • 3:37 - 3:39
    แล้วเราก็รู้ว่ามันคือข้อผิดพลาดของการวัด
  • 3:39 - 3:42
    เพราะมันกำลังทำให้ผลข้อมูลผมเสีย
  • 3:42 - 3:44
    ดังนั้นหนึ่งในสิ่งแรกๆที่พวกเราสอนคนอื่น
  • 3:44 - 3:47
    ไม่ว่าจะในวิชาเศรษฐศาสตร์ สถิติ พาณิชยกรรม หรือจิตวิทยา
  • 3:47 - 3:50
    ก็คือ ทำอย่างไรจึงจะกำจัดพวกที่ประหลาดๆนั้นทิ้งไป ตามวิธีทางสถิติที่ถูกต้อง
  • 3:50 - 3:52
    แล้วเราจะกำจัดค่าที่ผิดปกตินั้นทิ้งไปอย่างไร
  • 3:52 - 3:54
    เพื่อที่จะหาเส้นที่เหมาะเจาะที่สุดได้ ?
  • 3:54 - 3:56
    ซึ่งคงจะยอดเยี่ยมถ้าผมพยายามจะค้นพบ
  • 3:56 - 3:59
    ว่าคนปกติควรกินยาแก้ปวด(Advil)กี่เม็ด -- สองเม็ด
  • 3:59 - 4:01
    แต่ถ้าผมสนใจในศักยภาพ ถ้าผมสนใจในศักยภาพของคุณ
  • 4:01 - 4:03
    หรือใน ความสุข หรือการเพิ่มผลผลิต
  • 4:03 - 4:05
    หรือพลังงาน หรือความคิดสร้างสรรค์
  • 4:05 - 4:07
    สิ่งที่พวกเรากำลังทำ ก็คือการสร้างลัทธิค่าเฉลี่ยกับวิทยาศาสตร์
  • 4:07 - 4:09
    ถ้าผมถามคำถามอย่างเช่น
  • 4:09 - 4:11
    "เด็กสามารถเรียนรู้ที่จะอ่านได้เร็วเท่าไหร่ในห้องเรียน?"
  • 4:11 - 4:13
    นักวิทยาศาสตร์จะเปลี่ยนคำถามเป็น "เด็กโดยเฉลี่ยแล้ว
  • 4:13 - 4:15
    เรียนรู้ที่จะอ่านได้เร็วเท่าไหร่ในห้องเรียน?"
  • 4:15 - 4:17
    แล้วเราก็ปรับแต่งชั้นเรียนไปสู่ค่าเฉลี่ยนั้นๆ
  • 4:17 - 4:19
    แต่ถ้าคุณตกไปอยู่ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยนั้นละก็
  • 4:19 - 4:21
    นักจิตวิทยาจะตื่นเต้นมาก
  • 4:21 - 4:24
    เพราะนั่นแปลว่าคุณซึมเศร้า หรือไม่ก็มีความผิดปกติบางอย่าง
  • 4:24 - 4:26
    หรือถ้าให้ดีก็เป็นทั้งสองอย่าง
  • 4:26 - 4:28
    เราอยากให้เป็นทั้งคู่ เพราะรูปแบบธุรกิจของเราก็คือ
  • 4:28 - 4:30
    ถ้าคุณมาเข้ารับการบำบัด ด้วยปัญหาหนึ่งอย่าง
  • 4:30 - 4:32
    เราอยากมั่นใจว่าคุณจะได้ออกไปโดยรู้ว่าคุณมีปัญหาสิบอย่าง
  • 4:32 - 4:34
    คุณจะได้กลับมาบ่อยๆ
  • 4:34 - 4:36
    แล้วเราจะกลับไปพูดถึงสมัยเมื่อคุณยังเด็กด้วยถ้าจำเป็น
  • 4:36 - 4:38
    แต่ในที่สุด สิ่งที่เราต้องการคือให้คุณกลับเป็นปกติอีกครั้ง
  • 4:38 - 4:40
    แต่ความปกติก็เป็นเพียงค่าเฉลี่ย
  • 4:40 - 4:42
    และสิ่งที่ผมตั้งสมมติฐาน และสิ่งที่จิตวิทยาเชิงบวกตั้งสมมติฐาน
  • 4:42 - 4:44
    ก็คือ ถ้าเราศึกษาอะไรที่เป็นเพียงค่าเฉลี่ย
  • 4:44 - 4:46
    เราก็จะยังคงเป็นได้เพียงแค่ค่าเฉลี่ย
  • 4:46 - 4:48
    ดังนั้น แทนที่จะลบค่าที่ดีเกินเฉลี่ยทิ้ง
  • 4:48 - 4:50
    สิ่งที่ผมทำอย่างตั้งใจคือ การเข้าไปหาประชากรพวกนี้
  • 4:50 - 4:52
    ทำไมหรือครับ?
  • 4:52 - 4:54
    ทำไมละ พวกคุณบางคนถึงอยู่สูงนัก เหนือเส้นเฉลี่ยได้
  • 4:54 - 4:56
    ทั้งในด้านระดับความสามารถทางสติปัญญา การกีฬา การดนตรี
  • 4:56 - 4:58
    ความคิดสร่างสรรค์ ระดับพละกำลัง
  • 4:58 - 5:00
    ความยืดหยุ่นต่อปัญหาเฉพาะหน้า อารมณ์ขัน
  • 5:00 - 5:03
    ไม่ว่าจะเป็นอะไรก็ตาม แทนที่จะลบคุณทิ้ง สิ่งที่ผมอยากทำคือศึกษาคุณ
  • 5:03 - 5:05
    เพราะเราอาจจะสามารถรวบรวมข้อมูล
  • 5:05 - 5:07
    ไม่ใช่เพียงเพื่อที่จะผลักดันให้คนขึ้นไปอยู่ที่ระดับปกติ
  • 5:07 - 5:10
    แต่เพื่อที่จะดันค่าเฉลี่ยทั้งหมดให้สูงขึ้น
  • 5:10 - 5:12
    ทั้งในบริษัท และในโรงเรียนทั่วโลก
  • 5:12 - 5:14
    เหตุผลที่กราฟนี้สำคัญกับผมมาก
  • 5:14 - 5:16
    ก็เพราะ เมื่อผมเปิดดูข่าว มันเหมือนกับว่าข้อมูลข่าวสารส่วนมากนั้น
  • 5:16 - 5:18
    ไม่ดี จริงๆแล้วมันเป็นไปในเชิงลบ
  • 5:18 - 5:21
    ส่วนมากก็เกี่ยวกับการฆาตกรรม การทุจริต โรคภัยไข้เจ็บ ภัยพิบัติทางธรรมชาติ
  • 5:21 - 5:23
    แล้วด้วยความรวดเร็ว สมองผมก็เริ่มที่จะคิดว่า
  • 5:23 - 5:25
    นั่นคือสัดส่วนที่ถูกต้องของสิ่งที่ไม่ดี กับสิ่งที่ดีในโลก
  • 5:25 - 5:27
    สิ่งที่กล่าวนั้นกำลังทำ ก็คือการสร้างสิ่งบางอย่าง
  • 5:27 - 5:29
    ที่เรียกกันว่าโรคโรงเรียนแพทย์
  • 5:29 - 5:31
    ซึ่ง ถ้าคุณรู้จักคนที่เคยเรียนแพทย์
  • 5:31 - 5:33
    ช่วงปีเรียกของการฝึกอบรมแพทย์
  • 5:33 - 5:35
    เมื่อคุณอ่านรายชื่อทั้งหมดของโรคและอาการที่เกิดขึ้นได้โดยตลอด
  • 5:35 - 5:37
    อยู่ๆคุณก็รู้สึกว่าคุณเป็นโรคทั้งหมดนั้นเลย
  • 5:37 - 5:40
    ผมมีน้องเขยชื่อโบโบ่ -- ซึ่งเป็นอีกเรื่องเลย
  • 5:40 - 5:43
    โบโบ่แต่งงานกับเอมี่สาวน้อยยูนิคอร์น
  • 5:43 - 5:46
    โบโบ่โทรศัพย์มาหาผม
  • 5:46 - 5:49
    จากโรงเรียนแพทย์เยล
  • 5:49 - 5:51
    แล้วโบโบ่ก็พูดว่า "ชอน ผมเป็นโรคเรื้อน "
  • 5:51 - 5:53
    (เสียงหัวเราะ)
  • 5:53 - 5:55
    ซึ่ง แม้ที่เยล ก็ถือว่าหายากเหลือเกิน
  • 5:55 - 5:58
    แต่ผมไม่รู้ว่าจะปลอบโบโบ่ที่น่าสงสารอย่างไร
  • 5:58 - 6:00
    เพราะโบโบ่เพิ่งจะผ่านช่วงหมดประจำเดือนมาได้หนึ่งอาทิตย์
  • 6:00 - 6:02
    (เสียงหัวเราะ)
  • 6:02 - 6:05
    เห็นไหมครับว่าสิ่งที่เราพบ ก็ไม่จำเป็นต้องเป็นความจริงที่มีอิทธิพลกับเรา
  • 6:05 - 6:08
    แต่เลนส์ที่สมองเรามองโลกต่างหาก ที่สร้างความเป็นจริงนั้นๆของคุณ
  • 6:08 - 6:11
    และถ้าเราสามารถเปลี่ยนเลนส์นั้นได้ เราไม่เพียงแต่เปลี่ยนความสุขได้เท่านั้น
  • 6:11 - 6:14
    เรายังสามารถเปลี่ยนผลลัพธ์ทางการศึกษา และธุรกิจทุกๆเรื่องได้ในเวลาเดียวกัน
  • 6:14 - 6:16
    ตอนที่ผมสมัครเรียนที่ฮาร์วาร์ด ผมสมัครตามคำท้า
  • 6:16 - 6:19
    ผมไม่ได้คิดว่าจะสอบติด และครอบครัวผมก็ไม่มีเงินส่งผมเรียน
  • 6:19 - 6:21
    ตอนที่ผมได้ทุนทหารสองอาทิตย์ต่อมา ผมถึงได้ไปเรียน
  • 6:21 - 6:24
    อยู่ๆ สิ่งที่เป็นไปไม่ได้ ได้กลายเป็นจริง
  • 6:24 - 6:27
    ตอนที่ผมเรียนที่นั่น ผมเลยเข้าใจว่าคนอื่นๆน่าจะคิดว่ามันเป็นสิทธิพิเศษเหมือนกัน
  • 6:27 - 6:29
    ว่าพวกเขาก็ตื่นเต้นที่ได้อยู่ณจุดนั้น
  • 6:29 - 6:31
    ถึงแม้ว่าคุณจะอยู่ในห้องเรียนที่เต็มไปด้วยคนที่ฉลาดกว่าคุณ
  • 6:31 - 6:33
    คุณก็มีความสุขแค่ได้อยู่ในห้องเรียนนั้น นี่คือสิ่งที่ผมรู้สึกในตอนนั้น
  • 6:33 - 6:35
    แต่สิ่งที่ผมค้นพบก็คือ
  • 6:35 - 6:37
    แม้ว่าบางคนรู้สึกเหมือนผม
  • 6:37 - 6:39
    หลังจากที่ผมเรียนจบสี่ปี
  • 6:39 - 6:41
    ผมได้ใช้เวลาแปดปีต่อมา อยู่ในหอพักกับนักศึกษา
  • 6:41 - 6:44
    ฮาร์วาร์ดจ้างผมนะ ผมไม่ได้เป็นชายที่น่ารำคาญนะ
  • 6:44 - 6:48
    (เสียงหัวเราะ)
  • 6:48 - 6:51
    ตอนนั้นผมเป็นเจ้าหน้าที่ให้คำปรึกษาแก่นักศึกษาฮาร์วาร์ด ให้ผ่านพ้นสี่ปีอันยากลำบากไปได้
  • 6:51 - 6:53
    แล้วสิ่งที่ผมพบในงานวิจัยและการเรียนการสอนของผม
  • 6:53 - 6:55
    ก็คือ นักศึกษาเหล่านั้น ไม่ว่าจะมีความสุขเท่าใด
  • 6:55 - 6:58
    จากความสำเร็จตอนแรก ที่เข้าเรียนได้นั้น
  • 6:58 - 7:01
    เมื่อสองอาทิตย์ผ่านไป สมองของพวกเขาจะไม่สนใจกับ สิทธิพิเศษที่ได้เข้าไปเรียนที่นั่น
  • 7:01 - 7:03
    หรือปรัชญาหรือวิชาฟิสิกส์ของพวกเขา
  • 7:03 - 7:05
    แต่สมองของพวกเขาจะมุ่งไปสู่ การแข่งขัน ภาระงานที่ต้องทำ
  • 7:05 - 7:07
    ความยุ่งยาก ความเครียด และข้อร้องเรียนต่างๆ
  • 7:07 - 7:09
    ตอนแรกที่ผมมาเรียนที่นั่น ผมเดินเข้าโรงอาหารนักศึกษาปีหนึ่ง
  • 7:09 - 7:12
    ซึ่งคือที่ๆเพื่อนผมจากเวโค่ เทกซัส,ที่ๆผมเติบโตมา
  • 7:12 - 7:14
    ผมรู้ว่าบางคนอาจจะเคยได้ยินมาก่อน
  • 7:14 - 7:16
    ตอนที่พวกเขามาเยี่ยมผม พวกเขามองไปรอบๆ
  • 7:16 - 7:18
    แล้วก็พูดว่า "โรงอาหารนักศึกษาปีหนึ่งเหมือนกับอะไรที่
  • 7:18 - 7:20
    มาจากฮอกวาร์ดจากหนังเรื่องแฮร์รี่ พ็อตเตอร์" ซึ่งมันก็จริง
  • 7:20 - 7:22
    นี่คือฮอกวาร์ดจากหนังเรื่อง"แฮร์รี่ พ็อตเตอร์" และนั่นคือฮาร์วาร์ด
  • 7:22 - 7:24
    แล้วเมื่อพวกเขาเห็นอย่างนั้น
  • 7:24 - 7:26
    ก็พูดว่า "ชอน ทำไมนายต้องมาเสียเวลาศึกษาเรื่องความสุขที่ฮาร์วาร์ดด้วย?"
  • 7:26 - 7:28
    จริงๆนะ มีอะไรที่จะทำให้นักศึกษาฮาร์วาร์ด
  • 7:28 - 7:30
    ไม่มีความสุขได้?
  • 7:30 - 7:32
    ฝังอยู่ในคำถามนี้
  • 7:32 - 7:34
    คือกุญแจสำคัญในการทำความเข้าใจวิทยาศาสตร์ของความสุข
  • 7:34 - 7:36
    เพราะสิ่งที่คำถามนั้นทึกทักว่าจริง
  • 7:36 - 7:39
    ก็คือว่าโลกภายนอกเป็นสิ่งที่ทำนายระดับความสุขของเรา
  • 7:39 - 7:41
    ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว ถ้าผมรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับโลกภายนอกของคุณ
  • 7:41 - 7:44
    ผมก็สามารถทำนายความสุขระยะยาวของคุณได้แค่ 10 เปอร์เซ็นต์
  • 7:44 - 7:46
    อีก 90 เปอร์เซ็นต์ของความสุขระยะยาวของคุณ
  • 7:46 - 7:48
    ไม่ได้ถูกทำนายได้โดยโลกภายนอก
  • 7:48 - 7:50
    แต่โดยวิธีที่สมองคุณประมวลสิ่งต่างๆในโลก
  • 7:50 - 7:52
    และถ้าเราเปลี่ยนมันได้
  • 7:52 - 7:54
    ถ้าเราเปลี่ยนสูตรของความสุขและความสำเร็จ
  • 7:54 - 7:56
    สิ่งที่เราสามารถทำได้ก็คือเปลี่ยนวิธี
  • 7:56 - 7:58
    ที่เราสามารถส่งผลกระทบต่อความเป็นจริง
  • 7:58 - 8:00
    สิ่งที่เราพบก็คือ เพียง25เปอร์เซ็นต์ของความสำเร็จทางการงาน
  • 8:00 - 8:02
    นั้นคาดการณ์ได้จากไอคิว
  • 8:02 - 8:04
    อีก 75เปอร์เซ็นต์ของความสำเร็จนั้น
  • 8:04 - 8:07
    คาดการณ์ได้จากระดับความคิดเชิงบวก และการสนับสนุนทางสังคมของคุณ
  • 8:07 - 8:10
    และความสามารถในการมองความกดดันให้เป็นความท้าทาย แทนที่จะเป็นการคุกคาม
  • 8:10 - 8:13
    ผมเคยคุยกับโรงเรียนประจำในนิวอิงแลนด์ ที่น่าจะเป็นโรงเรียนประจำที่มีชื่อเสียงมากที่สุดก็ว่าได้
  • 8:13 - 8:15
    พวกเขาบอกว่า "เรารู้อยู่แล้ว
  • 8:15 - 8:18
    ดังนั้นทุกๆปี แทนที่จะแค่สอนนักเรียน เรายังมีสัปดาห์สุขภาพดี
  • 8:18 - 8:21
    และพวกเราก็ตื่นเต้นมาก ทุกคืนวันจันทร์เรามีผู้เชี่ยวชาญชั้นนำของโลก
  • 8:21 - 8:23
    มาพูดเกี่ยวกับเรื่องภาวะซึมเศร้าของวัยรุ่น
  • 8:23 - 8:25
    คืนวันอังคาร ความรุนแรงและการข่มเหงในโรงเรียน
  • 8:25 - 8:27
    คืนวันพุธ ความผิดปกติด้านการรับประทานอาหาร
  • 8:27 - 8:29
    คืนวันพฤหัสบดี การใช้ยาผิดกฎหมาย
  • 8:29 - 8:32
    และคืนวันศุกร์ เรากำลังตัดสินใจระหว่างความเสี่ยงของการมีเพศสัมพันธ์ หรือความสุข"
  • 8:32 - 8:35
    (เสียงหัวเราะ)
  • 8:35 - 8:37
    ผมพูดว่า "นั่นแหละ คืนวันศุกร์ของคนส่วนมาก"
  • 8:37 - 8:40
    (เสียงหัวเราะ)
  • 8:40 - 8:43
    (เสียงตบมือ)
  • 8:43 - 8:45
    ผมดีใจที่คุณชอบ แต่พวกเขาไม่ได้ชอบเลย
  • 8:45 - 8:47
    ที่ปลายสายเงียบ
  • 8:47 - 8:49
    แล้วผมก็พูดเข้าไปในความเงียบนั้นว่า "ผมพร้อมที่จะไปพูดที่โรงเรียนคุณนะ"
  • 8:49 - 8:52
    แต่แค่ให้คุณทราบว่า นั่นมันไม่ใช่สัปดาห์สุขภาพดี แต่เป็นสัปดาห์ความเจ็บป่วย
  • 8:52 - 8:54
    สิ่งที่คุณได้ทำ คือคุณได้สรุปสิ่งร้ายๆทั้งหมดที่สามารถเกิดขึ้นได้
  • 8:54 - 8:56
    แต่ไม่ได้พูดถึงสิ่งดีๆเลย
  • 8:56 - 8:58
    การไม่มีโรคไม่ได้แปลว่าสุขภาพดี
  • 8:58 - 9:00
    นี่ต่างหากคือหนทางสู่สุขภาพดี
  • 9:00 - 9:03
    เราต้องกลับสูตรสำหรับความสุขและความสำเร็จ
  • 9:03 - 9:05
    ในสามปีที่ผ่านมา ผมได้เดินทางไป 45 ประเทศ
  • 9:05 - 9:07
    ได้ทำงานร่วมกับโรงเรียน และบริษัท
  • 9:07 - 9:09
    ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ
  • 9:09 - 9:11
    และสิ่งที่ผมพบก็คือ บริษัทและโรงเรียนส่วนมากนั้น
  • 9:11 - 9:13
    ทำตามสูตรความสำเร็จ ซึ่งก็คือ
  • 9:13 - 9:15
    ถ้าฉันทำงานหนักขึ้น ฉันก็จะประสบความสำเร็จมากขึ้น
  • 9:15 - 9:18
    และถ้าฉันประสบความสำเร็จมากขึ้น ฉันก็จะมีความสุขขึ้น
  • 9:18 - 9:20
    นี่คือรากฐานหลักของการอบรมเลี้ยงดูส่วนใหญ่ และวิธีการบริหารจัดการของพวกเรา
  • 9:20 - 9:22
    และเป็นวิธีที่กระตุ้นพฤติกรรมของเรา
  • 9:22 - 9:25
    ซึ่งปัญหาก็คือ มันผิดหลักวิทยาศาสตร์แล้วก็ล้าหลัง ด้วยเหตุผลสองอย่าง
  • 9:25 - 9:28
    หนึ่ง ทุกครั้งที่สมองเรารู้สึกประสบความสำเร็จ
  • 9:28 - 9:30
    คุณก็เปลี่ยนบรรทัดฐานของคำว่าสำเร็จไปแล้ว
  • 9:30 - 9:32
    คุณเคยได้คะแนนดี ตอนนี้คุณเลยต้องให้ได้คะแนนที่ดีกว่าเดิม
  • 9:32 - 9:34
    คุณเคยอยู่โรงเรียนที่ดี หลังจากนั้นคุณก็ไปเข้าโรงเรียนที่ดีขึ้นไปอีก
  • 9:34 - 9:36
    คุณเคยได้งานที่ดี ตอนนี้เลยต้องได้งานที่ดีกว่าเดิม
  • 9:36 - 9:38
    คุณเคยทำยอดขายเข้าเป้า ตอนนี้เราเลยต้องตั้งเป้ายอดขายใหม่ให้คุณ
  • 9:38 - 9:41
    และถ้าความสุขอยู่ตรงข้ามกับความสำเร็จ สมองคุณก็จะไม่เคยได้ไปถึงจุดนั้น
  • 9:41 - 9:43
    สิ่งที่เราได้ทำลงไป คือเมื่อเป็นสังคมเราร่วมกันผลักความสุข
  • 9:43 - 9:46
    ออกไปจนข้ามขีดจำกัดของการรับรู้
  • 9:46 - 9:48
    และนี่ก็เพราะว่าพวกเราคิดว่าเราต้องประสบความสำเร็จ
  • 9:48 - 9:50
    แล้วเราจึงจะมีความสุข
  • 9:50 - 9:52
    แต่ปัญหาที่แท้จริง ก็คือสมองเราทำงานในทางตรงกันข้าม
  • 9:52 - 9:55
    ถ้าคุณสามารถเพิ่มระดับความคิดเชิงบวกของคนบางคน ณเวลานี้ได้
  • 9:55 - 9:58
    สมองของเขาก็จะรู้สึกถึงสิ่งที่เราเรียกว่า ผลประโยชน์ของความสุข
  • 9:58 - 10:00
    ซึ่งก็คือ สมองคุณขณะคิดเชิงบวก
  • 10:00 - 10:02
    ทำงานได้ดีกว่าปกติมาก
  • 10:02 - 10:04
    เมื่อเทียบกับ ขณะที่คิดเชิงลบ เป็นกลาง หรือเครียด
  • 10:04 - 10:07
    สติปัญญา ความคิดสร้างสรรค์ ระดับพลังงานของคุณเพิ่มสูงขึ้น
  • 10:07 - 10:09
    จริงๆแล้ว สิ่งที่เราได้พบ
  • 10:09 - 10:11
    คือผลทางธุรกิจทุกๆอย่างนั้นดีขึ้น
  • 10:11 - 10:13
    สมองคุณขณะคิดเชิงบวกมีประสิทธิภาพมากขึ้น 31เปอร์เซ็นต์
  • 10:13 - 10:16
    เมื่อเทียบกับ ขณะที่คิดเชิงลบ เป็นกลาง หรือเครียด
  • 10:16 - 10:18
    ยอดขายของคุณเพิ่มขึ้น 37 เปอร์เซ็นต์
  • 10:18 - 10:20
    หมอรักษาได้เร็ว แม่นยำขึ้น 19 เปอร์เซ็นต์
  • 10:20 - 10:22
    ในการได้ผลวินิจฉัยโรคที่ถูกต้อง
  • 10:22 - 10:24
    ในขณะที่คิดเชิงบวก แทนที่จะคิดเชิงลบ เป็นกลาง หรือเครียด
  • 10:24 - 10:26
    ซึ่งแปลว่า เราสามารถกลับสูตรของความสุข
  • 10:26 - 10:29
    ถ้าเราสามารถหาวิธีที่จะคิดเชิงบวก ณขณะนั้น
  • 10:29 - 10:31
    แล้วสมองของเราทำงานได้อย่างประสบความสำเร็จมากขึ้น
  • 10:31 - 10:34
    เพราะเราสามารถทำงานได้หนักขึ้น เร็วขึ้น และอย่างชาญฉลาดมากยิ่งขึ้น
  • 10:34 - 10:37
    สิ่งที่เราต้องทำให้ได้ คือการกลับสูตรของความสุข
  • 10:37 - 10:39
    เพื่อที่เราจะเริ่มมองเห็นได้ว่าสมองเราจริงๆแล้วสามารถทำอะไรได้บ้าง
  • 10:39 - 10:41
    เพราะสารโดฟามีน ที่ท่วมท้นออกมาในระบบเมื่อคุณกำลังคิดเชิงบวก
  • 10:41 - 10:43
    มีหน้าที่สองอย่าง
  • 10:43 - 10:45
    มันไม่ได้แค่ทำให้คุณมีความสุขมากขึ้น
  • 10:45 - 10:47
    แต่มันเปิดสวิตซ์ศูนย์เรียนรู้ทั้งหมดในสมองคุณ
  • 10:47 - 10:50
    ซึ่งทำให้คุณสามารถปรับตัวให้เข้ากับโลกในแบบที่ต่างออกไป
  • 10:50 - 10:52
    เราค้นพบว่า มีวิธีที่คุณสามารถฝึกสมอง
  • 10:52 - 10:54
    ให้สามารถคิดเชิงบวกมากขึ้น
  • 10:54 - 10:57
    เพียงแค่สองนาทีที่ทำ 21วันติดต่อกัน
  • 10:57 - 10:59
    เราจัดระบบสมองของคุณใหม่ได้จริง
  • 10:59 - 11:01
    ให้สมองคุณสามารถที่จะทำงานได้จริง
  • 11:01 - 11:03
    ในแง่ดีมากขึ้น และประสบความสำเร็จมากขึ้น
  • 11:03 - 11:05
    ในทุกบริษัทที่ผมเคยทำงานด้วย เราได้ทำสิ่งเหล่านี้แล้วในงานวิจัย
  • 11:05 - 11:07
    เราได้ทำวิจัยโดยให้ ในทุกๆบริษัทที่ผมได้ไปร่วมทำงานด้วย
  • 11:07 - 11:09
    พนักงานเขียนสามสิ่งที่ทำให้รู้สึกซาบซึ้งขอบคุณโดยให้พนักงานเขียนสิ่งใหม่สามสิ่งที่พวกเขารู้ซาบซึ้งใจ
  • 11:09 - 11:11
    21 วันติดต่อกัน แต่ละวันเขียนสามสิ่งใหม่ๆ
  • 11:11 - 11:13
    และในที่สุด
  • 11:13 - 11:15
    สมองของพวกเขาก็เริ่มเก็บรูปแแบบ
  • 11:15 - 11:18
    การมองหาสิ่งดีๆในโลกก่อน แทนที่จะหาสิ่งไม่ดี
  • 11:18 - 11:20
    การบันทึกสิ่งที่ดีอย่างหนึ่งที่คุณได้ประสบมาใน 24ชั่วโมงที่ผ่านมา
  • 11:20 - 11:22
    ทำให้สมองคุณได้จำสิ่งๆนั้นอีกครั้ง
  • 11:22 - 11:25
    การฝึกฝนสอนให้สมองคุณรู้ถึงความสำคัญของพฤติกรรม
  • 11:25 - 11:27
    เราพบว่าการนั่งสมาธิทำให้สมองคุณ
  • 11:27 - 11:30
    เอาชนะอาการสมาธิสั้นทางวัฒนธรรม ที่เราสร้างขึ้นมา
  • 11:30 - 11:32
    เพราะเราพยายามจะทำทุกๆอย่างในเวลาเดียวกัน
  • 11:32 - 11:35
    สมาธิทำให้สมองคุณให้ความสำคัญกับงานตรงหน้า
  • 11:35 - 11:37
    และสุดท้ายนี้ การทำความดีแบบไม่ได้ตั้งใจ คือการทำความดีอย่างมีสติ
  • 11:37 - 11:39
    เราให้คน ทุกครั้งที่เช็คอีเมล
  • 11:39 - 11:41
    เขียนข้อความแง่บวกหนึ่งข้อความ
  • 11:41 - 11:43
    เป็นการชมเชย หรือขอบคุณคนในเครือข่ายสนับสนุนทางสังคมของเขา
  • 11:43 - 11:45
    จากการทำกิจกรรมเหล่านี้
  • 11:45 - 11:47
    และจากการฝึกสมองคุณ เหมือนกับที่เราฝึกร่างกาย
  • 11:47 - 11:50
    สิ่งที่เราค้นพบก็คือ เราสามารถกลับสูตรสำหรับความสุขและความสำเร็จได้
  • 11:50 - 11:53
    และการทำเช่นนี้ ไม่ได้แค่สร้างคลื่นเล็กๆในการคิดเชิงบวก
  • 11:53 - 11:55
    แต่เป็นการสร้างการปฏิวัติที่แท้จริง
  • 11:55 - 11:57
    ขอบคุณมากครับ
  • 11:57 - 12:00
    (เสียงตบมือ)
Title:
ชอน เอเคอร์: เคล็ดลับของความสุขสู่การทำงานที่ดีขึ้น
Speaker:
Shawn Achor
Description:

คนเรามักเชื่อว่า เราควรทำงานเพื่อจะได้มีความสุข แต่ในทางกลับกันนั้นเป็นไปได้หรือไม่? ในการพูดที่รวดเร็วทันใจและเต็มไปด้วยความสนุกสนานจากเวทีTEDxBloomington นักจิตวิทยา ชอน เอเคอร์แย้งว่าอันที่จริงแล้ว ความสุขต่างหากที่จุดประกายให้เกิดผลทางการงาน

more » « less
Video Language:
English
Team:
closed TED
Project:
TEDTalks
Duration:
12:00
Tanunporn Visessonchok added a translation

Thai subtitles

Revisions