สติของผมฟื้นคืนชีพขึ้นมาใหม่ แต่กลับไม่มีใครล่วงรู้
-
0:01 - 0:06ลองนึกภาพดูถึงการไม่สามารถพูดว่า
"ฉันหิว", "ฉันเจ็บ" -
0:06 - 0:09"ขอบคุณ" หรือ "ฉันรักคุณ" ได้
-
0:09 - 0:11ถูกกักขังอยู่แต่ในร่างกายตัวเอง
-
0:11 - 0:14ร่างกายที่ไร้ซึ่งการตอบสนองดั่งใจต้องการ
-
0:14 - 0:16ทั้ง ๆ ที่ห้อมล้อมไปด้วยผู้คน
-
0:16 - 0:17แต่กลับโดดเดี่ยวอย่างสุดซึ้ง
-
0:17 - 0:19ปรารถนาที่จะเอื้อมมือออกไป
-
0:19 - 0:23เพื่อมีปฏิสัมพันธ์ เพื่อปลอบประโลม
เพื่อมีส่วนร่วม -
0:23 - 0:26เป็นเวลา 13 ปี ที่ผมอยู่มาแบบนั้น
-
0:28 - 0:33เราส่วนใหญ่ไม่เคยคิดให้รอบคอบ
ก่อนที่จะพูด ก่อนที่จะสื่อสารกับใคร -
0:33 - 0:35แต่ผมคิดละเอียดถี่ถ้วนมาก
-
0:35 - 0:38ผมมีเวลาเหลือเฟือในการคิด
-
0:38 - 0:40ในช่วง 12 ปีแรกของชีวิตผม
-
0:40 - 0:43ผมเป็นเจ้าหนูตัวน้อยที่ปกติ
มีความสุข และแข็งแรง -
0:43 - 0:45แต่แล้วทุกอย่างก็เปลี่ยนไป
-
0:45 - 0:47เมื่อผมติดเชื้อในสมอง
-
0:47 - 0:49คณะแพทย์เองก็ไม่แน่ใจว่ามันคืออะไร
-
0:50 - 0:52แต่พวกเขาก็รักษาผมอย่างสุดความสามารถ
-
0:52 - 0:55อย่างไรก็ตาม ผมกลับแย่ลงเรื่อย ๆ
-
0:55 - 1:00สุดท้าย ผมก็สูญเสียความสามารถ
ในการควบคุมความเคลื่อนไหว -
1:00 - 1:01การสบตากับผู้คน
-
1:01 - 1:04และความสามารถในการพูด ท้ายที่สุด
-
1:05 - 1:06ขณะที่ผมอยู่โรงพยาบาล
-
1:07 - 1:09ผมอยากกลับบ้านแทบขาดใจ
-
1:09 - 1:12ผมบอกกับแม่ "..บ้านเมื่อไหร่"
-
1:12 - 1:17และนั่นก็เป็นคำพูดสุดท้ายที่
ผมพูดด้วยน้ำเสียงของตัวเอง -
1:17 - 1:21แล้วผมก็ไม่ผ่านการประเมิน
แบบทดสอบการรับรู้ทางสติสัมปชัญญะใด ๆ -
1:21 - 1:24พ่อแม่ผมได้รับฟังจากปากคุณหมอว่า
ผู้อยู่ก็เหมือนไม่อยู่แล้ว -
1:24 - 1:28เป็นผัก (vegetable)
ที่มีสติปัญญาเท่าเด็กทารกสามเดือน -
1:28 - 1:32คุณหมอบอกว่า ให้พาผมกลับบ้าน
และดูแลผมให้ดี ๆ -
1:32 - 1:33จนกว่าผมจะไปสบาย
-
1:34 - 1:38พ่อแม่ผม จริง ๆ แล้ว
ทั้งครอบครัวผม -
1:38 - 1:42ถูกสูบเลือดเนื้อ
จากการที่ต้องดูแลผมให้ดีที่สุด -
1:42 - 1:44เพื่อน ๆ ของพวกเขาพากันตีจาก
-
1:44 - 1:46จากหนึ่งปี ผันผ่านไปเป็นสองปี
-
1:46 - 1:47สองปีก็แปรเปลี่ยนเป็นสามปี
-
1:48 - 1:53ดูราวกับว่า ตัวผมในอดีต
เริ่มค่อย ๆ จางหายไป -
1:53 - 1:58ตัวต่อเลโก้และแผงวงจรไฟฟ้า
ที่ผมรักตอนยังเด็กถูกนำไปทิ้ง -
1:58 - 2:02ผมถูกย้ายจากห้องนอน
ไปสู่ห้องที่เหมาะสมกว่า -
2:02 - 2:04ผมมีสภาพไม่ต่างจากวิญญาณ
-
2:04 - 2:08เป็นความทรงจำที่ถูกลบเลือน
ของเด็กชายที่ผู้คนเคยรู้จักและรักใคร่ -
2:08 - 2:12ในขณะเดียวกัน
สติของผมก็เริ่มถักทอตัวเอง -
2:12 - 2:15ทีละน้อย ๆ สติผมก็เริ่มกลับมา
-
2:16 - 2:19แต่กลับไม่มีใครสังเกตว่า
ผมได้ฟื้นคืนชีพแล้ว -
2:19 - 2:21ผมรับรู้ได้ทุกสิ่ง
-
2:21 - 2:23เฉกเช่นคนทั่วไป
-
2:23 - 2:25สามารถเห็นและเข้าใจทุกอย่าง
-
2:25 - 2:28แต่กลับไม่สามารถหาทางสื่อให้คนอื่นรับรู้
-
2:29 - 2:33ตัวตนของผมถูกฝังอยู่ในร่างกายที่ดูแน่นิ่ง
-
2:33 - 2:36จิตใจที่สดใสแฝงอยู่ในสายตาที่เรียบเฉย
ภายใต้รังไหม -
2:37 - 2:40แล้วความจริงอันเป็นสัจธรรม
ก็จู่โจมผมว่า ผมต้องมีชีวิต -
2:40 - 2:42ที่เหลืออยู่
ภายใต้ร่างกายที่ถูกปิดตาย -
2:42 - 2:44อย่างอ้างว้าง
-
2:44 - 2:48ผมถูกขังไปพร้อมกับ "ความคิด"
ผู้เป็นเพื่อนเพียงคนเดียว -
2:48 - 2:50ผมจะไม่มีวันได้รับการปลดปล่อย
-
2:50 - 2:53จะไม่มีใครอ่อนโยนต่อผม
-
2:53 - 2:55ผมจะไม่มีวันได้พูดคุยกับเพื่อน
-
2:55 - 2:57จะไม่มีวันได้รับความรัก
-
2:58 - 3:02ไม่มีความฝัน ความหวัง
ไม่มีอนาคตใดให้เฝ้ารอ -
3:02 - 3:05ไร้ซึ่งความสุข
-
3:05 - 3:06ตกอยู่ในความหวาดกลัว
-
3:06 - 3:07และกล่าวได้สั้น ๆ ว่า
-
3:08 - 3:11รอวันที่ความตายจะมาปลดปล่อยผม
-
3:11 - 3:14เชื่อว่าคงจะตายอย่างโดดเดี่ยวในสถานดูแล
-
3:15 - 3:18ผมไม่รู้จะหาคำพูดใดมาบรรยาย
-
3:18 - 3:21ความรู้สึกของการไม่สามารถสื่อสารได้
-
3:21 - 3:24ตัวตนของคุณสูญสลายไปในม่านหมอกทึบ
-
3:24 - 3:30อารมณ์และความต้องการของคุณ
ถูกกักขัง ถูกสะกด ถูกดับภายในตัวคุณ -
3:30 - 3:34สำหรับผมแล้ว ความรู้สึกที่แย่ที่สุด
คือการไร้ซึ่งพลังอย่างสิ้นเชิง -
3:35 - 3:36ผมแค่ยังอยู่
-
3:37 - 3:39มันเป็นสถานที่อันมืดมิดเหลือเกิน
ที่ได้มาค้นพบตัวเอง -
3:39 - 3:42เพราะตามจริง ผมได้หายไปแล้ว
-
3:43 - 3:46คนอื่นเข้าบงการทุกส่วนในชีวิตผม
-
3:46 - 3:49พวกเขาคือผู้ตัดสินว่า
ผมจะกินอะไร เมื่อไหร่ -
3:49 - 3:53ตอนไหนถึงจะพลิกตัวผม
หรือจะจับผมนั่งรถเข็น -
3:53 - 3:56ผมมักจะใช้เวลาส่วนใหญ่นั่งอยู่หน้าโทรทัศน์
-
3:56 - 3:58ดูเรื่องบาร์นี่ฉายซ้ำ ๆ
-
3:58 - 4:01ผมคิดว่าเป็นเพราะ
บาร์นี่ดูมีความสุขและร่าเริง -
4:01 - 4:03แต่ผมกลับตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิง
-
4:03 - 4:05ตอกย้ำให้วันคืนของผมแย่ลงไปอีก
-
4:06 - 4:09ผมหมดสิ้นพลัง
ที่จะเปลี่ยนแปลงอะไรในชีวิต -
4:09 - 4:12หรือความคิดที่ผู้อื่นมีต่อผม
-
4:12 - 4:15ผมเป็นผู้เฝ้ามองที่สงบนิ่ง
ไร้ตัวตน คอยดูการกระทำของผู้อื่น -
4:15 - 4:18ยามที่พวกเขาคิดว่าไม่มีใครเฝ้ามองอยู่
-
4:18 - 4:21โชคร้าย ที่ผมไม่ได้เป็นแค่ผู้เฝ้ามอง
-
4:21 - 4:25ปราศจากหนทางที่จะสื่อสาร
ผมยังตกเป็นเหยื่ออย่างแท้จริง -
4:25 - 4:29เป็นสิ่งของที่ไร้ซึ่งการปกป้อง
ดูเหมือนจะปราศจากความรู้สึก -
4:29 - 4:33ถูกผู้คนใช้เพื่อสนองความต้องการอันชั่วร้าย
-
4:33 - 4:37เป็นเวลากว่าสิบปี ผู้คนที่มีหน้าที่ดูแลผม
-
4:37 - 4:40ได้ทำร้ายผมทั้งทางกาย วาจา และทางเพศ
-
4:41 - 4:44ไม่ว่าพวกเขาจะคิดอะไรก็ตามที
แต่ผมสัมผัสได้ -
4:44 - 4:46ครั้งแรกที่มันเกิดขึ้น
-
4:46 - 4:49ผมทั้งตกใจและเต็มไปด้วยความหวาดระแวง
-
4:49 - 4:50พวกเขาทำกับผมแบบนี้ได้อย่างไร
-
4:51 - 4:53ผมรู้สึกสับสนไปหมด
-
4:53 - 4:55ผมทำอะไรลงไปถึงต้องโดนแบบนี้
-
4:55 - 4:59ใจผมส่วนหนึ่งอยากจะร่ำไห้
แต่อีกใจก็ต้องการลุกขึ้นสู้ -
5:00 - 5:03ความเจ็บปวด ความเสียใจ
ความโกรธแค้น ถาโถมเข้าใส่ผม -
5:03 - 5:05ผมรู้สึกไร้ค่า
-
5:05 - 5:07ไม่มีใครที่จะมาปลอบโยนผม
-
5:08 - 5:11แต่พ่อแม่ผมหารู้ไม่ว่า
มีสิ่งใดเกิดขึ้นบ้าง -
5:11 - 5:15ผมตกอยู่ในความหวาดผวา
รู้ตัวดีว่ามันต้องเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า -
5:15 - 5:18ไม่รู้แต่เพียง มันจะเกิดขึ้นอีกเมื่อไหร่
-
5:18 - 5:20เท่าที่รู้คือ ผมจะไม่มีวันเป็นเหมือนเดิม
-
5:21 - 5:25ผมจำเพลงที่วิทนีย์ ฮูสตันร้องได้ว่า
-
5:25 - 5:30"ไม่ว่าพวกเขาจะพรากอะไรไปจากฉัน
พวกเขาจะไม่มีวันพรากศักดิ์ศรีฉันไปได้" -
5:30 - 5:33แล้วผมก็คิดในใจว่า "มาพนันกันไหมล่ะ"
-
5:35 - 5:39บางทีพ่อแม่อาจจับได้และช่วยผมไว้
-
5:39 - 5:41แต่หลายปีของการดูแลเป็นกิจวัตร
-
5:41 - 5:44ต้องตื่นทุก ๆ สองชั่วโมงเพื่อพลิกตัวผม
-
5:44 - 5:47ประกอบกับความโศกเศร้า
จากการสูญเสียลูกชาย -
5:47 - 5:51ได้ทำร้ายจิตใจพ่อแม่ผม
-
5:51 - 5:54ตามมาด้วยพ่อกับแม่มีปากเสียงกัน
-
5:54 - 5:57ในชั่ววูบแห่งความสิ้นหวังและหมดกำลังใจ
-
5:57 - 6:00แม่หันมาหาผมและบอกว่า
"ผมน่าจะตายไปเสีย" -
6:02 - 6:05ผมสะเทือนใจมาก
แต่เมื่อนึกถึงคำพูดของแม่ -
6:05 - 6:09ผมก็เอ่อล้นไปด้วยความรัก
และความเห็นใจที่มีต่อแม่อย่างเต็มเปี่ยม -
6:09 - 6:11แต่ผมกลับช่วยอะไรท่านไม่ได้เลย
-
6:13 - 6:15หลายครา ที่ผมยอมจำนน
-
6:15 - 6:17จมดิ่งลงสู่ห้วงหุบเหวลึกอันมืดมิด
-
6:17 - 6:21ผมก็นึกถึงช่วงเวลาสั้น ๆ ครั้งหนึ่ง
-
6:21 - 6:23ที่พ่อให้ผมรออยู่บนรถคนเดียว
-
6:23 - 6:26ระหว่างที่เขารีบไปซื้อของจากร้านค้า
-
6:26 - 6:29มีคนแปลกหน้าผู้หนึ่งเดินผ่านมา
-
6:29 - 6:32มองมาที่ผมแล้วยิ้มให้
-
6:33 - 6:36ผมอาจไม่เคยรู้ว่าเพราะอะไร
แต่การกระทำเรียบ ๆ นั้น -
6:36 - 6:38ชั่วขณะของความสัมพันธ์กับผู้คน
-
6:38 - 6:41ได้แปรเปลี่ยนความรู้สึกผม
-
6:41 - 6:43ทำให้ผมอยากจะก้าวต่อไป
-
6:44 - 6:47การมีชีวิตอยู่ของผม
ถูกทรมานจากความซ้ำซาก -
6:47 - 6:50บ่อยครั้ง ความเป็นจริงก็ยากเกินจะรับไหว
-
6:50 - 6:54การอยู่กับความคิดอย่างเดียวดาย
ผมได้สร้างโลกจิตนาการอันล้ำลึก -
6:54 - 6:57ถึงเหล่ามดที่เดินไปตามพื้น
-
6:57 - 7:02ผมได้เรียนรู้วิธีบอกเวลา
จากการสังเกตตำแหน่งของเงา -
7:02 - 7:07และเรียนรู้ว่าเงาเคลื่อนที่อย่างไร
เมื่อเวลาของแต่ละวันผ่านไป -
7:07 - 7:11ผมถึงเข้าใจว่า นานเพียงใด
กว่าจะมีคนมารับผมกลับบ้าน -
7:11 - 7:15การได้เห็นพ่อเดินพ้นประตูมารับผม
-
7:15 - 7:17เป็นช่วงเวลาอันวิเศษสุดของวัน
-
7:18 - 7:20จิตใจผมกลายเป็นเครื่องมือ
ที่ผมสามารถใช้งานได้ -
7:20 - 7:23ไม่ว่าจะปิดใจเพื่อหลีกหนีความเป็นจริง
-
7:23 - 7:28หรือแผ่ขยายให้เป็นอาณาเขตอันไพศาล
ที่ผมสามารถเติมเต็มด้วยจินตนาการ -
7:28 - 7:30ผมได้แต่หวังว่าความจริงจะเปลี่ยนไป
-
7:30 - 7:33จะมีใครสักคนเห็นว่าผมกลับมามีชีวิตแล้ว
-
7:33 - 7:35แต่ผมก็ถูกซัดออกไปเหมือนกับปราสาททราย
-
7:35 - 7:38ที่สร้างชิดริมหาดจนเกินไป
-
7:38 - 7:42และในสถานะของผม
คือคนที่ผู้อื่นหวังให้ผมเป็น -
7:42 - 7:46ใครคนหนึ่งที่เป็น มาร์ติน
เป็นเปลือกกลวง ๆ เป็นผัก -
7:46 - 7:50สมควรที่จะถูกดุด่า ไม่แยแส
หรือแม้กระทั่งทารุณ -
7:50 - 7:53สำหรับคนอื่น ผมก็คือ
เด็กที่มีความผิดปกติทางสมองที่น่าเวทนา -
7:53 - 7:55ผู้เติบโตขึ้นมาเป็นชายหนุ่ม
-
7:55 - 7:58ใครคนหนึ่งที่พวกเขาเคยห่วงใยและเมตตา
-
7:58 - 8:01จะดีจะร้าย ผมก็คือผืนผ้าใบเปล่า ๆ
-
8:01 - 8:04ที่รูปแบบของผมอันหลากหลาย
ถูกฉายลงบนนั้น -
8:05 - 8:08ทำให้มีใครคนใหม่
ที่จะมองผมต่างออกไป -
8:08 - 8:13นักสุคนธบำบัดคนหนึ่ง
เริ่มมาที่สถานดูแลประมาณสัปดาห์ละครั้ง -
8:13 - 8:16ไม่ว่าจะรู้โดยสัญชาตญาณ
หรือความใส่ใจในรายละเอียด -
8:16 - 8:18ที่คนอื่นล้มเหลวที่จะสังเกต
-
8:18 - 8:22เธอเริ่มเกลี้ยกล่อมว่า
ผมเข้าใจสิ่งที่เธอพูดอยู่ -
8:22 - 8:25เธอรบเร้าพ่อแม่ ให้พาผม
ไปหาผู้เชี่ยวชาญเพื่อทดสอบ -
8:25 - 8:29"การสื่อความหมายเสริมและทางเลือก"
-
8:29 - 8:30และภายในหนึ่งปี
-
8:30 - 8:34ผมก็เริ่มใช้คอมพิวเตอร์ในการสื่อสาร
-
8:34 - 8:38บางครั้ง มันทั้งน่าตื่นเต้น
และน่าขัดใจระคนกัน -
8:38 - 8:40ผมมีความในใจมากมายเหลือเกิน
-
8:40 - 8:43ที่ไม่อาจรอจะถ่ายทอดให้พวกเขาฟัง
-
8:43 - 8:47บางที ผมอาจจะพูดกับตัวเอง
ก็เพราะผมทำได้ -
8:47 - 8:50ภายในตัวผม มีผู้พร้อมฟังอยู่
-
8:50 - 8:53และผมเชื่อว่า หากผมแสดง
ความคิดและความปรารถนาออกมา -
8:53 - 8:55คนอื่น ๆ ก็จะรับฟังด้วย
-
8:55 - 8:57แต่เมื่อผมเริ่มสื่อสารมากขึ้น
-
8:57 - 9:00ผมก็ตระหนักว่า แท้จริงแล้ว
มันเป็นเพียงการเริ่มต้น -
9:01 - 9:03ของการสร้างเสียงใหม่ให้ตัวเอง
-
9:03 - 9:08ผมถูกผลักดันให้เข้าสู่โลก
ที่ไม่รู้แน่ว่ามันทำงานอย่างไร -
9:08 - 9:09ผมเลิกไปที่สถานดูแล
-
9:10 - 9:13และเริ่มหางานชิ้นแรกทำ
คืองานรับถ่ายเอกสาร -
9:13 - 9:17ซึ่งเป็นงานง่าย ๆ แต่กลับน่าอัศจรรย์
-
9:17 - 9:19โลกใหม่ของผมช่างน่าตื่นตาตื่นใจ
-
9:19 - 9:22แต่บ่อยครั้ง มันก็ท่วมท้นจนน่ากลัว
-
9:22 - 9:24ผมเหมือนเด็กในร่างวัยหนุ่ม
-
9:24 - 9:26และจากที่เคยเป็นอิสระ
-
9:26 - 9:27ผมกลับต้องฝ่าฟัน
-
9:27 - 9:31ผมยังได้เรียนรู้ว่า มันเป็นไปไม่ได้เลย
-
9:31 - 9:36ที่จะลบภาพมาร์ตินคนเดิม ออกไปจาก
ความทรงจำของผู้คนทั้งหลายที่รู้จักผมมานาน -
9:36 - 9:37ในขณะผู้คนที่เพิ่งพบกัน
-
9:37 - 9:41ก็ยากที่จะมองข้าม
ภาพลักษณ์ของชายใบ้บนรถเข็น -
9:42 - 9:45ผมตระหนักว่าบางคนจะรับฟังผม
-
9:45 - 9:48ก็ต่อเมื่อสิ่งที่ผมพูด
มันตรงกับสิ่งที่เขาอยากฟังเท่านั้น -
9:48 - 9:50หาไม่แล้ว พวกเขาจะไม่สนใจเลย
-
9:50 - 9:52และพวกเขาจะทำแต่สิ่งที่คิดว่าดีที่สุด
-
9:53 - 9:55ผมค้นพบว่าการสื่อสารที่แท้จริง
-
9:55 - 9:58เป็นมากกว่าแค่การสื่อข้อความทางกายภาพ
-
9:58 - 10:01แต่เป็นการที่ข้อความได้รับฟัง
และได้รับความเคารพ -
10:03 - 10:05สื่งต่าง ๆ ยังคงเป็นไปด้วยดี
-
10:05 - 10:08ร่างกายผมค่อย ๆ แข็งแรงขึ้น
-
10:08 - 10:10ผมได้งานคอมพิวเตอร์ที่ผมรัก
-
10:10 - 10:15และมีแม้กระทั่งสุนัขที่ชื่อ "โคเเจ๊ค"
ซึ่งเป็นสิ่งที่ผมใฝ่ฝันมาตลอดหลายปี -
10:15 - 10:19แต่ถึงอย่างนั้น
ผมก็ยังโหยหาที่จะใช้ชีวิตร่วมกับใครสักคน -
10:19 - 10:24ผมยังจำครั้งเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่าง
ระหว่างที่พ่อขับรถพากลับบ้านจากที่ทำงาน -
10:24 - 10:28คิดว่าผมมีความรักมากมายอยู่ภายในตัว
แต่กลับไม่ใครจะมอบให้ -
10:28 - 10:33และเมื่อผมก้มหน้ายอมรับความจริง
ว่าคงต้องครองตนเป็นโสดไปชั่วชีวิต -
10:33 - 10:35ผมก็ได้พบ "โจน"
-
10:35 - 10:38ไม่เพียงแค่เธอจะเป็นสิ่งที่ดีที่สุด
เท่าที่เคยเกิดขึ้นกับตัวผมเท่านั้น -
10:38 - 10:43แต่เธอยังช่วยให้ผมฝ่าความคิดผิด ๆ
ที่มีต่อตัวเองอีกด้วย -
10:43 - 10:48โจนบอกว่า เธอตกหลุมรักผมผ่านถ้อยคำ
-
10:48 - 10:50ทว่า หลังจากทุกสิ่งที่ผมได้ผ่านพ้นมา
-
10:50 - 10:52ผมก็ยังไม่สามารถสั่นคลอนความเชื่อ
-
10:52 - 10:55ที่ว่า ไม่มีใครสามารถ
จะมองข้ามความพิการของผมไปได้ -
10:55 - 10:58และยอมรับในสิ่งที่ผมเป็น
-
10:58 - 11:02ผมยังต้องกัดฟันที่จะเข้าใจ
ว่าตัวผมเองก็เป็นมนุษย์คนหนึ่ง -
11:02 - 11:05ครั้งแรกที่มีคนเอ่ยถึงผมในฐานะมนุษย์
-
11:05 - 11:07มันทำให้ผมหยุดชะงัก
-
11:07 - 11:12ผมรู้สึกราวกับมองไปรอบ ๆ
แล้วถามว่า "ใคร? ผมเหรอ" -
11:12 - 11:14ทุกอย่างนั้น เปลี่ยนไปเพราะโจน
-
11:14 - 11:16เราสองมีสัมพันธภาพอันน่าอัศจรรย์
-
11:16 - 11:21และผมได้เรียนรู้ว่ามันสำคัญแค่ไหน
ที่จะสื่อสารอย่างเปิดเผยและตรงไปตรงมา -
11:21 - 11:25ผมรู้สึกปลอดภัย และมันได้มอบความเชื่อมั่น
ที่จะพูดในสิ่งที่คิดออกมาจากใจ -
11:26 - 11:30ผมรู้สึกอิ่มเอิบอีกครั้ง
เป็นมนุษย์ผู้ควรค่าแก่ความรัก -
11:30 - 11:32ผมเริ่มจะวาดหวังอนาคตของตัวเองขึ้นมาใหม่
-
11:32 - 11:35ผมเริ่มแสดงความเห็นมากขึ้นในที่ทำงาน
-
11:35 - 11:39ผมได้แสดงความต้องการอิสระของผม
กับผู้คนรอบข้าง -
11:39 - 11:43การได้รับเครื่องมือสำหรับการสื่อสาร
ได้แปรเปลี่ยนทุกอย่าง -
11:43 - 11:47ผมใช้พลังแห่งคำพูดและความมุ่งมั่น
ประมือกับความคิดด่วนตัดสิน -
11:47 - 11:51ของผู้คนรอบข้างและของตัวผมเอง
-
11:51 - 11:53การสื่อสารคือสิ่งที่ทำให้เราเป็นมนุษย์
-
11:53 - 11:56ทำให้เรามีปฏิสัมพันธ์ในระดับลึกที่สุด
-
11:56 - 11:58กับผู้คนรอบข้าง
-
11:58 - 11:59บอกเล่าเรื่องราวของตัวเราเอง
-
11:59 - 12:03แสดงความต้องการ ความปรารถนา
-
12:03 - 12:06หรือรับรู้จากคนอื่นด้วยการตั้งใจฟัง
-
12:06 - 12:09ทั้งหมดนี้คือหนทางที่โลกจะรู้ว่าเราคือใคร
-
12:09 - 12:11เช่นนั้น เราจะเป็นใครเล่า ถ้าขาดมันไป
-
12:12 - 12:16การสื่อสารที่แท้จริงจะเพิ่มความเข้าใจ
-
12:16 - 12:19และสร้างโลกที่มีความเห็นใจ
มีความเอาใจใส่กันมากขึ้น -
12:20 - 12:23ครั้งหนึ่ง ผมเคยถูกมองเป็นสิ่งของไร้ชีวิต
-
12:23 - 12:26เป็นร่างไร้จิตใจของเด็กชายบนรถเข็น
-
12:26 - 12:28วันนี้ ผมเป็นมากกว่านั้น
-
12:29 - 12:31เป็นทั้งสามี, ลูกชาย, เพื่อน,
-
12:31 - 12:35พี่ชาย, เจ้าของกิจการ,
บัณฑิตเกียรตินิยมอันดับหนึ่ง, -
12:35 - 12:38ช่างภาพมือสมัครเล่นผู้กระตือรือร้น
-
12:38 - 12:41เป็นเพราะความสามารถในการสื่อสาร
ที่ได้มอบทุกสิ่งทั้งหมดนี้แก่ผม -
12:42 - 12:46เราถูกพร่ำสอนมาว่า
"การกระทำสำคัญกว่าคำพูด" -
12:46 - 12:48แต่ผมก็สงสัยว่า
-
12:48 - 12:49"จริงหรือ"
-
12:51 - 12:54อย่างไรก็ดี เราต่างสื่อสารกันด้วยคำพูด
-
12:54 - 12:56พวกมันก็ทรงพลังเช่นกัน
-
12:56 - 12:58ไม่ว่าเราจะพูดด้วยน้ำเสียงของเรา
-
12:58 - 13:00หรือด้วยการส่งสายตา
-
13:00 - 13:04หรือสื่อสารโดยไร้เสียง
ให้ใครบางคนกล่าวออกมาแทนเรา -
13:04 - 13:07คำพูดเป็นหนึ่งในเครื่องมืออันทรงพลังที่สุด
-
13:08 - 13:11ผมฟื้นขึ้นมาจากความมืดมนอันแสนโหดร้าย
-
13:11 - 13:13ถูกฉุดรั้งขึ้นมาด้วยบรรดาผู้ที่ห่วงใย
-
13:13 - 13:16และด้วยตัวภาษาเอง
-
13:16 - 13:20การกระทำของคุณที่รับฟังผมในวันนี้
ได้พาผมให้ก้าวออกมาเผยตัวตนมากขึ้น -
13:20 - 13:22เราได้เปล่งประกายไปด้วยกัน ณ ที่แห่งนี้
-
13:22 - 13:26หากจะมีอุปสรรคใดที่ยากลำบากที่สุด
ในการสื่อสารของผม -
13:26 - 13:28ก็คงจะเป็น เวลาที่ผมอยากจะร้องออกมาดัง ๆ
-
13:28 - 13:33และบางครั้งที่ผมอยากจะกระซิบ
คำว่ารักหรือคำขอบคุณอย่างแผ่วเบา -
13:33 - 13:35มันฟังดูเหมือนกันไปหมด
-
13:35 - 13:36แต่ถ้าคุณอยากจะรู้
-
13:36 - 13:40โปรดจินตนาการถึงคำพูดสองคำถัดจากนี้
ให้อบอุ่นที่สุดเท่าที่จะทำได้นะครับ -
13:42 - 13:44"ขอบคุณ"
-
13:44 - 13:55(เสียงปรบมือ)
- Title:
- สติของผมฟื้นคืนชีพขึ้นมาใหม่ แต่กลับไม่มีใครล่วงรู้
- Speaker:
- มาร์ติน พิสโตริอุส (Martin Pistorius)
- Description:
-
ลองนึกภาพดูถึงการไม่สามารถพูดได้ว่า "ฉันหิว", "ฉันเจ็บ", "ขอบคุณ" หรือ "ฉันรักคุณ" ได้
สูญเสียความสามารถในการสื่อสารและถูกกักขังอยู่แต่ภายในร่างกาย รายล้อมไปด้วยผู้คน แต่กลับโดดเดี่ยวอย่างสุดซึ้ง เป็นเวลากว่า 13 ปี ที่มาร์ตินต้องเผชิญความจริงนี้ หลังจากที่เขาติดเชื้อในสมองตอนอายุได้ 12 ปี มาร์ตินก็สูญเสียความสามารถในการควบคุมความเคลื่อนไหวและการพูด และสุดท้ายเขาก็ไม่ผ่านการประเมินแบบทดสอบการรับรู้สติสัมปชัญญะใด ๆ เขาจึงมีสภาพไม่ต่างจากวิญญาณ แต่แล้วเรื่องประหลาดก็เกิดขึ้น เมื่อสติของเขาเริ่มถักทอตัวมันเองเข้าด้วยกัน
ในการบรรยายที่จะมาทำให้หัวใจคุณหวั่นไหวนี้ มาร์ตินจะมาเล่าว่า เขาปลดปล่อยตัวเองออกจากชีวิตที่ถูกกักขังแต่ภายในร่างกายได้อย่างไร - Video Language:
- English
- Team:
- closed TED
- Project:
- TEDTalks
- Duration:
- 14:08
Kelwalin Dhanasarnsombut approved Thai subtitles for Martin Pistorius | ||
Retired user accepted Thai subtitles for Martin Pistorius | ||
Phiratath Nopratanawong edited Thai subtitles for Martin Pistorius | ||
Phiratath Nopratanawong edited Thai subtitles for Martin Pistorius | ||
Retired user declined Thai subtitles for Martin Pistorius | ||
Retired user edited Thai subtitles for Martin Pistorius | ||
Retired user edited Thai subtitles for Martin Pistorius | ||
Phiratath Nopratanawong edited Thai subtitles for Martin Pistorius |