นีล แม็คเกรเกอร์: ประวัติศาสตร์ 2,600 ปีผ่านวัตถุหนึ่งชิ้น
-
0:00 - 0:02สิ่งที่มนุษย์เราสร้างขึ้น
-
0:02 - 0:05มีคุณสมบัติพิเศษสุดอย่างหนึ่ง
-
0:05 - 0:07นั่นคือ มันอายุยืนยาวกว่าเรา
-
0:07 - 0:09เราล้มหายตายจาก มันอยู่รอด
-
0:09 - 0:12เรามีหนึ่งชีวิต มันมีหลายชีวิต
-
0:12 - 0:15และในแต่ละชีวิต มันมีความหมายได้หลากหลาย
-
0:15 - 0:18ซึ่งหมายความว่า ในขณะที่เรามีชีวประวัติหนึ่งเดียว
-
0:18 - 0:20มันมีชีวประวัติมากมาย
-
0:20 - 0:22เช้าวันนี้ ผมอยากจะพูดถึง
-
0:22 - 0:25เรื่องราวหรือชีวประวัติอันหลากหลาย
-
0:25 - 0:28ของวัตถุชิ้นหนึ่ง
-
0:28 - 0:30วัตถุอันน่าทึ่ง
-
0:30 - 0:32ผมเห็นด้วย
-
0:32 - 0:34มันไม่ได้ดูพิเศษสักเท่าไหร่
-
0:34 - 0:37ขนาดของมันประมาณลูกรักบี้
-
0:37 - 0:39ถูกทำขึ้นจากดิน
-
0:39 - 0:41และขึ้นรูปเป็น
-
0:41 - 0:44ทรงกระบอก
-
0:44 - 0:46ปกคลุมไปด้วยตัวอักษรแน่นขนัด
-
0:46 - 0:49จากนั้นถูกนำไปตากแดดจนแห้ง
-
0:49 - 0:51แล้วก็อย่างที่คุณเห็น
-
0:51 - 0:53มันถูกกะเทาะออกไปบางส่วน
-
0:53 - 0:55ซึ่งไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจ
-
0:55 - 0:58เพราะมันถูกสร้างขึ้นตั้งแต่ 2,600 ปีก่อน
-
0:58 - 1:00และถูกขุดขึ้นมา
-
1:00 - 1:02ในปี 1879
-
1:02 - 1:04แต่ในปัจจุบัน
-
1:04 - 1:06ผมเชื่อว่าวัตถุชิ้นนี้
-
1:06 - 1:08เป็นผู้เล่นหลัก
-
1:08 - 1:10ในการเมืองของโลกตะวันออกกลาง
-
1:10 - 1:12มันเป็นวัตถุที่
-
1:12 - 1:14เต็มไปด้วยเรื่องราวอันน่าหลงใหล
-
1:14 - 1:18และเรื่องราวเหล่านั้นยังไม่สิ้นสุด
-
1:18 - 1:20จุดเริ่มของเรื่อง
-
1:20 - 1:24เกิดขึ้นในสงครามอิหร่าน-อิรัก
-
1:24 - 1:26ซึ่งรวมถึงเหตุการณ์ต่างๆ
-
1:26 - 1:28ที่นำไปสู่
-
1:28 - 1:30การบุกอิรัก
-
1:30 - 1:32โดยกองกำลังต่างชาติ
-
1:32 - 1:34การโค่นล้มผู้นำเผด็จการ
-
1:34 - 1:37และการเปลี่ยนแปลงระบอบอย่างฉับพลัน
-
1:37 - 1:39ผมจึงอยากเริ่มต้นด้วย
-
1:39 - 1:41เรื่องราวตอนหนึ่งจากเหตุการณ์เหล่านั้น
-
1:41 - 1:44ซึ่งพวกคุณน่าจะคุ้นเคยกันดี
-
1:44 - 1:46งานเลี้ยงของเบลชัซซาร์
-
1:46 - 1:48เรากำลังพูดถึงสงครามอิหร่าน-อิรัก
-
1:48 - 1:51เมื่อ 539 ปีก่อนคริสตกาล
-
1:51 - 1:53แต่ความสอดคล้องของเหตุการณ์
-
1:53 - 1:55ในช่วง 539 ปีก่อนคริสตกาล
-
1:55 - 1:58กับปี 2003 และในระหว่างนั้น
-
1:58 - 2:00เป็นสิ่งที่น่าตกใจ
-
2:00 - 2:02นี่คือภาพของเรมแบรนด์ท
-
2:02 - 2:04ซึ่งตอนนี้อยู่ที่เนชันแนล แกลเลอรีในลอนดอน
-
2:04 - 2:06แสดงเรื่องราวจากพระคัมภีร์ฮีบรู
-
2:06 - 2:09ของโหรชื่อดาเนียล
-
2:09 - 2:11พวกคุณน่าจะพอรู้เรื่องราวอยู่แล้ว
-
2:11 - 2:14เบลชัซซาร์เป็นบุตรของเนบูชัดเนซซาร์
-
2:14 - 2:17ผู้พิชิตอิสราเอล ปล้นนครเยรูซาเล็ม
-
2:17 - 2:19และกวาดต้อนชาวยิว
-
2:19 - 2:21กลับไปยังนครบาบิลอน
-
2:21 - 2:24นอกจากชาวยิว พระองค์ยังเอาวัตถุในวิหารกลับไปด้วย
-
2:24 - 2:27พระองค์ปล้นสะดมและทำลายวิหารต่างๆ
-
2:27 - 2:30ภาชนะทองคำล้ำค่าจากวิหารในเยรูซาเล็ม
-
2:30 - 2:33ถูกนำกลับไปยังบาบิลอน
-
2:33 - 2:35เบลชัซซาร์ บุตรของพระองค์
-
2:35 - 2:37ตัดสินใจให้มีงานเฉลิมฉลองขึ้น
-
2:37 - 2:39และเพื่อให้เร้าใจกว่าเดิม
-
2:39 - 2:42พระองค์เพิ่มการดูหมิ่นสิ่งเคารพเข้าไปในงานรื่นเริง
-
2:42 - 2:45โดยนำภาชนะศักดิ์สิทธิ์ออกมาใช้
-
2:45 - 2:48ขณะนั้นพระองค์เข้าสู่สงครามกับอิหร่านแล้ว
-
2:48 - 2:50กับกษัตริย์แห่งเปอร์เซีย
-
2:50 - 2:53และในคืนนั้นเอง ตามคำบันทึกของดาเนียล
-
2:53 - 2:55ขณะที่งานเลี้ยงกำลังสนุกสุดเหวี่ยง
-
2:55 - 2:58มีมือหนึ่งปรากฏขึ้นและเขียนลงบนผนังว่า
-
2:58 - 3:01"เจ้าได้ถูกชั่งบนตราชูและพบว่ายังพร่องอยู่
-
3:01 - 3:03อาณาจักรของเจ้าจะถูกส่งต่อ
-
3:03 - 3:05ให้ชาวมีดส์และเปอร์เซีย"
-
3:05 - 3:07และในคืนนั้นเอง
-
3:07 - 3:11ไซรัส กษัตริย์แห่งเปอร์เซีย บุกเข้าบาบิลอน
-
3:11 - 3:16และระบอบของเบลชัซซาร์ก็จบสิ้นลง
-
3:16 - 3:18แน่นอนว่านั่นคือชั่วขณะอันยิ่งใหญ่
-
3:18 - 3:20ในประวัติศาสตร์
-
3:20 - 3:22ของชาวยิว
-
3:22 - 3:24มันเป็นเรื่องราวยิ่งใหญ่ ที่เราทุกคนรู้จักดี
-
3:24 - 3:26"ข้อความบนผนัง"
-
3:26 - 3:29ยังอยู่ในภาษาที่เราใช้กันทุกวันนี้
-
3:29 - 3:31สิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากนั้น
-
3:31 - 3:33เป็นเรื่องน่าทึ่ง
-
3:33 - 3:35และเป็นจุดที่กระบอกของเรา
-
3:35 - 3:37เข้าไปเกี่ยวข้อง
-
3:37 - 3:39ไซรัส กษัตริย์แห่งเปอร์เซีย
-
3:39 - 3:41บุกเข้าบาบิลอนโดยไม่ต้องต่อสู้
-
3:41 - 3:43อาณาจักรบาบิลอนอันยิ่งใหญ่
-
3:43 - 3:45ซึ่งกินบริเวณตั้งแต่อิรักตอนใต้
-
3:45 - 3:47ไปจรดทะเลเมดิเตอร์เรเนียน
-
3:47 - 3:49ตกเป็นของไซรัส
-
3:49 - 3:53และไซรัสได้ออกพระราชโองการ
-
3:53 - 3:56และนั่นคือสิ่งที่กระบอกนี้เป็น
-
3:56 - 3:59ประกาศิตของผู้นำที่ทำตามบัญชาของพระเจ้า
-
3:59 - 4:03ผู้โค่นล้มกษัตริย์อิรัก
-
4:03 - 4:05และกำลังจะนำเสรีภาพมาสู่ประชาชน
-
4:05 - 4:07เพื่อสื่อสารกับชาวบาบิโลเนีย
-
4:07 - 4:09มันจึงถูกเขียนขึ้นด้วยภาษาบาบิโลเนีย
-
4:09 - 4:12ไซรัสตรัสว่า "ข้าคือไซรัส กษัตริย์แห่งเอกภพทั้งมวล
-
4:12 - 4:14ราชาผู้ยิ่งใหญ่ ผู้ทรงอำนาจ
-
4:14 - 4:18กษัตริย์แห่งบาบิลอน เจ้าผู้ครองโลกทั้ง 4 ทิศ"
-
4:18 - 4:21คงเห็นนะครับว่าพวกเขาไม่อายที่จะพูดเกินจริง
-
4:21 - 4:23เป็นไปได้ว่านี่คือ
-
4:23 - 4:25ข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับแรก
-
4:25 - 4:27โดยกองทัพของผู้มีชัย
-
4:27 - 4:29เท่าที่เรามีอยู่
-
4:29 - 4:31อีกเดี๋ยวเราจะได้เห็นว่า มันถูกเขียนขึ้น
-
4:31 - 4:34โดยนักประชาสัมพันธ์มากประสบการณ์
-
4:34 - 4:37ฉะนั้นจะพูดเกินจริงไปสักหน่อยก็ไม่แปลกอะไร
-
4:37 - 4:39แล้วราชาผู้ยิ่งใหญ่ ผู้ทรงอำนาจ
-
4:39 - 4:42เจ้าผู้ครองโลกทั้ง 4 ทิศ จะทำอะไรหรือ
-
4:42 - 4:45ไซรัสตรัสต่อว่า เมื่อเอาชนะบาบิลอนได้
-
4:45 - 4:48พระองค์จะปลดปล่อยผู้คน
-
4:48 - 4:50ที่เนบูชัดเนซซาร์และเบลชัซซาร์
-
4:50 - 4:52จับตัวมาเป็นทาส
-
4:52 - 4:54ให้เป็นอิสระทันที
-
4:54 - 4:56พระองค์จะให้พวกเขาได้กลับดินแดนของตนเอง
-
4:56 - 4:58และที่สำคัญกว่านั้นคือ
-
4:58 - 5:00พระองค์จะให้พวกเขา
-
5:00 - 5:02ได้นำเทพเจ้า รูปปั้น
-
5:02 - 5:04และภาชนะศักดิ์สิทธิ์
-
5:04 - 5:06ซึ่งถูกริบมา กลับคืนไป
-
5:06 - 5:09ผู้ที่เคยถูกกดขี่และถูกเนรเทศ
-
5:09 - 5:11จะได้กลับบ้าน
-
5:11 - 5:14พร้อมกับพระเจ้าของพวกเขา
-
5:14 - 5:17พวกเขาจะได้ฟื้นฟูแท่นบูชาขึ้ันมาใหม่
-
5:17 - 5:19และบูชาพระเจ้าของตน
-
5:19 - 5:22ในวิถีทางและพื้นที่ของตัวเอง
-
5:22 - 5:24นี่คือพระราชโองการ
-
5:24 - 5:27ที่มีวัตถุชิ้นนี้เป็นหลักฐาน
-
5:27 - 5:29เกี่ยวกับความจริงที่ว่าชาวยิว
-
5:29 - 5:31หลังจากถูกเนรเทศมาอยู่บาบิลอน
-
5:31 - 5:34วันปีที่พวกเขาต้องนั่งอยู่ริมน้ำ
-
5:34 - 5:37คร่ำครวญหวนไห้ถึงนครเยรูซาเล็ม
-
5:37 - 5:40ชาวยิวเหล่านั้นได้รับอนุญาตให้กลับบ้าน
-
5:40 - 5:42พวกเขาได้รับอนุญาตให้กลับคืนสู่เยรูซาเล็ม
-
5:42 - 5:44และสามารถสร้างวิหารขึ้นใหม่
-
5:44 - 5:46วัตถุชิ้นนี้คือเอกสารสำคัญ
-
5:46 - 5:48ในประวัติศาสตร์ชนชาติยิว
-
5:48 - 5:52พระธรรมพงศาวดารและเอสราในภาษาฮีบรู
-
5:52 - 5:54พูดถึงเหตุการณ์เดียวกันนี้
-
5:54 - 5:56และนี่คือเรื่องราวเดียวกัน
-
5:56 - 5:58ในเวอร์ชั่นของชาวยิว
-
5:58 - 6:00"แล้วไซรัส กษัตริย์แห่งเปอร์เซีย จึงตรัสว่า
-
6:00 - 6:03'อาณาจักรทั้งปวงในโลกนี้ที่พระผู้เป็นเจ้ามอบให้แก่ท่าน
-
6:03 - 6:05พระองค์ทรงมีพระบัญชาให้ข้า
-
6:05 - 6:07สร้างพระนิเวศน์ของพระองค์ขึ้นในเยรูซาเล็ม
-
6:07 - 6:09ในเหล่าพวกท่าน ผู้ใดคือประชาชนของพระองค์
-
6:09 - 6:11ขอพระองค์จงสถิตอยู่กับเขา
-
6:11 - 6:14และขอให้เขาขึ้นไปที่นั่น'"
-
6:14 - 6:16"ขึ้นไปที่นั่น" สู่พระเจ้า
-
6:16 - 6:19ใจความหลักยังคงเป็นเรื่องของ
-
6:19 - 6:21การหวนคืน
-
6:21 - 6:23ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญ
-
6:23 - 6:25ของศาสนายูดาย
-
6:25 - 6:27อย่างที่คุณรู้ การกลับคืนดินแดนในครั้งนั้น
-
6:27 - 6:29วิหารแห่งที่สอง
-
6:29 - 6:31ก่อร่างศาสนายูดายขึ้นมาใหม่
-
6:31 - 6:33และความเปลี่ยนแปลงนั้น
-
6:33 - 6:35เหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์อันยิ่งใหญ่นั้น
-
6:35 - 6:39เกิดขึ้นได้ด้วยไซรัส กษัตริย์แห่งเปอร์เซีย
-
6:39 - 6:42ดังที่ถูกบันทึกไว้ในพระคัมภีร์ด้วยภาษาฮีบรู
-
6:42 - 6:45และบนแผ่นดินด้วยภาษาบาบิโลเนีย
-
6:45 - 6:47บันทึกสำคัญสองฉบับ
-
6:47 - 6:49เกี่ยวข้องอะไรกับเรื่องการเมือง
-
6:49 - 6:51สิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นคือจุดเปลี่ยนสำคัญ
-
6:51 - 6:54ในประวัติศาสตร์ตะวันออกกลาง
-
6:54 - 6:57อาณาจักรอิหร่านของชาวมีดส์และเปอร์เซีย
-
6:57 - 6:59รวมกันเป็นหนึ่งภายใต้ไซรัส
-
6:59 - 7:03มันกลายเป็นอาณาจักรยิ่งใหญ่แห่งแรกของโลก
-
7:03 - 7:06ไซรัสเริ่มปกครองในช่วง 530 ปีก่อนคริสตกาล
-
7:06 - 7:10และเมื่อถึงรัชสมัยของดาริอุส บุตรชายของพระองค์
-
7:10 - 7:13ดินแดนฝั่งตะวันออกของทะเลเมดิเตอร์เรเนียน
-
7:13 - 7:15ล้วนตกอยู่ภายใต้อำนาจของเปอร์เซีย
-
7:15 - 7:17อาณาจักรแห่งนี้ แท้จริงก็คือ
-
7:17 - 7:19ดินแดนตะวันออกกลางที่เรารู้จักในปัจจุบัน
-
7:19 - 7:22และเป็นรากฐานของตะวันออกกลางอย่างที่เราเข้าใจ
-
7:22 - 7:24มันเป็นอาณาจักรที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่โลกเคยรู้จักในขณะนั้น
-
7:24 - 7:26ที่สำคัญยิ่งกว่าคือ
-
7:26 - 7:28มันเป็นรัฐแห่งแรก
-
7:28 - 7:30ที่หลอมรวมวัฒนธรรมและศรัทธาอันหลากหลาย
-
7:30 - 7:32ในระดับกว้าง
-
7:32 - 7:34การปกครองจึงต้องเป็นไปด้วยวิถีทางใหม่
-
7:34 - 7:36ด้วยภาษาที่แตกต่างหลากหลาย
-
7:36 - 7:39เห็นได้จากการที่โองการนี้อยู่ในภาษาบาบิโลเนีย
-
7:39 - 7:41และรัฐนี้ยังต้องตระหนักถึงพฤติกรรมที่แตกต่าง
-
7:41 - 7:44ของผู้คน ศาสนา และศรัทธาอันหลากหลาย
-
7:44 - 7:47ซึ่งทั้งหมดได้รับการยอมรับจากไซรัส
-
7:47 - 7:49ไซรัสเป็นผู้ออกแบบ
-
7:49 - 7:51วิธีบริหารสังคม
-
7:51 - 7:56ที่เต็มไปด้วยความหลากหลายทางเชื้อชาติ ศรัทธา และวัฒนธรรม
-
7:56 - 7:58และผลลัพธ์ที่ตามมา
-
7:58 - 8:01คืออาณาจักรที่ครอบคลุมพื้นที่ที่คุณเห็นบนจอ
-
8:01 - 8:04และอยู่รอดอย่างมีเสถียรภาพมาถึง 200 ปี
-
8:04 - 8:07จนกระทั่งถูกตีแตกโดยอเล็กซานเดอร์
-
8:07 - 8:09มันทิ้งความฝันของตะวันออกกลางที่เป็นหนึ่งเดียว
-
8:09 - 8:11ดินแดนที่ผู้คนซึ่งมีศรัทธาอันแตกต่าง
-
8:11 - 8:13สามารถอยู่ร่วมกันได้
-
8:13 - 8:15การบุกรุกของกรีกดับความฝันนั้นลง
-
8:15 - 8:18แน่นอนว่า อเล็กซานเดอร์ไม่สามารถปกครองได้
-
8:18 - 8:20ทำให้เปอร์เซียแตกออกเป็นส่วนๆ
-
8:20 - 8:22แต่สิ่งที่ไซรัสแสดงให้เห็น
-
8:22 - 8:24ยังคงเป็นหัวใจสำคัญ
-
8:24 - 8:27เซโนโฟน นักประวัติศาสตร์ชาวกรีก
-
8:27 - 8:29เขียนเอาไว้ในหนังสือ "ไซโรพีเดีย"
-
8:29 - 8:31ยกย่องไซรัสในฐานะผู้นำที่ยิ่งใหญ่
-
8:31 - 8:34และในประวัติศาสตร์ตะวันตกหลังจากนั้น
-
8:34 - 8:37ไซรัสยังคงเป็นบุคคลต้นแบบ
-
8:37 - 8:39นี่คือภาพจากศตวรรษที่ 16
-
8:39 - 8:41เพื่อแสดงให้คุณเห็นว่าไซรัส
-
8:41 - 8:44เป็นที่เคารพอย่างกว้างขวางเพียงใด
-
8:44 - 8:46และหนังสือเกี่ยวกับไซรัสของซีโนโฟน
-
8:46 - 8:49ที่พูดถึงวิธีในการบริหารสังคมที่หลากหลาย
-
8:49 - 8:51ถือเป็นตำราสำคัญเล่มหนึ่ง
-
8:51 - 8:53ซึ่งเป็นแรงบันดาลใจให้กับเหล่าบิดาผู้สร้างชาติ
-
8:53 - 8:55สมัยการปฏิวัติอเมริกา
-
8:55 - 8:57เจฟเฟอร์สันคือหนึ่งในผู้ชื่นชม
-
8:57 - 8:59อุดมคติของไซรัสส่งอิทธิพล
-
8:59 - 9:01ต่อแนวคิดในสมัยศตวรรษที่ 18 อย่างเด่นชัด
-
9:01 - 9:03ถึงการสร้างขันติธรรมทางศาสนา
-
9:03 - 9:06ในรัฐใหม่
-
9:08 - 9:10ในระหว่างนั้น กลับมาที่บาบิลอน
-
9:10 - 9:12สถานการณ์ไม่ได้ดำเนินไปด้วยดีนัก
-
9:12 - 9:15หลังจากอเล็กซานเดอร์และอาณาจักรอื่นๆ ล่มสลาย
-
9:15 - 9:18บาบิลอนเสื่อมลง กลายเป็นสิ่งปรักหักพัง
-
9:18 - 9:22และร่องรอยของอาณาจักรบาบิลอนอันยิ่งใหญ่ก็สูญหายไปจนสิ้น
-
9:22 - 9:24จนกระทั่งปี 1879
-
9:24 - 9:27เมื่อกระบอกนี้ถูกค้นพบ
-
9:27 - 9:30ในนครบาบิลอน โดยคณะนักโบราณคดีจากบริติช มิวเซียม
-
9:30 - 9:33ถึงตอนนี้ อีกเรื่องราวหนึ่งเกิดขึ้นมา
-
9:33 - 9:35และมันก็เข้าสู่วิวาทะครั้งใหญ่
-
9:35 - 9:37ช่วงกลางศตวรรษที่ 19 --
-
9:37 - 9:40คำบันทึกนั้นเชื่อถือได้หรือไม่ เราจะไว้ใจมันได้หรือเปล่า
-
9:40 - 9:42เรารู้เฉพาะเรื่องราว
-
9:42 - 9:44การคืนกลับถิ่นของชาวยิวและโองการของไซรัส
-
9:44 - 9:46จากพระคัมภีร์ในภาษาฮีบรู
-
9:46 - 9:48ไม่มีหลักฐานอื่นใดอีก
-
9:48 - 9:50แต่แล้ว วัตถุนี้ก็ปรากฏขึ้น
-
9:50 - 9:52สร้างความตื่นเต้น
-
9:52 - 9:54ให้กับโลกของผู้ที่เชื่อในพระคัมภีร์นั้น
-
9:54 - 9:56ผู้ซึ่งศรัทธาถูกทำให้สั่นคลอน
-
9:56 - 9:58โดยทฤษฎีวิวัฒนาการ ธรณีวิทยา
-
9:58 - 10:00นี่ไงคือหลักฐาน ว่าข้อความ
-
10:00 - 10:02ในพระคัมภีร์ถูกต้องจริงตามประวัติศาสตร์
-
10:02 - 10:05มันเป็นชั่วขณะอันยิ่งใหญ่ในช่วงศตวรรษที่ 19
-
10:05 - 10:10แต่แน่นอนว่า นี่คือส่วนที่ทำให้เรื่องราวซับซ้อน
-
10:10 - 10:12สิ่งที่ถูกบันทึกไว้เป็นของแท้
-
10:12 - 10:15น่ายินดีสำหรับโบราณคดี
-
10:15 - 10:18แต่การตีความนั้นค่อนข้างจะซับซ้อนกว่ามาก
-
10:18 - 10:21เหตุเพราะเนื้อหาบนกระบอกและในพระคัมภีร์ฮีบรู
-
10:21 - 10:23มีสิ่งหนึ่งที่ต่างกันในสาระสำคัญ
-
10:23 - 10:25กระบอกบาบิลอนถูกบันทึก
-
10:25 - 10:27โดยนักบวชผู้บูชามาร์ดุค
-
10:27 - 10:29พระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่แห่งบาบิลอน
-
10:29 - 10:31จึงไม่น่าแปลกใจที่เขาจะบอกคุณว่า
-
10:31 - 10:33มาร์ดุคคือผู้ที่ทำให้ทุกสิ่งเกิดขึ้น
-
10:33 - 10:36"มาร์ดุคที่เคารพ เรียกชื่อไซรัส"
-
10:36 - 10:39มาร์ดุคคว้ามือของไซรัส
-
10:39 - 10:41และตรัสสั่งให้ดูแลประชาชนของพระองค์
-
10:41 - 10:44และมอบตำแหน่งผู้ปกครองแห่งบาบิลอนให้
-
10:44 - 10:46มาร์ดุคตรัสกับไซรัสว่า
-
10:46 - 10:48เขาจะเป็นผู้กระทำสิ่งที่เอื้ออารีและยิ่งใหญ่
-
10:48 - 10:50นั่นคือ การปลดปล่อยผู้คนให้เป็นอิสระ
-
10:50 - 10:52และนั่นคือเหตุผลว่าทำไมเราควรสำนึกในบุญคุณ
-
10:52 - 10:54และบูชามาร์ดุค
-
10:54 - 10:56สำหรับผู้บันทึกภาษาฮีบรู
-
10:56 - 10:58ในพันธสัญญาเก่า
-
10:58 - 11:01คุณจะไม่แปลกใจที่ได้รู้ว่า
-
11:01 - 11:03พวกเขาเห็นต่างออกไป
-
11:03 - 11:05แน่นอนว่าสำหรับพวกเขา
-
11:05 - 11:07หาใช่มาร์ดุคที่ทำให้เกิดเรื่องทั้งหมดขึ้น
-
11:07 - 11:09หากแต่เป็นพระยะโฮวาห์
-
11:09 - 11:11ในพระธรรมอิสยาห์
-
11:11 - 11:13มีบทบันทึกอันแสนวิเศษ
-
11:13 - 11:15ยกความดีความชอบทั้งหมด
-
11:15 - 11:16ไม่ใช่แด่มาร์ดุค
-
11:16 - 11:19หากมอบแด่พระผู้เป็นเจ้าแห่งอิสราเอล
-
11:19 - 11:21พระผู้เป็นเจ้าแห่งอิสราเอล
-
11:21 - 11:23ผู้เรียกขานชื่อของไซรัส
-
11:23 - 11:26และจับมือของไซรัสเอาไว้
-
11:26 - 11:28บอกให้เขาช่วยดูแลคนของพระองค์
-
11:28 - 11:30นี่เป็นตัวอย่างอันน่าทึ่ง
-
11:30 - 11:34ของการฉกฉวยอำนาจในการถ่ายทอด
-
11:34 - 11:36เหตุการณ์ทางการเมืองอันเดียวกัน
-
11:36 - 11:38ตามมุมมองของแต่ละศาสนา
-
11:38 - 11:40เราต่างรู้ว่า พระเจ้า
-
11:40 - 11:42มักอยู่ข้างคนหมู่มากเสมอ
-
11:42 - 11:45คำถามก็คือ พระเจ้าของใคร
-
11:45 - 11:47วิวาทะนี้สร้างความปั่นป่วน
-
11:47 - 11:49ให้กับทุกคนในช่วงศตวรรษที่ 19
-
11:49 - 11:51ที่ได้ทราบว่าบทบันทึกในคัมภีร์ฮีบรู
-
11:51 - 11:54เป็นส่วนหนึ่งของโลกที่กว้างกว่าโลกทางศาสนา
-
11:54 - 11:56และค่อนข้างชัดเจนว่า
-
11:56 - 11:59กระบอกเก่าแก่กว่าบทบันทึกในพระธรรมอิสยาห์
-
11:59 - 12:01กระนั้นพระดำรัสของพระยะโฮวาห์
-
12:01 - 12:03ช่างคล้ายคลึงกับคำพูดของ
-
12:03 - 12:05มาร์ดุคเหลือเกิน
-
12:05 - 12:08มีเงื่อนงำบางอย่างที่บอกว่าอิสยาห์รู้เห็นในเรื่องนี้
-
12:08 - 12:10เพราะเขากล่าวว่า
-
12:10 - 12:13นี่คือพระดำรัสของพระเจ้า
-
12:13 - 12:15"ข้าเรียกชื่อของเจ้า
-
12:15 - 12:17แม้ว่าเจ้าอาจจะไม่รู้จักข้า"
-
12:17 - 12:19แสดงว่าเป็นที่รับรู้ว่า
-
12:19 - 12:21ไซรัสอาจไม่รู้ตัวเลยว่า
-
12:21 - 12:24กำลังกระทำการภายใต้บัญชาของพระยะโฮวาห์
-
12:24 - 12:27และเขาคงจะประหลาดใจพอๆ กัน หากรู้ว่าตัวเองกำลังทำตามบัญชาของมาร์ดุค
-
12:27 - 12:29เพราะแน่นอนว่า
-
12:29 - 12:31ไซรัสเป็นชาวอิหร่านที่ดี
-
12:31 - 12:33ผู้ศรัทธาในพระเจ้าที่ต่างออกไป
-
12:33 - 12:35ซึ่งไม่ถูกกล่าวถึงเลยในบทบันทึกเหล่านั้น
-
12:35 - 12:37(เสียงหัวเราะ)
-
12:37 - 12:39นั่นคือปี 1879
-
12:39 - 12:4140 ปีถัดมา
-
12:41 - 12:44ตอนนี้เราอยู่ในปี 1917
-
12:44 - 12:46และกระบอกชิ้นนี้ได้เข้าสู่อีกโลกหนึ่ง
-
12:46 - 12:48เป็นโลกของการเมืองที่แท้จริง
-
12:48 - 12:50ในโลกร่วมสมัย
-
12:50 - 12:53ช่วงเวลาของปฏิญญาบอลโฟร์
-
12:53 - 12:56ปีที่อังกฤษ เจ้าอาณานิคมใหม่ในตะวันออกกลาง
-
12:56 - 12:58ตัดสินใจว่าจะประกาศ
-
12:58 - 13:00มอบบ้านให้แก่ชาวยิว
-
13:00 - 13:02เพื่อให้
-
13:02 - 13:04ชาวยิวได้กลับไป
-
13:04 - 13:06เสียงตอบรับต่อเรื่องนี้
-
13:06 - 13:09โดยชาวยิวที่อาศัยอยู่ในยุโรปตะวันออกคือ เสียงสรรเสริญ
-
13:09 - 13:11ทั่วยุโรปตะวันออก
-
13:11 - 13:13ชาวยิวแสดงภาพของไซรัส
-
13:13 - 13:15และพระเจ้าจอร์จที่ 5
-
13:15 - 13:17เคียงข้างกัน
-
13:17 - 13:19ผู้ปกครองผู้ยิ่งใหญ่สองพระองค์
-
13:19 - 13:22ผู้อนุญาตให้ชาวยิวคืนกลับสู่เยรูซาเล็ม
-
13:22 - 13:25กระบอกไซรัสปรากฏต่อสาธารณชนอีกครั้ง
-
13:25 - 13:27และเนื้อหาของกระบอก
-
13:27 - 13:30เป็นสิ่งที่แสดงให้เห็นว่าเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้น
-
13:30 - 13:33เมื่อสงครามสิ้นสุดลงในปี 1918
-
13:33 - 13:36เป็นส่วนหนึ่งของแผนการศักดิ์สิทธิ์
-
13:36 - 13:38พวกคุณรู้ดีว่าเกิดอะไรขึ้น
-
13:38 - 13:41รัฐอิสราเอลก่อกำเนิดขึ้น
-
13:41 - 13:44และในอีก 50 ปีต่อมา ในช่วงปลายทศวรรษ 60
-
13:44 - 13:47บทบาทของอังกฤษในฐานะเจ้าอาณานิคมยุติลง
-
13:47 - 13:50และเรื่องราวใหม่ของกระบอกได้เริ่มต้นขึ้น
-
13:50 - 13:52อังกฤษและอเมริกาตัดสินใจว่าตะวันออกกลาง
-
13:52 - 13:55ต้องถูกป้องกันจากภัยคอมมิวนิสต์
-
13:55 - 13:58อำนาจใหม่ที่จะถูกสร้างขึ้นเพื่อปฏิบัติภารกิจนี้
-
13:58 - 14:00คืออิหร่าน ภายใต้พระเจ้าชาห์
-
14:00 - 14:03พระเจ้าชาห์ได้สร้างประวัติศาสตร์อิหร่านขึ้นใหม่
-
14:03 - 14:05หรือคืนกลับสู่ประวัติศาสตร์อิหร่าน
-
14:05 - 14:08โดยเข้าไปอยู่ในศูนย์กลางประเพณีอันยิ่งใหญ่
-
14:08 - 14:10พร้อมทั้งผลิตเหรียญกษาปณ์
-
14:10 - 14:12ที่แสดงตัวพระองค์
-
14:12 - 14:14คู่กับกระบอกไซรัส
-
14:14 - 14:17เมื่อมีการจัดงานเฉลิมฉลองที่นครเปอร์เซโปลิส
-
14:17 - 14:19พระองค์ต้องการกระบอกดังกล่าว
-
14:19 - 14:22โดยขอยืมจากบริติช มิวเซียม กระบอกไซรัสจึงเดินทางไปยังเตหะราน
-
14:22 - 14:24และเป็นส่วนหนึ่งของการเฉลิมฉลองอันยิ่งใหญ่
-
14:24 - 14:27ของราชวงศ์ปาห์ลาวี
-
14:27 - 14:30กระบอกไซรัสเป็นเครื่องรับรองพระเจ้าชาห์
-
14:30 - 14:3310 ปีต่อมา เกิดอีกเรื่องราวขึ้น
-
14:33 - 14:35นั่นคือการปฏิวัติอิหร่านในปี 1979
-
14:35 - 14:37ในสมัยการปฏิวัติอิสลาม ไม่มีไซรัสอีกต่อไป
-
14:37 - 14:39พวกเราไม่สนใจประวัติศาสตร์นั้น
-
14:39 - 14:42เราสนแค่อิหร่านในฐานะที่เป็นรัฐอิสลาม
-
14:42 - 14:44จนกระทั่งอิรัก
-
14:44 - 14:47มหาอำนาจใหม่ที่เราเลือกให้ปกครองภูมิภาคดังกล่าว
-
14:47 - 14:49บุกรุกอิหร่าน
-
14:49 - 14:51เกิดเป็นสงครามอิหร่าน-อิรักอีกครั้ง
-
14:51 - 14:53ถึงตอนนี้เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับชาวอิหร่าน
-
14:53 - 14:56ที่จะจดจำประวัติศาสตร์ของตน
-
14:56 - 14:58อดีตอันยิ่งใหญ่
-
14:58 - 15:01สมัยที่พวกเขาต่อสู้และเอาชนะอิรักได้
-
15:01 - 15:03พวกเขาจำเป็นต้องหาสัญลักษณ์
-
15:03 - 15:06ที่จะหลอมรวมชาวอิหร่านท้งหมดเข้าไว้ด้วยกัน
-
15:06 - 15:08ทั้งที่เป็นมุสลิม และไม่ใช่มุสลิม
-
15:08 - 15:11ชาวคริสต์ พวกบูชาไฟ และชาวยิวที่อาศัยอยู่ในอิหร่าน
-
15:11 - 15:13ผู้คนที่มีศรัทธา รวมทั้งที่ไม่มี
-
15:13 - 15:16ไซรัสคือสัญลักษณ์ที่ชัดเจนนั้น
-
15:16 - 15:19ด้วยเหตุนี้ เมื่อบริติช มิวเซียมและพิพิธภัณฑ์แห่งชาติเตหะราน
-
15:19 - 15:21ร่วมมือและทำงานร่วมกัน
-
15:21 - 15:23ชาวอิหร่านร้องขอเพียงสิ่งเดียวเท่านั้น
-
15:23 - 15:25ที่จะขอยืม
-
15:25 - 15:27วัตถุเพียงชิ้นเดียวที่พวกเขาต้องการ
-
15:27 - 15:29คือกระบอกไซรัส
-
15:29 - 15:31และในปีที่แล้ว
-
15:31 - 15:35กระบอกไซรัสได้เดินทางสู่เตหะราน
-
15:35 - 15:38เป็นครั้งที่สอง
-
15:38 - 15:41มันถูกแสดงโดยใส่ไว้ในกล่องดังที่เห็นอยู่นี้โดย
-
15:41 - 15:44ผู้อำนวยการของพิพิธภัณฑ์แห่งชาติเตหะราน
-
15:44 - 15:47ผู้หญิงอิหร่านเพียงไม่กี่คนที่ได้อยู่ในตำแหน่งสูง
-
15:47 - 15:49เธอคือคุณอาร์ดากานิ
-
15:49 - 15:51มันเป็นงานใหญ่
-
15:51 - 15:54นี่คืออีกด้านของภาพเดียวกัน
-
15:54 - 15:57กระบอกถูกแสดงในเตหะราน
-
15:57 - 15:59สู่สายตาของประชาชนหนึ่งถึงสองล้านคน
-
15:59 - 16:01ในช่วงเวลาเพียงไม่กี่เดือน
-
16:01 - 16:03นี่เป็นนิทรรศการที่ได้รับความนิยมยิ่งกว่า
-
16:03 - 16:05นิทรรศการยอดฮิตใดๆในโลกตะวันตก
-
16:05 - 16:08และกลายเป็นกระเด็นที่มีการถกเถียงกันมาก
-
16:08 - 16:11ว่ากระบอกหมายความว่าอย่างไร ไซรัสหมายถึงอะไร
-
16:11 - 16:14แต่เหนือสิ่งอื่นใด ไซรัสที่ถูกสร้างขึ้นผ่านกระบอกนี้
-
16:14 - 16:17ไซรัสในฐานะผู้ปกป้องมาตุภูมิ
-
16:17 - 16:19และแน่นอน ในฐานะสัญลักษณ์ของอัตลักษณ์อิหร่าน
-
16:19 - 16:21และของชาวอิหร่าน
-
16:21 - 16:23ผู้มีขันติธรรมต่อทุกศรัทธา
-
16:23 - 16:25กระทั่งอิหร่านในปัจจุบัน
-
16:25 - 16:28พวกลัทธิบูชาไฟและชาวคริสต์ล้วนมีที่นั่ง
-
16:28 - 16:31ในรัฐสภาอิหร่าน ซึ่งเป็นสิ่งที่น่าภาคภูมิใจเป็นอย่างยิ่ง
-
16:31 - 16:34เพื่อชมวัตถุชิ้นนี้ในเตหะราน
-
16:34 - 16:36ชาวยิวหลายพันคนที่อาศัยอยู่ในอิหร่าน
-
16:36 - 16:38เดินทางมาเตหะรานเพื่อชมมัน
-
16:38 - 16:40มันกลายเป็นสัญลักษณ์อันยิ่งใหญ่
-
16:40 - 16:42เป็นหัวข้อวิวาทะว่าอิหร่านในสายตาอิหร่าน
-
16:42 - 16:45และอิหร่านในสายตาโลกภายนอกเป็นอย่างไร
-
16:45 - 16:48ยังเป็นอิหร่านที่ต่อสู้เพื่อผู้ที่ถูกกดขี่หรือไม่
-
16:48 - 16:50อิหร่านจะปลดปล่อยผู้คนที่ทรราช
-
16:50 - 16:53จับมาเป็นทาสและยึดครองดินแดนไปหรือไม่
-
16:53 - 16:56นี่คือโวหารระดับชาติที่ถูกนำเสนออย่างมุ่งมั่น
-
16:56 - 16:58และทั้งหมดถูกนำมารวมอยู่ด้วยกัน
-
16:58 - 17:00ในงานมหรสพยิ่งใหญ่
-
17:00 - 17:02เพื่อฉลองการกลับมาของกระบอก
-
17:02 - 17:05ที่คุณเห็นคือกระบอกไซรัสขนาดใหญ่บนเวที
-
17:05 - 17:08พร้อมตัวละครสำคัญๆ ในประวัติศาสตร์อิหร่าน
-
17:08 - 17:10ที่มารวมตัวกันเพื่อมีส่วนร่วม
-
17:10 - 17:13ในมรดกของชาติอิหร่าน
-
17:13 - 17:15มันคือเรื่องราวที่ถูกนำเสนอ
-
17:15 - 17:18ด้วยตัวประธานาธิบดีเอง
-
17:18 - 17:20สำหรับผม
-
17:20 - 17:22การนำวัตถุชิ้นนี้ไปยังอิหร่าน
-
17:22 - 17:24การได้รับมอบหมายให้นำวัตถุชิ้นนี้ไปอิหร่าน
-
17:24 - 17:26ถือเป็นการได้เป็นส่วนหนึ่ง
-
17:26 - 17:28ของวิวาทะอันแสนวิเศษนี้
-
17:28 - 17:30ซึ่งถูกนำไปสู่จุดสูงสุด
-
17:30 - 17:32ว่าอิหร่านคืออะไร
-
17:32 - 17:35มีอิหร่านอยู่กี่แบบ
-
17:35 - 17:37มีประวัติศาสตร์ใดบ้างของอิหร่าน
-
17:37 - 17:40ที่อาจส่งผลต่อโลกทุกวันนี้
-
17:40 - 17:43นี่คือวิวาทะที่ยังไม่สิ้นสุด
-
17:43 - 17:45และจะยังคงดำเนินต่อไป
-
17:45 - 17:47เพราะวัตถุชิ้นนี้
-
17:47 - 17:49ถือเป็นคำประกาศที่ยิ่งใหญ่
-
17:49 - 17:51ถึงแรงปรารถนาของมนุษย์
-
17:51 - 17:55มันยืนอยู่เคียงคู่รัฐธรรมนูญอเมริกา
-
17:55 - 17:58มันพูดถึงเรื่องเสรีภาพที่แท้จริงมากกว่า
-
17:58 - 18:00ธรรมนูญแม็คนา คาร์ตา
-
18:00 - 18:03มันเป็นเอกสารที่มีความหมายได้หลายอย่าง
-
18:03 - 18:06ทั้งกับอิหร่านและตะวันออกกลาง
-
18:06 - 18:08แบบจำลองของกระบอกนี้
-
18:08 - 18:10อยู่ที่องค์การสหประชาชาติ
-
18:10 - 18:13มันจะถูกแสดงในนิวยอร์กช่วงฤดูใบไม่ร่วงนี้
-
18:13 - 18:15เมื่อการถกเถียงสำคัญ
-
18:15 - 18:18เกี่ยวกับอนาคตของตะวันออกกลางเริ่มขึ้น
-
18:18 - 18:20ผมอยากจบโดยการถามคุณว่า
-
18:20 - 18:22เรื่องราวต่อไปจะเป็นอย่างไร
-
18:22 - 18:24ที่มีวัตถุนี้เข้าไปเกี่ยวข้อง
-
18:24 - 18:26แน่นอนว่า กระบอกนี้จะปรากฏ
-
18:26 - 18:28ในอีกหลายเรื่องราวของโลกตะวันออกกลาง
-
18:28 - 18:30เรื่องราวใดในตะวันออกกลาง
-
18:30 - 18:32เรื่องราวใดในโลก
-
18:32 - 18:34ที่คุณอยากเห็น
-
18:34 - 18:36ซึ่งสะท้อนถ้อยคำ
-
18:36 - 18:38และความหมายบนกระบอกนี้
-
18:38 - 18:40สิทธิของผู้คน
-
18:40 - 18:42ที่จะอยู่ร่วมในรัฐเดียวกัน
-
18:42 - 18:44โดยนับถือความเชื่อที่แตกต่างอย่างเสรี
-
18:44 - 18:46ตะวันออกกลางหรือโลก
-
18:46 - 18:48ที่ศาสนาไม่ได้เป็นสิ่งขวางกั้น
-
18:48 - 18:51หรือความขัดแย้ง
-
18:51 - 18:54อย่างที่คุณรู้ โลกตะวันออกกลางขณะนี้
-
18:54 - 18:57ความขัดแย้งดังกล่าวเป็นไปอย่างเข้มข้น
-
18:57 - 18:59แต่ผมยังเชื่อว่ามันเป็นไปได้
-
18:59 - 19:03ที่เสียงที่มีอำนาจและปราดเปรื่องที่สุดในสังคมนั้น
-
19:03 - 19:05จะเป็นเสียงเดียวกับ
-
19:05 - 19:07วัตถุที่เงียบงันนี้
-
19:07 - 19:09กระบอกไซรัส
-
19:09 - 19:11ขอบคุณครับ
-
19:11 - 19:15(เสียงปรบมือ)
- Title:
- นีล แม็คเกรเกอร์: ประวัติศาสตร์ 2,600 ปีผ่านวัตถุหนึ่งชิ้น
- Speaker:
- Neil MacGregor
- Description:
-
กระบอกดินที่ปกคลุมไปด้วยตัวอักษรลิ่มสมัยอัคคาเดียนซึ่งมีร่องรอยแตกหักเสียหาย ที่เรียกกันว่า กระบอกไซรัส (Cyrus Cylinder) คือสัญลักษณ์อันทรงพลังของขันติธรรมต่อความแตกต่างทางศาสนาและวัฒนธรรม ในปาฐกถาที่ชวนติดตามนี้ นีล แม็คเกรเกอร์ ผู้อำนวยการของบริติช มิวเซียม จะพาเราย้อนกลับไปสู่ประวัติศาสตร์โลกตะวันออกกลางเมื่อ 2,600 ปีก่อนผ่านวัตถุชิ้นนี้
- Video Language:
- English
- Team:
- closed TED
- Project:
- TEDTalks
- Duration:
- 19:16
Retired user added a translation |