-
อาจารย์ ศุภวรรณ กรีน วิปัสสนาจารย์
-
ผู้จัดตั้ง สถาบัน พาตัวใจกลับบ้าน
-
ตามหลักสติปัฏฐาน 4
-
เพื่อสอนธรรมะตามแนวทางของพระพุทธองค์
-
อาจารย์ศุภวรรณ มีความสนใจ
-
และเริ่มศึกษาพระธรรมต้้งแต่ปีพ.ศ 2517
-
และได้ปฏิบัติธรรมะจน 33ปีต่อมา
-
อาจารย์จึงได้สัมผัสสภาวะผัสสะบริสุทธิ์
-
ในขณะที่อาศัยอยูู่ในประเทศอังกฤษ
-
การสอนของอาจารย์ ศุภวรรณเน้นเรื่องนิพพาน
-
ด้วยการสอนสติปัฏฐาน4 หรือ พาตัวใจกลับบ้าน
-
โดยอาจารย์ จะใช้คำอธิบายในการสอน
-
เป็นศัพท์เฉพาะเพื่อให้เข้าใจง่าย
-
เช่นขันธ์5 อาจารย์จะใช้สัญลักษณ์เป็นขวดน้ำ
-
และของที่อยู่ภายใน
-
ขวดน้ำ คือ รูปขันธ์
-
น้ำ คือ เวทนา
-
สัญญา และ สังขาร
-
ส่วนก้อนสีแดง คือ วิญญาณ
-
และในเชิงการทำงานของขันธ์ 5
-
อาจารย์ ก็ยังแยกออกมาให้เห็นชัดขึ้น
-
โดยใช้ตุ๊กตาแทนค่า
-
คือ
-
ตุ๊กตาตัวแรกแทนร่่างกายหรือรูปขันธ์
-
ส่วนหนูแทนเจอร์รี่หรือจิต หรือความคิด
-
เป็นการทำงานโดย เวทนา สัญญาและสังขาร
-
ส่วนตุ๊กตาอีกตัว แทนแมวทอม
-
หรือ ธาตุรู้ เป็นการทำงานของวิญญาณ
-
ตัวจริงของเราอยู่ที่ไหน
-
เรื่องตัวจริงของเราอยู่ที่ไหน
-
เป็นภูมิปัญญาย่าทวดของไทยเรานะคะ
-
ที่ได้พูดเรื่อง ใจเป็นนาย กายเป็นบ่าว
-
มาหลายร้อยปีแล้ว
-
แต่ว่าการที่จะรู้จักจริงๆ
-
เข้าใจจริงๆ อันนี้อีกเรื่องนึง
-
ฉะนั้น เรื่องนี้ที่จริง
-
เกี่ยวข้องกับเรื่องจิตใจของเรา ข้างใน
-
ดิฉันจึงต้องใช้นวัตกรรมใหม่
-
ที่ช่วยให้คนเห็นภาพ
-
เราจำเป็นต้องพูดเรื่องขันธ์ 5
-
เพราะว่า ใจเป็นนาย กายเป็นบ่าว
-
มันเกี่ยวกับตัวเรา
-
ท่านต้องการที่จะพูดให้เรารู้ว่า
-
อ่ะ มาดูขันธ์5 ก่อนดีกว่านะคะ
-
ขันธ์5 เรามี รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ
-
ที่นี้ ใจเป็นนาย กายเป็นบ่าว
-
เราพูดเรื่อง รูปขันธ์ กับ วิญญาณขันธ์
-
รูปขันธ์ กับ วิญญาณขันธ์
-
รูปขันธ์ ตัวนี้ ดิฉันเรียกว่า ตัวกาย
-
วิญญาณขันธ์ ตัวนี้ ดิฉันเรียกว่า ตัวใจ
-
เรามีตัวกายและตัวใจ
-
ที่นี้ ย่าทวดไทย ต้องการบอกเราว่า
-
ตัวกายตัวนี้
-
ไม่ต่างอะไรจากเป็นเปลือกเท่านั้น
-
ในขณะที่วิญญาณขันธ์ หรือตัวใจ
-
เปรียบเหมือนกับมือที่แท้จริง
-
ขณะนี้เราอยู่ในภพภูมิ ที่เรียกว่ามนุษย์
-
ฝรั่งเรียกว่า มิติที่3
-
ในมิตินี้ ภพภูมินี้ 2ส่วนนี้
-
จำเป็นจะต้องอยู่ด้วยกัน
-
ตัวใจของเราซึ่ี่งเป็นตัวจริง ตัวนี้
-
ไม่สามารถอยู่โดดๆเดี่ยวๆได้ในมิติที่3นี้
-
จำเป็นจะต้องมีบ้านอยู่
-
บ้านของตัวใจก็คือตัวกายของเรา
-
ซึ่งเป็นเปลือก
-
ฉะนั้น2ส่วนนี้จำเป็นที่จะต้องอยู่ด้วยกัน
-
เพื่อที่จะฟอร์มแท่งชีวิตที่สมบูรณ์
-
complete life form
-
แท่งชีวิตที่สมบูรณ์
-
2 ส่วนนี้จะอยู่แยกออกจากกันไม่ได้ นะคะ
-
ฉะนั้น ดิฉัน พยายามทีจะบอก
-
ให้กับลูกศิษย์ให้รู้ว่า
-
ตัวใจตัวนี้ของเรา เป็นตัวจริงอย่างไร
-
เป็นตัวจริงอย่างไร
-
เราจะต้องมาเริ่มตั้งแต่ตอนที่เรา
-
คลอดออกมาจากท้องแม่
-
คลอดออกมาจากท้องแม่ นะคะ
-
จะให้ดูความแตกต่างระหว่าง
-
เด็กที่เกิดมาแล้วร้องไห้
-
กับเด็กที่เกิดมาแล้ว ไม่ร้องไห้ นะคะ
-
เด็กที่เกิดมาร้องไห้
-
แสดงว่าเด็กคนนั้นมีส่วนประกอบ3อย่าง
-
ส่วนประกอบ3อย่างที่จะมาเป็นแท่งชีวิตของเรา
-
ก็คือ 1 ไข่ของผู้หญิงต้องสุก
-
2 ไข่ที่สุกนั้นจะต้อง
-
พบกับเชื้ออสุจิของฝ่ายชาย
-
2 ส่วนนี้คือไข่กับอสุจิคือสร้างส่วนเปลือก
-
แล้วในขณะนั้นเอง
-
จะต้องมีอีกปัจจัยที่3 ก็คืิอ
-
จะต้องมีปฏิสนธิวิญญาณก้าวลงสู่ครรภ์
-
ฉะนั้น หญิงที่กำลังตั้งครรภ์จะต้องมี
-
ปฏิสนธิวิญญาณที่กำลังช้อปปิ้งครรภ์มารดา
-
ว่าจะลงครรภ์มารดาไหน
-
ซึ่งจะเข้าสู่ครรภ์ไหนก็ขึ้นอยู่ที่
-
กฎแห่งกรรม
-
แรงเหวี่ยงของกรรม วิบากกรรมเก่าของแต่ละคน
-
ว่าเชื่อมกันอย่างไร
-
ทั้งฝ่ายบวกก็ได้ ฝ่ายลบก็ได้
-
ฉะนั้น เมื่ิอปฏิสนธิวิญญาณ
-
ก้าวลงสู่ครรภ์มารดาแล้ว
-
ก็จะกลายมาเป็นวิญญาณขันธ์ วิญญาณธาตุ
-
ที่ดิฉันเปรียบเทียบเป็นตัวใจ
-
ซึี่งเป็นตัวจริง
-
ฉะนั้นเด็กที่เกิดมาแล้วร้องไห้ได้เติบโตได้
-
แสดงว่าเด็กคนนั้นมาทั้งเปลือกด้วย
-
และตัวจริงก็มาด้วย
-
ก็คืิอ มีปฏิสนธิวิญญาณก้าวลงสู่ครรภ์
-
กลายมาเป็น
-
วิญญาณขันธ์ คือ ตัวใจ
-
ซึ่งอยู่ข้างในตัวกายตัวนี้ นะคะ
-
ซึ่งแตกต่างจากเด็กที่เกิดมาแล้วไม่ร้องไห้
-
เด็กที่เกิดมาแล้วไม่ร้องไห้
-
แสดงว่า มาแต่เปลือกแต่ตัวจริงไม่ได้มาด้วย
-
ก็คืิอ ปฏิสนธิวิญญาณไม่ได้ก้าวลงสู่ครรภ์
-
อาจจะมีปฏิสนธิวิญญาณที่ไม่ compatitable
-
ไม่คู่ควรกันในเรื่องกรรม นะคะ
-
แม่คนนี้ คนใกล้ชิดเค้า
-
ฉันไม่รู้จักใครเลย
-
ไม่เคยติดต่อกันในเรื่องกรรม
-
ฉะนั้น ไม่ลง นะคะ
-
หรือว่า อาจจะเป็นว่า
-
มีปฏิสนธิวิญญาณ
-
ที่ต้องการเข้าสู่ครรภ์มารดานี้
-
เข้าคิวกันเลย แต่ตัวกายหรือเปลือก
-
สร้างขึ้นมาไม่แข็งแรง
-
ใครจะไปอยู่บ้าน เราจะอยู่บ้าน
-
บ้านก็ต้องแข็งแรง ใช่ไหมคะ
-
หลังคาจะต้องสมบูรณ์
-
ไม่ใช่หลังคามีรูโบ๋ว รั่ว เราก็อยู่ไม่ได้
-
ฉันใดก็ฉันนั้น
-
ร่างกายนี้ จำเป็นจะต้องแข็งแรง
-
จำเป็นจะต้องเป็นบ้าน
-
แข็งแรงให้กับตัวใจตัวนี้อยู่
-
ฉะนั้น ถ้าปอดมีรู หัวใจมีรู
-
กระดูกกระเดี้ย คดเคี้ยวอะไรอย่างนี้
-
ก็อยู่ไม่ได้
-
ฉะนั้น แม้ปฏิสนธิวิญญาณก้าวลงสู่ครรภ์แล้ว
-
แต่เพราะตัวกายสร้างไม่สมบูรณ์
-
สร้างไม่แข็งแรง
-
ตัวใจหรือวิญญาณขันธ์ก็อยู่ไม่ได้
-
บางคนก็อยู่ได้แค่ 2วัน 3วัน นะคะ
-
แล้วตัวกายไม่แข็งแรงก็ต้องเจ๋ากันไป
-
อยู่ไม่ได้
-
ฉะนั้น ตรงนี้แหละค่ะ
-
ที่ดิฉันต้องการย้ำให้รู้ว่า
-
ตัวจริงของเราคือข้างใน
-
ไม่ใช่ตัวเปลือกที่เราเห็นในกระจก
-
ฉะนั้น ตัวที่เราเห็นในกระจก
-
เป็นเพียงแค่เปลือกเท่านั้นเอง
-
แต่ตัวจริงๆของเราอยู่ข้างใน
-
นี้คือที่มาของคำว่า
-
ใจเป็นนาย กายเป็นบ่าว
-
ต้องการที่จะย้ำนะคะ
-
ว่าตัวใจของเราจริงๆเป็นอย่างนี้
-
การอธิบายขันธ์5ในรูปแบบของขวดน้ำ
-
ค่ะ เนื่องจากว่า ขันธ์5 เป็น
-
เรื่องของชีวิตของเรา
-
และส่วนของจิตใจเป็นเรื่องที่
-
เรามองไม่เห็นในกระจก
-
ฉะนั้น ดิฉันก็เลยใช้นวัตกรรมซึ่งก็คือ
-
ขวดน้ำ ง่ายๆนี้นะคะ
-
ที่จะเป็นตัวแทน ว่า
-
ขันธ์5 ของเรา โดยเฉพาะจิตใจทำงานอย่างไร
-
ฉะนั้น ขอให้ดูนะคะ
-
ตัวกาย ส่วนนี้ ก็คือส่วนที่เราเห็นในกระจก
-
ที่ดิฉันเรียกว่า ตัวกาย หรือ รูปขันธ์
-
ฉะนั้น สมองของเราอยู่ตรงนี้
-
แล้วเรายังมีส่วนของจิตกับใจ
-
จิต ตรงนี้ดิฉันก็แทนด้วยน้ำ
-
ใจ ตรงนี้ ก็คือก้อนสีแดงๆตรงนี้
-
หรืออีกทางหนึ่งดิฉันจะใช้ข้อเปรียบเทียบ
-
เป็น ทอม กับ เจอร์รี่
-
ทอมก็คือตัวใจของเรา
-
สีแดงตรงนี้ ก็คือ วิญญาณขันธ์
-
ถ้าเราไล่ตามศัพท์ของขันธ์ 5
-
เราก็มี
-
รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ
-
แล้วเราก็ใช้ภาษาง่ายๆ
-
รูปตัวนี้ก็คือ ตัวกาย
-
วิญญาณขันธ์สีแดงตรงนี้ก็คือ ตัวใจของเรา
-
ในขณะที่ เวทนา สัญญา สังขาร ตรงนี้
-
เรียกว่า จิตหรือเจอร์รี่
-
ดิฉันก็จะรวบเป็นเจอร์รี่
-
และเจอร์รี่ตัวนี้ก็คือ
-
ตัวพาหะที่นำปัญหาชีวิตทุกอย่างมาให้เรา
-
ปัญหาชีวิตทุกอย่างที่อยู่ข้างนอก
-
มันจะไม่กระโดดเข้ามาในหัวของเรา
-
ในลักษณะที่เป็นรูปอย่างนี้
-
มันต้องเปลี่ยนจากรูปเป็นนาม
-
เปลี่ยนจากรูปกลายเป็นความคิด
-
ความจำ ความรู้สึก
-
หรือจิตหรือเจอร์รี่ในการเปรียบเทียบของดิฉัน
-
ฉะนั้น เจอร์รี่ตรงนี้คิอตัวปัญหาชีวิตทุกอย่าง
-
ที่มีผลกระทบต่อตัวใจของเรา
-
ในลักษณะเช่นนี้ น้ำก็คือปัญหาชีวิต
-
สีแดงก็คือตัวใจ
-
พอมันกระทบตัวใจจึงทำให้เกิดอาการเครียด
-
วิตกกังวล คิดมาก ฟุ้งซ่าน ซึมเศร้า โกรธ
-
เกลียด อิจฉา แข่งขัน ชิงดีชิงเด่น
-
ซึมเศร้า สติแตก
-
เห็นไหมคะ ปัญหาชีวิตทำให้ตัวใจ สติ
-
สติก็คือตัวใจของเรา เรื่องเดียวกัน
-
คืิอ สภาวะเดียวกัน สติแตก
-
อยากฆ่าตัวตาย เห็นไหมคะ
-
สภาวะพวกนี้เกิดขึ้นข้างในตัวกายของเรา
-
ซึ่งเรามองไม่เห็นในกระจก
-
พอเรามองไม่เห็นในกระจก
-
การที่จะให้เข้าใจว่าอะไรเป็นอะไร
-
เป็นเรื่องยากมาก
-
นี่คือสาเหตุท่ี่ดิฉันใช้ขวดน้ำอันนี้
-
เป็นตัวแทนที่จะทำให้คนเข้าใจว่า
-
เกิดอะไรขึ้นกับข้างในของเค้า จิตใจของเค้า
-
หรือทอมกับเจอร์รี่ของเค้า นะคะ
-
ฉะนั้น จิตตัวนี้ หรือเจอร์รี่
-
ก็คือปัญหาทุกอย่างที่อยู่ในหัว
-
เสียงที่พูดคุยกับเรา
-
ที่มีผลกระทบต่อตัวใจของเราตลอดเวลา
-
ทำให้เรากลุ้มใจ คิดมาก ฟุ้งซ่าน
-
โกรธ เกลียด อิจฉา พวกนี้แหละคะ
-
ฉะนั้น ดิฉันเห็นว่าขวดน้ำตัวนี้เป็นตัวช่วย
-
เป็นนวัตกรรมที่ดีมากเลย
-
ช่วยให้เราเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น
-
กับข้างในใจของเรา นะคะ
-
ตาใจคืออะไร
-
เรื่องของสติปัฏฐาน
-
คำว่า สติเป็นคำที่อธิบายยากที่สุด
-
ดฺิฉันจึงพยายามที่จะทำให้ง่ายต่อผู้ปฏิบัติ
-
จึงต้องใช้นวัตกรรมอันนี้อีกเช่นกัน นะคะ
-
แทนที่จะใช้คำว่า สติ ดิฉันใช้คำว่า ตาใจ
-
คือ มีตัวกาย และ ตัวใจ
-
ตัวกายมีตาเนื้อ
-
ตัวใจของเราก็มีตาใจ
-
และดิฉันก็เอารูปของผู้หญิงอินเดีย
-
ที่มีแต้มแดงๆตรงนี้ เค้าเรียก บินดี้
-
บินดี้ ก็คือสัญลักษณ์ ของตาที่3ของมนุษย์
-
ตาที่3มีไว้เพื่อที่จะดูข้างใน
-
ฉะนั้น ในภาคปฏิบัติเราจะทำให้ง่ายมาก
-
พอเราหลับตาเนื้อตรงนี้
-
เราก็ใช้ตาใจที่อยู่ตรงนี้มองเข้าไป
-
มองทัศนียภาพข้างใน
-
ซึ่งทัศนียภาพข้างใน ถ้าเราเอาแผนที่
-
ของสติปัฏฐาน4 ก็จะมี3กลุ่ม
-
ก็คือ มีลมหายใจ การเคลื่อนไหว
-
ไม่ว่าเราจะเคลื่อนอะไรยังไง
-
สมมุติว่าถ้าเรานั่งก็มีการเคลื่อนลูบต้นขา
-
วนรอบหัวเข่า
-
คือแทนที่จะเดินจงกรม
-
เราจะเคลื่อนอะไร ยังไงก็ได้
-
ดิฉันก็จะให้ลูกศิษย์มีการเคลื่อน โยก
-
ลมหายใจ การเคลื่อนไหว ความรู้สึกส่วนกาย
-
ส่วนนี้ก็คือฐานของสติ
-
4 กรณีที่ยืนยันว่า ใจเป็นนาย กายเป็นบ่าว
-
ตัวจริง ของเราคือข้างใน
-
ไม่ใช่ตัวเปลือกที่เราเห็นในกระจก
-
ฉะนั้น ตัวที่เราเห็นในกระจก
-
เป็นแค่เปลือกเท่านั้นเอง
-
แต่ตัวจริงๆของเราอยู่ข้างใน
-
นี่คือ ที่มาของคำว่า
-
ใจเป็นนาย กายเป็นบ่าว
-
มี4เหตุการณ์ในชีวิตของมนุษย์
-
ที่ตัวใจตัวนี้ไม่ได้อยู่กับเนื้อกับตัว
-
4 เหตุการณ์อันนั้นก็คือ
-
เวลาที่เราหลับสนิท
-
เวลาที่เราหมดสติ
-
โคม่า และ ตายสนิท
-
4เหตุการณ์นี้ ตัวใจตัวนี้จะไม่ได้อยู่กับเนื้อกับตัว
-
คุณดูสิคะ หมดสติ ตัวนี้ก็คือตัวสติ
-
หมดสติก็คือ สติไม่มี
-
ฉะนั้น เวลาที่เราอยู่ใน4เหตุการณ์นี้
-
ไม่ว่าจะเป็นหลับสนิท หมดสติ
-
โคม่า ตายสนิท
-
ตัวใจที่เป็นตัวจริงไม่อยู่
-
แล้วเรามาดูสิว่า เกิดอะไรขึ้นกับตัวกาย
-
ขณะนั้น ตาของเราก็ยังมีอยู่
-
แต่เราเห็นไหมถ้าเราหลับสนิท
-
เรามองไม่เห็นใช่ไหมคะ
-
ที่เรามองไม่เห็นไม่ใช่ว่าเราตาบอด
-
แต่เป็นเพราะว่าธาตุรู้
-
ไม่ได้อยู่กับเนื้อกับตัว เห็นไหมคะ
-
พอไม่มีธาตุรู้ ธาตุรู้ตัวนี้ก็คือ วิญญาณ
-
จักขุ มี แต่วิญญาณไม่มี
-
วิญญาณคือตัวที่ทำให้จักขุ
-
รับรู้ เห็นภาพ
-
วิญญาณตัวนี้ ทำให้หูได้ยินเสียง
-
ที่เรียกว่า โสตวิญญาณ
-
วิญญาณตัวนี้ ทำให้จมูกรู้กลิ่น
-
เรียกว่า ฆานวิญญาณ
-
วิญญาณตัวนี้ทำให้ลิ้นรู้รส
-
เราเรียกว่า ชิวหาวิญญาณ
-
วิญญาณตัวนี้ทำให้ผิวหนังรู้
-
เย็น ร้อน อ่อน แข็ง
-
เราเรียกวิญญาณตัวนี้ว่า กายวิญญาณ
-
ฉะนั้น ตัวกายตัวนี้ที่รับรู้
-
ภาพ รส กลิ่น เสียง สัมผัสได้
-
ก็เพราะมีวิญญาณที่คุมเกมอยู่ข้างหลัง
-
เหมือนกับเป็นหัวหน้าใหญ่
-
เป็นHeadquarter ที่คุมเกม
-
ทำให้ ตา หู จมูก ลิ้น ผิวหนัง ของเรา
-
รับรู้สิ่งต่างๆได้
-
ชีวิตจึงมี โลกจึงมี
-
แต่เหตุการณ์4 อย่างนี้
-
หลับสนิท หมดสติ โคม่า ตายสนิท
-
ก็หมายความว่าวิญญาณตัวนี้ ธาตุรู้ตัวนี้
-
ไม่ได้อยู่กับเนื้อกับตัว
-
ฉะนั้น แม้ว่าเรามี ตา หู จมูก ลิ้น ผิวหนัง
-
แต่เรารับรู้อะไรไม่ได้
-
ไม่ได้หมายความว่า เราตาบอด
-
ไม่ได้หมายความว่า เราหูหนวก
-
ตาก็ยังดีดี หูก็ยังดีดี
-
แต่ตัวที่ขาดไปคือตัวใจ
-
ฉะนั้น ใน4เหตุการณ์นี้
-
ตัวกายตัวนี้ เหมือนกับเป็นเปลือกเท่านั้น
-
ที่มันไม่มีชีวิต ชีวา
-
ฉะนั้น เราจะเห็นได้ชัดเจนเลยว่า
-
ตอนเช้า เรามีคำว่า รู้สึกตัว
-
รู้สึกตัว หมายความว่าอะไร
-
รู้สึกตัวก็คือว่า
-
ตัวรู้สึก ตัววิญญาณขันธ์ตัวนี้
-
กลับมาสู่ตัวกาย
-
ก็คืิอ รู้สึกตัวกาย พอกลับมาปุ๊บ
-
พอรู้สึกตัวกาย ชีวิตก็เลยเกิด ณ ตอนนั้น
-
นี่คืิอ สาเหตุที่ว่า ย่าทวดไทยของเรา
-
รู้เรื่องนี้ดีมาก จึงมาผูกคำที่ว่า
-
ใจเป็นนาย กายเป็นบ่าว
-
แต่ข้อมูลอันนี้ ซึ่งเป็นข้อมูลที่สำคัญที่สุด
-
ของชีวิตมนุษย์
-
ที่รู้ว่า ตัวไหนตัวจริง ตัวไหนตัวปลอม
-
กลับเป็นความรู้ที่ไม่มีการสอน
-
ในระบบการศึกษาของโลก
-
เค้าไม่ได้มาสอน
-
ที่เราไปเรียนปริญญา ตรี โท เอก
-
หมดเงิน หมดทอง นับเป็นล้านๆ
-
เค้าไม่ได้สอนเรื่ิองว่า
-
ตัวจริงของเราเป็นตัวไหน
-
ตัวกายเป็นตัวปลอมนะ
-
เค้าไม่ได้สอนเรื่องนี้
-
ฉะนั้น คนเราจึงรู้จักแต่การดูแลตัวกาย
-
หรืิอดูแลแต่เปลือกเท่านั้นเอง
-
ตื่นเช้าขึ้นมา เราต้องออกกำลัง สูดอากาศบริสุทธิ์
-
ใส่หมวกกันน๊อค คาดเข็มขัด กินอาหารชีวจิต
-
ต้องทำนู้ นั่นนะ อยู่บ้านแข็งแรงนะ
-
อะไรต่อมิอะไรพวกนี้
-
ทั้งหมดก็เพื่อดูแลตัวกายอย่างเดียวเท่านั้น
-
เพราะว่าเป็นตัวเดียวที่เค้าเห็นในกระจก
-
ฉะนั้น เค้าก็คิดว่าเรามีแค่นี้
-
ก็ดูแลแต่ตัวนี้
-
แต่ส่วนที่อยู่ข้างในซึ่งเป็นตัวจริงของเรา
-
เรามองไม่เห็นในกระจก
-
เค้าก็ไม่รู้จะดูแลยังไง
-
พอไม่รู้จะดูแลยังไง พอความคิดเข้ามา
-
ที่ดิฉันเรียกว่า เจอร์รี่ถล่มเราเข้ามา
-
ก็เหมือนอย่างนี้
-
นี้สีแดง คือตัวใจของเรา
-
ตรงนี้ก็คือ ความคิด ความรู้สึกของเรา
-
ที่ดิฉันเปรียบเทียบเป็นเจอร์รี่
-
พอมันมาถล่มอย่างนี้ เราแก้ไขอะไรไม่ได้เลย
-
เราแก้ปัญหาไม่ได้เลย
-
เพราะว่าเราดูแลตัวใจไม่เป็น
-
ฉะนั้น การดูแลตัวใจก็คือการฝึกสติปัฏฐาน4
-
ขอสรุปเท่านี้ค่ะ