Return to Video

มาสร้างเด็กๆ ให้โตไปเป็นเจ้าของกิจการกันเถอะ

  • 0:01 - 0:04
    ผมพนันได้เลยว่าผมเป็นคนที่โง่ที่สุดในห้อง
  • 0:04 - 0:06
    เพราะผมเรียนไม่จบ ผมค่อนข้างมีปัญหาเรื่องการเรียน
  • 0:06 - 0:08
    แต่สิ่งที่ผมรู้ตั้งแต่ยังเด็ก
  • 0:08 - 0:10
    ก็คือผมชอบเงินและรักการทำธุรกิจ
  • 0:10 - 0:12
    และผมรักการเป็นเจ้าของกิจการ
  • 0:12 - 0:14
    และผมถูกเลี้ยงให้เติบโตขึ้นมา
    เพื่อจะเป็นเจ้าของกิจการ
  • 0:14 - 0:16
    และนั่นคือสิ่งที่ผมหลงใหลมาตั้งแต่ตอนนั้นเอง
  • 0:16 - 0:19
    และผมไม่เคยพูดเกี่ยวกับสิ่งเหล่านี้เลย จนถึงตอนนี้
  • 0:19 - 0:22
    นี่จึงเป็นครั้งแรกที่ทุกคนจะได้ฟัง
    ยกเว้นภรรยาผมที่ได้ฟังไปแล้วเมื่อ 3 วันก่อน
  • 0:22 - 0:25
    เพราะเธอถามผมว่า "คุณจะพูดเรื่องอะไร"
    ผมจึงเล่าให้เธอฟัง
  • 0:25 - 0:27
    ผมคิดว่าเราพลาดโอกาส
  • 0:27 - 0:29
    ที่จะเฟ้นหาเหล่าเด็กๆ
  • 0:29 - 0:31
    ที่มีลักษณะนิสัยของการเป็นเจ้าของธุรกิจ
  • 0:31 - 0:33
    และพลาดโอกาสที่จะหล่อหลอม
    หรือแสดงให้เด็กๆ เหล่านี้ได้เห็น
  • 0:33 - 0:35
    ว่าการเป็นเจ้าของกิจการ
    เป็นสิ่งที่ยอดเยี่ยม
  • 0:35 - 0:38
    มันไม่ใช่สิ่งที่เลวร้าย
    และไม่ใช่สิ่งที่น่าเหยียดหยาม
  • 0:38 - 0:41
    ดังความเชื่อในสังคมหลายๆ แห่ง
  • 0:41 - 0:44
    เด็กๆ เมื่อเราโตขึ้นและมีความฝัน
  • 0:44 - 0:46
    และเรามีความหลงใหลและมีโลกทัศน์
  • 0:46 - 0:48
    แต่ไม่รู้ทำไม เราจึงปล่อยให้ความฝันเหล่านั้นสลายไป
  • 0:48 - 0:51
    เราถูกสอนว่า เราต้องเรียนให้หนักขึ้น
  • 0:51 - 0:53
    หรือต้องมุ่งมั่นมากขึ้น หรือต้องมีครูสอนพิเศษ
  • 0:53 - 0:55
    พ่อแม่ผม จ้างครูสอนพิเศษภาษาฝรั่งเศสให้ผม
  • 0:55 - 0:58
    แต่ภาษาฝรั่งเศสผมก็ยังแย่
  • 0:58 - 1:00
    สองปีที่แล้ว ผมเป็นผู้บรรยายที่ได้ค่าจ้างสูงที่สุด
  • 1:00 - 1:03
    ของหลักสูตรปริญญาโท
    ด้านการสร้างเจ้าของกิจการที่ MIT
  • 1:03 - 1:06
    และเป็นการพูดต่อหน้ากลุ่มของเจ้าของธุรกิจ
    หลายรายจากทุกมุมโลก
  • 1:06 - 1:09
    เมื่อตอนผมเรียน ป.2 ผมชนะการแข่งขัน
    การพูดระดับอำเภอ
  • 1:09 - 1:11
    แต่ไม่มีใครพูดสักคนว่า
  • 1:11 - 1:13
    "เฮ้ย เจ้าเด็กนี่ เป็นนักพูดที่ดีนะเนี่ย
  • 1:13 - 1:16
    เขาไม่มีสมาธิ แต่เขารักที่จะเดินไปทั่ว
    และพูดจูงใจผู้คน"
  • 1:16 - 1:18
    ไม่มีใครสักคนจะพูดว่า
    "จ้างโค้ชมาฝึกเขาเรื่องการพูดสิ"
  • 1:18 - 1:20
    พวกเขากลับบอกว่า ให้มีครูสอนพิเศษผม
    ในเรื่องที่ผมยังไม่ดีพอ
  • 1:20 - 1:22
    เมื่อเด็กๆ แสดงทักษะแบบนี้
  • 1:22 - 1:24
    เราจำเป็นต้องเริ่มมองหาเด็กเหล่านี้
  • 1:24 - 1:26
    ผมคิดว่า เราควรจะเลี้ยงดูเด็กๆ
  • 1:26 - 1:28
    ให้เติบโตเป็นเจ้าของกิจการ แทนที่จะเป็นทนายความ
  • 1:28 - 1:30
    โชคร้าย ที่ระบบโรงเรียน
  • 1:30 - 1:32
    ทำให้คนทั้งโลก พากันพูดว่า
  • 1:32 - 1:34
    "นี่ มาเป็นทนายความ หรือเป็นหมอกันเถอะ"
  • 1:34 - 1:36
    และเราก็จะพลาดโอกาสเหล่านั้น
  • 1:36 - 1:39
    เพราะไม่มีใครสักคนที่จะพูดว่า
    "นี่ มาเป็นเจ้าของกิจการกันเถอะ"
  • 1:39 - 1:41
    เจ้าของกิจการคือผู้คนทั่วไป ซึ่งในห้องนี้ก็มีเยอะทีเดียว
  • 1:41 - 1:44
    คนที่มีแนวคิด มีความหลงใหล
    หรือเห็นในสิ่งที่เป็นความต้องการในโลกนี้
  • 1:44 - 1:46
    และเราตัดสินใจที่จะลุกขึ้นและลงมือทำมัน
  • 1:46 - 1:49
    และเราเอาทุกสิ่งเข้าเดิมพัน เพื่อให้สิ่งนั้นๆ เกิดขึ้น
  • 1:49 - 1:51
    เรามีความสามารถที่จะชักชวนผู้คน
    ที่อยู่รอบๆ ตัวเรา
  • 1:51 - 1:53
    ให้ต้องการที่จะสร้างฝันนั้นไปพร้อมกับเรา
  • 1:53 - 1:55
    และผมคิดว่า ถ้าเราสามารถทำให้เด็กๆ เหล่านั้น
  • 1:55 - 1:58
    ซึมซับแนวความคิด
    ของการเป็นเจ้าของกิจการตั้งแต่วัยเยาว์
  • 1:58 - 2:01
    เราอาจจะเปลี่ยนแปลงปัญหาต่างๆ
    ในโลกทุกวันนี้ได้
  • 2:01 - 2:04
    ทุกปัญหาที่มีอยู่ ล้วนมีคนที่มีแนวคิดแก้ไขเอาไว้แล้ว
  • 2:04 - 2:06
    และเมื่อคุณเป็นเด็ก
    จะไม่มีใครบอกคุณว่ามันเป็นไปไม่ได้
  • 2:06 - 2:08
    เพราะคุณยังซื่อเกินไปที่จะตระหนักว่า
  • 2:08 - 2:10
    คุณไม่สามารถหาคำตอบได้
  • 2:10 - 2:13
    ผมคิดว่า เรามีหน้าที่ ทั้งในฐานะพ่อแม่
    และฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งของสังคม
  • 2:13 - 2:15
    ที่จะเริ่มสอนเด็กๆ ของเรา ให้สามารถหาปลาเอง
  • 2:15 - 2:17
    แทนที่จะให้ปลากับเด็กๆ เหล่านั้น
  • 2:17 - 2:19
    เหมือนกับคำโบราณที่กล่าวไว้ว่า
    "ถ้าคุณให้ปลาเขาก็คือคุณให้อาหารเขาเพียง 1 วัน
  • 2:19 - 2:22
    แต่ถ้าคุณสอนเขาตกปลา คือคุณให้อาหารเขาทั้งชีวิต"
  • 2:22 - 2:24
    ถ้าเราสอนเด็กๆ ของเราให้เป็นเจ้าของกิจการ
  • 2:24 - 2:26
    เด็กที่แสดงทักษะที่จะเป็นเจ้าของกิจการ
  • 2:26 - 2:29
    เหมือนกับเราสอนเด็กที่มีพรสวรรค์ในเรื่องวิทยาศาสตร์
    ให้ก้าวหน้าไปในด้านวิทยาศาสตร์
  • 2:29 - 2:31
    แล้วถ้าเราเห็นจากเด็กที่ทักษะในการเป็นเจ้าของกิจการ
  • 2:31 - 2:33
    และสอนเขาให้เป็นเจ้าของกิจการได้ล่ะ
  • 2:33 - 2:35
    เราอาจทำให้เด็กๆ เหล่านี้ ขยายธุรกิจต่างๆ ออกไป
  • 2:35 - 2:37
    แทนที่จะรอคอยแผนจากรัฐบาล
  • 2:37 - 2:40
    สิ่งที่เราทำ คือเรานั่งเฉยๆ และสอนเด็กๆ ของเรา
    ในสิ่งที่พวกเขาไม่ควรจะทำ
  • 2:40 - 2:42
    อย่าตีนะ อย่ากัดนะ อย่าพูดหยาบนะ
  • 2:42 - 2:45
    ถึงตอนนี้ เราสอนเด็กๆ ของเราให้หางานที่ดีจริงๆ
  • 2:45 - 2:47
    อย่างที่คุณรู้ ระบบการศึกษา สอนให้เด็กๆ แสวงหาอาชีพ
  • 2:47 - 2:49
    เช่น การเป็นหมอ เป็นทนายความ
  • 2:49 - 2:51
    เป็นนักบัญชี และหมอฟัน
  • 2:51 - 2:53
    เป็นครู เป็นนักบิน
  • 2:53 - 2:55
    และสื่อต่างๆ ก็พยามบอกเราว่ามันจะดูเจ๋งมาก
    ถ้าเราได้ไปเป็น
  • 2:55 - 2:57
    นางแบบ นายแบบ หรือเป็นนักร้อง
  • 2:57 - 3:00
    หรือนักกีฬาที่โด่งดัง เช่น ลอนโก (Luongo)
    หรือ ครอสบี้ (Crosby)
  • 3:00 - 3:03
    หลักสูตร MBA ของเราไม่ได้สอนเด็กๆ
    ให้เป็นเจ้าของกิจการ
  • 3:03 - 3:05
    เหตุผลที่ผมเลี่ยงหลักสูตร MBA
  • 3:05 - 3:07
    นอกเหนือจากเหตุผลที่ไม่มีที่ไหนรับผมเข้าเรียน
  • 3:07 - 3:09
    เนื่องจากที่ผมได้คะแนนเฉลี่ย 61% จากระดับมัธยม
  • 3:09 - 3:11
    และคะแนนเฉลี่ย 61% นั้น
  • 3:11 - 3:13
    มีเพียงโรงเรียนเดียวในแคนนาดาที่รับผม
    คือที่ คาร์ลตัน (Carlton)
  • 3:13 - 3:16
    แต่หลักสูตร MBA ของเราก็ไม่ได้สอนให้เด็กๆ
    ไปเป็นเจ้าของกิจการ
  • 3:16 - 3:18
    แต่สอนให้พวกเขาไปทำงานในบริษัทต่างๆ
  • 3:18 - 3:21
    แล้วใครเป็นผู้ก่อตั้งบริษัทเหล่านี้ล่ะ
    ก็เป็นเพียงกลุ่มคนเล็กๆ กลุ่มหนึ่ง
  • 3:21 - 3:24
    แม้แต่ในงานเขียนที่โด่งดังต่างๆ
    ผมพบว่ามมีหนังสือเล่มเดียวเท่านั้น
  • 3:24 - 3:26
    ที่ควรจะอยู่ในรายชื่อหนังสือที่คุณควรอ่าน
  • 3:26 - 3:28
    หนังสือเล่มเดียวที่ผมค้นพบ
  • 3:28 - 3:30
    ที่เขียนให้เจ้าของกิจการเป็นฮีโร่
    ก็คือ "Atlas Shrugged"
  • 3:30 - 3:32
    คนอื่นๆในโลกนี้ มีแนวโน้มที่จะมองเจ้าของกิจการ
  • 3:32 - 3:34
    และบอกว่าเราเป็นคนไม่ดี
  • 3:34 - 3:36
    ผมมองดูแม้กระทั่งในครอบครัว
  • 3:36 - 3:38
    ทั้งปู่และตาของผมเป็นเจ้าของกิจการ
    พ่อของผมก็เป็นเจ้าของกิจการ
  • 3:38 - 3:41
    ทั้งพี่ชาย พี่สาวและตัวผม
    เราทั้งสามคนก็มีบริษัทเป็นของตัวเองเช่นกัน
  • 3:41 - 3:43
    และเราตัดสินใจที่จะเริ่มสิ่งเหล่านี้
  • 3:43 - 3:45
    เพราะนั่นเป็นเพียงสิ่งเดียวที่เหมาะกับพวกเราจริงๆ
  • 3:45 - 3:47
    พวกเราไม่เหมาะกับงานทั่วไป
    เราไม่สามารถทำงานให้คนอื่นได้
  • 3:47 - 3:50
    เพราะเราดื้อรั้นและมีทักษะด้านอื่นๆ
  • 3:50 - 3:52
    แต่เด็กๆ ก็สามารถเป็นเจ้าของกิจการเช่นเดียวกัน
  • 3:52 - 3:54
    ผมเป็นส่วนหนึ่งในสององค์กรระดับใหญ่
  • 3:54 - 3:56
    ที่เรียกว่าองค์กรของเจ้าของกิจการ
    และองค์กรของประธานบริษัทรุ่นเยาว์ (YPO)
  • 3:56 - 3:58
    ผมเพิ่งจะกลับมาจากการพูดที่บาร์เซโลน่า
  • 3:58 - 4:01
    ที่การประชุม YPO ระดับโลก
  • 4:01 - 4:03
    และเจ้าของกิจการทุกคน
  • 4:03 - 4:05
    ที่ผมพบที่นั่น
  • 4:05 - 4:07
    ล้วนมีปัญหาในโรงเรียนทุกคน
  • 4:07 - 4:10
    ผมมีลักษณะ 18 ใน 19 อย่างที่ทำให้
    วินิจฉัยได้ว่าเป็นโรคสมาธิสั้น
  • 4:10 - 4:13
    และมันทำให้ผมถึงกับตกใจสุดๆ เลยล่ะ
  • 4:13 - 4:15
    (เสียงหัวเราะ)
  • 4:15 - 4:17
    มันอาจจะเป็นเหตุผลว่า
    ทำไมตอนนี้ผมถึงตื่นตระหนกเล็กน้อย
  • 4:17 - 4:19
    บวกกับคาเฟอีนและน้ำตาลที่ผมเพิ่งกินมา
  • 4:19 - 4:22
    ค่อนข้างสยองจริงๆ นะ
    สำหรับการเป็นเจ้าของกิจการคนหนึ่ง
  • 4:22 - 4:24
    โรคสมาธิสั้น โรคอารมณ์สองขั้ว
  • 4:24 - 4:27
    คุณรู้ไหมว่า โรคอารมณ์สองขั้ว
    มีชื่อเล่นอีกชื่อหนึ่ง ว่าโรค CEO
  • 4:27 - 4:30
    เท็ด เทอร์เนอร์ (Ted Turner) เป็นโรคนี้
    สตีฟ จ็อบ (Steve Jobs) ก็เป็นเหมือนกัน
  • 4:30 - 4:33
    ผู้ก่อตั้งเน็ตสเคป (Netscape)
    ทั้งสามคน ก็มีอาการนี้
  • 4:33 - 4:35
    มีอีกหลายคนเลยทีเดียวครับ
  • 4:35 - 4:37
    คุณสามารถเห็นสัญญาณเหล่านี้ในตัวเด็กๆ
  • 4:37 - 4:39
    และสิ่งที่พวกเราทำก็คือ เราให้ยาริทาลิน (Ritalin)
    เพื่อรักษาอาการสมาธิสั้น พร้อมกับบอกว่า
  • 4:39 - 4:41
    "อย่าเป็นเจ้าของกิจการนะ
  • 4:41 - 4:43
    ให้เข้ากับระบบต่างๆ และพยายามเป็นเด็กนักเรียนนะ"
  • 4:43 - 4:45
    เสียใจด้วย ที่เจ้าของกิจการ ไม่ใช่นักเรียน
  • 4:45 - 4:47
    เราคิดเร็ว ทำเร็ว เรามองเกมส์ออก
  • 4:47 - 4:49
    ผมขโมยเรียงความและโกงข้อสอบ
  • 4:49 - 4:52
    ผมจ้างเด็กให้ทำการบ้านวิชาบัญชีให้ผมในมหาวิทยาลัย
  • 4:52 - 4:54
    ติดต่อกันถึง 13 ครั้ง
  • 4:54 - 4:57
    แต่การเป็นเจ้าของกิจการ คุณไม่ต้องทำบัญชีเองหรอก
    คุณจ้างนักบัญชีต่างหาก
  • 4:57 - 4:59
    ผมมองจุดนี้ออกตั้งแต่แรกแล้ว
  • 4:59 - 5:01
    (เสียงหัวเราะ)
  • 5:01 - 5:03
    (เสียงปรบมือ)
  • 5:03 - 5:06
    อย่างน้อย ผมก็ยอมรับว่าผมโกงในตอนที่เรียนมหาลัย
    แต่พวกคุณส่วนใหญ่ไม่ยอมรับ
  • 5:06 - 5:09
    เรื่องของผมถูกกล่าวถึงในตำรา
    ผมเล่าเรื่องนี้ให้ผู้เขียนตำราฟัง
  • 5:09 - 5:11
    ผมถูกกล่าวถึงในหนังสือเรียน
    ที่ใช้ในมหาลัยเล่มเดียวกัน
  • 5:11 - 5:14
    ในทุกๆ มหาลัยในแคนาดา และในระดับวิทยาลัย
  • 5:14 - 5:17
    ในส่วนการบริหารบัญชี ผมอยู่ในบทที่ 8
  • 5:17 - 5:19
    ผมเปิดหนังสือบทที่ 8 และพูดเกี่ยวกับงบการเงิน
  • 5:19 - 5:22
    และผมเล่าให้ผู้เขียนฟัง หลังจากที่เธอสัมภาษณ์ผมเสร็จ
    ว่าผมโกงในตอนที่เรียนเรื่องนี้
  • 5:22 - 5:25
    และเธอก็คิดว่า
    มันตลกมากจนต้องใส่เรื่องนี้เข้าไป
  • 5:25 - 5:28
    คุณสามารถเห็นสัญญาณเหล่านี้ในตัวเด็กๆ
  • 5:28 - 5:30
    คำจำกัดความของคำว่า เจ้าของกิจการ
    คือ "ผู้ที่จัดการและปฏิบัติงาน
  • 5:30 - 5:33
    และรับผลของความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้นกับธุรกิจ"
  • 5:33 - 5:35
    มันไม่ได้หมายความว่าคุณต้องไปเรียนหลักสูตรบริหารธุรกิจ
  • 5:35 - 5:37
    มันไม่ได้หมายความว่าคุณต้องผ่านการเรียนในโรงเรียน
  • 5:37 - 5:40
    มันหมายความว่า คุณต้องรู้สึกว่าสิ่งต่างๆเหล่านั้นถูกต้อง
    ด้วยสัญชาตญาณของคุณเอง
  • 5:40 - 5:43
    และเราคงจะเคยได้ยินคำนี้ "เป็นเพราะการเลี้ยงดู
    หรือเป็นโดยธรรมชาติ" ใช่ไหมครับ
  • 5:43 - 5:45
    ไม่เป็นเพราะอย่างใดก็อย่างหนึ่ง มันคืออย่างไหน
  • 5:45 - 5:48
    อืม ผมไม่ได้คิดว่ามันเป็นแค่อย่างใดอย่างหนึ่ง
    แต่คิดว่ามันเป็นได้ทั้งสองอย่าง
  • 5:48 - 5:50
    ผมถูกเลี้ยงดูมาให้เป็นเจ้าของกิจการ
  • 5:50 - 5:52
    เมื่อผมยังเด็ก ผมไม่มีทางเลือกอะไร
  • 5:52 - 5:54
    เพราะถูกสอนตั้งแต่ยังเด็ก
  • 5:54 - 5:56
    เมื่อพ่อของผมพบว่า ผมอาจจะไม่เหมาะ
  • 5:56 - 5:58
    กับสิ่งต่างๆ ที่ผมถูกสอนที่โรงเรียน
  • 5:58 - 6:01
    เขาถึงสอนผมให้รู้จักทำธุรกิจตั้งแต่ยังเล็ก
  • 6:01 - 6:03
    เขาเลี้ยงดูพวกเราทั้งสามคน
  • 6:03 - 6:05
    ให้เกลียดความคิดที่จะต้องมีงานทำ
  • 6:05 - 6:08
    และให้รักกับการก่อตั้งบริษัท
    แล้วให้พวกเราจ้างคนอื่นๆ มาเป็นพนักงาน
  • 6:08 - 6:11
    ธุรกิจเล็กๆ อันแรกของผม เกิดขึ้นตอนที่ผมอายุเจ็ดขวบ
    ในเมืองวินนีเพ็ก (Winnipeg)
  • 6:11 - 6:13
    และในขณะที่ผมนอนอยู่บนเตียง
    พร้อมด้วยสายโทรศัพท์ลากยาว
  • 6:13 - 6:15
    ผมโทรหาร้านซักแห้งต่างๆ ในวินนีเพ็ก
  • 6:15 - 6:17
    เพื่อจะสอบถามราคาที่ร้านซักแห้ง
  • 6:17 - 6:19
    จะรับซื้อไม้แขวนเสื้อคลุมจากผม
  • 6:19 - 6:21
    จากนั้นแม่ผมเข้ามาในห้องและถามว่า
  • 6:21 - 6:24
    "เธอจะหาไม้แขวนเสื้อคลุมที่ไหนไปขายให้ร้านซักแห้ง"
  • 6:24 - 6:26
    ผมจึงตอบเธอว่า "ลองไปดูที่ชั้นใต้ดินกัน"
  • 6:26 - 6:29
    และเมื่อเราลงไปที่ชั้นใต้ดิน ผมเปิดให้ตู้เก็บของให้ดู
  • 6:29 - 6:31
    มีไม้แขวนเสื้อคลุมที่ผมเก็บไว้ประมาณพันชิ้นเลยทีเดียว
  • 6:31 - 6:34
    เพราะเมื่อผมบอกแม่ว่า ผมจะไปเล่นกับเพื่อนๆ
  • 6:34 - 6:36
    จริงๆแล้ว ผมไปเคาะประตูเพื่อนบ้าน
    เพื่อที่จะเก็บสะสมไม้แขวนเสื้อคลุม
  • 6:36 - 6:38
    มาไว้ที่ชั้นใต้ดินเพื่อเก็บไว้ขาย
  • 6:38 - 6:40
    เพราะเมื่อไม่กี่อาทิตย์ก่อนหน้านั้น แม่บอกผมว่า
  • 6:40 - 6:43
    เธอสามารถหาเงินได้นะ ร้านซักแห้งรับซื้อ
    ไม้แแขวนพวกนี้ในราคาชิ้นละ 2 เซนต์
  • 6:43 - 6:45
    ดังนั้นผมจึงคิดว่า มีไม้แขวนเสื้อคลุมตั้งเยอะนะ
  • 6:45 - 6:47
    และผมแค่ต้องไปรวบรวมมัน
  • 6:47 - 6:50
    ผมรู้ว่า แม่คงไม่ต้องการให้ผมไปหา
    ไม้แขวนพวกนั้นหรอกแต่ผมก็ทำอยู่ดี
  • 6:51 - 6:53
    ผมจึงได้เรียนรู้การเจรจากับคนอื่นๆ ในสถานการณ์จริง
  • 6:53 - 6:56
    มีคนหนึ่งเสนอให้ผม 3 เซนต์
    และผมต่อรองกับเขาจนได้ราคา 3.5 เซนต์
  • 6:56 - 6:58
    ผมรู้ในตอนที่ผมเป็นเด็กเจ็ดขวบ
  • 6:58 - 7:01
    ว่าผมสามารถต่อรองเป็นเศษส่วนของเซนต์ได้
  • 7:01 - 7:03
    และคนก็พร้อมที่จะจ่ายให้เพราะมันทวีคูณเพิ่มขึ้น
  • 7:03 - 7:06
    ผมค้นพบเมื่ออายุเจ็ดขวบ ว่าผมสามารถหาได้ 3.5 เซนต์
    สำหรับไม้แขวนเสื้อคลุม 1000 ชิ้น
  • 7:06 - 7:08
    ผมขายกรอบป้ายทะเบียนรถยนต์โดยขายตรงถึงหน้าบ้าน
  • 7:08 - 7:10
    จริงๆ แล้วพ่อผมให้ผมหาใครสักคน
  • 7:10 - 7:12
    คนที่จะขายส่งของพวกนี้ให้ผม
  • 7:12 - 7:14
    ตอนที่ผมอายุ 9 ปี ผมเดินไปทั่วเมืองซัดเบอรี (Sudbury)
  • 7:14 - 7:17
    เพื่อที่จะขายกรอบป้ายทะเบียนรถยนต์ไปตามบ้านต่างๆ
  • 7:17 - 7:20
    และผมจำได้ลูกค้าคนหนึ่งได้ชัดเจนมาก
  • 7:20 - 7:22
    เพราะผมขายของหลายอย่างให้ลูกค้าเหล่านี้
  • 7:22 - 7:24
    ผมขายหนังสือพิมพ์
  • 7:24 - 7:26
    และเขาก็เคยไม่ซื้อหนังสือพิมพ์จากผมเลย
  • 7:26 - 7:29
    แต่ในตอนนั้นผมก็มั่นใจว่า
    ผมจะทำให้เขาซื้อกรอบป้ายทะเบียนได้
  • 7:29 - 7:30
    เขาตอบผมว่า "อืม ฉันไม่อยากได้น่ะ"
  • 7:30 - 7:33
    ผมบอกเขาว่า "แต่คุณมีรถ 2 คันนะ"
    ซึ่งตอนนั้นผมอายุเก้าขวบ
  • 7:33 - 7:36
    ผมบอกว่า "คุณมีรถตั้ง 2 คัน
    และมันก็ไม่มีกรอบป้ายทะเบียนสักอันเลย"
  • 7:36 - 7:38
    เขาตอบว่า "ฉันรู้แล้ว"
  • 7:38 - 7:40
    ผมตอบว่า
    "แผ่นป้ายทะเบียนของรถคันนี้มันบู้บี้หมดแล้ว"
  • 7:40 - 7:43
    เขาตอบว่า "ใช่ นั่นรถภรรยาฉัน" ผมจึงบอกว่า
    "ทำไมเราไม่ทดลองใช้ที่คลุมป้ายทะเบียนสักอัน
  • 7:43 - 7:45
    กับป้ายทะเบียนด้านหน้ารถภรรยาคุณ
    แล้วดูว่ามันจะอยู่ได้นานกว่าไหม"
  • 7:45 - 7:48
    ผมรู้ว่าเขามีรถ 2 คัน
    และแต่ละคันก็มีป้ายทะเบียน 2 ป้าย
  • 7:48 - 7:50
    ถ้าผมไม่สามารถขายได้ทั้ง 4 อัน
    อย่างน้อยขายได้สักอันก็ยังดี
  • 7:50 - 7:52
    ผมเรียนรู้เรื่องนี้ตั้งแต่ยังเด็ก
  • 7:52 - 7:54
    ผมเคยทำกำไรจากการซื้อขายหนังสือการ์ตูนด้วย
  • 7:54 - 7:56
    ตอนนั้นอายุประมาณ 10 ขวบ ผมขายหนังสือการ์ตูน
  • 7:56 - 7:58
    ในกระท่อมเล็กๆ ที่ จอร์เจียนเบย์ (Georgian Bay)
  • 7:58 - 8:00
    ผมขี่จักรยานไปที่สุดด้านหนึ่งของชายหาด
  • 8:00 - 8:02
    และซื้อหนังสือการ์ตูนจากเด็กที่ไม่ค่อยมีเงิน
  • 8:02 - 8:05
    แล้วผมก็กลับมาอีกฝั่งหนึ่งของชายหาด
    และขายการ์ตูนเหล่านั้นให้เด็กๆ ที่มีฐานะ
  • 8:05 - 8:07
    มันชัดเจนมากสำหรับผม ถูกไหมครับ ซื้อถูก ขายแพง
  • 8:07 - 8:09
    คุณมีคนที่ต้องการซื้อ ที่มีเงิน
  • 8:09 - 8:12
    อย่าพยายามขายให้เด็กที่ยากจน พวกเขาไม่มีเงิน
    แต่พวกคนรวยๆ มีเงิน เอาเงินเหล่านั้นมาให้ได้
  • 8:12 - 8:14
    มันเห็นกันชัดๆ
  • 8:14 - 8:16
    มันเหมือนในช่วงภาวะถดถอย เมื่อมีช่วงภาวะถดถอย
  • 8:16 - 8:19
    ยังมีเงินถึง 13 ล้านล้านดอลลาร์
    หมุนเวียนในเศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกา
  • 8:19 - 8:22
    ไปเอาส่วนแบ่งในนั้นมาให้ได้
    และผมก็ได้เรียนรู้สิ่งนั้นตั้งแต่ยังเด็ก
  • 8:22 - 8:24
    ผมยังได้เรียนรู้อีกว่า ต้องไม่เปิดเผยแหล่งสินค้าของคุณ
  • 8:24 - 8:26
    ธุรกิจของผมถูกโค่นลง
    หลังจากที่ขายหนังสือการ์ตูนได้ 4 อาทิตย์
  • 8:26 - 8:29
    เพราะหนึ่งในเด็กๆที่มีฐานะ
    รู้ว่าผมซื้อหนังสือการ์ตูนมาจากที่ไหน
  • 8:29 - 8:31
    และเขาไม่ชอบที่เขาต้องจ่ายแพงกว่า
  • 8:31 - 8:33
    ผมถูกบังคับให้ส่งหนังสือพิมพ์ตั้งแต่อายุ 10 ขวบ
  • 8:33 - 8:35
    จริงๆ แล้วผมไม่ต้องการส่งหนังสือพิมพ์
  • 8:35 - 8:37
    แต่ในตอนผม 10 ขวบ พ่อผมบอกว่า
    "นี่จะเป็นธุรกิจถัดไปของเธอนะ"
  • 8:37 - 8:39
    พ่อไม่ได้ให้ผมส่งหนังสือพิมพ์แค่หนึ่งเส้นทาง
    แต่ผมต้องหาถึงสองเส้นทาง
  • 8:39 - 8:42
    จากนั้นพ่อต้องการให้ผมจ้างใครสักคน
    เพื่อที่จะส่งหนังสือพิมพ์อีกครึ่งหนึ่ง
  • 8:42 - 8:45
    ซึ่งผมก็ทำตาม และตอนนั้นเอง ผมก็ได้รู้ว่า
    เงินทิปคือแหล่งรายได้หลัก
  • 8:45 - 8:47
    ผมจึงเก็บสะสมทิปเพื่อจ่ายเป็นค่าจ้าง
  • 8:47 - 8:49
    และผมเป็นคนไปเก็บค่าส่งหนังสือพิมพ์
    ด้วยตัวเองทั้งหมด
  • 8:49 - 8:51
    ส่วนเขามีหน้าที่ส่งหนังสือพิมพ์เท่านั้น
  • 8:51 - 8:53
    นั่นทำให้ผมตระหนักว่า ผมสามารถทำเงินได้
  • 8:53 - 8:56
    จุดนี้เอง ผมจึงมั่นใจว่าผมจะไม่เป็นลูกจ้างแน่ๆ
  • 8:56 - 8:58
    (เสียงหัวเราะ)
  • 8:58 - 9:00
    พ่อผมเป็นเจ้าของร้านซ่อมชิ้นส่วนรถยนต์
    และเครื่องจักร
  • 9:00 - 9:02
    เขามีชิ้นส่วนอะไหล่รถยนต์เก่าๆ วางอยู่ทั่วไป
  • 9:02 - 9:04
    มีทั้งทองเหลืองและทองแดงเก่าๆ
  • 9:04 - 9:07
    ผมถามพ่อว่า "พ่อจะจัดการของพวกนี้ยังไง"
    พ่อบอกว่า พ่อเอามันไปทิ้ง
  • 9:07 - 9:09
    ผมจึงถามว่า "ไม่มีใครอยากซื้อของเหล่านั้นเหรอ"
    พ่อตอบว่า "อาจจะมีนะ"
  • 9:09 - 9:11
    โปรดจำว่านั่นคือตอนผมอายุ 10 ขวบ
    นั่นคือ 34 ปีที่แล้ว
  • 9:11 - 9:13
    ผมมองเห็นโอกาสเหล่านั้น
  • 9:13 - 9:15
    ผมมองเห็นเงินจากขยะ
  • 9:15 - 9:18
    และผมก็เก็บชิ้นส่วนพวกนั้นจากร้านชิ้นส่วนอะไหล่
    รถยนต์ทั้งหมดในบริเวณนั้น ด้วยจักรยานของผม
  • 9:18 - 9:20
    จากนั้นพ่อผมก็จะขับรถส่งผมในวันเสาร์
  • 9:20 - 9:22
    ไปส่งที่ร้านรีไซเคิลเศษเหล็ก ที่ซึ่งผมได้รับเงินค่าจ้าง
  • 9:22 - 9:24
    ผมคิดว่า มันแบบว่าเจ๋ง
  • 9:24 - 9:27
    ประหลาดแท้ที่ว่า 30 ปีหลังจากนั้น
    เรามีบริษัทรับขนขยะรีไซเคิล
    1-800-GOT-JUNK? เกิดขึ้น
  • 9:27 - 9:29
    และก็ทำเงินซะด้วยสิ
  • 9:29 - 9:32
    ผมทำหมอนปักเข็มหมุดเมื่อตอนที่ผมอายุ 11 ขวบ
    ตอนเป็นลูกเสือ
  • 9:32 - 9:34
    และเราทำหมอนปักเข็มหมุดเหล่านี้
    ให้แม่ของพวกเราในวันแม่
  • 9:34 - 9:37
    ผมทำหมอนปักเข็มหมุดที่ทำจากไม้หนีบผ้าที่ทำจากไม้
  • 9:37 - 9:39
    สมัยเมื่อเราเคยแขวนผ้าบนราวตากผ้าข้างนอก
  • 9:39 - 9:41
    และคุณจะทำโดยใช้เก้าอี้เหล่านี้
  • 9:41 - 9:43
    และผมก็มีหมอนอันเล็กๆ เหล่านี้ที่ผมเย็บขึ้นมา
  • 9:43 - 9:45
    คุณสามารถที่จะปักเข็มบนหมอนเหล่านี้ได้
  • 9:45 - 9:48
    เพราะการเย็บผ้าเคยเป็นที่นิยม
    และผู้คนก็ต้องการหมอนปักเข็มหมุด
  • 9:48 - 9:51
    แต่เมื่อผมตระหนักว่า คุณต้องมีทางเลือก
  • 9:51 - 9:53
    ผมจะพ่นสีทั้งหมดให้เป็นสีน้ำตาล
  • 9:53 - 9:55
    และเมื่อผมนำมันไปที่ตามประตูบ้าน
    ผมไม่ใช้คำถามว่า "อยากจะซื้อสักอันไหม"
  • 9:55 - 9:57
    แต่จะเป็นคำถามว่า "สีไหนที่คุณต้องการ"
  • 9:57 - 9:59
    กับเด็ก 10 ขวบ คุณคงจะไม่ตอบปฏิเสธแน่นอน
  • 9:59 - 10:02
    โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อคุณมีทางเลือก 2 ทาง
    คุณจะเลือกสีน้ำตาลหรือแบบไม่พ่นสี
  • 10:02 - 10:04
    ผมเรียนรู้บทเรียนนี้ตั้งแต่ยังเด็ก
  • 10:04 - 10:07
    ผมเรียนรู้ว่า งานใช้แรงงานมันแย่สุดๆ
  • 10:09 - 10:11
    เช่นการตัดหญ้าหน้าบ้านมันเหนื่อยสุดๆ
  • 10:11 - 10:14
    แต่เพราะผมได้รับค่าจ้าง ให้ตัดหญ้า
    ตลอดช่วงปิดเทอมภาคฤดูร้อน
    ให้เพื่อนบ้านทั้งหมดในละแวก
  • 10:14 - 10:16
    ผมค้นพบว่ามันเป็นรายได้ที่เกิดขึ้นซ้ำๆ ได้อีก
  • 10:16 - 10:19
    จากลูกค้าเจ้าเดียว มันเจ๋งมาก
  • 10:19 - 10:21
    นั่นคือถ้าผมตัดหญ้าให้ลูกค้าคนนี้สักครั้งหนึ่ง
  • 10:21 - 10:23
    ทุกๆ อาทิตย์ผมก็จะได้รับค่าจ้างจากลูกค้าคนเดิม
  • 10:23 - 10:25
    มันดีกว่าที่จะต้องไปพยายามขาย
  • 10:25 - 10:27
    หมอนปักเข็มหมุด 1 อันจะขายให้กับ 1 คน
  • 10:27 - 10:29
    เพราะคุณจะก็ขายเพิ่มไม่ได้อีก
  • 10:29 - 10:32
    ผมจึงรักรูปแบบของรายได้ที่เกิดขึ้นซ้ำๆ ได้อีก
    และผมเริ่มเรียนรู้ตั้งแต่ยังเด็ก
  • 10:32 - 10:35
    จำได้ใช่ไหมครับว่า ผมถูกสอนมาเพื่อทำสิ่งนี้
    ผมไม่ได้รับอนุญาตให้เป็นลูกจ้าง
  • 10:35 - 10:38
    ผมเคยเป็นเด็กถือถุงกอล์ฟ ผมไปยังสนามกอล์ฟ
    และถือถุงกอล์ฟให้คนอื่นๆ
  • 10:38 - 10:40
    แต่ผมตระหนักว่า มีเนินเขาเดียวในสนามกอล์ฟของเรา
  • 10:40 - 10:42
    หลุมที่ 13 จะมีเนินขนาดใหญ่
  • 10:42 - 10:44
    คนส่วนใหญ่จะแบกกระเป๋าขึ้นไม่ไหว
  • 10:44 - 10:46
    ดังนั้นผมจึงนั่งรอในเก้าอี้สนาม
  • 10:46 - 10:49
    เพื่อจะถือถุงกอล์ฟให้คนที่ไม่มีเด็กถือถุงกอล์ฟ
  • 10:49 - 10:52
    ผมจะแบกถุงกอล์ฟขึ้นไปข้างบนให้พวกเขา
    และเขาจ่ายผม 1 ดอลลาร์
  • 10:52 - 10:54
    ในขณะที่ เพื่อนผม ทำงานห้าชั่วโมง
  • 10:54 - 10:56
    เพื่อถือถุงกอล์ฟไปตลอดและได้ค่าจ้าง 10 เหรียญ
  • 10:56 - 10:59
    ผมคิดว่า "มันไม่ค่อยฉลาดเลย
    เพราะคุณต้องทำงานถึง 5 ชม.
  • 10:59 - 11:02
    มันไม่สมเหตุสมผลนะ"
    คุณต้องหาวิธีที่จะทำเงินได้เร็วขึ้น
  • 11:02 - 11:05
    ทุกอาทิตย์ ผมจะไปที่ร้านที่มุมถนน เพื่อจะซื้อน้ำอัดลม
  • 11:05 - 11:08
    จากนั้นผมก็จะเอาไปส่งให้
    เหล่าคุณยายวัย 70 ที่เล่นไพ่บริดจ์
  • 11:08 - 11:10
    คุณยายก็จะสั่งซื้อจากผมอีก ในอาทิตย์ถัดไป
  • 11:10 - 11:12
    ผมก็เพียงแค่ไปส่งน้ำอัดลม
    และคิดเงินในราคาที่เพิ่มเป็น 2 เท่า
  • 11:12 - 11:15
    และผมจับตลาดนี้ได้ คุณไม่ต้องใช้สัญญาด้วยซ้ำ
  • 11:15 - 11:17
    คุณเพียงแค่ต้องรู้อุปทาน (ความต้องการขาย)
    และอุปสงค์ (ความต้องการซื้อ)
  • 11:17 - 11:19
    และเหล่าลูกค้าที่เชื่อคุณ
  • 11:19 - 11:21
    คุณยายกลุ่มนี้จะไม่ไปซื้อจากคนอื่น
  • 11:21 - 11:23
    เพราะพวกเธอชอบผม และผมก็สามารถหาช่องทางได้
  • 11:23 - 11:26
    ผมได้ลูกกอล์ฟจากสนามกอล์ฟ
  • 11:26 - 11:28
    ซึ่งทุกคนจะมองหาลูกกอล์ฟในพุ่มไม้
  • 11:28 - 11:30
    และมองหาลูกกอล์ฟตามร่องน้ำ
  • 11:30 - 11:32
    แต่ผมเหรอ ช่างมัน ไม่สนหรอก
    มีลูกกอล์ฟเยอะแยะอยู่ในบ่อน้ำ
  • 11:32 - 11:34
    และไม่มีใครลงไปในบ่อน้ำ
  • 11:34 - 11:37
    ผมลงไปในบ่อและคลานไปรอบๆ
    เขี่ยลูกกอล์ฟด้วยนิ้วเท้าผม
  • 11:37 - 11:39
    ผมเอามันขึ้นมาด้วยเท้าทั้งสองข้าง
  • 11:39 - 11:41
    ผมคงทำบนเวทีให้คุณดูไม่ได้
  • 11:41 - 11:43
    ผมเก็บลูกกอล์ฟและยัดใส่ชุดว่ายน้ำของผมไว้
  • 11:43 - 11:46
    เมื่อทำเสร็จ ผมก็จะได้ลูกกอล์ฟ 200 กว่าลูก
  • 11:46 - 11:49
    แต่ปัญหาคือ
    ไม่มีใครที่ต้องการลูกกอล์ฟทั้งหมดในทีเดียว
  • 11:49 - 11:51
    ผมจึงแพ็กลูกกอล์ฟ ซึ่งตอนนั้นผม 12 ขวบเอง
  • 11:51 - 11:53
    ผมแพ็กเป็น 3 แบบ
  • 11:53 - 11:55
    ผมได้ลูกยี่ห้อพินนาเคิล (Pinnacle) และ DDH
    และยี่ห้อแพงๆในสมัยนั้น
  • 11:55 - 11:57
    ผมขายลูกพวกนั้นในราคาลูกละ 2 ดอลลาร์
  • 11:57 - 12:00
    ส่วนลูกกอล์ฟที่อยู่ในสภาพดีหน่อย
    ผมขายในราคา 50 เซนต์ต่อลูก
  • 12:00 - 12:03
    และผมขายเหมาทีละ 50 ลูก สำหรับลูกที่สภาพแย่ๆ
  • 12:03 - 12:05
    ซึ่งพวกเขาจะใช้ลูกพวกนั้นในการซ้อม
  • 12:05 - 12:07
    ผมขายแว่นตากันแดดตอนที่ผมอยู่ในโรงเรียน
  • 12:07 - 12:09
    ขายให้เด็กๆ ทั้งหมดในโรงเรียนมัธยมปลาย
  • 12:09 - 12:12
    การทำแบบนี้มันทำให้ทุกคนค่อนข้างเกลียดคุณ
  • 12:12 - 12:15
    เพราะคุณพยายามที่จะเอาเงินจาก
    เพื่อนๆ ของคุณตลอดเวลา
  • 12:15 - 12:17
    แต่มันนำมาจ่ายค่าบิลต่างๆ ได้
  • 12:17 - 12:19
    ผมขายแว่นตากันแดดได้เยอะมากๆ
  • 12:19 - 12:21
    แต่จากนั้นโรงเรียนก็ห้ามผมทำ
  • 12:21 - 12:23
    จริงๆแล้ว โรงเรียนเรียกผมไปคุยที่ห้องสำนักงาน
    และบอกผมว่า ผมทำแบบนี้ไม่ได้
  • 12:23 - 12:25
    ผมจึงไปที่ปั๊มน้ำมัน
  • 12:25 - 12:27
    และขายส่งแว่นตากันแดดให้ปั๊มน้ำมันแทน
  • 12:27 - 12:29
    ปั๊มน้ำมันก็ขายให้แก่ลูกค้าของพวกเขาเอง
  • 12:29 - 12:31
    นั่นไม่กระทบผมมากนัก
    เพราะตอนนั้นผมมีร้านขายปลีก
  • 12:31 - 12:33
    ผมคิดว่าผมอายุ 14 นะตอนนั้น
  • 12:33 - 12:36
    จากนั้นผมจ่ายค่าเล่าเรียนปีแรกที่คาร์ลตัน
    ด้วยตัวเองทั้งหมด
  • 12:36 - 12:38
    โดยการเดินขายขายถุงใส่ไวน์ ตามบ้าน
  • 12:38 - 12:40
    คุณรู้ไหมว่าคุณสามารถใส่เหล้ารัม
    ขนาด 40 ออนซ์ได้ 1 ขวด
  • 12:40 - 12:42
    แล้วโค้กอีกสองขวดในถุงใส่ไวน์ถุงดียวเลยนะครับ
    แล้วมันแปลกตรงไหน
  • 12:42 - 12:44
    แต่คุณรู้อะไรไหม ถ้าคุณเอามันใส่ไว้ในกระเป๋ากางเกง
  • 12:44 - 12:47
    คุณสามารถแอบเอาเหล้าเข้าไป
    ดูเกมฟุตบอลที่สนาม ได้ฟรีๆ เลย
  • 12:47 - 12:49
    ทุกๆ คนจึงซื้อถุงใส่ไวน์
  • 12:49 - 12:52
    มีความต้องการขาย มีความต้องการซื้อ
    มันเป็นโอกาสที่ดีมาก
  • 12:52 - 12:54
    ผมติดป้ายยี่ห้อไว้ด้วย
    และผมขายได้ในราคา 5 เท่าของราคาปกติ
  • 12:54 - 12:56
    มันมีเครื่องหมายมหาวิทยาลัยของเรา
  • 12:56 - 12:58
    คุณรู้ว่า ถ้าสอนเด็กๆของพวกเรา เราซื้อเกมส์ให้เขา
  • 12:58 - 13:01
    แต่ทำไมเราไม่หาเกมส์ให้พวกเขาเล่นล่ะ ถ้าพวกเขา
    จะเป็นเด็กที่มีโอกาสเป็นเจ้าของกิจการ
  • 13:01 - 13:04
    และการฝึกฝนทักษะที่จำเป็นต้องมี
    เพื่อจะเป็นเจ้าของกิจการ
  • 13:04 - 13:07
    ทำไมคุณไม่สอนพวกเขา ไม่ทำให้เงินสูญไปเปล่าๆ
  • 13:07 - 13:10
    ผมจำได้ว่า ถูกสอนให้เดินออกไปกลางถนน
    ในเมืองแบนฟ์ (Banff) รัฐอัลเบอร์ตา (Alberta)
  • 13:10 - 13:12
    เพราะผมโยนเหรียญเพนนีออกไปกลางถนน
  • 13:12 - 13:14
    พ่อผมบอกว่า "ไปเก็บมันมา"
  • 13:14 - 13:16
    เขาบอกต่อว่า "พ่อทำงานหนักแทบตายเพื่อให้ได้เงินมา
    พ่อไม่อยากเห็นแกทิ้งเงินไปเปล่าๆ แม้แต่เพนนีเดียว"
  • 13:16 - 13:18
    ผมจำบทเรียนนั้นได้จนถึงวันนี้
  • 13:18 - 13:21
    การให้ค่าขนมหรือเบี้ยเลี้ยง สอนเด็กๆ ในพฤติกรรมที่ผิด
  • 13:21 - 13:23
    โดยธรรมชาติแล้ว ค่าขนมสอนให้เด็กๆ
  • 13:23 - 13:25
    ให้คิดเกี่ยวกับการเป็นลูกจ้าง
  • 13:25 - 13:28
    เจ้าของธุรกิจไม่ได้คาดหวังเงินค่าจ้างรายเดือน
  • 13:28 - 13:30
    ค่าขนมและเบี้ยเลี้ยงสอนให้เด็กๆ ตั้งแต่ยังวัยเยาว์
  • 13:30 - 13:32
    ให้คาดหวังแค่ค่าจ้างรายเดือน
  • 13:32 - 13:34
    มันผิด สำหรับผม ถ้าคุณต้องการที่เลี้ยงดูเด็ก
    ให้กลายเป็นเจ้าของธุรกิจ
  • 13:34 - 13:36
    สิ่งที่ผมทำกับลูกๆของผมตอนนี้ ซึ่งผมมี 2 คน
    เก้าขวบกับเจ็ดขวบ
  • 13:36 - 13:38
    คือผมสอนให้พวกเขา ให้เดินไปรอบๆบ้าน
    และสนามหญ้าหลังบ้าน
  • 13:38 - 13:40
    มองหาสิ่งที่จำเป็นต้องจัดการดูแล
  • 13:40 - 13:42
    แล้วกลับมาหาผม บอกว่ามันคืออะไร
  • 13:42 - 13:44
    หรือผมจะเดินไปหาพวกเขา และบอกว่า
    "นี่คือสิ่งที่พ่ออยากให้ทำ"
  • 13:44 - 13:46
    แล้วคุณรู้ไหมว่าพวกเราทำอะไร เราเจรจา
  • 13:46 - 13:48
    พวกเขาจะเดินไปรอบๆ หาว่ามันคืออะไร
  • 13:48 - 13:50
    จากนั้นเราจะเจรจาตกลงกัน เกี่ยวกับค่าจ้างที่จะได้รับ
  • 13:50 - 13:53
    พวกเขาไม่ได้ค่าจ้างรายเดือน
    แต่พวกเขามีโอกาสที่จะมองหาสิ่งต่างๆ
  • 13:53 - 13:55
    และพวกเขาเรียนรู้ทักษะในการเจรจา
  • 13:55 - 13:57
    และพวกเขาก็ได้เรียนรู้ทักษะในการหาโอกาสเช่นกัน
  • 13:57 - 14:00
    คุณบ่มเพาะสิ่งแบบนี้ได้ เด็กๆ ทั้งสองคนของผม
    มีกระปุกออมสิน
  • 14:00 - 14:02
    50% ของเงินทั้งหมดที่พวกเขาหาได้
    หรือได้รับเป็นของขวัญ
  • 14:02 - 14:04
    50% นั้นจะเข้าบัญชีกลางของบ้าน
  • 14:04 - 14:06
    อีก 50% จะเข้าบัญชีสำหรับของเล่น
  • 14:06 - 14:08
    ซึ่งในบัญชีของเล่น พวกเขาจะซื้ออะไรก็ได้
    ที่พวกเขาต้องการ
  • 14:08 - 14:11
    50% ที่เข้าบัญชีกลางของบ้านทุกๆ 6 เดือน
    จะฝากเข้าธนาคาร
  • 14:11 - 14:14
    พวกเขาจะเดินไปกับผม และในแต่ละปี
    เงินทั้งหมดจากธนาคาร จะไปสู่นายหน้าของพวกเขา
  • 14:14 - 14:17
    ทั้งลูกวัย 9 ขวบและ 7 ขวบของผม
    มีนายหน้าค้าหุ้นส่วนตัวเรียบร้อยแล้ว
  • 14:18 - 14:20
    แต่ผมกำลังสอนพวกเขาให้พยายาม
    สร้างพฤติกรรมการเก็บเงิน
  • 14:20 - 14:23
    มันทำให้ผมแทบคลั่งที่ได้ยินคนอายุ 30 ปีพูดว่า
  • 14:23 - 14:25
    "บางที ฉันน่าจะเริ่มเก็บเงินเพื่อเกษียณได้แล้วนะ"
  • 14:25 - 14:27
    บ้าจริงๆ คุณพลาดไปตั้ง 25 ปีเชียวนะ
  • 14:27 - 14:29
    คุณสามารถสอนพฤติกรรมเหล่านั้นให้เด็กๆ ได้
  • 14:29 - 14:31
    ในช่วงที่เขายังไม่รู้สึกเรื่องความเจ็บปวด
  • 14:31 - 14:33
    อย่าเล่านิทานก่อนนอนให้พวกเขาฟังทุกคืน
  • 14:33 - 14:35
    อาจจะอ่านนิทานให้ฟังแค่ 4 คืนต่ออาทิตย์
  • 14:35 - 14:37
    จากนั้น 3 คืนให้พวกเขาเล่าเรื่องราวต่างๆ
  • 14:37 - 14:40
    ทำไมคุณไม่นั่งกับเด็กๆ แล้วให้ของเด็กๆ ไป 4 อย่าง
  • 14:40 - 14:43
    เสื้อสีแดง เนคไทสีน้ำเงิน จิงโจ้ และคอมพิวเตอร์โน้ตบุ้ค
  • 14:43 - 14:45
    แล้วลองให้พวกเขาเล่าเรื่องโดยใช้สิ่งเหล่านี้ล่ะ
  • 14:45 - 14:47
    เด็กๆ ของผม ทำเรื่องพวกนี้เป็นประจำ
  • 14:47 - 14:49
    มันจะช่วยสอนพวกเขาให้ขาย สอนให้มีคิดสร้างสรรค์
  • 14:49 - 14:51
    มันจะสอนพวกเขาให้คิดด้วยตัวพวกเขาเอง
  • 14:51 - 14:53
    แค่ทำในสิ่งต่างๆ และสนุกกับมัน
  • 14:53 - 14:55
    ให้เด็กๆ ยืนขึ้นต่อหน้ากลุ่มและพูด
  • 14:55 - 14:57
    แม้ว่าจะเป็นแค่การยืนต่อหน้าเพื่อนๆ ของพวกเขา
  • 14:57 - 14:59
    และให้เล่นละคร ให้พูดปราศัย
  • 14:59 - 15:01
    ลักษณะของเจ้าของธุรกิจที่คุณต้องการบ่มเพาะให้เขา
  • 15:01 - 15:04
    แสดงให้เด็กๆ เห็นว่า ลูกค้าที่แย่ๆ
    หรือลูกจ้างที่แย่ๆ เป็นอย่างไร
  • 15:04 - 15:06
    ให้เขาเห็นถึงพนักงานที่แย่ๆ
  • 15:06 - 15:08
    เมื่อคุณเห็นการบริการแย่ๆ ให้ลูกค้า
    ก็ต้องชี้ให้พวกเขาเห็น
  • 15:08 - 15:10
    และบอกว่า "อืม คนนั้นน่ะ เป็นพนักงานที่แย่มากเลยนะ"
  • 15:10 - 15:13
    และบอกเขาด้วยว่า "ส่วนพวกนี้เป็นพนักงานที่ดี"
  • 15:13 - 15:15
    (เสียงหัวเราะ)
  • 15:15 - 15:17
    ถ้าคุณเดินเข้าไปในภัตตาคาร และได้รับบริการแย่ๆ
  • 15:17 - 15:19
    ให้บอกพวกเขาว่าบริการลูกค้าแย่ๆ เป็นอย่างไร
  • 15:19 - 15:21
    (เสียงหัวเราะ)
  • 15:21 - 15:23
    เราล้วนมีบทเรียนเหล่านี้อยู่ตรงหน้าพวกเรา
  • 15:23 - 15:26
    แต่เรากลับไม่ฉวยโอกาสเหล่านั้น
    เรากลับสอนเด็กๆให้ไปเรียนพิเศษ
  • 15:26 - 15:28
    ลองจินตนาการว่า
  • 15:28 - 15:30
    ถ้าคุณเอาของที่ไม่ใช้แล้วของเด็กๆ ที่อยู่ในบ้านตอนนี้
  • 15:30 - 15:32
    ของเล่นทั้งหมดที่พ้นวัยของพวกเขามา 2 ปีแล้ว
  • 15:32 - 15:35
    แล้วบอกเขาว่า "ทำไมเราไม่ลองขายของพวกนี้
    ในเวปอย่าง เครกลิสต์ (Craigslist) และ คิจิจิ (Kijiji) ล่ะ"
  • 15:35 - 15:37
    และให้พวกเขาได้ขายจริงๆ
  • 15:37 - 15:39
    และเรียนรู้ที่จะสังเกตพวกหลอกลวง
    เมื่อพวกเขาได้เมล์ข้อเสนอต่างๆ
  • 15:39 - 15:41
    ให้พวกเขาใช้บัญชีของคุณ
    หรือบัญชีย่อยๆ หรืออะไรก็ตาม
  • 15:41 - 15:44
    และสอนพวกเขาวิธีตั้งราคา ประมาณราคา
  • 15:44 - 15:46
    ใส่รูปภาพต่างๆ
  • 15:46 - 15:48
    สอนพวกเขาให้ทำสิ่งเหล่านี้และสร้างรายได้
  • 15:48 - 15:50
    และเงินที่พวกเขาหาได้ 50% เข้าบัญชีกลางของบ้าน
  • 15:50 - 15:52
    อีก 50% เข้าบัญชีของเล่นของพวกเขา
  • 15:52 - 15:54
    เด็กๆ ของผมรักสิ่งเหล่านี้
  • 15:54 - 15:57
    ทักษะของการเป็นเจ้าของธุรกิจ
    นั่นคือสิ่งที่คุณต้องฝึกฝนเด็กๆ
  • 15:57 - 16:00
    ความรอบรู้ การไม่ลดละ ความเป็นผู้นำ
    ความรอบคอบ ถ้อยทีถ้อยอาศัย และคุณค่า
  • 16:00 - 16:03
    ลักษณะเหล่านี้ที่คุณต้องค้นหาในตัวเด็กๆ
    และคุณต้องช่วยฝึกฝนพวกเขา
  • 16:03 - 16:05
    สังเกตดูสิ่งเหล่านี้
  • 16:05 - 16:07
    มี 2 ลักษณะที่ผมต้องการให้คุณมองหาเช่นกัน
  • 16:07 - 16:10
    ว่าพวกเราต้องไม่กำจัดมันออกจากพวกเขา
  • 16:10 - 16:12
    นั่นคือ ไม่ต้องให้ยาเด็กๆ ที่เป็นโรคสมาธิสั้น
  • 16:12 - 16:14
    ถ้าไม่ใช่ถึงขั้นเลวร้ายจริงๆ
  • 16:14 - 16:16
    (เสียงปรบมือ)
  • 16:16 - 16:19
    เช่นเดียวกับ อาการที่คลั่งไคล้อะไรสักอย่าง
    หรือความเครียด อาการซืมเศร้า
  • 16:19 - 16:21
    ถ้าไม่ถึงขั้นรุนแรงจริงๆ
  • 16:21 - 16:23
    อารมณ์สองขั้ว นั้นมีชื่อเล่นอีกชื่อว่า โรคของ CEO
  • 16:23 - 16:25
    เมื่อสตีฟ เจอเวิทสัน (Steve Jurvetson)
    และ จิม คลาร์ก (Jim Clark)
  • 16:25 - 16:27
    และจิม บาร์กสดาล์ (Jim Barksdale) ก็เป็นโรคนี้
  • 16:27 - 16:29
    และพวกเขาสร้างเน็ตสเคป (Netscape)
  • 16:29 - 16:31
    ลองนึกภาพสิ ถ้าพวกเขาได้รับยาริทาลิน
  • 16:31 - 16:33
    พวกคงเราไม่จะมีสิ่งเหล่าๆ เหล่านี้ ถูกไหมครับ
  • 16:33 - 16:36
    อัล กอร์ คงจะเป็นผู้สร้างระบบอินเทอร์เน็ต
  • 16:36 - 16:38
    (เสียงหัวเราะ)
  • 16:38 - 16:40
    ทักษะเหล่านี้คือทักษะที่พวกเรา
    ควรจะสอนในห้องเรียน
  • 16:40 - 16:42
    เหมือนกับทุกๆ สิ่งที่มี
  • 16:42 - 16:44
    ผมไม่ได้พูดว่า ไม่ต้องให้เด็กๆ เลิกอยากเป็นทนายความ
  • 16:44 - 16:46
    แต่ ลองให้โอกาสการเจ้าของกิจการ
  • 16:46 - 16:48
    ได้เป็นหนึ่งในทางเลือกของเด็กๆ ด้วย
  • 16:48 - 16:50
    เพราะโอกาสนั้นมีมากมายเหลือเกิน
  • 16:50 - 16:52
    ผมต้องการปิดด้วยวิดีโอสั้นๆ นี้
  • 16:52 - 16:55
    มันเป็นวิดีโอที่ทำโดยหนึ่งในบริษัทที่ผมให้คำปรึกษา
  • 16:55 - 16:57
    คนเหล่านี้ ทีมงานตั๊กแตน
  • 16:57 - 16:59
    มันเกี่ยวกับเด็กๆ มันเกี่ยวกับความเป็นเจ้าของกิจการ
  • 16:59 - 17:02
    หวังว่ามันคงจะจุดประกายให้คุณ
    นำสิ่งที่คุณได้ยินจากผม
  • 17:02 - 17:04
    และนำมันไปใช้เพื่อเปลี่ยนแปลงโลก
  • 17:04 - 17:07
    [เด็กๆ...."คุณคิดว่าคุณสามารถทำได้ทุกสิ่งงั้นเหรอ"]
  • 17:07 - 17:09
    [คุณสามารถทำได้]
  • 17:09 - 17:11
    [เพราะสิ่งมากมายที่เราคิดกันว่าเป็นไปไม่ได้]
  • 17:11 - 17:14
    [เราก็เอาชนะมันได้ง่ายๆ]
  • 17:14 - 17:17
    [เพราะถ้าคุณยังไม่ตระหนัก เราอยู่ในที่ตรงนั้นแล้ว]
  • 17:17 - 17:20
    [ที่ซึ่งคนหนึ่งคน อาจสร้างความแตกต่างได้]
  • 17:20 - 17:21
    [ต้องการข้อพิสูจน์งั้นหรือ?]
  • 17:21 - 17:22
    [ลองมองดูผู้คนที่สร้างประเทศเราขึ้นมา]
  • 17:22 - 17:25
    [พ่อแม่ของเรา ปู่ย่าตายาย ลุงป้า....]
  • 17:25 - 17:28
    [พวกเขาเป็นผู้อพยพ ผู้มาใหม่
    พร้อมที่จะสร้างสิ่งที่ยิ่งใหญ่]
  • 17:28 - 17:31
    [พวกเขาอาจมีสมบัติติดตัวมาเล็กน้อย]
  • 17:31 - 17:34
    [หรือบางทีพวกอาจไม่มีอะไรเลย ยกเว้น....]
  • 17:34 - 17:37
    [....ไอเดียที่แสนบรรเจิด]
  • 17:37 - 17:40
    [พวกเขาเหล่านี้คือนักคิด นักลงมือทำ....]
  • 17:40 - 17:42
    [...นักประดิษฐ์...]
  • 17:42 - 17:45
    [...และแล้ว พวกเขาก็คิดชื่อนี้ขึ้นมาได้...]
  • 17:46 - 17:49
    [...เจ้าของกิจการ!]
  • 17:49 - 17:52
    [พวกเขาเปลี่ยนวิธีที่พวกเราคิดว่าอะไรบ้าง ที่เป็นไปได้]
  • 17:52 - 17:54
    [พวกเขามีวิสัยทัศน์ที่ชัดเจนว่าชีวิตที่ดีขึ้นจะเป็นอย่างไร]
  • 17:54 - 17:57
    [สำหรับพวกเราทุกคน แม้ในช่วงเวลายากลำบาก]
  • 17:57 - 17:59
    [ตอนนี้ มันยากที่จะเห็น]
  • 17:59 - 18:01
    [เมื่อมุมมองของพวกเรา ถูกบดบังด้วยอุปสรรคต่างๆ]
  • 18:01 - 18:04
    [แต่ความวุ่นวายจะสร้างโอกาส]
  • 18:04 - 18:07
    [สู่ความสำเร็จ การบรรลุผล และผลักดันพวกเรา...]
  • 18:07 - 18:10
    [ให้ค้นพบหนทางใหม่ๆ ในการทำสิ่งต่างๆ]
  • 18:10 - 18:13
    [แล้วโอกาสไหนที่คุณจะไขว้คว้า และทำไม?]
  • 18:13 - 18:16
    [ถ้าคุณคือเจ้าของกิจการ]
  • 18:16 - 18:19
    [คุณรู้ว่า ความเสี่ยงไม่ใช่รางวัล]
  • 18:19 - 18:21
    [ไม่เลย และรางวัลคือ นวัตกรรมใหม่ๆ
    ที่เป็นตัวขับเคลื่อน ...]
  • 18:21 - 18:24
    [... เปลี่ยนแปลงชีวิตผู้คน สร้างงานใหม่ๆ]
  • 18:24 - 18:26
    [เป็นเหมือนเชื้อเพลิงในการเติบโต]
  • 18:26 - 18:29
    [และทำให้โลกนี้ดีขึ้น]
  • 18:29 - 18:31
    [เจ้าของกิจการมีอยู่ทุกที่]
  • 18:31 - 18:33
    [พวกเขาดูแลธุรกิจขนาดเล็ก
    ที่รองรับสภาวะเศรษฐกิจของเรา]
  • 18:33 - 18:35
    [ออกแบบเครื่องมือมาช่วยให้เรา...]
  • 18:35 - 18:37
    [...ติดต่อกับเพื่อนๆ ครอบครัวๆ
    และเพื่อนร่วมงานทั่วโลก]
  • 18:37 - 18:40
    [และพวกเขากำลังค้นหาวิธีที่จะช่วย
    แก้ปัญหาเก่าแก่ที่สุดของสังคม]
  • 18:40 - 18:42
    [คุณรู้จักเจ้าของกิจการสักคนหนึ่งไหม?]
  • 18:42 - 18:43
    [เจ้าของกิจการจะเป็นใครก็ได้...]
  • 18:43 - 18:45
    [แม้กระทั่ง....คุณ!]
  • 18:45 - 18:48
    [ดังนั้น จงฉวยโอกาสที่จะสร้างงานที่คุณต้องการ]
  • 18:48 - 18:50
    [ช่วยเพิ่มพลังให้ระบบเศรษฐกิจ]
  • 18:50 - 18:51
    [สร้างความแตกต่าง]
  • 18:51 - 18:53
    [ทำให้ธุรกิจคุณรุ่งเรืองยิ่งขึ้น]
  • 18:53 - 18:55
    [แต่สิ่งที่สำคัญที่สุด]
  • 18:55 - 18:58
    [จำไว้ว่า เมื่อตอนคุณเป็นเด็ก]
  • 18:58 - 19:01
    [เมื่อทุกสิ่งทุกอย่างอยู่ในอยู่แค่เอื้อม]
  • 19:01 - 19:05
    [และพูดกับตัวคุณเองเบาๆ แต่มั่นใจ]
  • 19:07 - 19:09
    ["มันยังคงเป็นอย่างนั้น"]
  • 19:11 - 19:13
    ขอบคุณทุกท่านที่มาฟังผมในวันนี้ครับ
Title:
มาสร้างเด็กๆ ให้โตไปเป็นเจ้าของกิจการกันเถอะ
Speaker:
คาเมรอน เฮอโรล์ด
Description:

เบื่อโรงเรียน สอบตก และเข้ากับเพื่อนไม่ได้: เด็กคนนี้อาจจะเป็นเจ้าของกิจการก็ได้ คาเมรอน เฮอโรล์ด กล่าว
ในเวที TEDxEdmonton เขาพูดถึงการเลี้ยงดูและการศึกษาที่จะช่วยให้อนาคตเจ้าของกิจการ ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ เติบโตและก้าวหน้า

more » « less
Video Language:
English
Team:
closed TED
Project:
TEDTalks
Duration:
19:15
Kelwalin Dhanasarnsombut approved Thai subtitles for Let's raise kids to be entrepreneurs
Kelwalin Dhanasarnsombut edited Thai subtitles for Let's raise kids to be entrepreneurs
Kelwalin Dhanasarnsombut commented on Thai subtitles for Let's raise kids to be entrepreneurs
Kelwalin Dhanasarnsombut edited Thai subtitles for Let's raise kids to be entrepreneurs
Kanawat Senanan accepted Thai subtitles for Let's raise kids to be entrepreneurs
Kanawat Senanan commented on Thai subtitles for Let's raise kids to be entrepreneurs
Kanawat Senanan edited Thai subtitles for Let's raise kids to be entrepreneurs
Tisa Tontiwatkul edited Thai subtitles for Let's raise kids to be entrepreneurs
Show all
  • Thank you for helping me cross-check my changes krab. We should be proud of this work :-) BTW, I fix few more typos and break long lines into 2.

    Note to approver: Both translator and reviewer has collaborated and agreed on this revision. Please help to approval krab.

  • Few typo fixed and I think it's great to launch :D -Note

Thai subtitles

Revisions

  • Revision 25 Edited (legacy editor)
    Kelwalin Dhanasarnsombut