เราทุกคนควรเป็นนักสตรีนิยม
-
0:00 - 0:05ฉันขอเริ่มด้วยการเล่าเรื่อง
ของเพื่อนที่ดีที่สุดของฉันคนหนึ่ง -
0:05 - 0:07โอโคโลมา มาดูเอะเวซิ
-
0:08 - 0:09โอโคโลมาอยู่บนถนนเส้นเดียวกับฉัน
-
0:09 - 0:12และดูแลฉันราวกับพี่ชายคนหนึ่ง
-
0:12 - 0:15ถ้าฉันชอบผู้ชายสักคน
ฉันก็จะขอความเห็นจากโอโคโลมา -
0:16 - 0:20โอโคโลมาเสียชีวิตในเหตุการณ์อันอื้อฉาว
ที่เครื่องบินสายการบินโซโซลิโซตก -
0:20 - 0:22ในไนจีเรีย ในเดือนธันวาคม ค.ศ. 2005
-
0:23 - 0:25จนถึงตอนนี้ก็เกือบเจ็ดปีพอดี
-
0:26 - 0:30โอโคโลมาคือคนที่ฉันเถียงด้วย
หัวเราะด้วย และคุยด้วยจริง ๆ -
0:32 - 0:34เขายังเป็นคนแรกที่เรียกฉันว่านักสตรีนิยม
-
0:36 - 0:39ตอนนั้นฉันอายุประมาณสิบสี่
เราอยู่ที่บ้านของเขา และกำลังเถียงกันอยู่ -
0:39 - 0:41เราทั้งคู่เถียงคอเป็นเอ็นด้วย
ความรู้ครึ่ง ๆ กลาง ๆ -
0:41 - 0:43จากหนังสือที่เราได้อ่านมา
-
0:44 - 0:46ฉันจำไม่ได้เสียทีเดียวว่า
เรากำลังเถียงเรื่องอะไรกันแน่ -
0:47 - 0:49แต่ฉันจำได้ว่าตอนที่
ฉันเถียงแล้วเถียงอีกอยู่นั้น -
0:49 - 0:53โอโคโลมามองมาที่ฉันแล้วพูดว่า
"เธอรู้ไหม เธอน่ะเป็นนักสตรีนิยม" -
0:54 - 0:55นั่นไม่ใช่คำชมหรอกนะ
-
0:55 - 0:57(เสียงหัวเราะ)
-
0:57 - 0:58ฉันบอกได้จากน้ำเสียงของเขา
-
0:58 - 1:01น้ำเสียงแบบเดียวกับเวลาที่
คุณพูดอะไรทำนองว่า -
1:01 - 1:02"คุณเป็นพวกส่งเสริมการก่อการร้าย"
-
1:02 - 1:05(เสียงหัวเราะ)
-
1:05 - 1:09ฉันไม่มั่นใจเสียทีเดียวว่าคำว่า
"สตรีนิยม" นั้นหมายถึงอะไร -
1:09 - 1:12และฉันก็ไม่อยากให้โอโคโลมา
รู้ด้วยว่าฉันไม่รู้ -
1:12 - 1:15ดังนั้น ฉันจึงทำเป็นไม่สนใจ
แล้วเถียงต่อไป -
1:15 - 1:18และสิ่งแรกที่ฉันคิดจะทำ
เมื่อกลับไปถึงบ้านก็คือ -
1:18 - 1:20การหาความหมายของคำว่า
"สตรีนิยม" ในพจนานุกรม -
1:20 - 1:23ทีนี้ ข้ามมายังหลายปีต่อมา
-
1:23 - 1:28ฉันเขียนนิยายเรื่องหนึ่งเกี่ยวกับผู้ชาย
คนหนึ่งที่มีนิสัยชอบตบตีเมียตัวเอง -
1:28 - 1:30และเรื่องราวของเขาก็จบไม่ค่อยสวยสักเท่าไร
-
1:31 - 1:33ในขณะที่ฉันกำลังโปรโมท
นิยายเรื่องนี้ในไนจีเรียอยู่นั้น -
1:33 - 1:36นักข่าวคนหนึ่ง ชายผู้มี
อัธยาศัยและเจตนาที่ดี -
1:36 - 1:38บอกฉันว่าเขาอยากแนะนำฉัน
-
1:39 - 1:41และสำหรับชาวไนจีเรียที่นี่
-
1:41 - 1:42ฉันมั่นใจว่าเราทุกคนคงคุ้นเคยดี
-
1:42 - 1:48ว่าคนประเทศเรานั้นให้คำแนะนำ
ที่ไม่ได้ขอรวดเร็วแค่ไหน -
1:50 - 1:53เขาบอกฉันว่าผู้คนต่างพูดว่า
นวนิยายของฉันนั้นมีความเป็นสตรีนิยม -
1:53 - 1:55และคำแนะนำที่เขาให้ฉัน
-
1:55 - 1:58ในขณะที่เขาส่ายหัวอย่างเศร้า ๆ
ในตอนที่เขาพูด -
1:58 - 2:00ก็คือว่าฉันไม่ควรเรียกตัวเองว่านักสตรีนิยม
-
2:00 - 2:03เพราะนักสตรีนิยมคือผู้หญิงที่เป็นทุกข์
-
2:03 - 2:05เนื่องจากพวกเธอหาสามีไม่ได้
-
2:05 - 2:07(เสียงหัวเราะ)
-
2:09 - 2:12ดังนั้น ฉันจึงตัดสินใจเรียกตัวเองว่า
"นักสตรีนิยมผู้มีความสุข" -
2:13 - 2:16จากนั้น นักวิชาการหญิง
ชาวไนจีเรียคนหนึ่งก็บอกฉัน -
2:16 - 2:17ว่าสตรีนิยมไม่ใช่วัฒนธรรมของเรา
-
2:17 - 2:19และสตรีนิยมก็ไม่มีความเป็นแอฟริกัน
-
2:19 - 2:21และที่ฉันเรียกตัวเองว่านักสตรีนิยม
-
2:21 - 2:23ก็เพราะว่าฉันถูกล้างสมองด้วย
"หนังสือตะวันตก" -
2:24 - 2:25ซึ่งทำให้ฉันขบขันทีเดียว
-
2:25 - 2:29เพราะหนังสือมากมายที่ฉันอ่านในช่วงแรก ๆ นั้น
ห่างไกลความเป็นสตรีนิยมโดยสิ้นเชิง -
2:29 - 2:32ฉันว่าฉันคงอ่านนิยายโรแมนติกของสำนักพิมพ์
มิลส์แอนด์บูนที่ตีพิมพ์ออกมาทุกเล่ม -
2:32 - 2:33ก่อนที่ฉันจะอายุ 16 ด้วยซ้ำ
-
2:34 - 2:36และในทุกครั้งที่ฉัน
พยายามอ่านพวกหนังสือ -
2:36 - 2:38ที่เรียกกันว่า "สตรีนิยมคลาสสิค"
-
2:38 - 2:41ฉันจะเบื่อ แล้วก็ต้องดิ้นรน
อย่างสุดขีดเพื่อให้มันจบ -
2:41 - 2:43แต่อย่างไรเสีย ในเมื่อสตรีนิยม
ไม่มีความเป็นแอฟริกัน -
2:43 - 2:47ฉันจึงตัดสินใจเรียกตัวเองว่า
"นักสตรีนิยมชาวแอฟริกันผู้มีความสุข" -
2:48 - 2:52ณ จุด ๆ หนึ่ง ฉันเคยเป็นนักสตรีนิยม
ชาวแอฟริกันผู้มีความสุขที่ไม่เกลียดผู้ชาย -
2:52 - 2:54และชอบทาลิปกลอส
-
2:54 - 2:56และใส่รองเท้าส้นสูงเพื่อตัวเอง
ไม่ใช่เพื่อผู้ชาย -
2:56 - 2:58(เสียงหัวเราะ)
-
2:58 - 3:00แน่นอนว่าที่พูดมานี้เป็นเรื่องล้อเล่น
-
3:00 - 3:05แต่คำว่าสตรีนิยมนั้นหนักอึ้งไปด้วย
ทัศนคติ ทัศนคติที่เป็นลบ -
3:05 - 3:07เธอต้องเกลียดผู้ชายสิ เธอต้องเกลียดบรา
-
3:07 - 3:09เธอต้องเกลียดวัฒนธรรมแอฟริกัน
แล้วก็อะไรทำนองนั้น -
3:10 - 3:12และนี่ก็คือเรื่องราวหนึ่งในวัยเด็กของฉัน
-
3:13 - 3:15ตอนที่ฉันเรียนอยู่ชั้นประถมศึกษา
-
3:15 - 3:19ครูของฉันบอกตอนเริ่มภาคการศึกษา
ว่าเธอจะแจกแบบทดสอบให้กับทุกคน -
3:19 - 3:22และใครก็ตามที่ได้คะแนนสูงสุด
จะได้เป็นหัวหน้าห้อง -
3:22 - 3:24ทีนี้ การได้เป็นหัวหน้าห้อง
ถือเป็นเรื่องใหญ่ -
3:25 - 3:27ถ้าหากคุณได้เป็นหัวหน้าห้องแล้วล่ะก็
-
3:27 - 3:29คุณก็จะได้จดชื่อคนที่ส่งเสียงดัง
-
3:29 - 3:31(เสียงหัวเราะ)
-
3:31 - 3:34ซึ่งก็มีอำนาจในตัวมากพออยู่แล้ว
-
3:34 - 3:39ทว่าครูของฉันกลับจะ
ให้คุณถือไม้เรียวอีกด้วย -
3:39 - 3:42เวลาที่คุณเดินไปรอบ ๆ และตรวจตราห้องเรียน
เพื่อหาคนส่งเสียงดัง -
3:43 - 3:46แน่ล่ะว่า คุณไม่ได้รับอนุญาต
ให้ใช้ไม้เรียวนั้นจริง ๆ หรอก -
3:47 - 3:50แต่ว่ามันก็เป็นโอกาสอันน่าตื่นเต้น
สำหรับฉันที่อายุ 9 ขวบในตอนนั้น -
3:50 - 3:53ฉันอยากเป็นหัวหน้าห้องมากเลยทีเดียว
-
3:53 - 3:55และฉันก็ได้คะแนนสูงสุดในห้อง
-
3:56 - 3:59แต่ฉันกลับต้องประหลาดใจตอนที่ครู
พูดขึ้นมาว่าหัวหน้าห้องจะต้องเป็นผู้ชาย -
4:00 - 4:02เธอไม่ได้พูดให้ชัดเจนก่อนหน้านี้
-
4:02 - 4:04เพราะเธอคงคิดว่ามัน ชัดเจนอยู่แล้ว
-
4:04 - 4:06(เสียงหัวเราะ)
-
4:06 - 4:09เด็กผู้ชายคนหนึ่งได้คะแนนเป็นอันดับสอง
-
4:09 - 4:11และเขาก็จะได้เป็นหัวหน้าห้อง
-
4:12 - 4:14ทีนี้ สิ่งที่ทำให้เรื่องนี้
น่าสนใจขึ้นไปอีก -
4:14 - 4:18ก็คือว่าเด็กผู้ชายคนนั้นเป็นคน
ที่อ่อนโยน และนุ่มนวล -
4:18 - 4:21และไม่ได้อยากจะถือไม้เรียว
เพื่อตรวจตราห้องเรียนเลย -
4:22 - 4:25ในขณะที่ฉันกลับเต็มไปด้วย
แรงปรารถนาที่จะทำเช่นนั้น -
4:27 - 4:29แต่ว่าฉันเป็นผู้หญิงและเขาเป็นผู้ชาย
-
4:29 - 4:30เขาจึงได้เป็นหัวหน้าห้อง
-
4:31 - 4:33และฉันก็ไม่เคยลืมเหตุการณ์วันนั้นเลย
-
4:34 - 4:36ฉันมักจะเข้าใจผิดอยู่เสมอ
-
4:36 - 4:40ว่าบางสิ่งที่ฉันเห็นได้ชัดเจน
จะชัดเจนกับคนอื่น ๆ ด้วย -
4:40 - 4:41ตัวอย่างหนึ่งก็คือเพื่อนรักของฉัน
-
4:41 - 4:42หลุยส์
-
4:43 - 4:44หลุยส์เป็นคนที่ปราดเปรื่องและก้าวหน้า
-
4:44 - 4:47และเราก็มักจะคุยกัน และเขาก็จะบอกฉันว่า
-
4:47 - 4:50"ผมไม่รู้หรอกนะว่าคุณต้องการจะสื่ออะไร
เวลาพูดว่าผู้หญิงลำบากกว่าผู้ชาย -
4:51 - 4:53แต่ก่อนอาจใช่
แต่ตอนนี้ไม่ใช่แล้ว" -
4:54 - 4:58และฉันเองก็ไม่เข้าใจว่าทำไมหลุุยส์ถึงมอง
ไม่เห็นสิ่งที่ชัดเจนในตัวเองขนาดนั้น -
4:58 - 5:02ทีนี้ เย็นวันหนึ่งในเมืองเลกอส
หลุยส์กับฉันออกไปข้างนอกกับเพื่อน ๆ -
5:02 - 5:05และสำหรับคนที่นี้ที่ไม่รู้จักเลกอสดี
-
5:05 - 5:07ที่นั่นจะมีผู้คนกลุ่มหนึ่งอยู่เสมอ
-
5:07 - 5:11เหล่าผู้ชายผู้ขยันขันแข็ง
ที่จะวนเวียนอยู่รอบ ๆ สถานที่ต่าง ๆ -
5:11 - 5:14และ "ช่วย" คุณจอดรถ
อย่างกับหลุดมาจากละคร -
5:16 - 5:19ฉันรู้สึกประทับใจกับการแสดงดังกล่าว
-
5:19 - 5:22ของชายคนหนึ่งที่หา
ที่จอดรถให้เราในเย็นวันนั้น -
5:22 - 5:25และในตอนที่เรากำลังจะจากไป
ฉันก็ตัดสินใจยื่นทิปให้กับเขา -
5:27 - 5:28ฉันเปิดกระเป๋าของตัวเอง
-
5:28 - 5:30ยื่นมือเข้าไปในนั้น
-
5:30 - 5:32นำเงินที่ฉันได้จากการทำงานออกมา
-
5:33 - 5:35แล้วยื่นให้กับชายคนนั้น
-
5:36 - 5:40จากนั้นเขา ชายผู้ซาบซึ้ง
และปลื้มปริ่มเป็นอันมาก -
5:40 - 5:42รับเงินของฉันไป
-
5:42 - 5:43มองไปที่หลุยส์
-
5:43 - 5:45แล้วพูดว่า "ขอบคุณครับท่าน!"
-
5:45 - 5:48(เสียงหัวเราะ)
-
5:51 - 5:54หลุยส์มองมาที่ฉันด้วยความประหลาดใจ
-
5:54 - 5:58และถามว่า "ทำไมเขาถึงขอบคุณผมล่ะ
ผมไม่ได้ให้เงินเขาสักหน่อย" -
5:59 - 6:02และตอนนั้นเอง ฉันถึงได้เห็นความเข้าใจ
ปรากฏอยู่บนใบหน้าของเขา -
6:03 - 6:05ชายคนนั้นเชื่อว่าเงินอะไรก็ตามที่ฉันมี
-
6:05 - 6:09ท้ายที่สุดจะต้องมาจากหลุยส์
-
6:10 - 6:11เพราะว่าหลุยส์เป็นผู้ชาย
-
6:13 - 6:14ผู้ชายและผู้หญิงนั้นแตกต่างกัน
-
6:14 - 6:17เรามีฮอร์โมนไม่เหมือนกัน
เรามีอวัยวะเพศที่แตกต่างกัน -
6:17 - 6:19เรามีคุณสมบัติทางชีวภาพไม่เหมือนกัน
-
6:19 - 6:21ผู้หญิงมีลูกได้ แต่ผู้ชายมีไม่ได้
-
6:23 - 6:24อย่างน้อยตอนนี้ก็ยัง
-
6:24 - 6:25(เสียงหัวเราะ)
-
6:25 - 6:30ผู้ชายมีเทสโทสเตอโรน และโดยรวมแล้ว
ก็มีพละกำลังทางกายมากกว่าผู้หญิง -
6:31 - 6:33ในโลกนี้มีผู้หญิงมากกว่าผู้ชายอยู่เล็กน้อย
-
6:33 - 6:36ประชากรโลกประมาณร้อยละ 52 เป็นผู้หญิง
-
6:36 - 6:40แต่ตำแหน่งที่มีอำนาจและเกียรติยศส่วนใหญ่
กลับครอบครองโดยผู้ชาย -
6:41 - 6:43ผู้ได้รับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ
ชาวเคนยาผู้ล่วงลับไปแล้ว -
6:43 - 6:45วังการี มาไท
-
6:45 - 6:47กล่าวไว้อย่างสั้น ๆ แต่ได้ใจความว่า
-
6:48 - 6:50"ยิ่งคุณขึ้นไปสูงมากเท่าไร
ก็ยิ่งมีผู้หญิงน้อยลงเท่านั้น" -
6:52 - 6:57ในการเลือกตั้งสหรัฐอเมริกาล่าสุด
เรามักได้ยินถึงเรื่อง Lilly Ledbetter Law -
6:57 - 7:00และถ้าเรามองข้ามสัมผัสอันงดงาม
ของชื่อกฎหมายนั้นไปได้ -
7:00 - 7:02จริง ๆ แล้วมันเป็น
เรื่องของผู้ชายกับผู้หญิง -
7:02 - 7:05ที่ทำงานเดียวกัน มีคุณสมบัติเท่ากัน
-
7:05 - 7:07แต่ผู้ชายกลับได้ค่าจ้างมากกว่า
เพราะว่าเขาเป็นผู้ชาย -
7:08 - 7:11ดังนั้น ตามความเป็นจริงแล้ว
ผู้ชายคือเพศที่ครองโลก -
7:12 - 7:14และสิ่งนี้ก็สมเหตุสมผลเมื่อพันปีที่แล้ว
-
7:15 - 7:18เพราะว่าผู้คนอาศัยอยู่ในโลก
-
7:18 - 7:22ที่ความแข็งแรงทางกายภาพเป็นคุณสมบัติ
ที่สำคัญที่สุดในการอยู่รอด -
7:22 - 7:25คนที่แข็งแรงมากกว่า
มีโอกาสที่จะเป็นผู้นำมากกว่า -
7:27 - 7:30และผู้ชาย โดยทั่วไปแล้วก็แข็งแรงกว่า
-
7:30 - 7:32แต่แน่ล่ะว่ายังมีข้อยกเว้นอยู่หลายอย่าง
-
7:32 - 7:33(เสียงหัวเราะ)
-
7:33 - 7:37แต่ในปัจจุบันนี้ เราต่างอาศัยอยู่
ในโลกที่แตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง -
7:38 - 7:42คนที่มีแนวโน้มจะได้เป็นผู้นำมากกว่า
ไม่ใช่คนที่แข็งแรงกว่า -
7:42 - 7:45แต่เป็นคนที่มีความคิดสร้างสรรค์มากกว่า
มีความเฉลียวฉลาดกว่า -
7:45 - 7:48มีความคิดใหม่ ๆ มากกว่า
-
7:48 - 7:50และไม่มีฮอร์โมนใด ๆ เลย
ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องเหล่านี้ -
7:50 - 7:53ผู้ชายและผู้หญิงมีโอกาสที่จะฉลาด
-
7:53 - 7:55สร้างสรรค์ และมีความคิดใหม่ ๆ
ได้เท่า ๆ กัน -
7:56 - 7:57เราต่างพัฒนามาถึงจุด ๆ นี้
-
7:57 - 8:01แต่ดูเหมือนว่าความคิดของเราในเรื่องเพศนั้น
จะไม่ได้พัฒนาตามขึ้นมาเลย -
8:02 - 8:06ไม่กี่สัปดาห์ก่อน ฉันเดินเข้าไปในล็อบบี้
ของโรงแรมที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งในไนจีเรีย -
8:06 - 8:10ตอนแรกฉันคิดว่าจะบอกชื่อโรงแรมนี้
แต่พอคิดอีกทีฉันว่าคงไม่สมควร -
8:10 - 8:13และยามที่ทางเข้าก็หยุดฉันไว้
แล้วถามคำถามน่ารำคาญมากมาย -
8:14 - 8:16เพราะว่าสมมติฐานที่พวกเขามีโดยอัตโนมัติ
-
8:16 - 8:19ก็คือว่าผู้หญิงไนจีเรียที่เดินเข้ามาใน
โรงแรมเพียงคนเดียวคือคนขายบริการ -
8:21 - 8:22ว่าแต่ว่า
-
8:22 - 8:25ทำไมโรงแรมพวกนี้ถึงสนใจแต่
อุปทานในการขายบริการ -
8:25 - 8:28แทนที่จะสนใจอุปสงค์
ในการซื้อบริการจริง ๆ ล่ะ -
8:30 - 8:35ในเลกอส ฉันไม่สามารถเข้าไปในบาร์และคลับ
หลายแห่งที่ "มีชื่อเสียง" เพียงคนเดียวได้ -
8:35 - 8:37พวกเขาจะไม่ยอมให้คุณเข้าไป
หากคุณเป็นผู้หญิงตัวคนเดียว -
8:37 - 8:39คุณจะต้องมีผู้ชายมาด้วย
-
8:40 - 8:42ในแต่ละครั้งที่ฉันเข้าไป
ในร้านอาหารไนจีเรียกับผู้ชาย -
8:42 - 8:45บริกรจะทักทายแต่ผู้ชาย และไม่สนใจฉัน
-
8:46 - 8:48บริกรนั้นคือผลผลิต
-
8:48 - 8:49(เสียงหัวเราะ)
-
8:49 - 8:52ณ จุด ๆ นี้ ผู้หญิงบางคนคงคิดว่า
"ใช่เลย! ฉันคิดแบบนั้นแหละ!" -
8:52 - 8:54บริกรคือผลผลิตของสังคม
-
8:54 - 8:57ที่สอนพวกเขาว่าผู้ชายนั้นสำคัญกว่าผู้หญิง
-
8:58 - 9:01และฉันรู้ว่าบริกรเหล่านั้น
ไม่ได้ประสงค์ร้ายอะไร -
9:01 - 9:05แต่การทำความเข้าใจด้วยสติปัญญานั้น
แตกต่างจากความรู้สึกเป็นอย่างมาก -
9:05 - 9:08ในแต่ละครั้งที่พวกเขาเพิกเฉยใส่ฉัน
ฉันรู้สึกไร้ตัวตน -
9:08 - 9:09ฉันรู้สึกโมโห
-
9:10 - 9:13ฉันอยากจะบอกพวกเขา
ว่าฉันก็เป็นมนุษย์เท่า ๆ กับผู้ชายคนนั้นนะ -
9:13 - 9:16ว่าฉันก็สมควรได้รับการใส่ใจเช่นเดียวกัน
-
9:17 - 9:18สิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องเล็ก ๆ
-
9:18 - 9:21แต่บางครั้งเรื่องเล็ก ๆ นี้แหละ
คือเรื่องที่แทงใจดำเราได้มากที่สุด -
9:21 - 9:23และเมื่อไม่นานมานี้ ฉันเขียน
บทความหนึ่งขึ้นมา -
9:23 - 9:26เกี่ยวกับการเป็นหญิงสาวในเลกอส
-
9:26 - 9:28และคนจากสำนักพิมพ์ก็บอกฉันว่า
-
9:29 - 9:30"มันดุเดือดมากเลยนะ"
-
9:31 - 9:32ก็แน่ล่ะว่ามันดุเดือด!
-
9:32 - 9:34(เสียงหัวเราะ)
-
9:37 - 9:38ฉันรู้สึกโกรธ
-
9:39 - 9:42เพศภาวะในทุกวันนี้คือ
ความอยุติธรรมที่ร้ายแรง -
9:42 - 9:43เราทุกคนควรจะต้องรู้สึกโกรธ
-
9:43 - 9:47ความโกรธนั้นมีประวัติอันยาวนาน
ในแง่ของการนำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงที่ดี -
9:47 - 9:50แต่นอกจากความโกรธแล้วนั้น
ฉันก็ยังมีความหวัง -
9:51 - 9:53เพราะว่าฉันศรัทธาอยู่ลึก ๆ
ถึงความสามารถของมนุษย์ -
9:54 - 9:56ในการสร้างและปรับปรุงแก้ไข
ตนเองให้ดีขึ้นได้ -
9:57 - 9:59เพศภาวะนั้นเป็นประเด็นทั่วโลก
-
9:59 - 10:01แต่ว่าฉันต้องการเน้นไปที่ไนจีเรีย
-
10:02 - 10:03และแอฟริกาโดยรวม
-
10:03 - 10:07เพราะว่ามันเป็นที่ที่ฉันรู้จัก
และเป็นที่ที่หัวใจของฉันสถิต -
10:07 - 10:09และในวันนี้ ฉันอยากจะขอ
-
10:09 - 10:13ให้เราเริ่มนึกฝันถึง และวางแผน
ให้กับโลกที่แตกต่าง -
10:13 - 10:14โลกที่ยุติธรรมมากกว่านี้
-
10:16 - 10:20โลกที่ผู้ชายและผู้หญิงที่ได้
เป็นตัวของตัวเองต่างมีความสุขมากขึ้น -
10:20 - 10:22และนี่คือขั้นแรก
-
10:22 - 10:24เราจะต้องเปลี่ยนวิธีเลี้ยงดูลูกสาวของเรา
-
10:24 - 10:27และเราก็จะต้องเปลี่ยนวิธีเลี้ยงดู
ลูกชายของเราด้วย -
10:28 - 10:32เราทำร้ายเด็กผู้ชายด้วย
วิธีการเลี้ยงดูของเรา -
10:32 - 10:34เราฝังกลบมนุษยธรรมของเด็กผู้ชายเอาไว้
-
10:34 - 10:37เรานิยามความเป็นชายอย่างคับแคบ
-
10:37 - 10:41จนกระทั่งความเป็นชาย
กลายเป็นกรงแข็ง ๆ เล็ก ๆ -
10:41 - 10:43และเราก็จับเด็กผู้ชายเหล่านี้ยัดใส่กรงนั้น
-
10:43 - 10:45เราสอนให้เด็กผู้ชายหวั่นเกรงความหวาดหลัว
-
10:45 - 10:49เราสอนให้เด็กผู้ชายเกรงกลัว
ความอ่อนแอ ความเปราะบาง -
10:50 - 10:53เราสอนให้พวกเขาฉาบตัวตนของตัวเองไว้
-
10:53 - 10:57เพราะว่าพวกเขาจะต้องเป็นอย่างที่
คนไนจีเรียพูดกันว่า "ชายผู้แข็งแกร่ง!" -
10:58 - 11:03ในโรงเรียนมัธยม เด็กผู้ชายและ
เด็กผู้หญิง ที่ต่างเป็นวัยรุ่นทั้งคู่ -
11:03 - 11:06และมีเงินค่าขนมเท่า ๆ กันมักจะออกเดตกัน
-
11:06 - 11:09และจากนั้นเด็กผู้ชายก็จะถูกคาดหวัง
ให้เป็นคนจ่ายเงินอยู่เสมอ -
11:09 - 11:11เพื่อพิสูจน์ความเป็นชายของเขา
-
11:11 - 11:15แต่ว่าเราก็ยังมานั่งสงสัยว่าทำไมเด็กผู้ชาย
ถึงมีโอกาสขโมยเงินพ่อแม่มากกว่าเด็กผู้หญิง -
11:17 - 11:21จะเป็นยังไงล่ะถ้าเด็กผู้ชาย
และเด็กผู้หญิงได้รับการเลี้ยงดู -
11:21 - 11:23ให้ไม่คิดว่าเงินเกี่ยวข้องกับความเป็นชาย
-
11:24 - 11:27จะเป็นยังไงล่ะถ้าทัศนคติที่มีไม่ใช่
"เด็กผู้ชายต้องเป็นคนจ่าย" -
11:27 - 11:30แต่เป็น "ใครมีมากกว่าควรจ่าย"
-
11:30 - 11:33ทีนี้ แน่นอนว่า เนื่องจาก
ข้อได้เปรียบทางประวัติศาสตร์ -
11:33 - 11:35ผู้ชายส่วนใหญ่จึงเป็น
คนที่มีมากกว่าในทุกวันนี้ -
11:35 - 11:38แต่ถ้าเราเริ่มเลี้ยงลูกของเรา
ในแบบที่ต่างออกไป -
11:38 - 11:41เมื่อนั้น ในอีกห้าสิบปี หรืออีกร้อยปี
-
11:41 - 11:44เด็กผู้ชายจะไม่ต้องประสบกับแรงกดดัน
ของการต้องพิสูจน์ความเป็นชายนี้ -
11:46 - 11:49และในบรรดาทุกสิ่งทุกอย่าง
สิ่งที่เราทำร้ายเด็กผู้ชายมากที่สุด -
11:49 - 11:51ผ่านการทำให้พวกเขา
รู้สึกว่าตนเองต้องแข็งแกร่ง -
11:51 - 11:54ก็คือการที่เราปลูกฝังอีโก้
อันบอบบางให้กับพวกเขา -
11:55 - 11:59ยิ่งผู้ชายรู้สึกว่าตัวเองจำเป็นต้องเป็น
"ชายผู้แข็งแกร่ง" มากเท่าไร -
11:59 - 12:01อีโก้ของเขาก็จะยิ่งเปราะบางมากเท่านั้น
-
12:03 - 12:06เมื่อเป็นแบบนั้น เราก็ทำร้ายหญิงสาว
อย่างร้ายแรงมากกว่าเดิม -
12:06 - 12:09เพราะว่าเราเลี้ยงดูให้พวกเขา
ตอบสนองต่ออีโก้อันบอบบางของผู้ชาย -
12:10 - 12:14เราสอนให้เด็กผู้หญิงลดคุณค่าของตัวเอง
ทำให้ตัวเองตัวเล็กลง -
12:14 - 12:15เราบอกเด็กผู้หญิงว่า
-
12:16 - 12:18"เธอมีความทะเยอทะยานได้นะ แต่อย่ามากไปล่ะ"
-
12:18 - 12:19(เสียงหัวเราะ)
-
12:19 - 12:22"เธอควรจะต้องอยากประสบความสำเร็จ
แต่ความสำเร็จนั้นจะต้องไม่มากไป -
12:22 - 12:24มิเช่นนั้นเธอจะทำให้ผู้ชายรู้สึกไม่มั่นคง"
-
12:25 - 12:28ถ้าคุณเป็นคนหาเลี้ยงครอบครัว
ในชีวิตคู่กับผู้ชาย -
12:28 - 12:30เธอจะต้องแกล้งว่าเธอไม่ได้เป็นคนหา
-
12:30 - 12:31โดยเฉพาะในที่สาธารณะ
-
12:31 - 12:33มิเช่นนั้น เธอจะทำให้เขา
เสียความเป็นชาย (emasculate) ไป -
12:35 - 12:37ว่าแต่จะเป็นยังไงล่ะถ้าเรา
ตั้งคำถามกับตัวแนวคิดนี้ -
12:37 - 12:40ทำไมความสำเร็จของผู้หญิง
ถึงกลายเป็นภัยต่อผู้ชายล่ะ -
12:41 - 12:45จะเป็นยังไงล่ะถ้าเรา
เลือกที่จะทิ้งคำ ๆ นั้นไป -
12:45 - 12:49และฉันไม่คิดว่าจะมีคำในภาษาอังกฤษคำไหนที่
ฉันเกลียดไปมากกว่า "emasculation" อีกแล้ว -
12:51 - 12:53คนรู้จักชาวไนจีเรียคนหนึ่งเคยถามฉันว่า
-
12:53 - 12:56ฉันเคยรู้สึกกังวลบ้างไหม
ว่าจะทำให้ผู้ชายกลัว -
12:57 - 12:58ฉันไม่ได้กังวลเลยแม้แต่น้อย
-
12:58 - 13:01จริง ๆ แล้ว ฉันไม่เคยคิดว่าฉันจะต้องกังวล
-
13:01 - 13:03เพราะว่าผู้ชายที่จะกลัวฉันได้
-
13:03 - 13:05คือผู้ชายประเภทที่ฉัน
ไม่สนใจเลยแม้แต่นิดเดียว -
13:05 - 13:07(เสียงหัวเราะ)
-
13:07 - 13:09(เสียงปรบมือ)
-
13:14 - 13:17แต่ทว่า ฉันยังคงประหลาดใจกับเรื่องนี้
-
13:18 - 13:21เพราะว่าฉันเป็นผู้หญิง
ฉันถูกคาดหวังให้อยากแต่งงาน -
13:22 - 13:24ฉันถูกคาดหวังให้ทำการตัดสินใจในชีวิตต่าง ๆ
-
13:24 - 13:27โดยคิดอยู่เสมอว่าการแต่งงาน
คือสิ่งที่สำคัญที่สุด -
13:28 - 13:30การแต่งงานสามารถเป็นเรื่องที่ดีได้
-
13:30 - 13:34มันเป็นบ่อเกิดแห่งความสุข
ความรัก และการช่วยเหลือซึ่งกันและกัน -
13:34 - 13:37ว่าแต่ ทำไมเราถึงต้องสอนให้เด็กผู้หญิง
ปรารถนาที่จะแต่งงานด้วยล่ะ -
13:37 - 13:39แต่เรากลับไม่สอนเด็กผู้ชายเช่นนั้น
-
13:41 - 13:43ฉันรู้จักผู้หญิงคนหนึ่ง
ที่ตัดสินใจขายบ้านของเธอ -
13:43 - 13:46เพราะว่าเธอไม่ต้องการทำให้ผู้ชาย
คนที่ต้องการแต่งงานกับเธอต้องกลัว -
13:48 - 13:52ฉันรู้จักผู้หญิงที่ไม่ได้แต่งงานคนหนึ่งใน
ไนจีเรีย ผู้ที่เมื่อใดก็ตามที่ไปประชุม -
13:52 - 13:54จะต้องสวมแหวนแต่งงานอยู่เสมอ
-
13:54 - 13:55เพราะจากที่เธอเล่า
-
13:55 - 13:59เธอต้องการให้ผู้เข้าร่วมประชุมคนอื่น ๆ
"ให้ความเคารพ" กับเธอ -
14:00 - 14:02ฉันรู้จักหญิงสาวที่ต้องเผชิญกับ
ความกดดันมากมาย -
14:02 - 14:07จากครอบครัว เพื่อน และที่ทำงาน
ว่าให้แต่งงานเสีย -
14:07 - 14:09และพวกเขาก็ถูกบีบบังคับ
ให้ต้องทำการตัดสินใจอันเลวร้าย -
14:10 - 14:12ผู้หญิงเมื่อถึงวัยหนึ่ง
แล้วยังไม่ได้แต่งงาน -
14:12 - 14:16สังคมของเราสอนให้เธอมองว่ามันเป็น
ความล้มเหลวส่วนตัวที่กินลึก -
14:17 - 14:20ในขณะที่ผู้ชายเมื่อถึงวัยหนึ่ง
แล้วยังไม่ได้แต่งงาน -
14:20 - 14:22เราแค่คิดว่าเขายังไม่ได้แวะมา
เพื่อเลือกคู่ครองก็เท่านั้น -
14:22 - 14:24(เสียงหัวเราะ)
-
14:24 - 14:26เราอาจจะพูดกันได้ง่าย ๆ ว่า
-
14:26 - 14:28"แหม แต่ผู้หญิงก็ไม่ต้อง
สนใจเรื่องพวกนี้ก็ได้นี่" -
14:28 - 14:31แต่ความเป็นจริงนั้น
ยากลำบากและซับซ้อนมากกว่านั้น -
14:31 - 14:33เราทุกคนเป็นสัตว์สังคม
-
14:33 - 14:36เราได้รับแนวคิดต่าง ๆ
จากการเข้าสังคมของเรา -
14:36 - 14:38แม้แต่ภาษาที่เราใช้
-
14:38 - 14:41ในการพูดถึงการแต่งงานและความสัมพันธ์
ก็ยังแสดงสิ่งนี้ออกมา -
14:41 - 14:44ภาษาเกี่ยวกับการแต่งงานมักเป็น
ภาษาที่แสดงถึงการเป็นเจ้าของ -
14:44 - 14:46มากกว่าภาษาที่แสดงถึงการเป็นคู่ครอง
-
14:47 - 14:49เราใช้คำว่า "ความเคารพ"
-
14:50 - 14:52เพื่อสื่อถึงสิ่งที่ผู้หญิงมอบให้กับผู้ชาย
-
14:52 - 14:54แต่มักไม่ใช่สิ่งที่ผู้ชายมอบให้กับผู้หญิง
-
14:56 - 14:59ทั้งผู้ชายและผู้หญิงไนจีเรียจะพูดว่า
-
14:59 - 15:01บอกก่อนเลยว่านี่เป็นวลีที่ฉันชื่นชอบมาก
-
15:01 - 15:03"ฉันทำไปก็เพื่อความสงบสุขของชีวิตแต่งงาน"
-
15:04 - 15:06ทีนี้ เวลาที่ผู้ชายพูดขึ้นมา
-
15:06 - 15:09มันมักเกี่ยวกับเรื่องที่พวกเขา
ไม่ควรจะทำอยู่แล้ว -
15:09 - 15:11(เสียงหัวเราะ)
-
15:11 - 15:14บางครั้งพวกเขาจะพูดกับเพื่อน ๆ
-
15:14 - 15:18มันเป็นสิ่งที่พวกเขามักจะพูด
ในแบบคล้าย ๆ กึ่งกระวนกระวายใจ -
15:18 - 15:21แบบว่า เป็นสิ่งที่พิสูจน์ว่าพวกเขา
มีความเป็นชายมากแค่ไหน -
15:21 - 15:23เป็นที่ต้องการ และรักใคร่มากเพียงใด
-
15:23 - 15:25"โอ้ ภรรยาของผมพูดว่า
ผมไปเที่ยวผับทุกคืนไม่ได้" -
15:25 - 15:28ดังนั้น เพื่อความสงบสุขของชีวิตแต่งงาน
ผมเลยไปแค่ช่วงสุดสัปดาห์แค่นั้น" -
15:28 - 15:30(เสียงหัวเราะ)
-
15:30 - 15:34ทีนี้ เมื่อผู้หญิงพูดว่า
"ฉันทำไปเพื่อความสงบสุขในชีวิตแต่งงาน" -
15:34 - 15:37เธอมักพูดถึงการลาออกจากงาน
-
15:37 - 15:39การละทิ้งความฝัน
-
15:39 - 15:40การละทิ้งหน้าที่การงาน
-
15:41 - 15:43เราสอนให้ผู้หญิงมองว่า ในความสัมพันธ์ใด ๆ
-
15:44 - 15:46การประนีประนอมเป็นหน้าที่ของผู้หญิง
-
15:47 - 15:50เราเลี้ยงดูเด็กผู้หญิงให้แข่งขันกันเอง
-
15:50 - 15:53ไม่ใช่เพื่องาน หรือความสำเร็จ
ซึ่งฉันคิดว่าน่าจะเป็นสิ่งที่ดี -
15:53 - 15:55แต่เพื่อความสนใจจากผู้ชาย
-
15:56 - 15:59เราสอนเด็กผู้หญิงว่าพวกเขา
ไม่สามารถคิดเรื่องเพศได้ -
15:59 - 16:00ในแบบที่เด็กผู้ชายคิด
-
16:00 - 16:04ถ้าเรามีลูกชาย เราจะไม่คิดอะไรมาก
ถ้าลูกชายจะมีแฟนสาว -
16:04 - 16:07แต่ถ้าแฟนหนุ่มของลูกสาวน่ะหรือ?
พระเจ้าสั่งห้าม -
16:07 - 16:08(เสียงหัวเราะ)
-
16:08 - 16:10แต่แน่นอนว่า เมื่อถึงเวลา
-
16:10 - 16:14เราก็หวังให้เด็กผู้หญิงเหล่านั้นนำ
ผู้ชายที่สมบูรณ์แบบที่จะแต่งงานมาด้วย -
16:14 - 16:18เราควบคุมเด็กผู้หญิง
เราตีค่าเด็กผู้หญิงด้วยพรหมจรรย์ -
16:18 - 16:20แต่เราไม่ตีค่าเด็กผู้ชายด้วยพรหมจรรย์
-
16:20 - 16:24แต่มันก็ทำให้ฉันนึกสงสัยอยู่เสมอว่า
มันจะออกมาเป็นยังไงกันแน่ เพราะว่า -
16:24 - 16:26(เสียงหัวเราะ)
-
16:26 - 16:29(เสียงปรบมือ)
-
16:34 - 16:37ฉันหมายถึง การเสียพรหมจรรย์นั้น
เป็นกระบวนการที่ต้องอาศัย -
16:39 - 16:43เมื่อไม่นานมานี้ หญิงสาวคนหนึ่ง
ถูกรุมโทรมในไนจีเรีย -
16:43 - 16:45ฉันคิดว่าเราบางคน
คงได้ยินเรื่องนี้มาแล้ว -
16:45 - 16:48และการตอบรับจากหนุ่มสาวไนจีเรียนั้น
-
16:48 - 16:50เป็นไปในทำนองนี้
-
16:50 - 16:53"จริงอยู่ว่าการข่มขืนนั้นผิด
-
16:53 - 16:56ว่าแต่ว่าผู้หญิงที่อยู่กับผู้ชายสี่คน
ในห้องเป็นแบบไหนกันล่ะ" -
16:57 - 17:01ทีนี้ ถ้าเรามองข้ามความไร้มนุษยธรรม
ของการตอบรับนั้นได้ -
17:02 - 17:06เราจะเห็นว่าหนุ่มสาวไนจีเรียเหล่านี้
ถูกเลี้ยงดูให้มองว่าผู้หญิงผิดอยู่เสมอ -
17:07 - 17:10และพวกเขาก็ถูกเลี้ยงดูให้คาดหวัง
จากผู้ชายเพียงน้อยนิด -
17:10 - 17:14และมองว่าการที่ผู้ชายเป็น
สิ่งมีชีวิตป่าเถื่อนที่ขาดการควบคุม -
17:14 - 17:15เป็นเรื่องที่ยอมรับได้
-
17:17 - 17:19เราสอนให้เด็กผู้หญิงรู้จักละอาย
-
17:19 - 17:21"หุบขาให้มิดชิด" "หาอะไรมาปิดหน่อย"
-
17:21 - 17:24เราทำให้พวกเขารู้สึกราวกับว่า
แค่เกิดเป็นผู้หญิง -
17:24 - 17:26พวกเขาก็มีความผิดอะไรบางอย่างแล้ว
-
17:26 - 17:28และแน่นอนว่า เด็กผู้หญิงเหล่านั้น
ก็เติบโตมาเป็นผู้ใหญ่ -
17:28 - 17:30ที่มองไม่เห็นความปรารถนาของตัวเอง
-
17:30 - 17:33พวกเธอเติบโตขึ้นมาเป็นผู้ใหญ่
ที่ปิดปากตัวเอง -
17:35 - 17:38พวกเธอเติบโตขึ้นมาเป็นผู้ใหญ่
ที่พูดสิ่งที่ตัวเองคิดจริง ๆ ออกมาไม่ได้ -
17:39 - 17:40และพวกเธอก็โตขึ้นมา
-
17:40 - 17:42และนี่คือสิ่งที่เลวร้ายที่สุด
ที่เราทำกับเด็กผู้หญิง -
17:42 - 17:46พวกเธอเติบโตขึ้นมาเป็นผู้ใหญ่ที่
มองว่าการเสแสร้งเป็นศิลปะอย่างหนึ่ง -
17:46 - 17:50(เสียงปรบมือ)
-
17:52 - 17:56ฉันรู้จักผู้หญิงคนหนึ่งที่
เกลียดการทำงานบ้าน -
17:56 - 17:57เธอแค่เกลียดมัน
-
17:57 - 17:59แต่เธอแกล้งทำเป็นว่าเธอชอบมัน
-
18:00 - 18:04เพราะว่าเธอถูกสอนมาว่านั่นคือ
"คุณสมบัติของภรรยาที่ดี" -
18:04 - 18:07เธอจะต้องเป็น แบบที่คนไนจีเรียพูดกันว่า
-
18:07 - 18:08"เรียบ ๆ"
-
18:09 - 18:11จากนั้นเธอก็แต่งงาน
-
18:11 - 18:15และหลังจากนั้นไม่นาน ครอบครัวสามีของเธอ
ก็เริ่มบ่นว่าเธอเปลี่ยนไป -
18:15 - 18:16(เสียงหัวเราะ)
-
18:16 - 18:18จริง ๆ แล้วเธอไม่ได้เปลี่ยนไป
-
18:18 - 18:20เธอแค่เบื่อหน่ายกับการเสแสร้งก็เท่านั้น
-
18:21 - 18:24ปัญหาของเพศภาวะก็คือ
-
18:24 - 18:26มันกำหนดว่าเราควรเป็นเช่นไร
-
18:26 - 18:28มากกว่ายอมรับว่าเราเป็นแบบไหน
-
18:29 - 18:32ทีนี้ ลองจินตนาการดูสิว่า
เราจะมีความสุขมากแค่ไหน -
18:32 - 18:35มีอิสรภาพมากขึ้นแค่ไหน
ที่ได้เป็นตัวของตัวเอง -
18:35 - 18:38ถ้าหากเราไม่มีความคาดหวัง
ทางเพศภาวะฉุดรั้งเราไว้อยู่ -
18:39 - 18:44เด็กผู้ชายและเด็กผู้หญิงนั้นแตกต่างกัน
อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ในทางชีวภาพ -
18:44 - 18:47แต่การขัดเกลาทางสังคมนั้น
กลับทำให้ความแตกต่างนั้นมากขึ้นไปอีก -
18:47 - 18:50และจากนั้นมันก็กลายเป็นกระบวนการ
ที่ครบวงจรในตัวเอง -
18:50 - 18:52ทีนี้ ลองยกการทำอาหารเป็นตัวอย่าง
-
18:52 - 18:56ในทุกวันนี้ โดยทั่วไปแล้ว ผู้หญิง
มักจะต้องทำงานบ้านมากกว่าผู้ชาย -
18:56 - 18:57ทั้งทำอาหารและทำความสะอาด
-
18:57 - 18:59แต่ทำไมถึงเป็นแบบนั้นล่ะ
-
18:59 - 19:02ใช่เพราะว่าผู้หญิงเกิดมาพร้อม
กับยีนส์ทำอาหารหรือเปล่า -
19:02 - 19:03(เสียงหัวเราะ)
-
19:03 - 19:07หรือเพราะว่า ตลอดหลายปี พวกเธอถูกขัดเกลา
ให้มองว่าการทำอาหารเป็นหน้าที่ของพวกเธอ -
19:07 - 19:11จริง ๆ แล้ว ฉันเกือบพูดแล้วว่าบางทีผู้หญิง
อาจเกิดมาพร้อมกับยีนส์ทำอาหารจริง ๆ ก็ได้ -
19:11 - 19:14จนกระทั่งฉันนึกได้ว่าพ่อครัวชื่อดัง
ส่วนใหญ่ในโลกนี้ -
19:14 - 19:17คนที่เราให้ตำแหน่งสวยหรูว่า "เชฟ"
-
19:17 - 19:18เป็นผู้ชาย
-
19:19 - 19:21ฉันเคยยกย่องคุณยายของฉัน
-
19:21 - 19:23ผู้หญิงผู้แสนปราดเปรื่อง
-
19:23 - 19:24และนึกสงสัยว่าท่านจะเป็นแบบไหนกัน
-
19:25 - 19:28ถ้าหากท่านมีโอกาสเหมือนกับผู้ชาย
ในตอนที่ท่านเติบโตขึ้นมา -
19:29 - 19:32ทีนี้ ในทุกวันนี้ ผู้หญิงมีโอกาสมากขึ้น
-
19:32 - 19:34กว่าผู้หญิงในสมัยคุณยายของฉันมาก
-
19:34 - 19:36เพราะนโยบาย และกฎหมายที่เปลี่ยนแปลงไป
-
19:36 - 19:38ซึ่งล้วนแต่สำคัญอย่างมาก
-
19:38 - 19:43แต่สิ่งที่สำคัญยิ่งไปกว่านั้นคือ
ทัศนคติของเรา กรอบความคิดของเรา -
19:43 - 19:46สิ่งที่เราเชื่อ และคุณค่าที่
เรายึดติดกับเพศภาวะ -
19:46 - 19:48จะเป็นยังไงล่ะถ้าในการเลี้ยงดูลูก
-
19:48 - 19:51เราสนใจความสามารถแทนที่จะสนใจเพศภาวะ
-
19:52 - 19:56จะเป็นยังไงล่ะถ้าในการเลี้ยงดูลูก
เราสนใจความสนใจมากกว่าเพศภาวะ -
19:57 - 19:59ฉันรู้จักครอบครัวหนึ่ง
ที่มีลูกชายและลูกสาวอย่างละคน -
19:59 - 20:01ซึ่งทั้งคู่ต่างเรียนเก่งที่โรงเรียน
-
20:01 - 20:03และเป็นเด็กที่ยอดเยี่ยม และน่ารัก
-
20:03 - 20:06เมื่อลูกชายหิว พ่อแม่จะบอกกับลูกสาวว่า
-
20:06 - 20:08"ไปต้มอินโดหมี่ (มาม่า)
ให้น้องหน่อยซิ" -
20:08 - 20:09(เสียงหัวเราะ)
-
20:09 - 20:13ทีนี้ ไม่ใช่ว่าลูกสาวชอบทำ
อินโดหมี่เป็นพิเศษหรอก -
20:13 - 20:15แต่เพราะว่าเธอเป็นผู้หญิง เธอจึงต้องทำ
-
20:15 - 20:17ทีนี้ จะเป็นยังไงล่ะถ้าพ่อแม่
-
20:17 - 20:19นับตั้งแต่ต้น
-
20:19 - 20:23สอนให้ทั้งลูกชายและลูกสาวทำอินโดหมี่เป็น
-
20:24 - 20:27จะว่าไปแล้ว การทำอาหารนั้นก็เป็นทักษะที่
มีประโยชน์สำหรับเด็กผู้ชายอย่างมาก -
20:27 - 20:32ฉันไม่เคยคิดว่ามันเข้าท่าเลยกับการ
ที่เราฝากสิ่งสำคัญขนาดนี้ -
20:32 - 20:34ความสามารถในการดูแลตัวเอง
-
20:34 - 20:35(เสียงหัวเราะ)
-
20:35 - 20:37ไว้ในกำมือของคนอื่น
-
20:37 - 20:39(เสียงปรบมือ)
-
20:42 - 20:46ฉันรู้จักผู้หญิงคนหนึ่งที่มีวุฒิการศึกษา
และทำงานเดียวกับสามีของเธอ -
20:46 - 20:49เมื่อพวกเขากลับมาบ้าน
เธอจะต้องทำงานบ้าน -
20:49 - 20:51ซึ่งฉันคิดว่าเป็นเรื่องที่
เกิดขึ้นในหลายครอบครัว -
20:51 - 20:52แต่สิ่งที่ทำให้ฉันตะหงิดใจก็คือ
-
20:53 - 20:55เมื่อใดก็ตามที่สามีของเธอ
เปลี่ยนผ้าอ้อมให้ลูก -
20:56 - 20:58เธอจะพูดว่า "ขอบคุณค่ะ"
-
20:59 - 21:03ทีนี้ จะเป็นยังไงล่ะถ้าเธอมองว่าเรื่องนี้
เป็นเรื่องปกติ และเป็นเรื่องธรรมชาติ -
21:03 - 21:07ว่าจริง ๆ แล้วเขาเอง
ก็ควรจะต้องดูแลลูกเหมือนกัน -
21:07 - 21:09(เสียงหัวเราะ)
-
21:10 - 21:13ฉันเองพยายามที่จะไม่ยึดติด
กับสิ่งที่เรียนรู้มาเกี่ยวกับเพศภาวะ -
21:13 - 21:15ที่ฉันได้รับในช่วงที่ฉันเติบโตขึ้นมา
-
21:16 - 21:21เพราะในบางครั้ง ฉันเองก็รู้สึกเปราะบางมาก
เมื่อต้องเผชิญกับความคาดหวังทางเพศ -
21:21 - 21:24ในครั้งแรกที่ฉันสอนวิชาการเขียน
ในระดับปริญญาโท -
21:24 - 21:26ฉันรู้สึกกังวล
-
21:26 - 21:28ฉันไม่ได้กังวลว่าฉันจะสอนอะไร
-
21:28 - 21:29เพราะว่าฉันเตรียมตัวมาอย่างดี
-
21:29 - 21:32และฉันก็กำลังจะสอนในสิ่งที่ฉันชอบสอน
-
21:32 - 21:34ทว่า ฉันกลับรู้สึกกังวล
ว่าจะแต่งตัวอย่างไร -
21:35 - 21:36ฉันต้องการให้ทุกคนใส่ใจ
-
21:37 - 21:39ฉันรู้ว่า เพราะว่าฉันเป็นผู้หญิง
-
21:39 - 21:42ฉันจะต้องพิสูจน์คุณค่า
ของตัวเองโดยอัตโนมัติ -
21:43 - 21:45และฉันก็กังวลว่าถ้าฉันดูเป็นผู้หญิงมากไป
-
21:46 - 21:47จะไม่มีใครให้ความสนใจฉัน
-
21:47 - 21:52ฉันอยากทาลิปกลอสมันวาว และ
กระโปรงที่สุดแสนจะผู้หญิงอย่างมาก -
21:52 - 21:53แต่ฉันเลือกที่จะไม่ทำ
-
21:54 - 21:56กลับกัน ฉันใส่เสื้อสูท
-
21:56 - 21:58ที่ดูเป็นการเป็นงานในแบบผู้ชาย
และน่าเกลียดเป็นอย่างมาก -
21:59 - 22:00(เสียงหัวเราะ)
-
22:00 - 22:03เพราะความจริงที่ขมขื่นก็คือ
เมื่อพูดถึงภาพลักษณ์แล้ว -
22:03 - 22:05เราเริ่มจากการใช้ผู้ชายเป็นมาตรฐาน
เป็นบรรทัดฐาน -
22:06 - 22:08ถ้าหากผู้ชายสักคนกำลัง
เตรียมตัวไปเข้าประชุมทางธุรกิจ -
22:08 - 22:10เขาจะไม่ต้องกังวลเลยว่า
จะดูเป็นผู้ชายเกินไป -
22:10 - 22:13และแน่นอนว่าไม่ต้องกลัวว่าจะถูกเพิกเฉย
-
22:13 - 22:15แต่ถ้าหากผู้หญิงสักคนต้องเตรียมตัวไป
เข้าประชุมทางธุรกิจ -
22:16 - 22:18เธอจะต้องมานั่งคิดมากว่า
จะดูเป็นผู้หญิงเกินไปไหม -
22:18 - 22:23คนจะมองเธออย่างไร
และเธอจะถูกเพิกเฉยหรือไม่ -
22:24 - 22:26ฉันเสียใจที่ฉันใส่สูท
น่าเกลียดตัวนั้นในวันนั้น -
22:27 - 22:31และจะว่าไปแล้ว ฉันก็ขจัดมัน
ออกไปจากตู้เสื้อผ้าเรียบร้อยแล้ว -
22:31 - 22:36ถ้าหากในตอนนั้นฉันมีความมั่นใจในตัวเอง
มากเท่ากับที่ฉันมีในตอนนี้ -
22:36 - 22:38นักศึกษาของฉันคงจะได้อะไร
มากขึ้นจากสิ่งที่ฉันสอน -
22:39 - 22:41เพราะว่าฉันจะรู้สึกสบายใจมากกว่า
-
22:41 - 22:43และรู้สึกเป็นตัวของตัวเอง
อย่างเต็มที่ได้มากกว่าเดิม -
22:44 - 22:48ฉันได้ตัดสินใจแล้วว่าจะไม่รู้สึกแย่
กับการที่ฉันเป็นผู้หญิง -
22:48 - 22:49และความเป็นหญิงของฉัน
-
22:50 - 22:53(เสียงปรบมือ)
-
22:56 - 22:59และฉันต้องการให้คนเคารพ
ในฐานะที่ฉันเป็นผู้หญิง -
22:59 - 23:00เพราะว่าฉันควรได้รับมัน
-
23:01 - 23:04เพศภาวะไม่ใช่เรื่องที่จะพูดคุยกันได้ง่าย ๆ
-
23:05 - 23:07สำหรับทั้งผู้ชายและผู้หญิง
-
23:07 - 23:11การพูดถึงเรื่องเพศภาวะในบางครั้ง
ก็เผชิญกับการต่อต้านแทบจะในทันที -
23:11 - 23:14ฉันพอจะนึกภาพออกว่าบางคนที่นี่
จริง ๆ แล้วอาจกำลังคิดอยู่ว่า -
23:14 - 23:16"ผู้หญิงกับความซื่อสัตย์ต่อตนเองน่ะเรอะ"
-
23:18 - 23:20ผู้ชายบางคนที่นี่อาจคิดว่า
-
23:20 - 23:21"โอเค ที่พูดมาทั้งหมดก็น่าสนใจอยู่หรอก
-
23:21 - 23:23แต่ผมไม่คิดแบบนั้น"
-
23:24 - 23:26และนั่นก็คือส่วนหนึ่งของปัญหา
-
23:26 - 23:29การที่ผู้ชายหลายคนไม่ได้คิดอย่างจริงจัง
เกี่ยวกับเรื่องเพศภาวะ -
23:29 - 23:31หรือมองเห็นเพศภาวะ
-
23:31 - 23:33คือส่วนหนึ่งของปัญหาเพศภาวะ
-
23:33 - 23:35การที่ผู้ชายหลายคน อย่างหลุยส์เพื่อนของฉัน
-
23:35 - 23:37พูดว่าทุกอย่างก็ดีอยู่แล้วในตอนนี้
-
23:38 - 23:41และการที่ผู้ชายหลายคน
ไม่ทำอะไรเพื่อเปลี่ยนแปลงมัน -
23:41 - 23:44ถ้าหากคุณเป็นผู้ชาย
แล้วเดินเข้าไปในร้านอาหารกับผู้หญิงสักคน -
23:44 - 23:46แล้วบริกรทักทายแต่คุณ
-
23:46 - 23:49คุณเคยคิดบ้างไหมที่จะบอกกับบริกรคนนั้นว่า
-
23:49 - 23:50"ทำไมคุณถึงไม่ทักทายเธอด้วยล่ะ"
-
23:53 - 23:55เพราะว่าเพศภาวะนั้นสามารถ
-
23:55 - 23:57(เสียงหัวเราะ)
-
24:05 - 24:09จริง ๆ แล้วเราอาจจะนั่ง ๆ นอน ๆ
ในช่วงที่เหลือต่อจากนี้ก็ได้นะคะ -
24:09 - 24:13ทีนี้ เพราะว่าเพศภาวะนั้นเป็นเรื่องที่
คุยกันได้ไม่ง่ายนัก -
24:13 - 24:16เราจึงมีวิธีง่าย ๆ มากมายในการปิดท้าย
ในการจบบทสนทนา -
24:16 - 24:20ดังนั้น คนบางคนจะพูดถึงเรื่อง
วิวัฒนาการและเอป (ลิงไม่มีหาง) -
24:20 - 24:24แบบว่าการที่ลิงตัวเมีย
โค้งคำนับให้ลิงตัวผู้ -
24:24 - 24:25และอะไรทำนองนั้น
-
24:26 - 24:28แต่ประเด็นก็คือว่าเราไม่ใช่ลิง
-
24:28 - 24:29(เสียงหัวเราะ)
-
24:29 - 24:33(เสียงปรบมือ)
-
24:34 - 24:39ลิงนั้นอาศัยอยู่บนต้นไม้
และกินไส้เดือนเป็นอาหาร -
24:39 - 24:40แต่เราเปล่า
-
24:41 - 24:45บางคนอาจพูดว่า "แหม แต่ผู้ชายที่ยากจน
ก็มีปัญหาเหมือนกันนั่นแหละ" -
24:46 - 24:47และนั่นก็เป็นเรื่องจริง
-
24:48 - 24:49แต่ว่านั่นไม่ใช่
-
24:49 - 24:50(เสียงหัวเราะ)
-
24:50 - 24:53แต่ว่านั่นไม่ใช่สิ่งที่เรากำลังพูดถึง
-
24:54 - 24:58เพศภาวะและชนชั้นนั้นเป็น
รูปแบบการกดขี่ที่แตกต่างกัน -
24:58 - 25:02จริง ๆ แล้วฉันได้เรียนรู้เกี่ยวกับ
ระบบการกดขี่มาบ้าง -
25:02 - 25:04รวมถึงการที่สิ่งหนึ่งอาจทำให้เรา
มองไม่เห็นอีกสิ่งหนึ่ง -
25:04 - 25:06ผ่านการพูดคุยกับผู้ชายผิวดำ
-
25:07 - 25:10ครั้งหนึ่งฉันได้พูดคุยกับ
ผู้ชายคนดำคนหนึ่งเกี่ยวกับเพศภาวะ -
25:11 - 25:12และเขาก็พูดกับฉันว่า
-
25:12 - 25:15"ทำไมคุณต้องพูดว่า
'สิ่งที่ฉันเจอมาในฐานะผู้หญิง' ล่ะ -
25:15 - 25:17ทำไมคุณถึงไม่พูดว่า
-
25:17 - 25:19'สิ่งที่คุณเจอในฐานะมนุษย์คนหนึ่ง'"
-
25:20 - 25:21และนี่ก็คือผู้ชายคนเดียวกัน
-
25:21 - 25:24ที่มักพูดถึงสิ่งที่เขาประสบในฐานะคนดำ
-
25:27 - 25:29เพศภาวะนั้นสำคัญ
-
25:29 - 25:31ผู้ชายและผู้หญิงเผชิญโลกในแบบที่ต่างกัน
-
25:31 - 25:34เพศภาวะปรุงแต่งประสบการณ์ของเราในโลกใบนี้
-
25:34 - 25:35แต่ว่าเราเปลี่ยนมันได้
-
25:37 - 25:38คนบางคนอาจพูดว่า
-
25:38 - 25:41"แหม แต่ผู้หญิงก็มีอำนาจ
ที่แท้จริงอยู่ไงล่ะ -
25:41 - 25:43อำนาจเบื้องล่างไง"
-
25:43 - 25:46และสำหรับคนที่ไม่ใช่ชาวไนจีเรีย
อำนาจเบื้องล่างเป็นสำนวน -
25:46 - 25:48ที่ฉันคิดว่ามีความหมายประมาณว่าผู้หญฺิง
-
25:48 - 25:50ที่ใช้เพศวิถีของตัวเอง
ในการได้สิ่งต่าง ๆ จากผู้ชาย -
25:51 - 25:54แต่อำนาจเบื้องล่างนั้นไม่ใช่อำนาจเลย
-
25:56 - 25:59อำนาจเบื้องล่างนั้นหมายถึงการที่ผู้หญิง
-
25:59 - 26:02มีฐานที่สามารถใช้ประโยชน์ได้เป็นครั้งคราว
-
26:02 - 26:04ซึ่งเป็นอำนาจของใครสักคน
-
26:05 - 26:06และแน่นอนว่า เราจะต้องนึกสงสัยว่า
-
26:07 - 26:09จะมีอะไรเกิดขึ้นเมื่อใครคนนั้นอารมณ์ไม่ดี
-
26:09 - 26:11หรือป่วย
-
26:11 - 26:12หรือไม่แข็ง
-
26:12 - 26:16(เสียงหัวเราะ)
-
26:16 - 26:22คนบางคนอาจพูดว่าการที่ผู้หญิงอยู่ใต้
อาณัติของผู้ชายคือวัฒนธรรมของเรา -
26:23 - 26:25แต่วัฒนธรรมนั้นเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ
-
26:25 - 26:29ฉันมีหลานสาวฝาาแฝดสองคนที่อายุ 15 ปี
และอาศัยอยู่ในเลกอส -
26:29 - 26:31ถ้าหากพวกเธอเกิดเมื่อร้อยปีที่แล้ว
-
26:32 - 26:34พวกเธอจะถูกพรากออกไป
จากครอบครัวและฆ่าทิ้ง -
26:34 - 26:37เพราะว่ามันเป็นวัฒนธรรมของเรา
การฆ่าฝาแฝดทิ้งคือวัฒนธรรมของเรา -
26:39 - 26:41ดังนั้น จุดประสงค์ของวัฒนธรรมคืออะไรล่ะ
-
26:41 - 26:43ฉันหมายถึง มันมีการตกแต่ง
-
26:43 - 26:45การเต้นรำอยู่ก็จริง
-
26:45 - 26:49แต่ว่าวัฒนธรรมก็เกี่ยวข้องกับการปกปักรักษา
และการสืบทอดของผู้คนในชาติด้วย -
26:49 - 26:51ในครอบครัวของฉัน
-
26:51 - 26:54ฉันเป็นลูกคนเดียวที่สนใจใน
เรื่องราวของชาติพันธุ์ของเรา -
26:54 - 26:55วัฒนธรรมของเรา
-
26:55 - 26:57ผืนดินแห่งบรรพบุรุษของเรามากที่สุด
-
26:57 - 27:00พี่ชายน้องชายของฉันไม่ได้สนใจมากเท่าฉัน
-
27:00 - 27:01แต่ว่าฉันไม่สามารถพูดอะไรได้
-
27:02 - 27:04ฉันไม่สามารถเข้าร่วม
การพูดคุยตัดสินใจในครอบครัวได้ -
27:04 - 27:06ฉันไม่มีสิทธิ์เสนอความคิดใด ๆ
-
27:06 - 27:07เพราะว่าฉันเป็นผู้หญิง
-
27:08 - 27:10วัฒนธรรมไม่ได้สร้างคน
-
27:10 - 27:12คนต่างหากที่สร้างวัฒนธรรม
-
27:13 - 27:15และถ้าการที่
-
27:15 - 27:18(เสียงปรบมือ)
-
27:18 - 27:20และถ้าการที่
-
27:20 - 27:23การเป็นมนุษย์เต็มตัวของผู้หญิง
ไม่ใช่วัฒนธรรมของเราจริง ๆ -
27:23 - 27:25เมื่อนั้น เราจะต้องทำให้มัน
เป็นวัฒนธรรมของเรา -
27:26 - 27:32ฉันนึกถึงเพื่อนสุดที่รักของฉัน
โอโคโลมา มาดูเอะเวซิ อยู่บ่อยครั้ง -
27:32 - 27:36ขอให้เขาและคนอื่น ๆ ที่ล่วงลับไป
ในเหตุการณ์เครื่องบินโซโซลิโซตกในครั้งนั้น -
27:36 - 27:37พักผ่อนอย่างสงบต่อไป
-
27:38 - 27:41เขาจะอยู่ในความทรงจำ
ของพวกเราทุกคนที่รักเขา -
27:43 - 27:47และเขาก็พูดถูกในวันนั้น เมื่อหลายปีก่อน
ตอนที่เขาเรียกฉันว่านักสตรีนิยม -
27:47 - 27:49ฉันเป็นนักสตรีนิยมค่ะ
-
27:49 - 27:52และเมื่อฉันหาคำ ๆ นั้นในพจนานุกรมในวันนั้น
-
27:52 - 27:53นี่คือสิ่งที่เขียนเอาไว้
-
27:53 - 27:57"นักสตรีนิยม: คนที่เชื่อมั่น
ในความเท่าเทียม -
27:57 - 28:00ทางสังคม การเมือง และเศรษฐกิจ
ของเพศทั้งสอง" -
28:01 - 28:03คุณย่าทวดของฉัน จากเรื่องราวที่ฉันรับรู้มา
-
28:03 - 28:05เป็นนักสตรีนิยม
-
28:05 - 28:08เธอหนีออกจากบ้านของผู้ชาย
ที่เธอไม่อยากแต่งงานด้วย -
28:08 - 28:11และลงเอยด้วยการแต่งงาน
กับผู้ชายที่เธอเลือก -
28:11 - 28:14เธอปฏิเสธ เธอต่อต้าน เธอพูดสิ่งที่เธอคิด
-
28:14 - 28:19เมื่อใดก็ตามที่เธอรู้สึกว่าเธอถูกริดรอน
การเข้าถึง หรือที่ดิน และอะไรทำนองนั้น -
28:19 - 28:23คุณย่าทวดของฉันไม่รู้จัก
คำว่า "นักสตรีนิยม" -
28:23 - 28:25แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าเธอไม่ใช่
-
28:26 - 28:28พวกเราหลายคนควรจะต้องนำคำนั้นกลับมา
-
28:30 - 28:32นิยามคำว่านักสตรีนิยมของฉันก็คือ
-
28:33 - 28:36"นักสตรีนิยม คือ ผู้ชายหรือผู้หญิง
-
28:36 - 28:37ที่พูดว่า
-
28:37 - 28:41(เสียงหัวเราะ)
-
28:41 - 28:44(เสียงปรบมือ)
-
28:47 - 28:50นักสตรีนิยม คือ ผู้ชายหรือผู้หญิงที่พูดว่า
-
28:50 - 28:53"ใช่ ทุกวันนี้เพศภาวะเป็นปัญหาอย่างหนึ่ง
-
28:53 - 28:54และเราก็จะต้องแก้ปัญหานั้น
-
28:55 - 28:56เราจะต้องทำได้ดีกว่านี้"
-
28:58 - 29:00นักสตรีนิยมที่ยอดเยี่ยมที่สุดที่ฉันรู้จัก
-
29:00 - 29:01คือเคเน น้องชายของฉัน
-
29:03 - 29:07และเขายังเป็นทั้งผู้ชายที่จิตใจดี
หน้าตาดี เป็นมิตร -
29:07 - 29:09ทั้งยังมีความเป็นชายมากอีกด้วย
-
29:09 - 29:11ขอบคุณค่ะ
-
29:11 - 29:15(เสียงปรบมือ)
- Title:
- เราทุกคนควรเป็นนักสตรีนิยม
- Speaker:
- ชีมาแมนดา นโกซี อดิชี (Chimamanda Ngozi Adichie)
- Description:
-
นักเขียน ชีมาแมนดา นโกซี อดิชี กล่าวว่า เราสอนให้เด็กผู้หญิงรู้จักมีความทะเยอทะยาน แต่ไม่ควรมีมากเกินไป เราสอนให้พวกเธออยากประสบความสำเร็จ แต่ต้องไม่สำเร็จจนเกินไป หาไม่แล้วผู้ชายจะรู้สึกไม่มั่นคง
ในการบรรยายสุดคลาสสิกนี้ที่ทำให้ผู้คนทั่วโลกเริ่มพูดถึงสตรีนิยม อดิชีได้ขอให้เราฝันถึง และวางแผนไว้สำหรับโลกที่แตกต่าง โลกที่มีความยุติธรรมมากกว่าเดิม โลกที่เต็มไปด้วยชายหญิงที่มีความสุขมากขึ้น ชายหญิงที่เป็นตัวของตัวเองมากกว่าที่เป็นอยู่ในตอนนี้
- Video Language:
- English
- Team:
- closed TED
- Project:
- TEDTalks
- Duration:
- 29:28
Unnawut Leepaisalsuwanna approved Thai subtitles for We should all be feminists | ||
Unnawut Leepaisalsuwanna edited Thai subtitles for We should all be feminists | ||
Retired user accepted Thai subtitles for We should all be feminists | ||
Purich Worawarachai edited Thai subtitles for We should all be feminists | ||
Retired user declined Thai subtitles for We should all be feminists | ||
Retired user edited Thai subtitles for We should all be feminists | ||
Retired user edited Thai subtitles for We should all be feminists | ||
Purich Worawarachai edited Thai subtitles for We should all be feminists |