-
Title:
คุกกรรโชกคนยากจนอย่างไร
-
Description:
ทำไมเราจึงขังคนเพราะความยากจน ทุกวันนี้คนอเมริกันครึ่งล้านคนอยู่ในคุก เพียงเพราะไม่มีเงินจ่ายเป็นค่าประกันตัว และมีคนอีกมากกว่านี้ที่ถูกขังเพราะไม่สามารถจ่ายค่าปรับและค่าธรรมเนียมศาล ซึ่งบางครั้งก็เป็นค่าปรับเล็กน้อย เช่น ค่าปรับตามใบสั่งจากการจอดรถในที่ห้ามจอด ซาลิล ดูดานี เล่าเรื่องราวจากบุคคลซึ่งเคยติดคุกเพราะความยากจนในเมืองเฟอร์กูสัน รัฐมิสซูรี และกระตุ้นให้เราคิดต่างเกี่ยวกับการที่เราลงโทษคนยากจนและคนชายขอบในตอนนี้
-
Speaker:
ซาลิล ดูดานี
-
บ่ายฤดูร้อนวันหนึ่ง ในปี 2013
-
ตำรวจ (วอชิงตัน) ดีซี คุมตัว สอบสวน
และค้นตัวชายคนหนึ่ง
-
ซึ่งเห็นได้ว่า น่าสงสัย
และเป็นไปได้ว่าจะอันตราย
-
นี่ไม่ใช่เสื้อที่ผมใส่ในวันถูกคุมตัว
พูดกันอย่างเป็นธรรม
-
แต่ผมก็มีภาพในวันนั้นอยู่ด้วย
-
ผมรู้ว่ามันน่ากลัวมาก --
แต่ก็พยายามสงบอารมณ์ไว้
-
-
ในเวลานั้น ผมกำลังฝึกงานอยู่ที่
¶
-
สำนักงานทนายความสาธารณะ
ใน วอชิงตัน ดีซี
-
และผมไปที่สถานีตำรวจเพราะงาน
-
ผมกำลังเดินออกมา
-
แต่ก่อนที่ผมจะไปถึงรถ
-
รถตำรวจสองคัน ก็เข้ามาจอดกั้นทางออก
-
และตำรวจคนหนึ่งก็เข้ามาทางด้านหลังของผม
-
และก็บอกให้ผมหยุด ถอดเป้ออก
-
และเอามือวางไว้บนรถตำรวจ
ที่จอดอยู่ถัดจากเราไป
-
ตำรวจประมาณสัก 12 คน
ก็มารวมตัวกันอยู่ใกล้ๆเรา
-
ทุกคนมีปืนพก
-
บางคนก็มีปืนไรเฟิลจู่โจม
-
พวกเขารื้อค้นเป้ของผม
-
และค้นตัวผมจนทั่ว
-
พวกเขาถ่ายรูปผมที่ยืนแผ่ตรงรถตำรวจไว้
-
และพวกเขาก็หัวเราะ
-
ขณะที่ทั้งหมดนี้กำลังเกิดขึ้น --
¶
-
ขณะที่ผมยืนแผ่ที่รถตำรวจ กำลังพยายาม
ไม่สนใจขาที่กำลังสั่นอยู่ของผม
-
พยายามคิดให้แจ่มชัดว่า
ผมควรจะทำอย่างไรดี --
-
ผมก็ฉุกคิดขึ้นว่ามันแปลก
-
เพราะเมื่อผมดูตัวเองในรูปนี้
-
หากว่าผมจะบรรยายตัวเอง
-
ผมก็จะบรรยายทำนองว่า
-
"ชายอินเดียอายุ 19 ปี เสื้อยืดสีสด
สวมแว่นตา"
-
แต่ตำรวจไม่ได้ให้รายละเอียดที่ว่านี้ไว้เลย
-
ตอนรายงานเกี่ยวกับผมไปในวิทยุสายตรวจ
-
พวกเขารายงานแค่ว่า "ชายตะวันออกกลาง แบกเป้
-
ชายตะวันออกกลาง แบกเป้"
-
แล้วคำบรรยายนี้ก็ไปปรากฏในรายงานคดี
-
ผมไม่เคยคิดเลยว่ารัฐบาลของผม
จะใช้คำเหล่านี้บรรยายตัวผม
-
"ดักซุ่ม"
-
"ชั่วร้าย"
-
"ผู้ก่อการร้าย"
-
และการควบคุมตัวก็ยืดเยื้อไปอย่างนี้
-
พวกเขาส่งสุนัขที่ถูกฝึกให้ดมระเบิด
ดมกวาดไปทั่วบริเวณที่ผมเคยผ่านไป
¶
-
สอบถามไปที่รัฐบาลกลางเพื่อดูว่า
ผมอยู่ในรายชื่อที่ต้องจับตาดูหรือไม่
-
พวกเขาส่งตำรวจนักสืบมาสองคน
มาสอบผมว่า
-
ในเมื่อผมอ้างว่าผมไม่มีอะไรปิดบัง
-
แล้วทำไมผมถึงไม่ยอมให้ค้นรถ
-
และผมก็เห็นได้ว่าพวกเขาไม่พอใจผมนัก
-
แต่ผมก็รู้สึกว่า ผมไม่มีทางรู้เลย
ว่าพวกเขาจะทำอะไรต่อไป
-
ถึงจุดหนึ่ง ตำรวจที่ค้นตัวผม
-
ถึงกับไล่ดูตามผนังข้างสถานีตำรวจ
เพื่อดูว่ากล้องวงจรปิดอยู่ตรงไหน
-
เพื่อดูว่ามีเทปบันทึกเหตุการณ์
ไว้มากแค่ไหน
-
พอตำรวจทำอย่างนั้น
-
ก็ชัดเจนว่าผมตกอยู่ใน
กำมือพวกเขาเบ็ดเสร็จขนาดไหน
-
เราทุกคนถูกทำให้คุ้นชินตั้งแต่ยังเด็ก
¶
-
เกี่ยวกับตำรวจ การจับกุม
และกุญแจมือ
-
จึงง่ายที่จะลืมว่า ความรู้สึกต่ำต้อย
และถูกบังคับเกิดได้มากขนาดไหน
-
จากการกักขังหน่วงเหนี่ยว
-
ผมรู้ มันฟังเหมือนว่าประเด็นที่ผมอยากสื่อ
-
คือที่ผมถูกปฏิบัติอย่างเลวร้าย
เพราะสีผิวของผม
-
ก็ถูกที่ผมไม่คิดว่าผมจะถูกคุมตัวหรอก
ถ้าผมเป็นคนผิวขาว
-
แต่จริงๆแล้ว ที่ผมคิดจะพูดในวันนี้
เป็นเรื่องอื่น
-
ที่ผมคิดคือ
เรื่องอาจเลวร้ายกว่านี้ได้ขนาดไหน
-
หากผมไม่ใช่คนรวย
-
ผมหมายถึงว่า พวกเขาคิดว่าผมอาจกำลังพยายาม
จะวางระเบิด
-
และพวกเขาก็ตรวจสอบความเป็นไปได้นั้น
อยู่นานชั่วโมงครึ่ง
-
แต่ผมไม่ได้ถูกใส่กุญแจมือ
-
ไม่ถูกจับยัดห้องขัง
-
ถ้าผมมาจากชุมชนคนผิวสีที่ยากจน
ของกรุงวอชิงตันดีซี
-
และพวกเขาคิดว่า ผมเป็นอันตราย
ต่อชีวิตของตำรวจ
-
เรื่องอาจจบลงต่างไปจากนี้
-
และที่จริง ในระบบของเรา ผมคิดว่าเป็นคนรวย
¶
-
ซึ่งถูกสงสัยว่ากำลังพยายาม
จะวางระเบิดสถานีตำรวจ
-
ดีกว่าเป็นคนยากจน
-
ที่ต้องสงสัยในเรื่องที่เบากว่านี้มากๆ
-
ขอยกสักหนึ่งตัวอย่าง
จากงานของผมในปัจจุบัน
¶
-
ขณะนี้ผมกำลังทำงานอยู่ที่
องค์กรสิทธิพลเมือง ในดีซี
-
ที่ชื่อว่า "ความเป็นธรรมที่เท่าเทียม
ภายใต้กฎหมาย"
-
ขอเริ่มด้วยการตั้งคำถามกับทุกท่าน
-
กี่ท่านครับ ที่เคยได้รับใบสั่งจากการ
จอดรถในที่ห้ามจอด
-
ยกมือครับ
-
ใช่ เหมือนผมเลยครับ
-
และตอนที่ผมต้องจ่ายค่าปรับ
-
ก็รู้สึกหงุดหงิด รู้สึกแย่
-
แต่ก็ผมจ่ายค่าปรับ และใช้ชีวิตต่อไป
-
ผมคิดว่า ท่านทั้งหลายส่วนใหญ่
ก็จ่ายค่าปรับไปเช่นกัน
-
แต่สมมติว่า คุณไม่มีเงินจ่ายค่าปรับ
ตามใบสั่ง
-
และครอบครัวคุณก็ไม่มีเงินจ่ายด้วย
แล้วจะเกิดอะไรขึ้น
-
สิ่งหนึ่งที่ไม่ควรเกิดขึ้น
ตามหลักกฎหมาย ก็คือ
¶
-
คุณไม่ควรถูกจับและขัง
-
เพียงเพราะคุณไม่สามารถจ่ายค่าปรับได้
-
ผิดกฎหมายรัฐบาลกลางสหรัฐฯเลยนะครับ
-
แต่นั่นกลับเป็นสิ่งที่รัฐบาลท้องถิ่น
ทั่วประเทศกำลังทำอยู่
-
กับประชาชนที่ยากจน
-
และมีหลายคดีที่องค์กร
"ความเป็นธรรมฯ" รับผิดชอบ
-
ตั้งเป้าโจมตีการใช้คุกไว้ขังลูกหนี้แบบนี้
-
คดีหนึ่งของเรา มีจำเลยเป็น
เมืองเฟอร์กูสัน รัฐมิสซูรี
¶
-
ผมรู้ว่า เมื่อพูดถึงเฟอร์กูสัน
-
หลายๆท่านจะคิดถึงตำรวจที่ใช้ความรุนแรง
-
แต่วันนี้ผมจะพูดในมุมที่ต่างออกไป
-
ในเรื่องเกี่ยวกับตำรวจและประชาชน
-
ตำรวจเฟอร์กูสันออกหมายจับโดยเฉลี่ย
มากกว่า 2 หมาย
-
ต่อคนต่อปี
-
ส่วนใหญ่เหตุที่ออกคือ
การไม่จ่ายค่าปรับให้ศาล
-
เมื่อผมลองนึกว่า จะรู้สึกยังไง
หากทุกครั้งที่ออกจากบ้าน
-
มีโอกาสเสมอที่ตำรวจจะเทียบ
ทะเบียนรถผมกับฐานข้อมูล
-
พอเห็นหมายจับเพราะไม่จ่ายค่าปรับ
-
ตำรวจก็จะจับผมเหมือนที่ดีซี
-
แล้วก็เอาผมไปขังคุก
-
แค่คิดก็รู้สึกแย่แล้ว
-
ผมได้พบหลายคนในเฟอร์กูสัน
ที่เคยมีประสบการณ์นี้
¶
-
และก็ฟังเรื่องของพวกเขา
-
ในเรือนจำเมืองเฟอร์กูสัน
-
ในแต่ละห้องขังเล็กๆ
จะมีเตียงสองชั้นกับโถส้วม
-
แต่พวกเขาจะขังคนสี่คน
ในแต่ละห้อง
-
ดังนั้นจึงมีสองคนนอนบนเตียง ส่วนอีกสองคน
นอนบนพื้นห้อง
-
แต่คนหนึ่งไม่มีที่พอนอน
เว้นแต่ถัดจากโถส้วมสกปรกนั้น
-
ซึ่งไม่เคยถูกทำความสะอาด
-
จริงๆแล้ว ห้องขังทั้งห้อง
ไม่เคยถูกทำความสะอาด
-
ดังนั้นทั้งพื้นและผนังห้อง
จึงมีแต่คราบเลือดและน้ำมูก
-
ไม่มีน้ำที่จะดื่ม
-
ยกเว้นน้ำที่ไหลจากหัวก๊อก
ที่เชื่อมต่อกับโถส้วม
-
น้ำดูสกปรก รสชาติก็สกปรก
-
อาหารไม่เคยได้กินอิ่ม
-
ไม่เคยได้อาบน้ำ
-
ผู้หญิงมีประจำเดือนโดยไม่มีผ้าอนามัย
-
คนเจ็บป่วยไม่ได้รับการดูแล
-
เมื่อผมถามหญิงคนหนึ่ง
ถึงการดูแลทางการแพทย์
-
เธอหัวเราะ และบอกว่า "ไม่ ไม่มีหรอก
-
เรื่องเดียวที่ผู้คุมจะใส่ใจคุณ
คือ เรื่องเซ็กส์"
-
ครับ พวกเขาพาลูกหนี้มาที่นี่
และบอกว่า
¶
-
"เราจะไม่ปล่อยแกออกไปหรอก
จนกว่าจะจ่ายหนี้ครบ"
-
และถ้าคุณจ่ายได้ -- ถ้าคุณติดต่อ
คนในครอบครัวได้
-
คนที่หาเงินมาได้สักทางแล้วล่ะก็
-
บางทีคุณอาจได้ปล่อยตัวออกมา
-
ถ้ามีเงินพอ คุณก็ได้ออกมา
-
แต่ถ้าเงินไม่พอ คุณก็ต้องถูกขัง
หลายวัน หลายสัปดาห์
-
และทุกวันผู้คุมก็จะมาที่ห้องขัง
-
และต่อรองกับลูกหนี้
เกี่ยวกับค่าไถ่อิสรภาพในวันนั้น
-
คุณจะถูกขังจนถึงจุดหนึ่ง
ที่พื้นที่คุกถูกใช้จนเต็ม
-
และพวกเขาอยากเคลียร์ให้คนใหม่เข้ามา
-
ณ จุดนั้น พวกเขาก็จะคิดว่า
-
"ดูท่าแล้วคนนี้ไม่น่าหาเงินมาได้
-
แต่คนใหม่น่าจะมีปัญญากว่า"
-
คุณออกไป คนใหม่เข้ามา
และกลไกก็เคลื่อนไปแบบนั้น
-
-
ซึ่งเมื่อเก้าปีก่อน ถูกจับเรื่อง
ทำตัวเป็นขอทานในร้านวอลกรีนส์
-
เขาไม่มีเงินจ่ายค่าปรับและค่าธรรมเนียมศาล
จากคดีนั้น
-
ตอนที่ยังอายุน้อย
เขารอดชีวิตจากไฟไหม้บ้านมาได้
-
โดยกระโจนออกมาจากหน้าต่าง
บ้านชั้นที่สามเพื่อหนีไฟ
-
แต่การโดดลงมาทำให้
เขาได้รับบาดเจ็บที่สมอง
-
และหลายส่วนในร่างกาย
รวมทั้งขาของเขา
-
เขาจึงทำงานไม่ได้
-
และต้องพึ่งเงินประกันสังคม
เพื่ออยู่รอด
-
เมื่อผมพบเขาในห้องพัก
-
เขาไม่มีของมีค่า --
ไม่มีกระทั่งอาหารในตู้เย็น
-
เขาจึงหิวตลอดเวลา
-
เขาไม่มีของมีค่าในห้องเลย
ยกเว้นกระดาษแข็งแผ่นเล็กๆ
-
ที่เขาเขียนชื่อลูกๆของตัวเองไว้
-
เขาทะนุถนอมกระดาษแผ่นนี้มาก
และดีใจที่ได้ให้ผมดู
-
แต่เขาจ่ายค่าปรับและค่าธรรมเนียมศาลไม่ได้
เพราะเขาไม่มีอะไรจะจ่าย
-
ตลอดเก้าปีที่ผ่านมา
เขาถูกจับมาแล้ว 13 ครั้ง
-
และถูกขังมาแล้วทั้งสิ้น 130 วัน
จากข้อหาในครั้งนั้น
-
ซึ่งมีครั้งหนึ่งที่ขังนานถึง 45 วัน
-
นึกดูนะครับ เท่ากับตั้งแต่ตอนนี้
ไปจนถึงสักวันในเดือนมิถุนายน
-
ในสถานที่ซึ่งผมเพิ่งบรรยาย
ไปเมื่อครู่นี้
-
เขาเล่าถึงการพยายามฆ่าตัวตาย
ทุกครั้งที่เห็นในคุกเฟอร์กูสัน
¶
-
เล่าถึงตอนที่ชายคนหนึ่งพบวิธี
ที่จะแขวนคอตัวเอง
-
แต่ไกลเกินกว่านักโทษอื่นจะช่วยได้
-
คนอื่นจึงได้แต่ตะโกน ตะโกน และก็ตะโกน
-
พยายามให้ผู้คุมหันมาสนใจ
-
เพื่อให้ลงมาดู และตัดเชือกเอาตัวลงมา
-
เขาเล่าว่า ผู้คุมใช้เวลากว่าห้านาที
กว่าจะตอบสนอง
-
แต่กว่าจะมาถึง ชายคนนั้นก็หมดสติไปแล้ว
-
ผู้คุมจึงเรียกเจ้าหน้าที่กู้ชีพมา
เจ้าหน้าที่ก็ไปที่ห้องขัง
-
และบอกว่า "เขาไม่เป็นอะไร"
-
แล้วก็ทิ้งชายคนนั้นไว้ที่เดิม
-
ผมได้ฟังเรื่องแบบนี้หลายครั้ง
และก็ไม่ควรประหลาดใจนัก
-
เพราะการฆ่าตัวตาย เป็นเหตุสำคัญเดียว
ของการตายในคุกท้องถิ่นของเรา
-
เรื่องนี้เกี่ยวโยงกับการไม่มีบริการ
ดูแลสุขภาพจิตในคุกของเรา
-
ผมได้พบหญิงคนหนึ่ง เป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว
ดูแลลูกสามคน ทำงานได้ชั่วโมงละเจ็ดดอลลาร์
¶
-
เธอต้องพึ่งพาแสตมป์อาหาร เพื่อเลี้ยงตัวเอง
และลูกๆ
-
เมื่อประมาณสิบปีก่อน
-
เธอถูกใบสั่งจราจรมา 2-3 ใบ
และโดนข้อหาลักทรัพย์ที่ไม่รุนแรง
-
เธอไม่มีเงินจ่ายค่าปรับ
และค่าธรรมเนียมในคดีเหล่านั้น
-
ตั้งแต่นั้น เธอเข้าคุกเพราะข้อหาพวกนั้น
มาประมาณ 10 ครั้งแล้ว
-
แต่เธอเป็นโรคจิตเภท
และโรคอารมณ์แปรปรวนสองขั้ว
-
และเธอต้องกินยาทุกวัน
-
เธอไม่มีทางได้กินยาเหล่านั้น
ในคุกเฟอร์กูสัน
-
เพราะไม่มีใครได้กินยาประจำตัว
-
เธอเล่าให้ฟังว่า การที่ต้องอยู่ในกรงขัง
นานสองอาทิตย์ มันเป็นยังไง
-
ต้องทนเห็นภาพหลอนคนและเงาดำ
และได้ยินเสียงต่างๆ
-
เธอร้องขอยาที่จะปัดเป่าอาการทั้งหมด
-
แต่คำร้องขอถูกเพิกเฉย
-
ซึ่งก็ไม่ได้ผิดปกติอะไร
-
ผู้หญิง 30% ในคุกของเรานั้น
ป่วยทางจิตอย่างหนัก
-
เหมือนกับหญิงคนนี้
-
แต่มีแค่เพียง 1 ใน 6 เท่านั้น
ที่ได้รับการรักษาระหว่างอยู่ในคุก
-
ผมได้ฟังเรื่องทั้งหมด
เกี่ยวกับสภาพคุกอันน่ารังเกียจ
¶
-
ที่เมืองเฟอร์กูสันเอาไว้ใช้ขังลูกหนี้
-
แต่เมื่อผมได้ไปเห็นของจริง
-
จากการไปเรือนจำเฟอร์กูสัน
-
ผมไม่แน่ใจว่า ผมคาดว่าจะเห็นอะไร
-
แต่ผมไม่ได้คาดว่าจะเห็นภาพนี้
-
ภาพของสถานที่ราชการธรรมดา
-
ซึ่งอาจจะเป็นที่ทำการไปรษณีย์
หรือโรงเรียนก็ได้
-
มันเตือนใจผมว่ามาตรการกรรโชก
ที่ผิดกฎหมายเหล่านี้
-
ไม่ได้หลบซ่อนในเงามืดที่ไหนเลย
-
แต่กลับทำโดยเปิดเผย
โดยเจ้าหน้าที่รัฐของเรา
-
นี่เป็นประเด็นนโยบายสาธารณะ
-
และทำให้ผมระลึกว่า
การขังคนเพราะความจน
-
แม้จะมิใช่เพราะเหตุไม่มีเงินจ่ายค่าปรับ
-
มีตำแหน่งที่ชัดเจนและเป็นศูนย์กลาง
ในระบบความยุติธรรมของเรา
-
สิ่งที่ผมคิดในใจคือ
นโยบายการประกันตัวของเรา
¶
-
ในระบบของเรา การตัดสินว่าคุณจะถูกขัง
หรือเป็นอิสระ
-
ในระหว่างพิจารณา ไม่ได้ขึ้นกับว่า
คุณอันตรายแค่ไหน
-
หรือคุณมีความเสี่ยงที่จะหนี
มากน้อยแค่ไหน
-
แต่ขึ้นกับว่าคุณมีเงิน
จ่ายค่าประกันตัวหรือไม่
-
บิล คอสบี ซึ่งศาลตั้งวงเงินประกันไว้
ที่หนึ่งล้านดอลลาร์
-
เซ็นเช็คจ่ายได้ทันที
และไม่ต้องอยู่ในห้องขังแม้วินาทีเดียว
-
แต่ แซนดรา แบลนด์ ซึ่งตายในคุก
-
ต้องถูกขังเพียงเพราะว่าครอบครัว
หาเงิน 500 ดอลลาร์ มาวางศาลไม่ได้
-
ที่จริงแล้วมีคนอย่าง แซนดร้า แบลนด์
ครึ่งล้านคนอยู่ทั่วประเทศ --
-
คน 500,000 คนซึ่งติดคุกในขณะนี้
-
ต้องถูกขังเพียงเพราะ
ไม่มีเงินประกันตัว
-
เราถูกพร่ำบอกว่า
เรือนจำเป็นที่สำหรับอาชญากร
¶
-
แต่ถ้าดูตามสถิติแล้ว ไม่ใช่เลย
-
มี 3 คนในทุกๆ 5 คนในคุกขณะนี้
ต้องถูกขังระหว่างพิจารณา
-
พวกเขายังไม่ได้ถูกตัดสินว่า
กระทำความผิดใดๆ
-
พวกเขาไม่ได้รับสารภาพว่าทำผิดข้อหาใด
-
และที่นี่เอง ในซานฟรานซิสโก
-
85 % ของผู้ต้องขังในคุกของเรา
ในซานฟรานซิสโก
-
เป็นผู้ต้องขังระหว่างพิจารณา
-
ซึ่งหมายความว่า ซานฟรานซิสโก
กำลังใช้เงินราว 80 ล้านดอลลาร์
-
ทุกๆปี
-
ในการขังระหว่างพิจารณา
-
คนเหล่านี้ต้องอยู่ในคุกเพียงเพราะ
ไม่มีเงินประกันตัว
¶
-
ทั้งที่โดนข้อหาเล็กน้อยมาก
-
ขนาดที่ระยะเวลาที่ต้องติดคุก
ในระหว่างพิจารณา
-
นานกว่าโทษจำคุกตามคำพิพากษา
หากผิดจริงเสียอีก
-
ซึ่งก็แปลว่า พวกเขาจะได้
ออกจากคุกเร็วขึ้นแน่
-
เพียงแค่รับสารภาพ
-
ดังนั้นทางเลือกที่มีก็คือ
-
เราควรจะอยู่ในที่น่ากลัวนี้ต่อ
-
อยู่ไกลจากครอบครัวและคนที่ต้องดูแล
-
และแทบจะฟันธงได้เลยว่า
ต้องตกงานแน่
-
เพื่อสู้คดีหรือไม่
-
หรือจะรับสารภาพในข้อหา
ที่อัยการชงมา และไปให้พ้นจากที่นี่
-
ณ จุดนี้ พวกเขาเป็นแค่
ผู้ต้องขังระหว่างพิจารณา ไม่ใช่อาชญากร
-
แต่พอรับสารภาพ
เรากลับเรียกพวกเขาว่าอาชญากร
-
ทั้งที่คนรวยไม่มีทางเจอเหตุการณ์แบบนี้
-
เพราะคนรวยจะได้ประกันตัวออกไป
-
ถึงตรงนี้ คุณอาจจะสงสัยว่า
¶
-
"นายคนนี้ต้องมาพูดสร้างแรงบันดาลใจ
แล้วนี่พล่ามอะไรอยู่ --
-
-
"เรื่องนี้น่าหดหู่ใจเหลือเกิน
ฉันต้องการเงินคืน"
¶
-
-
-
ผมคิดว่า การพูดเรื่องการขังคนจนนั้น
หดหู่ใจน้อยกว่าเรื่องอื่นมาก
-
เพราะผมคิดว่า หากเราไม่พูดถึงปัญหาเหล่านี้
-
และถ้าเราไม่เปลี่ยนความคิด
เรื่องคุกไปด้วยพร้อมกัน
-
ในบั้นปลายชีวิตของเราทุกคน
-
เราจะยังคงมีคุกที่เต็มไปด้วยคนจน
ซึ่งไม่ควรจะอยู่ที่นั่น
-
นั่นต่างหากที่ทำให้ผมหดหู่ใจ
-
แต่ที่น่าตื่นเต้นสำหรับผม คือ
เรื่องเหล่านี้สามารถดลใจเรา
-
ให้คิดถึงการจำคุกในแง่มุมที่ต่างออกไป
-
ไม่ใช่นโยบายที่ฟังแห้งแล้ง
อย่าง "การจำคุกมวลหมู่ประชาชน"
-
หรือ "การลงโทษจำเลยในคดีไม่ร้ายแรง"
-
แต่ในแง่ความเป็นมนุษย์
-
เมื่อเราจับมนุษย์ไปไว้ในกรง
นานหลายวัน หลายสัปดาห์ หรือหลายเดือน
¶
-
หรือกระทั่งเป็นปีๆ
-
เรากำลังทำอะไรต่อจิตใจ
และร่างกายของคนคนนั้น
-
ต้องตกอยู่ใต้เงื่อนไขใด
เราถึงจะเต็มใจยอมทำเรื่องแบบนั้น
-
ดังนั้น แม้แค่เริ่มต้นกับพวกเรา
ไม่กี่ร้อยคนในห้องนี้
-
เราก็อาจมุ่งมั่นนึกถึงการคุมขัง
ในแง่มุมที่ต่างออกไปได้
-
แล้วเราก็จะแก้ไขความคุ้นชิน
ที่ผมพูดถึงไปก่อนหน้านี้ได้
-
ถ้าผมจะฝากอะไรก็ตามในวันนี้
หวังว่าจะเป็นความคิด
¶
-
ว่าหากเราอยากให้สิ่งใด
เปลี่ยนแปลงตั้งแต่รากฐาน --
-
ไม่ใช่แค่เพื่อปฏิรูปนโยบายประกันตัว
ค่าปรับและค่าธรรมเนียม
-
แต่เพื่อให้มั่นใจได้ว่า
นโยบายใหม่ใดๆ ที่จะมาแทนที่
-
จะต้องไม่ลงโทษคนยากจนและคนชายขอบ
-
หากเราอยากเห็นความเปลี่ยนแปลงนี้
-
การเปลี่ยนแปลงในกระบวนคิด
คือสิ่งที่เราทุกคนต้องทำ
-
-