คืนชีพช้างแมมมอธ!
-
0:01 - 0:03เมื่อตอนที่ผมยังเด็ก
-
0:03 - 0:05ผมเคยใช้กล้องจุลทรรศน์ของคุณพ่อส่องดู
-
0:05 - 0:09แมลงในแท่งอำพันที่ท่านเก็บไว้ที่บ้าน
-
0:09 - 0:11และมันถูกรักษาไว้เป็นอย่างดี
-
0:11 - 0:13รูปร่างสัณฐานของมันยังอยู่
ในสภาพสมบูรณ์อย่างน่าทึ่ง -
0:13 - 0:16และเราเคยคิดว่าสักวัน
-
0:16 - 0:17มันจะฟื้นคืนชีพกลับมาได้จริงๆ
-
0:17 - 0:19และมันจะคืบคลานออกจากแท่งอำพัน
-
0:19 - 0:22และถ้าทำได้ มันคงจะบินหนีไป
-
0:22 - 0:24ถ้าคุณถามผมสักเมื่อ 10 ปีที่แล้ว
ว่าจะเป็นไปได้หรือไม่ -
0:24 - 0:28ที่เราจะสามารถหาลำดับจีโนม
ของสัตว์ที่สูญพันธุ์ไปแล้ว -
0:28 - 0:30ผมคงจะตอบคุณว่า มันไม่น่าจะเป็นไปได้
-
0:30 - 0:32ถ้าคุณถามว่าเราจะสามารถที่จะ
-
0:32 - 0:34คืนชีพสัตว์ที่สูญพันธุ์ไปแล้วได้หรือไม่
-
0:34 - 0:36ผมคงต้องตอบว่า ฝันไปเหอะ
-
0:36 - 0:38แต่ผมมายืนอยู่ ณ ที่นี่ ในวันนี้
ด้วยความอัศจรรย์ใจ -
0:38 - 0:40ที่จะบอกกับพวกคุณว่า
การหาลำดับพันธุกรรมของสัตว์สูญพันธุ์ไปแล้ว -
0:40 - 0:44ไม่ใช่เพียงแค่ความเป็นไปได้
แต่วันนี้เราก็ทำได้แล้วจริงๆ -
0:44 - 0:49ส่วนการคืนชีพให้สายพันธุ์สัตว์ที่สูญพันธุ์แล้ว
ก็อยู่ใกล้เพียงเอื้อม -
0:49 - 0:51บางทีอาจจะไม่ใช่จากแมลงในแท่งอำพัน
-
0:51 - 0:53ที่จริง ยุงตัวนั้นถูกใช้
-
0:53 - 0:55เป็นแรงบันดาลใจให้กับภาพยนตร์เรื่อง
"กำเนิดใหม่ไดโนเสาร์" (Jurassic Park) -
0:55 - 0:57แต่จากแมมมอธขนดกโบราณ
ซึ่งซากของมันถูกอนุรักษ์ไว้อย่างดี -
0:57 - 1:00ของแมมมอธขนดก
ในบริเวณชั้นดินเยือกแข็งคงตัว (permafrost) -
1:00 - 1:02แมมมอธขนดกนั้นน่าสนใจเป็นพิเศษ
-
1:02 - 1:04เป็นภาพลักษณ์สำคัญของยุคน้ำแข็ง
-
1:04 - 1:06พวกมันตัวใหญ่ มีขนรุงรัง
-
1:06 - 1:08มันมีงาที่ใหญ่ยาว และดูเหมือนพวกเราจะ
-
1:08 - 1:11มีความเชื่อมโยงลึกๆบางอย่างกับพวกมัน
คล้ายกับทีเราผูกพันกับช้าง -
1:11 - 1:13อาจจะเป็นเพราะเหล่าช้าง
-
1:13 - 1:15มีหลายสิ่งหลายอย่างเหมือนกับเรา
-
1:15 - 1:18พวกมันฝังศพ พวกมันรู้จักสอนลูกหลาน
-
1:18 - 1:21พวกมันมีความผูกพันทางสังคมที่เหนียวแน่น
-
1:21 - 1:24หรือบางทีคงเป็นเพราะ
เราผูกพันกันด้วยช่วงเวลาที่ยาวนาน -
1:24 - 1:27เพราะช้างถือกำเนิดจากทวีปแอฟริกา
เช่นเดียวกับเรา -
1:27 - 1:29เมื่อราวๆ สักเจ็ดล้านปีที่แล้ว
-
1:29 - 1:32และเมื่อถิ่นอาศัยของมันเปลี่ยน
และสภาพแวดล้อมเปลี่ยนไป -
1:32 - 1:36เช่นเดียวกับช้าง พวกเราอพยพหนีออกมา
-
1:36 - 1:38ยังยุโรป และเอเชีย
-
1:38 - 1:41ดังนั้นแมมมอธตัวแรกที่ปรากฏขึ้น
-
1:41 - 1:44คือสายพันธุ์เมริดิโอนัลลิส (meridionalis)
ซึ่งสูงราวสี่เมตร -
1:44 - 1:48หนักราว 10 ตัน และเป็นสายพันธุ์ที่ปรับตัวเข้ากับป่าไม้
-
1:48 - 1:51ได้แพร่กระจายจากยุโรปตะวันตก ไปยังเอเชียกลาง
-
1:51 - 1:53ผ่านทางเชื่อมทะเลแบริ่ง (Bering land bridge)
-
1:53 - 1:55ไปยังบางส่วนของทวีปอเมริกาเหนือ
-
1:55 - 1:58อีกครั้งเมื่อสภาวะอากาศเปลี่ยน ซึ่งเกิดขึ้นเสมอๆ
-
1:58 - 2:00และถิ่นที่อยู่ใหม่ก็กำเนิดขึ้น
-
2:00 - 2:02สายพันธุ์ที่ปรับตัวเข้ากับทุ่งราบจึงกำเนิดขึ้น
-
2:02 - 2:04ที่เรียกว่าสายพันธุ์โทรกอนธีรี (Trogontherii)
ในบริเวณเอเชียกลาง -
2:04 - 2:07ซึ่งผลักดันให้สายพันธุ์เมริดิโอนัลลิส
ไปอยู่ทางยุโรปตะวันตก -
2:07 - 2:10และเมื่อดินแดนทุ่งหญ้าสะวันนา
เกิดขึ้นในอเมริกาเหนือ -
2:10 - 2:12แมมมอธโคลัมเบีย (Columbian Mammoth)
จึงกำเนิดขึ้นในอเมริกาเหนือ -
2:12 - 2:14เป็นแมมมอธสายพันธุ์ซึ่งมีขนาดใหญ่ และไร้ขน
-
2:14 - 2:17และถัดมาอีกเพียง 500,000 ปี
-
2:17 - 2:20แมมมอธขนดกก็ถือกำเนิดขึ้น
-
2:20 - 2:22เป็นสายพันธุ์ที่เราทุกคนรู้จัก และรักมันเป็นที่สุด
-
2:22 - 2:25แพร่กระจายจากแหล่งกำเนิดทางตะวันออกของเบริง
-
2:25 - 2:28ข้ามเอเชียกลาง ผลักดันสายพันธุ์โทรกอนธีรี
-
2:28 - 2:30ไปยังยุโรปตอนกลาง
-
2:30 - 2:32และในช่วงเวลานับแสนๆปี
-
2:32 - 2:35ที่พวกมันอพยพข้ามไปมาระหว่างทางเชื่อมทะเลเบริง
-
2:35 - 2:37ระหว่างช่วงกลางยุคน้ำแข็ง
-
2:37 - 2:39และได้พบปะโดยตรงกับ
-
2:39 - 2:42ญาติสายพันธุ์โคลัมเบีย ซึ่งอาศัยอยู่ทางตอนใต้
-
2:42 - 2:45และเป็นที่ที่มันเอาชีวิตรอดเป็นระยะเวลาแสนๆปี
-
2:45 - 2:47ในช่วงที่โลกเกิดเปลี่ยนแปลง
สภาวะอากาศอย่างฉับพลัน -
2:47 - 2:51พวกมันเป็นสัตว์ที่ปรับตัวง่าย
รับมือกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ -
2:51 - 2:54ของอุณหภูมิและสภาพแวดล้อมได้
และทำได้ดี ดีมากๆ -
2:54 - 2:58และพวกมันอาศัยอยู่บนแผ่นดินใหญ่
จนกระทั่งถึงเมื่อ 10,000 ปีที่แล้ว -
2:58 - 3:01และอันที่จริงแล้ว มันยิ่งน่าประหลาดใจ ที่ยังมีพวกมันอยู่บนเกาะเล็กๆ นอกไซบีเรีย
-
3:01 - 3:04และอะแลสกาจนกระทั่งถึงเมื่อ 3,000 ปีที่แล้ว
-
3:04 - 3:05เมื่อสมัยที่ชนชาวอียิปต์สร้างพีระมิด
-
3:05 - 3:08ในสมัยนั้นก็ยังมีแมมมอธขนดกที่อาศัยอยู่บนเกาะ
-
3:08 - 3:10จากนั้นมันก็สูญหายไป
-
3:10 - 3:12เช่นเดียวกันกับสัตว์ 99% ที่เคยดำรงชีวิตอยู่
-
3:12 - 3:15พวกมันสูญพันธุ์ น่าจะเนื่องจากอากาศที่อบอุ่น
-
3:15 - 3:17และป่าทึบที่คืบคลานเข้ามาอย่างรวดเร็ว
-
3:17 - 3:19ขึ้นมาทางตอนเหนือ
-
3:19 - 3:22และเช่นเดียวกับที่พอล มาร์ติน (Paul Martin)
ผู้ยิ่งใหญ่ว่าไว้ -
3:22 - 3:24การถูกฆ่ามากเกินไปในยุคไพลสโตซีน (Pleistocene)
-
3:24 - 3:26นักล่าสัตว์ใหญ่ล่าพวกมันมากเกินไปจนสูญพันธุ์
-
3:26 - 3:28โชคดีที่เราพบซากของมันเป็นล้านๆชิ้น
-
3:28 - 3:31กระจายฝังลึกอยู่ตามจุดต่างๆของชั้นดินเยือกแข็งคงตัว
-
3:31 - 3:34ในไซบีเรียและอะแลสกา และเราสามารถไปที่นั่น
-
3:34 - 3:36แล้วเอามันกลับมาได้
-
3:36 - 3:38ซากที่ถูกเก็บรักษาไว้นั้น
-
3:38 - 3:40สมบูรณ์อย่างน่าอัศจรรย์
เช่นเดียวกับกับแมลงในแท่งอำพัน -
3:40 - 3:44เราจึงได้ ฟัน กระดูกที่มีเลือด
-
3:44 - 3:46ซึ่งดูเหมือนเลือดจริงๆ เราได้เส้นขน
-
3:46 - 3:47และเราได้โครงซึ่งไม่บุบสลาย หรือ ส่วนหัว
-
3:47 - 3:50ซึ่งยังคงมีสมองอยู่ในนั้น
-
3:50 - 3:53ดังนั้นการรักษาสภาพ DNA และโอกาสที่มันจะอยู่รอด
-
3:53 - 3:55ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการ ซึ่งผมคงต้องยอมรับว่า
-
3:55 - 3:57ปัจจัยส่วนใหญ่ เรายังไม่เข้าใจดีนัก
-
3:57 - 3:59แต่มันขึ้นอยู่กับว่าสิ่งมีชีวิตนั้นตายเมื่อไร
-
3:59 - 4:04ถูกฝังไว้รวดเร็วแค่ไหน ความลึกที่ถูกฝัง
-
4:04 - 4:07ความสม่ำเสมอของอุณหภูมิในสภาพแวดล้อมที่ฝังมันไว้
-
4:07 - 4:09จะเป็นตัวบ่งบอกว่า DNA คงอยู่
-
4:09 - 4:12ผ่านยุคสำคัญๆ ทางธรณีวิทยา ได้นานเท่าไร
-
4:12 - 4:14และมันคงจะทำให้หลายท่านในที่นี้แปลกใจ
-
4:14 - 4:17ว่ามันไม่ใช่เรื่องของระยะเวลา
-
4:17 - 4:19ไม่ใช่ความนานของการรักษาสภาพ
-
4:19 - 4:23แต่ปัจจัยสำคัญที่สุดคือความสม่ำเสมอของอุณหภูมิ
-
4:23 - 4:25ดังนั้นถ้าเราเจาะลึกเข้าไปในกระดูก
-
4:25 - 4:28และฟัน ซึ่งรอดจากกระบวนการ
แปลงสภาพเป็นฟอสซิล -
4:28 - 4:32DNA ของมันซึ่งเคยสมบูรณ์ ขดอย่างแน่นหนา
-
4:32 - 4:34อยู่รอบๆโปรตีนฮิสโตน จะถูกโจมตี
-
4:34 - 4:37ด้วยแบคทีเรียซึ่งอาศัยอยู่ในแมมมอธ
-
4:37 - 4:39หลายปีตลอดช่วงชีวิตของมัน
-
4:39 - 4:42ด้วยแบคทีเรียเหล่านั้น และแบคทีเรียในสภาพแวดล้อม
-
4:42 - 4:46น้ำและออกซิเจนจากภายนอก ได้สลาย DNA
-
4:46 - 4:48เป็นชิ้นส่วน DNA ย่อยที่เล็กลง เล็กลง เล็กลง
-
4:48 - 4:51จนกระทั่งเราได้ชิ้นเล็กๆ
-
4:51 - 4:53ที่อยู่ระหว่าง 10 คู่ฐานไปจนถึง ในกรณีที่ดีที่สุด
-
4:53 - 4:56คือความยาวราวไม่กี่ร้อยคู่ฐาน
-
4:56 - 4:58ดังนั้นซากฟอสซิลส่วนใหญ่ที่ได้รับการบันทึกไว้
-
4:58 - 5:01จึงแทบไม่หลงเหลือข้อมูลเกี่ยวกับสิ่งมีชีวิตใดๆเลย
-
5:01 - 5:03แต่ซากฟอสซิลจำนวนหนึ่งซึ่งมีชิ้นส่วนย่อยของ DNA อยู่
-
5:03 - 5:05ซึ่งอยู่รอดมานับพัน
-
5:05 - 5:09หรือนับล้านๆปี
-
5:09 - 5:11และด้วยการใช้เทคโนโลยีห้องปลอดฝุ่นอันทันสมัย
-
5:11 - 5:14เราได้ประดิษฐ์วิธีการใหม่
ที่จะสามารถดึงเอา DNA เหล่านี้ -
5:14 - 5:16ออกมาจากซากสิ่งปฏิกูลที่เหลือในนั้นได้
-
5:16 - 5:18และมันคงไม่น่าประหลาดใจกับทุกท่านที่นั่งอยู่ในที่นี้
-
5:18 - 5:21ว่าถ้าผมนำเอากระดูกหรือฟันของช้างแมมมอธ
-
5:21 - 5:24มาสกัดเอา DNA ของมันออกมา ผมก็จะได้ DNA ของแมมมอธ
-
5:24 - 5:27แถมผมก็ยังได้แบคทีเรียทั้งหมดที่เคยอาศัยอยู่กับแมมมอธมาด้วย
-
5:27 - 5:30และที่ยิ่งซับซ้อนไปกว่านั้นคือ ผมยังได้ DNA ของสิ่งมีชีวิต
-
5:30 - 5:32ที่อยู่ในสภาวะแวดล้อม ณ ตอนนั้นมาด้วย
-
5:32 - 5:35ได้มาทั้งแบคทีเรีย เชื้อรา และอื่นๆอีกมากมาย
-
5:35 - 5:37ไม่น่าแปลกใจเช่นกัน ที่เจ้าแมมมอธ
-
5:37 - 5:39ซึ่งถูกคงสภาพไว้ในชั้นดินเยือกแข็งคงตัว
-
5:39 - 5:42จะมี DNA ราว 50% ที่เป็น DNA ของแมมมอธ
-
5:42 - 5:44ในทางตรงกันข้าม สายพันธุ์อื่นๆ
เช่น แมมมอธโคลัมเบีย -
5:44 - 5:47ที่อยู่อาศัยในอุณหภูมิหนึ่ง
และถูกฝังในสภาพแวดล้อมที่อบอุ่นกว่า -
5:47 - 5:50ในหลุมของมันจะมี DNA ของมัน
หลงเหลือเพียงแค่ 3 ถึง 10 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น -
5:50 - 5:53แต่เราก็มีวิธีการที่ชาญฉลาด
-
5:53 - 5:56ในการที่เราจะแบ่งแยก ตรวจจับและแบ่งแยก
-
5:56 - 5:58DNA ของแมมมอธออกจากสิ่งที่ไม่ใช่แมมมอธ
-
5:58 - 6:00และด้วยความก้าวหน้าของเทคโนโลยี
การถอดรหัสพันธุกรรมที่มีประสิทธิภาพ -
6:00 - 6:03เราสามารถดึงเอาข้อมูลทางชีวภาพ
-
6:03 - 6:06ต่อชิ้นส่วนเล็กๆของแมมมอธเหล่านี้ทั้งหมดกลับเข้าไป
-
6:06 - 6:09และใส่มันไว้ในแกนหลักของโครโมโซม
-
6:09 - 6:11ของช้างแอฟริกา หรือช้างเอเชีย
-
6:11 - 6:14ด้วยการทำเช่นนั้น
เราสามารถเก็บข้อมูลทุกจุดเล็กๆน้อยๆ -
6:14 - 6:17ซึ่งแบ่งแยกระหว่างแมมมอธ กับช้างเอเชียออกจากกัน
-
6:17 - 6:20และสิ่งที่เรารู้ต่อจากนั้น เกี่ยวกับช้างแมมมอธคืออะไร
-
6:20 - 6:23คือ กลุ่มยีนของช้างแมมมอธค่อนข้างจะเสร็จสมบูรณ์
-
6:23 - 6:26และเรารู้ว่ามันค่อนข้างจะใหญ่มาก
มันคือช้างแมมมอธนะ -
6:26 - 6:29สำหรับกลุ่มยีนของมนุษย์ คือประมาณสามล้านคู่ฐาน
-
6:29 - 6:31แต่กลุ่มยีนของช้างและช้างแมมมอธ
-
6:31 - 6:34มีมากกว่ามนุษย์ราวสองล้านคู่ฐาน ส่วนใหญ่นั้น
-
6:34 - 6:36ประกอบด้วยชุด DNA สั้นๆ ที่ซ้ำๆกัน
-
6:36 - 6:41ซึ่งทำให้ยากมาก
ในการประกอบโครงสร้างทั้งหมดของกลุ่มยีนขึ้นมาใหม่ -
6:41 - 6:43ดังนั้นการมีข้อมูลเหล่านี้ ทำให้เราสามารถตอบคำถาม
-
6:43 - 6:45คำถามหนึ่งซึ่งเกี่ยวกับ
ปัญหาเรื่องความสัมพันธ์ที่น่าสนใจ -
6:45 - 6:48ระหว่างช้างแมมมอธ กับเครือญาติที่ยังมีชีวิตอยู่ของมัน
-
6:48 - 6:50ช้างแอฟริกา และ ช้างเอเชีย
-
6:50 - 6:53ซึ่งเมื่อเจ็ดล้านปีที่ผ่านมาต่างก็มีบรรพบุรุษเดียวกัน
-
6:53 - 6:55แต่กลุ่มยีนของช้างแมมมอธ แสดงให้เห็นว่ามัน
-
6:55 - 6:58เป็นบรรพบุรุษล่าสุดร่วมกันกับช้างเอเชีย
-
6:58 - 6:59เมื่อหกล้านปีก่อน
-
6:59 - 7:02มันจึงใกล้เคียงกับช้างเอเชียมากกว่าเล็กน้อย
-
7:02 - 7:04ด้วยความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี DNA จากซากโบราณ
-
7:04 - 7:06ในตอนนี้เราสามารถที่จะเริ่มเรียงลำดับ
-
7:06 - 7:10กลุ่มยีนของรูปแบบช้างแมมมอธอื่นๆ
ที่สูญพันธุ์ไปแล้ว ซึ่งผมได้กล่าวไปแล้วนั้น -
7:10 - 7:11และผมอยากจะพูดถึงพวกมันซักสองชนิด
-
7:11 - 7:13ช้างแมมมอธขนดก และ แมมมอธโคลัมเบีย
-
7:13 - 7:16พวกมันทั้งสองต่างอยู่ใกล้ชิดกัน
-
7:16 - 7:19ในช่วงกลางของยุคน้ำแข็ง
-
7:19 - 7:21ดังนั้นเมื่อธารน้ำแข็งปกคลุมไปทั่วทวีปอเมริกาเหนือ
-
7:21 - 7:23ช้างแมมมอธขนดก ถูกผลักเข้าไปในเขตรอยต่อน้ำแข็ง
-
7:23 - 7:26และได้พบกับบรรดาญาติของมันที่อยู่ทางใต้
-
7:26 - 7:28พวกมันใช้ที่หลบภัยร่วมกัน
-
7:28 - 7:31และที่มากไปกว่าที่หลบภัยร่วมกัน เป็นที่ปรากฎว่า
-
7:31 - 7:33ดูเหมือนพวกมันจะผสมพันธุ์ข้ามสายพันธุ์
-
7:33 - 7:35และนี่เป็นสิ่งที่พบไม่บ่อยนัก
-
7:35 - 7:37ในสัตว์ตระกูลช้าง (Proboscideans)
เพราะมันกลายเป็นว่า -
7:37 - 7:40ช้างเพศผู้ตัวใหญ่แห่งทุ่งสะวันนา จะเอาชนะ
-
7:40 - 7:43ช้างป่าตัวเล็กกว่า เพื่อช้างเพศเมีย
-
7:43 - 7:45ดังนั้นช้างแมมมอธโคลัมเบียไร้ขน ซึ่งตัวใหญ่กว่า
-
7:45 - 7:47เอาชนะแมมมอธขนดกที่ตัวเล็กกว่าได้
-
7:47 - 7:50มันทำให้ผมนึกถึงตอนที่ยังเรียนอยู่นะครับ
ไม่ไหวเลยแฮะ -
7:50 - 7:52(เสียงหัวเราะ)
-
7:52 - 7:55แต่นี่ก็ไม่ใช่เรื่องไร้สาระ
การมีแนวคิดที่เราต้องการจะ -
7:55 - 7:57คืนชีพให้กับสายพันธุ์ที่สิ้นสูญ เพราะมันกลายเป็นว่า
-
7:57 - 7:59เจ้าช้างแอฟริกา และ ช้างเอเชีย
-
7:59 - 8:01สามารถผสมพันธุ์ระหว่างสายพันธุ์ได้
และมีทายาทที่มีชีวิต -
8:01 - 8:03และนี่ได้เกิดขึ้นจริงโดยบังเอิญ ที่สวนสัตว์
-
8:03 - 8:06ในเมืองเชสเตอร์ (Chester) ประเทศอังกฤษ ในปี 1978
-
8:06 - 8:09นั่นหมายความว่า
เราสามารถนำเอาโครโมโซมของช้างเอเชีย -
8:09 - 8:11มาปรับเปลี่ยนทุกตำแหน่งที่เรารู้
-
8:11 - 8:14ว่ามีความแตกต่างกับกลุ่มยีนช้างแมมมอธได้
-
8:14 - 8:16เราสามารถนำมันไปใส่ในเซลส์ที่ไม่มีนิวเคลียส
-
8:16 - 8:19แปลงสภาพให้มันให้เป็นสเต็มเซลล์
-
8:19 - 8:21และอาจแปลงสภาพต่อเป็นตัวอสุจิ
-
8:21 - 8:24ผสมเทียมกับไข่ของช้างเอเชีย
-
8:24 - 8:27และโดยขั้นตอนที่ยาวนานและแสนลำบาก
-
8:27 - 8:30จะนำสิ่งที่หน้าตาแบบนี้กลับมาได้
-
8:30 - 8:32ทีนี้ นี่ยังไม่ได้เป็นสำเนาที่ถูกต้องเสียทีเดียว
-
8:32 - 8:34เพราะเศษเสี้ยวของ DNA ที่ผมเคยบอก
-
8:34 - 8:37จะทำให้เราไม่สามารถสร้างโครงสร้างที่เหมือนเป๊ะได้
-
8:37 - 8:38แต่มันจะทำให้ได้บางสิ่งบางอย่างที่ดูเหมือน
และรู้สึกราวกับว่า -
8:38 - 8:42มันเป็นช้างแมมมอธขนดก
-
8:42 - 8:44ทีนี้ เมื่อผมเอ่ยถึงเรื่องนี้กับเพื่อนๆ
-
8:44 - 8:47เรามักจะพูดถึง เรื่องที่ว่า เราจะเอามันไปไว้ที่ไหน
-
8:47 - 8:49เราจะเอาแมมมอธไปเลี้ยงไว้ที่ไหนได้
-
8:49 - 8:51ไม่มีสภาพอากาศ หรือที่อยู่อาศัยใดเหมาะสม
-
8:51 - 8:52ที่จริงนั่นไม่เชิงเป็นปัญหา
-
8:52 - 8:55ปรากฏว่า มีทุ่งหญ้าหลายแห่ง
-
8:55 - 8:57ในตอนเหนือของไซบีเรีย และยูคอน
-
8:57 - 8:58ซึ่งสามารถเป็นที่อยู่อาศัยของช้างแมมมอธได้
-
8:58 - 9:01จำได้ไหมครับ นี่เป็นสัตว์ที่ปรับตัวได้เก่งมาก
-
9:01 - 9:03ซึ่งมีชีวิตอยู่ท่ามกลาง
การเปลี่ยนแปลงของอากาศแบบสุดขั้ว -
9:03 - 9:06ดังนั้นภูมิประเทศนี้จึงเป็นทีอยู่อาศัย
ของมันได้อย่างง่ายดาย -
9:06 - 9:10และผมคงต้องสารภาพว่า
ยังมีความเป็นเด็กในตัวผม -
9:10 - 9:11เด็กผู้ชายในตัวผม ที่ต้องการเห็น
-
9:11 - 9:14สัตว์ที่น่าเกรงขามเช่นนี้ เดินข้ามชั้นดินเยือกแข็งคงตัว
-
9:14 - 9:16ในทางเหนืออีกครั้ง แต่ผมคงต้องยอมรับว่า
-
9:16 - 9:19บางครั้ง ส่วนที่เป็นผู้ใหญ่ในตัวผมก็นึกฉงนว่า
-
9:19 - 9:21เราควรจะทำเช่นนี้ดีหรือไม่
-
9:21 - 9:23ขอบคุณมากครับ
-
9:23 - 9:28(เสียงปรบมือ)
-
9:28 - 9:29ไรอัน ฟีลัน (Ryan Phelan): อย่าเพิ่งไปค่ะ
-
9:29 - 9:31คุณทิ้งคำถามไว้ให้เรา
-
9:31 - 9:35ฉันแน่ใจว่าทุกท่านคงจะถาม
เมื่อคุณบอกว่า "ควรไหม" -
9:35 - 9:37รู้สึกว่าคุณจะบอกใบ้เราบางอย่างเกี่ยวกับเรื่องนี้
-
9:37 - 9:40และคุณยังให้เราเห็นภาพมันว่ามีความเป็นไปได้สูง
-
9:40 - 9:42อะไรคือเงื่อนงำของคุณคะ
-
9:42 - 9:43เฮนดริค พอยนาร์ (Hendrik Poinar):
ผมไม่คิดว่ามันเป็นเงื่อนงำอะไรนะครับ -
9:43 - 9:47ผมแค่คิดว่า เราต้องคิดให้รอบคอบ
-
9:47 - 9:49ว่าจะมันจะสื่อถึงอะไร และผลกระทบอะไรตามมา
-
9:49 - 9:51และถ้าเราได้ถกกันอย่างละอียดลึกซึ้ง
-
9:51 - 9:53เหมือนดังที่เรากำลังทำอยู่ตอนนี้ ผมคิดว่า
-
9:53 - 9:56เราคงจะได้บทสรุปที่ดี
ว่าทำไมเราจึงควรจะทำมัน -
9:56 - 9:58ผมแค่อยากจะให้แน่ใจว่าเราได้ใช้เวลา
-
9:58 - 10:00คิดใคร่ครวญว่าทำไมเราจึงต้องทำมันก่อนครับ
-
10:00 - 10:02ไรอัน: เป็นคำตอบที่สมบูรณ์แบบ
ขอบคุณมากค่ะ เฮนดริค -
10:02 - 10:05เฮนดริค: ขอบคุณครับ (เสียงปรบมือ)
- Title:
- คืนชีพช้างแมมมอธ!
- Speaker:
- เฮนดริค พอยนาร์ (Hendrik Poinar)
- Description:
-
เป็นความฝันของเด็กๆทั่วโลก ที่จะได้เห็นสัตว์ตัวใหญ่ในตำนาน กลับฟื้นคืนชีวิตมาเดินเล่นบนโลกใบนี้อีกครั้ง ฝันนั้นเป็นจริงได้หรือไม่ และสมควรหรือไม่ เฮนดริค พอยนาร์ ในบรรยายที่อัดแน่นไปด้วยข้อมูล เกี่ยวกับเรื่องที่ใหญ่ยักษ์เรื่องต่อไป การค้นคว้าที่จะสร้างสัตว์ซึ่งคล้ายกับเพื่อนขนดกของเรามากๆ เจ้าช้างแมมมอธโบราณ ขั้นตอนแรกคือการเรียงลำดับกลุ่มยีนของช้างแมมมอธ เกือบจะสำเร็จแล้ว และมันใหญ่โตมากเสียด้วย (บันทึกภาพจากงาน TEDxDeExtinction.)
- Video Language:
- English
- Team:
- closed TED
- Project:
- TEDTalks
- Duration:
- 10:22
Kelwalin Dhanasarnsombut approved Thai subtitles for Bring back the woolly mammoth! | ||
Kanawat Senanan accepted Thai subtitles for Bring back the woolly mammoth! | ||
Kanawat Senanan commented on Thai subtitles for Bring back the woolly mammoth! | ||
Kanawat Senanan edited Thai subtitles for Bring back the woolly mammoth! | ||
Kanawat Senanan edited Thai subtitles for Bring back the woolly mammoth! | ||
Kanawat Senanan edited Thai subtitles for Bring back the woolly mammoth! | ||
Kanawat Senanan edited Thai subtitles for Bring back the woolly mammoth! | ||
Kanawat Senanan edited Thai subtitles for Bring back the woolly mammoth! |
Kanawat Senanan
I changed the sentence structure so that it is easier to understand in Thai. Allow me to submit it for approval krab. Thank you.