ผมใช้เวลาส่วนใหญ่ คิดถึงเด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ ซึ่งมันค่อนข้างแปลกที่ผู้ชายมีอายุ ในสังคมของเราจะพูดอะไรอย่างนี้ แต่นั่นล่ะครับผม ผมใช้เวลาส่วนมาก คิดถึงเด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ และผมคิดว่ามันเป็นเรื่องสำคัญ เพราะว่าผมเองก็มีลูกสาว นั่นล่ะครับลูกผม ผมคิดว่า พวกคุณต้องชอบเธอแน่ ๆ เธอฉลาดและเป็นคนตลก และมีจิตใจที่ดีต่อผู้อื่นและเพื่อนฝูง แต่เมื่อผมพูดถึงลูกสาวของผม คำที่ผมใช้ก็คือ "นักกีฬา" ลูกของผมเป็นนักกีฬาครับ เธอเข้มแข็งและรวดเร็ว และมีการทรงตัวที่ยอดเยี่ยม และมีการควบคุมร่างกายที่เป็นเลิศ เธอเป็นผู้ชนะระดับมลรัฐ สามครั้งติดต่อกัน ในเส้าหลินกังฟู ตอนอายุเก้าขวบ เธอการเรียน ขั้นสายดำไปครึ่งทางแล้ว ลูกสาวของผมเป็นนักกีฬาครับ ทีนี้ เมื่อชายที่สูงหกฟุตสองนิ้ว หนัก 265 ปอด์น มายืนอยู่ข้างหน้าคุณ และพูดว่าลูกสาวของเขาเป็นนักกีฬา คุณอาจคิดว่า นั่นมันลูกไม้ตกไม่ไกลต้น มันไม่ใช่เลยครับ (เสียงหัวเราะ) ภรรยาของผมตอนที่เรียนมัธยม เป็นนักกีฬาฟุตบอลของมลรัฐสองสมัย และนักกีฬาวอลเลย์บอล ของมลรัฐสองสมัย และเล่นเกมส์ "ดันเจียน แอนด์ ดรากอน" และนั่นเป็นเหตุผลว่าทำไม แม้ว่าลูกสาวของผมจะเป็นนักกีฬา เธอก็ยังเป็นเนิร์ดตัวยง ซึ่งผมชอบนะครับ เธอเดินไปรอบบ้าน ในเสื้อคลุมยาวแห่งเปลวไฟ ที่เธอทำขึ้นเอง เธอนั่งบนบัลลังก์เหล็ก -- (เสียงหัวเราะ) แม้ว่าเธอจะไม่เคยได้ดู "เกมส์ ออฟ โธรน" เหตุผลหลักก็เพราะว่า เราไม่ใช่พ่อแม่แย่ ๆ แต่เธอรู้ว่ามีใครบางคน ที่มีฉายาว่า แม่มังกร และเธอเรียกตัวเองอย่างนั้น และเธอก็ชอบมันครับ เธอเป็นแฟนตัวยงของหนังสือการ์ตูน ตอนนี้ ตัวละครโปรดของเธอคือ กรูท เธอรักกรูท เธอเอ็นดูเจ้าตัวเขียวจอมพลัง แต่สุดยอดขวัญใจของลูกสาวของผม ก็คือ สตาร์ วอร์ส ลูกของผมเป็นเจไดครับ แต่ว่าบางวันเธอก็เป็น ซิธ ซึ่งเป็นการตัดสินใจที่ผมก็ไม่ได้ขัดอะไร (เสียงหัวเราะ) แต่นี่คือคำถามที่ผมจะต้องถาม ทำไมเมื่อลูกสาวของผมแต่งตัว ไม่ว่าจะเป็นกรูท หรือเจ้าตัวเขียวจอมพลัง หรือแม้กระทั่งโอบิ-วัน เคโนบี หรือดาร์ธ มอล ทำไมเธอแต่งตัว ตามตัวละครที่เป็นผู้ชายหมดเลย และซุปเปอร์ฮีโร่หญิงหายไปไหนกันหมด และนั่นจริง ๆ แล้วไม่ใช่คำถาม เพราะว่ามันมีซุปเปอร์ฮีโร่หญิงเต็มไปหมด คำถามของผมจริง ๆ ก็คือ ข้าวของของซุปเปอร์ฮีโร่หญิงอยู่ไหน ไหนล่ะเครื่องแต่งตัว ไหนล่ะของเล่น เพราะว่าทุกวันนี้ เมื่อลูกสาวของผมเล่นแต่งตัว เธอได้เรียนรู้สิ่งต่าง ๆ ผ่านกระบวนการที่ในสายงานของผม ในฐานะศาสตราจารย์ด้านสื่อศึกษา ผมเรียกมันว่าการสอนจากสังคม นี่แหละ คือการที่สังคมสั่งสอนในความรู้ เรื่องเกี่ยวกับแนวคิด มันเป็นการที่คุณเรียนรู้ ว่าการเป็นชายหรือหญิงมีความหมายอย่างไร การมีพฤติกรรมที่เหมาะสมในที่สาธารณะ มีความหมายอย่างไร การรักชาติบ้านเมืองและ การมีความประพฤติที่ดีมีความหมายอย่างไร ทั้งหมดนี้เป็นรากฐานความสัมพันธ์สังคม ที่ก่อร่างสร้างเราขึ้นมาในฐานะบุคคล พูดสั้น ๆ มันก็คือการที่เราเรียนรู้ เรื่องราวที่เกี่ยวกับคนอื่น และโลก แต่เราอาศัยอยู่ในสังคมที่อัดแน่นไปด้วยสื่อ นั่นหมายความว่า ทุกแง่มุมของประสบการณ์มนุษย์ นอกเหนือจากหน้าที่พื้นฐานของร่างกาย ถูกแต่งเติมโดยสื่อไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง ตั้งแต่รถยนต์ที่คุณขับ ไปจนถึงอาหารที่คุณบริโภค ไปจนถึงเสื้อผ้าอาภรณ์ที่คุณสวมใส่ ไปจนถึงวิธีการ ที่คุณสร้างความสัมพันธ์ของคุณ ไปจนถึงลักษณะภาษา ที่คุณใช้เพื่อก่อกำเนิดความคิด -- ทั้งหมดนี้ถูกกำกับไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง ฉะนั้น คำตอบในสังคมของเรา ต่อคำถามที่ว่า เราเรียนรู้เรื่องราว เกี่ยวกับคนอื่นและโลกอย่างไรนั้น ก็คือ ผ่านสื่อเป็นส่วนใหญ่ ครับ มันมีริ้วรอยอยู่ในนั้น ในสังคมของเรา สื่อไม่ได้เป็นเทคโนโลยีและอุปกรณ์ ในการเผยแพร่ข้อมูลเท่านั้น พวกมันยังเป็นเครื่องมือบริษัทห้างร้านต่าง ๆ และเมื่อการเผยแพร่ข้อมูลถูกผูกพ่วงไว้ กับการแสวงหาผลประโยชน์ นั่นแหละครับปัญหา แล้วปัญหามันใหญ่แค่ไหนล่ะ ลองคิดอย่างนี้ดูนะครับ ในปี ค.ศ. 1983 ร้อยละ 90 ของสื่ออเมริกา เป็นเจ้าของโดยบริษัท 50 แห่ง ในวงการใด ๆ ก็ตาม 50 บริษัทนั้น นับได้ว่าหลายบริษัททีเดียว มันมีความคิดต่าง ๆ มากมายในโลก ในปี ค.ศ. 2015 จำนวนนั้นลดลงมาเป็นหก หกบริษัทครับ ได้แก่ เอ็นบีซี ยูนิเวอร์เซิล คอมแคส, เอโอเล ไทม์ วอร์เนอร์, บริษัท เดอะ วอลท์ ดิสนีย์, นิวส์ คอร์ป, เวียคอม และซีบีเอส คอร์โปเรชัน หกบริษัทที่ผลิตภาพยนตร์ เก้าในสิบเรื่องที่คุณชม เก้าในสิบของรายการโทรทัศน์ เก้าในสิบของเพลงต่าง ๆ เก้าในสิบของบรรดาหนังสือ ฉะนั้น คำถามของผมสำหรับคุณก็คือ ถ้าหกบริษัทควบคุม 90 เปอร์เซ็นต์ ของสื่อในอเมริกา คุณคิดว่าพวกเขามีอิทธิพลมากแค่ไหน ต่อสิ่งที่คุณได้รับอนุญาตให้ดูทุกวันนี้ เพราะว่าในวิชาการศึกษาสื่อ เราใช้เวลาไปมากกับการบอกว่า สื่อไม่สามารถบอกเราได้ว่าเราจะต้องคิดอะไร และพวกมันก็ไม่สามารถทำได้ พวกมันทำได้แย่มาก แต่นั่นไม่ใช่หน้าที่ของพวกมัน สื่อไม่ได้บอกเราว่าเราต้องคิดอะไร สื่อบอกเราว่าเราต้องคิดเกี่ยวกับอะไร พวกมันควบคุมการสนทนาของเรา และในการควบคุมการสนทนานั้น พวกมันไม่จำเป็นต้องทำให้คุณคิด ในสิ่งที่พวกมันอยากให้คุณคิด พวกมันแค่ทำให้คุณคิดเกี่ยวกับ สิ่งที่พวกมันอยากให้คุณคิดถึง และที่สำคัญยิ่งกว่านั้น ไม่คิดเกี่ยวกับ สิ่งที่พวกมันไม่อยากให้คุณคิดถึง พวกมันควบคุมการสนทนา มันเป็นไปได้อย่างไรในทางปฏิบัติ ลองมาดูสักบริษัทหนึ่งเป็นตัวอย่าง เราจะเลือกตัวอย่างง่าย ๆ มาพูดถึงบริษัทวอลท์ ดิสนีย์ กันสักครู่นะครับ เหตุผลว่าทำไมผมถึงเลือกบริษัท วอลท์ ดิสนีย์ ก็เพราะว่าอย่างนี้ครับ มีใครในที่นี้ไหมครับ ที่ไม่เคยดูภาพยนตร์ของดิสนีย์เลย มองไปทั่ว ๆ ครับ ใช่เลยครับ ผมเลือกดิสนีย์ก็เพราะว่า พวกเขามีสิ่ง ที่เรียกว่าการเจาะเข้าถึง 100 เปอร์เซ็นต์ ในสังคมของเรา ทุก ๆ คนได้สัมผัสกับดิสนีย์ ฉะนั้น มันจึงง่ายที่ผมจะใช้มันเป็นตัวอย่าง ตั้งแต่ ค.ศ. 1937 ดิสนีย์ทำเงินส่วนใหญ่ จากการขายเจ้าหญิงทั้งหลายให้เด็กผู้หญิง เขาทำงานได้มากมายมหาศาลจริง ๆ แน่ล่ะครับ เว้นเสียแต่ว่า เจ้าหญิงที่ลูกสาวคุณชื่นชอบ จะเป็นแบบนี้ อย่างที่ลูกสาวผมชอบ เห็นไหมครับ ใน ค.ศ. 2012 ดิสนีย์ซื้อลูคัสฟิล์ม ด้วยเงินสี่พันล้านดอลลาร์ และพวกเขาก็มีผลิตภัณฑ์ฮานโซโล วางในร้านดิสนีย์เต็มไปหมด ไหนจะ โอบิ-วัน เคโนบี, ดาร์ธ เวเดอร์, ลุค สกายวอล์คเกอร์ และโยดา แต่ไม่มีเจ้าหญิงเลอา ทำไมล่ะ ก็เพราะว่าเจ้าหญิงคนนี้ ขัดต่อการสอนทางสังคม จากเจ้าหญิงอื่น ๆ ฉะนั้น ดิสนีย์ไม่ได้วางขาย ผลิตภัณฑ์เจ้าหญิงเลอาในห้างร้าน และเมื่อคนไปที่ดิสนีย์และบอกว่า "เฮ่ ผลิตภัณฑ์เจ้าหญิงเลอาอยู่ไหนล่ะ" ดิสนีย์ก็จะบอกว่า "เราไม่ได้มีจุดประสงค์ ที่จะวางผลิตภัณฑ์เจ้าหญิงเลอาในร้านค้า" และแฟน ๆ ก็โมโห และโพสข้อความทางทวิตเตอร์ พร้อมด้วยแฮชแทค #WeWantLeia [เราต้องการเลอา] และดิสนีย์ก็บอกว่า "เดี๋ยว ๆ เราไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น เราหมายความว่า เรายังไม่มีผลิตภัณฑ์เจ้าหญิงเลอาในตอนนี้ แต่เรากำลังจะมี" และเหตุการณ์นั้นเกิดขึ้นในปี ค.ศ. 2012 ตอนนี้มันปี ค.ศ. 2015 แล้ว และถ้าคุณไปที่ร้านดิสนีย์ เช่นเดียวกับที่ผมเพิ่งไปเมื่อไม่นานมานี้ และมองหาผลิตภัณฑ์เจ้าหญิงเลอา คุณรู้ไหมครับว่ามีผลิตภัณฑ์เจ้าหญิงเลอา อยู่กี่ชนิดในร้านดิสนีย์ ศูนย์ครับ เพราะว่าดิสนีย์ไม่มีจุดประสงค์ ที่จะวางจำหน่ายเจ้าหญิงเลอาในร้าน และเราคงจะไม่แปลกใจ เพราะว่าเราพบว่านั่นคือนโยบายของพวกเขา เมื่อพวกเขาซื้อ มาร์เวล ในปี ค.ศ. 2009 ด้วยเงิน 4.5 พันล้านดอลลาร์ เพราะว่าเมื่อคุณทำเงินได้มากมาย จากการขายเจ้าหญิงให้เด็กผู้หญิง คุณยังคงต้องการเงินจากเด็กผู้ชายด้วย และอะไรจะดีไปกว่าการขายยอดมนุษย์ ให้กับบรรดาเด็กผู้ชายล่ะ ฉะนั้น ตอนนี้ดิสนีย์ได้เข้าถึง กัปตันอเมริกาและธอร์ เจ้าตัวเขียวจอมพลัง และพวกเขาก็เข้าถึงแม้กระทั่ง กลุ่มของยอดมนุษย์ที่ไม่มีใครเคยได้ยินมาก่อน มาร์เวลทำได้ดีมากในเรื่องการขายยอดมนุษย์ ปีที่แล้ว พวกเขาเปิดตัวภาพยนตร์ "การ์เดียนส์ ออฟ เดอะ กาแล็กซี่" มันเป็นภาพยนตร์ที่ไม่น่าจะโด่งดังได้เลย ไม่เคยมีใครรู้จักพวกเขา เว้นเสียแต่ว่า คุณจะเป็นพวกบ้าหนังสือการ์ตูนอย่างผม ตัวละครตัวหนึ่งคือต้นไม้พูดได้ ตัวละครตัวหนึ่งคือแรคคูนที่มีท่าทางเหมือนคน มันไม่น่าจะดังได้เลย และพวกเขาก็ทำการสังหาร "การ์เดียนส์ ออฟ เดอะ กาแล็กซี่" ตัวละครตรงกลางชื่อว่ากาโมรา ดาราที่สวมบทบาทเป็นเธอก็คือ โซอี ซัลดานา และเธอนั้นก็เข้มแข็ง ฉลาด ว่องไว และสู้ได้ราวกับนินจา ดาราที่สวมบทบาทนี้ เป็นหญิงผิวสีแสนสวย และลูกของผมก็ตกหลุมรักเธอ ก็เหมือนกับพ่อจอมเนิร์ดคนอื่น ๆ ผมไปซื้อผลิตภัณฑ์กาโมรามาให้ลูกสาว และเมื่อผมไปถึงร้านขายของ ผมก็ได้เรียนรู้ถึงบางสิ่งที่น่าสนใจมาก ผมอยากจะซื้อกระเป๋ากาโมราให้เธอ แต่กาโมราไม่ได้อยู่บนนั้น พวกเขาน่าจะเสนอขายมันในชื่อผลิตภัณฑ์ การ์เดียนส์ ออฟ เดอะ กาแล็กซี่ "บางส่วน" (เสียงหัวเราะ) และถ้าผมจะซื้อกล่องข้าวให้กับเธอ กาโมราก็ไม่ได้อยู่บนนั้น และถ้าผมอยากซื้อเสื้อยืดให้เธอ กาโมราก็ไม่ได้อยู่บนนั้นอีก และด้วยข้อเท็จจริงนี้ ถ้าผมไปร้านค้า อย่างที่ผมไป และมองดูที่หน้าต่างแสดงสินค้า คุณจะพบกับภาพเล็ก ๆ ของกาโมราอยู่ตรงนั้น แต่ถ้าคุณมองดูที่ชั้นวางผลิตภัณฑ์ คุณจะไม่เจอกาโมราเลย เอาล่ะ ผมน่าจะไปทวีตในทวีตเตอร์ ด้วยแฮชแทค #WheresGamora [กาโมราอยู่ไหน] เหมือนกับที่บรรดาแฟน ๆ ทำกันทั่วโลก แต่ความจริงก็คือ ผมไม่แปลกใจด้วยซ้ำ เพราะว่าผมอยู่ตรงนั้น ตอนที่ดิสนีย์เปิดตัว "อเวนเจอร์ส" และปีนี้เองที่มีภาพยนตร์อเวนเจอร์สเรื่องใหม่ "เอจ ออฟ อัลธรอน" และเราก็ตื่นเต้นกันมาก เพราะว่ามันมียอดมนุษย์ผู้หญิงถึงสองตัว สกาเล็ต วิทช์ กับ แบล็ค วิโดว์ และเราก็ตื่นเต้นกันสุด ๆ แต่ความจริงก็คือ แม้ว่าจะมีสกาเล็ต โจแฮนสัน ซึ่งเป็นหนึ่งในดาราชาวอเมริกาที่โด่งดังที่สุด สวมบทบาท แบล็ค วิโดว์ และแบล็ค วิโดว์ ก็เป็นดาวเด่น ในภาพยนตร์ของมาร์เวล ไม่ใช่เพียงแค่หนึ่งหรือสองเรื่อง แต่เป็นห้าเรื่อง แต่ว่าไม่มีผลิตภัณฑ์ แบล็ค วิโดว์ เลยสักชิ้น ไม่มีเลย และถ้าคุณไปที่ร้านดิสนีย์และมองหาชุด แบล็ค วิโดว์ สิ่งที่คุณจะพบคือกัปตันอเมริกา และเจ้าตัวเขียวจอมพลัง คุณจะพบกับไอรอนแมน และธอร์ คุณจะได้เจอกับ วอร์ แมชชีน ซึ่งอยู่ในภาพยนตร์นั้นไม่ได้นานเลย คนที่คุณจะไม่พบก็คือ แบล็ค วิโดว์ และอย่างที่หลาย ๆ คนทำ ผมน่าจะไปทวีตในทวีตเตอร์ด้วยแฮชแทค #WheresNatasha [นาตาชาอยู่ไหน] แต่ผมเซ็งกับการทำแบบนี้ ผมเซ็งกับการที่จะต้องทำแบบนั้น ทั่วทั้งประเทศของเราในตอนนี้ มีเด็ก ๆ ที่กำลังเล่นกับชุดเครื่องเล่น ไซเคิล บลาสท์ ควินเจ็ต ที่กัปตันอเมริกาขี่จักรยานยนต์ ออกจากเครื่องบินที่กำลังเคลื่อนที่ และมันก็เจ๋งมาก ๆ คุณรู้ไหมครับว่ามันเจ๋งแค่ไหน เจ๋งขนาดที่ว่าตอนที่เหตุการณ์นั้น เกิดขึ้นในภาพยนตร์ มันเป็น แบล็ค วิโดว์ ต่างหากที่อยู่ตรงนั้น ไม่เพียงแต่เธอถูกลบออกไป แต่เธอได้ถูกแทนที่ด้วยตัวละครชาย แล้วสิ่งนี้สอนอะไรกับเราหรือครับ ผมหมายถึง ตลอดห้าปีข้างหน้า ดิสนีย์และวอร์เนอร์ บราเธอร์ส และค่ายภาพยนตร์ทั้งหลาย กำลังจะเปิดตัวภาพยนตร์ มากกว่า 30 เรื่อง ที่มีตัวละครจากหนังสือการ์ตูน และภาพยนตร์ 30 เรื่องนั้น มีสองเรื่องแน่ ๆ ที่มีตัวนำเป็นผู้หญิง สองครับ แล้วก็ ในภาพยนตร์ทั้งหมดนี้ ก็จะมีตัวละครผู้หญิง แต่พวกเขาจะเป็นตัวประกอบ พวกเขาจะเป็นคู่รักของตัวเอก พวกเขาจะเป็นสมาชิกของกลุ่ม พวกเขาจะไม่ได้เป็นตัวเอก และถ้าการเรียนรู้ของเรา สิ่งต่าง ๆ ที่เราเรียนรู้ เกี่ยวกับคนอื่น ๆ และเกี่ยวกับโลก คือการเรียนรู้ผ่านสื่อแล้ว บริษัทพวกนี้กำลังสอนลูกสาวของผมว่า แม้ว่าเธอจะแข็งแกร่ง ฉลาด ปราดเปรียว และสู้ได้ราวกับนินจา ทั้งสี่สิ่งที่เป็นตัวตนของเธอ มันไม่ได้มีความสำคัญเลย ถ้าเธอไม่ถูกละเลยเหมือนกาโมรา ก็จะถูกลบออกและแทนที่ด้วยเด็กผู้ชาย เหมือนกับกรณีของแบล็ค วิโดว์ และนี่มันก็ไม่ยุติธรรมเอาเสียเลย มันไม่ยุติธรรมสำหรับเธอ และไม่ยุติธรรม สำหรับลูกชายและลูกสาวของคุณเช่นกัน แต่ว่า ผมกำลังเลี้ยงเด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ และเธอก็มีความเป็นเด็กผู้ชายอยู่ในตัว ซึ่งจะว่าไปแล้ว มันเป็นสิ่งที่ไม่ดีเลย ที่จะบอกว่าเด็กผู้หญิงว่าเป็นอย่างนั้น เพราะว่านั่นเป็นการบอกว่า ลักษณะพฤติกรรมที่บ่งบอกตัวตนของคุณ ไม่ได้เป็นตัวคุณเลย คุณแค่ยืมมันมาจากเด็กผู้ชาย แค่เพียงชั่วคราวเท่านั้น แต่คุณรู้ไหมว่าเธอเสียใจแค่ไหน ที่มีพฤติกรรมแบบเด็กผู้ชาย ไม่เลยครับ คนจะคิดว่าเธอน่ารักดี พวกเขาจะบอกว่าเธอเป็นคนคล่องแคล่ว เพราะสังคมของเรานั้น การที่เด็กผู้หญิงมีสิ่งที่เรียกว่า พฤติกรรมของเด็กผู้ชาย ถูกมองว่าเป็นการยกระดับ เหมือนว่าเป็นของกำนัลพิเศษ ผมไม่ได้กำลังเลี้ยงเด็กผู้ชายตัวเล็ก ๆ อย่างเช่น ไมค์ ไมค์ เป็นเด็กชายตัวเล็ก ๆ เขาอายุ 11 ขวบ และสิ่งหนึ่งที่เขารักมากที่สุดในโลก ก็คือรายการที่ชื่อว่า "มาย ลิตเติ้ล โพนี่: เฟรนชิพ อีส เมจิก" เช่นเดียวกับเด็ก ๆ คนอื่นอีกหลายล้านคน ทั่วอเมริกา ทีนี้ รายการที่ว่าถูกขายให้กับเด็กผู้หญิง อายุห้าถึงเก้าขวบ แต่มีเด็กผู้ชายหลายล้านคน และผู้ชายที่โต ๆ กันแล้ว ที่ชอบรายการ "มาย ลิตเติ้ล โพนี่: เฟรนชิพ อีส เมจิก" พวกเขามีชมรม พวกเขาเรียกตัวเองว่า โบรนี่ พี่น้องชาวโพนี่ ชายที่ชอบโพนี่ ผมเป็นหนึ่งในนั้นครับ และสิ่งที่ไมค์และตัวผม และเด็กชายและผู้ชายอีกหลายล้านคน ได้เรียนรู้จากความเป็นหญิงนี้ ทำให้โลกของ "มาย ลิตเติ้ล โพนี่" เป็นสังคมเพื่อนสาวหรือเปล่า เอาเป็นว่า มันทำให้พวกเราเรียนรู้ที่จะตั้งใจศึกษา และขยันทำงาน และสนุกให้สุดเหวี่ยง และทำตัวให้ดูดี และรู้สึกดี และทำดี และสวรรค์ก็ไม่ได้เป็นใจ ให้เราสอนเรื่องอ่อนโยนพวกนี้ให้เด็กผู้ชาย เด็กคนอื่น ๆ ในระแวกเพื่อนบ้าน หาเรื่องแกล้งไมค์และทำร้ายเขา และพวกเขาก็ล้อเลียนไมค์ และด้วยอายุเพียง 11 ขวบ ไมค์กลับบ้าน พบเข็มขัด พันมันรอบคอของเขา และแขวนคอจากที่นอนชั้นสองของเขา เพราะเราได้พัฒนาสังคม ที่ซึ่งถ้าคุณเป็นเด็กผู้ชาย คุณตายเสียจะดีกว่า ที่จะถูกเข้าใจว่าชอบอะไรแบบเด็กผู้หญิง และนั่นไม่ใช่ความผิดของไมค์ นั่นไม่ใช่ความผิดของเรา เราได้ทำให้เขาผิดหวัง เราได้ทำให้เด็ก ๆ ของเราผิดหวัง และเราจะต้องปฏิบัติต่อพวกเขาให้ดีกว่านี้ เราต้องหยุดทำสิ่งเหล่านี้ เพื่อที่จะได้มียอดมนุษย์หญิงสักคน ปรากฏตัวบนเสื้อยืดสีชมพูสำหรับเด็กผู้หญิง เราจะต้องหยุด และเมื่อผมกำลังเตรียมการบรรยายนี้ มีคนบอกกับผมว่า "นั่นมันคงจะไม่เกิดขึ้นหรอก" และผมก็ถามว่า "โอ้ อย่างนั้นหรือ" เพราะว่าเมื่อปีที่แล้วนี่เอง [ร้าน] ทาร์เก็ตประกาศว่า พวกเขากำลังจะหยุดแยกแผนกของเล่นตามเพศ พวกเขากำลังจะวางมันปนกัน ทีนี้ ก่อนที่เราแห่แหนสรรเสริญทาร์เก็ต กันจนออกนอกหน้า เพิ่งสัปดาห์นี้เองที่พวกเขาเปิดตัวเสื้อ ซึ่งมีฉากที่เป็นที่จดจำจากภาพยนตร์เรื่อง "สตาร์ วอร์ส: อะ นิว โฮพ" ที่มีเจ้าหญิงเลอาลุกขึ้นต่อต้าน ดาร์ค ลอร์ด แห่ง ซิธ พวกเขาพิมพ์ฉากนั้นลงบนเสื้อยืด แต่เธอนั้นถูกแทนที่โดยลุคอย่างลึกลับ ฉะนั้น อยากโอบไหล่ปลอบใจตัวเองให้มากจนเกินไป เช่นกันครับเพิ่งจะสัปดาห์นี้เอง ดิสนีย์ประกาศว่า จะไม่แบ่งแยกชุดฮาโลวีนตามเพศอีกแล้ว ซึ่งผมก็พูดว่า "ขอบคุณนะ ดิสนีย์ เว้นเสียแต่ว่าชุดที่คุณทำออกมา มีแต่ซุปเปอร์ฮีโร่ชายเท่านั้น ฉะนั้น มันสำคัญหรือเปล่า ว่าใครกำลังสวมใส่มันอยู่" เพิ่งจะสัปดาห์นี้เอง แมทเทล ผู้ผลิตบาร์บี ประกาศว่าพวกเขาจะเปิดตัว กลุ่มของผลิตภัณฑ์ยอดมนุษย์เด็กผู้หญิงของ DC และที่ตลกก็คือว่า พวกเขาไปพบปะเด็กผู้หญิง และถามพวกเขาว่า อยากจะเห็นตุ๊กตาออกมาเป็นอย่างไร และคุณจะเห็นว่าพวกมันมีน่อง และศอกที่งอได้ เพื่อที่พวกมัน จะทำท่าทางต่าง ๆ แบบยอดมนุษย์ได้ ซื้อมันเถอะครับ และอย่าซื้อให้ลูกสาวของคุณเท่านั้น ซื้อให้ลูกชายของคุณด้วย เพราะว่ามันสำคัญที่เด็กผู้ชายจะได้เล่น และเป็นยอดมนุษย์หญิง อย่างที่ลูกสาวของผมได้เล่น และเป็นยอดมนุษย์ชาย ข้อเท็จจริงก็คือ สิ่งที่ผมปรารถนา ก็คือโลกที่ทุก ๆ คนไปยังร้านค้า ไปด้วยพร้อมกับข้อคิดเล็ก ๆ ในใจ ที่บอกว่า คุณควรจะซื้อของเล่นนี้ ให้กับเด็กชายหรือเด็กหญิงหรือเปล่า และมันก็เป็นข้อคิดง่าย ๆ เพราะว่ามันเป็นคำถามเพียงข้อเดียว ซึ่งก็คือ "เจ้าของเล่นนี่ ต้องใช้อวัยวะเพศเล่นหรือเปล่า" (เสียงหัวเราะ) ถ้าคำตอบคือ ใช่ ก็แสดงว่านั่นไม่ใช่ของเล่นของลูกคุณ (เสียงหัวเราะ) และถ้าคำตอบคือ ไม่ ก็แสดงว่านั่นแหละ ของเล่นของลูกชาย และลูกสาวของคุณ มันก็ง่าย ๆ แค่นี้เอง เพราะว่าวันนี้เกี่ยวข้องกับอนาคตของอนาคต และในอนาคตของผม เด็กชายและเด็กหญิง จะได้รับความเคารพอย่างทัดเทียมกัน มีคุณค่าทัดเทียมกัน และที่สำคัญที่สุด เป็นตัวแทนอย่างทัดเทียมกัน ขอบคุณครับ (เสียงปรบมือ)