1 00:00:00,000 --> 00:00:02,000 ดิฉันเป็นนักเล่าเรื่องค่ะ 2 00:00:02,000 --> 00:00:05,000 และดิฉันอยากจะเล่าเรื่องส่วนตัวให้พวกคุณฟังสักสองสามเรื่อง 3 00:00:05,000 --> 00:00:10,000 เกี่ยวกับสิ่งที่ดิฉันชอบที่จะเรียกว่า "อันตรายจากเรื่องเล่าเพียงเรื่องเดียว" 4 00:00:10,000 --> 00:00:14,000 ดิฉันเติบโตขึ้นในวิทยาเขตของมหาวิทยาลัยในประเทศไนจีเรียฝั่งตะวันออก 5 00:00:14,000 --> 00:00:17,000 แม่ของดิฉันบอกว่าดิฉันเริ่มอ่านหนังสือตั้งแต่อายุสองขวบ 6 00:00:17,000 --> 00:00:22,000 แต่ดิฉันจะคิดว่า ตอนอายุสี่ขวบน่าจะใกล้ความจริงกว่า 7 00:00:22,000 --> 00:00:24,000 ดังนั้น ดิฉันเป็นนักอ่านตั้งแต่วัยเยาว์ และสิ่งที่ดิฉันอ่าน 8 00:00:24,000 --> 00:00:27,000 เป็นหนังสือเด็กของอังกฤษและอเมริกา 9 00:00:27,000 --> 00:00:30,000 ดิฉันยังเป็นนักเขียนตั้งแต่วัยเยาว์ด้วย 10 00:00:30,000 --> 00:00:34,000 และเมื่อดิฉันเริ่มต้นเขียนหนังสือ ตอนอายุประมาณเจ็ดขวบ 11 00:00:34,000 --> 00:00:36,000 เรื่องเล่าต่างๆจากดินสอประกอบกับภาพวาดดินสอสี 12 00:00:36,000 --> 00:00:39,000 ที่แม่ผู้น่าสงสารของดิฉันมีหน้าที่อ่าน 13 00:00:39,000 --> 00:00:43,000 ดิฉันเขียนเรื่องราวประเภทเดียวกับสิ่งที่ดิฉันได้อ่านเปี๊ยบ 14 00:00:43,000 --> 00:00:48,000 ทุกตัวละครของดิฉันเป็นคนขาวและมีนัยน์ตาสีฟ้า 15 00:00:48,000 --> 00:00:50,000 พวกเขาเล่นกันท่ามกลางหิมะ 16 00:00:50,000 --> 00:00:52,000 พวกเขากินแอปเปิ้ล 17 00:00:52,000 --> 00:00:54,000 พวกเขาชอบพูดเรื่องดินฟ้าอากาศ 18 00:00:54,000 --> 00:00:56,000 ช่างงดงามเสียนี่กะไร 19 00:00:56,000 --> 00:00:58,000 ที่วันนี้แดดออก 20 00:00:58,000 --> 00:01:00,000 (เสียงหัวเราะ) 21 00:01:00,000 --> 00:01:03,000 แม้ความจริงคือ ดิฉันอาศัยอยู่ในประเทศไนจีเรีย 22 00:01:03,000 --> 00:01:07,000 และไม่เคยออกนอกไนจีเรียเลย 23 00:01:07,000 --> 00:01:10,000 พวกเราไม่มีหิมะ พวกเรากินมะม่วง 24 00:01:10,000 --> 00:01:12,000 และพวกเราไม่คุยกันเรื่องดินฟ้าอากาศ 25 00:01:12,000 --> 00:01:14,000 เพราะมันไม่จำเป็นต้องพูดถึง 26 00:01:14,000 --> 00:01:17,000 ตัวละครของดิฉันยังดื่มเบียร์ขิงอีกด้วย 27 00:01:17,000 --> 00:01:19,000 เพราะบรรดาตัวละครที่ดิฉันเคยอ่านเจอในหนังสืออังกฤษ 28 00:01:19,000 --> 00:01:21,000 ดื่มเบียร์ขิง 29 00:01:21,000 --> 00:01:24,000 ช่างปะไรที่ดิฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเบียร์ขิงคืออะไร 30 00:01:24,000 --> 00:01:25,000 (เสียงหัวเราะ) 31 00:01:25,000 --> 00:01:28,000 และหลายปีหลังจากนั้น ดิฉันมีความปรารถนาอย่างมาก 32 00:01:28,000 --> 00:01:30,000 ที่จะลิ้มลองเบียร์ขิง 33 00:01:30,000 --> 00:01:32,000 แต่นั่นมันคนละเรื่องกัน 34 00:01:32,000 --> 00:01:34,000 ในความคิดของดิฉัน เรื่องนี้แสดงให้เห็นว่า 35 00:01:34,000 --> 00:01:37,000 พวกเราเปราะบางและถูกชักจูงได้ง่ายแค่ไหน 36 00:01:37,000 --> 00:01:39,000 ในโฉมหน้าของเรื่องเล่า 37 00:01:39,000 --> 00:01:41,000 โดยเฉพาะอย่างยิ่งในขณะที่เป็นเด็ก 38 00:01:41,000 --> 00:01:43,000 เพราะสิ่งที่ดิฉันเคยอ่านทั้งหมดเป็นหนังสือ 39 00:01:43,000 --> 00:01:45,000 ที่มีตัวละครเป็นชาวต่างชาติ 40 00:01:45,000 --> 00:01:47,000 ดิฉันจึงเชื่อมั่นว่าหนังสือ 41 00:01:47,000 --> 00:01:50,000 โดยธรรมชาติของพวกมัน จะต้องมีชาวต่างชาติในนั้น 42 00:01:50,000 --> 00:01:52,000 และต้องเป็นเรื่องเกี่ยวกับสิ่งที่ 43 00:01:52,000 --> 00:01:55,000 ไม่เกี่ยวข้องกับความเป็นตัวตนของดิฉัน 44 00:01:55,000 --> 00:01:59,000 ทีนี้ สิ่งต่างๆเปลี่ยนแปลงไปเมื่อดิฉันค้นพบหนังสือแอฟริกัน 45 00:01:59,000 --> 00:02:01,000 มันมีจำนวนไม่มากนักที่หาได้ และมัน 46 00:02:01,000 --> 00:02:03,000 หาไม่ค่อยง่ายเหมือนกับหนังสือต่างประเทศ 47 00:02:03,000 --> 00:02:07,000 แต่ด้วยเพราะนักเขียนอย่างเช่น ชินัว อเชเบ และ คาเมรา ไลย์ 48 00:02:07,000 --> 00:02:09,000 จึงได้เกิดการเปลี่ยนแปลงความเข้าใจของดิฉัน 49 00:02:09,000 --> 00:02:11,000 ที่มีต่อวรรณกรรม 50 00:02:11,000 --> 00:02:13,000 ดิฉันตระหนักว่าคนอย่างดิฉัน 51 00:02:13,000 --> 00:02:15,000 เด็กผู้หญิงที่มีผิวสีช็อคโกแลต 52 00:02:15,000 --> 00:02:18,000 ผู้ที่มีผมหยิกจนไม่สามารถรวบผมหางม้าได้ 53 00:02:18,000 --> 00:02:20,000 สามารถมีตัวตนอยู่ในวรรณกรรมได้เช่นกัน 54 00:02:20,000 --> 00:02:24,000 ดิฉันเริ่มเขียนเกี่ยวกับสิ่งที่ดิฉันรู้จัก 55 00:02:24,000 --> 00:02:28,000 ตอนนั้นดิฉันรักหนังสืออังกฤษและอเมริกันที่ดิฉันอ่าน 56 00:02:28,000 --> 00:02:32,000 มันปลุกเร้าจินตนาการของดิฉัน มันเปิดโลกใหม่ให้กับดิฉัน 57 00:02:32,000 --> 00:02:34,000 แต่ผลกระทบทางอ้อม 58 00:02:34,000 --> 00:02:36,000 คือการที่ดิฉันไม่รู้ว่าผู้คนอย่างดิฉัน 59 00:02:36,000 --> 00:02:38,000 สามารถมีตัวตนอยู่ในวรรณกรรมได้ 60 00:02:38,000 --> 00:02:42,000 ดังนั้น สิ่งที่ดิฉันได้จากการค้นพบนักเขียนแอฟริกันคือ 61 00:02:42,000 --> 00:02:45,000 มันช่วยดิฉันไว้จากการมีเรื่องเล่าเพียงเรื่องเดียว 62 00:02:45,000 --> 00:02:47,000 เกี่ยวกับสิ่งที่หนังสือเป็น 63 00:02:47,000 --> 00:02:50,000 ดิฉันมาจากครอบครัวชนชั้นกลางธรรมดาชาวไนจีเรีย 64 00:02:50,000 --> 00:02:52,000 พ่อของดิฉันเป็นอาจารย์ 65 00:02:52,000 --> 00:02:55,000 แม่ของดิฉันเป็นพนักงานธุรการ 66 00:02:55,000 --> 00:02:58,000 และพวกเรามีคนรับใช้ซึ่งอาศัยอยู่ด้วย 67 00:02:58,000 --> 00:03:03,000 คล้ายเป็นบรรทัดฐาน ผู้ซึ่งมักจะมาจากหมู่บ้านชนบทที่ใกล้เคียง 68 00:03:03,000 --> 00:03:07,000 ในปีที่ดิฉันย่างเข้าแปดขวบ เราได้เด็กผู้ชายรับใช้ในบ้านคนใหม่หนึ่งคน 69 00:03:07,000 --> 00:03:09,000 ชื่อของเขาคือฟิเด 70 00:03:09,000 --> 00:03:12,000 สิ่งเดียวที่แม่ของดิฉันบอกเราเกี่ยวกับเขา 71 00:03:12,000 --> 00:03:15,000 คือครอบครัวของเขานั้นยากจนมาก 72 00:03:15,000 --> 00:03:17,000 แม่ของดิฉันส่งมันเทศและข้าว 73 00:03:17,000 --> 00:03:20,000 และพวกเสื้อผ้าเก่าๆของเราให้กับครอบครัวของเขา 74 00:03:20,000 --> 00:03:22,000 และเมื่อดิฉันทานข้าวเย็นไม่หมด แม่ของดิฉันก็จะบอกว่า 75 00:03:22,000 --> 00:03:27,000 "กินอาหารให้หมด ไม่รู้หรือว่า ชาวบ้านอย่างครอบครัวฟิเดไม่มีอะไรจะกิน" 76 00:03:27,000 --> 00:03:31,000 ดังนั้น ดิฉันจึงรู้สึกสงสารครอบครัวฟิเดอย่างเหลือล้น 77 00:03:31,000 --> 00:03:34,000 มีอยู่วันเสาร์หนึ่ง พวกเราไปเยี่ยมหมู่บ้านของเขา 78 00:03:34,000 --> 00:03:38,000 และแม่ของเขาโชว์ตะกร้าลวดลายสวยงามให้พวกเราดู 79 00:03:38,000 --> 00:03:41,000 มันทำจากเส้นใยของต้นปาล์มย้อมสี ซึ่งพี่ชายของเขาเป็นผู้ทำ 80 00:03:41,000 --> 00:03:43,000 ดิฉันรู้สึกประหลาดใจ 81 00:03:43,000 --> 00:03:46,000 ดิฉันไม่เคยนึกเลยว่าคนในครอบครัวของเขา 82 00:03:46,000 --> 00:03:49,000 จะสามารถทำอะไรได้เป็นชิ้นเป็นอัน 83 00:03:49,000 --> 00:03:52,000 สิ่งที่ดิฉันเคยได้ยินทั้งหมดเกี่ยวกับพวกเขาคือความยากจนของพวกเขา 84 00:03:52,000 --> 00:03:54,000 ซึ่งนั่นทำให้มันเป็นไปไม่ได้เลยสำหรับดิฉันที่จะเห็นพวกเขา 85 00:03:54,000 --> 00:03:57,000 ในฐานะอื่นใดนอกจากคนจน 86 00:03:57,000 --> 00:04:01,000 ความยากจนเป็นเรื่องเล่าเพียงเรื่องเดียวเกี่ยวกับพวกเขาที่ดิฉันมี 87 00:04:01,000 --> 00:04:03,000 หลายปีต่อมา ดิฉันนึกถึงเรื่องนี้เมื่อฉันออกจากไนจีเรีย 88 00:04:03,000 --> 00:04:06,000 เพื่อเรียนต่อที่มหาวิทยาลัยในสหรัฐอเมริกา 89 00:04:06,000 --> 00:04:08,000 ดิฉันอายุสิบเก้าในตอนนั้น 90 00:04:08,000 --> 00:04:12,000 เพื่อนร่วมห้องชาวอเมริกันตกใจในตัวของดิฉันมาก 91 00:04:12,000 --> 00:04:15,000 เธอถามว่าดิฉันเรียนภาษาอังกฤษจากที่ไหนจึงพูดภาษาอังกฤษได้ดีมาก 92 00:04:15,000 --> 00:04:17,000 และรู้สึกสับสนเมื่อดิฉันตอบว่า ประเทศไนจีเรีย 93 00:04:17,000 --> 00:04:22,000 ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาราชการ 94 00:04:22,000 --> 00:04:26,000 เธอขอฟังเพลงที่เธอเรียกว่า "เพลงชนเผ่า" ของดิฉัน 95 00:04:26,000 --> 00:04:28,000 และปรากฎว่าต้องผิดหวัง 96 00:04:28,000 --> 00:04:30,000 เมื่อดิฉันยื่นเทปของมารายห์ แครีให้ 97 00:04:30,000 --> 00:04:33,000 (เสียงหัวเราะ) 98 00:04:33,000 --> 00:04:35,000 เธอทึกทักเอาเองว่าดิฉัน 99 00:04:35,000 --> 00:04:38,000 ใช้เตาไม่เป็น 100 00:04:38,000 --> 00:04:40,000 สิ่งที่ดิฉันคิดว่าน่าสนใจก็คือ เธอรู้สึกสงสารดิฉัน 101 00:04:40,000 --> 00:04:42,000 ตั้งแต่ก่อนจะเจอดิฉันเสียอีก 102 00:04:42,000 --> 00:04:46,000 มุมมองที่เธอมีต่อดิฉันโดยปริยาย ในฐานะที่ดิฉันเป็นคนเแอฟริกัน 103 00:04:46,000 --> 00:04:50,000 เป็นความสงสารที่เต็มไปด้วยความต้องการที่จะอุปการะ และความปรารถนาดี 104 00:04:50,000 --> 00:04:53,000 เพื่อนร่วมห้องของดิฉันมีเรื่องเล่าเพียงเรื่องเดียวเกี่ยวกับแอฟริกา 105 00:04:53,000 --> 00:04:56,000 เรื่องเล่าเพียงเรื่องเดียวเกี่ยวกับความหายนะ 106 00:04:56,000 --> 00:04:58,000 ในเรื่องเล่าเพียงเรื่องเดียวนี้ มันไม่มีความเป็นไปได้ 107 00:04:58,000 --> 00:05:02,000 ที่ชาวแอฟริกันจะคล้ายคลึงกับเธอ ในทางใดก็ตาม 108 00:05:02,000 --> 00:05:05,000 ไม่มีความเป็นไปได้ของความรู้สึกที่ซับซ้อนไปกว่าความสงสาร 109 00:05:05,000 --> 00:05:09,000 ไม่มีความเป็นไปได้ของความสัมพันธ์ในฐานะมนุษย์ที่เท่าเทียมกัน 110 00:05:09,000 --> 00:05:11,000 ก่อนที่ดิฉันจะมาสหรัฐอเมริกา ดิฉันไม่ได้ 111 00:05:11,000 --> 00:05:14,000 มานั่งเรียกตัวเองว่าเป็นชาวแอฟริกัน 112 00:05:14,000 --> 00:05:17,000 แต่ในอเมริกา เมื่อไหร่ก็ตามที่มีคนพูดเรื่องแอฟริกา คนจะหันมามองดิฉัน 113 00:05:17,000 --> 00:05:21,000 แม้ว่าดิฉันจะไม่รู้อะไรสักอย่างเกี่ยวกับประเทศอย่างนามิเบีย 114 00:05:21,000 --> 00:05:23,000 แต่ในที่สุดดิฉันก็ได้ยอมรับอัตลักษณ์ใหม่นี้ 115 00:05:23,000 --> 00:05:26,000 และในหลายๆทาง ดิฉันคิดถึงตัวดิฉันในปัจจุบันว่าเป็นชาวแอฟริกัน 116 00:05:26,000 --> 00:05:28,000 แม้ว่าดิฉันยังจะรู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อยเมื่อ 117 00:05:28,000 --> 00:05:30,000 แอฟริกาถูกอ้างถึงในฐานะประเทศหนึ่ง 118 00:05:30,000 --> 00:05:34,000 ตัวอย่างล่าสุดคือเที่ยวบินที่ โดยรวมๆแล้วเป็นเที่ยวบินที่วิเศษ 119 00:05:34,000 --> 00:05:36,000 จาก ลากอส เมื่อสองวันที่ผ่านมาที่ 120 00:05:36,000 --> 00:05:38,000 มีการประกาศบนเครื่องของสายการบินเวอร์จิ้น 121 00:05:38,000 --> 00:05:43,000 เกี่ยวกับงานการกุศลใน "อินเดีย แอฟริกา และประเทศอื่นๆ" 122 00:05:43,000 --> 00:05:44,000 (เสียงหัวเราะ) 123 00:05:44,000 --> 00:05:48,000 ดังนั้น หลังจากที่ดิฉันใช้เวลาหลายปีในสหรัฐอเมริกา ในฐานะชาวแอฟริกัน 124 00:05:48,000 --> 00:05:52,000 ดิฉันเริ่มเข้าใจปฏิกิริยาของเพื่อนร่วมห้องที่มีต่อดิฉัน 125 00:05:52,000 --> 00:05:55,000 ถ้าหากว่าดิฉันไม่ได้เติบโตขึ้นในไนจีเรีย และถ้าทั้งหมดที่ดิฉันรู้เกี่ยวกับแอฟริกา 126 00:05:55,000 --> 00:05:57,000 มากจากภาพซึ่งเป็นที่นิยมทั้งหลาย 127 00:05:57,000 --> 00:06:00,000 ดิฉันคงคิดว่าแอฟริกาคือสถานที่ของ 128 00:06:00,000 --> 00:06:04,000 ภูมิประเทศอันสวยงาม สัตว์ที่สวยงาม 129 00:06:04,000 --> 00:06:06,000 และผู้คนที่เข้าใจยาก 130 00:06:06,000 --> 00:06:09,000 ผู้ซึ่งต่อสู้ในสงครามอันไร้เหตุผล และเสียชีวิตจากความยากจนและโรคเอดส์ 131 00:06:09,000 --> 00:06:12,000 ผู้ซึ่งไม่สามารถที่จะแสดงออกเพื่อตัวพวกเขาเอง 132 00:06:12,000 --> 00:06:14,000 และคอยรอรับความช่วยเหลือ 133 00:06:14,000 --> 00:06:17,000 จากคนต่างชาติใจดีผิวขาว 134 00:06:17,000 --> 00:06:19,000 ดิฉันคงมองชาวแอฟริกันในลักษณะเดียวกับที่ดิฉัน 135 00:06:19,000 --> 00:06:23,000 ตอนเป็นเด็ก มองครอบครัวของฟีเด 136 00:06:23,000 --> 00:06:27,000 ดิฉันคิดว่า เรื่องเล่าเรื่องเดียวเกี่ยวกับแอฟริกา ในที่สุดแล้ว มาจากวรรณกรรมตะวันตก 137 00:06:27,000 --> 00:06:29,000 นี่คือคำพูดจาก 138 00:06:29,000 --> 00:06:32,000 งานเขียนของพ่อค้าชาวลอนดอนชื่อ จอห์น ล็อค 139 00:06:32,000 --> 00:06:35,000 ผู้ล่องเรือไปยังแอฟริกาตะวันตกในปี ค.ศ. 1561 140 00:06:35,000 --> 00:06:40,000 และได้เก็บบันทึกเรื่องราวที่น่าสนใจจากการเดินทางของเขา 141 00:06:40,000 --> 00:06:42,000 หลังจากที่ได้เรียกชาวแอฟริกันผิวดำ 142 00:06:42,000 --> 00:06:44,000 ว่าเป็น "สัตว์ป่าที่ไม่มีบ้าน" 143 00:06:44,000 --> 00:06:48,000 เขาเขียนว่า "พวกเขาเป็นพวกคนไม่มีหัว 144 00:06:48,000 --> 00:06:53,000 มีปากและตาอยู่ที่หน้าอก" 145 00:06:53,000 --> 00:06:55,000 ดิฉันหัวเราะทุกครั้งที่อ่านเรื่องนี้ 146 00:06:55,000 --> 00:06:59,000 และเราต้องยกย่องจินตนาการของจอห์น ล็อค 147 00:06:59,000 --> 00:07:01,000 แต่สิ่งที่สำคัญเกี่ยวกับงานเขียนของเขาก็คือว่า 148 00:07:01,000 --> 00:07:03,000 มันแสดงถึงจุดเริ่มต้น 149 00:07:03,000 --> 00:07:06,000 ของประเพณีการเล่าเรื่องเกี่ยวกับชาวแอฟริกันในโลกตะวันตก 150 00:07:06,000 --> 00:07:09,000 ประเพณีของกลุ่มประเทศในอนุภูมิภาคซาฮาราในแอฟริกา ในฐานะสถานที่แห่งแง่ลบ 151 00:07:09,000 --> 00:07:11,000 แห่งความแตกต่าง แห่งความมืดมน 152 00:07:11,000 --> 00:07:15,000 ของผู้คนผู้ซึ่ง ในคำบรรยายของนักกวีชั้นยอด 153 00:07:15,000 --> 00:07:17,000 รัดยาร์ด คิปลิง 154 00:07:17,000 --> 00:07:20,000 เป็น "ครึ่งปิศาจ ครึ่งเด็ก" 155 00:07:20,000 --> 00:07:23,000 และดังนั้น ดิฉันจึงเริ่มตระหนักว่า ตลอดชีวิตของ 156 00:07:23,000 --> 00:07:25,000 เพื่อนร่วมห้องชาวอเมริกันของดิฉัน 157 00:07:25,000 --> 00:07:27,000 เธอต้องได้เห็นและได้ยินเรื่องเล่าเพียงเรื่องเดียวนี้ 158 00:07:27,000 --> 00:07:29,000 อยู่หลายฉบับทีเดียว 159 00:07:29,000 --> 00:07:31,000 เช่นเดียวกับอาจารย์ท่านหนึ่ง 160 00:07:31,000 --> 00:07:36,000 ซึ่งครั้งหนึ่งเคยบอกดิฉันว่า นิยายของดิฉันนั้นไม่เป็น "แอฟริกันที่แท้จริง" 161 00:07:36,000 --> 00:07:38,000 ดิฉันพร้อมที่จะโต้เถียงว่าตัวนวนิยายนั้น 162 00:07:38,000 --> 00:07:40,000 มีปัญหาหลายอย่าง 163 00:07:40,000 --> 00:07:44,000 ว่ามันไม่ประสบความสำเร็จในหลายจุด 164 00:07:44,000 --> 00:07:46,000 แต่ดิฉันก็นึกไม่ถึงว่า 165 00:07:46,000 --> 00:07:49,000 มันไม่ได้บรรลุสิ่งที่เรียกว่า แอฟริกันที่แท้จริง ได้อย่างไร 166 00:07:49,000 --> 00:07:51,000 ดิฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่า 167 00:07:51,000 --> 00:07:54,000 อะไรคือ แอฟริกันที่แท้จริง 168 00:07:54,000 --> 00:07:56,000 อาจารย์บอกดิฉันว่า ตัวละครของดิฉัน 169 00:07:56,000 --> 00:07:58,000 เหมือนกับเขามากเกินไป 170 00:07:58,000 --> 00:08:00,000 คือเป็นผู้ชายชนชั้นกลางที่มีการศึกษา 171 00:08:00,000 --> 00:08:02,000 ตัวละครของดิฉันขับรถยนต์ 172 00:08:02,000 --> 00:08:05,000 พวกเขาไม่หิวโหย 173 00:08:05,000 --> 00:08:09,000 ดังนั้น พวกเขาจึงไม่ใช่แอฟริกันที่แท้จริง 174 00:08:09,000 --> 00:08:12,000 แต่ดิฉันต้องขอเพิ่มเติมอย่างรวดเร็วว่า ดิฉันก็มีความผิดไม่น้อยไปกว่าคนอื่น 175 00:08:12,000 --> 00:08:15,000 ในคำถามของเรื่องเล่าเพียงเรื่องเดียว 176 00:08:15,000 --> 00:08:19,000 เมื่อไม่กี่ปีก่อน ดิฉันเดินทางไปประเทศเม็กซิโกจากสหรัฐ 177 00:08:19,000 --> 00:08:21,000 บรรยากาศการเมืองในอเมริกาตอนนั้นตึงเครียด 178 00:08:21,000 --> 00:08:25,000 และมันกำลังมีการถกเถียงกันเกี่ยวกับเรื่องการอพยพย้ายถิ่นฐาน 179 00:08:25,000 --> 00:08:27,000 และ สิ่งที่มักเกิดขึ้นบ่อยครั้งในอเมริกา 180 00:08:27,000 --> 00:08:30,000 ก็คือ การอพยพกลายเป็นสิ่งที่มีมีความหมายเดียวกับคำว่า ชาวเม็กซิกัน 181 00:08:30,000 --> 00:08:32,000 มันมีเรื่องเล่าไม่รู้จบเกี่ยวกับชาวเม็กซิกัน 182 00:08:32,000 --> 00:08:34,000 ในฐานะผู้คนที่ 183 00:08:34,000 --> 00:08:36,000 ปอกลอกระบบรักษาพยาบาล 184 00:08:36,000 --> 00:08:38,000 ลักลอบข้ามพรมแดน 185 00:08:38,000 --> 00:08:42,000 ถูกจับที่ชายแดน เป็นต้น 186 00:08:42,000 --> 00:08:46,000 ดิฉันยังจำวันแรกที่ดิฉันเดินเที่ยวในกวาดาลาฮาราได้ 187 00:08:46,000 --> 00:08:48,000 มองผู้คนเดินทางไปทำงาน 188 00:08:48,000 --> 00:08:50,000 ม้วนแป้งตอร์ติญ่าในตลาด 189 00:08:50,000 --> 00:08:53,000 สูบบุหรี่ หัวเราะ 190 00:08:53,000 --> 00:08:56,000 ดิฉันจำได้ถึงความรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย 191 00:08:56,000 --> 00:08:59,000 และต่อมา ดิฉันก็รู้สึกท่วมท้นไปด้วยความละอาย 192 00:08:59,000 --> 00:09:02,000 ดิฉันรู้ตัวว่าดิฉันมัวแต่จดจ่อ 193 00:09:02,000 --> 00:09:04,000 อยู่กับการรายงานข่าวเรื่องชาวเม็กซิกันในสื่อ 194 00:09:04,000 --> 00:09:06,000 จนกระทั่งคนเหล่านี้ได้กลายมาเป็นสิ่งๆเดียวในความคิดของดิฉัน 195 00:09:06,000 --> 00:09:09,000 และนั่นก็คือ ผู้อพยพอนาถา 196 00:09:09,000 --> 00:09:11,000 ดิฉันไปเชื่อเรื่องเล่าเรื่องเดียวเกี่ยวกับชาวเม็กซิกัน 197 00:09:11,000 --> 00:09:14,000 และไม่สามารถละอายใจต่อตัวเองได้มากไปกว่านี้ 198 00:09:14,000 --> 00:09:16,000 และนั่นคือวิธีสร้างเรื่องเล่าเพียงเรื่องเดียว 199 00:09:16,000 --> 00:09:19,000 นำเสนอว่าประชาชนกลุ่มหนึ่งเป็นแค่สิ่งๆเดียว 200 00:09:19,000 --> 00:09:21,000 สิ่งๆเดียวเท่านั้น 201 00:09:21,000 --> 00:09:23,000 ซ้ำไปซ้ำมา 202 00:09:23,000 --> 00:09:26,000 และนั่นคือสิ่งที่พวกเขากลายมาเป็น 203 00:09:26,000 --> 00:09:28,000 มันเป็นไปไม่ได้ที่จะพูดถึงเรื่องเล่าเพียงเรื่องเดียว 204 00:09:28,000 --> 00:09:31,000 โดยไม่พูดถึงเรื่องอำนาจ 205 00:09:31,000 --> 00:09:33,000 มีคำพูดหนึ่งในภาษาอิกโบ 206 00:09:33,000 --> 00:09:35,000 ซึ่งดิฉันนึกถึงทุกครั้งที่ดิฉันนึกถึงเรื่อง 207 00:09:35,000 --> 00:09:38,000 พลังของโครงสร้างของโลก คำนั้นคือ "นคาลี" 208 00:09:38,000 --> 00:09:40,000 มันเป็นคำนามซึ่งแปลอย่างหลวมๆว่า 209 00:09:40,000 --> 00:09:43,000 "แข็งแกร่งเหนืออีกสิ่งหนึ่ง" 210 00:09:43,000 --> 00:09:46,000 เช่นเดียวกับโลกศรษฐกิจและการเมืองของเรา 211 00:09:46,000 --> 00:09:48,000 เรื่องเล่าต่างๆนั้นถูกนิยาม 212 00:09:48,000 --> 00:09:51,000 ด้วยหลักการของ นคาลี 213 00:09:51,000 --> 00:09:53,000 มันถูกเล่าอย่างไร ใครเป็นคนเล่า 214 00:09:53,000 --> 00:09:56,000 มันถูกเล่าเมื่อไหร่ จำนวนเรื่องที่ถูกถ่ายทอด 215 00:09:56,000 --> 00:10:00,000 ล้วนขึ้นอยู่กับอำนาจ 216 00:10:00,000 --> 00:10:03,000 อำนาจไม่ใช่เพียงแค่ความสามารถที่จะบอกเล่าเรื่องราวของบุคคลอื่นเท่านั้น 217 00:10:03,000 --> 00:10:07,000 แต่ยังเป็นความสามารถที่จะทำให้เรื่องราวนั้นๆเป็นบทสรุปของบุคคลนั้น 218 00:10:07,000 --> 00:10:09,000 กวีชาวปาเลสไตน์ ชื่อ มุรีด บาร์กุธี เขียนไว้ว่า 219 00:10:09,000 --> 00:10:12,000 ถ้าคุณต้องการที่จะถอดถอนประชาชนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง 220 00:10:12,000 --> 00:10:15,000 วิธีที่ง่ายที่สุดคือ บอกเล่าเรื่องราวของพวกเขา 221 00:10:15,000 --> 00:10:18,000 และเริ่มด้วย "อย่างที่สอง" 222 00:10:18,000 --> 00:10:22,000 เริ่มต้นเรื่องด้วยลูกศรของชนเผ่าอเมริกัน 223 00:10:22,000 --> 00:10:25,000 และไม่ใช่การมาของชาวอังกฤษ 224 00:10:25,000 --> 00:10:28,000 แล้วคุณจะได้เรื่องราวที่แตกต่างโดยสิ้นเชิง 225 00:10:28,000 --> 00:10:30,000 เริ่มต้นเรื่องด้วย 226 00:10:30,000 --> 00:10:32,000 ความล้มเหลวของรัฐแอฟริกา 227 00:10:32,000 --> 00:10:36,000 และไม่ใช่ด้วยรัฐแอฟริกาในจินตนาการอาณานิคม 228 00:10:36,000 --> 00:10:40,000 แล้วคุณก็จะได้เรื่องราวที่แตกต่างโดยสิ้นเชิง 229 00:10:40,000 --> 00:10:42,000 เมื่อไม่นานมานี้ ดิฉันเพิ่งไปบรรยายที่มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งซึ่ง 230 00:10:42,000 --> 00:10:44,000 มีนักเรียนคนนึงบอกดิฉันว่า 231 00:10:44,000 --> 00:10:46,000 มันน่าเสียดายเหลือเกิน 232 00:10:46,000 --> 00:10:49,000 ที่ผู้ชายขาวไนจีเรียเป็นพวกที่ทำร้ายร่างกายผู้อื่น 233 00:10:49,000 --> 00:10:52,000 เช่นด้วยกับตัวละครพ่อในนิยายของดิฉัน 234 00:10:52,000 --> 00:10:54,000 ดิฉันบอกเขาว่า ดิฉันเพิ่งจะอ่านนิยายเรื่องหนึ่ง 235 00:10:54,000 --> 00:10:56,000 ชื่อ "อเมริกันไซโค" (คนบ้าชาวอเมริกัน) 236 00:10:56,000 --> 00:10:58,000 (เสียงหัวเราะ) 237 00:10:58,000 --> 00:11:00,000 และก็น่าเสียดายเหลือเกิน 238 00:11:00,000 --> 00:11:03,000 ที่เด็กวัยรุ่นอเมริกันเป็นฆาตกรต่อเนื่อง 239 00:11:03,000 --> 00:11:07,000 (เสียงหัวเราะ) 240 00:11:07,000 --> 00:11:13,000 (เสียงปรบมือ) 241 00:11:13,000 --> 00:11:16,000 แน่นอน ดิฉันพูดตอบโต้ไปด้วยอารมณ์รำคาญนิดๆ 242 00:11:16,000 --> 00:11:18,000 (เสียงหัวเราะ) 243 00:11:18,000 --> 00:11:20,000 แต่ดิฉันก็ไม่เคยคิดที่จะมองว่า 244 00:11:20,000 --> 00:11:22,000 เพียงแค่เพราะดิฉันได้อ่านนิยายเรื่องหนึ่ง 245 00:11:22,000 --> 00:11:24,000 ที่มีตัวละครเป็นฆาตรกรต่อเนื่อง 246 00:11:24,000 --> 00:11:26,000 แล้ว ตัวละครนั้นจะเป็นตัวแทน 247 00:11:26,000 --> 00:11:28,000 ของชาวอเมริกันทั้งหมด 248 00:11:28,000 --> 00:11:31,000 มันไม่ใช่เพราะว่าดิฉันเป็นคนที่ดีกว่าเด็กนักเรียนคนนั้น 249 00:11:31,000 --> 00:11:34,000 แต่เป็นเพราะอำนาจทางวัฒนธรรมและเศรษฐกิจของอเมริกา 250 00:11:34,000 --> 00:11:36,000 ทำให้ดิฉันมีเรื่องเล่าเกี่ยวกับอเมริกาหลายเรื่อง 251 00:11:36,000 --> 00:11:40,000 ดิฉันได้อ่านงานของ ไทเลอร์ และ อัพไดค์ และ สไตน์เบ็ค และ เกทสกิล 252 00:11:40,000 --> 00:11:43,000 ดิฉันไม่ได้มีเรื่องเล่าเรื่องเดียวเกี่ยวกับอเมริกา 253 00:11:43,000 --> 00:11:46,000 เมื่อหลายปีก่อน เมื่อดิฉันได้เรียนรู้ว่า นักเขียนได้ถูกคาดหวัังว่า 254 00:11:46,000 --> 00:11:50,000 ต้องมีวัยเด็กที่ไม่มีความสุข 255 00:11:50,000 --> 00:11:52,000 จึงจะประสบความสำเร็จ 256 00:11:52,000 --> 00:11:54,000 ดิฉันเริ่มที่จะคิดถึงวิธีที่ดิฉันจะสามารถสร้าง 257 00:11:54,000 --> 00:11:56,000 สิ่งที่เลวร้ายที่พ่อแม่ของดิฉันได้ทำกับดิฉัน 258 00:11:56,000 --> 00:11:58,000 (เสียงหัวเราะ) 259 00:11:58,000 --> 00:12:02,000 แต่ในความเป็นจริงแล้ว ดิฉันมีชีวิตวัยเด็กที่มีความสุขมาก 260 00:12:02,000 --> 00:12:05,000 เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและความรัก ในครอบครัวที่สนิทสนมอบอุ่น 261 00:12:05,000 --> 00:12:09,000 แต่ดิฉันก็มีคุณปู่และคุณตาที่ตายในค่ายผู้ลี้ภัยเช่นกัน 262 00:12:09,000 --> 00:12:13,000 ลูกพี่ลูกน้องของดิฉันที่ชื่อ พอลลี เสียชีวิต เพราะว่าเขาไม่สามารถได้รับการรักษาพยาบาลที่เพียงพอ 263 00:12:13,000 --> 00:12:16,000 เพื่อนสนิทที่สุดของดิฉันคนหนึ่งชื่อ โอโคโลมา เสียชีวิตในเหตุการณ์เครื่องบินตก 264 00:12:16,000 --> 00:12:19,000 เพราะรถดับเพลิงของพวกเราไม่มีน้ำ 265 00:12:19,000 --> 00:12:22,000 ดิฉันโตขึ้นภายใต้รัฐบาลทหารที่กดขี่ 266 00:12:22,000 --> 00:12:24,000 ที่ลดคุณค่าของการศึกษา 267 00:12:24,000 --> 00:12:27,000 ซึ่งบางครั้งทำให้พ่อแม่ของดิฉันไม่ได้รับเงินเดือน 268 00:12:27,000 --> 00:12:31,000 ดังนั้น ตอนที่ดิฉันเป็นเด็ก ดิฉันจึงได้เห็นแยมหายไปจากโต๊ะทานอาหารเช้า 269 00:12:31,000 --> 00:12:33,000 ต่อมาเนยเทียมมาร์จารีนก็หายไป 270 00:12:33,000 --> 00:12:36,000 ต่อมาขนมปังก็แพงเกินกว่าที่จะซื้อได้ 271 00:12:36,000 --> 00:12:39,000 ต่อมานมก็มาถูกปันส่วน 272 00:12:39,000 --> 00:12:42,000 และที่ยิ่งไปกว่านั้น ความกลัวทางการเมืองที่ถูกทำให้เป็นเรื่องปกติ 273 00:12:42,000 --> 00:12:46,000 ก็รุกรานเข้ามาชีวิตของพวกเรา 274 00:12:46,000 --> 00:12:48,000 เรื่องราวต่างๆเหล่านี้สร้างให้ดิฉันเป็นคนที่ดิฉันเป็นอยู่ 275 00:12:48,000 --> 00:12:52,000 แต่การยืนหยัดอยู่กับแต่เฉพาะเรื่องราวเชิงลบเหล่านี้ 276 00:12:52,000 --> 00:12:55,000 เป็นการลดทอนให้ประสบการณ์ของดิฉันมันแบนราบ 277 00:12:55,000 --> 00:12:57,000 และเป็นการมองข้ามเรื่องราวอื่นๆอีกหลายๆเรื่อง 278 00:12:57,000 --> 00:12:59,000 ซึ่งหล่อหลอมตัวตนของดิฉัน 279 00:12:59,000 --> 00:13:02,000 เรื่องเล่าเพียงเรื่องเดียวสร้างแบบฉบับของกลุ่มคน 280 00:13:02,000 --> 00:13:05,000 และปัญหาของแบบฉบับนั้น 281 00:13:05,000 --> 00:13:07,000 ไม่ใช่ว่ามันไม่จริง 282 00:13:07,000 --> 00:13:09,000 แต่คือมันไม่สมบูรณ์ 283 00:13:09,000 --> 00:13:13,000 มันทำให้เรื่องเล่าหนึ่งเรื่องกลายมาเป็นเรื่องเล่าเพียงเรื่องเดียว 284 00:13:13,000 --> 00:13:15,000 แน่นอน แอฟริกาคือทวีปที่เต็มไปด้วยความหายนะ 285 00:13:15,000 --> 00:13:19,000 มันมีความหายนะที่ใหญ่หลวง เช่น การข่มขืนอันน่าสะพรึงกลัวในคองโก 286 00:13:19,000 --> 00:13:21,000 และความหายนะที่น่าสลดหดหู่ เช่น ความจริงที่ว่า 287 00:13:21,000 --> 00:13:26,000 ประชาชนห้าพันคนสมัครงานเพื่อแย่งชิงตำแหน่งๆเดียวในไนจีเรีย 288 00:13:26,000 --> 00:13:29,000 แต่มันมีเรื่องราวอื่นๆที่ไม่เกี่ยวกับความหายนะ 289 00:13:29,000 --> 00:13:33,000 และมันสำคัญมาก สำคัญพอๆกัน ที่จะพูดถึงเรื่องราวเหล่านี้ 290 00:13:33,000 --> 00:13:35,000 ดิฉันรู้สึกอยู่เสมอว่ามันเป็นไปไม่ได้ 291 00:13:35,000 --> 00:13:38,000 ที่จะมีส่วนร่วมกับสถานที่หนึ่งหรือบุคคลหนึ่งอย่างแท้จริง 292 00:13:38,000 --> 00:13:42,000 โดยปราศจากการเข้าไปมีส่วนร่วมกับเรื่องราวทั้งหมดของสถานที่นั้น หรือบุคคลนั้น 293 00:13:42,000 --> 00:13:45,000 ผลที่ตามมาจากเรื่องเล่าเพียงเรื่องเดียว 294 00:13:45,000 --> 00:13:48,000 คือสิ่งนี้ : มันปล้นศักดิ์ศรีของผู้คน 295 00:13:48,000 --> 00:13:52,000 มันทำให้การยอมรับบความเท่าเทียมของมนุษยชาติเป็นเรื่องยาก 296 00:13:52,000 --> 00:13:55,000 มันตอกย้ำว่าพวกเราแตกต่างกันอย่างไร 297 00:13:55,000 --> 00:13:57,000 มากกว่าจะย้ำว่าเราคล้ายคลึงกันอย่างไร 298 00:13:57,000 --> 00:13:59,000 ดังนั้น ถ้าหากก่อนการเดินทางไปเม็กซิโกของดิฉัน 299 00:13:59,000 --> 00:14:03,000 ดิฉันติดตามการอภิปรายเรื่องการอพยพจากทั้งสองฝ่าย 300 00:14:03,000 --> 00:14:05,000 ทั้งฝ่ายอเมริกันและแม็กซิกันล่ะ? 301 00:14:05,000 --> 00:14:09,000 ถ้าหากแม่ของดิฉันบอกพวกเราว่าครอบครัวของฟิเดนั้นยากจน 302 00:14:09,000 --> 00:14:11,000 และขยันขันแข็งล่ะ? 303 00:14:11,000 --> 00:14:13,000 ถ้าหากเรามีเครื่อข่ายโทรทัศน์ของแอฟริกา 304 00:14:13,000 --> 00:14:17,000 ซึ่งถ่ายทอดเรื่องราวหลากหลายของชาวแอฟริกันไปทั่วโลกล่ะ? 305 00:14:17,000 --> 00:14:19,000 สิ่งที่ ชินัว อเชเบ นักเขียนชาวไนจีเรีย เรียกว่า 306 00:14:19,000 --> 00:14:22,000 "ความสมดุลของเรื่องราวต่างๆ" 307 00:14:22,000 --> 00:14:25,000 ถ้าหากเพื่อนร่วมห้องของดิฉันรู้เรื่องผู้จัดพิมพ์ชาวไนจีเรียของดิฉัน 308 00:14:25,000 --> 00:14:27,000 มุขตา บาคาเร 309 00:14:27,000 --> 00:14:29,000 ผู้ชายที่ไม่ธรรมดา ผู้ซึ่งทิ้งงานของเขาในธนาคาร 310 00:14:29,000 --> 00:14:32,000 เพื่อเดินตามความฝันของเขาและก่อตั้งสำนักพิมพ์แห่งหนึ่ง 311 00:14:32,000 --> 00:14:36,000 ความคิดเห็นที่เป็นที่ยอมรับ คือ ชาวไนจีเรียนไม่อ่านวรรณกรรม 312 00:14:36,000 --> 00:14:38,000 เขาไม่เห็นด้วย เขารู้สึก 313 00:14:38,000 --> 00:14:40,000 ว่าคนที่สามารถอ่านได้ จะอ่าน 314 00:14:40,000 --> 00:14:44,000 ถ้าคุณทำให้วรรณกรรมมีแพร่หลายอยู่ทั่วไปในราคาย่อมเยา 315 00:14:44,000 --> 00:14:47,000 ไม่นานหลังจากเขาตีพิมพ์นิยายเล่มแรกของดิฉัน 316 00:14:47,000 --> 00:14:50,000 ดิฉันไปสถานีโทรทัศน์ในลากอส เพื่อให้สัมภาษณ์ 317 00:14:50,000 --> 00:14:53,000 และผู้หญิงคนหนึ่งที่ทำงานเป็นพนักงานส่งเอกสารเดินมาหาดิฉันพร้อมกล่าวว่า 318 00:14:53,000 --> 00:14:56,000 "ฉันชอบนิยายของคุณมาก ฉันไม่ชอบตอนจบ 319 00:14:56,000 --> 00:14:59,000 ดังนั้น คุณต้องเขียนตอนต่อไป และเรื่องมันจะเป็นอย่างนี้..." 320 00:14:59,000 --> 00:15:02,000 (เสียงหัวเราะ) 321 00:15:02,000 --> 00:15:05,000 และเธอยังเดินหน้าบอกดิฉันต่อไปถึงสิ่งที่ควรเขียนในตอนที่สองของหนังสือ 322 00:15:05,000 --> 00:15:08,000 ดิฉันไม่เพียงแต่เอ็นดูเธอ แต่ดิฉันซาบซึ้งมาก 323 00:15:08,000 --> 00:15:11,000 นี่คือผู้หญิงคนหนึ่ง ที่เป็นส่วนหนึ่งของมวลชนชาวไนจีเรียธรรมดา 324 00:15:11,000 --> 00:15:14,000 ผู้ซึ่งไม่น่าจะเป็นผู้อ่าน 325 00:15:14,000 --> 00:15:16,000 เธอไม่เพียงแค่อ่านหนังสือเล่มนั้น แต่เธอยังแสดงความเป็นเจ้้าของของหนังสือเล่มนั้น 326 00:15:16,000 --> 00:15:19,000 และรู้สึกว่าเธอมีสิทธิ์ที่จะบอกดิฉัน 327 00:15:19,000 --> 00:15:21,000 ว่าควรเขียนอะไรในตอนต่อไป 328 00:15:21,000 --> 00:15:25,000 แล้วถ้าหากเพื่อนร่วมห้องของดิฉันรู้เรื่องเพื่อนของดิฉัน ฟูมิ ออนดา 329 00:15:25,000 --> 00:15:28,000 ผู้หญิงที่ปราศจากความหวั่นเกรง ผู้ซึ่งจัดรายการทีวีใน ลากอส 330 00:15:28,000 --> 00:15:31,000 และมีความมุ่งมั่นที่จะบอกเรื่องราวต่างๆที่พวกเราอยากลืม 331 00:15:31,000 --> 00:15:35,000 ถ้าหากเพื่อนร่วมห้องของดิฉันได้รู้เรื่องเกี่ยวกับการผ่าตัดหัวใจ 332 00:15:35,000 --> 00:15:38,000 ในโรงพยาบาลที่ลากอส เมื่ออาทิตย์ที่แล้วล่ะ? 333 00:15:38,000 --> 00:15:42,000 ถ้าหากเพื่อนร่วมห้องของดิฉันได้รู้เรื่องดนตรีไนจีเรียนร่วมสมัย 334 00:15:42,000 --> 00:15:45,000 รู้เรื่องผู้คนที่มีความสามารถในการร้องเพลงในภาษาอังกฤษและภาษาผสม 335 00:15:45,000 --> 00:15:47,000 และภาษาอิกโบ และโยรูบา และอิโจ 336 00:15:47,000 --> 00:15:51,000 ผสมผสานอิทธิพลทั้งจาก เจซี (Jay-Z) ถึง เฟลา 337 00:15:51,000 --> 00:15:54,000 ไปจนถึง บ๊อบ มาร์ลี และบรรพบุรุษของพวกเขา 338 00:15:54,000 --> 00:15:56,000 ถ้าหากเพื่อนร่วมห้องของดิฉันได้รู้เรื่องนักกฎหมายหญิง 339 00:15:56,000 --> 00:15:58,000 ผู้ซึ่งเร็วๆนี้ไปที่ศาลที่ไนจีเรีย 340 00:15:58,000 --> 00:16:00,000 เพื่อท้าทายกฎหมายที่น่าขัน 341 00:16:00,000 --> 00:16:03,000 ซึ่งกำหนดว่าผู้หญิงต้องได้รับความยินยอมจากสามี 342 00:16:03,000 --> 00:16:06,000 ก่อนที่จะต่ออายุหนังสือเดินทางของพวกเธอ 343 00:16:06,000 --> 00:16:09,000 ถ้าหากเพื่อนร่วมห้องของดิฉันได้รู้เกี่ยวกับนอลลีวู้ด 344 00:16:09,000 --> 00:16:13,000 ซึ่งเต็มไปด้วยคนช่างประดิษฐ์คิดค้น ผู้ซึ่งผลิตหนัง ท่ามกลางอุปสรรคทางเทคนิคมากมาย 345 00:16:13,000 --> 00:16:15,000 ภาพยนต์ที่เป็นที่นิยมซะจนกระทั่ง 346 00:16:15,000 --> 00:16:17,000 มันทำให้พวกเขาเป็นตัวอย่างที่ดีที่สุดจริงๆ 347 00:16:17,000 --> 00:16:20,000 ของขาวไนจีเรียที่เสพสิ่งที่พวกเขาสร้าง 348 00:16:20,000 --> 00:16:23,000 ถ้าหากเพื่อนร่วมห้องของดิฉันได้รู้เรื่องของคนถักเปียที่แสนทะเยอทะยานของดิฉัน 349 00:16:23,000 --> 00:16:27,000 ผู้ซึ่งเพิ่งจะเริ่มต้นธุรกิจขายอุปกรณ์ต่อผมของเธอเอง 350 00:16:27,000 --> 00:16:29,000 หรือเกี่ยวกับชาวไนจีเรียนับล้าน 351 00:16:29,000 --> 00:16:31,000 ผู้ซึ่งเริ่มต้นธุรกิจและบางทีล้มเหลว 352 00:16:31,000 --> 00:16:35,000 แต่ยังคงทำต่อเพื่อหล่อเลี้ยงความฝัน 353 00:16:35,000 --> 00:16:37,000 ทุกๆครั้งที่ดิฉันอยู่ที่ประเทศดิฉัน ดิฉันต้องเผชิญกับ 354 00:16:37,000 --> 00:16:40,000 สิ่งที่สร้้างความระคายเคืองสำหรับชาวไนจีเรียทั่วๆไป 355 00:16:40,000 --> 00:16:43,000 โครงสร้างพื้นฐานที่ล้มเหลวของพวกเรา รัฐบาลที่ล้มเหลวของพวกเรา 356 00:16:43,000 --> 00:16:46,000 แต่ดิฉันก็ได้เผชิิญกับความแข็งแกร่งอันน่าทึ่งของประชาชนผู้ซึ่ง 357 00:16:46,000 --> 00:16:49,000 เจริญงอกงาม ทั้งๆที่รัฐบาลเป็นแบบนี้ 358 00:16:49,000 --> 00:16:51,000 ไม่ใช่เพราะรัฐบาลเป็นแบบนี้ 359 00:16:51,000 --> 00:16:54,000 ดิฉันสอนเวิร์คชอปการเขียนในลากอสทุกๆฤดูร้อน 360 00:16:54,000 --> 00:16:57,000 และมันน่าตื่นตาตื่นใจสำหรับดิฉัน เวลาที่ได้เห็นจำนวนคนสมัคร 361 00:16:57,000 --> 00:17:00,000 จำนวนคนที่กระตือรือร้นอยากจะเขียน 362 00:17:00,000 --> 00:17:02,000 อยากจะเล่าเรื่องราวต่างๆ 363 00:17:02,000 --> 00:17:05,000 ผู้จัดพิมพ์หนังสือชาวไนจีเรียนของดิฉันและตัวดิฉันได้ก่อตั้งองค์กรที่ไม่หวังผลกำไร 364 00:17:05,000 --> 00:17:07,000 ชื่อ ฟาราฟินา ทรัสท์ 365 00:17:07,000 --> 00:17:10,000 และเรามีความฝันที่ยิ่งใหญ่ที่จะสร้างห้องสมุด 366 00:17:10,000 --> 00:17:12,000 และปรับปรุงห้องสมุดหลายแห่งที่มีอยู่แล้ว 367 00:17:12,000 --> 00:17:15,000 และให้หนังสือแก่โรงเรียนรัฐ 368 00:17:15,000 --> 00:17:17,000 ซึ่งไม่มีอะไรเลยในห้องสมุดของพวกเขา 369 00:17:17,000 --> 00:17:19,000 และเราก็มีความฝันที่จะจัดเวิร์คชอปมากมาย 370 00:17:19,000 --> 00:17:21,000 เกี่ยวกับการอ่านและการเขียน 371 00:17:21,000 --> 00:17:24,000 สำหรับคนทุกๆคนที่มีความกระหาย ที่จะเล่าเรื่องราวอันมากมายของพวกเรา 372 00:17:24,000 --> 00:17:26,000 เรื่องเล่าสำคัญ 373 00:17:26,000 --> 00:17:28,000 เรื่องเล่าจำนวนหลายๆเรื่องสำคัญ 374 00:17:28,000 --> 00:17:32,000 เรื่องเล่าถูกใช้เพื่อขับไล่และใส่ร้าย 375 00:17:32,000 --> 00:17:36,000 แต่เรื่องเล่ายังสามารถถูกนำมาสร้างพลัง และสร้างความเป็นมนุษย์ 376 00:17:36,000 --> 00:17:39,000 เรื่องเล่าสามารถทำลายศักดิ์ศรีของมนุษย์ 377 00:17:39,000 --> 00:17:44,000 แต่เรื่องเล่าก็สามารถซ่อมแซมศักดิ์ศรีที่แตกหักนั้นได้เช่นกัน 378 00:17:44,000 --> 00:17:46,000 นักเขียนชาวอเมริกัน อลิซ วอล์คเกอร์ ได้เขียนสิ่งนี้ไว้ 379 00:17:46,000 --> 00:17:48,000 เกี่ยวกับญาติชาวใต้ของเธอ 380 00:17:48,000 --> 00:17:50,000 ผู้ซึ่งย้ายมาทางเหนือ 381 00:17:50,000 --> 00:17:52,000 เธอแนะนำหนังสือเล่มหนึ่งแก่พวกเขา 382 00:17:52,000 --> 00:17:55,000 เป็นหนังสือเกี่ยวกับชีวิตชาวใต้ที่พวกเขาจากมา 383 00:17:55,000 --> 00:17:59,000 "พวกเขานั่งล้อมวง อ่านหนังสือด้วยตัวพวกเขาเอง 384 00:17:59,000 --> 00:18:05,000 ฟังฉันอ่านหนังสือ และสวรรค์แบบหนึ่งก็ได้หวนคืนมา" 385 00:18:05,000 --> 00:18:08,000 ดิฉันอยากจะทิ้งท้ายด้วยความคิดนี้ 386 00:18:08,000 --> 00:18:11,000 เมื่อเราปฎิเสธเรื่องเล่าเพียงเรื่องเดียว 387 00:18:11,000 --> 00:18:14,000 เมื่อเราตระหนักว่ามันไม่มีเรื่องเล่าเพียงเรื่องเดียว 388 00:18:14,000 --> 00:18:16,000 เกี่ยวกับสถานที่ใดๆ 389 00:18:16,000 --> 00:18:18,000 เราจะได้สวรรค์อย่างหนึ่งคืนมา 390 00:18:18,000 --> 00:18:20,000 ขอบคุณค่ะ 391 00:18:20,000 --> 00:18:28,000 (เสียงปรบมือ)