1 00:00:01,333 --> 00:00:02,809 บริการส่งอาหาร 2 00:00:02,833 --> 00:00:05,809 ถือว่าเป็นสิ่งที่ช่วยคนรุ่นใหม่จากความหิว 3 00:00:06,770 --> 00:00:08,188 จากที่ผมได้คำนวณ 4 00:00:08,212 --> 00:00:11,950 คนอเมริกาสั่งอาหารมากกว่า 20 ล้านครั้ง 5 00:00:11,974 --> 00:00:13,640 ในแต่ละวัน 6 00:00:14,022 --> 00:00:17,458 โดยที่ร้านเกินครึ่งสามารถเดินไปซื้อได้ 7 00:00:17,482 --> 00:00:21,233 ถึงอย่างนั้น 9 ใน 10 ก็ให้รถไปส่งอาหารอยู่ดี 8 00:00:21,607 --> 00:00:23,933 พูดง่าย ๆ ก็คือ 9 00:00:23,957 --> 00:00:25,861 เราส่งบูร์ริโตที่หนักเพียง 2 ปอนด์ 10 00:00:25,885 --> 00:00:27,655 ด้วยรถยนต์ที่หนักมากกว่า 2 ตัน 11 00:00:27,679 --> 00:00:29,914 20 ล้านครั้งต่อวัน 12 00:00:29,938 --> 00:00:32,072 เเรงงานที่มาส่งเเค่บูร์ริโตนั้น 13 00:00:32,096 --> 00:00:34,850 ก็คือโครงเหล็กหนักกว่า 2 ตัน 14 00:00:34,874 --> 00:00:36,263 พร้อมที่นั่งอุ่น ๆ 15 00:00:36,287 --> 00:00:37,609 พูดตรง ๆ ก็คือ 16 00:00:37,633 --> 00:00:39,633 เราติดการใช้รถยนต์ 17 00:00:40,085 --> 00:00:41,935 รู้หรือไม่ว่าที่สหรัฐฯ 18 00:00:41,959 --> 00:00:45,434 รถทุกคันมีที่จอดถึง 4 ที่ 19 00:00:45,458 --> 00:00:46,831 ในบางเมืองใหญ่ ๆ 20 00:00:46,855 --> 00:00:49,942 ที่เกินครึ่งในเมืองมีไว้เพื่อจอดรถโดยเฉพาะ 21 00:00:50,427 --> 00:00:53,401 เราออกแบบเมืองตามการขับรถ 22 00:00:53,425 --> 00:00:56,290 เพราะเราเลือกที่จะขับรถ ไม่ว่าจะ 2 ไมล์ 23 00:00:56,314 --> 00:00:57,861 หรือ 200 ไมล์ 24 00:00:57,885 --> 00:01:00,290 ไปคนเดียว หรือไปกันทั้งครอบครัว 25 00:01:00,688 --> 00:01:05,600 เรานั่งรถ SUV ไปซื้อทั้งกาแฟและโต๊ะกาแฟ 26 00:01:06,019 --> 00:01:08,796 ถ้าเราขับและใช้ที่จอดรถน้อยลง 27 00:01:08,820 --> 00:01:10,201 เราก็จะมีพื้นที่สำหรับบ้าน 28 00:01:10,225 --> 00:01:12,328 พื้นที่สังคมและสวนสาธารณะมากขึ้น 29 00:01:12,661 --> 00:01:14,014 ถ้าอยากได้แบบนั้น 30 00:01:14,038 --> 00:01:17,942 ก่อนอื่น เราต้องทบทวนการใช้รถยนต์ทุกวันนี้ 31 00:01:17,966 --> 00:01:19,395 เพื่อในอนาคต 32 00:01:19,419 --> 00:01:23,065 ถ้าไปแค่ 5 ช่วงตึก ก็ใช้จักรยานหรือสกูตเตอร์ 33 00:01:23,089 --> 00:01:26,376 ถ้ารีบก็เรียกโดรนโดยสารมารับ 34 00:01:26,400 --> 00:01:29,661 ถ้าต้องการอาหารก็ไม่จำเป็นต้องให้ใครมาส่ง 35 00:01:29,685 --> 00:01:32,271 อาหารจะมาเสิร์ฟถึงที่ 36 00:01:32,295 --> 00:01:35,959 กลับไปที่เลข 20 ล้าน ที่คนอเมริกันสั่งอาหาร 37 00:01:36,341 --> 00:01:39,150 ถ้าเราทำให้การสั่งซื้ออยู่นอกพื้นที่ถนนได้ 38 00:01:39,174 --> 00:01:40,609 เราจะช่วยลดความจำเป็น 39 00:01:40,633 --> 00:01:45,363 ในการใช้รถมากถึง 1.5 ล้านคัน นี่แค่ในสหรัฐฯ 40 00:01:45,387 --> 00:01:47,833 ซึ่งนับเป็นสองเท่าของขนาดซานฟรานซิสโก 41 00:01:48,171 --> 00:01:52,091 ทีนี้ลองมาดูผลกระทบต่อเมืองอย่างเดลี 42 00:01:52,115 --> 00:01:54,545 หรือเตหะรานบ้านเกิดของผม 43 00:01:54,569 --> 00:01:58,053 ซึ่งมลพิษอากาศได้คร่าชีวิตคนหลายพันต่อปี 44 00:01:58,546 --> 00:02:03,455 เราจะลดปริมาณการขนส่งบนท้องถนนได้อย่างไร 45 00:02:04,661 --> 00:02:06,391 นั่นคือสิ่งที่น่าคิด 46 00:02:06,415 --> 00:02:09,913 ซึ่งผมและทีมงานได้พยามหาคำตอบมาตลอด 3 ปี 47 00:02:10,380 --> 00:02:13,475 และคำตอบก็อยู่ที่ช่วงตึกใดช่วงตึกหนึ่ง 48 00:02:13,499 --> 00:02:15,341 ของเมืองในอนาคต 49 00:02:15,944 --> 00:02:20,155 เราได้พยามสร้างหุ่นยนต์ไร้คนขับขนาดเล็ก 50 00:02:20,179 --> 00:02:22,806 ที่ขับเคลื่อนตามตรอกและทางเท้าไม่พลุกพล่าน 51 00:02:22,830 --> 00:02:24,512 บนทางเดิน 52 00:02:24,536 --> 00:02:28,106 พร้อมที่บรรจุสินค้าแน่นหนาก่อนนำส่ง 53 00:02:28,130 --> 00:02:31,304 ที่นี้ก่อนที่จะเล่าเกี่ยวกับหุ่นยนต์ต่อ 54 00:02:31,328 --> 00:02:33,328 มาทำการทดลองทางความคิดสั้น ๆ กัน 55 00:02:33,947 --> 00:02:38,372 ลองนึกภาพเมืองที่มีหุ่นยนต์หลายพันตัว 56 00:02:39,007 --> 00:02:40,341 ใช่แบบนี้รึเปล่า 57 00:02:40,761 --> 00:02:44,601 คนจำนวนมากอาจนึกถึง ภาพยนตร์ฮอลลิวู้ดแนวสังคมสิ้นหวัง 58 00:02:44,625 --> 00:02:50,307 แต่งานของเราคือออกแบบอนาคตที่เป็นมิตรกับคน 59 00:02:50,331 --> 00:02:53,298 แทนที่จะสร้างมนุษย์ต่างดาว 60 00:02:53,322 --> 00:02:57,004 เราเริ่มสร้างหุ่นยนต์ที่เข้าถึงได้มากขึ้น 61 00:02:57,361 --> 00:03:00,100 หุ่นยนต์ที่จะเข้ากับชุมชน 62 00:03:00,665 --> 00:03:02,720 แต่เราก็ต้องการความประหลาดใจ เล็ก ๆ น้อย ๆ ด้วย 63 00:03:02,744 --> 00:03:05,505 สิ่งที่น่ารื่นรมย์แบบคาดไม่ถึง 64 00:03:05,815 --> 00:03:06,974 ลองคิดดูสิ 65 00:03:06,998 --> 00:03:08,481 คุณกำลังเดินอยู่บนถนน 66 00:03:08,505 --> 00:03:10,710 และคุณก็เห็นหุ่นยนต์ตัวแรก 67 00:03:10,734 --> 00:03:13,052 นั่นคือช่วงเวลาที่คุณจะตัดสินใจว่า 68 00:03:13,076 --> 00:03:15,861 นี่คืออนาคตที่คุณจะรักหรือจะกลัว 69 00:03:16,861 --> 00:03:20,137 และในเมื่อคนจำนวนมากมีความคิดด้านลบ 70 00:03:20,161 --> 00:03:22,383 เราต้องทำให้พวกเขาเปิดใจ 71 00:03:22,407 --> 00:03:24,772 เราต้องทำให้พวกเขาประหลาดใจและรื่นรมย์ 72 00:03:24,796 --> 00:03:27,952 เพื่อชนะใจพวกเขาให้ประทับใจตั้งแต่แรก 73 00:03:27,976 --> 00:03:29,380 นี่คือสิ่งที่พวกเราคิดขึ้นได้ 74 00:03:29,404 --> 00:03:32,174 เข้าถึงได้ แต่ก็เหนือความคาดหมาย 75 00:03:32,555 --> 00:03:34,483 เหมือนเป็นรถเข็น 76 00:03:34,507 --> 00:03:38,267 เหมือนเราเอาวอลล์- อี กับมินเนียนมารวมกัน 77 00:03:39,004 --> 00:03:41,853 ถ้าคุณอยู่ในซานฟรานซิสโกหรือลอสแอนเจลิส 78 00:03:41,877 --> 00:03:44,933 อาจมีหุ่นยนต์พวกนี้ไปส่งอาหารให้คุณแล้ว 79 00:03:45,482 --> 00:03:48,244 ทันทีที่พวกเรานำหุ่นยนต์ไปตั้งตามท้องถนน 80 00:03:48,268 --> 00:03:50,415 เราก็พบปัญหาที่น่าสนใจ 81 00:03:50,439 --> 00:03:53,400 เช่น หุ่นยนต์จะข้ามถนนยังไง 82 00:03:53,704 --> 00:03:59,330 หรือหุ่นยนต์จะปฏิสัมพันธ์กับผู้พิการยังไง 83 00:04:00,149 --> 00:04:03,805 แล้วเราก็ตระหนักได้ว่าเราต้องสอนหุ่นยนต์ 84 00:04:03,829 --> 00:04:06,099 ให้รู้จักสื่อสารกับผู้คน 85 00:04:06,877 --> 00:04:09,718 คนที่อยู่บนทางเท้ามาจากหลากสาขาอาชีพ 86 00:04:09,742 --> 00:04:12,960 เราจึงต้องคิดภาษาใหม่ 87 00:04:12,984 --> 00:04:14,729 ที่เป็นสากล 88 00:04:14,753 --> 00:04:17,864 เพื่อให้ผู้คนและหุ่นยนต์เข้าใจกันได้ 89 00:04:17,888 --> 00:04:19,253 ในทันที 90 00:04:19,277 --> 00:04:22,345 เพราะไม่มีใครมานั่งอ่านคู่มือหรอก 91 00:04:23,719 --> 00:04:27,441 เราเริ่มจากดวงตา เพราะภาษาตาเป็นภาษาสากล 92 00:04:27,465 --> 00:04:29,403 ซึ่งแสดงให้เห็นว่าหุ่นยนต์จะไปทางไหน 93 00:04:29,427 --> 00:04:31,513 หรือว่ามันสับสน 94 00:04:31,537 --> 00:04:34,378 อีกอย่าง ตาทำให้หุ่นยนต์เป็นมนุษย์มากขึ้น 95 00:04:34,871 --> 00:04:37,045 เรายังต้องใช้เสียง 96 00:04:37,069 --> 00:04:39,534 อย่างเช่น การสร้างเสียงวิ่ง 97 00:04:39,558 --> 00:04:41,379 โดยเพิ่มความถี่บ่อยๆ 98 00:04:41,403 --> 00:04:45,268 ให้ผู้ที่พิการทางสายตารู้ตำแหน่งหุ่นยนต์ 99 00:04:45,292 --> 00:04:47,244 โดยใช้ปรากฏการณ์ดอปเปลอร์ 100 00:04:47,268 --> 00:04:50,061 แต่เท่านี้ก็ยังไม่เพียงพอ 101 00:04:50,085 --> 00:04:51,299 ที่ทางแยก 102 00:04:51,323 --> 00:04:53,323 รถจะตัดหน้าหุ่นยนต์ 103 00:04:53,347 --> 00:04:55,863 บางครั้งคนขับก็จะงุนงง 104 00:04:55,887 --> 00:04:59,931 เพราะหุ่นยนต์ต้องใช้เวลานานกว่าจะข้ามถนน 105 00:05:00,630 --> 00:05:03,467 แม้แต่คนเดินเท้าทั่วไปยังงง 106 00:05:03,796 --> 00:05:07,188 บางทีก็ไม่แน่ใจว่าจะให้หุ่นยนต์เดินฝั่งไหน 107 00:05:07,212 --> 00:05:10,640 เพราะหุ่นยนต์เปลี่ยนทิศทางบ่อย 108 00:05:10,664 --> 00:05:11,836 เวลาเคลื่อนที่ 109 00:05:11,860 --> 00:05:14,312 แต่ก็ทำให้เกิดไอเดียใหม่ขึ้นมา 110 00:05:14,625 --> 00:05:18,669 ว่าหากเราคิดภาษาสากลจากท่าทาง 111 00:05:19,106 --> 00:05:20,772 อย่างที่สี่แยก 112 00:05:20,796 --> 00:05:24,201 หุ่นยนต์จะขยับไปข้างหน้านิดหน่อยก่อนจะข้าม 113 00:05:24,225 --> 00:05:26,820 เพื่อให้สัญญาณคนขับว่าถึงคิวพวกมันแล้ว 114 00:05:27,928 --> 00:05:29,864 ถ้ามันเห็นคนนั่งรถเข็น 115 00:05:29,888 --> 00:05:33,982 ก็จะให้ทางโดยการหันหน้าออกจากทางเท้า 116 00:05:34,006 --> 00:05:36,299 เพื่อสื่อว่าพวกมันจะไม่ขยับ 117 00:05:37,704 --> 00:05:39,371 พวกคุณบางคนอาจจำเรื่องนี้ได้ 118 00:05:39,395 --> 00:05:44,833 ปี 2015 นักวิจัยแคนาดา ได้ส่งหุ่นยนต์ไปโบกรถ 119 00:05:45,677 --> 00:05:47,304 ทั่วสหรัฐฯ แต่ก็ไปไม่ได้ไกล 120 00:05:47,328 --> 00:05:51,360 พบว่าหุ่นยนต์สามารถใช้ทักษะสังคมบางอย่าง 121 00:05:51,384 --> 00:05:53,498 เช่น ถ้ามันไปเจอคนที่ใช้งานไม่เป็น 122 00:05:53,522 --> 00:05:58,934 นักวิจัยคาร์เนกีเมลลอนให้หุ่นยนต์แกล้งตาย 123 00:05:58,958 --> 00:06:01,800 เพราะคนจะรู้สึกแย่ถ้าคิดว่าเป็นคนทำมันพัง 124 00:06:02,474 --> 00:06:04,490 แต่หุ่นยนต์ส่งของไม่ใช่ของเล่น 125 00:06:04,514 --> 00:06:07,069 ขนาดไม่ได้เล็ก แล้วก็อยู่ในที่สาธารณะ 126 00:06:07,394 --> 00:06:10,371 เราพบว่าถ้าจะไม่ให้คนที่ใช้งานไม่เป็น 127 00:06:10,395 --> 00:06:12,331 มายุ่งกับหุ่นยนต์ 128 00:06:12,355 --> 00:06:14,355 หุ่นยนต์ต้องสร้างการตระหนักรู้ 129 00:06:14,950 --> 00:06:17,410 ซึ่งเป็นสิ่งที่ตรงกันข้ามกับการแกล้งตาย 130 00:06:17,792 --> 00:06:18,991 ในกรณีนี้ 131 00:06:19,015 --> 00:06:21,656 หุ่นยนต์ต้องยอมรับสถานการณ์ 132 00:06:21,680 --> 00:06:23,680 เพื่อให้คนหลีกทางให้ 133 00:06:24,546 --> 00:06:25,991 หรือให้คำแนะนำ 134 00:06:26,015 --> 00:06:28,910 ถ้าคุณเป็นหุ่นยนต์และเห็นเด็กตัวเล็ก ๆ 135 00:06:28,934 --> 00:06:30,934 วิ่งตรงไปที่ผู้ใหญ่ที่อยู่ใกล้ที่สุด 136 00:06:31,315 --> 00:06:35,066 กลายเป็นว่าเด็กบางคนชอบแกล้งหุ่นยนต์ 137 00:06:35,455 --> 00:06:38,010 เพราะฉะนั้น นอกจากความคิด แบบสังคมสิ้นหวังแล้ว 138 00:06:38,034 --> 00:06:41,098 ในหนังฮอลลีวู้ดยังมีหุ่นยนต์เจ๋งๆ 139 00:06:41,122 --> 00:06:43,983 ที่ช่วยเราทำธุระหรืออยู่เป็นเพื่อนเรา 140 00:06:44,007 --> 00:06:46,880 จนถึงตอนนี้ เรามุ่งความสนใจที่การส่งอาหาร 141 00:06:46,904 --> 00:06:48,555 แต่ในอนาคต 142 00:06:48,579 --> 00:06:50,537 หุ่นยนต์อาจทำได้มากกว่านี้ เช่น 143 00:06:50,561 --> 00:06:55,252 เก็บอาหารเหลือไปส่งตามศูนย์พักพิงทุกคืน 144 00:06:55,593 --> 00:06:59,593 เพราะในสหรัฐฯ เราทิ้งอาหารร้อยละ 30 145 00:06:59,617 --> 00:07:03,145 ขณะที่คนร้อยละ 10 เผชิญความไม่มั่นคงทางอาหาร 146 00:07:03,169 --> 00:07:05,169 หุ่นยนต์เหล่านี้อาจช่วยได้ 147 00:07:06,003 --> 00:07:10,018 หรือเมื่อเรามีหุ่นยนต์หลายร้อยตัวให้เมือง 148 00:07:10,042 --> 00:07:14,285 เราอาจให้หุ่นยนต์ช่วยนำยามาให้ยามฉุกเฉิน 149 00:07:14,309 --> 00:07:17,539 อย่างในกรณีที่คนใกล้ตัว มีอาการแพ้ 150 00:07:17,563 --> 00:07:19,071 หรือเป็นหอบหืด 151 00:07:19,095 --> 00:07:22,291 หุ่นยนต์ก็จะมาถึงที่ได้ในหนึ่งหรือสองนาที 152 00:07:22,315 --> 00:07:23,838 เร็วกว่าที่ใครจะทำได้ 153 00:07:23,862 --> 00:07:25,498 และในช่วงที่มีโรคระบาด 154 00:07:25,522 --> 00:07:28,005 หุ่นยนต์จะมีส่วนสำคัญในโครงสร้างพื้นฐาน 155 00:07:28,458 --> 00:07:29,807 โดยจะช่วยให้ 156 00:07:29,831 --> 00:07:33,418 เราสามารถช่วยเหลือตามจำเป็นแก่ชุมชนได้ 157 00:07:33,442 --> 00:07:35,069 แม้ในสถานการณ์ฉุกเฉิน 158 00:07:35,093 --> 00:07:37,616 ผมขอทิ้งท้ายไว้ว่า 159 00:07:38,331 --> 00:07:43,631 วันนี้สิ่งของไม่อาจเคลื่อนที่โดยไร้มนุษย์ 160 00:07:43,655 --> 00:07:47,329 เพราะโลก 3 มิตินั้นค่อนข้างซับซ้อน 161 00:07:47,814 --> 00:07:51,532 แต่เซ็นเซอร์และปัญญาประดิษฐ์เปลี่ยนมันได้ 162 00:07:52,120 --> 00:07:54,826 ในแง่หนึ่งเทคโนโลยีก็เหมือนทารก 163 00:07:54,850 --> 00:07:59,260 ที่เพิ่งเรียนรู้สิ่งต่าง ๆ และเข้าใจคำพูด 164 00:07:59,284 --> 00:08:02,156 และอาจจะสนทนาขั้นพื้นฐานได้ 165 00:08:02,180 --> 00:08:04,180 แต่ยังเดินไม่เป็น 166 00:08:04,934 --> 00:08:07,498 ตอนนี้พวกเรากำลังสอนเทคโนโลยี 167 00:08:07,522 --> 00:08:09,806 ให้ขับเคลื่อนไปในโลก 3 มิติ 168 00:08:09,830 --> 00:08:11,292 ด้วยตัวของมันเอง 169 00:08:12,585 --> 00:08:14,664 เรากำลังเข้าสู่ยุคใหม่ 170 00:08:14,688 --> 00:08:19,315 ที่สิ่งของต่าง ๆ จะลุกขึ้นมาเคลื่อนที่อิสระ 171 00:08:20,305 --> 00:08:21,791 และเมื่อเป็นเช่นนั้น 172 00:08:21,815 --> 00:08:24,473 เราต้องมั่นใจว่าพวกมัน จะไม่เหมือนมนุษย์ต่างดาว 173 00:08:24,497 --> 00:08:29,236 ผมมองว่าในอนาคต เมื่อสิ่งต่าง ๆ มีชีวิตขึ้น 174 00:08:29,260 --> 00:08:30,720 มันจะมีความสุข 175 00:08:31,053 --> 00:08:34,095 ก็นะ เอาแบบ "Terminator" ให้น้อยหน่อย 176 00:08:34,119 --> 00:08:35,786 และให้เป็นแบบ "Toy Story" มากกว่า 177 00:08:36,159 --> 00:08:37,373 ขอบคุณครับ