WEBVTT 00:00:00.000 --> 00:00:02.000 สิ่งที่ผมอยากคุยกับคุณวันนี้ 00:00:02.000 --> 00:00:06.000 มาจากปัญหาที่เหล่าทหารในโลกตะวันตก 00:00:06.000 --> 00:00:09.000 ทั้งออสเตรเลีย อเมริกา อังกฤษ และอื่นๆ 00:00:09.000 --> 00:00:11.000 ต้องเผชิญในการลงพื้นที่บางจุด 00:00:11.000 --> 00:00:14.000 ซึ่งเป็นสิ่งที่พวกเขาต้องรับมือ ในโลกปัจจุบันทุกวันนี้ 00:00:14.000 --> 00:00:16.000 ถ้าคุณคิดถึงเรื่องที่ว่า 00:00:16.000 --> 00:00:19.000 เมื่อไม่กี่ปีมานี้ เราได้ส่งบุคลากร ทางทหารของออสเตรเลีย 00:00:19.000 --> 00:00:22.000 ไปยังประเทศที่รู้จักกันดี เช่นอิรักและอัฟกานิสถาน 00:00:22.000 --> 00:00:24.000 แต่ก็ยังมีประเทศอย่างติมอร์ตะวันออก 00:00:24.000 --> 00:00:26.000 หมู่เกาะโซโลมอน และอื่นๆ NOTE Paragraph 00:00:26.000 --> 00:00:28.000 และการประจำการหลายจุด 00:00:28.000 --> 00:00:31.000 ที่เราส่งกำลังทหารไปลงพื้นที่ในขณะนี้ 00:00:31.000 --> 00:00:33.000 ไม่ใช่สงครามตามแบบแผน 00:00:33.000 --> 00:00:35.000 อันที่จริงแล้ว ภารกิจเป็นจำนวนมาก 00:00:35.000 --> 00:00:38.000 ที่เราขอให้ทหารลงไปทำ 00:00:38.000 --> 00:00:41.000 เป็นภารกิจที่ ถ้าเกิดขึ้นในประเทศของตัวเอง ในออสเตรเลีย อเมริกา และอื่นๆ 00:00:41.000 --> 00:00:44.000 คนที่ทำภารกิจจริงๆ จะเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ 00:00:44.000 --> 00:00:46.000 ก็เลยทำให้มีปัญหาหลายอย่างปรากฎขึ้นมา 00:00:46.000 --> 00:00:48.000 จากการใช้ทหารในสถานการณ์เหล่านั้น 00:00:48.000 --> 00:00:51.000 เนื่องจากพวกเขากำลังปฎิบัติภารกิจที่ไม่ได้ฝึกมา 00:00:51.000 --> 00:00:53.000 และยังปฎิบัติ 00:00:53.000 --> 00:00:56.000 แตกต่างจากผู้ปฎิบัติในประเทศของพวกเขาเอง 00:00:56.000 --> 00:00:58.000 ทั้งในแง่ของการฝึกแตกต่างกัน 00:00:58.000 --> 00:01:00.000 และอุปกรณ์ที่ใช้ก็แตกต่างกัน NOTE Paragraph 00:01:00.000 --> 00:01:02.000 มีเหตุผลสองสามข้อว่าทำไม 00:01:02.000 --> 00:01:04.000 เราถึงส่งทหาร 00:01:04.000 --> 00:01:06.000 แทนที่จะส่งตำรวจไปทำงานพวกนี้ 00:01:06.000 --> 00:01:09.000 ยกตัวอย่าง ถ้าออสเตรเลียต้องส่งคนพันคน 00:01:09.000 --> 00:01:11.000 ไปที่ปาปัวตะวันตกวันพรุ่งนี้ 00:01:11.000 --> 00:01:13.000 เราไม่มีเจ้าหน้าที่ตำรวจพันคนที่ว่าง 00:01:13.000 --> 00:01:15.000 ที่จะไปได้ง่ายๆ พรุ่งนี้ 00:01:15.000 --> 00:01:17.000 แต่เรามีทหารพันนายที่ไปได้ 00:01:17.000 --> 00:01:20.000 ฉะนั้นเวลาเราต้องส่งใครไป เราก็จะส่งทหารไป 00:01:20.000 --> 00:01:22.000 เพราะพวกเขาว่างที่จะไป 00:01:22.000 --> 00:01:24.000 และ ให้ตาย พวกเขาชินกับการออกไปทำสิ่งเหล่านี้ 00:01:24.000 --> 00:01:26.000 และอยู่ได้ด้วยตนเอง 00:01:26.000 --> 00:01:28.000 โดยไม่ต้องมีการสนับสนุนมากเป็นพิเศษ 00:01:28.000 --> 00:01:30.000 ดังนั้นในแง่นี้ พวกเขาจึงสามารถทำได้ 00:01:30.000 --> 00:01:33.000 แต่พวกเขาไม่ได้รับการฝึกเหมือนที่ตำรวจได้รับ 00:01:33.000 --> 00:01:36.000 และที่แน่ๆ พวกเขาไม่ได้มีอุปกรณ์เหมือนตำรวจ NOTE Paragraph 00:01:36.000 --> 00:01:38.000 ซึ่งนี่จะทำให้พวกเขาประสบปัญหา 00:01:38.000 --> 00:01:40.000 เวลาที่ต้องรับมือกับปัญหาประเภทนี้ 00:01:40.000 --> 00:01:42.000 โดยเฉพาะสิ่งที่เป็นประเด็นขึ้นมา 00:01:42.000 --> 00:01:44.000 แล้วผมสนใจเป็นพิเศษ 00:01:44.000 --> 00:01:46.000 คือคำถามที่ว่า 00:01:46.000 --> 00:01:48.000 เวลาที่เราส่งทหารไปทำงานพวกนี้ 00:01:48.000 --> 00:01:50.000 เราควรที่จะมีอุปกรณ์ที่แตกต่างออกไปหรือไม่ 00:01:50.000 --> 00:01:52.000 ซึ่งถ้าจะให้เฉพาะเจาะจงแล้ว ก็คือเราควรที่จะให้พวกเขาได้ใช้ 00:01:52.000 --> 00:01:55.000 อาวุธไม่สังหารบางชนิดที่ตำรวจใช้ หรือไม่ 00:01:55.000 --> 00:01:57.000 เพราะในเมื่อพวกเขาทำงานแบบเดียวกัน 00:01:57.000 --> 00:01:59.000 พวกเขาอาจจะต้องการอุปกรณ์แบบนั้นเหมือนกัน NOTE Paragraph 00:01:59.000 --> 00:02:01.000 และแน่นอน มีสถานที่หลายแห่ง 00:02:01.000 --> 00:02:03.000 ที่คุณคงคิดว่าอุปกรณ์พวกนี้จะมีประโยชน์มาก 00:02:03.000 --> 00:02:06.000 อย่างเช่น เมื่อคุณตั้งด่านตรวจทางทหาร 00:02:06.000 --> 00:02:08.000 ถ้ามีคนต้องผ่านด่านเหล่านี้ 00:02:08.000 --> 00:02:10.000 โดยที่ทหารไม่แน่ใจว่า 00:02:10.000 --> 00:02:12.000 คนที่ผ่านเข้ามา เป็นศัตรูหรือไม่ 00:02:12.000 --> 00:02:14.000 เอาเป็นว่า ถ้ามีคนเดินเข้ามาตรงนี้ 00:02:14.000 --> 00:02:16.000 แล้วพวกเขาถามว่า "คนนี้เป็นมือระเบิดพลีชีพรึเปล่า 00:02:16.000 --> 00:02:18.000 พวกเขามีอะไรซ่อนอยู่ใต้เสื้อผ้าไหม จะเกิดอะไรขึ้น" 00:02:18.000 --> 00:02:20.000 พวกเขาไม่รู้ว่าคนๆ นี้มีท่าทีเป็นศัตรูหรือไม่ 00:02:20.000 --> 00:02:22.000 ถ้าคนๆ นี้ไม่ทำตามคำสั่ง 00:02:22.000 --> 00:02:24.000 พวกเขาอาจจะต้องยิง 00:02:24.000 --> 00:02:26.000 และค่อยมาค้นพบภายหลังว่า 00:02:26.000 --> 00:02:28.000 ใช่ เรายิงถูกคน 00:02:28.000 --> 00:02:30.000 หรือจะพบว่า ไม่ใช่ นี่เป็นเพียงผู้บริสุทธิ์ 00:02:30.000 --> 00:02:32.000 ที่ไม่เข้าใจว่ากำลังเกิดอะไรขึ้น 00:02:32.000 --> 00:02:34.000 ดังนั้น ถ้าพวกเขามีอาวุธไม่สังหาร 00:02:34.000 --> 00:02:36.000 พวกเขาก็จะพูดว่า "เราสามารถใช้มันในสถานการณ์แบบนั้นได้ 00:02:36.000 --> 00:02:38.000 ถ้าเรายิงคนที่ไม่ได้เป็นศัตรู 00:02:38.000 --> 00:02:40.000 อย่างน้อยเราก็ไม่ได้ฆ่าเขา" NOTE Paragraph 00:02:40.000 --> 00:02:42.000 ในอีกสถานการณ์หนึ่ง 00:02:42.000 --> 00:02:44.000 รูปถ่ายนี้มาจากหนึ่งในภารกิจจริงๆ 00:02:44.000 --> 00:02:46.000 ในคาบสมุทรบอลข่าน สมัยปลายทศวรรษที่ 1990 00:02:46.000 --> 00:02:48.000 สถานการณ์ค่อนข้างต่างออกไป 00:02:48.000 --> 00:02:50.000 ที่ซึ่งพวกเขารู้ว่าใครเป็นศัตรู 00:02:50.000 --> 00:02:52.000 รู้ว่ามีคนกำลังยิงใส่พวกเขา 00:02:52.000 --> 00:02:55.000 หรือทำสิ่งใดก็ตาม ที่ประกาศท่าทีเป็นศัตรูอย่างชัดเจน ปาหิน หรืออะไรประมาณนี้ 00:02:55.000 --> 00:02:58.000 แต่ถ้าพวกเขาตอบโต้ ก็จะมีคนอื่นๆ ที่อยู่บริเวณนั้นด้วย 00:02:58.000 --> 00:03:01.000 ซึ่งเป็นผู้บริสุทธิ์ที่อาจจะโดนลูกหลง 00:03:01.000 --> 00:03:05.000 กลายเป็นความเสียหายข้างเคียง ที่กองทัพไม่อยากจะพูดถึง 00:03:05.000 --> 00:03:07.000 ดังนั้น พวกเขาก็จะพูดแบบนี้อีกครั้งว่า "ถ้าเราสามารถเข้าถึงอาวุธไม่สังหารได้ล่ะ 00:03:07.000 --> 00:03:09.000 ถ้าเราเจอคนที่เรารู้ว่าเป็นศัตรู 00:03:09.000 --> 00:03:11.000 เราสามารถทำอะไรบางอย่าง เพื่อจัดการพวกเขาได้ 00:03:11.000 --> 00:03:13.000 และรู้ว่า ถ้าพวกเขายิงโดนใครก็ตามที่อยู่แถวนั้น 00:03:13.000 --> 00:03:15.000 อย่างน้อย เราก็พูดได้ว่า เราไม่ได้จะฆ่าพวกเขา" NOTE Paragraph 00:03:15.000 --> 00:03:17.000 มีอีกคำแนะนำหนึ่ง 00:03:17.000 --> 00:03:19.000 เนื่องจากเราให้หุ่นยนต์ลงภาคสนามเป็นจำนวนมาก 00:03:19.000 --> 00:03:21.000 เราจะได้เห็นตอนที่ 00:03:21.000 --> 00:03:24.000 พวกเขาส่งหุ่นยนต์ไปลงพื้นที่จริงๆ โดยที่ไม่มีใครควบคุม 00:03:24.000 --> 00:03:27.000 พวกมันจะตัดสินใจด้วยตนเอง ว่าจะยิงหรือไม่ยิงใคร 00:03:27.000 --> 00:03:29.000 โดยที่ไม่มีมนุษย์เข้ามาเกี่ยวข้อง 00:03:29.000 --> 00:03:31.000 และคำแนะนำก็คือ เฮ้ 00:03:31.000 --> 00:03:33.000 ถ้าเราจะส่งหุ่นยนต์ออกไป แล้วอนุญาตให้มันทำอย่างนี้ 00:03:33.000 --> 00:03:36.000 อาจจะเป็นความคิดที่ดี อีกแล้ว ว่าควรใช้อุปกรณ์เหล่านี้ 00:03:36.000 --> 00:03:38.000 ถ้าพวกมันติดอาวุธไม่สังหาร 00:03:38.000 --> 00:03:41.000 เวลาที่พวกมันตัดสินใจผิดพลาด และยิงผิดคน 00:03:41.000 --> 00:03:43.000 อีกครั้งที่เราสามารถพูดได้ว่า พวกมันไม่ได้ฆ่าพวกเขาสักหน่อย NOTE Paragraph 00:03:43.000 --> 00:03:46.000 อาวุธไม่สังหาร มีแตกต่างกัน มากมายหลายชนิด 00:03:46.000 --> 00:03:48.000 อาวุธบางชนิดมีให้ใช้แล้ว อย่างที่เห็นๆกันอยู่ 00:03:48.000 --> 00:03:50.000 ในขณะที่บางชนิดก็กำลังพัฒนาอยู่ 00:03:50.000 --> 00:03:52.000 คุณมีอาวุธดั้งเดิมอย่างสเปรย์พริกไทย 00:03:52.000 --> 00:03:54.000 สเปรย์โอซีที่อยู่ด้านบนนี้ 00:03:54.000 --> 00:03:56.000 หรือเครื่องช็อตไฟฟ้าที่อยู่ตรงนี้ 00:03:56.000 --> 00:03:59.000 ตัวที่อยู่บนขวานี้คือเลเซอร์แสบตา 00:03:59.000 --> 00:04:01.000 ที่มีไว้เพื่อทำให้คนตาบอดชั่วคราว 00:04:01.000 --> 00:04:03.000 และทำให้พวกเขาสับสน 00:04:03.000 --> 00:04:05.000 คุณมีกระสุนลูกซองแบบไม่สังหาร 00:04:05.000 --> 00:04:07.000 ที่บรรจุเม็ดยาง 00:04:07.000 --> 00:04:09.000 แทนที่เม็ดเหล็กที่มีอยู่ดั้งเดิม 00:04:09.000 --> 00:04:12.000 และอันที่อยู่ตรงกลางนี้ ที่เป็นรถบรรทุกคันใหญ่ 00:04:12.000 --> 00:04:14.000 ที่จริงคือระบบ Active Denial System 00:04:14.000 --> 00:04:17.000 ซึ่งเป็นสิ่งที่กองทัพสหรัฐฯ กำลังพัฒนาอยู่ในขณะนี้ NOTE Paragraph 00:04:17.000 --> 00:04:20.000 ว่ากันง่ายๆ มันคือเครื่องยิงรังสีไมโครเวฟอันใหญ่ 00:04:20.000 --> 00:04:23.000 ซึ่งโดยหลักการแล้ว มันก็คือรังสีความร้อนนั่นเอง 00:04:23.000 --> 00:04:26.000 มันสามารถยิงออกไปได้ไกลมาก 00:04:26.000 --> 00:04:28.000 เมื่อเปรียบเทียบกับอาวุธประเภทนี้ ชนิดอื่นๆ 00:04:28.000 --> 00:04:30.000 และใครก็ตามที่ถูกสิ่งนี้ยิงใส่ 00:04:30.000 --> 00:04:32.000 จะรู้สึกถึงความร้อนที่ปะทุขึ้นมาอย่างฉับพลัน 00:04:32.000 --> 00:04:34.000 ทำให้อยากออกไปให้พ้นทาง 00:04:34.000 --> 00:04:37.000 มันมีความซับซ้อนกว่าเตาไมโครเวฟมาก 00:04:37.000 --> 00:04:39.000 แต่โดยพื้นฐานแล้วมันจะทำการต้มโมเลกุลน้ำ 00:04:39.000 --> 00:04:41.000 ที่อยู่บริเวณผิวนอกของผิวหนังของคุณ 00:04:41.000 --> 00:04:43.000 ทำให้คุณรู้สึกถึงความร้อนแผดเผารุนแรง 00:04:43.000 --> 00:04:45.000 จนทำให้คุณพูดว่า "ฉันอยากจะไปให้พ้นทาง" 00:04:45.000 --> 00:04:48.000 และพวกเขาคิดว่า สิ่งนี้จะต้องมีประโยชน์มากๆ 00:04:48.000 --> 00:04:50.000 ในสถานที่ ที่เราต้องการสลายฝูงชนออกจากบริเวณหนึ่งๆ 00:04:50.000 --> 00:04:52.000 ถ้าฝูงชนเหล่านั้น มีท่าทีเป็นศัตรู 00:04:52.000 --> 00:04:55.000 ถ้าเราต้องการกันผู้คนออกจากสถานที่ใดๆ 00:04:55.000 --> 00:04:58.000 เราสามารถทำได้โดยใช้อาวุธเหล่านี้ NOTE Paragraph 00:04:58.000 --> 00:05:00.000 ดังนั้นจึงเห็นได้ชัดว่ามี 00:05:00.000 --> 00:05:03.000 อาวุธไม่สังหารที่แตกต่างกันมากมายหลายชนิด ที่เราสามารถให้ทหารใช้ 00:05:03.000 --> 00:05:05.000 และมีสถานการณ์ต่างๆ นานา 00:05:05.000 --> 00:05:08.000 ที่เราจะมองพวกมันแล้วบอกว่า "เฮ้ สิ่งเหล่านี้น่าจะมีประโยชน์จริงๆ" 00:05:08.000 --> 00:05:10.000 แต่อย่างที่ผมบอก 00:05:10.000 --> 00:05:12.000 ทหารและตำรวจ 00:05:12.000 --> 00:05:14.000 มีความแตกต่างกันมาก 00:05:14.000 --> 00:05:16.000 ใช่ คุณไม่ต้องคิดมากเลย 00:05:16.000 --> 00:05:18.000 เพื่อจะทราบความจริงที่ว่า พวกเขาอาจจะแตกต่างกันมากๆ 00:05:18.000 --> 00:05:20.000 โดยเฉพาะในแง่ของ 00:05:20.000 --> 00:05:22.000 ทัศนคติในด้านการใช้กำลัง 00:05:22.000 --> 00:05:24.000 และวิธีที่พวกเขาได้รับการฝึกให้ใช้กำลัง 00:05:24.000 --> 00:05:26.000 นั้นแตกต่างมากเป็นพิเศษ NOTE Paragraph 00:05:26.000 --> 00:05:28.000 ตำรวจ... 00:05:28.000 --> 00:05:31.000 และผมทราบดี เพราะผมเคยช่วยฝึกตำรวจมาก่อน... 00:05:31.000 --> 00:05:34.000 ตำรวจ โดยเฉพาะในท้องที่ของประเทศตะวันตก 00:05:34.000 --> 00:05:37.000 ได้รับการฝึกเพื่อลดระดับการใช้กำลัง 00:05:37.000 --> 00:05:39.000 เพื่อพยายามและหลีกเลี่ยงการใช้กำลัง 00:05:39.000 --> 00:05:41.000 ในทุกที่เท่าที่จะเป็นไปได้ 00:05:41.000 --> 00:05:43.000 และให้ใช้กำลังสังหาร 00:05:43.000 --> 00:05:46.000 เป็นทางเลือกสุดท้ายเท่านั้น 00:05:46.000 --> 00:05:49.000 ทหารถูกฝึกมาเพื่อทำสงคราม 00:05:49.000 --> 00:05:52.000 ถูกฝึกเพื่อที่ว่า เมื่อเกิดสถานการณ์เลวร้าย 00:05:52.000 --> 00:05:55.000 การตอบโต้แรกของพวกเขา จะเป็นการใช้กำลังสังหาร 00:05:56.000 --> 00:06:00.000 เมื่อถึงเวลาที่งานเข้า 00:06:00.000 --> 00:06:03.000 คุณจะได้สามารถยิงใส่คนอื่นได้ 00:06:03.000 --> 00:06:05.000 ดังนั้นทัศนคติของพวกเขา 00:06:05.000 --> 00:06:07.000 ในเรื่องของการใช้กำลังสังหาร จึงมีความแตกต่างกันอย่างมาก 00:06:07.000 --> 00:06:09.000 และผมคิดว่า มันเห็นได้ชัดอยู่ว่า 00:06:09.000 --> 00:06:12.000 ทัศนคติของพวกเขาในด้านการใช้อาวุธไม่สังหาร 00:06:12.000 --> 00:06:15.000 ก็คงจะแตกต่างจากตำรวจมากเช่นกัน NOTE Paragraph 00:06:15.000 --> 00:06:17.000 และเนื่องจากในขณะนี้ เราก็มีปัญหามากพออยู่แล้ว 00:06:17.000 --> 00:06:20.000 กับการที่ตำรวจใช้อาวุธไม่สังหาร ในหลายๆ วิธี 00:06:20.000 --> 00:06:23.000 ผมคิดว่าคงจะเป็นความคิดที่ดี ที่จะดูสิ่งเหล่านี้ 00:06:23.000 --> 00:06:25.000 แล้วพยายามนำมันเข้าไปผูกกับแนวคิดทางทหาร 00:06:25.000 --> 00:06:27.000 และผมแปลกใจจริงๆ เมื่อเริ่มทำสิ่งนี้ 00:06:27.000 --> 00:06:29.000 ที่ได้พบว่า ที่จริงแล้ว 00:06:29.000 --> 00:06:32.000 แม้แต่คนที่สนับสนุนการใช้อาวุธไม่สังหารโดยทหาร 00:06:32.000 --> 00:06:34.000 ยังไม่ได้คิดถึงสิ่งนั้น 00:06:34.000 --> 00:06:36.000 พวกเขามักจะคิดว่า 00:06:36.000 --> 00:06:38.000 "เราจะไปสนใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นกับตำรวจทำไม 00:06:38.000 --> 00:06:40.000 เรากำลังมองอะไรที่มันแตกต่าง" 00:06:40.000 --> 00:06:42.000 และดูจะไม่ยอมรับว่า ที่จริงแล้ว 00:06:42.000 --> 00:06:44.000 พวกเขากำลังมองสิ่งที่เป็นเรื่องประมาณเดียวกัน NOTE Paragraph 00:06:44.000 --> 00:06:46.000 ดังนั้นผมจึงเริ่มสืบสวนประเด็นเหล่านี้บางประเด็น 00:06:46.000 --> 00:06:48.000 และพิจารณา 00:06:48.000 --> 00:06:51.000 วิธีที่ตำรวจใช้อาวุธไม่สังหาร เมื่ออาวุธเหล่านี้เข้ามา 00:06:51.000 --> 00:06:53.000 และมีปัญหาบางอย่างที่อาจเกิดขึ้น 00:06:53.000 --> 00:06:55.000 จากอาวุธเหล่านี้ 00:06:55.000 --> 00:06:57.000 เวลาที่พวกเขานำพวกมันมาใช้จริงๆ 00:06:57.000 --> 00:06:59.000 และแน่นอน เพราะเป็นคนออสเตรเลีย 00:06:59.000 --> 00:07:01.000 ผมก็เลยเริ่มมองสิ่งที่เกิดขึ้นในออสเตรเลีย 00:07:01.000 --> 00:07:04.000 โดยรู้จากประสบการณ์ของผมเองอีกครั้ง ในหลายๆ คราว 00:07:04.000 --> 00:07:07.000 ที่อาวุธไม่สังหารถูกนำมาใช้ในออสเตรเลีย NOTE Paragraph 00:07:07.000 --> 00:07:09.000 หนึ่งในสิ่งที่ผมจับตาดูเป็นพิเศษ 00:07:09.000 --> 00:07:11.000 คือการใช้สเปรย์โอซี, 00:07:11.000 --> 00:07:13.000 สเปรย์โอลีโอเรซิน แคปซิคัม หรือสเปรย์พริกไทย 00:07:13.000 --> 00:07:15.000 โดยตำรวจออสเตรเลีย 00:07:15.000 --> 00:07:17.000 และเห็นอาวุธที่ถูกนำมาใช้, สิ่งที่เกิดขึ้น 00:07:17.000 --> 00:07:19.000 และปัญหาต่างๆ มากมาย 00:07:19.000 --> 00:07:21.000 จากการศึกษาฉบับหนึ่งที่ผมพบ 00:07:21.000 --> 00:07:23.000 ซึ่งน่าสนใจเป็นพิเศษ 00:07:23.000 --> 00:07:25.000 เกิดขึ้นในควีนส์แลนด์นี่เอง 00:07:25.000 --> 00:07:28.000 เพราะพวกเขามีระยะทดสอบการใช้สเปรย์พริกไทย 00:07:28.000 --> 00:07:31.000 ก่อนที่จะนำไปใช้อย่างกว้างขวางจริงๆ 00:07:31.000 --> 00:07:34.000 และผมก็ไปดูตัวเลขเหล่านี้ 00:07:34.000 --> 00:07:36.000 ตอนนี้ เมื่อพวกเขานำสเปรย์โอซีมาใช้ในควีนส์แลนด์ 00:07:36.000 --> 00:07:38.000 พวกเขาใช้มันอย่างโจ่งแจ้ง 00:07:38.000 --> 00:07:41.000 ผู้บัญชาการตำรวจมีแถลงการณ์สู่สาธารณะเกี่ยวกับเรื่องนี้มากมาย 00:07:41.000 --> 00:07:43.000 พวกเขาบอกว่า "สิ่งนี้มีจุดประสงค์อย่างชัดเจนเพื่อ 00:07:43.000 --> 00:07:45.000 ให้ทางเลือกกับตำรวจ 00:07:45.000 --> 00:07:48.000 ที่อยู่ตรงกลางระหว่างการเตือน และการยิง 00:07:48.000 --> 00:07:51.000 เป็นสิ่งที่พวกเขาสามารถใช้แทนอาวุธปืนได้ 00:07:51.000 --> 00:07:54.000 ในสถานการณ์เดียวกับที่ ถ้าเป็นเมื่อก่อน พวกเขาต้องยิง" NOTE Paragraph 00:07:54.000 --> 00:07:57.000 ผมก็เลยไปดูสถิติการยิงของตำรวจ 00:07:57.000 --> 00:07:59.000 และคุณหาสิ่งนี้เจอไม่ได้ง่ายๆ 00:07:59.000 --> 00:08:01.000 ในบรรดารัฐในออสเตรเลียต่างๆ 00:08:01.000 --> 00:08:03.000 ผมสามารถหามาได้แค่ฉบับเดียว 00:08:03.000 --> 00:08:05.000 นี่มาจากรายงานของสถาบันอาชญวิทยาออสเตรเลีย 00:08:05.000 --> 00:08:07.000 ดังที่คุณเห็นในตัวหนังสือ ถ้าคุณอ่านจากด้านบนสุด ระบุว่า 00:08:07.000 --> 00:08:10.000 "การตายจากการยิงของตำรวจ" ไม่ได้จำกัดแค่คนที่ถูกตำรวจยิง 00:08:10.000 --> 00:08:14.000 แต่ยังรวมไปถึงคนที่ยิงตัวเองต่อหน้าตำรวจ 00:08:14.000 --> 00:08:16.000 แต่นี่เป็นสถิติจากทั่วประเทศ 00:08:16.000 --> 00:08:18.000 และลูกศรแดงนี้ชี้ไปที่จุด 00:08:18.000 --> 00:08:20.000 ที่ควีนส์แลนด์บอกว่า 00:08:20.000 --> 00:08:23.000 "ใช่ ตรงนี้แหละ ที่เราจะให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทั่วทั้งรัฐ 00:08:23.000 --> 00:08:25.000 ได้ใช้สเปรย์โอซี 00:08:25.000 --> 00:08:28.000 คุณจะเห็นว่า กราฟแสดงให้เห็นว่ามีการตายโดยเฉลี่ยหกครั้ง 00:08:28.000 --> 00:08:30.000 ทุกๆ ปี เป็นเวลาหลายปีแล้ว 00:08:30.000 --> 00:08:32.000 มีจุดที่กราฟพุ่งเป็นยอดขึ้น เมื่อไม่กี่ปีมานี้ 00:08:32.000 --> 00:08:34.000 แต่จุดนั้นไม่ได้เกิดขึ้นที่ควีนส์แลนด์ 00:08:34.000 --> 00:08:37.000 มีใครรู้ไหมว่ามาจากไหน ไม่ใช่พอร์ท อาเธอร์ครับ 00:08:37.000 --> 00:08:39.000 วิคตอเรีย ใช่ครับ ถูกต้อง 00:08:39.000 --> 00:08:42.000 จุดที่กราฟพุ่งขึ้นมาจากวิคตอเรียหมดเลย 00:08:42.000 --> 00:08:44.000 ดังนั้น ไม่ใช่ควีนส์แลนด์ที่มีปัญหา 00:08:44.000 --> 00:08:48.000 กับการตายที่เกิดขึ้นจากการยิงของตำรวจ และจากสาเหตุอื่นๆ 00:08:48.000 --> 00:08:50.000 มีการยิงหกครั้ง ทั่วทั้งประเทศ 00:08:50.000 --> 00:08:52.000 อย่างสม่ำเสมอ ตลอดหลายปีที่ผ่านมา NOTE Paragraph 00:08:52.000 --> 00:08:55.000 ในอีกสองปีต่อมา คือปีที่เราทำการศึกษากัน ปี 2001 และ 2002 00:08:55.000 --> 00:08:58.000 มีใครอยากทายจำนวนการใช้ 00:08:58.000 --> 00:09:00.000 ตามเหตุผลที่เขาบอก ไหมครับ 00:09:00.000 --> 00:09:03.000 ว่าจำนวนการใช้สเปรย์โอซีของตำรวจในควีนส์แลนด์ในช่วงนั้นเป็นเท่าไร 00:09:03.000 --> 00:09:05.000 หลักร้อยเหรอ หนึ่ง สาม 00:09:05.000 --> 00:09:08.000 หลักพันค่อยใกล้เข้ามาหน่อย 00:09:10.000 --> 00:09:12.000 ถูกนำมาใช้อย่างโจ่งแจ้ง 00:09:12.000 --> 00:09:14.000 เพื่อเป็นทางเลือกกับการใช้กำลังสังหาร 00:09:14.000 --> 00:09:17.000 เป็นทางเลือกตรงกลางระหว่างการเตือนและการยิง 00:09:17.000 --> 00:09:19.000 ผมจะบอกชัดๆ เลยแล้วกัน 00:09:19.000 --> 00:09:22.000 ถ้าเกิดว่าตำรวจควีนส์แลนด์ไม่มีสเปรย์โอซี 00:09:22.000 --> 00:09:25.000 พวกเขาคงไม่ยิงคน 2,226 คน 00:09:25.000 --> 00:09:28.000 ในเวลาสองปีเหล่านั้นหรอกครับ 00:09:28.000 --> 00:09:30.000 ที่จริงแล้ว ลองดู 00:09:30.000 --> 00:09:32.000 การศึกษา ที่พวกเขามองหา 00:09:32.000 --> 00:09:35.000 วัตถุที่พวกเขาเก็บเพื่อนำไปตรวจสอบ 00:09:35.000 --> 00:09:38.000 คุณจะพบว่าผู้ต้องสงสัยทีติดอาวุธ 00:09:38.000 --> 00:09:40.000 มีประมาณ 15 เปอร์เซนต์เท่านั้น จากกรณี 00:09:40.000 --> 00:09:42.000 ที่สเปรย์โอซีถูกใช้ NOTE Paragraph 00:09:42.000 --> 00:09:45.000 มันถูกใช้เป็นประจำในช่วงเวลานั้น 00:09:45.000 --> 00:09:47.000 และแน่นอนว่า ก็ยังถูกใช้อยู่เป็นประจำ 00:09:47.000 --> 00:09:49.000 เพราะว่าไม่มีใครร้องเรียนเรื่องนี้ 00:09:49.000 --> 00:09:52.000 ถึงจะนอกประเด็นของการศึกษานี้ 00:09:52.000 --> 00:09:54.000 แต่มันถูกใช้เป็นประจำ 00:09:54.000 --> 00:09:56.000 เพื่อรับมือกับคนที่มีพฤติกรรมก้าวร้าว 00:09:56.000 --> 00:09:58.000 คนที่มีแนวโน้มที่จะมีพฤติกรรมก้าวร้าว 00:09:58.000 --> 00:10:00.000 และยังถูกใช้อยู่บ่อยๆ 00:10:00.000 --> 00:10:02.000 กับคนที่แค่มีพฤติกรรม 00:10:02.000 --> 00:10:06.000 ขัดขืนแบบไม่ตอบโต้ 00:10:06.000 --> 00:10:08.000 คนแบบนี้ไม่ได้ทำอะไรที่รุนแรง 00:10:08.000 --> 00:10:10.000 เพียงแต่พวกเขาไม่ยอมทำตาม ในสิ่งที่เราต้องการให้พวกเขาทำ 00:10:10.000 --> 00:10:12.000 พวกเขาไม่ทำตามคำสั่งที่พวกเขาได้รับ 00:10:12.000 --> 00:10:14.000 เราก็เลยฉีดสเปรย์โอซีใส่พวกเขา 00:10:14.000 --> 00:10:18.000 มันจะทำให้ทุกอย่างเร็วขึ้น อย่างนี้ทุกอย่างจะออกมาดีกว่า 00:10:18.000 --> 00:10:20.000 นี่คือสิ่งที่ถูกนำมาใช้อย่างโจ่งแจ้ง 00:10:20.000 --> 00:10:22.000 เพื่อเป็นทางเลือกของการใช้อาวุธปืน 00:10:22.000 --> 00:10:24.000 แต่มันกำลังถูกใช้เป็นประจำ 00:10:24.000 --> 00:10:26.000 เพื่อจัดการกับปัญหา 00:10:26.000 --> 00:10:28.000 ปัญหามากมายหลายประเภท NOTE Paragraph 00:10:28.000 --> 00:10:30.000 ตอนนี้มีประเด็นหนึ่งเกี่ยวกับ 00:10:30.000 --> 00:10:33.000 การใช้อาวุธไม่สังหารในทางทหาร 00:10:33.000 --> 00:10:36.000 และคนที่พูดว่า "เฮ้ นี่อาจเป็นปัญหา" 00:10:36.000 --> 00:10:39.000 มีปัญหาอยู่สองสามข้อที่เราควรเน้น 00:10:39.000 --> 00:10:41.000 หนึ่งในปัญหาเหล่านี้ 00:10:41.000 --> 00:10:44.000 คือการใช้อาวุธไม่สังหารอย่างไม่แยกแยะ 00:10:44.000 --> 00:10:47.000 หนึ่งในหลักการพื้นฐานของการใช้กำลังทางทหาร 00:10:47.000 --> 00:10:49.000 นั่นก็คือคุณจะต้องพิจารณาเป้าหมาย 00:10:49.000 --> 00:10:52.000 คุณต้องระมัดระวังว่าคุณกำลังจะยิงไปที่ใคร 00:10:52.000 --> 00:10:55.000 ดังนั้นหนึ่งในปัญหาที่เกิดขึ้นกับอาวุธไม่สังหารก็คือ 00:10:55.000 --> 00:10:57.000 มันอาจถูกนำไปใช้อย่างไม่แยกแยะ 00:10:57.000 --> 00:10:59.000 ในระดับที่คุณใช้มันกับกลุ่มคนหลากหลาย 00:10:59.000 --> 00:11:02.000 เพราะคุณไม่ต้องกังวลอีกต่อไปแล้ว NOTE Paragraph 00:11:02.000 --> 00:11:04.000 และอันที่จริง มีกรณีหนึ่งโดยเฉพาะ 00:11:04.000 --> 00:11:06.000 ที่ผมคิดว่าปัญหานี้เกิดขึ้นจริง 00:11:06.000 --> 00:11:09.000 คือการปิดล้อมโรงละครดูบรอฟกาในมอสโคเมื่อปี 2002 00:11:09.000 --> 00:11:11.000 ซึ่งพวกคุณหลายๆ คน ต่างจากนักเรียนของผมส่วนใหญ่ที่สถาบันป้องกันตนเองฯ 00:11:11.000 --> 00:11:13.000 มีอายุมากพอที่จะจำได้ 00:11:13.000 --> 00:11:16.000 เมื่อชาวเชชเนียเข้ามายึดโรงละคร 00:11:16.000 --> 00:11:19.000 พวกเขาจับคนประมาณ 700 คนเป็นตัวประกัน 00:11:19.000 --> 00:11:21.000 พวกเขาปล่อยบางคนออกมา 00:11:21.000 --> 00:11:24.000 แต่ก็ยังมีตัวประกันประมาณ 700 คน 00:11:24.000 --> 00:11:27.000 แล้วสารวัตรทหารพิเศษของรัสเซีย, 00:11:27.000 --> 00:11:29.000 กองกำลังพิเศษ, สเปตนาซ 00:11:29.000 --> 00:11:31.000 เข้ามา แล้วทำการจู่โจมโรงละคร 00:11:31.000 --> 00:11:34.000 และวิธีที่พวกเขาทำ คือการปั๊มแก๊สยาสลบเข้าไปในอาคารทั้งหลัง 00:11:34.000 --> 00:11:36.000 แล้วปรากฎว่า 00:11:36.000 --> 00:11:39.000 มีตัวประกันตายเป็นจำนวนมาก 00:11:39.000 --> 00:11:42.000 เนื่องจากสูดแก๊สเข้าไป 00:11:42.000 --> 00:11:44.000 มันถูกใช้อย่างไม่แยกแยะ 00:11:44.000 --> 00:11:47.000 พวกเขาปั๊มแก๊สเข้าไปเต็มทั้งโรงละคร NOTE Paragraph 00:11:47.000 --> 00:11:49.000 ไม่แปลกเลยที่คนพวกนั้นตาย 00:11:49.000 --> 00:11:51.000 เพราะคุณไม่รู้ว่าแต่ละคน 00:11:51.000 --> 00:11:53.000 สูดแก๊สเข้าไปมากเท่าไร 00:11:53.000 --> 00:11:55.000 พวกเขากำลังอยู่ในสถานการณ์แบบไหน 00:11:55.000 --> 00:11:57.000 เวลาที่พวกเขาหมดสติไป และอื่นๆ 00:11:57.000 --> 00:12:00.000 ในความจริง มีคนเพียงแค่สองคนที่ถูกยิง 00:12:00.000 --> 00:12:02.000 ในเหตุการณ์ครั้งนี้ 00:12:02.000 --> 00:12:04.000 ดังนั้นเมื่อเรามองกลับไป 00:12:04.000 --> 00:12:06.000 มีเพียงแค่คนสองคนเท่านั้น 00:12:06.000 --> 00:12:08.000 ที่ถูกคนที่จับตัวประกันยิง 00:12:08.000 --> 00:12:10.000 หรือถูกยิงโดยตำรวจ 00:12:10.000 --> 00:12:12.000 ที่พยายามเข้ามาแก้สถานการณ์ 00:12:12.000 --> 00:12:14.000 แทบทุกคนถูกฆ่า 00:12:14.000 --> 00:12:16.000 เนื่องจากสูดดมแก๊สเข้าไป 00:12:16.000 --> 00:12:18.000 ยอดสูญเสียของตัวประกันท้ายที่สุดแล้ว 00:12:18.000 --> 00:12:20.000 ระบุไว้ไม่แน่ชัด 00:12:20.000 --> 00:12:22.000 แต่แน่นอนว่า มีการสูญเสียมากกว่านี้ 00:12:22.000 --> 00:12:24.000 เพราะยังมีคนอื่นที่ตาย ในอีกไม่กี่วันต่อมา 00:12:24.000 --> 00:12:26.000 นี่แหละคือปัญหาที่พวกเขาพูดถึง 00:12:26.000 --> 00:12:28.000 ว่ามันอาจจะถูกใช้ไม่เลือกหน้า NOTE Paragraph 00:12:28.000 --> 00:12:30.000 ปัญหาที่สองก็คือสิ่งที่ผู้คนพูดเกี่ยวกับ 00:12:30.000 --> 00:12:32.000 การใช้อาวุธไม่สังหารในทางทหาร 00:12:32.000 --> 00:12:35.000 และนี่คือเหตุผลที่ในข้อตกลงการใช้อาวุธเคมี 00:12:35.000 --> 00:12:37.000 ระบุไว้อย่างชัดเจนว่า ห้ามใช้สารควบคุมฝูงชน 00:12:37.000 --> 00:12:39.000 เป็นอาวุธสงคราม 00:12:39.000 --> 00:12:42.000 ปัญหาก็คือบางครั้ง 00:12:42.000 --> 00:12:45.000 อาวุธไม่สังหารอาจถูกใช้ ไม่ใช้ในฐานะทางเลือกของกำลังสังหาร 00:12:45.000 --> 00:12:48.000 แต่เป็นตัวเพิ่มอำนาจการสังหาร 00:12:48.000 --> 00:12:50.000 โดยที่คุณใช้อาวุธไม่สังหารก่อน 00:12:50.000 --> 00:12:53.000 แล้วการใช้อาวุธสังหารก็จะมีประสิทธิภาพมากขึ้น 00:12:53.000 --> 00:12:55.000 คนที่คุณกำลังจะยิงเข้าใส่ 00:12:55.000 --> 00:12:57.000 จะได้หนีไปไม่ได้ 00:12:57.000 --> 00:13:00.000 พวกเขาจะไม่รู้ถึงสิ่งที่เกิดขึ้น ทำให้คุณสามารถฆ่าพวกเขาได้ง่ายขึ้น 00:13:00.000 --> 00:13:03.000 และนี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นจริงๆ 00:13:03.000 --> 00:13:06.000 คนจับตัวประกันที่ถูกทำให้หมดสติโดยแก๊ส 00:13:06.000 --> 00:13:08.000 ไม่ได้ถูกจับกุม 00:13:08.000 --> 00:13:11.000 แต่ถูกยิงหัว ง่ายๆ แค่นั้น 00:13:11.000 --> 00:13:13.000 ดังนั้นอาวุธไม่สังหาร 00:13:13.000 --> 00:13:15.000 ในกรณีนี้ ถูกใช้เป็น 00:13:15.000 --> 00:13:18.000 ตัวเพิ่มอำนาจการสังหาร 00:13:18.000 --> 00:13:20.000 ที่ทำให้ฆ่าได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น 00:13:20.000 --> 00:13:23.000 ในสถานการณ์นี้ NOTE Paragraph 00:13:23.000 --> 00:13:25.000 อีกปัญหาหนึ่งที่ผมอย่างจะกล่าวถึงคร่าวๆ คือ 00:13:25.000 --> 00:13:27.000 มีปัญหาอยู่มากมายก่ายกอง 00:13:27.000 --> 00:13:29.000 เกี่ยวกับวิธีที่คนถูกสอน 00:13:29.000 --> 00:13:31.000 ให้ใช้อาวุธไม่สังหาร 00:13:31.000 --> 00:13:33.000 และได้รับการฝึกฝนเกี่ยวกับอาวุธชนิดนี้ ได้ลองทดสอบมัน และอื่นๆ 00:13:33.000 --> 00:13:36.000 เพราะว่าพวกเขาทดสอบมันในสภาวะแวดล้อมที่ดีและปลอดภัย 00:13:36.000 --> 00:13:39.000 และคุณถูกสอนให้ใช้มันในสภาวะแวดล้อมที่ดีและปลอดภัย 00:13:39.000 --> 00:13:42.000 แบบนี้ ที่ๆ คุณเห็นชัดเจนว่ากำลังเกิดอะไรขึ้น 00:13:42.000 --> 00:13:45.000 คนที่พ่นสเปรย์โอซีสวมถุงมือยาง 00:13:45.000 --> 00:13:47.000 เพื่อให้แน่ใจว่าตัวเขาเองจะไม่เปื้อนสาร และอื่นๆ 00:13:47.000 --> 00:13:49.000 แต่พวกมันไม่ได้ถูกใช้แบบนั้น NOTE Paragraph 00:13:49.000 --> 00:13:51.000 พวกมันถูกใช้ในโลกจริงๆ 00:13:51.000 --> 00:13:55.000 อย่างในเท็กซัส แบบนี้ 00:13:55.000 --> 00:13:58.000 ผมยอมรับว่า กรณีนี้โดยเฉพาะ 00:13:58.000 --> 00:14:00.000 เป็นกรณีหนึ่งที่กระตุ้นให้ผมเกิดความสนใจเรื่องนี้ขึ้นมา 00:14:00.000 --> 00:14:03.000 มันเกิดขึ้นตอนที่ผมกำลังทำงานเป็นนักวิจัยที่โรงเรียนนายเรือสหรัฐฯ 00:14:03.000 --> 00:14:06.000 แล้วเริ่มมีรายงานข่าวเกี่ยวกับสถานการณ์นี้ 00:14:06.000 --> 00:14:09.000 เมื่อผู้หญิงคนนี้โต้เถียงกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ 00:14:09.000 --> 00:14:11.000 เธอไม่ได้มีพฤติกรรมก้าวร้าว 00:14:11.000 --> 00:14:13.000 ที่จริง เขาน่าจะสูงกว่าผมประมาณหกนิ้ว 00:14:13.000 --> 00:14:16.000 และเธอสูงแค่เท่านี้ 00:14:16.000 --> 00:14:18.000 และในตอนสุดท้าย เธอก็พูดกับเขาว่า 00:14:18.000 --> 00:14:20.000 "ฉันจะกลับไปขึ้นรถของฉันล่ะนะ" 00:14:20.000 --> 00:14:22.000 แล้วเขาก็พูดว่า "ถ้าคุณกลับเข้าไปในรถ ผมจะช็อตคุณ" 00:14:22.000 --> 00:14:25.000 แล้วเธอก็บอกว่า "เอาสิ ช็อตฉันเลย" เขาก็เลยทำอย่างนั้น 00:14:25.000 --> 00:14:27.000 ทั้งหมดนี้ถูกบันทึกไว้ในกล้องวีดีโอ 00:14:27.000 --> 00:14:31.000 ที่อยู่หน้ารถตำรวจ 00:14:31.000 --> 00:14:34.000 เธออายุ 72 แล้ว 00:14:34.000 --> 00:14:38.000 และดูเหมือนว่านี่คือวิธีที่เหมาะสมที่สุดที่จะจัดการกับเธอ NOTE Paragraph 00:14:38.000 --> 00:14:40.000 ยังมีตัวอย่างอื่นๆ ที่มีลักษณะประมาณนี้ 00:14:40.000 --> 00:14:42.000 ที่เกิดกับคนอื่นๆ แล้วทำให้คุณคิดว่า 00:14:42.000 --> 00:14:45.000 "นี่คือวิธีที่เหมาะสมจริงๆ แล้วหรือในการใช้อาวุธไม่สังหาร" 00:14:45.000 --> 00:14:47.000 "สารวัตรตำรวจใช้เครื่องช็อตไฟฟ้ากับหัวเด็กสาวอายุ 14" 00:14:47.000 --> 00:14:50.000 "ก็เธอกำลังวิ่งหนี จะให้ผมทำยังไงล่ะ" 00:14:50.000 --> 00:14:53.000 (เสียงหัวเราะ) 00:14:53.000 --> 00:14:55.000 หรือที่ฟลอริดา 00:14:55.000 --> 00:14:58.000 "ตำรวจช็อตเด็กหกขวบที่โรงเรียนประถม" 00:14:58.000 --> 00:15:00.000 และเห็นๆ กันอยู่ว่าพวกเขาเรียนรู้จากมัน 00:15:00.000 --> 00:15:02.000 เพราะว่าในท้องที่เดียวกัน 00:15:02.000 --> 00:15:04.000 "ตำรวจทบทวนนโยบายหลังเด็กๆ ช็อค 00:15:04.000 --> 00:15:07.000 เด็กคนที่สองถูกช็อตหลังจากไม่กี่สัปดาห์" 00:15:07.000 --> 00:15:09.000 ในท้องที่ตำรวจเดียวกัน 00:15:09.000 --> 00:15:12.000 เด็กอีกคนถูกช็อต หลังจากเด็กหกขวบถูกช็อต ห่างออกไปไม่กี่สัปดาห์ NOTE Paragraph 00:15:12.000 --> 00:15:14.000 และในกรณีที่คุณคิดว่า 00:15:14.000 --> 00:15:16.000 สิ่งเหล่านี้จะเกิดขึ้นแค่ในสหรัฐฯ 00:15:16.000 --> 00:15:18.000 แต่มันเกิดขึ้นในแคนาดาเช่นกัน 00:15:18.000 --> 00:15:20.000 และเพื่อนร่วมงานของผม 00:15:20.000 --> 00:15:22.000 ส่งข่าวนี้มาให้ผมจากลอนดอน 00:15:22.000 --> 00:15:25.000 แต่ก็ต้องยอมรับว่า กรณีที่ผมชอบเป็นพิเศษ 00:15:25.000 --> 00:15:28.000 มาจากสหรัฐฯ จริงๆ 00:15:28.000 --> 00:15:31.000 "ตำรวจช็อตผู้หญิงพิการอายุ 86 ปีบนเตียงของเธอ" 00:15:31.000 --> 00:15:35.000 ผมตรวจสอบรายงานหลายฉบับเรื่องนี้ 00:15:35.000 --> 00:15:38.000 ผมดูมัน แล้วผมก็ประหลาดใจจริงๆ 00:15:38.000 --> 00:15:41.000 เพราะปรากฎว่า สาเหตุคือเธอทำท่าทีคุกคามกว่าเดิมบนเตียงของเธอ 00:15:41.000 --> 00:15:43.000 (เสียงหัวเราะ) 00:15:43.000 --> 00:15:45.000 ผมไม่ได้ล้อคุณเล่น มันเขียนไว้อย่างนี้จริงๆ 00:15:45.000 --> 00:15:48.000 "เธอทำท่าทีคุกคามกว่าเดิมบนเตียงของเธอ" 00:15:48.000 --> 00:15:50.000 โอเค NOTE Paragraph 00:15:50.000 --> 00:15:52.000 แต่ผมขอบอกคุณอีกครั้ง ว่าผมกำลังพูดเรื่องอะไร 00:15:52.000 --> 00:15:54.000 ผมกำลังพูดเรื่องการใช้อาวุธไม่สังหารในทางทหาร 00:15:54.000 --> 00:15:56.000 แล้วนี่มันเกี่ยวกันยังไง 00:15:56.000 --> 00:15:58.000 เพราะตำรวจถูกจำกัด ในด้านการใช้กำลัง 00:15:58.000 --> 00:16:00.000 มากกว่าทหาร 00:16:00.000 --> 00:16:03.000 พวกเขาถูกฝึกมาให้จำกัดการใช้กำลังมากกว่าทหาร 00:16:03.000 --> 00:16:06.000 พวกเขาถูกฝึกให้คิดมากกว่า ให้พยายามที่จะลดระดับความรุนแรง 00:16:06.000 --> 00:16:09.000 ถ้าคุณมีปัญหาเหล่านี้กับตำรวจที่ใช้อาวุธไม่สังหาร 00:16:09.000 --> 00:16:11.000 แล้วอะไรในโลกนี้ที่ทำให้คุณคิดว่า 00:16:11.000 --> 00:16:14.000 สิ่งนี้จะดีกว่ากับทหาร NOTE Paragraph 00:16:15.000 --> 00:16:18.000 สิ่งสุดท้ายที่ผมอยากจะพูดก็คือ 00:16:18.000 --> 00:16:20.000 เวลาที่ผมคุยกับตำรวจ 00:16:20.000 --> 00:16:22.000 เกี่ยวกับลักษณะของอาวุธไม่สังหารที่สมบูรณ์แบบ 00:16:22.000 --> 00:16:24.000 พวกเขาจะต้องพูดแบบนี้แน่นอน 00:16:24.000 --> 00:16:27.000 พวกเขาจะบอกว่า "มันจะต้องเป็นอะไรที่ร้ายกาจพอ 00:16:27.000 --> 00:16:29.000 ที่คนจะไม่อยากถูกอาวุธนี้ยิงใส่ 00:16:29.000 --> 00:16:31.000 ถ้าคุณขู่ที่จะใช้มัน 00:16:31.000 --> 00:16:34.000 คนจะยอมทำตาม 00:16:34.000 --> 00:16:36.000 แต่มันควรจะเป็นอะไร 00:16:36.000 --> 00:16:40.000 ที่ไม่มีผลกระทบถาวรด้วย" 00:16:40.000 --> 00:16:43.000 หรือพูดในอีกนัยหนึ่ง อาวุธไม่สังหารที่สมบูรณ์แบบของคุณ 00:16:43.000 --> 00:16:45.000 จะต้องเป็นอะไรที่เหมาะแก่การข่มเหงมากที่สุด 00:16:45.000 --> 00:16:47.000 จะเกิดอะไรขึ้นถ้าคนพวกนี้ 00:16:47.000 --> 00:16:49.000 สามารถเข้าถึงการใช้เครื่องช็อตไฟฟ้า 00:16:49.000 --> 00:16:51.000 หรือเครื่องเวอร์ชั่นพกพา 00:16:51.000 --> 00:16:53.000 ของระบบ Active Denial System 00:16:53.000 --> 00:16:56.000 รังสีความร้อนเล็กๆ ที่คุณสามารถใช้กับคน 00:16:56.000 --> 00:16:58.000 โดยที่ไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับมัน NOTE Paragraph 00:16:58.000 --> 00:17:01.000 ผมก็เลยคิดว่า ใช่ น่าจะมีวิธี 00:17:01.000 --> 00:17:03.000 ที่อาวุธไม่สังหารจะเหมาะกับสถานการณ์เหล่านี้เป็นอย่างยิ่ง 00:17:03.000 --> 00:17:05.000 แต่ก็ยังมีปัญหามากมาย 00:17:05.000 --> 00:17:07.000 ที่เราต้องพิจารณาเช่นกัน NOTE Paragraph 00:17:07.000 --> 00:17:09.000 ขอบคุณมากครับ NOTE Paragraph 00:17:09.000 --> 00:17:11.000 (เสียงปรบมือ)