WEBVTT 00:00:00.303 --> 00:00:04.941 วันนี้ ดิฉันอยากคุยกับคุณเรื่อง คณิตศาสตร์แห่งความรัก 00:00:04.941 --> 00:00:06.681 ฉันว่าเราทุกคนคงเห็นตรงกันว่า 00:00:06.681 --> 00:00:11.597 นักคณิตศาสตร์นี่ขึ้นชื่อว่า หาแฟนเก่งเหลือเกิน 00:00:11.597 --> 00:00:15.045 แต่ไม่ใช่แค่เพราะบุคลิกภาพที่น่าหลงใหล 00:00:15.045 --> 00:00:19.544 ทักษะการพูดคุยที่เหนือชั้น และกล่องดินสอเลิศๆ 00:00:19.544 --> 00:00:24.070 แต่เป็นเพราะเราได้ลงแรงไปเยอะ กับการสร้างหลักคณิตศาสตร์ 00:00:24.070 --> 00:00:26.462 สำหรับการหาคู่รักที่สมบูรณ์แบบ NOTE Paragraph 00:00:26.462 --> 00:00:29.875 บทความที่ฉันชอบที่สุดในเรื่องนี้ ชื่อว่า 00:00:29.875 --> 00:00:33.371 "ทำไมผมจึงไม่มีแฟน" (เสียงหัวเราะ) 00:00:33.371 --> 00:00:37.091 ปีเตอร์ แบคคัส พยายามคำนวณ โอกาสที่เขาจะพบรัก 00:00:37.091 --> 00:00:39.457 ปีเตอร์ไม่ใช่คนโลภมากเท่าไหร่ 00:00:39.457 --> 00:00:41.542 จากผู้หญิงทั้งหมดในอังกฤษ 00:00:41.542 --> 00:00:44.955 ปีเตอร์ต้องการแค่ใครสักคนที่บ้านอยู่ใกล้เขา 00:00:44.955 --> 00:00:46.856 ใครสักคนที่อายุพอๆ กัน 00:00:46.856 --> 00:00:49.666 ใครสักคนที่เรียนจบมหาวิทยาลัย 00:00:49.666 --> 00:00:51.824 ใครสักคนที่น่าจะเข้ากับเขาได้ดี 00:00:51.824 --> 00:00:53.900 ใครสักคนที่เขาจะรู้สึกชอบ 00:00:53.900 --> 00:00:56.438 ใครสักคนที่น่าจะชอบเขา 00:00:56.438 --> 00:00:59.441 (เสียงหัวเราะ) 00:00:59.441 --> 00:01:04.427 แล้วสรุปว่า ทั้งประเทศอังกฤษ จะมีผู้หญิงแบบนี้ประมาณ 26 คน 00:01:05.441 --> 00:01:07.602 ดูท่าไม่ค่อยดีเลยเนอะ ว่าไหมปีเตอร์ 00:01:07.602 --> 00:01:09.469 ถ้าจะให้เห็นภาพชัดขึ้น 00:01:09.469 --> 00:01:12.574 ตัวเลขที่ว่านั้น ยังน้อยกว่า จำนวนสิ่งมีชีวิตนอกโลกที่มีสติปัญญา 00:01:12.574 --> 00:01:16.799 ที่มีคนประมาณเอาไว้ถึง 400 เท่า 00:01:16.799 --> 00:01:21.676 และปีเตอร์ก็มีโอกาส 1 ใน 285,000 00:01:21.676 --> 00:01:23.902 ที่จะได้เจอหญิงสาวคนพิเศษคนนั้น 00:01:23.902 --> 00:01:25.288 ในคืนหนึ่งที่เขาไปเที่ยวนอกบ้าน 00:01:25.288 --> 00:01:27.491 ฉันเชื่อว่านั้นเป็นเหตุผลว่าทำไม พวกนักคณิตศาสตร์ 00:01:27.491 --> 00:01:30.915 ถึงไม่เสียเวลาไปท่องราตรีอีกแล้ว NOTE Paragraph 00:01:30.915 --> 00:01:32.644 แต่จริงๆ แล้ว ส่วนตัวฉันเอง 00:01:32.644 --> 00:01:35.373 ไม่เชื่อความคิดที่มองโลกแง่ร้ายแบบนี้ 00:01:35.373 --> 00:01:37.602 เพราะฉันรู้ดี เช่นเดียวกับที่พวกคุณทุกคนรู้ 00:01:37.602 --> 00:01:40.194 ว่าความรักมันไม่ได้ดำเนินไปอย่างนั้น 00:01:40.194 --> 00:01:45.304 อารมณ์ของมนุษย์ไม่ได้เป็นระเบียบ มีเหตุผล และทำนายได้ง่ายแบบนั้น 00:01:45.304 --> 00:01:47.711 แต่นั่นไม่ได้แปลว่า 00:01:47.711 --> 00:01:51.015 คณิตศาสตร์ช่วยอะไรเราไม่ได้เลย 00:01:51.015 --> 00:01:54.966 เพราะความรัก ก็เหมือนเรื่องอื่นๆ ในชีวิต ที่มีแบบแผนต่างๆ มากมาย 00:01:54.966 --> 00:01:59.042 และที่สุดแล้ว คณิตศาสตร์ก็คือการศึกษา แบบแผนของปรากฏการณ์ต่างๆ นั่นเอง 00:01:59.042 --> 00:02:03.345 แบบแผนที่ว่า มีตั้งแต่จากการพยากรณ์อากาศ ไปจนถึงความผันผวนในตลาดหุ้น 00:02:03.345 --> 00:02:06.750 ไปจนถึงการเคลื่อนที่ของดาวเคราะห์ การเติบโตของเมืองต่างๆ 00:02:06.750 --> 00:02:09.454 ถ้าจะพูดกันตรงๆ นะ สิ่งเหล่านี้ ก็ไม่มีอันไหนเลย 00:02:09.454 --> 00:02:12.850 ที่เป็นระเบียบหรือทำนายได้ง่าย 00:02:12.850 --> 00:02:17.877 แต่เพราะฉันเชื่อในคณิตศาสตร์ ว่ามันทรงพลังจนมีศักยภาพ 00:02:17.877 --> 00:02:21.631 ที่จะช่วยให้เรามีมุมมองใหม่ ต่อเกือบจะทุกสิ่งทุกอย่าง 00:02:21.631 --> 00:02:25.187 แม้แต่อะไรที่ลึกลับมากๆ อย่างความรัก 00:02:25.187 --> 00:02:26.675 ดังนั้น เพื่อพยายามโน้มน้าวคุณ 00:02:26.675 --> 00:02:31.236 ว่าคณิตศาสตร์มันน่าทึ่ง เจ๋ง และสำคัญแค่ไหน 00:02:31.236 --> 00:02:39.220 ฉันอยากเล่าเคล็ดลับความรักเด็ดสุด 3 อย่าง ที่พิสูจน์มาแล้วด้วยคณิตศาสตร์ NOTE Paragraph 00:02:39.980 --> 00:02:41.939 โอเค เคล็ดลับเด็ดสุดข้อที่หนึ่ง 00:02:41.939 --> 00:02:44.903 หาคู่ออนไลน์อย่างไรให้ชนะเลิศ 00:02:46.323 --> 00:02:50.159 เว็บไซต์หาคู่ออนไลน์ที่ฉันชอบสุดคือ OkCupid 00:02:50.159 --> 00:02:53.574 ไม่ใช่แค่เพราะกลุ่มผู้ก่อตั้ง เป็นนักคณิตศาสตร์ 00:02:53.574 --> 00:02:55.343 แต่เพราะเป็นนักวิทยาศาสตร์ 00:02:55.343 --> 00:02:57.083 เขาจึงเก็บข้อมูลเกี่ยวกับ 00:02:57.083 --> 00:02:59.936 ทุกคนที่มาใช้เว็บไซต์ที่ว่า โดยเก็บมาเกือบสิบปีแล้ว 00:02:59.936 --> 00:03:02.200 พวกเขากำลังพยายามค้นหาแบบแผน 00:03:02.200 --> 00:03:04.067 ในวิธีการที่เราพูดถึงตัวเราเอง 00:03:04.067 --> 00:03:06.184 และวิธีปฏิสัมพันธ์ที่เรามีกับผู้อื่น 00:03:06.184 --> 00:03:07.876 บนเว็บไซต์หาคู่ออนไลน์ 00:03:07.876 --> 00:03:10.825 และเขาก็พบผลที่น่าสนใจมาก ในหลายประเด็น 00:03:10.825 --> 00:03:12.447 แต่ที่ฉันชอบที่สุด คือ 00:03:12.447 --> 00:03:15.827 กลายเป็นว่า บนเว็บไซต์หาคู่ออนไลน์นั้น 00:03:15.827 --> 00:03:21.672 ความสวยหล่อไม่ได้เป็นตัวกำหนด ว่าจะมีคนสนใจคุณมากแค่ไหน 00:03:21.679 --> 00:03:25.391 และที่จริง การที่มีคนคิดว่าคุณขี้เหร่ 00:03:25.391 --> 00:03:28.260 อาจมีประโยชน์ต่อตัวคุณ 00:03:28.260 --> 00:03:30.066 ฉันจะบอกให้ว่าทำไม 00:03:30.066 --> 00:03:34.565 ในแบบฟอร์มส่วนหนึ่งของ OkCupid 00:03:34.565 --> 00:03:37.565 คุณสามารถให้คะแนนความสวยหล่อ ของคนอื่นได้ 00:03:37.565 --> 00:03:40.022 บนมาตรวัดที่มีค่า 1 ถึง 5 00:03:40.022 --> 00:03:43.362 ทีนี้ ถ้าเราเปรียบเทียบคะแนนความสวยหล่อ 00:03:43.362 --> 00:03:46.216 กับค่าเฉลี่ยจำนวนข้อความที่เขาได้รับ 00:03:46.216 --> 00:03:47.876 คุณจะเริ่มเห็นว่า 00:03:47.876 --> 00:03:51.854 ความสวยหล่อสัมพันธ์กับความเป็นที่สนใจ ในเว็บไซต์หาคู่ออนไลน์ NOTE Paragraph 00:03:51.854 --> 00:03:55.177 นี่เป็นกราฟที่คนของ OkCupid สร้างขึ้นมา 00:03:55.177 --> 00:03:58.230 สิ่งสำคัญที่น่าสังเกตุคือ มันไม่จริงเสมอไป 00:03:58.230 --> 00:04:01.058 ว่ายิ่งสวยหล่อ คุณจะยิ่งได้รับข้อความมากขึ้น 00:04:01.058 --> 00:04:04.932 คำถามคือ คนที่อยู่ตรงนี้มีอะไรดี 00:04:04.932 --> 00:04:09.566 ถึงได้มีคนสนใจมากกว่าคนกลุ่มนี้ 00:04:09.566 --> 00:04:12.170 ทั้งที่มีคะแนนความสวยหล่อเท่ากัน 00:04:12.170 --> 00:04:16.699 และเหตุผลที่ว่า ทำไมสิ่งสำคัญ จึงไม่ใช่แค่รูปลักษณ์ภายนอก 00:04:16.699 --> 00:04:19.477 ฉันขออธิบายให้เห็นภาพ ด้วยตัวอย่างอันนี้ 00:04:19.477 --> 00:04:23.607 ถ้าลองดูใครสักคน เช่น พอร์เทีย เดอ รอสซี่ เป็นต้น 00:04:23.607 --> 00:04:28.279 ทุกคนเห็นด้วยว่าพอร์เทีย เดอ รอสซี่ เป็นผู้หญิงที่สวยมากคนหนึ่ง 00:04:28.279 --> 00:04:31.940 ไม่มีใครคิดว่าเธอขี้เหร่ แต่เธอก็ไม่ได้เป็นสุดยอดนางแบบเช่นกัน 00:04:31.940 --> 00:04:36.561 ถ้าคุณเปรียบเทียบพอร์เทีย เดอ รอสซี่ กับคนอย่างซารา เจสซิกา พาร์กเกอร์ 00:04:36.561 --> 00:04:39.846 คนจำนวนมาก จะว่าไปก็ รวมถึงตัวฉันเองด้วย 00:04:39.846 --> 00:04:44.320 คิดว่าซารา เจสซิกา พาร์กเกอร์นั้น สวยเลิศแบบจริงจัง 00:04:44.320 --> 00:04:46.990 และอาจเป็นหนึ่งในสิ่งมีชีวิต ที่สวยงามที่สุด 00:04:46.990 --> 00:04:49.639 ที่เคยเดินอยู่บนพื้นผิวโลกนี้ 00:04:49.639 --> 00:04:55.660 แต่คนอื่นบางคน เช่น คนส่วนใหญ่ในโลกอินเทอร์เน็ต 00:04:55.660 --> 00:05:01.838 ดูจะคิดว่าเธอหน้าเหมือนม้า (เสียงหัวเราะ) 00:05:01.838 --> 00:05:05.098 ทีนี้ ถ้าคุณให้คนทั่วไปประเมินความสวย 00:05:05.098 --> 00:05:07.260 ของซารา เจสซิกา พาร์กเกอร์ กับพอร์เทีย เดอ รอสซี่ 00:05:07.260 --> 00:05:10.213 ว่าสวยแค่ไหน ให้คะแนนจาก 1 ถึง 5 00:05:10.213 --> 00:05:13.218 ฉันว่าทั้งคู่คงได้คะแนนเฉลี่ยพอๆ กัน 00:05:13.218 --> 00:05:15.979 แต่แบบแผนการให้คะแนนของคนจะต่างกันมาก 00:05:15.979 --> 00:05:18.522 คะแนนของพอร์เทียจะเกาะกลุ่มอยู่ใกล้ๆ ค่า 4 00:05:18.522 --> 00:05:20.982 เพราะทุกคนเห็นด้วยว่าเธอสวย 00:05:20.982 --> 00:05:23.643 ในขณะที่กรณีซารา เจสซิกา พาร์กเกอร์ ความเห็นจะเป็นสองขั้ว 00:05:23.643 --> 00:05:26.067 คะแนนของเธอมีการกระจายเยอะมาก 00:05:26.067 --> 00:05:28.389 และความหลากหลายของคะแนนนี่แหละสำคัญ 00:05:28.389 --> 00:05:30.865 ความหลากหลายของความเห็นนี่แหละ ทำให้มีคนสนใจคุณมากขึ้น 00:05:30.865 --> 00:05:33.065 ในเว็บไซต์หาคู่ออนไลน์ 00:05:33.065 --> 00:05:34.236 หมายความว่า 00:05:34.236 --> 00:05:36.735 ถ้าคนบางคนคิดว่าคุณสวยหล่อ 00:05:36.735 --> 00:05:38.683 คุณจะได้เปรียบกว่า 00:05:38.683 --> 00:05:43.935 ถ้ามีแค่บางคนคิดว่าคุณสวยน่ามองสุดๆ 00:05:43.935 --> 00:05:46.173 นั่นดีกว่ากรณีที่คน "ทุกคน" คิดว่า 00:05:46.173 --> 00:05:47.904 คุณเป็นสาวสวยข้างบ้าน NOTE Paragraph 00:05:47.904 --> 00:05:50.153 ฉันคิดว่าคุณจะเริ่มเข้าใจมากขึ้น 00:05:50.153 --> 00:05:53.387 เมื่อคุณคิดจากมุมของ คนที่เป็นฝ่ายส่งข้อความมาหา 00:05:53.387 --> 00:05:55.738 สมมุติคุณคิดว่าใครสักคนสวยหล่อ 00:05:55.738 --> 00:05:59.992 แต่คุณคิดว่าคนอื่นคงไม่ได้สนใจคนคนนี้เท่าไหร่ 00:05:59.992 --> 00:06:02.543 นั่นหมายความว่าคุณมีคู่แข่งน้อยลง 00:06:02.543 --> 00:06:04.979 และนั่นคือสิ่งจูงใจเพิ่มเติม ที่ทำให้คุณติดต่อเขาไป 00:06:04.979 --> 00:06:07.803 ในขณะที่ ถ้าเทียบกับกรณีที่ คุณคิดว่าใครสักคนสวยหล่อ 00:06:07.803 --> 00:06:11.060 แต่สงสัยว่าคนอื่นทุกคน ก็คิดเหมือนกัน 00:06:11.060 --> 00:06:14.624 ถ้าอย่างนั้น คุณจะหาเรื่อง ให้ตัวเองเสียหน้าทำไม เอาจริงๆ 00:06:14.628 --> 00:06:16.904 จุดที่น่าสนใจมากๆ อยู่ตรงนี้แหละ 00:06:16.904 --> 00:06:21.378 เพราะเวลาคนทั่วไปเลือกรูปมาใช้ ในเว็บหาคู่ออนไลน์ 00:06:21.378 --> 00:06:23.670 เขามักพยายามลดอะไรต่างๆ 00:06:23.670 --> 00:06:27.160 ที่เขาคิดว่าคนอื่นจะคิดว่าไม่สวย 00:06:27.160 --> 00:06:31.457 ตัวอย่างคลาสสิกคือ คนที่อาจจะน้ำหนักเกินไปหน่อย 00:06:31.457 --> 00:06:34.921 ตั้งใจเลือกรูปที่ตัดช่วงตัวออกไปเยอะๆ 00:06:34.921 --> 00:06:36.678 หรือผู้ชายหัวล้าน 00:06:36.678 --> 00:06:39.477 ก็ตั้งใจเลือกรูปที่ตัวเองใส่หมวก 00:06:39.477 --> 00:06:42.142 แต่นั่นมันตรงกันข้ามกับสิ่งที่คุณควรทำ 00:06:42.142 --> 00:06:43.536 ถ้าคุณอยากประสบความสำเร็จในการหาคู่ออนไลน์ 00:06:43.536 --> 00:06:48.347 แทนที่จะทำอย่างนั้น จริงๆ คุณควรเน้นสิ่งที่ทำให้คุณแตกต่าง 00:06:48.356 --> 00:06:52.300 ถึงแม้บางคนจะมองว่ามันไม่สวยไม่ดึงดูดใจ 00:06:52.300 --> 00:06:55.544 เพราะคนที่ชอบคุณ ยังไงเขาก็ชอบคุณอยู่ดี 00:06:55.544 --> 00:07:00.485 การมีบางคนที่ไม่ชอบคุณ กลับเป็นประโยชน์กับคุณเสียอีก NOTE Paragraph 00:07:00.497 --> 00:07:02.897 โอเค เคล็ดลับความรักสุดเด็ดข้อที่ 2 00:07:02.897 --> 00:07:05.624 ลองจินตนาการว่าคุณประสบความสำเร็จสูงมาก 00:07:05.624 --> 00:07:07.092 ในการหาคู่ 00:07:07.092 --> 00:07:11.395 แต่ก็เกิดคำถามขึ้นมาว่า แล้วจะเปลี่ยนคนที่ใช่นั้น 00:07:11.395 --> 00:07:15.179 ให้อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข ในระยะยาวได้อย่างไร 00:07:15.186 --> 00:07:19.437 พูดให้ชัดขึ้นคือ คุณจะรู้ได้ยังไง ว่าถึงเวลาลงหลักปักฐานแล้ว 00:07:19.437 --> 00:07:22.269 ทีนี้ โดยทั่วไป เราไม่ควรตกลงปลงใจ 00:07:22.269 --> 00:07:24.292 แต่งงานกับคนแรกที่ผ่านเข้ามา 00:07:24.292 --> 00:07:26.505 และแสดงความสนใจในตัวคุณ 00:07:26.505 --> 00:07:29.659 แต่คุณก็ไม่ควรปล่อยเวลาให้เนิ่นนานเกิน 00:07:29.659 --> 00:07:32.661 ถ้าคุณต้องการเพิ่มโอกาส ที่จะมีความสุขในระยะยาว 00:07:32.661 --> 00:07:35.843 อย่างที่เจน ออสเต็น นักเขียนคนโปรดของฉันกล่าวไว้ 00:07:35.843 --> 00:07:38.061 "ผู้หญิงโสดอายุ 27 00:07:38.061 --> 00:07:41.726 ก็หมดหวังแล้วที่จะรู้สึก หรือทำให้คนมารักชอบได้อีก" 00:07:41.726 --> 00:07:43.718 (เสียงหัวเราะ) 00:07:43.718 --> 00:07:47.272 ขอบคุณมาก เจน คุณรู้อะไรเกี่ยวกับความรักบ้างนะ? NOTE Paragraph 00:07:47.836 --> 00:07:49.391 ทีนี้ คำถามคือ 00:07:49.391 --> 00:07:51.996 คุณจะรู้ได้ยังไงว่าถึงเวลาที่ควร ตกลงปลงใจกับใครสักคน 00:07:51.996 --> 00:07:54.675 จากคนทั้งหมด ที่คุณมีโอกาสคบด้วยตลอดชีวิตนี้ 00:07:54.675 --> 00:07:58.350 โชคดีนะ เรามีหลักคณิตศาสตร์เจ๋งๆ ที่สามารถเอามาใช้ช่วยเราในกรณีนี้ 00:07:58.350 --> 00:08:00.874 เรียกว่า ทฤษฎีการหยุดที่จุดที่ดีที่สุด (optimal stoppping theory) 00:08:00.874 --> 00:08:02.774 ลองจินตนาการนะคะ 00:08:02.774 --> 00:08:05.044 ว่าคุณเริ่มมีแฟนตอนอายุ 15 00:08:05.044 --> 00:08:09.128 และคุณหวังว่าจะแต่งงานก่อนที่จะอายุ 35 00:08:09.128 --> 00:08:10.668 ก็จะมีคนจำนวนหนึ่ง 00:08:10.668 --> 00:08:13.154 ที่คุณคบเป็นแฟนด้วยตลอดชีวิตนี้ 00:08:13.154 --> 00:08:15.308 แล้วแต่ละคนก็ดีมากดีน้อยต่างกัน 00:08:15.308 --> 00:08:18.199 กติกามีอยู่ว่า เมื่อคุณตกลงแต่งงานกับใครแล้ว 00:08:18.199 --> 00:08:20.902 คุณไม่สามารถมองไปข้างหน้าว่า มีใครที่จะเข้ามาอีก 00:08:20.902 --> 00:08:23.512 และคุณก็ไม่สามารถเปลี่ยนใจ ย้อนไปหาคนเก่าที่ผ่านมาแล้วได้ 00:08:23.512 --> 00:08:25.082 อย่างน้อยในประสบการณ์ของฉัน 00:08:25.082 --> 00:08:27.904 ฉันพบว่า คนทั่วไป ไม่ชอบเป็นตัวสำรองรอถูกเรียก 00:08:27.904 --> 00:08:33.320 หลังจากถูกทิ้งไปหาคนอื่นแล้วตั้งหลายปี NOTE Paragraph 00:08:33.320 --> 00:08:36.527 คณิตศาสตร์บอกเราว่า สิ่งที่คุณควรทำ 00:08:36.527 --> 00:08:39.558 กับคน 37 เปอร์เซ็นต์แรกที่เข้ามาจีบ 00:08:39.558 --> 00:08:43.999 คือปฏิเสธไปให้หมด อย่าคิดไปแต่งงานด้วย 00:08:43.999 --> 00:08:45.513 (เสียงหัวเราะ) 00:08:45.513 --> 00:08:49.319 จากนั้น คุณควรเลือกคนต่อไปที่เข้ามาจีบ 00:08:49.319 --> 00:08:52.154 ที่ดีกว่าทุกคนที่คุณเคยได้เจอมา 00:08:52.154 --> 00:08:53.476 ลองมาดูตัวอย่างนะคะ 00:08:53.476 --> 00:08:56.308 เราสามารถพิสูจน์ได้ ด้วยคณิตศาสตร์นะคะ 00:08:56.308 --> 00:08:58.975 ว่านี่เป็นวิธีที่ดีที่สุดที่เป็นไปได้ 00:08:58.975 --> 00:09:03.437 ในการเพิ่มโอกาสสูงสุด ที่จะได้พบเจอคู่รักที่สมบูรณ์แบบ 00:09:03.437 --> 00:09:07.909 แต่ฉันเสียใจที่ต้องบอกว่า วิธีนี้ก็มาพร้อมความเสี่ยง 00:09:08.382 --> 00:09:13.072 เช่น ถ้าคู่รักที่สมบูรณ์แบบของคุณ 00:09:13.072 --> 00:09:16.226 มาปรากฏตัวในกลุ่ม 37 เปอร์เซ็นต์แรก 00:09:16.226 --> 00:09:18.939 เสียใจด้วยค่ะ คุณต้องปฏิเสธเขาไป 00:09:18.939 --> 00:09:21.652 (เสียงหัวเราะ) 00:09:21.652 --> 00:09:23.997 ทีนี้ คิดต่อตามหลักคณิตศาสตร์ 00:09:23.997 --> 00:09:25.663 ทุกคนที่เข้ามาหลังจากนั้น 00:09:25.663 --> 00:09:27.790 อาจไม่มีใครดีกว่าคนที่คุณเคยได้เจออีกเลย 00:09:27.790 --> 00:09:32.093 คุณก็ต้องผ่านไป ปฏิเสธทุกคน แล้วตายอย่างโดดเดี่ยว 00:09:32.093 --> 00:09:33.776 (เสียงหัวเราะ) 00:09:34.736 --> 00:09:39.617 อาจจะมีฝูงแมวมาแทะซากคุณบ้าง NOTE Paragraph 00:09:39.617 --> 00:09:43.422 เอาล่ะ ความเสี่ยงอีกอย่างคือ ลองจินตนาการนะคะ 00:09:43.422 --> 00:09:46.667 ว่าคนที่คุณคบด้วยใน 37 เปอร์เซ็นต์แรกนั้น 00:09:46.667 --> 00:09:50.507 เป็นคนที่ม น่าเบื่อ และนิสัยแย่มาก 00:09:50.507 --> 00:09:53.232 แต่ไม่เป็นไร เพราะคุณอยู่ในช่วงการปฏิเสธ 00:09:53.232 --> 00:09:55.073 ก็ผ่านพวกนี้ไป 00:09:55.073 --> 00:09:58.541 แต่ลองคิดดูนะคะ คนต่อไปที่เข้ามา 00:09:58.541 --> 00:10:02.879 อาจจะน่าเบื่อ ทึ่ม และนิสัยแย่ 00:10:02.879 --> 00:10:04.761 น้อยกว่าคนก่อนๆ แค่เล็กน้อย 00:10:04.761 --> 00:10:08.963 ถ้าคุณทำตามหลักคณิตศาสตร์ ฉันเกรงว่าคุณจะต้องแต่งงานกับเขา 00:10:08.963 --> 00:10:12.376 แล้วลงเอยด้วยความสัมพันธ์ที่ บอกตรงๆ ว่า ไม่ใช่สิ่งที่ดีที่สุด 00:10:12.376 --> 00:10:13.459 เสียใจด้วยนะ 00:10:13.459 --> 00:10:15.659 แต่ฉันคิดว่ามันก็มีอะไรดีๆ แฝงอยู่นะ 00:10:15.659 --> 00:10:18.809 บริษัทผลิตการ์ดฮอลมาร์กจะได้มีตลาดใหม่ 00:10:18.809 --> 00:10:20.899 เป็นการ์ดวาเลนไทน์แบบนี้ (เสียงหัวเราะ) 00:10:20.899 --> 00:10:24.924 "คุณสามีที่รัก คุณคือคนที่แย่น้อยกว่า 00:10:24.924 --> 00:10:27.969 ผู้ชาย 37 เปอร์เซ็นต์แรกที่ฉันเคยคบนิดนึง" 00:10:27.969 --> 00:10:33.456 ฟังดูโรแมนติกกว่าที่ปกติฉันเคยพูดนะนี่ NOTE Paragraph 00:10:33.456 --> 00:10:38.138 โอเค วิธีนี้ไม่ได้ให้ผลสำเร็จ 100 เปอร์เซ็นต์ 00:10:38.138 --> 00:10:41.441 แต่ไม่มีกลยุทธ์อื่นใดที่ได้ผลดีกว่านี้ 00:10:41.441 --> 00:10:44.104 และที่จริง ในธรรมชาติก็มีปลาบางชนิด 00:10:44.104 --> 00:10:47.817 ที่มีพฤติกรรมตามกลยุทธ์นี้เป๊ะๆ เลย 00:10:47.817 --> 00:10:50.456 คือ ไม่เลือกคู่ที่เจอกันในช่วง 00:10:50.456 --> 00:10:53.413 37 เปอร์เซ็นต์แรกของฤดูผสมพันธุ์เลย 00:10:53.413 --> 00:10:56.944 แล้วจึงเลือกปลาตัวต่อไป ที่เจอกันหลังจากช่วงเวลานั้น 00:10:56.944 --> 00:10:59.000 ที่แบบ ตัวใหญ่กว่า แข็งแรงกว่า 00:10:59.000 --> 00:11:01.518 ปลาทั้งหมดที่เคยเจอมาก่อนหน้านั้น 00:11:01.518 --> 00:11:06.196 ฉันเชื่อด้วยว่า ลึกๆ ในจิตใต้สำนึก มนุษย์เราก็ทำอย่างนี้อยู่แล้ว 00:11:06.196 --> 00:11:09.613 เราให้เวลาตัวเองวิ่งเล่นในท้องทุ่งสักพัก 00:11:09.613 --> 00:11:13.115 ลองดูตลาดว่าเป็นยังไง อะไรทำนองนั้น ตอนที่เรายังอายุน้อย 00:11:13.115 --> 00:11:18.023 แล้วจึงเริ่มมองหาตัวเลือก คนที่จะแต่งงานด้วยอย่างจริงจัง 00:11:18.023 --> 00:11:19.913 ตอนเราอายุยี่สิบกลางๆ ถึงยี่สิบปลายๆ 00:11:19.913 --> 00:11:22.716 ฉันว่านี่คือข้อพิสูจน์ที่ชัดเจน ถ้าเรายังต้องการหลักฐานเพิ่ม 00:11:22.716 --> 00:11:27.222 ว่าสมองของคนเราทุกคนถูกสร้างมา ให้มีความสามารถทางคณิตศาสตร์อยู่บ้างแล้ว NOTE Paragraph 00:11:27.616 --> 00:11:29.477 โอเค นั้นคือเคล็ดลับสุดเด็ดข้อที่สอง 00:11:29.477 --> 00:11:32.730 ทีนี้ มาข้อที่สาม เราจะหลีกเลี่ยงการหย่าร้างอย่างไร 00:11:32.730 --> 00:11:35.868 โอเค สมมุติว่า คุณเลือกคู่ที่สมบูรณ์แบบแล้ว 00:11:35.868 --> 00:11:40.645 และคุณก็ลงหลักปักฐาน ในความสัมพันธ์ตลอดชีวิตกับเขา 00:11:40.645 --> 00:11:44.719 ทีนี้ ฉันเชื่อว่าทุกคนคงไม่อยากหย่าร้าง 00:11:44.719 --> 00:11:49.085 เว้นแต่ ไม่รู้สิ อย่างภรรยาของเพียร์ส มอร์แกน มั้ง 00:11:50.185 --> 00:11:52.475 แต่มันน่าเศร้า ที่ข้อเท็จจริงของชีวิตสมัยใหม่คือ 00:11:52.475 --> 00:11:56.284 การแต่งงานครึ่งหนึ่งในสหรัฐอเมริกา จบลงด้วยการหย่าร้าง 00:11:56.284 --> 00:11:59.585 ประเทศอื่นๆ ในโลกก็ไม่ได้ต่างกันกันมากนัก 00:11:59.585 --> 00:12:01.684 ทีนี้ คุณไม่ผิดเลยถ้าคิดว่า 00:12:01.684 --> 00:12:05.344 การโต้แย้งที่เกิดก่อนการแยกทาง 00:12:05.344 --> 00:12:08.877 ไม่ใช่สิ่งที่จะศึกษาด้วยคณิตศาสตร์ได้ 00:12:08.877 --> 00:12:10.777 ประการแรก เพราะมันยากมาก 00:12:10.777 --> 00:12:13.977 ที่จะกำหนดว่าควรวัดอะไร 00:12:13.977 --> 00:12:20.407 แต่นั่นไม่ได้หยุดนักจิตวิทยาชื่อ จอห์น ก็อตแมน ซึ่งทำสิ่งที่ว่ายากๆ นั้นเลย 00:12:20.407 --> 00:12:25.602 ก็อตแมนสังเกตคู่สมรสร้อยๆ คู่สนทนากัน 00:12:25.602 --> 00:12:28.064 แล้วบันทึกทุกอย่างที่คุณจะนึกออก 00:12:28.064 --> 00:12:30.551 เขาบันทึกว่าทั้งคู่พูดอะไรในการสนทนา 00:12:30.551 --> 00:12:32.614 วัดระดับการนำไฟฟ้าของผิวหนัง 00:12:32.614 --> 00:12:34.534 บันทึกการแสดงออกทางสีหน้า 00:12:34.534 --> 00:12:36.874 อัตราการเต้นของหัวใจ ความดันโลหิต 00:12:36.874 --> 00:12:43.324 ทุกอย่างเลยจริงๆ ยกเว้นเรื่องที่ว่า ตกลงภรรยาถูกเสมอจริงหรือเปล่า 00:12:43.324 --> 00:12:46.348 ซึ่งบังเอิญภรรยาถูกเสมออยู่แล้วค่ะ 00:12:46.348 --> 00:12:49.268 แต่สิ่งที่ก็อตแมนกับทีมของเขาพบคือ 00:12:49.268 --> 00:12:51.772 ตัวแปรที่สำคัญที่สุดที่ทำนายได้ 00:12:51.772 --> 00:12:53.922 ว่าคู่สมรสจะหย่าร้างกันไหม 00:12:53.922 --> 00:12:59.022 คือ แต่ละฝ่ายแสดงพฤติกรรมทางบวกหรือทางลบ มากหรือน้อยในการสนทนา NOTE Paragraph 00:12:59.022 --> 00:13:01.634 คู่สมรสที่มีความเสี่ยงหย่าร้างต่ำ 00:13:01.634 --> 00:13:05.861 มีคะแนนพฤติกรรมทางบวกมากกว่าทางลบ บนมาตรวัดของก็อตแมน 00:13:05.861 --> 00:13:08.001 ขณะที่ความสัมพันธ์ที่ไม่ดี 00:13:08.001 --> 00:13:10.793 คือคู่ที่กำลังจะหย่าร้าง 00:13:10.793 --> 00:13:15.405 เขาพบว่าการสนทนาจะเป็นวงจรทางลบ ที่แย่ลงเรื่อยๆ 00:13:15.405 --> 00:13:17.758 จากแนวคิดที่เรียบง่ายสุดๆ นี้ 00:13:17.758 --> 00:13:20.260 ก็อตแมนและทีมวิจัยสามารถทำนาย 00:13:20.260 --> 00:13:23.103 ว่าคู่สมรสคู่ไหนจะหย่าร้าง 00:13:23.103 --> 00:13:25.758 ด้วยความแม่นยำ 90 เปอร์เซ็นต์ 00:13:25.758 --> 00:13:29.152 แต่เมื่อเขาร่วมงานกับนักคณิตศาสตร์ ชื่อเจมส์ เมอร์เรย์ 00:13:29.152 --> 00:13:31.291 พวกเขาก็เริ่มเข้าใจอย่างถ่องแท้มากขึ้น 00:13:31.291 --> 00:13:35.601 ว่าอะไรเป็นสาเหตุให้เกิดวงจรทางลบ และมันเกิดขึ้นได้อย่างไร 00:13:35.601 --> 00:13:37.308 ผลที่เขาพบ 00:13:37.308 --> 00:13:41.667 ซึ่งฉันว่ามันน่าสนใจและเรียบง่ายอย่างไม่น่าเชื่อ 00:13:41.667 --> 00:13:46.005 สมการเหล่านี้ ทำนายได้ว่าภรรยาและสามี 00:13:46.005 --> 00:13:47.971 จะตอบสนองอย่างไรต่อไปในการสนทนา 00:13:47.971 --> 00:13:50.099 มีลักษณะเป็นบวกหรือลบมากแค่ไหน 00:13:50.099 --> 00:13:51.896 และสมการนี้ มันขึ้นอยู่กับ 00:13:51.896 --> 00:13:54.242 อารมณ์ปกติของแต่ละคนเมื่ออยู่คนเดียว 00:13:54.242 --> 00:13:56.856 อารมณ์ของแต่ละคนเมื่อเขาอยู่กับคู่รัก 00:13:56.856 --> 00:13:58.845 แต่ที่สำคัญที่สุด มันขึ้นอยู่กับว่า 00:13:58.845 --> 00:14:01.824 สามีกับภรรยามีอิทธิพลต่อกันและกันมากแค่ไหน NOTE Paragraph 00:14:01.824 --> 00:14:04.532 ฉันคิดว่าจุดนี้สำคัญที่ต้องบอก ณ เวทีนี้เลยว่า 00:14:04.532 --> 00:14:07.852 สมการเดียวกันนี้เอง สามารถเอาไปใช้ 00:14:07.852 --> 00:14:10.498 อธิบายได้อย่างดีเยี่ยมเลย 00:14:10.498 --> 00:14:14.256 ว่าจะเกิดอะไรขึ้นระหว่างสองประเทศ ที่แข่งขันกันสะสมอาวุธ 00:14:14.256 --> 00:14:16.394 (เสียงหัวเราะ) 00:14:18.194 --> 00:14:21.905 ดังนั้น คู่สมรสที่กำลังโต้เถียง ดิ่งลงสู่วงจรทางลบ 00:14:21.905 --> 00:14:23.819 และตกอยู่ในภาวะหมิ่นเหม่ที่จะหย่าร้าง 00:14:23.819 --> 00:14:28.107 มีแบบแผนทางคณิตศาสตร์ เหมือนการเริ่มต้นสงครามนิวเคลียร์ 00:14:28.107 --> 00:14:30.606 (เสียงหัวเราะ) NOTE Paragraph 00:14:30.606 --> 00:14:33.159 แต่ตัวแปรที่สำคัญจริงๆ ในสมการนี้คือ 00:14:33.159 --> 00:14:35.877 อิทธิพลที่ทั้งสองฝ่ายมีต่อกัน 00:14:35.877 --> 00:14:38.900 พูดให้เจาะจงลงไปคือ สิ่งที่เรียกว่า ขีดจำกัดความอดทนต่อเรื่องทางลบ 00:14:38.900 --> 00:14:40.579 ขีดจำกัดความอดทนต่อเรื่องทางลบนี้ 00:14:40.579 --> 00:14:45.072 ก็คือสามีจะทำตัวน่ารำคาญได้มากแค่ไหน 00:14:45.072 --> 00:14:49.254 ก่อนที่ภรรยาจะเริ่มหงุดหงิด หรือในทางกลับกัน 00:14:49.254 --> 00:14:54.408 ฉันเองเคยคิดว่าชีวิตแต่งงานที่ดี ต้องประนีประนอมและเข้าใจกัน 00:14:54.408 --> 00:14:57.261 และยอมให้อีกฝ่ายหนึ่งมีพื้นที่ เป็นตัวของตัวเอง 00:14:57.261 --> 00:15:00.558 ฉันเลยคิดว่า ความสัมพันธ์ ที่ประสบความสำเร็จที่สุดนั้น 00:15:00.558 --> 00:15:04.024 คือความสัมพันธ์ที่ทั้งสองฝ่าย มีขีดจำกัดความอดทนต่อเรื่องทางลบสูง 00:15:04.024 --> 00:15:05.692 คู่สมรสต่างปล่อยเรื่องไม่พอใจผ่านไป 00:15:05.692 --> 00:15:08.487 จะพูดออกมาก็เฉพาะเรื่องใหญ่ๆ เท่านั้น 00:15:08.487 --> 00:15:12.023 แต่ที่จริงแล้ว คณิตศาสตร์และ ข้อค้นพบจากทีมวิจัยของก็อตแมน 00:15:12.023 --> 00:15:15.318 แสดงว่าความจริงกลับเป็นตรงกันข้าม 00:15:15.318 --> 00:15:17.707 คู่สมรสที่ดีที่สุด หรือประสบความสำเร็จในชีวิตคู่มากที่สุด 00:15:17.707 --> 00:15:21.519 คือคู่ที่มีขีดจำกัดความอดทน ต่อเรื่องทางลบต่ำ 00:15:21.519 --> 00:15:25.378 ที่ไม่ปล่อยให้ปัญหาอะไรเล็ดลอดสายตา 00:15:25.378 --> 00:15:28.399 และเปิดโอกาสให้ต่างฝ่ายต่างได้บ่น 00:15:28.399 --> 00:15:33.733 เป็นคู่ที่พยายามซ่อมแซมความสัมพันธ์ ของตนเองอย่างต่อเนื่อง 00:15:33.733 --> 00:15:36.418 มีมุมมองทางบวกต่อชีวิตสมรสของตน 00:15:36.418 --> 00:15:38.516 คู่สมรสที่ไม่ปล่อยอะไรผ่านไป 00:15:38.516 --> 00:15:44.426 ไม่ปล่อยให้เรื่องเล็กๆ น้อยๆ กลายเป็นเรื่องใหญ่โต NOTE Paragraph 00:15:44.426 --> 00:15:50.023 ทีนี้ แน่ละ มันต้องมีอะไรมากกว่า การมีขีดจำกัดความอดทนต่อเรื่องทางลบต่ำ 00:15:50.023 --> 00:15:54.162 และการไม่ประนีประนอม ที่ทำให้มีความสัมพันธ์ที่ประสบความสำเร็จ 00:15:54.162 --> 00:15:56.650 แต่ฉันคิดว่ามันน่าสนใจมาก 00:15:56.650 --> 00:15:59.053 ที่รู้ว่าจริงๆ มันมีหลักฐานทางคณิตศาสตร์ 00:15:59.053 --> 00:16:02.480 ที่บอกว่า คุณไม่ควรปล่อย ความโกรธให้คงอยู่ข้ามคืน NOTE Paragraph 00:16:02.480 --> 00:16:04.188 นั่นคือเคล็ดลับเด็ดสุดสามข้อของฉัน 00:16:04.188 --> 00:16:07.383 ว่าคณิตศาสตร์สามารถช่วยคุณในเรื่อง ความรักและความสัมพันธ์ได้อย่างไร 00:16:07.383 --> 00:16:09.826 แต่ฉันหวังว่า นอกจากประโยชน์ ในฐานะเคล็ดลับแล้ว 00:16:09.826 --> 00:16:13.928 มันคงช่วยให้คุณเข้าใจพลังของคณิตศาสตร์ มากขึ้นอีกนิดหนึ่ง 00:16:13.928 --> 00:16:18.293 เพราะสำหรับฉัน สมการและสัญลักษณ์ ไม่ใช่แค่สิ่งของ 00:16:18.293 --> 00:16:23.119 มันคือเสียงที่เล่าเรื่อง ความรุ่มรวยอันน่าเหลือเชื่อของธรรมชาติ 00:16:23.119 --> 00:16:24.929 และความเรียบง่ายอย่างน่าทึ่ง 00:16:24.929 --> 00:16:29.384 ในแบบแผนที่บิด หมุน โค้งงอ และค่อยๆ พัฒนาขึ้นรอบตัวเรา 00:16:29.384 --> 00:16:32.187 จากวิถีของโลก และพฤติกรรมของเรา 00:16:32.187 --> 00:16:34.485 ฉันจึงหวังว่า บางที สำหรับพวกคุณบางคน 00:16:34.485 --> 00:16:36.926 ความเข้าใจที่ลึกซึ้งเล็กๆ น้อยๆ ที่ได้จาก คณิตศาสตร์แห่งความรักนี้ 00:16:36.926 --> 00:16:40.134 คงสามารถโน้มน้าวให้คุณ รักคณิตศาสตร์มากขึ้นอีกสักนิด 00:16:40.134 --> 00:16:41.521 ขอบคุณค่ะ 00:16:41.521 --> 00:16:43.815 (เสียงปรบมือ)