1 00:00:00,000 --> 00:00:02,000 สิ่งที่มนุษย์เราสร้างขึ้น 2 00:00:02,000 --> 00:00:05,000 มีคุณสมบัติพิเศษสุดอย่างหนึ่ง 3 00:00:05,000 --> 00:00:07,000 นั่นคือ มันอายุยืนยาวกว่าเรา 4 00:00:07,000 --> 00:00:09,000 เราล้มหายตายจาก มันอยู่รอด 5 00:00:09,000 --> 00:00:12,000 เรามีหนึ่งชีวิต มันมีหลายชีวิต 6 00:00:12,000 --> 00:00:15,000 และในแต่ละชีวิต มันมีความหมายได้หลากหลาย 7 00:00:15,000 --> 00:00:18,000 ซึ่งหมายความว่า ในขณะที่เรามีชีวประวัติหนึ่งเดียว 8 00:00:18,000 --> 00:00:20,000 มันมีชีวประวัติมากมาย 9 00:00:20,000 --> 00:00:22,000 เช้าวันนี้ ผมอยากจะพูดถึง 10 00:00:22,000 --> 00:00:25,000 เรื่องราวหรือชีวประวัติอันหลากหลาย 11 00:00:25,000 --> 00:00:28,000 ของวัตถุชิ้นหนึ่ง 12 00:00:28,000 --> 00:00:30,000 วัตถุอันน่าทึ่ง 13 00:00:30,000 --> 00:00:32,000 ผมเห็นด้วย 14 00:00:32,000 --> 00:00:34,000 มันไม่ได้ดูพิเศษสักเท่าไหร่ 15 00:00:34,000 --> 00:00:37,000 ขนาดของมันประมาณลูกรักบี้ 16 00:00:37,000 --> 00:00:39,000 ถูกทำขึ้นจากดิน 17 00:00:39,000 --> 00:00:41,000 และขึ้นรูปเป็น 18 00:00:41,000 --> 00:00:44,000 ทรงกระบอก 19 00:00:44,000 --> 00:00:46,000 ปกคลุมไปด้วยตัวอักษรแน่นขนัด 20 00:00:46,000 --> 00:00:49,000 จากนั้นถูกนำไปตากแดดจนแห้ง 21 00:00:49,000 --> 00:00:51,000 แล้วก็อย่างที่คุณเห็น 22 00:00:51,000 --> 00:00:53,000 มันถูกกะเทาะออกไปบางส่วน 23 00:00:53,000 --> 00:00:55,000 ซึ่งไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจ 24 00:00:55,000 --> 00:00:58,000 เพราะมันถูกสร้างขึ้นตั้งแต่ 2,600 ปีก่อน 25 00:00:58,000 --> 00:01:00,000 และถูกขุดขึ้นมา 26 00:01:00,000 --> 00:01:02,000 ในปี 1879 27 00:01:02,000 --> 00:01:04,000 แต่ในปัจจุบัน 28 00:01:04,000 --> 00:01:06,000 ผมเชื่อว่าวัตถุชิ้นนี้ 29 00:01:06,000 --> 00:01:08,000 เป็นผู้เล่นหลัก 30 00:01:08,000 --> 00:01:10,000 ในการเมืองของโลกตะวันออกกลาง 31 00:01:10,000 --> 00:01:12,000 มันเป็นวัตถุที่ 32 00:01:12,000 --> 00:01:14,000 เต็มไปด้วยเรื่องราวอันน่าหลงใหล 33 00:01:14,000 --> 00:01:18,000 และเรื่องราวเหล่านั้นยังไม่สิ้นสุด 34 00:01:18,000 --> 00:01:20,000 จุดเริ่มของเรื่อง 35 00:01:20,000 --> 00:01:24,000 เกิดขึ้นในสงครามอิหร่าน-อิรัก 36 00:01:24,000 --> 00:01:26,000 ซึ่งรวมถึงเหตุการณ์ต่างๆ 37 00:01:26,000 --> 00:01:28,000 ที่นำไปสู่ 38 00:01:28,000 --> 00:01:30,000 การบุกอิรัก 39 00:01:30,000 --> 00:01:32,000 โดยกองกำลังต่างชาติ 40 00:01:32,000 --> 00:01:34,000 การโค่นล้มผู้นำเผด็จการ 41 00:01:34,000 --> 00:01:37,000 และการเปลี่ยนแปลงระบอบอย่างฉับพลัน 42 00:01:37,000 --> 00:01:39,000 ผมจึงอยากเริ่มต้นด้วย 43 00:01:39,000 --> 00:01:41,000 เรื่องราวตอนหนึ่งจากเหตุการณ์เหล่านั้น 44 00:01:41,000 --> 00:01:44,000 ซึ่งพวกคุณน่าจะคุ้นเคยกันดี 45 00:01:44,000 --> 00:01:46,000 งานเลี้ยงของเบลชัซซาร์ 46 00:01:46,000 --> 00:01:48,000 เรากำลังพูดถึงสงครามอิหร่าน-อิรัก 47 00:01:48,000 --> 00:01:51,000 เมื่อ 539 ปีก่อนคริสตกาล 48 00:01:51,000 --> 00:01:53,000 แต่ความสอดคล้องของเหตุการณ์ 49 00:01:53,000 --> 00:01:55,000 ในช่วง 539 ปีก่อนคริสตกาล 50 00:01:55,000 --> 00:01:58,000 กับปี 2003 และในระหว่างนั้น 51 00:01:58,000 --> 00:02:00,000 เป็นสิ่งที่น่าตกใจ 52 00:02:00,000 --> 00:02:02,000 นี่คือภาพของเรมแบรนด์ท 53 00:02:02,000 --> 00:02:04,000 ซึ่งตอนนี้อยู่ที่เนชันแนล แกลเลอรีในลอนดอน 54 00:02:04,000 --> 00:02:06,000 แสดงเรื่องราวจากพระคัมภีร์ฮีบรู 55 00:02:06,000 --> 00:02:09,000 ของโหรชื่อดาเนียล 56 00:02:09,000 --> 00:02:11,000 พวกคุณน่าจะพอรู้เรื่องราวอยู่แล้ว 57 00:02:11,000 --> 00:02:14,000 เบลชัซซาร์เป็นบุตรของเนบูชัดเนซซาร์ 58 00:02:14,000 --> 00:02:17,000 ผู้พิชิตอิสราเอล ปล้นนครเยรูซาเล็ม 59 00:02:17,000 --> 00:02:19,000 และกวาดต้อนชาวยิว 60 00:02:19,000 --> 00:02:21,000 กลับไปยังนครบาบิลอน 61 00:02:21,000 --> 00:02:24,000 นอกจากชาวยิว พระองค์ยังเอาวัตถุในวิหารกลับไปด้วย 62 00:02:24,000 --> 00:02:27,000 พระองค์ปล้นสะดมและทำลายวิหารต่างๆ 63 00:02:27,000 --> 00:02:30,000 ภาชนะทองคำล้ำค่าจากวิหารในเยรูซาเล็ม 64 00:02:30,000 --> 00:02:33,000 ถูกนำกลับไปยังบาบิลอน 65 00:02:33,000 --> 00:02:35,000 เบลชัซซาร์ บุตรของพระองค์ 66 00:02:35,000 --> 00:02:37,000 ตัดสินใจให้มีงานเฉลิมฉลองขึ้น 67 00:02:37,000 --> 00:02:39,000 และเพื่อให้เร้าใจกว่าเดิม 68 00:02:39,000 --> 00:02:42,000 พระองค์เพิ่มการดูหมิ่นสิ่งเคารพเข้าไปในงานรื่นเริง 69 00:02:42,000 --> 00:02:45,000 โดยนำภาชนะศักดิ์สิทธิ์ออกมาใช้ 70 00:02:45,000 --> 00:02:48,000 ขณะนั้นพระองค์เข้าสู่สงครามกับอิหร่านแล้ว 71 00:02:48,000 --> 00:02:50,000 กับกษัตริย์แห่งเปอร์เซีย 72 00:02:50,000 --> 00:02:53,000 และในคืนนั้นเอง ตามคำบันทึกของดาเนียล 73 00:02:53,000 --> 00:02:55,000 ขณะที่งานเลี้ยงกำลังสนุกสุดเหวี่ยง 74 00:02:55,000 --> 00:02:58,000 มีมือหนึ่งปรากฏขึ้นและเขียนลงบนผนังว่า 75 00:02:58,000 --> 00:03:01,000 "เจ้าได้ถูกชั่งบนตราชูและพบว่ายังพร่องอยู่ 76 00:03:01,000 --> 00:03:03,000 อาณาจักรของเจ้าจะถูกส่งต่อ 77 00:03:03,000 --> 00:03:05,000 ให้ชาวมีดส์และเปอร์เซีย" 78 00:03:05,000 --> 00:03:07,000 และในคืนนั้นเอง 79 00:03:07,000 --> 00:03:11,000 ไซรัส กษัตริย์แห่งเปอร์เซีย บุกเข้าบาบิลอน 80 00:03:11,000 --> 00:03:16,000 และระบอบของเบลชัซซาร์ก็จบสิ้นลง 81 00:03:16,000 --> 00:03:18,000 แน่นอนว่านั่นคือชั่วขณะอันยิ่งใหญ่ 82 00:03:18,000 --> 00:03:20,000 ในประวัติศาสตร์ 83 00:03:20,000 --> 00:03:22,000 ของชาวยิว 84 00:03:22,000 --> 00:03:24,000 มันเป็นเรื่องราวยิ่งใหญ่ ที่เราทุกคนรู้จักดี 85 00:03:24,000 --> 00:03:26,000 "ข้อความบนผนัง" 86 00:03:26,000 --> 00:03:29,000 ยังอยู่ในภาษาที่เราใช้กันทุกวันนี้ 87 00:03:29,000 --> 00:03:31,000 สิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากนั้น 88 00:03:31,000 --> 00:03:33,000 เป็นเรื่องน่าทึ่ง 89 00:03:33,000 --> 00:03:35,000 และเป็นจุดที่กระบอกของเรา 90 00:03:35,000 --> 00:03:37,000 เข้าไปเกี่ยวข้อง 91 00:03:37,000 --> 00:03:39,000 ไซรัส กษัตริย์แห่งเปอร์เซีย 92 00:03:39,000 --> 00:03:41,000 บุกเข้าบาบิลอนโดยไม่ต้องต่อสู้ 93 00:03:41,000 --> 00:03:43,000 อาณาจักรบาบิลอนอันยิ่งใหญ่ 94 00:03:43,000 --> 00:03:45,000 ซึ่งกินบริเวณตั้งแต่อิรักตอนใต้ 95 00:03:45,000 --> 00:03:47,000 ไปจรดทะเลเมดิเตอร์เรเนียน 96 00:03:47,000 --> 00:03:49,000 ตกเป็นของไซรัส 97 00:03:49,000 --> 00:03:53,000 และไซรัสได้ออกพระราชโองการ 98 00:03:53,000 --> 00:03:56,000 และนั่นคือสิ่งที่กระบอกนี้เป็น 99 00:03:56,000 --> 00:03:59,000 ประกาศิตของผู้นำที่ทำตามบัญชาของพระเจ้า 100 00:03:59,000 --> 00:04:03,000 ผู้โค่นล้มกษัตริย์อิรัก 101 00:04:03,000 --> 00:04:05,000 และกำลังจะนำเสรีภาพมาสู่ประชาชน 102 00:04:05,000 --> 00:04:07,000 เพื่อสื่อสารกับชาวบาบิโลเนีย 103 00:04:07,000 --> 00:04:09,000 มันจึงถูกเขียนขึ้นด้วยภาษาบาบิโลเนีย 104 00:04:09,000 --> 00:04:12,000 ไซรัสตรัสว่า "ข้าคือไซรัส กษัตริย์แห่งเอกภพทั้งมวล 105 00:04:12,000 --> 00:04:14,000 ราชาผู้ยิ่งใหญ่ ผู้ทรงอำนาจ 106 00:04:14,000 --> 00:04:18,000 กษัตริย์แห่งบาบิลอน เจ้าผู้ครองโลกทั้ง 4 ทิศ" 107 00:04:18,000 --> 00:04:21,000 คงเห็นนะครับว่าพวกเขาไม่อายที่จะพูดเกินจริง 108 00:04:21,000 --> 00:04:23,000 เป็นไปได้ว่านี่คือ 109 00:04:23,000 --> 00:04:25,000 ข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับแรก 110 00:04:25,000 --> 00:04:27,000 โดยกองทัพของผู้มีชัย 111 00:04:27,000 --> 00:04:29,000 เท่าที่เรามีอยู่ 112 00:04:29,000 --> 00:04:31,000 อีกเดี๋ยวเราจะได้เห็นว่า มันถูกเขียนขึ้น 113 00:04:31,000 --> 00:04:34,000 โดยนักประชาสัมพันธ์มากประสบการณ์ 114 00:04:34,000 --> 00:04:37,000 ฉะนั้นจะพูดเกินจริงไปสักหน่อยก็ไม่แปลกอะไร 115 00:04:37,000 --> 00:04:39,000 แล้วราชาผู้ยิ่งใหญ่ ผู้ทรงอำนาจ 116 00:04:39,000 --> 00:04:42,000 เจ้าผู้ครองโลกทั้ง 4 ทิศ จะทำอะไรหรือ 117 00:04:42,000 --> 00:04:45,000 ไซรัสตรัสต่อว่า เมื่อเอาชนะบาบิลอนได้ 118 00:04:45,000 --> 00:04:48,000 พระองค์จะปลดปล่อยผู้คน 119 00:04:48,000 --> 00:04:50,000 ที่เนบูชัดเนซซาร์และเบลชัซซาร์ 120 00:04:50,000 --> 00:04:52,000 จับตัวมาเป็นทาส 121 00:04:52,000 --> 00:04:54,000 ให้เป็นอิสระทันที 122 00:04:54,000 --> 00:04:56,000 พระองค์จะให้พวกเขาได้กลับดินแดนของตนเอง 123 00:04:56,000 --> 00:04:58,000 และที่สำคัญกว่านั้นคือ 124 00:04:58,000 --> 00:05:00,000 พระองค์จะให้พวกเขา 125 00:05:00,000 --> 00:05:02,000 ได้นำเทพเจ้า รูปปั้น 126 00:05:02,000 --> 00:05:04,000 และภาชนะศักดิ์สิทธิ์ 127 00:05:04,000 --> 00:05:06,000 ซึ่งถูกริบมา กลับคืนไป 128 00:05:06,000 --> 00:05:09,000 ผู้ที่เคยถูกกดขี่และถูกเนรเทศ 129 00:05:09,000 --> 00:05:11,000 จะได้กลับบ้าน 130 00:05:11,000 --> 00:05:14,000 พร้อมกับพระเจ้าของพวกเขา 131 00:05:14,000 --> 00:05:17,000 พวกเขาจะได้ฟื้นฟูแท่นบูชาขึ้ันมาใหม่ 132 00:05:17,000 --> 00:05:19,000 และบูชาพระเจ้าของตน 133 00:05:19,000 --> 00:05:22,000 ในวิถีทางและพื้นที่ของตัวเอง 134 00:05:22,000 --> 00:05:24,000 นี่คือพระราชโองการ 135 00:05:24,000 --> 00:05:27,000 ที่มีวัตถุชิ้นนี้เป็นหลักฐาน 136 00:05:27,000 --> 00:05:29,000 เกี่ยวกับความจริงที่ว่าชาวยิว 137 00:05:29,000 --> 00:05:31,000 หลังจากถูกเนรเทศมาอยู่บาบิลอน 138 00:05:31,000 --> 00:05:34,000 วันปีที่พวกเขาต้องนั่งอยู่ริมน้ำ 139 00:05:34,000 --> 00:05:37,000 คร่ำครวญหวนไห้ถึงนครเยรูซาเล็ม 140 00:05:37,000 --> 00:05:40,000 ชาวยิวเหล่านั้นได้รับอนุญาตให้กลับบ้าน 141 00:05:40,000 --> 00:05:42,000 พวกเขาได้รับอนุญาตให้กลับคืนสู่เยรูซาเล็ม 142 00:05:42,000 --> 00:05:44,000 และสามารถสร้างวิหารขึ้นใหม่ 143 00:05:44,000 --> 00:05:46,000 วัตถุชิ้นนี้คือเอกสารสำคัญ 144 00:05:46,000 --> 00:05:48,000 ในประวัติศาสตร์ชนชาติยิว 145 00:05:48,000 --> 00:05:52,000 พระธรรมพงศาวดารและเอสราในภาษาฮีบรู 146 00:05:52,000 --> 00:05:54,000 พูดถึงเหตุการณ์เดียวกันนี้ 147 00:05:54,000 --> 00:05:56,000 และนี่คือเรื่องราวเดียวกัน 148 00:05:56,000 --> 00:05:58,000 ในเวอร์ชั่นของชาวยิว 149 00:05:58,000 --> 00:06:00,000 "แล้วไซรัส กษัตริย์แห่งเปอร์เซีย จึงตรัสว่า 150 00:06:00,000 --> 00:06:03,000 'อาณาจักรทั้งปวงในโลกนี้ที่พระผู้เป็นเจ้ามอบให้แก่ท่าน 151 00:06:03,000 --> 00:06:05,000 พระองค์ทรงมีพระบัญชาให้ข้า 152 00:06:05,000 --> 00:06:07,000 สร้างพระนิเวศน์ของพระองค์ขึ้นในเยรูซาเล็ม 153 00:06:07,000 --> 00:06:09,000 ในเหล่าพวกท่าน ผู้ใดคือประชาชนของพระองค์ 154 00:06:09,000 --> 00:06:11,000 ขอพระองค์จงสถิตอยู่กับเขา 155 00:06:11,000 --> 00:06:14,000 และขอให้เขาขึ้นไปที่นั่น'" 156 00:06:14,000 --> 00:06:16,000 "ขึ้นไปที่นั่น" สู่พระเจ้า 157 00:06:16,000 --> 00:06:19,000 ใจความหลักยังคงเป็นเรื่องของ 158 00:06:19,000 --> 00:06:21,000 การหวนคืน 159 00:06:21,000 --> 00:06:23,000 ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญ 160 00:06:23,000 --> 00:06:25,000 ของศาสนายูดาย 161 00:06:25,000 --> 00:06:27,000 อย่างที่คุณรู้ การกลับคืนดินแดนในครั้งนั้น 162 00:06:27,000 --> 00:06:29,000 วิหารแห่งที่สอง 163 00:06:29,000 --> 00:06:31,000 ก่อร่างศาสนายูดายขึ้นมาใหม่ 164 00:06:31,000 --> 00:06:33,000 และความเปลี่ยนแปลงนั้น 165 00:06:33,000 --> 00:06:35,000 เหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์อันยิ่งใหญ่นั้น 166 00:06:35,000 --> 00:06:39,000 เกิดขึ้นได้ด้วยไซรัส กษัตริย์แห่งเปอร์เซีย 167 00:06:39,000 --> 00:06:42,000 ดังที่ถูกบันทึกไว้ในพระคัมภีร์ด้วยภาษาฮีบรู 168 00:06:42,000 --> 00:06:45,000 และบนแผ่นดินด้วยภาษาบาบิโลเนีย 169 00:06:45,000 --> 00:06:47,000 บันทึกสำคัญสองฉบับ 170 00:06:47,000 --> 00:06:49,000 เกี่ยวข้องอะไรกับเรื่องการเมือง 171 00:06:49,000 --> 00:06:51,000 สิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นคือจุดเปลี่ยนสำคัญ 172 00:06:51,000 --> 00:06:54,000 ในประวัติศาสตร์ตะวันออกกลาง 173 00:06:54,000 --> 00:06:57,000 อาณาจักรอิหร่านของชาวมีดส์และเปอร์เซีย 174 00:06:57,000 --> 00:06:59,000 รวมกันเป็นหนึ่งภายใต้ไซรัส 175 00:06:59,000 --> 00:07:03,000 มันกลายเป็นอาณาจักรยิ่งใหญ่แห่งแรกของโลก 176 00:07:03,000 --> 00:07:06,000 ไซรัสเริ่มปกครองในช่วง 530 ปีก่อนคริสตกาล 177 00:07:06,000 --> 00:07:10,000 และเมื่อถึงรัชสมัยของดาริอุส บุตรชายของพระองค์ 178 00:07:10,000 --> 00:07:13,000 ดินแดนฝั่งตะวันออกของทะเลเมดิเตอร์เรเนียน 179 00:07:13,000 --> 00:07:15,000 ล้วนตกอยู่ภายใต้อำนาจของเปอร์เซีย 180 00:07:15,000 --> 00:07:17,000 อาณาจักรแห่งนี้ แท้จริงก็คือ 181 00:07:17,000 --> 00:07:19,000 ดินแดนตะวันออกกลางที่เรารู้จักในปัจจุบัน 182 00:07:19,000 --> 00:07:22,000 และเป็นรากฐานของตะวันออกกลางอย่างที่เราเข้าใจ 183 00:07:22,000 --> 00:07:24,000 มันเป็นอาณาจักรที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่โลกเคยรู้จักในขณะนั้น 184 00:07:24,000 --> 00:07:26,000 ที่สำคัญยิ่งกว่าคือ 185 00:07:26,000 --> 00:07:28,000 มันเป็นรัฐแห่งแรก 186 00:07:28,000 --> 00:07:30,000 ที่หลอมรวมวัฒนธรรมและศรัทธาอันหลากหลาย 187 00:07:30,000 --> 00:07:32,000 ในระดับกว้าง 188 00:07:32,000 --> 00:07:34,000 การปกครองจึงต้องเป็นไปด้วยวิถีทางใหม่ 189 00:07:34,000 --> 00:07:36,000 ด้วยภาษาที่แตกต่างหลากหลาย 190 00:07:36,000 --> 00:07:39,000 เห็นได้จากการที่โองการนี้อยู่ในภาษาบาบิโลเนีย 191 00:07:39,000 --> 00:07:41,000 และรัฐนี้ยังต้องตระหนักถึงพฤติกรรมที่แตกต่าง 192 00:07:41,000 --> 00:07:44,000 ของผู้คน ศาสนา และศรัทธาอันหลากหลาย 193 00:07:44,000 --> 00:07:47,000 ซึ่งทั้งหมดได้รับการยอมรับจากไซรัส 194 00:07:47,000 --> 00:07:49,000 ไซรัสเป็นผู้ออกแบบ 195 00:07:49,000 --> 00:07:51,000 วิธีบริหารสังคม 196 00:07:51,000 --> 00:07:56,000 ที่เต็มไปด้วยความหลากหลายทางเชื้อชาติ ศรัทธา และวัฒนธรรม 197 00:07:56,000 --> 00:07:58,000 และผลลัพธ์ที่ตามมา 198 00:07:58,000 --> 00:08:01,000 คืออาณาจักรที่ครอบคลุมพื้นที่ที่คุณเห็นบนจอ 199 00:08:01,000 --> 00:08:04,000 และอยู่รอดอย่างมีเสถียรภาพมาถึง 200 ปี 200 00:08:04,000 --> 00:08:07,000 จนกระทั่งถูกตีแตกโดยอเล็กซานเดอร์ 201 00:08:07,000 --> 00:08:09,000 มันทิ้งความฝันของตะวันออกกลางที่เป็นหนึ่งเดียว 202 00:08:09,000 --> 00:08:11,000 ดินแดนที่ผู้คนซึ่งมีศรัทธาอันแตกต่าง 203 00:08:11,000 --> 00:08:13,000 สามารถอยู่ร่วมกันได้ 204 00:08:13,000 --> 00:08:15,000 การบุกรุกของกรีกดับความฝันนั้นลง 205 00:08:15,000 --> 00:08:18,000 แน่นอนว่า อเล็กซานเดอร์ไม่สามารถปกครองได้ 206 00:08:18,000 --> 00:08:20,000 ทำให้เปอร์เซียแตกออกเป็นส่วนๆ 207 00:08:20,000 --> 00:08:22,000 แต่สิ่งที่ไซรัสแสดงให้เห็น 208 00:08:22,000 --> 00:08:24,000 ยังคงเป็นหัวใจสำคัญ 209 00:08:24,000 --> 00:08:27,000 เซโนโฟน นักประวัติศาสตร์ชาวกรีก 210 00:08:27,000 --> 00:08:29,000 เขียนเอาไว้ในหนังสือ "ไซโรพีเดีย" 211 00:08:29,000 --> 00:08:31,000 ยกย่องไซรัสในฐานะผู้นำที่ยิ่งใหญ่ 212 00:08:31,000 --> 00:08:34,000 และในประวัติศาสตร์ตะวันตกหลังจากนั้น 213 00:08:34,000 --> 00:08:37,000 ไซรัสยังคงเป็นบุคคลต้นแบบ 214 00:08:37,000 --> 00:08:39,000 นี่คือภาพจากศตวรรษที่ 16 215 00:08:39,000 --> 00:08:41,000 เพื่อแสดงให้คุณเห็นว่าไซรัส 216 00:08:41,000 --> 00:08:44,000 เป็นที่เคารพอย่างกว้างขวางเพียงใด 217 00:08:44,000 --> 00:08:46,000 และหนังสือเกี่ยวกับไซรัสของซีโนโฟน 218 00:08:46,000 --> 00:08:49,000 ที่พูดถึงวิธีในการบริหารสังคมที่หลากหลาย 219 00:08:49,000 --> 00:08:51,000 ถือเป็นตำราสำคัญเล่มหนึ่ง 220 00:08:51,000 --> 00:08:53,000 ซึ่งเป็นแรงบันดาลใจให้กับเหล่าบิดาผู้สร้างชาติ 221 00:08:53,000 --> 00:08:55,000 สมัยการปฏิวัติอเมริกา 222 00:08:55,000 --> 00:08:57,000 เจฟเฟอร์สันคือหนึ่งในผู้ชื่นชม 223 00:08:57,000 --> 00:08:59,000 อุดมคติของไซรัสส่งอิทธิพล 224 00:08:59,000 --> 00:09:01,000 ต่อแนวคิดในสมัยศตวรรษที่ 18 อย่างเด่นชัด 225 00:09:01,000 --> 00:09:03,000 ถึงการสร้างขันติธรรมทางศาสนา 226 00:09:03,000 --> 00:09:06,000 ในรัฐใหม่ 227 00:09:08,000 --> 00:09:10,000 ในระหว่างนั้น กลับมาที่บาบิลอน 228 00:09:10,000 --> 00:09:12,000 สถานการณ์ไม่ได้ดำเนินไปด้วยดีนัก 229 00:09:12,000 --> 00:09:15,000 หลังจากอเล็กซานเดอร์และอาณาจักรอื่นๆ ล่มสลาย 230 00:09:15,000 --> 00:09:18,000 บาบิลอนเสื่อมลง กลายเป็นสิ่งปรักหักพัง 231 00:09:18,000 --> 00:09:22,000 และร่องรอยของอาณาจักรบาบิลอนอันยิ่งใหญ่ก็สูญหายไปจนสิ้น 232 00:09:22,000 --> 00:09:24,000 จนกระทั่งปี 1879 233 00:09:24,000 --> 00:09:27,000 เมื่อกระบอกนี้ถูกค้นพบ 234 00:09:27,000 --> 00:09:30,000 ในนครบาบิลอน โดยคณะนักโบราณคดีจากบริติช มิวเซียม 235 00:09:30,000 --> 00:09:33,000 ถึงตอนนี้ อีกเรื่องราวหนึ่งเกิดขึ้นมา 236 00:09:33,000 --> 00:09:35,000 และมันก็เข้าสู่วิวาทะครั้งใหญ่ 237 00:09:35,000 --> 00:09:37,000 ช่วงกลางศตวรรษที่ 19 -- 238 00:09:37,000 --> 00:09:40,000 คำบันทึกนั้นเชื่อถือได้หรือไม่ เราจะไว้ใจมันได้หรือเปล่า 239 00:09:40,000 --> 00:09:42,000 เรารู้เฉพาะเรื่องราว 240 00:09:42,000 --> 00:09:44,000 การคืนกลับถิ่นของชาวยิวและโองการของไซรัส 241 00:09:44,000 --> 00:09:46,000 จากพระคัมภีร์ในภาษาฮีบรู 242 00:09:46,000 --> 00:09:48,000 ไม่มีหลักฐานอื่นใดอีก 243 00:09:48,000 --> 00:09:50,000 แต่แล้ว วัตถุนี้ก็ปรากฏขึ้น 244 00:09:50,000 --> 00:09:52,000 สร้างความตื่นเต้น 245 00:09:52,000 --> 00:09:54,000 ให้กับโลกของผู้ที่เชื่อในพระคัมภีร์นั้น 246 00:09:54,000 --> 00:09:56,000 ผู้ซึ่งศรัทธาถูกทำให้สั่นคลอน 247 00:09:56,000 --> 00:09:58,000 โดยทฤษฎีวิวัฒนาการ ธรณีวิทยา 248 00:09:58,000 --> 00:10:00,000 นี่ไงคือหลักฐาน ว่าข้อความ 249 00:10:00,000 --> 00:10:02,000 ในพระคัมภีร์ถูกต้องจริงตามประวัติศาสตร์ 250 00:10:02,000 --> 00:10:05,000 มันเป็นชั่วขณะอันยิ่งใหญ่ในช่วงศตวรรษที่ 19 251 00:10:05,000 --> 00:10:10,000 แต่แน่นอนว่า นี่คือส่วนที่ทำให้เรื่องราวซับซ้อน 252 00:10:10,000 --> 00:10:12,000 สิ่งที่ถูกบันทึกไว้เป็นของแท้ 253 00:10:12,000 --> 00:10:15,000 น่ายินดีสำหรับโบราณคดี 254 00:10:15,000 --> 00:10:18,000 แต่การตีความนั้นค่อนข้างจะซับซ้อนกว่ามาก 255 00:10:18,000 --> 00:10:21,000 เหตุเพราะเนื้อหาบนกระบอกและในพระคัมภีร์ฮีบรู 256 00:10:21,000 --> 00:10:23,000 มีสิ่งหนึ่งที่ต่างกันในสาระสำคัญ 257 00:10:23,000 --> 00:10:25,000 กระบอกบาบิลอนถูกบันทึก 258 00:10:25,000 --> 00:10:27,000 โดยนักบวชผู้บูชามาร์ดุค 259 00:10:27,000 --> 00:10:29,000 พระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่แห่งบาบิลอน 260 00:10:29,000 --> 00:10:31,000 จึงไม่น่าแปลกใจที่เขาจะบอกคุณว่า 261 00:10:31,000 --> 00:10:33,000 มาร์ดุคคือผู้ที่ทำให้ทุกสิ่งเกิดขึ้น 262 00:10:33,000 --> 00:10:36,000 "มาร์ดุคที่เคารพ เรียกชื่อไซรัส" 263 00:10:36,000 --> 00:10:39,000 มาร์ดุคคว้ามือของไซรัส 264 00:10:39,000 --> 00:10:41,000 และตรัสสั่งให้ดูแลประชาชนของพระองค์ 265 00:10:41,000 --> 00:10:44,000 และมอบตำแหน่งผู้ปกครองแห่งบาบิลอนให้ 266 00:10:44,000 --> 00:10:46,000 มาร์ดุคตรัสกับไซรัสว่า 267 00:10:46,000 --> 00:10:48,000 เขาจะเป็นผู้กระทำสิ่งที่เอื้ออารีและยิ่งใหญ่ 268 00:10:48,000 --> 00:10:50,000 นั่นคือ การปลดปล่อยผู้คนให้เป็นอิสระ 269 00:10:50,000 --> 00:10:52,000 และนั่นคือเหตุผลว่าทำไมเราควรสำนึกในบุญคุณ 270 00:10:52,000 --> 00:10:54,000 และบูชามาร์ดุค 271 00:10:54,000 --> 00:10:56,000 สำหรับผู้บันทึกภาษาฮีบรู 272 00:10:56,000 --> 00:10:58,000 ในพันธสัญญาเก่า 273 00:10:58,000 --> 00:11:01,000 คุณจะไม่แปลกใจที่ได้รู้ว่า 274 00:11:01,000 --> 00:11:03,000 พวกเขาเห็นต่างออกไป 275 00:11:03,000 --> 00:11:05,000 แน่นอนว่าสำหรับพวกเขา 276 00:11:05,000 --> 00:11:07,000 หาใช่มาร์ดุคที่ทำให้เกิดเรื่องทั้งหมดขึ้น 277 00:11:07,000 --> 00:11:09,000 หากแต่เป็นพระยะโฮวาห์ 278 00:11:09,000 --> 00:11:11,000 ในพระธรรมอิสยาห์ 279 00:11:11,000 --> 00:11:13,000 มีบทบันทึกอันแสนวิเศษ 280 00:11:13,000 --> 00:11:15,000 ยกความดีความชอบทั้งหมด 281 00:11:15,000 --> 00:11:16,000 ไม่ใช่แด่มาร์ดุค 282 00:11:16,000 --> 00:11:19,000 หากมอบแด่พระผู้เป็นเจ้าแห่งอิสราเอล 283 00:11:19,000 --> 00:11:21,000 พระผู้เป็นเจ้าแห่งอิสราเอล 284 00:11:21,000 --> 00:11:23,000 ผู้เรียกขานชื่อของไซรัส 285 00:11:23,000 --> 00:11:26,000 และจับมือของไซรัสเอาไว้ 286 00:11:26,000 --> 00:11:28,000 บอกให้เขาช่วยดูแลคนของพระองค์ 287 00:11:28,000 --> 00:11:30,000 นี่เป็นตัวอย่างอันน่าทึ่ง 288 00:11:30,000 --> 00:11:34,000 ของการฉกฉวยอำนาจในการถ่ายทอด 289 00:11:34,000 --> 00:11:36,000 เหตุการณ์ทางการเมืองอันเดียวกัน 290 00:11:36,000 --> 00:11:38,000 ตามมุมมองของแต่ละศาสนา 291 00:11:38,000 --> 00:11:40,000 เราต่างรู้ว่า พระเจ้า 292 00:11:40,000 --> 00:11:42,000 มักอยู่ข้างคนหมู่มากเสมอ 293 00:11:42,000 --> 00:11:45,000 คำถามก็คือ พระเจ้าของใคร 294 00:11:45,000 --> 00:11:47,000 วิวาทะนี้สร้างความปั่นป่วน 295 00:11:47,000 --> 00:11:49,000 ให้กับทุกคนในช่วงศตวรรษที่ 19 296 00:11:49,000 --> 00:11:51,000 ที่ได้ทราบว่าบทบันทึกในคัมภีร์ฮีบรู 297 00:11:51,000 --> 00:11:54,000 เป็นส่วนหนึ่งของโลกที่กว้างกว่าโลกทางศาสนา 298 00:11:54,000 --> 00:11:56,000 และค่อนข้างชัดเจนว่า 299 00:11:56,000 --> 00:11:59,000 กระบอกเก่าแก่กว่าบทบันทึกในพระธรรมอิสยาห์ 300 00:11:59,000 --> 00:12:01,000 กระนั้นพระดำรัสของพระยะโฮวาห์ 301 00:12:01,000 --> 00:12:03,000 ช่างคล้ายคลึงกับคำพูดของ 302 00:12:03,000 --> 00:12:05,000 มาร์ดุคเหลือเกิน 303 00:12:05,000 --> 00:12:08,000 มีเงื่อนงำบางอย่างที่บอกว่าอิสยาห์รู้เห็นในเรื่องนี้ 304 00:12:08,000 --> 00:12:10,000 เพราะเขากล่าวว่า 305 00:12:10,000 --> 00:12:13,000 นี่คือพระดำรัสของพระเจ้า 306 00:12:13,000 --> 00:12:15,000 "ข้าเรียกชื่อของเจ้า 307 00:12:15,000 --> 00:12:17,000 แม้ว่าเจ้าอาจจะไม่รู้จักข้า" 308 00:12:17,000 --> 00:12:19,000 แสดงว่าเป็นที่รับรู้ว่า 309 00:12:19,000 --> 00:12:21,000 ไซรัสอาจไม่รู้ตัวเลยว่า 310 00:12:21,000 --> 00:12:24,000 กำลังกระทำการภายใต้บัญชาของพระยะโฮวาห์ 311 00:12:24,000 --> 00:12:27,000 และเขาคงจะประหลาดใจพอๆ กัน หากรู้ว่าตัวเองกำลังทำตามบัญชาของมาร์ดุค 312 00:12:27,000 --> 00:12:29,000 เพราะแน่นอนว่า 313 00:12:29,000 --> 00:12:31,000 ไซรัสเป็นชาวอิหร่านที่ดี 314 00:12:31,000 --> 00:12:33,000 ผู้ศรัทธาในพระเจ้าที่ต่างออกไป 315 00:12:33,000 --> 00:12:35,000 ซึ่งไม่ถูกกล่าวถึงเลยในบทบันทึกเหล่านั้น 316 00:12:35,000 --> 00:12:37,000 (เสียงหัวเราะ) 317 00:12:37,000 --> 00:12:39,000 นั่นคือปี 1879 318 00:12:39,000 --> 00:12:41,000 40 ปีถัดมา 319 00:12:41,000 --> 00:12:44,000 ตอนนี้เราอยู่ในปี 1917 320 00:12:44,000 --> 00:12:46,000 และกระบอกชิ้นนี้ได้เข้าสู่อีกโลกหนึ่ง 321 00:12:46,000 --> 00:12:48,000 เป็นโลกของการเมืองที่แท้จริง 322 00:12:48,000 --> 00:12:50,000 ในโลกร่วมสมัย 323 00:12:50,000 --> 00:12:53,000 ช่วงเวลาของปฏิญญาบอลโฟร์ 324 00:12:53,000 --> 00:12:56,000 ปีที่อังกฤษ เจ้าอาณานิคมใหม่ในตะวันออกกลาง 325 00:12:56,000 --> 00:12:58,000 ตัดสินใจว่าจะประกาศ 326 00:12:58,000 --> 00:13:00,000 มอบบ้านให้แก่ชาวยิว 327 00:13:00,000 --> 00:13:02,000 เพื่อให้ 328 00:13:02,000 --> 00:13:04,000 ชาวยิวได้กลับไป 329 00:13:04,000 --> 00:13:06,000 เสียงตอบรับต่อเรื่องนี้ 330 00:13:06,000 --> 00:13:09,000 โดยชาวยิวที่อาศัยอยู่ในยุโรปตะวันออกคือ เสียงสรรเสริญ 331 00:13:09,000 --> 00:13:11,000 ทั่วยุโรปตะวันออก 332 00:13:11,000 --> 00:13:13,000 ชาวยิวแสดงภาพของไซรัส 333 00:13:13,000 --> 00:13:15,000 และพระเจ้าจอร์จที่ 5 334 00:13:15,000 --> 00:13:17,000 เคียงข้างกัน 335 00:13:17,000 --> 00:13:19,000 ผู้ปกครองผู้ยิ่งใหญ่สองพระองค์ 336 00:13:19,000 --> 00:13:22,000 ผู้อนุญาตให้ชาวยิวคืนกลับสู่เยรูซาเล็ม 337 00:13:22,000 --> 00:13:25,000 กระบอกไซรัสปรากฏต่อสาธารณชนอีกครั้ง 338 00:13:25,000 --> 00:13:27,000 และเนื้อหาของกระบอก 339 00:13:27,000 --> 00:13:30,000 เป็นสิ่งที่แสดงให้เห็นว่าเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้น 340 00:13:30,000 --> 00:13:33,000 เมื่อสงครามสิ้นสุดลงในปี 1918 341 00:13:33,000 --> 00:13:36,000 เป็นส่วนหนึ่งของแผนการศักดิ์สิทธิ์ 342 00:13:36,000 --> 00:13:38,000 พวกคุณรู้ดีว่าเกิดอะไรขึ้น 343 00:13:38,000 --> 00:13:41,000 รัฐอิสราเอลก่อกำเนิดขึ้น 344 00:13:41,000 --> 00:13:44,000 และในอีก 50 ปีต่อมา ในช่วงปลายทศวรรษ 60 345 00:13:44,000 --> 00:13:47,000 บทบาทของอังกฤษในฐานะเจ้าอาณานิคมยุติลง 346 00:13:47,000 --> 00:13:50,000 และเรื่องราวใหม่ของกระบอกได้เริ่มต้นขึ้น 347 00:13:50,000 --> 00:13:52,000 อังกฤษและอเมริกาตัดสินใจว่าตะวันออกกลาง 348 00:13:52,000 --> 00:13:55,000 ต้องถูกป้องกันจากภัยคอมมิวนิสต์ 349 00:13:55,000 --> 00:13:58,000 อำนาจใหม่ที่จะถูกสร้างขึ้นเพื่อปฏิบัติภารกิจนี้ 350 00:13:58,000 --> 00:14:00,000 คืออิหร่าน ภายใต้พระเจ้าชาห์ 351 00:14:00,000 --> 00:14:03,000 พระเจ้าชาห์ได้สร้างประวัติศาสตร์อิหร่านขึ้นใหม่ 352 00:14:03,000 --> 00:14:05,000 หรือคืนกลับสู่ประวัติศาสตร์อิหร่าน 353 00:14:05,000 --> 00:14:08,000 โดยเข้าไปอยู่ในศูนย์กลางประเพณีอันยิ่งใหญ่ 354 00:14:08,000 --> 00:14:10,000 พร้อมทั้งผลิตเหรียญกษาปณ์ 355 00:14:10,000 --> 00:14:12,000 ที่แสดงตัวพระองค์ 356 00:14:12,000 --> 00:14:14,000 คู่กับกระบอกไซรัส 357 00:14:14,000 --> 00:14:17,000 เมื่อมีการจัดงานเฉลิมฉลองที่นครเปอร์เซโปลิส 358 00:14:17,000 --> 00:14:19,000 พระองค์ต้องการกระบอกดังกล่าว 359 00:14:19,000 --> 00:14:22,000 โดยขอยืมจากบริติช มิวเซียม กระบอกไซรัสจึงเดินทางไปยังเตหะราน 360 00:14:22,000 --> 00:14:24,000 และเป็นส่วนหนึ่งของการเฉลิมฉลองอันยิ่งใหญ่ 361 00:14:24,000 --> 00:14:27,000 ของราชวงศ์ปาห์ลาวี 362 00:14:27,000 --> 00:14:30,000 กระบอกไซรัสเป็นเครื่องรับรองพระเจ้าชาห์ 363 00:14:30,000 --> 00:14:33,000 10 ปีต่อมา เกิดอีกเรื่องราวขึ้น 364 00:14:33,000 --> 00:14:35,000 นั่นคือการปฏิวัติอิหร่านในปี 1979 365 00:14:35,000 --> 00:14:37,000 ในสมัยการปฏิวัติอิสลาม ไม่มีไซรัสอีกต่อไป 366 00:14:37,000 --> 00:14:39,000 พวกเราไม่สนใจประวัติศาสตร์นั้น 367 00:14:39,000 --> 00:14:42,000 เราสนแค่อิหร่านในฐานะที่เป็นรัฐอิสลาม 368 00:14:42,000 --> 00:14:44,000 จนกระทั่งอิรัก 369 00:14:44,000 --> 00:14:47,000 มหาอำนาจใหม่ที่เราเลือกให้ปกครองภูมิภาคดังกล่าว 370 00:14:47,000 --> 00:14:49,000 บุกรุกอิหร่าน 371 00:14:49,000 --> 00:14:51,000 เกิดเป็นสงครามอิหร่าน-อิรักอีกครั้ง 372 00:14:51,000 --> 00:14:53,000 ถึงตอนนี้เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับชาวอิหร่าน 373 00:14:53,000 --> 00:14:56,000 ที่จะจดจำประวัติศาสตร์ของตน 374 00:14:56,000 --> 00:14:58,000 อดีตอันยิ่งใหญ่ 375 00:14:58,000 --> 00:15:01,000 สมัยที่พวกเขาต่อสู้และเอาชนะอิรักได้ 376 00:15:01,000 --> 00:15:03,000 พวกเขาจำเป็นต้องหาสัญลักษณ์ 377 00:15:03,000 --> 00:15:06,000 ที่จะหลอมรวมชาวอิหร่านท้งหมดเข้าไว้ด้วยกัน 378 00:15:06,000 --> 00:15:08,000 ทั้งที่เป็นมุสลิม และไม่ใช่มุสลิม 379 00:15:08,000 --> 00:15:11,000 ชาวคริสต์ พวกบูชาไฟ และชาวยิวที่อาศัยอยู่ในอิหร่าน 380 00:15:11,000 --> 00:15:13,000 ผู้คนที่มีศรัทธา รวมทั้งที่ไม่มี 381 00:15:13,000 --> 00:15:16,000 ไซรัสคือสัญลักษณ์ที่ชัดเจนนั้น 382 00:15:16,000 --> 00:15:19,000 ด้วยเหตุนี้ เมื่อบริติช มิวเซียมและพิพิธภัณฑ์แห่งชาติเตหะราน 383 00:15:19,000 --> 00:15:21,000 ร่วมมือและทำงานร่วมกัน 384 00:15:21,000 --> 00:15:23,000 ชาวอิหร่านร้องขอเพียงสิ่งเดียวเท่านั้น 385 00:15:23,000 --> 00:15:25,000 ที่จะขอยืม 386 00:15:25,000 --> 00:15:27,000 วัตถุเพียงชิ้นเดียวที่พวกเขาต้องการ 387 00:15:27,000 --> 00:15:29,000 คือกระบอกไซรัส 388 00:15:29,000 --> 00:15:31,000 และในปีที่แล้ว 389 00:15:31,000 --> 00:15:35,000 กระบอกไซรัสได้เดินทางสู่เตหะราน 390 00:15:35,000 --> 00:15:38,000 เป็นครั้งที่สอง 391 00:15:38,000 --> 00:15:41,000 มันถูกแสดงโดยใส่ไว้ในกล่องดังที่เห็นอยู่นี้โดย 392 00:15:41,000 --> 00:15:44,000 ผู้อำนวยการของพิพิธภัณฑ์แห่งชาติเตหะราน 393 00:15:44,000 --> 00:15:47,000 ผู้หญิงอิหร่านเพียงไม่กี่คนที่ได้อยู่ในตำแหน่งสูง 394 00:15:47,000 --> 00:15:49,000 เธอคือคุณอาร์ดากานิ 395 00:15:49,000 --> 00:15:51,000 มันเป็นงานใหญ่ 396 00:15:51,000 --> 00:15:54,000 นี่คืออีกด้านของภาพเดียวกัน 397 00:15:54,000 --> 00:15:57,000 กระบอกถูกแสดงในเตหะราน 398 00:15:57,000 --> 00:15:59,000 สู่สายตาของประชาชนหนึ่งถึงสองล้านคน 399 00:15:59,000 --> 00:16:01,000 ในช่วงเวลาเพียงไม่กี่เดือน 400 00:16:01,000 --> 00:16:03,000 นี่เป็นนิทรรศการที่ได้รับความนิยมยิ่งกว่า 401 00:16:03,000 --> 00:16:05,000 นิทรรศการยอดฮิตใดๆในโลกตะวันตก 402 00:16:05,000 --> 00:16:08,000 และกลายเป็นกระเด็นที่มีการถกเถียงกันมาก 403 00:16:08,000 --> 00:16:11,000 ว่ากระบอกหมายความว่าอย่างไร ไซรัสหมายถึงอะไร 404 00:16:11,000 --> 00:16:14,000 แต่เหนือสิ่งอื่นใด ไซรัสที่ถูกสร้างขึ้นผ่านกระบอกนี้ 405 00:16:14,000 --> 00:16:17,000 ไซรัสในฐานะผู้ปกป้องมาตุภูมิ 406 00:16:17,000 --> 00:16:19,000 และแน่นอน ในฐานะสัญลักษณ์ของอัตลักษณ์อิหร่าน 407 00:16:19,000 --> 00:16:21,000 และของชาวอิหร่าน 408 00:16:21,000 --> 00:16:23,000 ผู้มีขันติธรรมต่อทุกศรัทธา 409 00:16:23,000 --> 00:16:25,000 กระทั่งอิหร่านในปัจจุบัน 410 00:16:25,000 --> 00:16:28,000 พวกลัทธิบูชาไฟและชาวคริสต์ล้วนมีที่นั่ง 411 00:16:28,000 --> 00:16:31,000 ในรัฐสภาอิหร่าน ซึ่งเป็นสิ่งที่น่าภาคภูมิใจเป็นอย่างยิ่ง 412 00:16:31,000 --> 00:16:34,000 เพื่อชมวัตถุชิ้นนี้ในเตหะราน 413 00:16:34,000 --> 00:16:36,000 ชาวยิวหลายพันคนที่อาศัยอยู่ในอิหร่าน 414 00:16:36,000 --> 00:16:38,000 เดินทางมาเตหะรานเพื่อชมมัน 415 00:16:38,000 --> 00:16:40,000 มันกลายเป็นสัญลักษณ์อันยิ่งใหญ่ 416 00:16:40,000 --> 00:16:42,000 เป็นหัวข้อวิวาทะว่าอิหร่านในสายตาอิหร่าน 417 00:16:42,000 --> 00:16:45,000 และอิหร่านในสายตาโลกภายนอกเป็นอย่างไร 418 00:16:45,000 --> 00:16:48,000 ยังเป็นอิหร่านที่ต่อสู้เพื่อผู้ที่ถูกกดขี่หรือไม่ 419 00:16:48,000 --> 00:16:50,000 อิหร่านจะปลดปล่อยผู้คนที่ทรราช 420 00:16:50,000 --> 00:16:53,000 จับมาเป็นทาสและยึดครองดินแดนไปหรือไม่ 421 00:16:53,000 --> 00:16:56,000 นี่คือโวหารระดับชาติที่ถูกนำเสนออย่างมุ่งมั่น 422 00:16:56,000 --> 00:16:58,000 และทั้งหมดถูกนำมารวมอยู่ด้วยกัน 423 00:16:58,000 --> 00:17:00,000 ในงานมหรสพยิ่งใหญ่ 424 00:17:00,000 --> 00:17:02,000 เพื่อฉลองการกลับมาของกระบอก 425 00:17:02,000 --> 00:17:05,000 ที่คุณเห็นคือกระบอกไซรัสขนาดใหญ่บนเวที 426 00:17:05,000 --> 00:17:08,000 พร้อมตัวละครสำคัญๆ ในประวัติศาสตร์อิหร่าน 427 00:17:08,000 --> 00:17:10,000 ที่มารวมตัวกันเพื่อมีส่วนร่วม 428 00:17:10,000 --> 00:17:13,000 ในมรดกของชาติอิหร่าน 429 00:17:13,000 --> 00:17:15,000 มันคือเรื่องราวที่ถูกนำเสนอ 430 00:17:15,000 --> 00:17:18,000 ด้วยตัวประธานาธิบดีเอง 431 00:17:18,000 --> 00:17:20,000 สำหรับผม 432 00:17:20,000 --> 00:17:22,000 การนำวัตถุชิ้นนี้ไปยังอิหร่าน 433 00:17:22,000 --> 00:17:24,000 การได้รับมอบหมายให้นำวัตถุชิ้นนี้ไปอิหร่าน 434 00:17:24,000 --> 00:17:26,000 ถือเป็นการได้เป็นส่วนหนึ่ง 435 00:17:26,000 --> 00:17:28,000 ของวิวาทะอันแสนวิเศษนี้ 436 00:17:28,000 --> 00:17:30,000 ซึ่งถูกนำไปสู่จุดสูงสุด 437 00:17:30,000 --> 00:17:32,000 ว่าอิหร่านคืออะไร 438 00:17:32,000 --> 00:17:35,000 มีอิหร่านอยู่กี่แบบ 439 00:17:35,000 --> 00:17:37,000 มีประวัติศาสตร์ใดบ้างของอิหร่าน 440 00:17:37,000 --> 00:17:40,000 ที่อาจส่งผลต่อโลกทุกวันนี้ 441 00:17:40,000 --> 00:17:43,000 นี่คือวิวาทะที่ยังไม่สิ้นสุด 442 00:17:43,000 --> 00:17:45,000 และจะยังคงดำเนินต่อไป 443 00:17:45,000 --> 00:17:47,000 เพราะวัตถุชิ้นนี้ 444 00:17:47,000 --> 00:17:49,000 ถือเป็นคำประกาศที่ยิ่งใหญ่ 445 00:17:49,000 --> 00:17:51,000 ถึงแรงปรารถนาของมนุษย์ 446 00:17:51,000 --> 00:17:55,000 มันยืนอยู่เคียงคู่รัฐธรรมนูญอเมริกา 447 00:17:55,000 --> 00:17:58,000 มันพูดถึงเรื่องเสรีภาพที่แท้จริงมากกว่า 448 00:17:58,000 --> 00:18:00,000 ธรรมนูญแม็คนา คาร์ตา 449 00:18:00,000 --> 00:18:03,000 มันเป็นเอกสารที่มีความหมายได้หลายอย่าง 450 00:18:03,000 --> 00:18:06,000 ทั้งกับอิหร่านและตะวันออกกลาง 451 00:18:06,000 --> 00:18:08,000 แบบจำลองของกระบอกนี้ 452 00:18:08,000 --> 00:18:10,000 อยู่ที่องค์การสหประชาชาติ 453 00:18:10,000 --> 00:18:13,000 มันจะถูกแสดงในนิวยอร์กช่วงฤดูใบไม่ร่วงนี้ 454 00:18:13,000 --> 00:18:15,000 เมื่อการถกเถียงสำคัญ 455 00:18:15,000 --> 00:18:18,000 เกี่ยวกับอนาคตของตะวันออกกลางเริ่มขึ้น 456 00:18:18,000 --> 00:18:20,000 ผมอยากจบโดยการถามคุณว่า 457 00:18:20,000 --> 00:18:22,000 เรื่องราวต่อไปจะเป็นอย่างไร 458 00:18:22,000 --> 00:18:24,000 ที่มีวัตถุนี้เข้าไปเกี่ยวข้อง 459 00:18:24,000 --> 00:18:26,000 แน่นอนว่า กระบอกนี้จะปรากฏ 460 00:18:26,000 --> 00:18:28,000 ในอีกหลายเรื่องราวของโลกตะวันออกกลาง 461 00:18:28,000 --> 00:18:30,000 เรื่องราวใดในตะวันออกกลาง 462 00:18:30,000 --> 00:18:32,000 เรื่องราวใดในโลก 463 00:18:32,000 --> 00:18:34,000 ที่คุณอยากเห็น 464 00:18:34,000 --> 00:18:36,000 ซึ่งสะท้อนถ้อยคำ 465 00:18:36,000 --> 00:18:38,000 และความหมายบนกระบอกนี้ 466 00:18:38,000 --> 00:18:40,000 สิทธิของผู้คน 467 00:18:40,000 --> 00:18:42,000 ที่จะอยู่ร่วมในรัฐเดียวกัน 468 00:18:42,000 --> 00:18:44,000 โดยนับถือความเชื่อที่แตกต่างอย่างเสรี 469 00:18:44,000 --> 00:18:46,000 ตะวันออกกลางหรือโลก 470 00:18:46,000 --> 00:18:48,000 ที่ศาสนาไม่ได้เป็นสิ่งขวางกั้น 471 00:18:48,000 --> 00:18:51,000 หรือความขัดแย้ง 472 00:18:51,000 --> 00:18:54,000 อย่างที่คุณรู้ โลกตะวันออกกลางขณะนี้ 473 00:18:54,000 --> 00:18:57,000 ความขัดแย้งดังกล่าวเป็นไปอย่างเข้มข้น 474 00:18:57,000 --> 00:18:59,000 แต่ผมยังเชื่อว่ามันเป็นไปได้ 475 00:18:59,000 --> 00:19:03,000 ที่เสียงที่มีอำนาจและปราดเปรื่องที่สุดในสังคมนั้น 476 00:19:03,000 --> 00:19:05,000 จะเป็นเสียงเดียวกับ 477 00:19:05,000 --> 00:19:07,000 วัตถุที่เงียบงันนี้ 478 00:19:07,000 --> 00:19:09,000 กระบอกไซรัส 479 00:19:09,000 --> 00:19:11,000 ขอบคุณครับ 480 00:19:11,000 --> 00:19:15,000 (เสียงปรบมือ)