ตอนที่ฉันตั้งครรภ์ ฉันหงุดหงิดมาก ห้ามทานเนื้อสำเร็จรูป ไปตรวจครรภ์แบบนี้สิ ทำไมคุณตัดสินใจแบบนั้น ทำไมไม่ตัดสินใจแบบนี้ ฉันรู้สึกเหมือนถูกสั่งให้ทำนู่นทำนี่ และไม่รู้ว่าทำไม [วิถีที่เราทำงาน] บางครั้งในโลกสมัยใหม่ของการเป็นพ่อแม่ เราเหมือนจะไม่มีทางชนะมันได้เลย หากเรากลับไปทำงาน เราจะมีเวลากับลูกน้อยลง จะเกิดอะไรขึ้นถ้าพวกเขาไม่ได้รับความสนใจ ที่ต้องการเพื่อการเติบโต ถ้าฉันอยู่บ้านและหันหลัง ให้กับช่องทางรายได้ ฉันจะมองย้อนกลับมาเมื่อลูก ๆ โตแล้ว จะเสียใจไหม มีคำแนะนำที่ขัดแย้งกันเองมากมาย ระหว่างการอยู่บ้าน หรือการกลับไปทำงาน ดังนั้นการเลือกระหว่างสองสิ่งนี้ มักจะสับสนและสะเทือนอารมณ์ คุณรักลูก และต้องการสิ่งที่ดีที่สุดให้กับพวกเขา แต่คุณจะเลือกสิ่งที่ดีที่สุดได้อย่างไร ในเมื่อทุกคนมีความเห็นที่แตกต่างกัน ครอบครัวสามารถมีพ่อแม่ได้หลายแบบ ฉันคิดว่าแต่ละครอบครัว ต้องตั้งคำถาม ว่ามันสมเหตุสมผลไหมถ้าฝ่ายชาย จะอยู่บ้าน แต่ในความเป็นจริงในปัจจุบัน การพูดถึงการที่พ่อหรือแม่จะเป็นคนอยู่บ้าน มักมุ่งไปที่ผู้หญิงฝ่ายเดียว และมักจะเป็นผู้หญิงที่พูดว่า พวกเขารู้สึก ว่าสิ่งที่พวกเขาทำในแต่ละวัน จะถูกนำไปตัดสินตัวตน ว่าพวกเขาเป็นคนและเป็นแม่แบบไหน มันเป็นภาระอันหนักอึ้ง ที่คุณแบกไว้ในฐานะแม่ และเมื่อคนอื่นมองคุณด้วยหางตา ตอนที่คุณบอกว่ากำลัง จะการกลับไปทำงานหรือไม่นั้น มันทำลายความมั่นใจของคุณลงได้ ฉันเลยตัดสินใจ ที่จะค้นหาอย่างลึกซึ้งว่า การอยู่บ้านหรือการกลับไปทำงาน แบบไหนจะดีกว่ากัน ใช่ค่ะ มันเป็นการตัดสินใจ ที่สะเทือนอารมณ์ แต่ในฐานะนักเศรษฐศาสตร์ ฉันเรียนรู้ว่าสามารถใช้ข้อมูล เพื่อช่วยหาทางออกให้กับการตัดสินใจแบบนี้ และช่วยให้เรามั่นใจว่าเราได้เลือก สิ่งที่ดีที่สุดให้กับครอบครัว มี 3 ปัจจัยที่คุณต้องคำนึงถึง ก่อนที่คุณจะตัดสินใจ อย่างแรก คุณต้องคิดถึง ผลกระทบของการตัดสินใจ ต่อรายได้ของครอบครัว เรามาดูตัวเลขกันค่ะ สมมติว่ารายได้ครัวเรือนคือ 100,000 ดอลลาร์ต่อปี โดยที่คุณและคู่สมรสมีรายได้ คนละ 50,000 นั่นแปลว่าครอบครัวคุณมีรายได้ 85,000 ดอลลาร์หลังจากหักภาษีแล้ว ถ้าคุณทั้งคู่ทำงาน และครอบครัวต้องจ่าย 1,500 ดอลลาร์ต่อเดือน เป็นค่าเลี้ยงเด็ก คุณจะมีรายได้ที่จับจ่ายได้สุทธิ 67,000 ดอลลาร์ต่อปี คุณตามฉันทันไหมคะ ถ้าคุณตัดสินใจอยู่บ้าน ครอบครัวของคุณจะมีรายได้ลดลง แต่ไม่ต้องจ่ายค่าดูแลเด็ก ๆ ในกรณีนี้ รายได้ที่จับจ่ายได้จะลดลง แต่ก็ไม่มากนักถ้าคุณไม่รวม ค่าเลี้ยงเด็ก มันจะซับซ้อนกว่านี้ ถ้าค่าใช้จ่าย ในการเลี้ยงเด็กของคุณสูงกว่านี้ ค่าพี่เลี้ยงเด็กเต็มเวลาอาจจะสูงถึง 40,000 - 50,000 ดอลลาร์ต่อปี ขึ้นอยู่กับที่ที่คุณอยู่ ถ้านั่นคือกรณีของคุณในสถานการณ์ ที่ฉันยกตัวอย่าง มันจะกินรายได้ทั้งหมด ของพ่อหรือแม่คนเดียว อาจจะดีกว่าในทางการเงิน หากคุณคนใดคนนึงอยู่บ้านดูแลลูก แน่นอนว่า นี่เป็นการวิเคราะห์แบบระยะสั้น ค่าเลี้ยงเด็กอาจจะถูกลง เมื่อเด็ก ๆ ไปโรงเรียน และคุณอาจจะมีรายได้เพิ่มขึ้นหลังจากนั้น ดังนั้น คุณควรจะคิดถึงเรื่องนี้ด้วย หลังจากที่คำนวณเสร็จแล้ว คุณจะรู้ว่าอะไรที่เป็นไปได้ และจะสามารถตัดสินใจ ด้วยข้อมูลที่ดีกว่า ซึ่งจะช่วยให้คุณรู้สึกมีพลัง สอง มันถึงเวลาแล้ว ที่จะพูดถึงสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับลูก ๆ คุณอาจจะคิดว่านี่ควรจะเป็นหัวใจสำคัญ ในการตัดสินใจ แต่คุณต้องรู้ว่า มันไม่มีคำตอบที่ถูกซะทีเดียว จากการศึกษาในยุโรปและสหรัฐ การตัดสินใจว่าจะอยู่บ้านหรือกลับไปทำงาน ไม่ได้ส่งผลต่ออนาคตและความสำเร็จ ของลูกของคุณ งานวิจัยพบว่าพ่อแม่ที่ทำงานเต็มเวลา ส่งผลต่อคะแนนสอบและรายได้ของลูก ๆ เหมือนกับพ่อแม่ที่คนนึงทำงานคนนึงอยู่บ้าน สิ่งที่มีความสำคัญมากที่สุด คือสภาพแวดล้อม รอบตัวลูกของคุณในยามว่างของพวกเขา ตราบใดที่พวกเขาทำกิจกรรมที่มีคุณค่า อย่างการอ่านหนังสือ ฝึกการเคลื่อนไหว มีปฏิสัมพันธ์กับเด็กคนอื่น ๆ พวกเขาก็จะเจริญเติบโต ไม่ว่าคุณจะอยู่หรือไม่อยู่บ้านก็ตาม มันมีความแตกต่างเล็กน้อย อย่างเช่น งานวิจัยพบว่า ถ้าพ่อและแม่ทำงาน จะส่งผลดีกับเด็กจากครอบครัว ที่รายได้ต่ำ และส่งผลดีน้อยกว่ากับเด็ก ที่มาจากครอบครัวรายได้สูง ดังนั้น มันขึ้นอยู่กับ โครงสร้างของครอบครัว ผลลัพธ์ต่อตัวเด็กอาจจะดีบ้าง หรืออาจจะเป็นผลเสียบ้าง แต่ก็ไม่ควรมองข้ามผลกระทบโดยรวม ฉันขอพูดถึงข้อยกเว้นหนึ่ง นั่นคือ การลาคลอด มีหลักฐานเพิ่มมากขึ้น ที่บอกว่าทารกเติบโตได้ดีกว่า เมื่อแม่ของพวกเขาใช้วันลาคลอด การใช้เวลาในช่วงแรกของชีวิตทารก มีผลต่อพัฒนาการของพวกเขา ดังนั้นถ้าคุณได้สิทธิการลาแบบได้เงินเดือน คุณควรใช้มัน แต่ถ้าไม่ได้สิทธิ คุณอาจจะลอง ใช้สิทธิการลาแบบไม่ได้รับเงิน ในช่วงสองสามเดือนแรก ในกรณีที่คุณมีเงินพอ และสุดท้าย ถามตัวเองว่าคุณต้องการอะไร นี่อาจจะดูเหมือนง่าย แต่มันกลับเป็นสิ่งที่พวกเรารู้สึกว่า ไม่ควรทำมากที่สุด ตอนที่คุยกับคนเป็นพ่อแม่ ฉันพบว่าเมื่อแม่เลือกอยู่บ้าน แม่คิดว่าเป็นหน้าที่ที่จะต้องพูดว่า เธอตัดสินใจแบบนี้ เพื่อพัฒนาการที่ดีที่สุดของลูก ซึ่งแน่นอนว่าอาจจะเป็นแค่เหตุผลส่วนเดียว แต่คำตอบที่ยอมรับได้คือ "นี่คือไลฟ์สไตล์ที่ฉันต้องการ" หรือ "มันเหมาะกับครอบครัวของฉัน" สิ่งเดียวกันนี้เกิดขึ้นกับแม่ที่ทำงาน แค่พูดว่า "ฉันรักงานของฉัน และ นั่นคือเหตุผลที่ฉันกลับไปทำงาน" ก็พอ มันเยี่ยมเลย ถ้าคุณอยากกลับไปทำงาน คุณโชคดีที่ได้ทำงานที่คุณรัก และคุณมีสิทธิทุกประการที่จะรักษามันไว้ เมื่อคุณเป็นแม่คนแล้ว ซื่อสัตย์กับตนเองเกี่ยวกับสิ่งที่คุณอยากทำ ถ้าคุณกล้าเผชิญความจริงแล้ว คุณก็จะมีความสุขมากขึ้นแน่นอน ซึ่งจะช่วยให้คุณเป็นแม่ในแบบที่ดีที่สุด ที่คุณจะเป็นได้ และนั่นสำคัญที่สุดไม่ใช่หรือ การเป็นพ่อแม่มันไม่มีถูกหรือผิด การตัดสินใจที่ดีที่สุดคือ การตัดสินใจที่ทำให้คุณและครอบครัว มีความสุขที่สุด ขึ้นอยู่กับคุณว่าจะทำอะไรให้เกิดขึ้น ด้วยการตระหนักว่า การเลือกอยู่บ้านหรือไม่ เป็นเพียงแค่ทางเลือก ที่มีปัจจัยกดดันคุณจากทุกทิศทุกทาง เราสามารถทิ้งความรู้สึกผิดและมีความสุข ในการทำสิ่งที่ดีที่สุดให้กับครอบครัว